- 1- งานวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วยกระบวนการจัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้ เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ผู้วิจัย ครูปวีณา ศรีพงษ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
- 2- ชื่องานวิจัย การจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วยกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบ สืบ เสาะหาความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่องเสียงในชีวิตประจ าวันของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา ชื่อผู้วิจัย ครูปวีณา ศรีพงษ์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ 1.ความส าคัญและที่มา วิชาวิทยาศาสตร์ เป็นวิชาที่ต้องใช้ทักษะกระบวนการสืบเสาะหาความรู้การวิเคราะห์ กระบวนการทดลอง และ การน าไปใช้วิชาวิทยาศาสตร์เป็นวิชาที่มีความเกี่ยวเนื่องกันจาก ไปจนถึงระดับที่ง่ายๆ ไปจนถึงระดับขั้นที่ยาก แต่ จากการสังเกตพบว่าผู้เรียนส่วนใหญ่ไม่สามารถเรียนวิชานี้ให้เข้าใจได้ เพราะยังขาดทักษะกระบวนการสืบเสาะหา ความรู้ คิดวิเคราะห์ สังเคราะห์และการน าไปใช้ 2.วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก่อนเรียน-หลังเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ โดยใช้การกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวันของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา 3.สมมติฐานการวิจัย 1. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสวน อุดมวิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ที่เรียนโดยใช้การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ มีผลสัมฤทธิ์ที่สูง กว่าก่อนเรียน 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565โดยใช้การ จัดการเรียนรู้ด้วยโดยใช้การกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น 4.ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น คือ การกระบวนการ จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้ ตัวแปรตาม คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์เรื่อง การจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน 5.ระยะเวลาในการด าเนินงาน พฤศจิกายน 2565 – มีนาคม 2566 6. สถานที่ท าการวิจัย โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา 7.เป้าหมาย เชิงปริมาณ นักเรียนระดับขั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จ านวน 22คน ได้เข้าร่วมกระบวนการ จัดการเรียนรู้ แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน เชิงคุณภาพ นักเรียนระดับขั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จ านวน 22 คน
- 3- ที่ได้ท ากิจกรรมการเรียนรู้ด้วยโดยใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะความรู้วิทยาศาสตร์ มีผลสัมฤทธิ์สูงขึ้น ร้อยละ70 8.ขั้นตอนการด าเนินงาน 1. ก าหนดปัญหา หาสาเหตุ และก าหนดกลุ่มเป้าหมาย 2. จัดท าแผนการสอน แบบฝึกทักษะ แบบทดสอบ 3. ด าเนินการวิจัยในชั้นเรียน 4. รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล 5. สรุป ประมวลผล 9.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ ได้สอดคล้องกับวิธีการเรียนของนักเรียนแต่ละบุคคล และระยะเวลาที่มีอยู่อย่างจ ากัด 2. ได้สื่อการเรียนรู้ที่นักเรียนจัดท า ขึ้นเองจากการหาข้อมูลและการสร้างสรรค์ชิ้นงาน 3. นักเรียนมีโอกาสได้ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ท าให้นักเรียนได้ความรู้ความคิดที่ แตกต่างกันตาม ศักยภาพ และหลากหลายแง่คิดจากแหล่งสืบค้นข้อมูล ทางออนไลน์ ต่างๆ 10.เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดการเรียนรู้เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน ที่ผู้วิจัยน ามาใช้ 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องกลางวัน เสียงใน ชีวิตประจ าวัน เป็นแบบทดสอบที่ผู้จัยใช้ส าหรับทดสอบนักเรียน ก่อนเรียน และ หลังเรียน 11.. การเก็บรวบรวมข้อมูล 1.ด าเนินการทดสอบก่อน ใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จ านวน 22 คน ด้วยแบบทดสอบ 2.ด าเนินการทดลอง ใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่าง จ านวน 22 คน ด้วยแบบทดสอบ 3.หลังการทดลอง ใช้แบบฝึกทักษะ เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน กับนักเรียนครบตามที่ก าหนด บันทึก คะแนน ส าหรับวิเคราะห์ข้อมูล 12. การวิเคราะห์ข้อมูล การวิเคราะห์ขอมูลจากผลการศึกษาในครั้งนี้ผู้วิจัยได้เลือกใช้สถิติในการวิเคราะห์ข้อมูลต่อไปนี้ค่าร้อยละ ค านวณได้จากสูตร สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
- 4- การหาค่าร้อยละ เมื่อ X = คะแนนที่ได้ N = จ านวนนักเรียน x = จ านวนคะแนนทั้งหมด เปรียบเทียบเกณฑ์ระดับคุณภาพ แบ่งเป็น 2 ตอน ได้แก่ เกณฑ์ระดับคุณภาพ คะแนนสอบหลังเรียน ดีมาก หมายถึง ผู้เรียนได้คะแนน 10 คะแนน ดี หมายถึง ผู้เรียนได้คะแนน 8-9 คะแนน พอใช้ หมายถึง ผู้เรียนได้คะแนน 6-7 คะแนน ปรับปรุง หมายถึง ผู้เรียนได้คะแนน 0-5 คะแนน 13.ผลการวิจัย เมื่อผู้วิจัยได้พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยมีกลุ่มตัวอย่าง จ านวน 22 คน ตารางที่ 1 เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องเสียงในชีวิตประจ าวัน ของ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 โดยมีกลุ่มตัวอย่าง จ านวน 22 คน ก่อนเรียน (Pretest) และหลังเรียน (Prottest) ที่ ชื่อ - สกุลนักเรียน คะแนน ก่อนเรียน ระดับ คุณภาพ คะแนน หลังเรียน ระดับ คุณภาพ ผลต่าง 1 เด็กชาย ธนกร มีศรีจันทร์ 5 ปรับปรุง 7 พอใช้ 2 2 เด็กหญิง ณัฐกานต์ ถนอม 6 พอใช้ 8 ดี 2 3 เด็กชาย คุณานนท์ สมฤทธิ์ 4 ปรับปรุง 8 ดี 4 4 เด็กชาย วีรวัฒน์ สอนเพียร 5 ปรับปรุง 8 ดี 3 5 เด็กชาย วรภพ วงพาศกลาง 6 พอใช้ 7 พอใช้ 1 6 เด็กหญิง รุ่งวิวาห์ พุทธก้อม 7 พอใช้ 9 ดี 2 7 เด็กชาย อนพัช สุดตา 5 ปรับปรุง 6 พอใช้ 1 8 เด็กชาย ณรงค์รัชช์ หาญกล้า 5 ปรับปรุง 6 พอใช้ 1 9 เด็กหญิง สุทัตตา เทพสถิตย์ 3 ปรับปรุง 6 พอใช้ 3 ค่าร้อยละ = × 100 N
