The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อิทธิพลความเชื่อของสังคมไทยในยุคโลกาภิวัตน์ ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนในวิชาสังคมศึกษา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tuntikorn70, 2021-11-03 02:28:49

อิทธิพลความเชื่อของสังคมไทยในยุคโลกาภิวัตน์

อิทธิพลความเชื่อของสังคมไทยในยุคโลกาภิวัตน์ ส่งผลต่อการจัดการเรียนการสอนในวิชาสังคมศึกษา





คำนำ

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา 1104401 การเรียนรู้ในยุคโลกาภิวัตน์ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
พระนครศรีอยธุ ยา มีจุดประสงค์เพื่อจัดทำบทความเร่อื ง การสอนวชิ าสังคมศึกษาในยุคโลกาภวิ ัตน์ ในรายงาน ฉบับน้ี
จะประกอบไปด้วย วิวัฒนาการการศึกษาไทย การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่กับการสอนในปัจจบุ นั เทคโนโลยีกับการสอน
วิชาสังคมศึกษาเกีย่ วกบั ความเช่ือและวัฒนธรรม การสอนสังคมศึกษากับการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ ยกตัวอย่างความ
เชอ่ื วัฒนธรรม และหลักคำสอนต่าง ท่เี กดิ ขึ้นในสังคม และสรุปครูสงั คมกบั การสอนในโลกแหง่ เทคโนโลยี ผู้จดั ทำได้ทำ
การเกบ็ รวบรวมข้อมูลออนไลน์ ในเรอ่ื งอิทธิพลของความเช่ือในสังคมไทยที่ใช้ในการสอนผู้คนในสังคม โดยอ้างอิงจาก
กลุ่มสาระการ เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช
๒๕๕๒ ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน ทุก ๆ ท่านหากมีข้อเสนอแนะ หรือ
ขอ้ ผดิ พลาดประการใด ผจู้ ัดทำขออภัยไว้ ณ ที่นด้ี ว้ ย

ผู้จัดทำ
นาย ตนั ติกร วงษ์ทองดี

สารบญั ข

เร่ือง หน้า

คำนำ ก
สารบญั ข
บทนำ ค
การจดั การศึกษาไทย 1
การศึกษาของไทยสมยั โบราณ 1-2
การศกึ ษาในสมัยกรงุ ศรอี ยุธยา 3
การศกึ ษาในสมัยธนบรุ ีและรัตนโกสนิ ทรต์ อนต้น 3
การศึกษาของไทยสมัยปฏิรปู การศกึ ษา 3
การศึกษาสมัยปัจจบุ ัน 4
ความเชือ่ ของคนไทย 4
ประเภทของความเช่ือ 5
การเกิดและการเปล่ียนความเช่อื 6
ตัวอยา่ งของปัญหาและแนวทางในการนำเทคโนโลยีเขา้ มาปรบั ใชใ้ นการเรยี นการสอน 7-9
สรปุ เรอ่ื งการประยุกตก์ ารสอนสังคมศกึ ษาใหส้ อดคล้องกับยคุ โลกาภิวตั น์ 10
บรรณานกุ รม 11



บทนำ

ในยุคโลกาภิวตั นม์ ีผลกระทบตอ่ การดำเนนิ ชวี ิตของทุกคน รวมทัง้ ในระดบั ชมุ ชน สงั คม ประเทศ และในระดับ
นานาชาติ ซึ่งผลกระทบดังกล่าวมีทั้งด้านที่มีคุณประโยชน์และด้านที่เป็นโทษ สังคม หรือ ประเทศบางส่วนได้รับ
ประโยชนอ์ ยา่ งมากมายจากโลกาภิวัตน์ แตใ่ นขณะเดียวกนั หลายสงั คม หรอื หลายชนชาติมี ความเสยี เปรียบมากยิ่งข้ึน
จากการก้าวเข้าสยู่ ุคโลกาภวิ ัตนน์ ้นั หากพจิ ารณาดา้ นการศกึ ษาปัจจุบันกล่าวไดว้ ่า การศกึ ษาเปน็ ส่วนทีร่ ับผลจากโลกา
ภิวัตน์อย่างมาก แนวทางการจัดการศึกษาปัจจุบันมีความหลากหลายทั้งในรูปแบบและวิธีการ บริหารจัดการ โดย
เป้าหมายปลายทาง คือ ความมุ่งหวังที่จะให้ผู้เรียนที่เข้าสู่ระบบการศึกษาเป็นคนที่มี การศึกษาสามารถสร้าง
คุณลักษณะของความเป็นประชากรที่มีคุณภาพ ประชากรที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมเป็นผู้ท่ีเห็นคณุ ค่าของส่วนรวม
มากกวา่ สว่ นตน เป็นผทู้ มี่ สี ่วนร่วมอยา่ งสำคญั ในการธำรงรักษาขนบธรรมเนยี มประเพณีหรือวฒั นธรรมของตนเอง และ
ในขณะเดียวกันเปน็ ผ้ทู ่ียอมรบั และให้เกียรติผูท้ ี่มคี วามแตกต่างดว้ ย

การก้าวเข้าสู่โลกยุคโลกาภิวัตน์ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคมทำให้เกิดความ เจริญก้าวหน้า
วัฒนธรรมการพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน และมาตรฐานเดียวกันทั้งโลก เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มศักยภาพและองค์
ความรู้ ในทีนร้ี วมถึงผลกระทบอันเกิดกับภาคส่วนการศึกษาอันเป็นภาคสว่ นสำคัญของการ สร้างคนออกสู่สังคม เช่น
ทำให้การแลกเปลีย่ นเรียนรรู้ ะหว่างกันเกดิ ขน้ึ อย่าง กว้างขวาง การพัฒนาตอ่ ยอดองคค์ วามรู้สามารถทำไดอ้ ย่างสะดวก
และรวดเร็ว แต่ถึงอย่างไรการทีม่ ีขอ้ ดกี ็อาจจะมีขอ้ เสียบ้างในบางสว่ น เชน่ การท่มี เี ทคโนโลยีอาจจะทำให้เรอ่ื งของความ
เชอ่ื หรือหรือวัฒนธรรมทปี่ ฏบิ ัติสืบตอ่ กันมาลดลงไป

เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงไประบบการศึกษาจึงต้องเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ โลกหรืออาจ
สามารถจัดการศึกษาให้เปน็ ตวั นำของกระแสสงั คม ริเร่มิ ให้เป็นประโยชน์อยา่ งยิ่งต่อผู้ท่ีรับ การศึกษาในบทความน้ีจะ
กล่าวถึงความเปลี่ยนแปลงในเรื่องความเชื่อของผู้เรียนในยุคโลกาภิวตั น์ในประเทศไทย ว่าควรจะดำเนินการอย่างไร
เพื่อให้เห็นถึงทิศทางของการจัดการศึกษาในเรื่องของความเชื่อและวัฒนธรรมในสังคมไทย เพื่อในการจัดการศึกษา
สามารถได้สอดคล้องกับแนวทางการจัดการศึกษาในยุคโลกาภิวัตน์ ในส่วนของผู้ที่จะต้องรับการศึกษาอาจ เสนอ
แนวคิดแนวทางการจัดการศึกษาที่เห็นว่าควรจะต้องเพิ่มเติมหรืออาจจะต้องตัดบางส่วนที่ไม่เป็น ประโยชน์ในการ
ดำรงชวี ิตในยคุ โลกาภวิ ตั น์

