ชุดกิจกรรม เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

โรงเรียนตะพานหิน

นางสาววราภรณ์ บัณฑิตโรจนฤทธิ์

ก

คำนำ

ชุดกิจกรรม ฉบับนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนางาน (PA) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 รายวิชา สังคมศึกษา ศาสนาและ
วัฒนธรรม เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
ซึ่งประกอบด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 1 ชุด

ผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่าชุดกิจกรรมการเรียนรู้เล่มนี้จะช่วยให้นักเรียนเกิดการ
เรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ส่งเสริมทักษะกระบวนการคิดและวิเคราะห์ เพื่อให้นักเรียนสามารถ
นำความรู้และทักษะที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งเป็นพื้นฐานในการศึกษา
ต่อไป

นางสาววราภรณ์ บัณฑิตโรจนฤทธิ์

ข

สารบัญ

เรื่อง หน้า

คำนำ ก
สารบัญ ข
คำชี้แจงประกอบการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 1
แผนผังการจัดชั้นเรียน 2
คำชี้แจงประกอบการใช้ชุดการเรียนรู้สำหรับนักเรียน 3
แผนผังขั้นตอนการใช้ชุดการเรียนรู้เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ 4
สาระการเรียนรู้และมาตรฐานการเรียนรู้ 5
คำสั่ง 7
แบบทดสอบก่อนเรียน 8
เนื้อหาความรู้ 11
กิจกรรม 15
แบบทดสอบหลังเรียน 20
ตารางบันทึกคะแนน 23
บรรณานุกรม 24

1

คำชี้แจงประกอบการใช้ชุดกิจกรรม
การเรียนรู้เรื่อง กลไกราคา
ในระบบเศรษฐกิจ





ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ รายวิชาสังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 มีส่วนประกอบ ดังนี้

1. คู่มือนักเรียน ประกอบด้วย
- บทบาทนักเรียน
- เนื้อหาที่จะเรียน

2. สื่อการเรียนและอุปกรณ์การเรียน ประกอบด้วย
- แบบทดสอบก่อนเรียน
- คำชี้แจง
- เนื้อหา
- กิจกรรม
- แบบทดสอบหลังเรียน

2

แผนผังการจัดชั้นเรียน




โต๊ะเดี่ยว

การจัดบรรยากาศ
ในห้องเรียน การทดสอบ
ก่อนเรียนและหลังเรียน
แต่ละชุดและการทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

โต๊ะกลุ่ม

การจัดบรรยากาศ
ในห้องเรียน

โดยใช้การจัดการเรียนรู้
แบบกลุ่ม เพื่อให้นักเรียน
ได้แลกเปลี่ยนความคิด

และรวบรวมข้อมูล
และนำเสนอ

3

คำชี้แจงในการใช้ชุดการเรียนรู้
สำหรับนักเรียน



คำชี้แจง
นักเรียนต้องปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอนตามกระบวนการจัดการเรียนรู้ดังนี้
1. นักเรียนศึกษาคำชี้แจงในการใช้ชุดการเรียนรู้และปฏิบัติตามลำดับขั้นตอน
2. นักเรียนศึกษาเนื้อหาในบทเรียน จากชุดการเรียนรู้แล้วสรุปองค์ความรู้เป็น

ความคิดรวบยอด
3. นักเรียนทำกิจกรรมการเรียนการสอนในห้องเรียนตามเวลาที่ครูผู้สอนกำหนด

4

แผนผังขั้นตอน
การใช้ชุดการเรียนรู้

ศึกษาคำแนะนำในการใช้ชุดการเรียนรู้

ศึกษามาตรฐานการเรียนรู้ ผลการเรียนรู้
จุดประสงค์การเรียนรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะทีี่สำคัณของผู้เรียน

ทำแบบทดสอบก่อนเรียน

ปฏิบัติตามชุดการเรียนรู้

ทำแบบทกสอบหลังเรียน ไม่ผ่านเกณฑ์ 80 %

นักเรียนได้คะแนนคุณภาพดีมาก
ถือว่าผ่านเกณฑ์

ผ่านการทำชุดการเรียนรู้

5

สาระการเรียนรู้และ
มาตรฐานการเรียนรู้

สาระสำคัญ
กลไกราคาเป็นเครื่องมือในระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ซึ่งการเปลี่ยนแปลง


