The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย เป็นหนังสือรวบรวมประวัติ จุดเด่น เครื่องดนตรี ท่ารำ รูปแบบส่วนประกอบของนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย ตำบลแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยสัมภาษณ์จากนายประสิทธิ์ มณีศรี ปราชญ์ชุมชนด้านวัฒนธรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by l3lackoken, 2024-06-11 05:04:06

ศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย

หนังสือศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย เป็นหนังสือรวบรวมประวัติ จุดเด่น เครื่องดนตรี ท่ารำ รูปแบบส่วนประกอบของนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย ตำบลแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยสัมภาษณ์จากนายประสิทธิ์ มณีศรี ปราชญ์ชุมชนด้านวัฒนธรรม

Keywords: นกกิงกะหร่า บ้านแม,ศิลปะการแสดง,บ้านแม่ลาน้อย แม่,บ้านแม่ลาน้อย

กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เทศบาลตำ บลแม่ลาน้อย จัดทำ โดย นางสาวมัณฑนา แดงสุข นายณฐกร ยอดเพชรดิ์ นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ศิลปะการแสดง ศิลปะการแสดงไทใหญ่ ของ พ่อครูประสิทธิ์ มณีศรี


คำ�นำ� เทศบาลตำ�บลแม่ลาน้อยมีอำ�นาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2554) ได้กำ�หนดหน้าที่ของเทศบาลในมาตราที่ 50 (๘) บำ�รุงศิลปะจารีตประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรม อันดีของท้องถิ่นและพระราชบัญญัติกำ�หนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำ�นาจให้แก่องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่นพ.ศ.๒๕๔๒ได้กำ�หนดหน้าที่ของเทศบาลในมาตรา ๑๖ ให้เทศบาลเมืองพัทยาและองค์การบริหารส่วนตำ�บล มีอำ�นาจและหน้าที่ในการจัดระบบการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นของตนเอง (๑๑) การบำ�รุงรักษาศิลปะ จารีตประเพณีภูมิปัญญาท้องถิ่น และวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่นกองการศึกษาเทศบาล ตำ�บลแม่ลาน้อยจึงได้จัดทำ�หนังสือ“ศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย”ขึ้นเพื่อเป็นฐานความรู้ ถ่ายทอดให้แก่ผู้ที่สนใจศึกษาประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ต่อไป การจัดทำ�หนังสือ ศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงาน นักปราชญ์ ชุมชน และกลุ่มอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทใหญ่ ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์จึงขอขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้ คณะผู้จัดทำ� หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย จะเป็นประโยชน์ต่อไป ในการสืบทอดอนุรักษ์ส่งเสริมเผยแพร่ให้ศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อยจังหวัดแม่ฮ่องสอนคงอยู่สืบไป คณะผู้จัดทำ� นางสาวมัณฑนา แดงสุข นายณฐกร ยอดเพชรดิ์ 6 มิถุนายน 2567


ผู้จัดทำ � : นางสาวมัณฑนา� แดงสุข นายณฐกร ยอดเพชรดิ์ Editorial : นางสาวมัณฑนา� แดงสุข ออกแบบรูปเล่ม : นายณฐกร ยอดเพชรดิ์ Graphic Design : นายณฐกร ยอดเพชรดิ์ ถ่ายภาพ : นายณฐกร ยอดเพชรดิ์


สารบัญ เรื่อง หน้า ประวัติอำ�เภอแม่ลาน้อย 1 ประวัติความเป็นมากิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย 3 จุดเด่นของกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย การแต่งกาย กิงกะหล่าบ้านแม่ลาน้อย 5 เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง กิงกะหร่า 6 ท่ารำ�ประกอบการแสดงกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย 8 ส่วนประกอบและขั้นตอนวิธีการทำ�กิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย 12 อุปกรณ์ประกอบการแสดงกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย 18 ประวัตินายประสิทธิ์ มณีศรี 21 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


ประวัติ อำ เภอแม่ลาน้อย ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


1 อำ�เภอแม่ลาน้อย ที่ตั้งและอาณาเขต ทิศเหนือ ติดต่อกับอำ�เภอขุนยวม ทิศตะวันตก ติดต่อกับรัฐกะยา (ประเทศพม่า) และอำ�เภอแม่สะเรียง ทิศตะวันออก ติดต่อกับอำ�เภอแม่แจ่ม (จังหวัดเชียงใหม่) ทิศใต้ ติดต่อกับ อำ�เภอแม่สะเรียง แม่ลาน้อยแต่เดิมเป็นถิ่นที่ตั้งของชาวลัวะ (ละว้า) อาศัยประกอบการทำ�มาหาเลี้ยงชีพตามลำ�น้ำ�สองแง่ ซึ่งมีต้นน้ำ� จากทิวเขาเดียวกัน แง่ที่ไหลไปทางแม่ลาหลวงเป็นแง่ที่กว้างใหญ่และมีความยาวกว่าแง่ที่ไหลมาทางแง่แม่ลาน้อย และ เนื่องจากที่ราบข้างลำ�น้ำ�เป็นถิ่นฐานทำ�มาหากินของพวกชาวลัวะมาก่อน จึงเรียกชื่อแม่น้ำ�ทั้งสองสายว่า “แม่ลัวะหลวง” และ “แม่ลัวะน้อย” ต่อมาชาวลั๊วะถูกชาวเงี้ยว (ไทยใหญ่) เข้าแย่งที่ทำ�กิน พวกลัวะจึงร่นถอยอพยพห่างออกไป นาน ๆ เข้าการ ออกเสียงคำ�ว่า “ลัวะ” ก็เพี้ยนไปเป็น “ลา” ตามสำ�เนียงของชาวเงี้ยว ในที่สุดเรียกชื่อเป็น “แม่ลาน้อย” มาจนถึงปัจจุบัน ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


2 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ประวัติ ความเป็นมา กิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