- 5- 10 เด็กชาย สินทวี มุละสิวะ 6 พอใช้ 9 ดี 3 11 เด็กชาย ธนากร รวมขุนทด 5 ปรับปรุง 8 ดี 3 12 เด็กหญิง จิณณธรรม ศรีษะใบ 6 พอใช้ 8 ดี 2 13 เด็กหญิง กัลยากร จุลละสันธิ์ 5 ปรับปรุง 7 พอใช้ 2 14 เด็กหญิง แพรวพรรณ 3 ปรับปรุง 7 พอใช้ 4 15 เด็กหญิง สุพัตรา วิกล 6 พอใช้ 8 ดี 3 16 เด็กหญิง พัฐรวีย์มน ตุลาผล 6 พอใช้ 9 ดี 3 17 เด็กหญิง จิดาภรณ์ ชะนางวัลย์ 6 พอใช้ 9 ดี 3 18 เด็กหญิง กัญญาณัฐ ป้อมพันธ์ 5 ปรับปรุง 7 พอใช้ 2 19 เด็กหญิง พรชนก เกิดขุ้ย 6 พอใช้ 9 ดี 3 20 เด็กชาย ชญานนท์ จุทนันต์ 4 ปรับปรุง 6 พอใช้ 2 21 เด็กหญิงกมลลักษณ์ นาคเพชรสิริ 6 พอใช้ 8 ดี 2 22 เด็กชาย กิตติพงษ์ ยิ่งยง 3 ปรับปรุง 6 พอใช้ 3 รวม 113 166 54 ค่าเฉลี่ย 5.13 7.54 2.45 14.สรุปผลการวิเคราะห์ข้อมูล จากตารางที่ 1 แสดงให้เห็นว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องเสียงใน ชีวิตประจ าวัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีคะแนนต่ าสุด 3 คะแนน สุงสุด 7 คะแนน มี ความก้าวหน้าเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 5.3 ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องเสียงใน ชีวิตประจ าวัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่จัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้เพื่อพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่องเสียงในชีวิตประจ าวัน ก่อนเรียนคะแนนต่ าสุด 6 คะแนน สุงสุด 9 คะแนน ได้ ค่าเฉลี่ยคิดเป็นร้อยละ 6.33 มีความก้าวหน้าเฉลี่ยเพิ่มขี้น คิดเป็นร้อยละ 2.45 ระดับคุณภาพ ก่อนเรียน (Pretest) หลังเรียน (Prottest) จ านวน(คน) ร้อยละ จ านวน(คน) ร้อยละ ดีมาก 0 - 0 - ดี 0 - 12 45.45 พอใช้ 10 45.45 10 54.54 ปรับปรุง 12 54.54 0 -
- 6- จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่าคุณภาพผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องเสียงใน ชีวิตประจ าวัน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 มีผลการประเมิน ในระดับ ปรับปรุงคิดเป็นร้อยละ54.54 ใน ระดับพอใช้ คิดเป็นร้อยละ 45.45 ส่วนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเรื่องกลางวัน กลางคืน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนด้วยการท าแบบฝึก และสร้างสรรค์ชิ้นงานมีผลการประเมิน ในระดับ พอใช้ร้อยละ 54.54 ในระดับดีคิดเป็นร้อยละ 45.45 15.อภิปรายผลการวิจัย การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ เรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนบ้านสวนอุดมวิทยา อ าเภอ เมือง จังหวัดชลบุรี สังกัดส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 โดยการเลือกห้องเรียนจ านวน 1 ห้อง ด้วยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) จ านวน 22 คน ผลการเปรียบเทียบพัฒนาการของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้ด้วยจัดการ เรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวันมีคะแนนเฉลี่ยจาก การทดสอบก่อนเรียนเท่ากับ 5.13 และคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนเท่ากับ 7.54 ตามล าดับ โดยเฉลี่ยแล้ว มีผลต่างเท่ากับ 2.45 นักเรียนที่ท าคะแนนก่อนและหลังเรียน จากการเปรียบเทียบผลการบันทึกคะแนนจากเกณฑ์ที่วัดและหา ค่าเฉลี่ยของความก้าวหน้าในการเรียนจะเห็นได้ว่าคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนแสดงว่าเรียนรู้แบบ สืบเสาะหา ความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่องเสียงในชีวิตประจ าวัน ท าให้นักเรียนมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และ เพื่อฝึกฝนให้ผู้เรียนมีนิสัยรัก การเรียน และมีความสามารถในการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ซึ่งจะท าให้ นักเรียนได้ความรู้ความคิดที่สร้างสรรค์ทันสมัยแตกต่างกันตามศักยภาพ และหลากหลายแง่คิดจากแหล่งข้อมูลในสื่อ ออนไลน์ต่างๆ มี ความสามารถในการวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ อย่างถูกต้องและนักเรียนรู้จักใช้แหล่งแหล่งข้อมูลใน สื่อออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้เห็นแนวทางในการศึกษาได้หลายแนวทาง นอกจากนี้เพื่อเป็นการเพิ่ม ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ และสนองกับวิธีการเรียนของนักเรียนแต่ละบุคคลผู้วิจัยจึงมีการแทรกกิจกรรมการเรียนรู้ ให้ห ลากหลายมากขึ้น โดยจัดให้มีการน าผลงานที่ได้จากการค้นคว้ามาออกมาน าเสนอรายงานหน้าชั้นเรียน ซึ่ง จาก กระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดจะเห็นได้ว่า กระบวนการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้นั้น ก็คือการให้นักเรียนเกิดการ ค้นพบด้วยยตนเอง จากการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐาน พบว่า ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน วิชาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 มีความก้าวหน้าเฉลี่ยเพิ่มขี้น 2.45 แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบสืบเสาะ ท าให้ นักเรียนมีความรู้ความคิดที่ หลากหลาย มากขึ้น ถือได้ว่า เป็น วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ได้ผลดี และใช้เวลาน้อยก็ตาม แต่เมื่อน าข้อมูลมวิเคราะห์พบวา่ ผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียน วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1 ที่เรียนการ โดยจัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้หลังเรียนสูงกว่า ก่อนเรียน เฉลี่ยร้อยละ 2.45 คะแนน แสดงว่า การเรียนรู้