ผูจ้ ัดทำ

นาย ตันติกร วงษท์ องดี

สาขาสังคมศึกษา

1

การจดั การศึกษาไทย

การจัดการศึกษาของประเทศไทยมีวิวัฒนาการมาตั้งแต่สมัยโบราณเร่ือยมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยความเชื่อที่ว่า
การศึกษาช่วยกำหนดทิศทางของชาติ เพือ่ พัฒนาคนไทยให้มีความพร้อมที่จะเป็นกำลังสำคัญสำหรบั การพฒั นาประเทศ
ให้เจริญกา้ วหน้า ความเปน็ มาของการศกึ ษาไทยมีประวัติทีน่ า่ สนใจแบ่งออกได้ 5 ช่วง ดงั นี้

1. การศึกษาของไทยสมยั โบราณ (พ.ศ. 1781 - พ.ศ. 2411)

- การศึกษาสมยั กรงุ สุโขทยั (พ.ศ. 1781 - พ.ศ. 1921)

- การศกึ ษาสมัยกรุงศรอี ยุธยา (พ.ศ. 1893 - พ.ศ. 2310)

- การศกึ ษาสมัยกรงุ ธนบรุ แี ละกรุงรตั นโกสินทรต์ อนต้น (พ.ศ. 2311 – พ.ศ. 2411)

2. การศกึ ษาของไทยสมัยปฏิรูปการศกึ ษา (พ.ศ. 2412 - พ.ศ. 2474)

3. การศึกษาของไทยสมัยการปกครองระบอบรฐั ธรรมนูญระยะแรก (พ.ศ. 2475 - พ.ศ. 2491)

4. การศึกษาไทยสมยั พัฒนาการศกึ ษา (พ.ศ. 2492 พ.ศ. 2534)

5. การศึกษาสมยั ปจั จุบัน (พ.ศ. 2535 ปจั จุบนั )

การจดั การศึกษาของไทยมีวิวัฒนาการมาโดยตลอด อาจจะเปน็ เพราะมปี ัจจัยทัง้ ภายในและภายนอกประเทศ
ทำให้สังคมมีการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ ปัจจัยภายในเกิดจากความต้องการพัฒนาสังคมให้มีความเจริญและทันสมัย
ส่วนปัจจยั ภายนอกเกิดจากกระแสความเปลย่ี นแปลงของสังคมโลก

การศึกษาของไทยสมยั โบราณ

การศึกษาสมัยน้ีเป็นการศึกษาแบบสบื ทอดวฒั นธรรมประเพณีที่มีมากแตเ่ ดิม จำเป็นที่คนไทยในสมัยนั้นต้อง
ขวนขวายหาความรู้จากผ้รู ใู้ นชมุ ชนต่างๆ ซึ่งการศึกษาในสมัยนม้ี บี า้ นและวัดเป็นศูนย์กลางของการศึกษา เช่น บ้านเป็น
สถานที่อบรมกลอ่ มเกลาจติ ใจของสมาชกิ ภายในบ้าน โดยมพี อ่ และแม่ทำหนา้ ท่ใี นการถา่ ยทอดอาชพี และอบรมลกู ๆ วัง
เป็นสถานทร่ี วมเอานักปราชญ์สาขาตา่ งๆ มาเปน็ ขนุ นางรบั ใช้เบอ้ื งพระยุคลบาท โดยเฉพาะงานชา่ งศิลปหัตถกรรมเพื่อ
สรา้ งพระราชวงั และประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ซง่ึ เป็นสถานทท่ี ีถ่ า่ ยทอดความรู้ตา่ ง ๆ จากคนร่นุ หนง่ึ ไปส่คู นอีกร่นุ หนงึ่
ส่วนวัดเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา พระจะทำหน้าที่ในการอบรมสั่งสอนธรรมะแก่พุทธศาสนิกชน
โดยเฉพาะผู้ชายไทยมีโอกาสได้ศึกษาธรรมะและบวชเรยี น ในสังคมไทยจึงนิยมใหผ้ ู้ชายบวชเรยี นก่อนแต่งงานทำใหม้ ี
คณุ ธรรมและจิตใจม่ันคงสามารถครองเรือนไดอ้ ยา่ งมีความสุข นอกจากนีผ้ ้ทู ม่ี าบวชเรยี นมาแสวงหาความรู้เร่ืองธรรมะ
ในวัดแล้ว ยังสามารถแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดความรู้ในด้านศิลปวิทยาการต่างๆ ที่เคยได้อบรมจาก ครอบครัวมา

2

จะเห็นได้วา่ สถาบันทัง้ สามนี้ล้วนแตม่ ี บทบาทในการศึกษาอบรมสำหรับคนไทยในสมัยนั้น ในการถ่ายทอดจากคนรุ่น
หนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง นอกจากนี้ในชุมชนต่าง ๆ ก็มีภูมิปัญญามากมายซึ่งมีปราชญ์แต่ละสาขาวิชา เช่น ด้านการ
ก่อสร้าง หัตถกรรม ศิลปกรรม ประติมากรรม และแพทย์แผนโบราณเป็นต้น ส่วนพระมหากษัตริย์ในสมัยนี้มพี ระราช
กรณยี กิจอนั เปน็ ประโยชน์ต่อการจดั การศึกษาในสมัยนน้ั และมีอิทธิพลต่อมา กลา่ วคอื พ่อขุนรามคำแหงมหาราชและ
พระมหาธรรมราชาท่ี 1 (พระเจา้ ลิไท) ซงึ่ พระราชกรณยี ะกจิ ท่ีสำคญั เชน่ การประดษิ ฐอ์ ักษรไทยข้นึ คร้ังแรก โดยทรง
ดดั แปลงมาจากตัวหนังสือขอมและมอญ อันเป็นรากฐานด้านอกั ษรศาสตรจ์ นนำมาสู่การพัฒนาปรับปรุงเป็นอักษรไทย
ในปัจจบุ ัน ศิลาจารกึ หลักท่ี 1 จงึ เป็นศลิ าจารึกท่ีจารึกเป็นอักษรไทยให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของสุโขทัย
ในดา้ นประวัตศิ าสตร์ส่วนการบำรุงพุทธศาสนาในรัชกาลพระมหาธรรมราชาท่ี 1 ( พระเจา้ ลิไท) ทำใหพ้ ระพุทธศาสนา
เจริญรงุ่ เรืองมากในสมัยน้ี

รปู แบบการจัดการศึกษาในสมัยนี้ แบ่งออกเปน็ 2 ฝ่าย

- ฝา่ ยอาณาจกั ร แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ สว่ นทหี่ นงึ่ เปน็ การจัดการศกึ ษาสำหรับผู้ชายทเ่ี ปน็ ทหาร เชน่ มวย กระบ่ี