ประวัติความเป็นมา “กิงกะหร่า” มาจากภาษาบาลีว่า “กินนรหรือกินนรา” ซึ่งลำ�ตัวและหน้าเป็นเทพ มีท่อนล่างขาและหาง เป็นแบบนก อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ กินนรในพม่าเรียกว่า keinnaya หรือ kinaya พุทธแบบพม่าเชื่อว่า ในบรรดา136 อดีตชาติของพระพุทธเจ้าเคยประสูติเป็นกินนร (ปรากฏในจันทกินนรชาดก) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังเชื่อว่ากินนรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการร่ายรำ�ดนตรีและกวี สำ�หรับชาวไทใหญ่ กิงกะหร่า มีเรื่องเล่าอยู่ในเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดก หรือทศชาติที่สิบ ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเดือนสิบเอ็ดเชื่อกันว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับโลกจากสวรรค์ ชั้นดาวดึงส์ หลังจากพระองค์ได้แสดงพระธรรมโปรดพุทธมารดา เหล่าสัตว์น้อยใหญ่รวมไปถึงกิงกะหร่า ต่างดีใจอยากได้บุญเช่นเดียวกับมนุษย์ จึงพร้อมใจกันออกมาฟ้อนรำ�เพื่อถวายการต้อนรับพระพุทธเจ้า ภาพประกอบจาก : https://i.pinimg.com 3 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


กิงกะหร่าในตำ�บลแม่ลาน้อย แรกเริ่มเดิมทีมาจากช่างต่อเรือชาวไทใหญ่ ที่ได้สัญจรมาพักที่ตำ�บลแม่ลาน้อย โดยนำ�กิงกะหร่า เข้ามาเผยแพร่เป็นครั้งแรก ด้วยนายกี นายลุง นายปั๋น นายโย่ว นายจั๋น ได้เกิดความเพลิดเพลิน และมีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง จึงทำ�การศึกษาเรียนรู้การแสดงกิงกะหร่าขึ้น หลังจากนั้นเป็นต้นมา ได้มีการสืบทอดต่อให้นายอ๋อย และนายละหม่อง ในขณะเดียวกันนายประสิทธิ์ มณีศรี ได้รับตำ�แหน่ง เป็นหัวหน้าชุมชนกองมู จึงได้ริเริ่มกับนายละหม่อง และนายอ๋อย โดยมีนายโมกข์ เจนดี เป็นมือกลอง และ นายองค์ วงค์คีรี มาร่วมด้วยในภายหลัง ต่อมาได้สืบทอดกันภายในครอบครัวโดยมีบุตรชาย นายภูวดล มณีศรี นำ�กิงกะหร่าไปเผยแพร่ในมหาวิทยาลัยราชภัฏลำ�ปาง ทำ�ให้กิงกะหร่าเป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจขึ้นมา อีกครั้ง ปัจจุบันนายประสิทธิ มณีศรี ได้มีการสืบทอดต่อและเกิดการรวมกลุ่มของเด็กและเยาวชน ที่มีความ สนใจในกิจกรรมการแสดงออกทางวัฒนธรรม ทำ�ให้เด็กและเยาวชนได้ใช้เวลาว่างจากชีวิตประจำ�วัน ศึกษาเรียนรู้หมั่นฝึกฝน พัฒนาทักษะการเคลื่อนไหว เกิดความคล่องแคล้ว คล่องตัว อันจะนำ�ไปสู่ความชำ�นาญ ในที่สุด 4 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


จุดเด่นของกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย การแต่งกาย กิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อย รูปลักษณ์เครื่องแต่งกายแตกต่างจากที่อื่นโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านแม่ลาน้อย โดยกิงกะหร่าประกอบด้วย ลำ�ตัว ปีก หางชั้นเดียว หน้ากากมงกุฎไทใหญ่สวมแบบปานกุม (สวมหมวก) และสวมเสื้อผ้าแบบไทใหญ่พื้นสีดำ�เพื่อขับสีสันบริเวณลำ�ตัว ปีกและหางให้สวยโดดเด่นสะดุดตา ผู้แสดง มักเป็นผู้ชาย เนื่องด้วยกิงกะหร่าเป็นเพศผู้ บวกกับขนาดและน้ำ�หนักตัวของกิงกะหร่ามีขนาดใหญ่และค่อน ข้างหนัก 5 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง กิงกะหร่า ใช้เครื่องดนตรีไทใหญ ่เครื่องดนตรีหลักที่ใช้เป็นเครื่องตี และเครื่องเคาะ ได้แก่ กลอง ฆ้อง และ ฉาบ โดยเล่นดนตรีเป็นจังหวะกลาง ประกอบการแสดง ลำ�ดับการแสดง ลำ�ดับแรกผู้แสดงจะทำ�การไหว้ครูและผู้ชม เพื่อแสดงความเคารพก่อนทำ�การแสดง และไหว้ขอบคุณผู้ชมเป็นลำ�ดับสุดท้ายเมื่อจบการแสดง 6 เรื่องและภาพประกอบจาก : http://tkapp.tkpark.or.th กลองก้นยาว หรือกลองปู่เจ่ (ไทใหญ่) เป็นกลองขึงหนังหน้าเดียว รูปร่างคล้ายกลองยาวภาคกลางแต่ยาวกว่า มีหนังเส้นดึงหน้ากลองไว้โดยรอบ ยาว ต ล อ ด ไ ห ล่ ก ล อ ง ตั ว ก ล อ ง ทำ � ด้ ว ย ไ ม้ จ ริ ง ต อ น ห น้าใ ห ญ่ ต อ น ท้าย มี ลั ก ษ ณ ะ เ รี ย ว แ ล้ ว ป ลาย บาเ ปิ ด อ อ ก เป็นปากแตร ตรงกลางของหน้ากลอง เมื่อจะตีต้องมีการติดจ่าเพื่อถ่วงเสียง หุ่นกลองส่วนหางควั่นเป็นปล้องๆ นิยมท่า ด้วยสีดำ�คาดแดงสลับกันให้ดูสวยงาม มีสายสะพายผูกข้างหนึ่งที่รูห่วงริมขอบกลอง อีกข้างหนึ่งผูกไว้ที่หางสำ�หรับคล้อง สะพายบ่า ใช้ตีด้วยมือ คือ ใช้ทั้งฝ่ามือและนิ้วมือกำ�ปั้นตีเต็มเสียง ตีครึ่งเสียง ลักจังหวะ มีการกดหน้ากลองให้เกิดเสียงต่างๆ ฉาบ ฉ า บ ทำ � จา ก โ ล ห ะ มี ลั ก ษ ณ ะ แ ผ่ บ านกอก เ ป็ น ท ร ง ก ล ม ต อ น ก ล างหน าเ ป็ น ปุ่ ม นู น เ รี ย ก ว่า “กระพุ้ง”(นูนน้อยกว่าฆ้อง) เจาะรูร้อยเชือก ผูกโยง เป็นคู่ อีกทั่งยังเป็นตำ�แหน่งที่ใช้มือจับในการบรรเลง ฉาบ มี 2 ขนาด คือ ฉาบเล็ก มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 -14 ซม. และฉาบใหญ่ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 24 – 26 ซม. โดยฉาบเล็กนั้นมีหน้าที่ตีขัดจังหวะหยอกล้อกับ ฉิ่ง ซึ่งแตกต่าง จากฉาบใหญ่ที่จะนิยมตีให้ตรงกับจังหวะตกของการบรรเลง ฆ้อง ฆ้องเป็นเครื่องดนตรีประเภทตี ทำ�ด้วยโลหะผสม มีปุ่มกลมตรงกลาง และมีฐานแผ่ออกไปโดยรอบ หักงุ้ม ออกไปเป็นขอบคนละด้านกับปุ่มที่โป่งออกมา ขอบที่หักงุ้ม ออกมานั้นเรียกว่า ฉัตร และที่ขอบฉัตรจะเจาะรู 2 รูไว้ร้อย เส้นเชือกหรือเส้นหนังสำ�หรับถือ หรือห้อยไว้กับราว เวลาตีใช้ไม้ตีตรงปุ่มกลางฆ้องให้เกิดเสียงดังกังวาน ที่หัวไม้ตีมีการพันด้วยผ้า หุ้มและถักหรือรัดด้วยด้ายให้ แน่น ไม้ตีมีขนาดแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับการใช้งาน ปั จ จุ บั น ไ ด้ มี การ เ พิ่ ม จำ � น ว น ฆ้ อ ง ข นาด ใ ห ญ่ และเล็กลดหลั่นกันลงไปในการประสมวง ตั้งแต่ 2-9 ใบ โดยจะตีพร้อมๆ กัน เพื่อให้ได้เสียงที่ดังกระหึ่ม เช่น วงกลองมองเซิง วงกลองก้นยาว เป็นต้น ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