ในระดับราคาสินค้าเกิดจากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน
กลไกราคามีความสำคัญในระบบเศรษฐกิจ มีส่วนในการตัดสินใจของผู้


บริโภคและผู้ผลิต

สาระการเรียนรู้
1) ความหมายและประเภทของตลาด
2) ความหมายและตัวอย่างของอุปสงค์และอุปทาน
3) ความหมายและความสำคัญของกลไกราคาและการกำหนดราคาใน


ระบบเศรษฐกิจ
4) หลักการปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ
5) ความหมายและความสำคัญของกลไกราคาและการกำหนดราคาใน


ระบบเศรษฐกิจ
6) หลักการปรับและเปลี่ยนแปลงราคาสินค้าและบริการ

สาระมาตรฐาน/ตัวชี้วัด
ส 3.1 ม.3/1 อธิบายกลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ
ตัวชี้วัด อธิบายความหมายและความสำคัญของกลไกราคาได้

6

สาระการเรียนรู้และ
มาตรฐานการเรียนรู้

จุดประสงค์การเรียนรู้
1.อธิบายความหมายและความสำคัญของกลไกราคาได้

เนื้อหาสาระ (Content )
ด้านความรู้ (K)
1 กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ
1.1) กลไกราคา
ด้านทักษะกระบวนการ (P)
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2.ความสามารถในการคิด
2.1) ทักษะการสรุปความรู้
2.2) ทักษะการเปรียบเทียบ
3. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต

ด้านคุณลักษณะที่พึงประสงค์ (A)
1. มีวินัย
2.ใฝ่เรียนรู้
3.มุ่งมั่นในการทำงาน

7

คำสั่ง

ชุดการเรียนรู้ เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ

คำชี้แจง
นักเรียนศึกษาหาความรู้ในชุดกิจกรรรมการเรียนรู้ตามขั้นตอนต่อไปนี้

1. ทำแบบทดสอบก่อนเรียน
2. ศึกษาเนื้อหาในบทเรียน จากชุดการเรียนรู้ และค้นคว้าออนไลน์จากแหล่งการเรียนรู้
อื่นๆ เพิ่มเติม
3. สรุปผลการเรียนรู้เป็นความคิดรวบยอดในรูปแบบ แผนผังความคิด (My mapping)
พร้อมตั้งคำถามข้อสงสัย
4. นักเรียนร่วมอภิปรายในห้องเรียนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กัน และสามารถใช้เทคโนโลยี
ในการสืบค้นเพื่อให้เกิดความรู้ใหม่และทำกิจกรรม ถาม-ตอบ
5. ฟังคุณครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ โดยใช้
ชุดการเรียนรู้ประกอบการบรรยาย นักเรียนจับกลุ่มร่วมกันทำกิจกรรมในชุดการเรียนรู้
เรื่อง กลไกราคาในระบบเศรษฐกิจ สรุปและนำเสนอหน้าห้องเรียน
8. ตรวจสอบคำตอบ หากยังไม่ถูกต้องครูคอยช่วยเหลือกำหนดทิศทางและแก้ไขให้
ถูกต้อง และสรุปผลร่วมกันอีกครั้ง
9. ทำแบบทดสอบหลังเรียน

8

แบบทดสอบก่อนเรียน

ชี้แจง แบบทดสอบก่อนเรียนแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แล้วทำเครื่องหมาย

กากบาท X ลงในกระดาษคำตอบ

1. “ตลาดสี่มุมเมืองจะมีสินค้าจากเกษตรกรนำมาขายจำนวนมาก ส่วน

ตลาดรถยนต์จะมีอยู่ในตัวเมืองของทุกจังหวัด” ข้อความดังกล่าวเป็นการ

แบ่งลักษณะของตลาดตามข้อใด

ก. แบ่งตามชนิดของสินค้า
ข. แบ่งตามลักษณะการขายสินค้า
ค. แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินค้า
ง. แบ่งตามลักษณะการแข่งขันที่มีอยู่ในตลาด

2. ข้อความใดสอดคล้องกับลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์
ก. ก้อยซึ่งเป็นแม่บ้านมักจะซื้อผงซักฟอกหลายยี่ห้อเปลี่ยนกันไป