กระบองและอาวุธต่างๆ ตลอดจนวิธีการบังคับม้า ช้าง ตำราพิชัยยุทธ์ซึ่งเป็นวิชาชั้นสูงของผู้ที่จะเป็นแม่ทัพนายกอง

และส่วนที่สอง พลเรือน เป็นการจัดการศึกษาให้แก่พลเรือนผู้ชายเรียนคัมภรี ์ไตรเวทโหราศาสตร์ เวช

กรรม ส่วนพลเรือนผู้หญิงให้เรียนวิชาช่างสตรี การปัก การย้อม การเย็บ การถักทอ นอกจากนั้นมีการอบรมบ่มนสิ ยั

กิรยิ ามารยาท การทำอาหารการกินเพ่อื เตรยี มตัวเป็นแม่บ้านแมเ่ รือนท่ดี ีต่อไป

- ฝ่ายศาสนาจกั ร เปน็ การศกึ ษาเก่ียวกบั พระพุทธศาสนาการจัดการศกึ ษาในสมัยสุโขทัย จงึ เป็นการจัดการศกึ ษาท่ีเน้น
พระพทุ ธศาสนาและศิลปศาสตร์ สมยั นีพ้ อ่ ขนุ รามคำแหงได้นำช่างชาวจีนเข้ามาเผยแพร่การทำถ้วยชามสังคโลกให้แก่
คนไทย และหลังจากที่ทรงคิดประดิษฐ์อักษรไทยแล้วงานด้านอักษรศาสตร์เจริญขึ้น มีการสอนภาษาไทยใน
พระบรมมหาราชวัง มีวรรณคดที ีส่ ำคัญ คือ หนงั สือไตรภมู ิพระร่วงและตำรบั ท้าวศรีจฬุ าลกั ษณ์

สถานศึกษาที่ใช้สำหรับการศึกษาในสมยั น้ี ประกอบดว้ ย

- บา้ น เป็นสถาบันสังคมพืน้ ฐานทชี่ ว่ ยทำหน้าท่ใี นการถ่ายทอดความรู้ด้านอาชีพตามบรรพบรุ ษุ

- สำนกั สงฆ์ เปน็ สถานศึกษาท่ีสำคญั ของราษฎรทวั่ ไป เพ่ือหนา้ ทีข่ ัดเกลาจติ ใจ และแสวงหาธรรมะตา่ งๆ

- สำนักราชบัณฑิต เป็นบ้านของบุคคลที่ประชาชนยกย่องว่ามีความรู้สู ง บางคนก็เป็นขุนนางมี
ยศถาบรรดาศักดิ์ บางคนก็เคยบวชเรียนแล้วจึงมีความรู้ แตกฉานในแขนงตา่ งๆ

- พระราชสำนัก เป็นสถานศึกษาของพระราชวงศ์และบุตรหลานของขุนนางในราชสำนักมีพราหมณ์หรือราช
บณั ฑติ เป็นครูสอน

3

การศึกษาในสมัยกรงุ ศรอี ยธุ ยา

จะเนน้ การศึกษาวชิ าสามัญ เนน้ การอ่าน เขยี น เรยี นเลข อนั เป็นวชิ าพนื้ ฐานสำหรับการประกอบสัมมาอาชีพ
ของคนไทย และเนน้ ในเรอ่ื งการศกึ ษาทางด้านศาสนา เพราะวัดยังมบี ทบาทมากในสมยั สมเด็จพระเจ้าอย่หู วั บรมโกศ
พระองคท์ รงสง่ เสรมิ พทุ ธศาสนาโดยทรงวางกฎเกณฑ์ไว้วา่ ประชาชนคนใดไม่เคยบวชเรียนเขียนอา่ นมาก่อน จะไม่ทรง
แตง่ ต้ังให้เป็นขา้ ราชการและในสมัยสมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชเปน็ ต้นมา มีนักสอนศาสนาหรือมชิ ชันนารีไดจ้ ดั ตงั้
โรงเรียนสอนหนงั สอื และวชิ าอ่ืน ๆ มกี ารศกึ ษาทางด้านภาษาศาสตร์และวรรณคดี ปรากฏว่ามีการสอนทั้งภาษาไทยบาลี
สนั สกฤต ฝร่ังเศส เขมร พมา่ มอญ และภาษาจีน การศึกษาของผหู้ ญิง จะมกี ารเรียนวิชาชีพ การเรอื นการครัว ทอผ้า
ตลอดจนกิรยิ ามารยาท เพือ่ ป้องกันไมใ่ หเ้ ขยี นเพลงยาวโต้ตอบกบั ผู้ชาย ในสมัยนีโ้ ปรตเุ กสเป็นชาติแรกท่นี ำวธิ กี ารทำ
ขนมหวานท่ใี ช้ไข่มาเปน็ ส่วนผสม เช่น ทองหยบิ ฝอยทอง มาเผยแพรจ่ นขนมเหลา่ น้ีเปน็ เอกลักษณ์ขนมหวานของไทยใน
ปัจจุบนั ผู้ชายจะเน้นการศึกษาวชิ าการด้านทหาร มกี ารจัดระเบียบการปกครองในแผ่นดินสถานศกึ ษายังไม่มีความ
แตกตา่ งจากสมยั สุโขทัยมากเท่าไหร่นกั

การศกึ ษาในสมัยธนบุรีและรัตนโกสนิ ทร์ตอนต้น การศกึ ษาในสมยั นี้เชน่ เดียวกับสมัยอยุธยาบ้านและวัดยังคงมบี ทบาท
เหมอื นเดิม

การศึกษาของไทยสมยั ปฏริ ปู การศึกษา

มุ่งให้คนเข้ารับราชการและมีความรู้ทัดเทียมฝรั่งแต่ไม่ใช่ฝรั่ง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัว หลังจากที่พระองค์ได้ครองราชย์แล้ว ก็ได้ทรงปรับปรุงประเทศให้เจริญรุ่งเรืองในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านการ
ปกครอง การศาล การคมนาคมและสาธารณสุข เป็นต้น โดยเฉพาะด้านการศึกษานั้นพระองค์ได้ทรงตระหนักและให้
ความสำคญั เพอ่ื ปรบั ปรงุ คนในประเทศใหม้ ีความรู้ความสามารถจะชว่ ยให้ ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า มีการนำ
แนวคิดและวิทยาการต่างๆ ของชาติตะวันตกเข้ามาใช้ ซึ่งคณะมิชชันมารีได้นำวิทยาการเข้ามาเผยแพร่ในด้าน
การแพทย์ การพิมพ์หนังสอื และระบบโรงเรยี นของพวกสอนศาสนาต้งั แตส่ มัยพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกล้าเจา้ อยหู่ ัวและ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว สืบเนื่องมาถึงในสมัยนี้เป็นเหตุให้ไทยต้องรับและปรับปรุงแนวคิดในการจัด
การศึกษาขึ้นเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศ ความต้องการบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เข้ามารับราชการ
เนือ่ งจากพระองคท์ รงปรับปรงุ และขยายงานในสว่ นราชการต่างๆ โครงสรา้ งของสงั คมไทยจึงไดม้ กี ารเปล่ยี นแปลงโดยมี
การเลิกทาสและมีการติดต่อกับต่างประเทศมากขึ้นวัฒนธรรมแบบอย่างตะวันตกได้แพร่หลายจึงจำเป็นต้องการ
ปรับปรงุ การศกึ ษา เพ่อื ให้ประชาชนได้รบั การศกึ ษาเพม่ิ ขึน้ พระองคไ์ ด้เสดจ็ ต่างประเทศทัง้ ในเอเชยี และยุโรป ทำให้ได้
แนวความคดิ เพือ่ นำมาปฏริ ปู การศกึ ษาและใช้เปน็ แนวทางพฒั นาบ้านเมือง