ท่ารำ ประกอบการแสดง กิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


ท่ารำ�ประกอบการแสดง ท่ารำ�ของกิงกะหร่าจะเลียนแบบท่าทางของนก มีท่ารำ�แม่บททั้งหมด 6 ท่า ได้แก่ 1. ท่าเล่นปีก ใช้มือทั้งสองข้างจับปีกขยับขึ้นลง ซ้ายขวา สลับกันไปมา ซอยเท้าเดิน โดยทิศทางเป็นวงกลม ตามจังหวะของดนตรี 2. ท่าดึงหาง ใช้มือหนึ่งข้างจับปีกขยับขึ้นลง และใช้มืออีกหนึ่งข้างบังคับหางให้ขยับไปมา ซอยเท้าเดิน โดยทิศทางเป็นวงกลม ตามจังหวะของดนตรีประกอบ 8 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย วีดีโอ แสดงท่าสาธิต วีดีโอ แสดงท่าสาธิต


3. ท่าเล่นปีกรอบตัว ใช้มือทั้งสองข้างจับปีกขยับขึ้นลง ซ้ายขวา สลับกันไปมา ขยับเท้าเข้าออกเป็นจังหวะ พร้อมกับ เคลื่อนที่สลับไปมา 4. ท่าเล่นหูเล่นตาไปกับจังหวะเสียงกลอง ใช้มือทั้งสองข้างจับปีกขยับขึ้นลง ซ้ายขวา สลับกันไปมา ซอยเท้าเดิน โดยทิศทางเป็นวงกลม พร้อมเล่นหน้าเล่นตาขยับไปมา เลียนแบบลักษณะท่าทางการขยับหัวของนก ไปตามจังหวะ ของเสียงกลอง 9 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย วีดีโอ แสดงท่าสาธิต วีดีโอ แสดงท่าสาธิต


5. ท่ามือลายป๊อด (ศิลปะป้องกันตัว) ใช้มือทั้งสองข้างร่ายรำ� โดยนำ�ท่าทางมาจากศิลปะการป้องกันตัวด้วยใช้มือเปล่าตามแบบของ ไทใหญ่โบราณมาประกอบจังหวะของดนตรี 6. ท่าแถบลายป๊อด (ขยับขาพร้อมศิลปะป้องกันตัว) ใช้มือร่ายรำ�ท่าป้องกันตัว เพิ่มเติมคือการใช้ขา ขยับสลับไปมาทางซ้ายและขวา เรียกว่าการแถบ 10 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย วีดีโอ แสดงท่าสาธิต วีดีโอ แสดงท่าสาธิต


ส่วนประกอบ และ ขั้นตอนวิธีการทำ กิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


12 ส่วนประกอบของกิงกะหร่า โครงสร้างกิงกะหร่า ทำ�มาจากไม้ไผ่ นำ�มาจักแล้วนำ�มาดัดขึ้นรูป มัดด้วยเชือกหรือฟาง แล้วนำ�ผ้ามา เย็บหุ้มตกแต่งให้สวยงาม สามารถแบ่งส่วนประกอบ ออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 1. ปีก (จำ�นวน 2 ข้าง) 2. ส่วนลำ�ตัว (โครง) 3. หาง (หางใหญ่) 4. โคนหาง (มูนหาง) ๅ4 ๅ1 ๅ2 ๅ3 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


13 วิธีการทำ�กิงกะหร่า 1. นำ�ไม้ไผ่ มาตัดให้ได้ขนาดและ จำ�นวนตามต้องการ 2. นำ�เชือกฟางมามัดเงื่อน และดัดไม้ไผ่เพื่อขึ้นรูปโครงสร้างส่วนประกอบต่างๆ ของกิงกะหร่า วิธีการนี้ค่อนข้างต้องใช้ความอดทน ความแม่นยำ�และชำ�นาญ ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