เพราะคุณภาพและราคาใกล้เคียงกัน
ข. ตลาดนัดกลางของจังหวัดจะมีคนนิยมไปซื้อของจำนวนมาก แต่มี


สินค้าจำนวนน้อย
ค. บริษัท สหรุ่งเรือง ผลิตเตารีดไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมา ซึ่งมีราคาแพง


กว่าเตารีดของบริษัทอื่น
ง. ในวันขึ้นปีใหม่ร้านค้าที่เก่งเป็นเจ้าของ ประกาศลดราคาสินค้าถูก


กว่าเดิม 50 เปอร์เซ็นต์

3. ข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร
ก. ผู้ผลิตสามารถกำหนดราคาสินค้าได้สูง
ข. ผู้บริโภคและผู้ผลิตร่วมมือกันกำหนดราคาสินค้า
ค. ผู้บริโภคมีโอกาสในการเลือกซื้อสินค้าราคาที่ต่ำสุด
ง. ผู้ผลิตสินค้ามีการแข่งขันกันอย่างเสรีเพื่อขายสินค้า ให้ได้มากที่สุด

9

5. ข้อความเกี่ยวกับปัจจัยกำหนดอุปทานข้อใดถูกต้อง
ก. ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตจะลดจำนวนการผลิตลง
ข. ถ้าหากสินค้ามีราคาถูกลง ผู้ผลิตจะได้กำไรน้อยลง ทำให้ลดการ


ผลิตลง
ค. จำนวนผู้ผลิตถ้ามีมากขึ้น ทำให้อุปทานเพิ่มขึ้นถ้าผู้ผลิตลดน้อยลง


จะทำให้อุปทานลดลง
ง. ช่วงภาวะน้ำมันราคาแพง ผู้ผลิตรถยนต์จะผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่

ประหยัดน้ำมัน

6. การปรับตัวที่ทำให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับ

ราคาใดราคาหนึ่งนั้น สอดคล้องกับข้อความใด

ก. อุปทาน
ข. อุปสงค์
ค. กลไกราคา
ง. ราคาดุลยภาพ

7. “ถ้าในตลาดมีผู้ขายเพียงรายเดียว อาจกำหนดราคาสินค้าให้สูงได้”


ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับปัจจัยการกำหนดราคาในข้อใด

ก. กลุ่มเป้าหมาย ข. สภาวะทางเศรษฐกิจ

ค. การแข่งขันของตลาด ง. ต้นทุนการผลิตและจำหน่าย

8. การกำหนดราคาในทางปฏิบัติมีวัตถุประสงค์หลายประการ ยกเว้นข้อ


ใด

ก. เพื่อให้ราคาสินค้าเท่าเทียมกัน ข. เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวาง

ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อสร้างกำไร

9. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร
ก. ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า
ข. ผู้ผลิตไม่มีการแข่งขันกันอย่างแท้จริง
ค. ผู้ผลิตได้กำไรเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมาก
ง. ผู้ผลิตสินค้าพยายามลดต้นทุนทำให้คุณภาพสินค้าต่ำ

10. ข้อใดคือความหมายของกลไกราคา
ก. การผลิตที่มีความสมดุลกับการบริโภค
ข. ราคาสินค้าและการผลิตถูกกำหนดโดยความต้องการของผู้บริโภค
ค. ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคและผู้ผลิตมีความต้องการเท่ากัน
ง. การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้า ซึ่งเกิดจากแรงผลักขออุปสงค์


และอุปทาน

10

กระดาษคำตอบแบบทดสอบก่อนเรียน

ชื่อ………………...........……สกุล…….....……………………ชั้น………เลขที่………......
คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย (X) ลงในคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

ข้อ ก ข ค ง

1





2





3





4





5




6





7





8





9





10





สรุปคะแนน เกณฑ์การประเมิน
√ ตอบถูก ข้อละ 1 คะแนน
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ X ตอบผิด ข้อละ 0 คะแนน
ดี ได้คะแนน 8-10 คะแนน
10 คะแนน ...................... พอใช้ ได้คะแนน 5-7 คะแนน
ปรับปรุง ได้คะแนน 0-4 คะแนน
ผ่านเกณฑ์ 10 คะแนน