4

จะเห็นว่าในยคุ นี้ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว การศกึ ษาของไทยสมัยปฏิรูปการศึกษา
ไปอย่างมาก แต่ที่เราจะเห็นสิ่งที่ยังคงอยู่คือ การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ยังคงอยู่คู่สังคมไทยมาตั้งแต่อดีตจนถึง
ปจั จบุ นั เรื่องความเชอ่ื เรอ่ื งวัฒนธรรมต่าง ๆ ถึงแมจ้ ะมกี ารนำแนวคิดจากประเทศในทวปี ยุโรปเขา้ มา

การศึกษาสมยั ปจั จบุ นั

การศกึ ษาไทยในปัจจบุ ัน เป็นยคุ สงั คมแหง่ การเรยี นรทู้ ี่เปดิ กวา้ ง มีหลากหลายรปู แบบใหม้ นุษย์ได้ศึกษาค้นคว้า

ด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็วโดยการนำเทคโนโลยสี มัยใหมเ่ ข้ามาพฒั นารูปแบบการจดั การศึกษาในสถานศึกษาของไทย

เพือ่ ใหก้ ้าวทันโลกยุคใหม่ท่ีไร้ขอบเขตภายใตจ้ นิ ตนาการของมนุษยท์ ่สี ร้างขน้ึ การศกึ ษาเปน็ กระบวนการเรยี นร้ทู ี่เกิดขึน้

ได้ทุกที่ทุกเวลา จะเห็นได้ว่า สถานศึกษาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็ก ขนาดกลาง ขนาดใหญ่และใหญ่พิเศษ สิ่งท่ี

จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ คอมพิวเตอร์และระบบอินเทอรเ์ น็ต สถานศึกษาทุกแห่งมีความตอ้ งการใช้เท่า ๆ กนั

ความรู้ความเข้าใจที่ทุกคนต้องเข้าไปให้ถึงโลกแห่งสังคมการเรียนรู้และใช้เทคโนโลยีเป็นจะทำให้เกิดคุณค่าและ

ประโยชน์สูงสดุ ต่อตัวเอง แตใ่ นทางกลับกันหากใช้อย่างผิดวธิ ี กอ็ าจทำใหเ้ กิดความสูญเสียได้ ถึงแม้จะมีเทคโนโลยีต่าง

ๆ เข้ามามากมายแต่ในสังคมไทยก็ยังมีศาสนาและความเชื่ออยู่ แต่อาจจะมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น การสอนของครูจึง

อาจจะยากขึ้น เพราะในสังคมยุคใหม่ซึ่งเรียกกันว่าเป็น ยุคโลกาภิวัฒน์ ยุคไร้พรมแดนหรือยุค

ข้อมลู ข่าวสารสารสนเทศ เปน็ ยคุ ท่ีมกี ารสือ่ สารโดยท่ัวถงึ กันอยา่ งรวดเรว็ มีการหลั่งไหลของวัฒนธรรมตะวนั ตกเข้ามา

โลกตะวันออก หรือวัฒนธรรมตะวันออกก็แพร่ขยายเขา้ ไปยังโลกตะวันออก เพราะฉะนั้นเพ่ือการปรับตัวและเตรียม

รบั มือกบั ความเปลี่ยนแปลงของสังคม ในเรือ่ ง วัฒนธรรม ความเชือ่ หรือกุศโลบายต่าง ๆ อาจจะเป็นเร่ืองที่เข้าใจ

ยากสำหรับเด็กยุคใหม่ เพราะด้วยเทคโนโลยีที่เข้ามา ทำให้คุณครูต้องมีการปรับรูปแบบเพื่อไม่ให้สิ่งนี้หายไปจาก

สงั คมไทย

ความเชื่อของคนไทย

คนในสงั คมไทยมักมคี วามเชอื่ ในเรอื่ งต่างๆ กันได้แก่ ความเช่ือทางศาสนา เชน่ คนทำดีได้ไปสวรรค์ คนทำ
ชวั่ ต้องตกนรก, ความเชือ่ ในลัทธิการเมือง เช่น พรรคคอมมิวนิสต์ประชาชนทุกคนมีความเทา่ เทียมกัน, ความเช่ือใน
เรอื่ งโชคชะตา เชน่ ชวี ติ จะดำเนนิ ไปตามวนั เดอื นปีเกดิ หรือ ชีวิตถกู ลิขติ ไปตามเสน้ ลายมอื ของคนน้ัน, ความเชือ่ ใน
เรื่องไสยศาสตร์ เช่น เชื่อเร่ืองผีสางเทวดา การทำเสน่ห์, ความเชื่อในสิง่ ศักด์ิสทิ ธิ์ตา่ งๆ เช่น เชื่อเรื่องคาถาอาคม
วัตถมุ งคล เครอื่ งรางของขลงั ต่างๆ หรอื ความเชอ่ื ในเรอ่ื งท่ีคนโบราณเลา่ สืบต่อกนั มา เช่น พิธที ำบญุ ตา่ งๆ ผีปอบ ผี
แมม่ ่าย จ้งิ จกทัก, ความเช่ือในเรื่องอ่นื ๆ เชน่ การกลบั ชาติมาเกิด สรุปได้ว่าความเช่ือ หมายถึง ความคิด ความ
เขา้ ใจและการยอมรับ นบั ถือ เชอื่ มน่ั ในสงิ่ หนึง่ สิ่งใดโดยไม่ตอ้ งมีเหตผุ ลใดมาสนบั สนุนหรือพสิ ูจน์ ทั้งนี้บางอย่างอาจ
มีหลักฐานอย่างเพยี งพอทจี่ ะพิสจู น์ได้ หรอื อาจจะไมม่ หี ลกั ฐานที่จะนำมาใชพ้ สิ จู นใ์ หเ้ ห็นจริงเก่ยี วกับสงิ่ นัน้ ก็ได้.