14 3. โครงสร้างส่วนประกอบต่างๆของกิงกะหร่า หลังจากทำ�การขึ้นรูปและดัด อันประกอบไปด้วย 1. ส่วนของลำ�ตัว 2. ปีก (2 ชิ้น) 3.หาง (2 ส่วน) 4. โคนหาง 4. ทดลองประกอบส่วนโครงลำ�ตัว หาง และ โคนหางของกิงกะหร่า เข้าด้วยกัน ด้วยการมัดยึดด้วยเชือกฟาง ขั้นตอนการประกอบกิงกะหร่าจะไม่นิยมใช้ลวดในการประกอบ เพราะจะไปเพิ่มน้ำ�หนักให้กับโครงสร้าง ๅ1 ๅ2 3 4 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


5. บุผ้าหุ้มโครงสร้างไม้ไผ่ ด้วยการเย็บ ขั้นตอนนี้จะทำ�ด้วยมือทั้งหมด 15 6. หลังจากทำ�ลำ�ตัวกิงกะหร่าเสร็จแล้ว นำ�ปีกทั้งสองข้างมาประกอบ โดยวิธีการเย็บด้วยมือ จนแล้วเสร็จ ตกแต่งในส่วนของปีกให้สวยงามด้วยกระดาษตัดฉลุลวดลาย เพิ่มความสวยงาม ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


16 8. เมื่อทำ�การตกแต่งส่วนประกอบต่างๆ จนแล้วเสร็จ นำ�ส่วนประกอบแต่ละส่วนมาเย็บติดกับโครงลำ�ตัว ติด ตั้งสายเชือกสำ�หรับคล้องแขนและสายขยับหาง เป็นอันแล้วเสร็จ พร้อมสำ�หรับทำ�การแสดง 7. ประกอบชิ้นส่วนของหาง โดยวิธีการเย็บด้วยมือ จนแล้วเสร็จ ตกแต่งในส่วนของปีกให้สวยงามด้วย กระดาษตัดฉลุลวดลาย เพิ่มความสวยงาม ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย อุปกรณ์ประกอบการแสดง กิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


16 ส่วนของศีรษะ กิงกะหร่า อำ�เภอแม่ลาน้อย นิยมสวมหมวกยอดแหลม (มงกุฎไทใหญ่) และสวมหน้ากาก อันเป็นเอกลักษณ์


สำ�หรับในส่วนใบหน้ากิ่งกะหร่า บ้านแม่ลาน้อยนั้น จะใช้หน้ากากปิดหน้า เพื่อเพิ่มความสวยงามในการแสดง เลียนแบบมาจากหน้า ของกินนรา ขั้นตอนการทำ�หน้ากากกิงกะหร่า 1. ขึ้นแบบด้วยดินเหนียว เป็นรูปใบหน้าตามต้องการ 2. นำ�กระดาษฉีกเป็นชิ้น พอประมาณ ทากาวติดให้ทั่วแต่งให้กลมเรียบ สัก 8-10 ชั้น เก็บส่วนที่ไม่เรียบร้อยให้ได้มากที่สุด ยกเว้นส่วนดวงตา และ ช่องสำ�หรับหายใจ 3. นำ�ทั้งหมดไปตากแดดให้แห้งสนิท 4. นำ�กระดาษสีขาวมาปะเป็นชั้นสุดท้าย ตกแต่งรายละเอียดให้เรียบร้อย 5. เมื่อตากแห้งดีแล้วขั้นสุดท้าย ทาสีขาวรองพื้นให้ทั่วหน้ากาก 6. วาดลวดลาย ลงสี อะคริลิค ให้สวยงาม ตามต้องการ เมื่อแห้งแล้วพ่น หรือทาเคลือบเงานำ�ใปประกอบกับปานซอย (ชฎาไทใหญ่) ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย


ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย 20 ชุดการแสดงกิงกะหร่า ชุดสำ�หรับการแสดงที่ผู้แสดงจะสวมใส่ มีลักษณะเป็นเสื้อแขนยาว และกางเกงขายาว ผ้าที่นำ�มา ใช้ทำ�ชุดนั้น นิยมใช้ผ้าต่วนที่มีความมันวาวเย็บตกแต่งด้วยผ้าลูกไม้ที่คอเสื้อ แขนเสื้อ ไปจนถึงชาย เสื้อ ชายกางเกง (ชุดลิขสิทธิ์ของ พ่อครูประสิทธิ์ มณีศรี) แสดงแบบโดย : นายกฤตภัค สุรินทร์


21 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ประวัตินายประสิทธิ์ มณีศรี วัน เดือน ปีเกิด : ๑ กรกฎาคม ๒๕๐๗ ปัจจุบัน : สมาชิกสภาเทศบาลตำ�บลแม่ลาน้อย ที่อยู่ : ๖๒/๑ ม.๑ ตำ�บลแม่ลาน้อย อำ�เภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นนักปราชญ์ ภูมิปัญญาผู้มีองค์ความรู้ ด้านศิลปะการแสดงกิ่งกะหร่า ก้านก ก้าโต ก้าแลว ก้าลาย และการแสดงดั้งเดิมของชาวไทใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีผลงานด้านช่างฝีมือดั้งเดิม คือการตีมีด และมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ ภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม และเป็น เครือข่ายทางวัฒนธรรม ของอำ�เภอแม่ลาน้อยตลอดมา