- 7- ด้วยการโดยจัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ วิชา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เรื่องเสียงในชีวิตประจ าวัน ท า ให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขี้น 16.สรุปผลการวิจัย 1. พัฒนาการของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้การจัดการเรียนรู้จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อ พัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน มีคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบก่อนเรียนเท่ากับ 5.13 และคะแนนเฉลี่ยจากการทดสอบหลังเรียนเท่ากับ 7.54 ตามล าดับ โดยเฉลี่ยแล้วมีผลต่าง 2.45 ซึ่ง มีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน 2. ผลการวิเคราะห์แบบสอบถามความพึ่งพอใจของนักเรียนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้การ จัดการเรียนรู้ด้วยด้วยการโดยจัดการเรียนรู้แบบ สืบเสาะหาความรู้ เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวัน โดยเฉลี่ยอยู่ใน ระดับมาก 17.ข้อเสนอแนะ 1. ข้อเสนอแนะส าหรับการวิจัย 1.1. ควรมีการจัดการเรียนรู้ด้วยการการการท าแบบฝึก และสร้างสรรค์ชิ้นงาน ในเนื้อหาสาระที่นักเรียน สามารถความเข้าใจด้วยตนเองได้ 1.2 ควรศึกษาตัวแปรอื่นๆ ซึ่งมีผลมาจากการจัดการเรียนรู้ด้วยการเขียนรายงานการค้นคว้า เช่น ความ คงทนใน การเรียนรู้ความคิดสร้างสรรค์ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นต้น 1.3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้จัดการเรียนรู้แบบสืบเสาะหาความรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ในหน่วยการเรียนรู้ เรื่อง เสียงในชีวิตประจ าวันควรให้ผู้เรียนได้มีบทบาทในการท างานของ ตนเองมากที่สุด ผู้สอนควรส่งเสริมให้ผู้เรียน ท างาน ร่วมกันเป็นทีมได้ ท างานด้วยตนเองได้ 1.4. ครูผู้สอนควรมีสื่อที่หลากหลายเพื่อ กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและสนองตอบความ แตกต่าง ระหว่างบุคคลได้
- 8- ภาคผนวก - ภาพการท ากิจกรรม - แผนการสอน - แบบทดสอบ - แบบันทึกผลการประเมิน - แบบฝึกทักษะ - ใบความรู้ - ผลการทดสอบ
- 9- ภาพการท ากิจกรรม
- 10- แผนการจัดการเรียนรู้ที่1 สาระการเรียนรู้วทิยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เสียงในชีวิตประจ าวัน เวลา 10 ชั่วโมง เรื่อง แหล่งก าเนิดเสียง เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ใจความหมายของพลงังานการเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงังานปฏิสัมพนัธ์ระหวา่งสสาร และพลังงานพลังงานในชีวิตประจา วนัธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวขอ้งกบัเสียงแสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมท้งันา ความรู้ไปใชป้ระโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงจากหลกัฐานเชิงประจกัษ์ สาระส าคัญ เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกา เนิดเสียง พลงังานจากการสั่นของแหล่งกา เนิดเสียงจะแผอ่อกไปทุก ทิศทางโดยอาศยัตวักลาง เพื่อส่งพลงังานจากการสั่นไปยงัหูของเรา จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้( K) 1.บอกแหล่งกา เนิดเสียงและอธิบายการเดินทางของเสียงได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. การสืบค้น 2. สามารถสื่อสารและน าความรู้เรื่องที่เรียนไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ คุณลกัษณะอันพงึประสงค์(A) 1.รอบคอบ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ 2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น 3. การทา งานร่วมกบัผูอ้ื่นอยา่งสร้างสรรค์ สาระการเรียนรู้ 1. แหล่งกา เนิดเสียง กระบวนการจัดการเรียนรู้
- 11- ชั่วโมงที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ(Engage) 1. นกัเรียนทา แบบทดสอบก่อนเรียนตามเวลาที่ครูกา หนด เสร็จแลว้ส่งคืนครูเพื่อเก็บเป็นขอ้มูล เปรียบเทียบหาความกา้วหนา้กบัการทดสอบหลงัเรียน 2. นกัเรียนนงั่หลบัตาและนิ่งเงียบเป็นเวลา 2 นาที สังเกตเสียงที่ได้ยิน 3. ครูถามคา ถามนกัเรียน ดงัน้ี - เสียงที่ได้ยินมาจากทิศใด - เสียงที่ไดย้นิมาจากสิ่งเดียวกนัหรือไม่ - เคยไดย้นิเสียงเหล่าน้ีมาก่อนหรือไม่ร่วมกนัสรุปวา่เสียงที่ไดย้นิมาจากแหล่งต่างๆกนั 4.ครูใหน้กัเรียนบอกเสียงต่าง ๆ ที่ไดย้นิในชีวติประจา วนัมาคนละ1 เสียงแลว้ถาม นกัเรียนดงัน้ี - เสียงมีความเกี่ยวขอ้งกบัเราอยา่งไร - ถา้หากคนเราไม่ไดย้นิเสียงอะไรเลยจะเกิดอะไรข้ึนกบัพวกเรา 5. นกัเรียนร่วมกนัอภิปรายคา ตอบต่าง ๆ จากคา ถาม (Explore) 6. ครูทบทวนวา่พลงังานมีหลายรูปแบบ เช่น พลงังานแสงที่เรียนในช้นัมีแหล่งกา เนิดต่าง ๆ กนัหลายอยา่งและไม่ตอ้งอาศยั ตัวกลางในการเคลื่อนที่ เสียงก็เป็นพลงังานรูปหน่ึงเช่นกนั 7. ครูใหน้กัเรียนร่วมกนัแสดงความคิดเห็นวา่เสียงเกิดจากอะไร ขั้นส ารวจและค้นหา 1. แบ่งกลุ่มนกัเรียนกลุ่ม 3-6 คน โดยคละเพศและความสามารถ 2. ใหน้กัเรียนแต่ละกลุ่มคดัเลือกประธาน เลขากรรมการกลุ่มแลว้แบ่งงาน เพื่อปฏิบตัิ กิจกรรมทดลอง 3. ครูเนน้นกัเรียนในเรื่องการร่วมมือร่วมใจ ในการทา กิจกรรมการทดลอง การท างาน การแบ่งงาน การ แบ่งหนา้ที่และการหมุนเวยีนหนา้ที่กนั 4. สมาชิกในกลุ่มจดัเตรียมอุปกรณ์และปฏิบตัิกิจกรรมการทดลอง โดยครูให้ ค าปรึกษา อ านวยความสะดวกและสังเกตขณะนักเรียนปฏิบตัิกิจกรรมการทดลอง 5. ครูใหน้กัเรียนแต่ละคนศึกษาใบงานที่1จนเขา้ใจจากน้นัทา การทดลองและบนัทึก ผลครูใหน้กัเรียนรวมกลุ่มกนัและร่วมกนัอภิปรายผลการทดลอง เพื่อสรุปเป็นมติของกลุ่ม ชั่วโมงที่ 2 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป (Explain) 1. นกัเรียนส่งตวัแทนมานา เสนอผลการปฏิบตัิกิจกรรมหนา้ช้นัเรียน
- 12- 2.ครูใหน้กัเรียนร่วมกนัอภิปรายผลการทดลอง เพื่อใหไ้ดข้อ้สรุปวา่ เสียงเกิด จากการสั่นสะเทือนของแหล่งก าเนิดเสียง ข้ันขยายความรู้(Elaborate) นกัเรียนสา รวจสิ่งต่าง ๆ รอบตวัแลว้บนัทึกสิ่งที่ทา ใหเ้กิดเสียงมา 10อยา่ง ขั้นประเมิน ครูทดสอบความเขา้ใจของนกัเรียน โดยการใหต้อบคา ถาม เช่น เสียงเกิดจากอะไร สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่องการเกิดเสียง 2. ใบความรู้เรื่องการเกิดเสียง กระบวนการวัดผลประเมินผล (Evaluate) 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. สังเกตการปฏิบัติการทดลอง 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน 5.การตรวจผลงาน 6. เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือ 1. แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. แบบประเมินการปฏิบัติการทดลอง 4. แบบประเมินการน าเสนอผลงาน 5. แบบประเมินการตรวจผลงาน 6. แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การประเมิน 1. ทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 3. สังเกตการปฏิบัติการทดลองผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 5. การตรวจผลงาน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 6. เจตคติทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑร์้อยละ 60