ผ่าน ไม่ผ่าน

11 ใบความรู้

กรลาไกคา กลไกราคากับระบบเศรษฐกิจ

กลไกราคา หมายถึง ภาวการณ์เปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้า
และบริการอันเกิดจากแรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน เมื่อผู้ผลิต
พยายามปรับปรุงการผลิตและบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของ
ผู้บริโภค ดังนั้น จะเห็น ได้ว่าราคาสินค้าและบริการเป็นตัวแปรสำคัญใน
การกำหนดอุปสงค์และอุปทาน ตลอดจนเป็นกระบวนการปรับเปลี่ยน
ราคาให้เข้าสู่จุดดุลยภาพ เช่น เมื่อราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น โดย
ทั่วไปแล้วความต้องการซื้อหรืออุปสงค์ก็จะลดลง แต่อุปทานของสินค้า
และบริการจะเพิ่มขึ้น เป็นต้น

การกำหนดราคาสินค้าและบริการในทางเศรษฐกิจ กำหนดไว้ 2 วิธี คือ

1) ให้กลไกราคาเป็นเครื่องมือในการกำหนดราคาสินค้าและบริการ ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตาม
แรงผลักดันของอุปสงค์และอุปทาน

2)รัฐบาลกำหนดราคาสินค้าและบริการด้วยการควบคุมและแทรกแซงราคาสินค้าและบริการ
ด้วยวิธีกำหนดราคา เมื่อสินค้าที่จำเป็นขาดตลาด เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค การประกันราคาขั้นต่ำ
เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิต การพยุงราคาสินค้าไม่ให้ตกต่ำมากเกินไป เพื่อช่วยเหลือผู้ผลิตหรือผู้ขายไม่
ให้ขาดทุน

12 อุปสงค์
(DEMAND)

อุปสงค์ (DEMAND)

หมายถึง ปริมาณความต้องการซื้อสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่ง
ของผู้บริโภคที่เต็มใจ จะซื้อและซื้อหามาได้ ณ ระดับราคาต่างๆ ที่
ตลาดกำหนดให้ กล่าวคือ เมื่อผู้บริโภคมีความต้องการที่จะซื้อสินค้า
และบริการนั้นแล้ว ก็จะสามารถมีกำลังซื้อสินค้านั้นได้ แต่ถ้าผู้บริโภค
ไม่สามารถที่จะซื้อหรือไม่มีกำลังซื้อ ก็จะไม่ถือว่าเป็นอุปสงค์ตามความ
หมายในทางเศรษฐศาสตร์

กฎของอุปสงค์ (LAW OF DEMAND)

หมายถึง ผู้บริโภคมีความต้องการซื้อสินค้าและบริการในราคาต่ำ
(ราคาถูก) ในปริมาณมากกว่าซื้อสินค้าในราคาสูง (ราคาแพง)

กล่าวคือ เมื่อราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะต้องการ
ซื้อสินค้านั้นน้อยลง

ปัจจัยที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงอุปสงค์

การที่ผู้บริโภคจะทำการซื้อสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่งในขณะใดขณะหนึ่งเป็น
จำนวนเท่าใดนั้น ย่อมขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1.ราคาสินค้าและบริการ (ตามกฎของอุปสงค์)
2.รายได้ของผู้บริโภค
3.รสนิยมของผู้บริโภค
4.สมัยนิยม
5.การโฆษณาและเทคนิคการตลาด
6.ราคาสินค้าหรือบริการอื่นๆ ที่ต้องใช้ร่วมกันหรือแทนกันได้
7.การคาดคะเนการขึ้นลงของราคาของผู้บริโภค
8.การคาดคะเนการขึ้นลงของราคาของผู้บริโภค
9.พฤติกรรมของผู้บริโภค เช่น ฤดูกาล การศึกษา
10. ภาวะเศรษฐกิจขณะนั้นๆ