22 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย เกร็ดความรู้ อรรถกถา จันทกินนรชาดก ว่าด้วย นางจันทกินนรี พระศาสดา เมื่อทรงอาศัยกรุงกบิลพัสดุ์ ประทับอยู่ ณ นิโครธาราม ทรงพระปรารภพระมารดาของพระราหุล ตรัสเรื่องนี้ในพระราชนิเวศน์ มีคำ�เริ่มต้นว่า อุปนียติทํ มญฺเญ ดังนี้. ที่จริงชาดกนี้ควรจะกล่าวตั้งแต่ทูเรนิทาน ก็แต่นิทานกถานี้นั้น จนถึงพระอุรุเวลกัสสปบันลือสีหนาทในลัฏฐิวัน กล่าวไว้ใน อปัณณกชาดก ต่อจากนั้นจนถึงเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ จักแจ้ง ใน เวสสันดรชาดก.ก็แล พระศาสดาประทับนั่งในพระนิเวศน์ของ พุทธบิดา ในเวลากำ�ลังเสวย ตรัสมหาธัมมปาลชาดก เสวยเสร็จ ทรงดำ�ริว่า เราจักนั่งในนิเวศน์ของมารดาราหุล กล่าวถึงคุณของเธอ แสดงจันทกินนรชาดก ให้พระราชาทรงถือบาตรเสด็จไปที่ประทับ แห่งพระมารดาของพระราหุล กับพระอัครสาวกทั้งสอง. ครั้งนั้น นางระบำ� ๔๐,๐๐๐ ของพระนางพากันอยู่พร้อมหน้า. บรรดานางทั้งนั้นที่เป็นขัตติยกัญญาถึง ๑,๐๙๐ นาง. พระนางทรงทราบ ว่าพระตถาคตเสด็จมา ตรัสบอกแก่นางเหล่านั้นว่า จงพากันนุ่งผ้าย้อม น้ำ�ฝาดทั่วกันทีเดียว. นางเหล่านั้นพากันกระทำ�อย่างนั้น พระศาสดาเสด็จ มาประทับนั่งเหนือพระแท่นที่เตรียมไว้. ครั้งนั้น พวกนางเหล่านั้นทั้งหมดก็พากันร้องไห้ประดังขึ้นเป็นเสียง เดียวกันอื้ออึงไป เสียงร่ำ�ให้ขนาดหนักได้มีแล้ว ฝ่ายพระมารดาของ พระราหุลเล่าก็ทรงกันแสง ครั้นทรงบรรเทาความโศกได้ ก็ถวายบังคม พระศาสดา ประทับนั่งด้วยความนับถือมาก เป็นไปกับความเคารพ อันมีในพระราชา.


23 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ครั้งนั้น พระราชาทรงพระปรารภคุณกถาของพระนาง ได้ตรัสเล่า พรรณนาคุณของพระนางด้วยประการต่างๆ เช่น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สะใภ้ของโยม ฟังว่าพระองค์ทรงนุ่งกาสาวพัสตร ก็นุ่งกาสาวพัสตร์ เหมือนกัน ฟังว่า พระองค์เลิกทรงมาลาเป็นต้น ก็เลิกทรงมาลาเป็นต้น ฟังว่า ทรงเลิกบรรทมเหนือพระยี่ภูอันสูงอันใหญ่ ก็บรรทมเหนือพื้น เหมือนกัน ในระยะกาลที่พระองค์ทรงผนวชแล้ว นางยอมเป็นหญิงหม้าย มิได้ รับบรรณาการที่พระราชาอื่นๆ ส่งมาให้เลย นางมีจิตมิได้เปลี่ยนแปลง ในพระองค์ถึงเพียงนี้. พระศาสดาตรัสว่า มหาบพิตร ไม่น่าอัศจรรย์เลย ที่นางมีความรัก ไม่เปลี่ยนแปลงในอาตมภาพอย่างไม่ไยดีในผู้อื่นเลย ในอัตภาพ สุดท้ายของอาตมภาพครั้งนี้ แม้บังเกิดในกำ�เนิดดิรัจฉาน ก็ยังได้มีจิตใจ ไม่เปลี่ยนแปลงในอาตมภาพอย่างไม่ไยดีในผู้อื่นเลย แล้วทรงรับอาราธนานำ�อดีตนิทานมาดังต่อไปนี้. ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในกำ�เนิดกินนรในหิมวันตประเทศ ภรรยาของเธอ นามว่า จันทา ทั้งคู่เล่าก็อยู่ที่ภูเขาเงินชื่อว่า จันทบรรพต ครั้งนั้น พระเจ้าพาราณสีมอบราชสมบัติแก่หมู่อำ�มาตย์ ทรงผ้า ย้อมฝาดสองผืน ทรงสอดพระเบญจาวุธ เข้าสู่ป่าหิมพานต์ลำ�พังพระองค์ เดียวเท่านั้น ท้าวเธอเสวยเนื้อที่ทรงล่าได้เป็นกระยาหาร เสด็จท่องเที่ยว ไปถึงลำ�น้ำ�น้อยๆ สายหนึ่งโดยลำ�ดับ ก็เสด็จขึ้นไปถึงต้นสาย ฝูงกินนร ที่อยู่ ณ จันทบรรพต เวลาฤดูฝนก็ไม่ลงมา พากันอยู่ที่ภูเขานั่นแหละ ถึงฤดูแล้งจึงพากันลงมา.


24 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ครั้งนั้น จันทกินนรลงมากับภรรยาของตน เที่ยวเก็บเล็มของหอม ในที่นั้นๆ กินเกษรดอกไม้ นุ่งห่มด้วยสาหร่ายดอกไม้ เหนี่ยวเถาชิงช้า เป็นต้น เล่นพลางขับร้องไปพลาง ด้วยเสียงจะแจ้วเจื้อยจนถึงลำ�น้ำ� น้อยสายนั้น หยุดลงตรงที่เป็นคุ้งแห่งหนึ่ง โปรยปรายดอกไม้ลงในน้ำ� ลงเล่นน้ำ� แล้วนุ่งห่มสาหร่ายดอกไม้ จัดแจงแต่งที่นอนด้วยดอกไม้ เหนือหาดทรายซึ่งมีสีเพียงแผ่นเงิน ถือขลุ่ยเลาหนึ่ง นั่งเหนือที่นอน. ต่อจากนั้น จันทกินนรก็เป่าขลุ่ยขับร้องด้วยเสียงอันหวานฉ่ำ� จันทกินรี ก็ฟ้อนหัตถ์อันอ่อนยืนอยู่ในที่ใกล้สามีฟ้อนไปบ้าง ขับร้อง ไปบ้าง. พระราชานั้นทรงสดับเสียงของกินนรกินรีนั้น ก็ทรงย่องเข้าไปค่อยๆ ยืนแอบในที่กำ�บัง ทรงทอดพระเนตรกินนรเหล่านั้น ก็ทรงมีจิตปฏิพัทธ์ ในกินรี ทรงดำ�ริว่า จักยิงกินนรนั้นเสียให้ถึงสิ้นชีวิต ถึงสำ�เร็จการอยู่ร่วม กินรีนี้ แล้วทรงยิงจันทกินนร. เธอเจ็บปวดรำ�พันกล่าวคาถา ๔ คาถาว่า ดูก่อนนางจันทา ชีวิตของพี่ใกล้จะขาดอยู่แล้ว พี่กำ�ลังเมาเลือด จันทาเอ๋ย พี่เห็นจะละชีวิตไปแม้ในวันนี้ ลมปราณของพี่กำ�ลังจะดับ ชีวิต ของพี่กำ�ลังจะจม ความทุกข์กำ�ลังเผาผลาญหัวใจพี่ พี่ลำ�บากยิ่งนัก ความโศกของพี่ ครั้งนี้ เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้า จันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้ พี่จะเหี่ยวแห้ง เหมือนต้นหญ้าที่ถูกทิ้งไว้ บนแผ่นหินร้อน เหมือนต้นไม้มีรากอันขาด พี่จะเหือดหายเหมือนแม่น้ำ� ที่ขาดห้วง ความโศกของพี่ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่าความโศกเหล่าอื่น เพราะ เหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้