- 13- แผนการจัดการเรียนรู้ที่2 สาระการเรียนรู้วทิยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เสียงในชีวิตประจ ำวัน เวลา 10 ชั่วโมง เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียง เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ใจความหมายของพลงังานการเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงังานปฏิสัมพนัธ์ระหวา่งสสาร และพลงังานพลงังานในชีวติประจา วนัธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวขอ้งกบัเสียงแสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมท้งันา ความรู้ไปใชป้ระโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ สาระส าคัญ เสียงเกิดจากการสั่นของแหล่งกา เนิดเสียง พลงังานจากการสั่นของแหล่งกา เนิดเสียงจะแผอ่อกไปทุก ทิศทางโดยอาศยัตวักลาง เพื่อส่งพลงังานจากการสั่นไปยงัหูของเรา จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้( K) 1. บอกแหล่งกา เนิดเสียงและอธิบายการเดินทางของเสียงได้ ด้านคุณลกัษณะ(A) 1. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น 2.การทา งานร่วมกบัผอู้ื่นอยา่งสร้างสรรค์ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 3. สามารถสื่อสารและนา ความรู้เรื่องแหล่งกา เนิดเสียงและการเดินทางของเสียงไปใช้ในชีวิตประจ าวัน ได้ สาระการเรียนรู้ 1. การเดินทางของเสียง
- 14- กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครูใหน้กัเรียนใชหู้แนบกบัโตะ๊และใชม้ือเคาะโตะ๊สังเกตเสียงที่ไดย้นิจากน้นั ใหน้กัเรียนนงั่ตามปกติ และใช้มือเคาะโต๊ะ สังเกตเสียงที่ได้ยิน และเปรียบเทียบการไดย้นิเสียงท้งั2คร้ัง 2. ครูซกัถามนกัเรียนเพื่อนา เขา้สู่บทเรียน โดยใชค้า ถาม เช่น - ในการไดย้นิเสียงคร้ังแรกเสียงเดินทางผา่นสิ่งใดมาถึงหูของเรา - ในการไดย้นิเสียงคร้ังที่2 เสียงเดินทางผา่นสิ่งใดมาถึงหูของเรา - การไดย้นิท้งั2คร้ังแตกต่างกนัหรือไม่อยา่งไร ขั้นส ารวจและค้นหา 1. ครูใหค้วามรู้ถึงแหล่งกา เนิดของเสียงและการเดินทางของเสียงในตวักลางต่าง ๆ และช้ีใหเ้ห็นถึงความแตกต่างจากพลงังานแสงคือพลงังานเสียงตอ้งอาศยัตวักลางในการเคลื่อนที่โดยทา ให้ ตวักลางสั่นและส่งพลงังานมายงัอวยัวะรับเสียงซ่ึงของคนคือหูส่วนสัตวบ์างชนิดอาจไม่ไดอ้ยใู่นลกัษณะของหู เช่น ปลาจบัการสั่นสะเทือนดว้ยเส้นขา้งลา ตวั 2. นกัเรียนแบ่งกลุ่มปฏิบตัิกิจกรรมทดลองตามใบงาน 1-2 ชั่วโมงที่ 2 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป 1. ตวัแทนกลุ่มออกมารายงานผลการทดลองตามใบงานที่1-2 ตามล าดับ 2. ครูและนกัเรียนร่วมกนัอภิปรายจนไดข้อ้สรุปวา่ เสียงต้องอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ เพื่อส่งพลังงาน จากการสั่นไปยงัหูของผู้ฟัง ตัวกลางทเี่สียงเคลื่อนทผี่่านได้ดีคือ ตัวกลางทเี่ป็นของแข็ง ข้ันขยายความรู้ 1.ครูใหค้วามรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกบัหูของเราและการไดย้นิเสียง ตามรายละเอียดในใบความรู้ 2.ครูต้งัประเด็นคา ถามใหน้กัเรียนร่วมกนัอภิปราย ดงัน้ี - ถา้เราไม่มีใบหูเราจะไดย้นิเสียงหรือไม่เพราะเหตุใด - ถา้เราไม่มีเยื่อแกว้หูเราจะไดย้นิเสียงหรือไม่เพราะเหตุใด 3. ให้นักเรียนท าแบบฝึ กหัด สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงาน เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียง
- 15- 2. ใบงาน เรื่อง ตัวกลางของเสียง 3. ใบความรู้เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียงผา่นตวักลาง กระบวนการวัดผลประเมินผล 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. สังเกตการปฏิบัติการทดลอง 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน 5. การตรวจผลงาน 6. เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือ 1. แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. แบบประเมินการปฏิบัติการทดลอง 4. แบบประเมินการน าเสนอผลงาน 5. แบบประเมินการตรวจผลงาน 6. แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การประเมิน 1. ทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 3. สังเกตการปฏิบตัิการทดลองผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 5. การตรวจผลงาน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 6. เจตคติทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑร์้อยละ 60
- 16- แผนการจัดการเรียนรู้ที่3 สาระการเรียนรู้วทิยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เสียงในชีวิตประจ ำวัน เวลา 10 ชั่วโมง เรื่อง ระดับเสียง เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ใจความหมายของพลงังานการเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงังานปฏิสัมพนัธ์ระหวา่งสสาร และพลงังานพลงังานในชีวติประจา วนัธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวขอ้งกบัเสียงแสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมท้งันา ความรู้ไปใชป้ระโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงจากหลกัฐานเชิงประจกัษ์ สาระส าคัญ แหล่งกา เนิดเสียงสั่นดว้ยความถี่ต่า จะเกิดเสียงต่า แต่ถา้สั่นดว้ยความถี่สูงจะเกิดเสียงสูง จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้( K) 1. อธิบายความหมายของระดับเสียงได้ 2. บอกความถี่ของเสียงกบัการไดย้นิและอวยัวะรับเสียงได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. สามารถสื่อสารและน าความรู้ ไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ ด้านคุณลกัษณะ(A) 1. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น 2.การทา งานร่วมกบัผอู้ื่นอยา่งสร้างสรรค์ สาระการเรียนรู้ 1. ระดับเสียง 2. ความถี่ของเสียงกบัการไดย้นิ