13

หมายถึง ปริมาณสินค้าและบริการที่ผู้ขายหรือผู้ผลิตยินดีขายหรือผลิต
ให้แก่ผู้ซื้อ ณ ระดับราคาต่างๆ ตามที่ตลาดกำหนดให้ กล่าวคือ เมื่อราคาสินค้า
ชนิดใดชนิดหนึ่งเพิ่ม สูงขึ้น ผู้ผลิตก็ยินดีที่จะเสนอขายมากขึ้น แต่ถ้าราคาสินค้าชนิดนั้น
ลดลงปริมาณของอุปทานก็จะลดลงตามไปด้วย

กฎของอุปทาน ปัจจัยที่มีผลต่อการ

หมายถึง ผู้ผลิตมีความต้องการเสนอขายสินค้า เปลี่ยนแปลงอุปทาน
และบริการในราคาสินค้าและบริการที่สูง (ราคาแพง)
ในปริมาณมากกว่าราคาสินค้าและบริการที่ต่ำ การที่ผู้ผลิตจะผลิตสินค้าเพื่อสนองความ
(ราคาถูก) ต้องการของผู้บริโภคหรือผู้ซื้อมากน้อยเพียงใด
ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ
กล่าวคือ เมื่อราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ผู้ขายมี
แนวโน้มที่จะต้องการขายสินค้ามากขึ้น 1. ราคาสินค้าและบริการในขณะนั้นๆ
(กฎของอุปทาน)

2. ต้นทุนการผลิตที่เปลี่ยนแปลง (วัตถุดิบ)
3. เทคโนโลยีการผลิตที่นำมาใช้
4. ฤดูกาล
5. สภาวะของตลาดและภาวะเศรษฐกิจ
ในขณะนั้น
6. การคาดคะเนการขึ้นลงของราคาสินค้า
และบริการของผู้ผลิต (การเกิดกำไร)
7. จำนวนผู้ผลิตที่เป็นคู่แข่ง (ราคาสินค้า
และบริการชนิดเดียวกันที่มีการแข่งขันกัน)

14

ดุลยภาพ--------------------------------

(EQUILIBRIUM)

กลไกราคาทำงานโดยได้รับอิทธิพลจากทั้งผู้ผลิตและ
ผู้บริโภค ซึ่งเราจะสังเกตเห็นได้ว่า ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
ถ้าปริมาณความต้องการหรือปริมาณอุปสงค์ต่อสินค้าในตลาด
มีมากเกินกว่าปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตจะยินดีขายให้ ราคาสินค้าก็
มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากการขาดแคลนของสินค้า
แต่ถ้าปริมาณสินค้าที่ผู้ผลิตประสงค์จะขายให้ผู้บริโภค หรือปริมาณอุปทานของสินค้า
มีมากกว่าปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคประสงค์จะซื้อ ราคาสินค้านั้นก็จะมีแนวโน้มลดต่ำลง
เมื่อปริมาณอุปสงค์และปริมาณอุปทานเท่ากัน ราคาสินค้าจึงจะอยู่นิ่ง หรือที่เรียกว่า
มีเสถียรภาพ ไม่ปรับขึ้นลงอีก ยกเว้นว่า จะมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้ตลาดต้องเปลี่ยนแปลงไป

สรุป การทำงานของกลไกราคาจะทำให้การจัดสรรทรัพยากรสามารถดำเนินไปได้
อย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่รัฐบาลไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ตัดสินใจแทนผู้อื่น เพราะการแข่งขัน
ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย จะทำให้สินค้ามีราคาที่สะท้อนความขาดแคลนของสินค้าหรือ
ทรัพยากรนั้นๆ ผู้ซื้อย่อมทราบดีถึงความต้องการที่แท้จริงของตน เช่นเดียวกับผู้ผลิต
ก็ย่อมทราบดีกว่าผู้อื่นว่า ต้นทุนการผลิตของตนเองเป็นอย่างไร และสมควรตอบสนอง
ความต้องการสินค้าในท้องตลาดอย่างไร

ที่มา : HTTP://TC.MENGRAI.AC.TH/ANGKANA/SARA3_FILES/PAGE2_FILES/2.HTM

15

ใบกิจกรรม
เรื่อง กลไกราคา

คำชี้แจง ให้นักเรียนตอบคำถามต่อไปนี้
1. กลไกราคา (PRICE MECHANISM) หมายถึงอะไร

2. อุปสงค์ (DEMAND) หมายความว่าอย่างไร

3. เราสามารถอธิบายกฎของอุปสงค์ (LAW OF DEMAND) ได้อย่างไร

4. ปัจจัยในการกำหนดอุปสงค์ ได้แก่อะไรบ้าง

16

ใบกิจกรรม
เรื่อง กลไกราคา

5. การเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์มีลักษณะอย่างไร

6. อุปทาน (SUPPLY) หมายถึงอะไร
7. เราสามารถอธิบายกฎของอุปทาน (LAW OF SUPPLY) ได้อย่างไร