5

ประเภทของความเช่ือ

โรคชี (M. Rokeach) ได้จดั แบ่งประเภทของความเชอื่ ว่ามี 4 ประเภท ไดแ้ ก่

1. ความเช่ือตามท่ีเปน็ อยู่ เป็นการเชือ่ ในสง่ิ หน่งึ สิ่งใดว่า จรงิ -เท็จ ถกู -ผิด เช่ือ ความเชือ่ ว่าโลกกลม พระอาทิตย์
ขึ้นทางทิศตะวันออก เป็นต้น

2. ความเชอื่ เชงิ ประเมนิ คา่ เป็นความเชือ่ ท่แี ฝงความรูส้ กึ รวมทงั้ มีการประเมนิ ในขณะเดยี วกนั เชน่ เช่ือวา่ บุหร่ีเป็น
สิ่งที่เป็นอันตรายตอ่ สุขภาพ เปน็ ต้น

3. ความเชื่อเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและควรห้าม เป็นความเชื่อว่าสิ่งใดที่พึงปรารถนา-ไม่พึงปรารถนา เช่น เชื่อว่าเด็ก
ควรเคารพเชือ่ ฟังผู้ใหญ่ เป็นตน้

4. ความเชื่อเกี่ยวกับสาเหตุ เป็นความเชื่อในสภาพที่ก่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่งตามมา เช่น เชื่อว่าการตัดไม้
ทำลายปา่ ทำให้เกดิ ความแห้งแล้ง การสร้างเขอื่ นเป็นการทำลายสง่ิ แวดล้อมตามธรรมชาติ เป็นตน้

ทั้งนีป้ ระเภทของความเชอ่ื ตามแบบของสังคมไทย จากการศึกษาพบว่า สังคมไทยมคี วามเช่ือท่ีหลากหลาย หากจะ

แบง่ ประเภท อาจแบง่ ออกไดเ้ ป็น 7 ประเภทใหญ่ ดังน้ี

- ความเชอ่ื เกย่ี วกบั ลัทธิและศาสนา เชน่ เชอ่ื ในเรือ่ งการทำสมาธิเพื่อรกั ษาโรค เช่อื ในพลังอำนาจของพระ

เจ้า เชอ่ื ในเรื่องนรก-สวรรค์ เชอ่ื ในเรอื่ งบาป-บุญ ดา่ พอ่ แมช่ าติหนา้ ปากจะเท่ารูเขม็ -

ความเชอ่ื เกี่ยวกบั ไสยศาสตร์ ผีสางเทวดา และสิ่งศักด์ิสิทธ์ิ เชน่ เชื่อในเรื่องคาถาอาคม การทำเสน่ห์ การเสกตะปู

เขา้ ท้อง การเสดาะเคราะห์ เชือ่ ในเร่อื งผบี ้านผเี รอื น ผีปอบ ผีแม่หม้าย หรือ เช่อื ในเรื่องเคร่อื งรางของขลัง บั้งไฟ

พญานาค หรือสงิ่ ทม่ี ปี าฏิหารยิ ์ตา่ งๆ

- ความเชอื่ เก่ียวกับโหราศาสตร์ โหงวเฮง้ และฮวงจุ้ย เชน่ เชื่อในเรือ่ งของการดดู วงชะตา ดลู ายมอื เชือ่

ในเรอ่ื งบุคลิกลกั ษณะสมั พนั ธก์ ับชวี ติ หรือส่ิงแวดล้อมท่ีทำงานและทอ่ี ยอู่ าศยั สัมพนั ธก์ ารดำเนินชวี ติ

- ความเชื่อเก่ียวกบั โชคลางและฤกษ์ยาม เชน่ เชอื่ ในเรอื่ งของการไมต่ ัดผมในวันพุธ การไม่เดินทางไกลถ้า

จง้ิ จกทกั หรือ การหาฤกษย์ ามสำหรบั การทำงานมงคลตา่ งๆ

- ความเชื่อเกี่ยวกับความฝนั และคำทำนายฝัน เช่น เช่ือว่าถ้าฝันวา่ เห็นงู จะไดเ้ นอื้ คู่ ถ้าฝนั วา่ ฟนั หัก ญาติ

ผู้ใหญ่จะเสียชีวติ ฝันเห็นคนตาย จะเป็นการตอ่ อายุ

- ความเชือ่ เกี่ยวกับพิธีกรรมตา่ งๆ เช่น การแห่นางแมวขอฝน การทำบุญขึน้ บา้ นใหม่ งานบุญต่างๆ

- ความเชื่อเกี่ยวกบั สง่ิ ท่ีควรทำและสิง่ ที่ไมค่ วรทำ เช่น ห้ามนอนหันหวั ไปทางทศิ ตะวันตก เอาไม้กวาดตกี นั

ชีวิตจะไม่เจริญ หา้ มปลกู ต้นลนั่ ทม ระกำ ไวใ้ นบา้ น ให้ปลูกตน้ มะยม มคี นนิยมชมชอบ ปลกู ขนุน จะทำให้มี

ผสู้ นบั สนุนคำ้ จนุ

6

ทั้งนี้ถึงแมจ้ ะมคี วามเชื่อในสังคมตั้งแต่อดตี มาจนถึงปัจจุบนั ความเชื่อเหล่านั้นอาจจะลดน้อยหลงหรือความ
เชื่อบางอย่างก็เริ่มจะหายไปจากสังคมไทย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายเป็นผู้นำของครอบครัว เพราะในปัจจบุ ันในสังคมให้
ความเท่าเทียมในเร่ืองของเพศสภาพ ด้วยเหตนุ ี้ ความเชื่อหรอื วฒั นธรรมนีจ้ ะเริ่มหายไป

การเกิดและการเปลยี่ นความเช่อื

การเกดิ ของความเชอ่ื ความเชือ่ อาจจะเกดิ ได้จากหลายปจั จยั ดงั น้ี

- เกดิ จากประสบการณ์ตรง เปน็ ความเชือ่ ทบี่ ุคคลได้ประสบมาด้วยตนเอง อาจจะดว้ ยความบังเอญิ เปน็ เรื่อง

ของธรรมชาติ หรือมผี ้ทู ำใหเ้ กิดข้นึ กต็ าม ท้งั นอ้ี าจจะเป็นจริงหรอื ไม่เปน็ จริงกไ็ ด้

- เกิดจากการไดร้ ับข่าวสารต่อๆ กันมา หรืออ้างถงึ คำโบราณที่ยึดถือกันมา หรือการโฆษณาชวนเช่ือ เปน็ ความ

เชอื่ ทเ่ี กิดจากการคำกล่าวอ้างตอ่ ๆ กนั มาก หรืออ้างถงึ คำกล่าวโบราณทีเ่ ชื่อถือและยอมกันมา หรือใช้สื่อต่างๆ ในการ

โฆษณาชวนเช่อื ซึง่ สามารถโนม้ น้าวให้ผู้ฟงั เช่อื ถอื ได้ - เกิดจาก

การที่ได้ปฏิบตั ิสืบตอ่ ๆ กนั มาของคนรุน่ ก่อน เป็นความเช่อื ทเ่ี กิดจาก พิธีกรรม หรอื การปฏิบัตทิ ่ที ำสบื ต่อกันมา อาจถอื

เปน็ เร่ืองของวฒั นธรรมและประเพณีทางสังคม ซึง่ สร้างใหเ้ กดิ ความเช่อื ในกลมุ่ คนได้ง่า - เกิดจากการนกึ คดิ

เอาเองตามความรู้สกึ ของตน เป็นความเชอื่ ที่คาดเดา หรือคดิ เอาเอง หรอื ร้สู ึกไปเอง อาจจะไมม่ ขี อ้ มลู ใดๆ มาสนับสนนุ