- 17- กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ ครูถามนกัเรียนวา่ ใครเคยเล่นดนตรีบา้ง (นกัเรียนที่เคยเล่นยกมือ)ครูถามต่อวา่เคยเล่น เครื่องดนตรีชนิดใด เพราะอะไรจึงเลือกเล่นดนตรีชนิดน้ี ขั้นส ารวจและค้นคว้า 1. ครูและนกัเรียนร่วมกนัอภิปรายเรื่อง ระดบัเสียงตามเน้ือหาในหนงัสือเรียน โดย ช้ีใหเ้ห็นถึงการปรับระดบัเสียง หรือความถี่ของเครื่องดนตรีประเภทต่าง ๆ 2. ใหน้กัเรียนแบ่งกลุ่ม ระดมสมองวางแผนปฏิบัติกิจกรรมทดลองความถี่ของเสียงกับ ความยาวของลา อากาศและกิจกรรมทดลองความสัมพนัธ์ระหวา่งความถี่ของเสียงกบัความยาวของเส้นลวด ตาม ข้นัตอนวธิีการทางวทิยาศาสตร์และทกัษะกระบวน การทางวทิยาศาสตร์ดงัน้ี - หาขวดแกว้ทรงสูงที่มีขนาดเท่ากนัมา 5-6 ใบ ล้างให้สะอาด - ใส่น้า ลงในขวดใหม้ีระดบัน้า แตกต่างกนั - ใชต้ะเกียบหรือดินสอเคาะที่ขา้งขวดเรียงจากใบแรกถึงใบสุดทา้ย สังเกตเสียงที่เกิดข้ึน บนัทึกผล ชั่วโมงที่ 2 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป 1. นกัเรียนแต่ละกลุ่มนา เสนอผลการปฏิบตัิกิจกรรมหนา้หอ้งเรียน 2.ครูและนกัเรียนร่วมกนัอภิปรายผลจากการปฏิบตัิกิจกรรม โดยใชแ้นวคา ถามต่อไปน้ี - ความถี่หรือความสูงต่า ของเสียงที่เกิดจากแต่ละขวดเป็นอยา่งไร -ถา้ตอ้งการเสียงสูงตอ้งใส่น้า มากหรือนอ้ย - ความรู้ที่ไดจ้ากกิจกรรมน้ีสามารถนา ไปทา อะไรไดอ้ีกบา้ง ขั้นขยายความรู้ 1. ครูหาเครื่องดนตรีเช่น กีตา้ใหน้กัเรียนศึกษาโดยพิจารณาขนาดของสายความ ตึงและความยาวของสายขณะเล่น 2 นกัเรียนแบ่งกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมทดลองความสูงต่า ของเสียงกบัความตึง ของเส้นลวด และกิจกรรม ทดลองความสัมพนัธ์ของความถี่กบัความยาวของวตัถุ ขั้นประเมิน 1.ครูทดสอบความเขา้ใจของนกัเรียน โดยการให้ตอบคา ถาม เช่น - มนุษยส์ามารถไดย้นิเสียงในช่วงความถี่ประมาณเท่าใด - ถา้เยอื่แกว้หูอกัเสบการไดย้นิของเราจะเป็นอยา่งไร
- 18- - สัตวบ์างชนิดไม่มีหูเช่น ปลาจะไดย้นิเสียงหรือไม่อยา่งไร สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงาน เรื่อง เสียงสูง – เสียงต ่า 2. ใบงาน เรื่อง เสียงสูง - เสียงต ่า 3. ใบความรู้เรื่อง เสียงสูง - เสียงต ่า กระบวนการวัดผลประเมินผล 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. สังเกตการปฏิบัติการทดลอง 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน 5. การตรวจผลงาน 6. เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือ 1. แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. แบบประเมินการปฏิบัติการทดลอง 4. แบบประเมินการน าเสนอผลงาน 5. แบบประเมินการตรวจผลงาน 6. แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การประเมิน 1. ทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 3. สังเกตการปฏิบตัิการทดลองผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 5. การตรวจผลงาน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 6. เจตคติทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑร์้อยละ 60
- 19- แผนการจัดการเรียนรู้ที่4 สาระการเรียนรู้วทิยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เสียงในชีวิตประจ ำวัน เวลา 10 ชั่วโมง เรื่อง เสียงดังหรือเสียงค่อย เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ใจความหมายของพลงังานการเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงังานปฏิสัมพนัธ์ระหวา่งสสาร และพลงังานพลงังานในชีวติประจา วนัธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวขอ้งกบัเสียงแสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมท้งันา ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงจากหลกัฐานเชิงประจกัษ์ สาระส าคัญ แหล่งกา เนิดเสียงสั่นดว้ยพลงังานมากจะทา ให้เกิดเสียงดงัแต่ถา้แหล่งกา เนิดเสียงสั่นดว้ยพลงังานน้อยจะ เกิดเสียงค่อย จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้( K) 1.อธิบายความหมายของเสียงดงัเสียงค่อยได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1 สามารถสื่อสารและน าความรู้ ไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ ด้านคุณลกัษณะ(A) 1. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น 2.การทา งานร่วมกบัผอู้ื่นอยา่งสร้างสรรค์ สาระการเรียนรู้ 1. เสียงดงัหรือค่อย
- 20- กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ขั้นสร้างความสนใจ 1. ใหน้กัเรียนในหอ้งตะโกนเสียงดงัๆ แลว้ถามวา่การสั่นสะเทือนของเสียงมีผลต่อความดงัของเสียง หรือไม่อยา่งไร ขั้นส ารวจและค้นหา ทา การทดลองและอธิบายวา่การสั่นสะเทือนของแหล่งกา เนิดเสียง มีผลต่อความดงัของเสียงโดยปฏิบตัิ ดงัน้ี 1) วางไม้บรรทัดยื่นออกมาจากขอบโต๊ะประมาณ 15 เซนติเมตรใชม้ือกดปลายไมบ้รรทดัที่อยบู่นโตะ๊ แลว้ใชม้ืออีกขา้งกดปลายไมบ้รรทดัแลว้ปล่อย สังเกตการสั่นของไมบ้รรทดัและเสียงที่ไดย้นิ 2) กดปลายไมบ้รรทดัใหแ้รงกวา่คร้ังที่1 แลว้ปล่อย สังเกตผลที่เกิดข้ึนเปรียบเทียบกบัคร้ังที่1 ลงใน แบบฝึ กทักษะการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง ดงัหรือค่อยแลว้นา เสนอผลงานที่หนา้ช้นัเรียน ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป 1. ร่วมกนัอภิปรายและสรุปเกี่ยวกบัการสั่นสะเทือนของแหล่งกา เนิดเสียง มีผลต่อความดงัของเสียง 2. หลบัตานิ่งๆ เพื่อฟังเสียงต่างๆ ที่อยรู่อบตวัเราไดย้นิเสียงอะไรบา้ง เสียงน้นัมีลกัษณะอยา่งไร ชั่วโมงที่ 2 ข้ันขยายความรู้ 1. ครูใหน้กัเรียนศึกษาขอ้มูลเรื่องความดงัของเสียงจากสื่อต่างๆ 2. ครูและนกัเรียนร่วมกนัอภิปรายปัญหาต่างๆ เกี่ยวกบัความดงัของเสียงและแนวทาง การแกป้ ัญหา 3. ครูเนน้ย้า ใหน้กัเรียนเห็นความสา คญัของการดูแลรักษาหูโดยการไม่ฟังเสียงดงัติดต่อกนัเป็น เวลานานๆ เช่น การฟังเพลงโดยใชหู้ฟังและเปิดเสียงดงัจนเกินไป เพราะจะทา ใหป้ระสาทหูเสื่อม ขั้นประเมิน 1. ครูใหน้กัเรียนร่วมกนัสรุปสาระสา คญัของการเรียนเรื่องน้ี สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบงานเรื่อง ดงัหรือค่อย 2. ใบความรู้ เรื่องความดังของเสียง กระบวนการวัดผลประเมินผล 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม
- 21- 3. สังเกตการปฏิบัติการทดลอง 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน 5. การตรวจผลงาน 6. เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือ 1. แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. แบบประเมินการปฏิบัติการทดลอง 4. แบบประเมินการน าเสนอผลงาน 5. แบบประเมินการตรวจผลงาน 6. แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การประเมิน 1. ทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 3. สังเกตการปฏิบตัิการทดลองผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 5. การตรวจผลงาน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 6. เจตคติทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑร์้อยละ 60
- 22- แผนการจัดการเรียนรู้ที่5 สาระการเรียนรู้วทิยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 1 หน่วยการเรียนรู้ที่5 เสียงในชีวิตประจ าวัน เวลา 10 ชั่วโมง เรื่อง มลพิษของเสียง เวลา 2 ชั่วโมง มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ใจความหมายของพลงังานการเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลงังานปฏิสัมพนัธ์ระหวา่งสสาร และพลงังานพลงังานในชีวติประจา วนัธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ที่เกี่ยวขอ้งกบัเสียงแสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมท้งันา ความรู้ไปใชป้ระโยชน์ ตัวชี้วัด ว 2.3 ป.1/1 บรรยายการเกิดเสียงและทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงจากหลักฐานเชิงประจักษ์ สาระส าคัญ เสียงดงัมาก ๆ จะเป็นอนัตรายต่อการไดย้นิและเสียงที่ก่อใหเ้กิดความร าคาญเรียกวา่มลพิษทางเสียง จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้( K) 1. อธิบายความดัง และคุณภาพของเสียงได้ 2. บอกถึงอนัตรายจากเสียงดงัและการป้องกนัได้ ด้านทักษะกระบวนการ (P) 1. การสืบค้น 2. สามารถสื่อสารและน าความรู้เรื่องที่เรียนไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ คุณลกัษณะอันพงึประสงค์(A) 1.รอบคอบ ความรับผิดชอบ ความซื่อสัตย์ 2. มีความสนใจใฝ่ รู้หรืออยากรู้อยากเห็น 3. การทา งานร่วมกบัผูอ้ื่นอยา่งสร้างสรรค์ 5. สาระการเรียนรู้ 1. ความดังของเสียง -ผลเสียจากความดัง -การตรวจสอบการได้ยิน -การแกไ้ขปัญหาที่เกิดจากเสียงดงั 2. คุณภาพของเสียง กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1
- 23- ขั้นสร้างความสนใจ 1.ครูนา วทิยมุาเปิดที่โตะ๊หนา้ช้นัเรียน โดยจดัใหน้กัเรียนคนหน่ึงนงั่อยหู่นา้ช้นัเรียน อีกคนหน่ึงหลงัช้นัเรียน เปิดวทิยปุระมาณ 2 นาทีจากน้นันา นกัเรียนท้งัสองมาหนา้ช้นัถามถึงการ ไดย้นิของแต่ละคน (คนที่อยใู่กลว้ทิยจุะบอกวา่ ไดย้นิเสียงดงัคนที่อยไู่กลจะบอกวา่เสียงเบา) 2. ครูถามนกัเรียนวา่ - การที่เราไดย้นิเสียงเบา เสียงดงัข้ึนอยกู่บัอะไรบา้ง 3.ครูใหค้วามรู้เรื่องความดงัของเสียงวา่ข้ึนอยกู่บัแหล่งที่กา เนิดเสียงและระยะห่าง ของผฟู้ ังโดยมีหน่วยวดัความดงัเป็นเดซิเบลแลว้ใหน้กัเรียนศึกษาตวัอยา่งเสียงที่เป็นอนัตรายต่อหูและตวัอยา่ง เสียงที่ไม่เป็นอนัตราย ขั้นส ารวจและค้นคว้า 1.แบ่งนกัเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ4คน ครูแบ่งเน้ือหาที่จะใหน้กัเรียนศึกษาเป็น 4 หวัขอ้ดงัน้ี - ผลเสียจากเสียงดัง - การตรวจสอบการได้ยิน - การแกไ้ขปัญหาที่เกิดจากเสียงดงั - คุณภาพเสียง 2. ใหส้มาชิกในกลุ่มรับผดิชอบศึกษาเน้ือหาคนละ1 หวัขอ้นกัเรียนที่ศึกษาหวัขอ้ เดียวกนัมารวมกลุ่มกนัเป็นกลุ่มใหม่ช่วยกนัศึกษาและทา ความเขา้ใจในเน้ือหาที่ไดรับผิดชอบ ้ เมื่อศึกษาจนเป็นที่เขา้ใจแลว้แต่ละคนกลบัไปกลุ่มเดิมของตน ถ่ายทอดสิ่งที่ตนศึกษามาใหส้มาชิก ในกลุ่มฟังผลดักนัถ่ายทอดจนครบทุกหวัขอ้ 3. แต่ละกลุ่มนา เสนอผลการศึกษาคน้ควา้ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้กัเรียนเขา้ใจ ชั่วโมงที่ 2 ข้ันอธิบายและลงข้อสรุป 1.ครูและนกัเรียนร่วมกนัสรุปผลการทดลอง 2. ร่วมกนัอภิปรายเพื่อใหไ้ดข้อ้สรุปวา่ถา้นกัเรียนฟังเสียงดงัมากๆ และฟังเป็น เวลานานจะเป็นอนัตรายต่อหูอยา่งไรและมีวธิีป้องกนัเสียงดงัอยา่งไร ข้ันขยายความรู้ นกัเรียนแบ่งกลุ่มสา รวจบริเวณที่มีเสียงดงัแลว้ร่วมระดมสมองเสนอแนว ทางแกไ้ข ขั้นประเมิน ครูทดสอบความเขา้ใจของนกัเรียน โดยการใหต้อบคา ถาม เช่น -การไดย้นิเสียงดงัเป็นเวลานาน ๆ จะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอยา่งไร
- 24- - เสียงที่มีความดงัเกินกี่เดซิเบลจะเป็นอนัตรายต่อหู สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ ใบความรู้ เรื่องความดังของเสียง กระบวนการวัดผลประเมินผล 1. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. สังเกตการปฏิบัติการทดลอง 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน 5. การตรวจผลงาน 6. เจตคติทางวิทยาศาสตร์ เครื่องมือ 1. แบบวัดทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ 2. แบบสังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม 3. แบบประเมินการปฏิบัติการทดลอง 4. แบบประเมินการน าเสนอผลงาน 5. แบบประเมินการตรวจผลงาน 6. แบบวัดเจตคติทางวิทยาศาสตร์
- 25- เกณฑ์การประเมิน 1. ทกัษะกระบวนการทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 2. สังเกตพฤติกรรมการทา งานกลุ่ม ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 3. สังเกตการปฏิบตัิการทดลองผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 4. การนา เสนอผลงานหนา้ช้นัเรียน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ60 5. การตรวจผลงาน ผา่นเกณฑอ์ยา่งนอ้ยร้อยละ 60 6. เจตคติทางวทิยาศาสตร์ผา่นเกณฑร์้อยละ 60
- 26- แบบทดสอบประจ าหน่วย ค าชี้แจง ให้เขียนเครื่องหมาย X ทบัตัวอกัษรหน้าค าตอบทถีู่กต้อง 1. ข้อใด ไม่ใช่แหล่งก าเนิดเสียง ก ใบไม้ที่ถูกลมพัด ข หนังยางที่ถูกดีด คแผน่เหล็กที่ถูกแดดเผา ง ลูกเหล็กที่กลิ้งในกระป๋อง 2. เสียงในข้อใด สามารถปรับเสียงให้มีความดัง-เบาได้ ก. เสียงคน ข. เสียงฟ้าผา่ ค. เสียงรถชนกนั ง. จานแตก 3. เสียงจะมีความเร็วมากทสีุ่ดในตัวกลางใด ก น้า ข อากาศ ค สุญญากาศ งแท่งเหล็ก 3. เพลงใดมีจังหวะช้า ก. เพลงกล่อมเด็ก ข. เพลงปลุกใจ ค. เพลงร าวง ง. เพลงมาร์ช 4. พาหนะใดทปี่กติไม่ทา ให้เกดิเสียงทเี่ป็นอนัตรายต่อหู ก เรือหางยาว ข รถยนต์ ค รถจักรยานยนต์ ง รถสามล้อเครื่อง 5. บุคคลในข้อใดเสี่ยงต่ออนัตรายทจี่ะเกดิกบัหูมากทสีุ่ด ก พนักงานขับรถโดยสาร