25 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย น้ำ�ตาของพี่ไหลออกเรื่อยๆ เหมือนน้ำ�ฝนที่ตกลงที่เชิงบรรพต ไหลไปไม่ขาดสายฉะนั้น ความโศกของพี่ครั้งนี้เป็นความโศกยิ่งใหญ่กว่า ความโศกเหล่าอื่น เพราะเหตุแห่งเจ้าจันทาผู้จะเศร้าโศกถึงพี่โดยแท้. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุปนียติ ความว่า ชีวิตของพี่ใกล้จะขาดอยู่ แล้ว. บทว่า อิทํ ได้แก่ ชีวิต. บทว่า ปาณา ความว่า ดูก่อนจันทา ลมปราณคือชีวิตของพี่ย่อมจะดับ. บทว่า โอสธิ เม ความว่า ชีวิตของพี่ย่อมจะจมลง. บทว่า นิตมานิ แปลว่า พี่ย่อมลำ�บากอย่างยิ่ง. บทว่า ตว จนฺทิยา ความว่า นี้เป็นความทุกข์ของพี่. บทว่า น นํ อญฺเญหิ โสเกหิ ความว่าโดยที่แท้นี้เป็นเหตแห่งความโศก ของเธอผู้ชื่อว่าจันที เมื่อกำ�ลังเศร้าโศกอยู่ เพราะเหตุที่เธอเศร้าโศก เพราะความพลัดพรากของเรา. ด้วยบทว่า ติณมิว มิลายามิ เธอกล่าวว่า ข้าจะเหี่ยวเฉา เหมือนต้นหญ้า ที่ถูกทอดทิ้งบนแผ่นหินอันร้อน เหมือนป่าไม้ที่ถูกตัดรากฉะนั้น. บทว่า สเร ปาเท ความว่า เหมือนสายฝนที่ตกบนเชิงเขาไหลซ่านไป ไม่ขาดสายฉะนั้น. พระมหาสัตว์คร่ำ�ครวญด้วยคาถาสี่เหล่านี้ นอนเหนือที่นอนดอกไม้ นั่นเอง ชักดิ้นสิ้นสติ. ฝ่ายพระราชายังคงยืนอยู่. จันทากินรี เมื่อพระมหาสัตว์รำ�พัน กำ�ลังเพลิดเพลินเสียด้วยความรื่นเริง ของตน มิได้รู้ว่าเธอถูกยิง แต่ครั้น


26 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย เห็นเธอไร้สัญญานอนดิ้นไป ก็ใคร่ครวญว่า ทุกข์ของสามีเรา เป็นอย่างไรหนอ พอเห็นเลือดไหลออกจากปากแผล ก็ไม่อาจสะกดกลั้น ความโศกอันมีกำ�ลังที่เกิดขึ้นในสามีที่รักไว้ได้ ร่ำ�ไห้ด้วยเสียงดัง. พระราชาทรงดำ�ริว่า กินนรคงตายแล้ว ปรากฏพระองค์ออกมา จัน ทาเห็นท้าวเธอหวั่นใจว่าโจรผู้นี้คงยิงสามีที่รักของเราจึงหนีไปอยู่บน ยอดเขา พลางบริภาษพระราชา ได้กล่าวคาถา ๕ คาถา ดังนี้ พระราชบุตรใด ยิงสามีผู้เป็นที่ปรารถนาของเรา เพื่อให้เป็นหม้าย ที่ชายป่า พระราชบุตรนั้นเป็นคนเลวทรามแท้ สามีของเรานั้นถูกยิงแล้ว นอนอยู่ที่พื้นดิน พระราชบุตรเอ๋ย มารดาของท่านจงได้รับสนองความโศกในดวงหทัย ของข้าผู้เพ่งมองดูกินนรผู้สามีนี้ ชายาของท่านจงได้รับสนองความโศกในดวงหทัยของข้าผู้เพ่งมอง ดูกินนรผู้สามีนี้ พระราชบุตรเอ๋ย ท่านได้ฆ่ากินนรผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ ในเรา ขอมารดาของท่านอย่าได้พบเห็นบุตรและสามีเลย ท่านได้ฆ่ากินนรีผู้ไม่ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา ขอชายา ของท่านจงอย่าได้พบเห็นบุตรและสามีเลย. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วรากิยา แปลว่า ผู้กำ�พร้า. บทว่า ปฏิมุจฺจตุ ได้แก่ จงกลับได้ คือถูกต้องบรรลุ. บทว่า มยฺหํ กามาหิ ได้แก่ เพราะความรักใคร่ในฉัน.