การเปล่ยี นความเชื่อ มีหลายปจั จยั ท่ีทำให้คนเปล่ียนความเช่ือได้ ดงั นี้

- ประสบการณต์ รง โดยที่ตนเองได้ประสบกบั เหตุการณ์ หรอื สิ่งใหม่อื่น ๆ ท่ีคดั คา้ นกบั ความเช่อื เดิม

- ความเช่อื บางอาจไดร้ ับการพสิ ูจน์ทางวทิ ยาศาสตรแ์ ล้วพบว่าไม่เป็นจรงิ ตามทเ่ี ชอื่ ถอื

- การลม้ เลกิ พธิ ีกรรมหรือประเพณกี ารปฏิบัติบางอยา่ งท่ีทำสืบตอ่ กนั มา

- การรู้จักใช้เหตแุ ละผลในการวิเคราะห์ความเชอ่ื ของตนเอง หรือปฏบิ ัตดิ ้วยตนเองจนรคู้ วามเป็นจริง

- การมีเทคโนโลยีเขา้ มาอย่างมากในปจั จุบัน

ความเชอื่ ในสงั คมกม็ ีสิทธิทีจ่ ะเกดิ ข้ึนหรือลดลงได้ อาจจะมแี นวปฏิบตั ทิ ่สี อดคลอ้ งกับการดำเนนิ ชีวิต หรือ การ

นำเอาความเชื่อ หลักปฏิบัติ หรือ กุศโลบาย เข้ามาใช้ถ้าสิ่งนั้นสอดคล้องกับการดำเนินชีวิตของมนุษย์ เช่น การไม่

พดู คยุ ระหวา่ งกินขา้ ว เพราะ อาจจะทำให้อาหารติดคอและเกดอิ นั ตรายได้ หรอื การหา้ มเลน่ ซอ่ นหา ใน

ยามวกิ าล เพราะ อาจจะทำใหเ้ กดิ การพลดั หลง หรือได้รับอันตรายจากสตั ว์มีพิษ ทั้งน้ขี ึ้นอยู่กับการประยุกต์เทคโนโลยี

เข้ามาปรบั ใช้ในการเรยี นการสอน คณุ ครูต้องมีการนำเขา้ มาปรบั สอนเพ่อื ให้ส่งิ ท่ีดอี ยู่ค่สู งั คมสบื ตอ่ ไป

7

ตวั อยา่ งของปัญหาและแนวทางในการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใชใ้ นการเรียนการสอน
ความเช่ือเกี่ยวกับการขอฝน

เน่ืองจากสงั คมไทยเป็นสงั คมเกษตรกรรม การทำเลือกสวนนาไร่จำเป็นต้องอาศัยนำ้ จำนวนมาก ดงั นนั้ หากวัน
หนงึ่ ฝนที่เคยตกต้องตามฤดกู าลไม่ตกเชน่ เคยย่อมสรา้ งความเดอื นร้อนใหก้ บั ชาวนาชาวไรท่ ัว่ ไป เพราะฉะนัน้ เพ่ือให้ฝน
ตกลงมาจะได้มีน้ำเพียงพอในการทำการเกษตรกรรมจึงต้องทำพิธี “แห่นางแมว” ขึ้น สำหรับความเชื่อเกี่ยวกับ
ประเพณีแห่นางแมวนัน้ คนไทยมีความเชื่อว่าฝนตกลงมาเพราะเทวดา เมื่อฝนไม่ตกจึงต้องทำพิธีขอฝนกับเทวดา แต่
บางความเชื่อกล่าวว่าเม่ือแผ่นดินแห้งแล้ง สิ่งแวดล้อมเปน็ พิษ มีควันและละอองเขม่าควันจะต้องขอน้ำจากเทวดามา
ชว่ ยลา้ งเพราะน้ำฝนเปน็ น้ำของเทวดา เนื่องจาก เทโว แปลว่า ฝน นนั่ เอง ส่วนความเช่ือเก่ียวกับแมวน้ัน คนไทยเช่ือ
ว่าแมวเปน็ สตั ว์ที่มีอำนาจลึกลับ ศักด์ิสทิ ธ์ิ เมอ่ื นำมาทำพิธีแล้วจะช่วยเรยี กฝนให้ตกลงมาได้ หรือถ้าเป็นความเช่ือของ
ชาวอีสานจะมีความเชื่อว่าเมื่อฝนไม่ตกให้ใช้สัตว์ที่มีสีเดียวกับเมฆเรียกฝน จะทำให้ฝนตกลงมาได้เช่นกันและสัตว์
ประเภทเดียวท่ีมีสเี มฆคอื แมวสีสวาท

รูปภาพที่ 1 ประเพณกี ารแหน่ างแมว ที่มา : http://www.horonumber.com/blog-2068

ในปัจจุบัน อาจจะมีการมองว่ามันคือการทารุณกรรมสัตว์ เพราะการทำส่ิงน้ีไม่ได้ช่วยอะไร แถมยังเกิดภาพท่ีอาจจะดู
ทรมานส่ิงมชี ีวิตอีกด้วย ทำให้คนรนุ่ ใหมไ่ ม่ค่อยเช้าเร่ืองนี้และพยายามไม่อยากให้เกิดขึน้ ในสงั คม แต่ในมุมมองของครู
จะสอนก็สามารถสอนในเร่ืองวฒั นธรรมได้ โดยใหน้ กั เรียนเปน็ เรอื่ งประเพณีที่สืบทอดต่อ ๆ กนั มา แต่อธิบายนักเรียน
ว่าอาจจะมีการนำตุ๊กตาแมว มาแทนแมวที่มีชีวิต ให้ผู้เรียนมองในมุมมอง ว่าขบวนแห่นางแมวเป็นการปลุกปลอบใจ
ชาวนา ในยามวิกฤต แต่ทุกคนยงั มีชมุ ชนของตนอย่อู ย่างมัน่ คง และชุมชนน้ีเองทจี่ ะทำให้ทุกคนอยรู่ อดจากภัยพิบัติน้ัน
ไดอ้ ยา่ งดที ีส่ ดุ เทา่ ที่จะเปน็ ไปได้ แม้แตน่ ้ำซ่ึงเร่ิมจะหายากขนึ้ ยงั เอามาสาดทงิ้ สาดขว้างได้ แบง่ กันกินแบ่งกันใช้แล้วทุก
คนก็จะอยู่รอดไดเ้ อง การใหแ้ ก่ชมุ ชนจงึ เปน็ ส่งิ สำคัญกวา่ การเกบ็ งำไวเ้ ฉพาะตวั