- 27- ข ชาวนา ชาวไร่ ค ต ารวจจราจร ง นักยิงปื น 6. เสี ยงของคนเกิ ดจากอะไร ก.การสั่นสะเทื อนของลู กกระเดื อก ข.การสั่นสะเทื อนของคอ ค.การสั่นสะเทื อนของเส้ นเสี ยงใน กล่องเสี ยง ง.การสั่นสะเทื อนของริ มฝีปาก 7. ตัวกลางชนิดใดที่เสียงสามารถเดินทางผา่นไดด้ี ที่สุ ด ก.น้ า ข. ทราย ค.อากาศ ง. แก๊ ส 8. บริ เวณใดที่เราจะไม่ไดย้ น ิ เสี ยง ก.กลางทุ่งนา ข. ในโอ่งน้ า ค.ใต้โต๊ะ ง. ในอวกาศ 9. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบของการที่จะได้ยินเสียงก.แหล่งกา เนิดเสียง ข.ตวัสั่นสะเทือน ค.ตัวกลาง ง. อวัยวะรับเสียง 10. ระดบั เสี ยงของสิ่งใดที่จดั อยใู่นระดบั เป็ นเสี ยงดงั มาก ก.เสียงเครื่องดูดฝุ่ น ข.เสียงนาฬิกาเดิน ค.เสียงเครื่องเจาะถนน ง.เสียงการจราจร
- 28- แบบประเมินกำรทดลอง กลุ่มที่ .............. ชั้น ................... สมำชิก 1 ................................................................... 2 ................................................................... 3................................................................... 4.................................................................... รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน ดีมำก (3) ดี (2) พอใช้ (1) 1. การตั ้งปัญหา 2. การตั ้งสมมติฐาน 3. การทดลอง 4. การลงข้อสรุปผลการทดลอง บันทึกและเขียนรายงาน
- 29- เกณฑ์กำรประเมินกำรทดลอง รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 1. กำรตั้งปัญหำ - ถูกต้องตรงประเด็น - ถูกต้องบางส่วน ไม่ตรงประเด็น - ไม่ถูกต้องและไม่ตรงประเด็น 3 2 1 2. กำรตั้งสมมติฐำน - ตั ้งสมมติฐานได้ตรงประเด็น - ถูกต้องบางส่วนไม่ตรงประเด็น - ไม่ถูกต้องและไม่ตรงประเด็น 3 2 1 3. กำรทดลอง - ใช้อุปกรณ์เรียงล าดับถูกต้อง ปลอดภัย ใช้เวลาตามที่ก าหนด - ใช้อุปกรณ์ได้แต่ยังไม่ถูกต้อง ครูคอยชี ้แนะเป็นบางครั ้ง ตรงเวลา - ใช้อุปกรณ์ไม่เป็น ครูต้องคอยแนะน าเสมอ ไม่ตรงเวลา 3 2 1 4. กำรลงข้อสรุปผลกำรทดลอง บันทึกและเขียนรำยงำน - บันทึกผลการทดลอง สรุปผลถูกต้อง และชัดเจน - บันทึกผลการทดลองได้เอง เขียนรายงานได้บ้าง แต่ยังไม่สมบูรณ์ - บันทึกผลการทดลองยังไม่ได้ ครูต้องคอยแนะน า การเขียนและสรุปผล 3 2 1 เกณฑ์กำรตัดสิน คะแนน 10– 12 ดีมาก คะแนน 7–9 ดี คะแนน 5– 6 พอใช้
- 30- แบบประเมินกำรน ำเสนอผลงำน กลุ่มที่ .............. ชั้น ................... สมำชิก 1 .................................................................. 2 .................................................................... 3................................................................... 4.................................................................... รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน ดีมำก (3) ดี (2) พอใช้ (1) 1. ความสามารถในการท างาน 2. การรักษาเวลาและการน าเสนอ 3. การตอบค าถามและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า 4. บุคลิกภาพ
- 31- เกณฑ์กำรประเมินกำรน ำเสนอผลงำน รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน 1. ควำมสำมำรถในกำรท ำงำน - น าเสนอถูกต้องครบถ้วน เน้นประเด็นส าคัญ - น าเสนอถูกต้องครบถ้วน ประเด็นส าคัญไม่ชัดเจน - น าเสนอไม่ค่อยถูกต้อง ไม่มีประเด็นที่ชัดเจน 3 2 1 2. กำรรักษำเวลำและกำรน ำเสนอ - น าเสนอราบรื่น มีการท างานเป็นทีม แบ่งเวลาเหมาะสม - น าเสนอราบรื่น มีการท างานเป็นทีม แบ่งเวลาไม่เหมาะสม - การน าเสนอเสร็จทันเวลา แต่ขั ้นตอนการน าเสนอไม่เป็นระบบ 3 2 1 3. กำรตอบค ำถำมและกำรแก้ปัญหำเฉพำะหน้ำ - แก้ปัญหาได้ดี สามารถตอบปัญหาได้ตรงประเด็น - แก้ปัญหาได้ดี สามารถตอบปัญหาได้ไม่ตรงประเด็น - ตอบปัญหาได้เล็กน้อย ครูต้องคอยให้ความช่วยเหลือบ้าง 3 2 1 4. บุคลิกภำพ - พูดชัดเจน มีความมั่นใจในการน าเสนอ - พูดเสียงเบา แต่มีความมั่นใจในการน าเสนอ - ไม่ค่อยมั่นใจในการน าเสนอพูดตะกุกตะกักบ้าง 3 2 1 เกณฑ์กำรประเมิน คะแนน 10– 12 ดีมาก คะแนน 7–9 ดี คะแนน 5– 6 พอใช้
- 32- แบบตรวจผลงำน ล าดับที่ รายการประเมิน 1. เนื ้อหา 2. การออกแบบ 3. การน าเสนอ 4. ความตรงต่อ เวลา รวม ผล การประเมิน 3 3 3 3 12 เกณฑ์ 1(พอใช้) 2(ดี) 3 (ดีมาก) 1/2/3 1/2/3 1/2/3 1/2/3 1.เด็กชาย ธนกร มีศรีจันทร์ 2.เด็กหญิง ณัฐกานต์ ถนอม 3.เด็กชาย คุณานนท์ สมฤทธิ์ 4.......................................... (........................................................) .........../......................./..................... เกณฑ์กำรประเมิน คะแนน 10– 12 ดีมาก คะแนน 7–9 ดี คะแนน 4– 6 พอใช้
- 33- แบบสังเกตพฤติกรรมกำรปฏิบัติกำรกลุ่ม ชั ้นประถมศึกษาปีที่ 1 ภาคเรียนที่……….. ปีการศึกษา …………….. วันที่ ………. เดือน ……………………….. พ.ศ. ……………….. พฤติกรรม กลุ่มที่ กำร วำงแผน ร่วมกัน การแบ่งงาน รับผิดชอบ การท างาน ร่วมกับหมู่ คณะ การแสดง ความคิด เห็นร่วมกัน สรุปผลการประเมิน 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 คะแนนเฉลี่ย 1 2 3 4 5 6 7 8 ลงชื่อ ………………………………. ผู้ประเมิน (……………………………..) เกณฑ์กำรให้คะแนน ระดับ 3 หมายถึง มีผลการปฏิบัติมาก ระดับ 2 หมายถึง มีผลการปฏิบัติปานกลาง ระดับ 1 หมายถึง มีผลการปฏิบัติน้อย เกณฑ์กำรประเมิน ช่วงคะแนน ระดับคุณภำพ 24-30 17-23 10-16 3 = ดี 2 = พอใช้ 1 = ปรับปรุง
- 34- แบบประเมินทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ล าดับที่ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทักษะการสังเกต ทักษะการจ าแนก ทักษะการลงความ คิดเห็นจากข้อมูล ทักษะการจัด กระท าและสื่อ ความหมายข้อมูล รวม ผล การประเมิน 3 3 3 3 12 1.เด็กชาย ธนกร มีศรีจันทร์ 2.เด็กหญิง ณัฐกานต์ ถนอม 3.เด็กชาย คุณานนท์ สมฤทธิ์ 4........................................... ลงชื่อ ………………….......……………. ผู้ประเมิน (……………………………..)