17

ใบกิจกรรม
เรื่อง กลไกราคา

8. ปัจจัยในการกำหนดอุปทาน ได้แก่อะไรบ้าง

9. การเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปทาน คืออะไร ยกตัวอย่างประกอบ

10. การเปลี่ยนแปลงระดับของอุปทาน หมายความว่าอย่างไร

18

ใบกิจกรรม
เรื่อง วิเคราะห์ตลาด

คำชี้แจง ให้นักเรียนอ่านข้อความจากข่าวต่อไปนี้แล้ววิเคราะห์และตอบคำถามให้ถูกต้อง
1. การปรับขึ้นราคาสินค้าตามข่าวเกิดจากปัจจัยใดบ้าง

2. ผู้ประกอบการมีหลักในการกำหนดราคาสินค้าอย่างไร

19

ใบกิจกรรม
เรื่อง วิเคราะห์ตลาด

3. การปรับขึ้นของราคาสินค้าดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคอย่างไร

4. ในการกำหนดราคาสินค้าผู้ประกอบการควรคำนึงถึงปัจจัยใดบ้าง

5. ผู้บริโภคควรปฏิบัติตนอย่างไรในสภาวะที่ราคาสินค้าปรับตัวสูงเพื่อไม่ให้กระทบต่อการ
ดำเนินชีวิต

20

แบบทดสอบหลังเรียน

ชี้แจง แบบทดสอบก่อนเรียนแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
คำสั่ง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว แล้วทำเครื่องหมาย

กากบาท X ลงในกระดาษคำตอบ

1. “ตลาดสี่มุมเมืองจะมีสินค้าจากเกษตรกรนำมาขายจำนวนมาก ส่วน

ตลาดรถยนต์จะมีอยู่ในตัวเมืองของทุกจังหวัด” ข้อความดังกล่าวเป็นการ

แบ่งลักษณะของตลาดตามข้อใด

ก. แบ่งตามชนิดของสินค้า
ข. แบ่งตามลักษณะการขายสินค้า
ค. แบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้สินค้า
ง. แบ่งตามลักษณะการแข่งขันที่มีอยู่ในตลาด

2. ข้อความใดสอดคล้องกับลักษณะของตลาดแข่งขันสมบูรณ์
ก. ก้อยซึ่งเป็นแม่บ้านมักจะซื้อผงซักฟอกหลายยี่ห้อเปลี่ยนกันไป


เพราะคุณภาพและราคาใกล้เคียงกัน
ข. ตลาดนัดกลางของจังหวัดจะมีคนนิยมไปซื้อของจำนวนมาก แต่มี


สินค้าจำนวนน้อย
ค. บริษัท สหรุ่งเรือง ผลิตเตารีดไฟฟ้ารุ่นใหม่ออกมา ซึ่งมีราคาแพง


กว่าเตารีดของบริษัทอื่น
ง. ในวันขึ้นปีใหม่ร้านค้าที่เก่งเป็นเจ้าของ ประกาศลดราคาสินค้าถูก


กว่าเดิม 50 เปอร์เซ็นต์

3. ข้อดีของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร
ก. ผู้ผลิตสามารถกำหนดราคาสินค้าได้สูง
ข. ผู้บริโภคและผู้ผลิตร่วมมือกันกำหนดราคาสินค้า
ค. ผู้บริโภคมีโอกาสในการเลือกซื้อสินค้าราคาที่ต่ำสุด
ง. ผู้ผลิตสินค้ามีการแข่งขันกันอย่างเสรีเพื่อขายสินค้า ให้ได้มากที่สุด

21

5. ข้อความเกี่ยวกับปัจจัยกำหนดอุปทานข้อใดถูกต้อง
ก. ถ้าราคาสินค้าสูงขึ้น ผู้ผลิตจะลดจำนวนการผลิตลง
ข. ถ้าหากสินค้ามีราคาถูกลง ผู้ผลิตจะได้กำไรน้อยลง ทำให้ลดการ