8

ความเชื่อเกี่ยวกับไสยศาสตร์ และสิ่งศักดิ์สิทธ์ิ ความเชื่อในเรื่องบ้ังไฟพญานาค หรือมีชื่อเดิมเรียก บั้งไฟผี
เป็นปรากฏการณ์ทกี่ ล่าวกันวา่ เหน็ ที่แม่น้ำโขง ลักษณะเป็นลกู กลมเรอื งแสงลอยขน้ึ จากน้ำข้ึนไปในอากาศ จำนวนลกู ไฟ
มีรายงานระหว่างหลายสิบถึงหลายพันลูกต่อคืน บั้งไฟพญานาคเกิดช่วงวันออกพรรษาทุกปี ตามความเชื่อของ
ประชาชนในพื้นท่ี เช่อื วา่ เดมิ ทีพญานาคอาศยั อยู่ในเมอื งบาดาล มนี สิ ยั ดรุ า้ ย ครั้นพระพุทธเจา้ เสด็จมาโปรดสัตว์ก็เกิด
ความเลอื่ มใสศาสนาพุทธ เลิกนิสยั ดุรา้ ย และคิดบวช แต่ก็ตดิ ที่เปน็ สัตว์ไม่สามารถบวชได้ เนื่องจากเป็นสัตว์ พญานาค
จึงปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ เม่ือพระพทุ ธเจ้าเสดจ็ ขึ้นไปโปรดพระมารดาท่ีสวรรค์ชนั้ ดาวดงึ ส์ จนครบ 1 พรรษา (3
เดอื น) และเสดจ็ กลับโลกมนุษยใ์ นวนั ขน้ึ 15 คำ่ เดือน 11 เหลา่ บรรดาพญานาคี นาคเทวี พรอ้ มท้ังเหล่าบริวารจงึ จดั ทำ
เคร่อื งบชู า และพน่ บัง้ ไฟถวาย ซึ่งต่อมาชาวบ้านเรียกวา่ “บงั้ ไฟพญานาค”

รูปภาพท่ี 2 บง้ั ไฟพญานาคความเชื่อ
ท่มี า : https://sites.google.com/site/ssithrkhxngnxk/bangfi-phyanakh

แตใ่ นปัจจุบนั ก็มีการพิสูจนก์ ันมาอย่างยาวนาน แตใ่ นปจั จบุ นั มีการนำเทคโนโลยี เขา้ มาพิสจู น์และก็อาจจะพบว่า “บั้ง
ไฟพญานาค” อาจจะเกิดขนึ้ จากการกระทำของฝมี ือมนุษย์ ด้วยเทคโนโลยกี ารถา่ ยภาพมุมสูง พบว่าการเกิดน้ันขึ้นจาก
บริเวณชายฝั่งของแถบ สปป.ลาว ทำให้มีคนในสงั คมเริม่ การไมเ่ ชือ่ และคดิ ว่าเป็นเรอ่ื งท่ไี มค่ วรสนใจ ทำให้บัง้ ไฟอาจจะ
ไม่ได้รับความสนใจเท่าในอดีต แต่สำหรับการสอนสังคมศึกษาของคุณครู เราอาจจะอธิบายนักเรียนให้มองไปในเรื่อง
ของคำสอนและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา หรือ มองไปในเรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจของสังคมในพืน้ ที่นั้น ๆ
เราสามารถประยุกต์ใหก้ ารสอนสอดคลอ้ งกบั ยคุ โลกกาภวิ ตั น์ได้

9

ความเชื่อเกี่ยวกับลัทธิและศาสนา ความเชื่อในเรื่องนรก-สวรรค์ เชื่อในเรื่องบาป-บุญ ในปัจจุบันสังคมไทยตกอยู่
ภายใต้อิทธิพลของกระแสวัตถุนิยมและบริโภคนิยมตามชาติตะวันตกเมื่อหลักธรรมเรื่อง นรกและสวรรค์
ถูกบิดเบือนไปจากหลักคำสอนเดิม คือ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” เป็นการวัดผลของความดีกันที่วัตถุ คนในสังคมจึง
ต้องการเป็นเจ้าของวัตถุ และความร่ำรวยโดยไม่สนใจที่จะทำงานให้เหนื่อยยาก ด้วยวิธีการที่ทำผิดกฎหมายและผิด
ศีลธรรม เช่น ค้ายาเสพติด อาชญากรรม โจรกรรม เป็นต้นส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ปกติสุขของสังคมส่วนรวม
คนส่วนมากมกั ถือเอาความสุข ความสมปรารถนาในชวี ิตปัจจุบันเป็นมาตรฐานความดี คือ ความดีต้องมีผลออกมาเป็น
ความสขุ

รูปภาพท่ี 3 นรกสวรรคม์ ีจริง ท่ีมา: http://thamdhamma.blogspot.com/2017/05/2.html

นรกและสวรรคใ์ นพุทธศาสนาสำหรบั คนรุ่น ใหม่ดังจะเห็นไดว้ า่ สังคมไทยปัจจุบนั นยี้ งั ขาดนำเอาหลกั ธรรมไปปรับใช้ให้
เกิดประโยชน์ทั้งตอ่ ตนเองและ ครอบครัว ตลอดจนถึงสังคม เพราะตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา สวรรค์ไม่ใช่
จุดหมายที่แท้จริงของ พระพุทธศาสนา การทำบุญหรือความดีไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อการไปสวรรค์ เพราะจุดหมายท่ี
แท้จรงิ คอื นิพพาน การดับกิเลส และความทุกขอ์ ย่างสน้ิ เชงิ ตราบใดที่ยังเวียนว่ายตายเกิด แมจ้ ะอยใู่ นสวรรค์ ก็ไม่อาจ
พ้นจาก ทุกข์ได้อย่างแท้จริงกรรมมีความสัมพันธ์กับเรื่องนรกและสวรรค์อย่างใกล้ชิด เพราะนรกและสวรรค์ ก็คือ
สภาพชีวิตที่เป็นผลของกรรม โดยมีลักษณะคล้อยตามการกระทำของสัตว์ทั้งหลาย การทำความดีเป็นหนทางที่
ปลอดภัยที่สุด เพราะคนธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถพิสูจนไ์ ด้อย่างเด็ดขาดแน่นอนวา่ นรกและสวรรค์แบบข้าม ภพข้าม
ชาติมีหรือไม่ และนรกและสวรรค์ในชาติปัจจุบันก็มีให้ทุกคนได้ประจักษ์อยู่แล้ว เราจึงควรทำความดี และหลีกเลี่ยง
ความชัว่ ตามทพี่ ระพทุ ธเจา้ ทรงแนะนำไว้ เพราะการเกิดมาเป็นมนษุ ย์ทม่ี โี อกาสทำความดนี ัน้ ยากมากหรอื มโี อกาสน้อย
มาก ดังพุทธพจน์ที่ทรงเปรียบเทียบโอกาสทีจ่ ะได้เกิดเป็นมนุษย์ยากเหมือนเต่าตาบอดที่ใน 100 ปี โผล่ขึ้นมาจากน้ำ
ครง้ั เดียวยากท่จี ะสอดคอเข้าไปในแอกทมี่ ีรเู ดียวได้ สุตันตปฎิ ก ส ยตุ ตฺ นกาย มหาวาวรรค หรอื มโี อกาสน้อยมากเหมือน
ฝ่นุ ในปลายเล็บ ซ่ึงมจี ำนวนน้อยมากเม่อื เปรยี บเทยี บ กบั ฝนุ่ ในแผ่นดินใหญ่ ทง้ั นผ้ี ู้วิจัยขอ้ เสนอแนวทางการอธบิ ายนรก
และสวรรค์ในพระพุทธศาสนา สำหรับคนรุ่น ใหม่โดยใช้หลักไตรสิกขา ควรจัดทำเป็นการ์ตูนเอนิเมชั่น และจัด
นิทรรศการชดุ นรกและสวรรค์ เพ่อื ให้ เยาวชนคนรุน่ ใหมไ่ ด้เห็นภาพเป็นรปู ธรรมตอ่ ไป