27 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย พระราชา เมื่อจะตรัสปลอบนางผู้ยืนร่ำ�ไห้เหนือยอดภูเขาด้วย ๕ คาถา จึงตรัสคาถาว่า ดูก่อนนางจันทา ผู้มีนัยน์ตาเบิกบานดังดอกไม้ในป่า เธออย่าร้องไห้ ไปเลย เธอจักได้เป็นอัครมเหสีของฉันมีเหล่านารีในราชสกุลบูชา. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า จนฺเท ความว่า เพราะได้สดับชื่อของ พระโพธิสัตว์เวลาคร่ำ�ครวญ จึงได้ตรัสอย่างนั้น. บทว่า วนติมิรมตฺตกฺขิ แปลว่า ผู้มีนัยน์ตาเสมอด้วยดอกไม้ที่มืดมัว ในป่า. บทว่า ปูชิตา ความว่า เธอจะได้เป็นอัครมเหสีผู้เป็นหัวหน้าของบรรดา หญิง ๑๖,๐๐๐ คน. นางจันทากินรีฟังคำ�ของท้าวเธอแล้วกล่าวว่า ท่านพูดอะไร เมื่อจะบันลือสีหนาท จึงกล่าวคาถาต่อไปว่า ถึงแม้ว่าเราจักต้องตาย แต่เราจักไม่ขอยอมเป็นของท่านผู้ฆ่ากินนร สามีของเรา ผู้มิได้ประทุษร้าย เพราะความรักใคร่ในเรา. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปิ นูนาหํ ความว่า ถึงแม้เราจักต้องตาย อย่างแน่นอนทีเดียว. ท้าวเธอฟังคำ�ของนางแล้วหมดความรักใคร่ ตรัสคาถาต่อไปว่า แน่ะนางกินรีผู้ขี้ขลาด มีความรักใคร่ต่อชีวิต เจ้าจงไปสู่ป่าหิมพานต์ เถิด มฤคอื่นๆ ที่บริโภคกฤษณาและ กระลำ�พัก จักยังรักใคร่ยินดีต่อเจ้า. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อปิ ภีรุเก แปลว่า ผู้มีชาติขลาดเป็นอย่างยิ่ง. บทว่า ตาลิสตคฺครโภชนา ความว่า มฤคอื่นๆ ที่บริโภคใบกฤษณาและ ใบกระลำ�พัก จักยังรักษาความยินดีต่อเจ้า.


28 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ท้าวเธอได้กล่าวกะนางว่า เธอจงอย่าไปจากความลับในราชตระกูล. ก็แลครั้นตรัสอย่างนี้แล้ว ก็เสด็จหลีกไปอย่างหมดเยื่อใย. นางทราบ ว่าท้าวเธอไปแล้ว ก็ลงมากอดพระมหาสัตว์ อุ้มขึ้นสู่ยอดภูเขา ให้นอน เหนือยอดภูเขา ยกศีรษะวางไว้เหนือขาของตน พลางพร่ำ�ไห้เป็นกำ�ลัง จึงกล่าวคาถา ๑๒ คาถาว่า ข้าแต่กินนร ภูเขาเหล่านั้น ซอกเขาเหล่านั้นและถ้ำ�เหล่านั้นตั้งอยู่ ณ ที่นั้น ฉันไม่เห็นท่านในที่นั้นๆ จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เทือกเขาซึ่งเราเคยร่วมอภิรมย์กัน จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่แผ่นผาอันลาดด้วยใบไม้เป็นที่ น่ารื่นรมย์ พวกมฤคร้ายกล้ำ�กราย จะทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่แผ่นผาอันลาด ด้วยดอกไม้ เป็นที่ น่ารื่นรมย์ พวกมฤคร้ายกล้ำ�กราย จะทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ลำ�ธารอันมีน้ำ�ใสไหลอยู่เรื่อยๆ มีกระแสเกลื่อนกล่นไปด้วยดอกโกสุม จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีเขียว น่าดู น่าชม จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์มีสีเหลืองอร่าม น่าดูน่าชม จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีแดง น่าดู น่าชม จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันสูงตระหง่าน น่าดูน่าชม จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันมีสีขาว น่าดู น่าชม จะกระทำ�อย่างไร


29 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ยอดเขาหิมพานต์อันงามวิจิตร น่าดู น่าชม จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เขาคันธมาทน์ อันดารดาษไปด้วย ยาต่างๆ เป็นถิ่นที่อยู่ของหมู่เทพเจ้า จะกระทำ�อย่างไร ข้าแต่กินนร เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่ภูเขาคันธมาทน์ อันดารดาษไปด้วย โอสถทั้งหลาย จะกระทำ�อย่างไร. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เต ปพฺพตา ความว่า ภูเขาเหล่านั้น ซอกเขา เหล่านั้นและถ้ำ�เขาเหล่านั้นที่เราเคยขึ้นร่วมอภิรมย์ ตั้งอยู่ ณ ที่นั้นนั่น แล บัดนี้ เมื่อฉันไม่เห็นท่านที่เทือกเขานั้น เราจะทำ�อย่างไรเล่า เมื่อฉัน ไม่เห็นท่านที่แผ่นผาลาดอันงดงามไปด้วยใบไม้ดอกและผลเป็นต้น ร่ำ�ไรอยู่ว่าเราจะอดกลั้นได้อย่างไร. บทว่า ปณฺณสณฺฐตา ความว่า ดารดาษด้วยกลิ่นและใบ ของใบกฤษณา เป็นต้น. บทว่า อจฺฉา ได้แก่ มีน้ำ�ใสสะอาด. บทว่า นีลานิ ได้แก่ สำ�เร็จด้วยแก้วมณี. บทว่า ปีตานิ ได้แก่ สำ�เร็จด้วยทองคำ�. บทว่า ตมฺพานิ ได้แก่ สำ�เร็จด้วยมโนศิลา. บทว่า ตุงฺคานิ ความว่า มีปลายคมสูง. บทว่า เสตานิ ได้แก่ สำ�เร็จด้วยเงิน. บทว่า จตฺรานิ ได้แก่ เจือด้วยรัตนะ ๗ ประการ. บทว่า ยกฺขคณเสวิเต ความว่า อันภุมเทวดาเสพแล้ว.