ผลิตลง
ค. จำนวนผู้ผลิตถ้ามีมากขึ้น ทำให้อุปทานเพิ่มขึ้นถ้าผู้ผลิตลดน้อยลง


จะทำให้อุปทานลดลง
ง. ช่วงภาวะน้ำมันราคาแพง ผู้ผลิตรถยนต์จะผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ที่

ประหยัดน้ำมัน

6. การปรับตัวที่ทำให้ปริมาณซื้อและปริมาณขายเท่ากันพอดี ณ ระดับ

ราคาใดราคาหนึ่งนั้น สอดคล้องกับข้อความใด

ก. อุปทาน
ข. อุปสงค์
ค. กลไกราคา
ง. ราคาดุลยภาพ

7. “ถ้าในตลาดมีผู้ขายเพียงรายเดียว อาจกำหนดราคาสินค้าให้สูงได้”


ข้อความดังกล่าวสอดคล้องกับปัจจัยการกำหนดราคาในข้อใด

ก. กลุ่มเป้าหมาย ข. สภาวะทางเศรษฐกิจ

ค. การแข่งขันของตลาด ง. ต้นทุนการผลิตและจำหน่าย

8. การกำหนดราคาในทางปฏิบัติมีวัตถุประสงค์หลายประการ ยกเว้นข้อ


ใด

ก. เพื่อให้ราคาสินค้าเท่าเทียมกัน ข. เพื่อขยายตลาดให้กว้างขวาง

ค. เพื่อสร้างยอดขาย ง. เพื่อสร้างกำไร

9. ข้อเสียของตลาดแข่งขันสมบูรณ์ คืออะไร
ก. ผู้บริโภคเป็นผู้กำหนดราคาสินค้า
ข. ผู้ผลิตไม่มีการแข่งขันกันอย่างแท้จริง
ค. ผู้ผลิตได้กำไรเป็นอัตราส่วนที่ค่อนข้างมาก
ง. ผู้ผลิตสินค้าพยายามลดต้นทุนทำให้คุณภาพสินค้าต่ำ

10. ข้อใดคือความหมายของกลไกราคา
ก. การผลิตที่มีความสมดุลกับการบริโภค
ข. ราคาสินค้าและการผลิตถูกกำหนดโดยความต้องการของผู้บริโภค
ค. ปริมาณสินค้าที่ผู้บริโภคและผู้ผลิตมีความต้องการเท่ากัน
ง. การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาสินค้า ซึ่งเกิดจากแรงผลักขออุปสงค์


และอุปทาน

22

กระดาษคำตอบแบบทดสอบหลังเรียน

ชื่อ………………...........……สกุล…….....……………………ชั้น………เลขที่………......
คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย (X) ลงในคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

ข้อ ก ข ค ง

1





2





3





4





5




6





7





8





9





10





สรุปคะแนน เกณฑ์การประเมิน
√ ตอบถูก ข้อละ 1 คะแนน
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ X ตอบผิด ข้อละ 0 คะแนน
ดี ได้คะแนน 8-10 คะแนน
10 คะแนน ...................... พอใช้ ได้คะแนน 5-7 คะแนน
ปรับปรุง ได้คะแนน 0-4 คะแนน
ผ่านเกณฑ์ 10 คะแนน

ผ่าน ไม่ผ่าน

23

ตารางบันทึกคะแนน

ชุดกิจกรรมการเรียนรู้

ชื่อ………………………….สกุล…………………..ชั้น……………..เลขที่………………

แบบทดสอบ คะแนนเต็ม คะแนนที่ทำได้ หมายเหตุ

ก่อนเรียน 10



หลังเรียน 10



ผลการพัฒนา




กิจกรรมที่ คะแนนเต็ม คะแนนที่
หมายเหตุ
ทำได้

1 10



ผลพัฒนา




จิตพิสัย 10

24

บรรณานุกรม

กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ : กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ.

กระมล ทองธรรมชาติ และคณะ. (2551). หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ม. 3. กรุงเทพฯ :
อักษรเจริญทัศน์.