10

สรุปเร่อื งการประยุกตก์ ารสอนสงั คมศึกษาใหส้ อดคลอ้ งกบั ยคุ โลกาภวิ ัตน์

ในยคุ ทีโ่ ลกมีการเปลย่ี นแปลง มเี ทคโนโลยแี ละสิง่ ต่าง ๆ เขา้ มาในสังคม วัฒนธรรม ความเชอื่ หรอื คำสอนต่าง
ๆ อาจจะมกี ารเลือนหายไป เพราะวา่ บางสิง่ สามารถพิสูจนไ์ ด้แล้ว หรือบางสิง่ ไมส่ อดคล้องกบั สงั คมในยุคโลกกาภิวัตน์
ส่ิงนั้นก็จะเริม่ หายไปในสังคม มีการเปล่ียนแปลงและปรับให้สอดคลอ้ งกับการดำเนินชีวิตมากท่ีสุด แต่วัฒนธรรมหรือ
ความเชื่อบางเรื่องที่ยังสามารถสอดคล้องกับสังคมอยู่ก็จะมีการยึดถือปฏิบัติต่อ ๆ กัน เช่น การเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า
การยิ้มไหว้ทักทายกัน การให้เกียรติซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้การที่เราจะไม่ทำให้สิ่งดี ๆ เหล่านี้หายไปจากสังคมไทย
ครูผู้สอนจึงควรมีการประยุกต์และปรบั ใช้ นำเทคโนโลยีด้านตา่ ง ๆ เข้าเติมเต็มในสิ่งทีข่ าดหายไป ยกตัวอย่างเช่น ใน
เร่ืองของการดดุ ่าบพุ การี การทุบตีบุพการี เวลาตายไปจะทำให้กลายเปน็ เปรต มอื เทา้ ใหญ่ ปากเล็กเท่ารูเขม็ กินก็ไม่ได้
ผู้เรียนอาจจะไม่เช่ือเรื่องนี้ ก็ไม่เป็นไร ครูผู้สอนก็นำสื่อเทคโนโลยเี ข้ามาใช้ ให้ผู้เรียนมองไปในเร่ือง สิ่งที่ไม่ควรทำใน
สังคม พ่อแมก่ ค็ ือผู้มีพระคุณตอ่ เรา การดดุ า่ ทำร้ายถือว่าเป็นสง่ิ ทไี่ ม่ดี ไม่ตอ้ งถงึ ขัน้ ว่าตายไปแล้ว ตกนรกเป็นเปรต ใน
การดำเนินชีวิตอยู่ผู้คนในสงั คมก็จะไม่ยอมรับ ทำให้ผู้กระทำไม่มีความสุขในการดำเนินชวี ิต ไปที่ไหนก็ไม่มีคนเมตตา
จะกิน จะอยู่ ก็ไมเ่ ปน็ สุข น่คี ือผลของการทำไม่ดี ไม่ตอ้ งรอถึงตาย ก็จะไดร้ ับผลการกระทำน้นั เหมอื นกับว่าตกนรกท้ัง
เป็น ในส่วนน้จี ะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความคิดและนำไปปรับใช้ในชีวติ ของตนเอง มีการคิดไตร่ตรองก่อนลงมอื ทำสิ่งน้ัน ๆ
เทคโนโลยีมที ง้ั ข้อดีและขอ้ เสีย แต่ในการเรียนการสอนเราต้องสร้างเทคโนโลยใี ห้มีประโยชน์ต่อผเู้ รียนให้มากท่ีสุด ให้
สอดคล้องกบั การดำรงชวี ติ ของผเู้ รียนในยคุ โลกาภวิ ตั น์

บทสรปุ

การจัดการศึกษาในยคุ โลกาภวิ ตั น์ ประเด็นสำคญั ทคี่ รูจะต้องส่งเสรมิ ใหเ้ กดิ ขึ้นกบั ผ้เู รยี นอย่างแท้จริง คือผูส้ อน
ต้องยอมรบั ว่าโลกมีความเปล่ยี นแปลง โดยเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงของโลก จาก
การเปล่ียนแปลงของโลกดงั ท่ีกล่าวมาสง่ ผลให้การจัดการศกึ ษาในยุคโลกาภวิ ัตน์ตอ้ งปรับเนอ้ื หาและวิธีการเรียนรู้โดย
นำเทคโนโลยแี ละสารสนเทศใหม่ๆ มาเพิม่ คุณภาพใหก้ ับการศึกษาโดยสร้างผู้เรยี นให้เปน็ ผู้ใช้และผู้ผลิตเทคโนโลยีท่ีมี
คณุ ภาพต่อการพฒั นาสภาพชีวิตและความเป็นอยขู่ องผเู้ รียนที่สอดคล้องสามารถตอบสนองต่อการใช้ชวี ิตของผู้เรียนใน
อนาคตได้อยา่ งสมบรู ณแ์ บบในทกุ สภาวะของการเปล่ยี นแปลงโลก รวมถงึ การพฒั นาให้ผู้เรยี นมีคุณลักษณะที่เหมาะสม
กบั การเปน็ ผู้เรียนในศตวรรษแห่งการเปลย่ี นแปลงของโลกอนาคตดว้ ย

11

บรรณานุกรม

สุร ศัก ดิ์ ปาเฮ . ( 2560). ค ร ู ก ั บ ก า ร ศ ึ กษ า ย ุค โ ล ก า ภิ ว ัต น ์ . สืบค้น เมื่อ 2 0 ต.ค . 2564
แหลง่ ทีม่ า https://sites.google.com /site/nilobonnoeyps/h.

หริสา ยงวรรณกร และคณะ. (2557). การปฏิรูปการเรียนรู้ของครูในยุคโลกาภิวัฒน์. สืบค้นเมื่อ 20 ต.ค.
2564 แหลง่ ทม่ี า http://ejournals.swu.ac.th

เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์. (2560). การศึกษาบนฐานโลกาภิวัฒน์: สืบค้นเมื่อ 20 ต.ค. 2564.
แหล่งท่ีมา http://drdancando.com.

มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช .(2560) .ความเชื่อที่เกิดขึ้นในสังคมไทย .สืบค้นเมื่อ 20 ต.ค. 2564.
แหลง่ ที่มา https://www.stou.ac.th/offices/rdec/udon/upload/socities9_10.html

ปนิ่ วดี ศรีสพุ รรณ.(2555) .ประเพณบี ญุ บง้ั ไฟ : วัฒนธรรมเสย่ี งภยั ในยุคสมัยใหม่..สบื คน้ เมือ่ 20 ต.ค. 2564.
แหลง่ ท่ีมา https://so03.tci-thaijo.org/index.php/jla_ubu/article/view/94551/73936

12


Click to View FlipBook Version