30 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย นางร่ำ�ไห้ด้วยคาถาสิบสองบทด้วยประการฉะนี้แล้ว วางมือลงตรงอุระ พระมหาสัตว์ รู้ว่ายังอุ่นอยู่ ก็คิดว่า พี่จันท์ยังมีชีวิตเป็นแน่ เราต้องกระทำ� การเพ่งโทษเทวดา ให้ชีวิตของเธอคืนมาเถิด. แล้วได้กระทำ�การเพ่งโทษ เทวดาว่า เทพเจ้าที่ได้นามว่าท้าวโลกบาลน่ะไม่มีเสียหรือไรเล่า หรือ หลบไปเสียหมดแล้ว หรือตายหมดแล้ว ช่างไม่ดูแลผัวรักของข้าเสียเลย. ด้วยแรงโศกของนาง พิภพท้าวสักกะเกิดร้อน. ท้าวสักกะทรงดำ�ริทราบ เหตุนั้น แปลงเป็นพราหมณ์ถือกุณฑีน้ำ�มาหลั่งรดพระมหาสัตว์. ทันใดนั้นเองพิษก็หายสิ้น แผลก็เต็ม แม้แต่รอยที่ว่าถูกยิงตรงนี้ก็ มิได้ปรากฏ. พระมหาสัตว์สบายลุกขึ้นได้ จันทาเห็นสามีที่รักหายโรค แสนจะดีใจ ไหว้แทบเท้าของท้าวสักกะ กล่าวคาถาเป็นลำ�ดับว่า ข้าแต่ท่านพราหมณ์ผู้เป็นเจ้า ฉันขอไหว้เท้าทั้งสองของท่านผู้มี ความเอ็นดู มารดาสามีผู้ที่ดิฉันซึ่งเป็นกำ�พร้าปรารถนายิ่งนักด้วยน้ำ�อมฤต ดิฉันได้ชื่อว่าเป็นผู้พร้อมเพรียงด้วยสามีผู้เป็นที่รักยิ่งแล้ว. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อมเตน ความว่า นางจันทากินรีสำ�คัญว่า เป็นน้ำ�อมฤตจึงกล่าวอย่างนั้น. บทว่า ปิยตเมน แปลว่า น่ารักกว่า. บาลีก็อย่างนั้นเหมือนกัน. ท้าวสักกะได้ประทานโอวาทแก่กินนรทั้งคู่นั้นว่า ตั้งแต่บัดนี้ เธอทั้งสองอย่าลงจากจันทบรรพตไปสู่ถิ่นมนุษย์เลย จงพากันอยู่ที่นี้ เท่านั้นนะ ครั้นแล้วก็เสด็จไปสู่สถานที่ของท้าวเธอ. ฝ่ายจันทากินรีก็กล่าวว่า พี่เจ้าเอ๋ย เราจะต้องการอะไรด้วยสถาน ที่อันมีภัยรอบด้านนี้เล่า มาเถิดค่ะ เราพากันไปสู่จันทบรรพตเลยเถิดคะ แล้วกล่าวคาถาสุดท้ายว่า


31 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย บัดนี้ เราทั้งสองจักเที่ยวไปสู่ลำ�ธารอันมีกระแสสินธุ์อันเกลื่อนกล่น ด้วยดอกโกสุม ดารดาษไปด้วยบุบผชาติต่างๆ เราทั้งสองจะกล่าววาจา เป็นที่รักแก่กันและกัน. พระศาสดาทรงนำ�พระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุ ทั้ง หลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในครั้งก่อนนางก็ไม่ได้เอาใจออกห่าง เรา มิใช่หญิงที่ผู้อื่นจะนำ�ไปได้เหมือนกัน ทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็น เทวทัต ท้าวสักกะได้มาเป็น อนุรุทธะ จันทากินรีได้มาเป็น มารดาเจ้าราหุล ส่วนจันทกินนรได้มาเป็น เราตถาคต แล. จบอรรถกถาจันทกินนรชาดกที่ ๒ เนื้อความจากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ บรรทัดที่ ๗๒๖๘-๗๓๒๓ หน้าที่ ๓๒๕-๓๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกายชาดก ภาค ๑ ๒. จันทกินนรชาดก ว่าด้วยนางจันทกินนรี


32 ศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อย ขอบคุณ ในการเขียนเรียบเรียงหนังสือศิลปะการแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อยเล่มนี้ ได้รับความร่วมมือจาก นายประสิทธิ์ มณีศรี ผู้มีองค์ความรู้ ด้านศิลปะการแสดงกิ่งกะหร่า และมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ตลอดมา ให้ความสำ�คัญในการให้ข้อมูล เพื่อการเขียน เรียบเรียงหนังสือครั้งนี้อย่างเต็มที่ คณะผู้จัดทำ�สำ�นึกในพระคุณและ ขอกราบขอบพระคุณ ไว้ ณ ที่นี้ ที่ได้ร่วมส่งเสริมการอนุรักษ์ และสืบทอดศิลปะการแสดง นกกิงกะหร่า บ้านแม่ลาน้อยมาโดยตลอด ขอขอบพระคุณ นายอาคม จำ�ลองศักดิ์ นายกเทศมนตรี เทศบาลตำ�บลแม่ลาน้อย ที่ได้ให้ความสำ�คัญสนับสนุน การเขียนเรียบเรียงหนังสือครั้งนี้ และขอขอบพระคุณ คุณบิดาคุณมารดา ทุกท่านที่มีส่วนร่วม นางกมลพรรณ ทานา และ นางอัจฉรา กองแก้ว ที่ให้การสนับสนุนและ ให้กำ�ลังใจในการเขียนเรียบเรียงทำ�หนังสือฯ ตลอดมาจนสำ�เร็จ ลุล่วงไปด้วยดี ซึ่งถ้าขาดการสนับสนุนดังกล่าว คงไม่สามารถ เขียนหนังสือเล่มนี้ได้ คณะผู้จัดทำ�ต้องขอแสดงความขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วย คุณค่าและประโยชน์จากหนังสือฉบับนี้ คณะผู้จัดทำ�ขอมอบให้เป็นคุณค่าทางด้าน การอนุรักษ์และสืบทอด ที่มิควรหยุดนิ่งในการดำ�รงไว้ซึ่งคุณค่าทางด้านวัฒนธรรมศิลปะ การแสดงนกกิงกะหร่าบ้านแม่ลาน้อยให้คงอยู่สืบไป คณะผู้จัดทำ�ขอขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างยิ่งมา ณ โอกาสนี้ นางสาวมัณฑนา แดงสุข นายณฐกร ยอดเพชรดิ์ คณะผู้จัดทำ�


ผู้จัดทำ� นายณฐกร ยอดเพชรดิ์ ครูจ้างสอน ตำ�แหน่ง : งานประชาสัมพันธ์ ฯ โรงเรียนไท่จง (เทศบาล ๓) สังกัดกองการศึกษา เทศบาลตำ�บลแม่ลาน้อย ผู้จัดทำ� นางสาวมัณฑนา แดงสุข ตำ�แหน่ง : นักสันทนาการปฏิบัติการ สังกัดกองการศึกษา เทศบาลตำ�บลแม่ลาน้อย คณะผู้จัดทำ


กองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เทศบาลตำ บลแม่ลาน้อย หมู่ที่ 1 บ้านแม่ลาน้อย ตำ บลแม่ลาน้อย อำ เภอแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน 58120 ติดต่อ โทร : 053 689278 website : https://www.maelanoi.go.th/


Click to View FlipBook Version