- 35- เกณฑ์กำรให้คะแนนทักษะกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 1. ทักษะการสังเกต ใช้ประสาทสัมผัส อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เพื่อ หาข้อมูล หรือ รายละเอียดของสิ่ง ต่าง ๆ ได้ถูกต้อง ครบถ้วน ใช้ประสาทสัมผัส อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เพื่อ หาข้อมูล หรือ รายละเอียดของสิ่ง ต่าง ๆ ได้ถูกต้องเป็น ส่วนใหญ่ ใช้ประสาทสัมผัส อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เพื่อ หาข้อมูล หรือ รายละเอียดของสิ่ง ต่าง ๆ ได้ถูกต้องเป็น บางส่วน 2.ทักษะการจ าแนก การแบ่งพวก หรือ เรียงล าดับวัตถุ หรือสิ่ง ที่อยู่ในปรากฏการณ์ โดยใช้เกณฑ์ ความ เหมือน ความแตกต่าง หรือความสัมพันธ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ ถูกต้องสมบูรณ์ การแบ่งพวก หรือ เรียงล าดับวัตถุ หรือสิ่ง ที่อยู่ในปรากฏการณ์ โดยใช้เกณฑ์ ความ เหมือน ความแตกต่าง หรือความสัมพันธ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ ถูกต้องสมบูรณ์ได้ ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ การแบ่งพวก หรือ เรียงล าดับวัตถุ หรือสิ่ง ที่อยู่ในปรากฏการณ์ โดยใช้เกณฑ์ ความ เหมือน ความแตกต่าง หรือความสัมพันธ์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ได้ ถูกต้องสมบูรณ์ ถูกต้องเป็นบางส่วน 3. ทักษะการลงความ คิดเห็นจากข้อมูล การเพิ่มความคิดเห็น ให้กับข้อมูลที่ได้จาก การสังเกตอย่างมี เหตุผล โดยอาศัย ความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมมา ช่วย ได้ถูกต้อง ครบถ้วน การเพิ่มความคิดเห็น ให้กับข้อมูลที่ได้จาก การสังเกตอย่างมี เหตุผล โดยอาศัย ความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมมา ช่วย ได้ถูกต้องเป็น ส่วนใหญ่ การเพิ่มความคิดเห็น ให้กับข้อมูลที่ได้จาก การสังเกตอย่างมี เหตุผล โดยอาศัย ความรู้หรือ ประสบการณ์เดิมมา ช่วย ได้ถูกต้องเป็น บางส่วน
- 36- ทักษะกระบวนการ ทางวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การให้คะแนน 3 2 1 4. ทักษะการจัด กระท าและสื่อ ความหมายข้อมูล น าผลการสังเกต การวัด การทดลอง จากแหล่งต่าง ๆ โดย การหาความถี่ เรียงล าดับ จัดแยก ประเภท เพื่อให้ผู้อื่น เข้าใจความหมาย ของ ข้อมูลดียิ่งขึ ้น ได้ ถูกต้องสมบูรณ์ น าผลการสังเกต การวัด การทดลอง จากแหล่งต่าง ๆ โดย การหาความถี่ เรียงล าดับ จัดแยก ประเภท เพื่อให้ผู้อื่น เข้าใจความหมาย ของ ข้อมูลดียิ่งขึ ้น ได้ ถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ น าผลการสังเกต การวัด การทดลอง จากแหล่งต่าง ๆ โดย การหาความถี่ เรียงล าดับ จัดแยก ประเภท เพื่อให้ผู้อื่น เข้าใจความหมาย ของ ข้อมูลดียิ่งขึ ้น ได้ ถูกต้องเป็นบางส่วน เกณฑ์กำรประเมิน ได้คะแนนตั ้งแต่ 11 -12 คะแนน มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สูง ได้คะแนนตั ้งแต่ 6 - 10 คะแนน มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ปานกลาง ได้คะแนนตั ้งแต่ 4 - 5 คะแนน มีทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ต ่า
- 37- แบบฝึ กทักษะ ใบงาน เรือง การเกิดเสียง ค าชี้แจง ใหน ้ กัเรียนทา การทดลอง เพื่ออธิบายวา่เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวตัถุแลว ้ บนัทึกผล อปุกรณ ์ ไม้บรรทัดพลาสติก วิธีท า 1. ให้นักเรียนใช้มือแตะล าคอด้านหน้าของตนเอง ขณะที่พูดและขณะที่หยุดพูด สังเกต การเปลี่ยนแปลงและบันทึกผล 2. วางไมบ ้ รรทดับนโต ๊ ะและใหย ้ นื่ออกมานอกโต ๊ ะจากน้นั ใชม ้ือกดไมบ ้ รรทดัแลว ้ปล่อย หลาย ๆ คร้ัง สังเกตการเปลี่ยนแปลงของไมบ ้ รรทดัและเสียงที่เกิดข้ึน แลว ้ บนัทึกผล บันทึกผล การทดลอง การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตเห็น 1. ใช้มือแตะล าคอขณะที่พูด 2. ใช้มือแตะล าคอขณะที่หยุดพูด 3. ใชม้ือกดไมบ้รรทดัแลว้ปล่อย สรุปผลการทดลอง …………….……………………………..……………………………………………………………… …………….……………………………..…………………………………………………..…………… …………….……………………………..………………………………………………………...………
- 38- ใบความรู้ เรื่อง การเกิดเสียง การเกิดเสียง เสียง เป็นพลงังานรูปหน่ึงที่มีแหล่งกา เนิดจากสิ่งต่างๆ รอบตวัเรา เช่น - เสียงที่เกิดจากธรรมชาติ - เสียงที่เกิดจากการกระทา ของคนเรา เสียงที่เกิดจากการกระทา ของสัตว์ - เสียงที่เกิดจากเครื่องดนตรีหรือสิ่งของต่างๆ เวลาที่เราพูด เคยสังเกตหรือไม่วา่เสียงของเราเกิดข้ึนไดอ้ยา่งไร จากการทดลอง ทา ให้เราทราบวา่เสียงเกิดจากการสั่นสะเทือนของวตัถุขณะที่เกิดเสียงวตัถุจะสั่นสะเทือน ดงัเช่นเมื่อใชม้ือกดไมบ้รรทดัแลว้ปล่อยไมบ้รรทดัจะสั่นข้ึนลงและมีเสียงเกิดข้ึน แต่ถา้ขณะที่ไมบ้รรทดัสั่น แลว้เรา ใชม้ือจบัไมบ้รรทดัใหห้ยดุสั่น ก็จะไม่มีเสียงเกิดข้ึน ดงัน้นัเสียงที่เกิดข้ึนรอบๆ ตวัเราจึงเกิดจากการสั่นสะเทือนของแหล่งกา เนิดเสียง เช่น เสียงกระดิ่งเกิด จากกระดิ่งสั่นสะเทือน เสียงกลองเกิดจากผวิหนา้ของกลองสั่นสะเทือน เสียงคนเกิดจากการสั่นสะเทือนของเส้นเสียง ที่อยใู่นกล่องเสียง บริเวณล าคอ
- 39- เมื่อเราเปล่งเสียง เส้นเสียงจะสั่นสะเทือน ทา ใหเ้กิดเป็นเสียงออกมา
- 40- ใบงาน เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียง ค าชี้แจง นกัเรียนปฏิบตัิกิจกรรมการทดลองตามข้นัตอนต่อไปน้ี อุปกรณ์การทดลอง 1.ขวดแกว้ใสขนาดเท่ากนั 2 ใบ 2.กระดิ่ง 2 อัน 3.ไม้ขีด เศษกระดาษ วิธีการทดลอง 1. เจาะฝาขวดแกว้ท้งั 2 ขวด 2.แขวนกระดิ่งที่ฝาขวดบริเวณที่เจาะแต่ละใบ 3. นา ขวดที่แขวนกระดิ่งแลว้ 1 ใบ ไล่อากาศออกโดยเผาเศษกระดาษในขวดปิดฝาขวดใหแ้น่น 4. เขยา่ขวดที่ละขวด ฟังเสียงและตอบคา ถาม ค าถาม 1.เสียงกระดิ่งในขวดที่มีอากาศกบัเสียงกระดิ่งในขวดที่ไล่อากาศออกแลว้ต่างกนัอยา่งไร …………………………………………………………………………………………… 2.ถา้แหล่งกา เนิดเสียงอยใู่นสุญญากาศจะทา ใหเ้ราไดย้นิเสียงหรือไม่ …………………………………………………………………………………………… 3.สรุปผลการทดลองวา่อยา่งไร ……………………………………………………………………………………………
- 41- ใบงาน ตัวกลางของเสียง ค าชี้แจงนกัเรียนปฏิบตัิการทดลองตามข้นัตอนต่อไปน้ี อุปกรณ์การทดลอง 1.ถุงพลาสติก 2.ถุงพลาสติกบรรจุน้า 3.ถุงพลาสติกบรรจุทราย 4.กระดิ่ง วิธีการทดลอง 1. นา ถุงพลาสติกแนบไวท้ี่หูใหเ้พื่อนสั่นกระดิ่งตรงกบัพลาสติกที่แนบอยู่สังเกตการไดย้นิ 2. นา ถุงพลาสติกบรรจุน้า แนบไวท้ี่หูใหเ้พื่อนสั่นกระดิ่งตรงกบัถุงน้า ที่แนบอยสู่ ังเกตการไดย้นิ 3. นา ถุงพลาสติกบรรจุทรายแนบไวท้ี่หูใหเ้พื่อนสั่นกระดิ่งตรงกบัถุงทรายสังเกตการไดย้นิ 4. บันทึกผลการทดลอง บันทึกผลจากการทดลอง ชนิดของตัวกลาง ความดังของเสียง 1.ถุงพลาสติก 2.ถุงพลาสติกบรรจุน้า 3.ถุงพลาสติกบรรจุทราย สรุปผลการทดลอง ..................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................
- 42- ใบความรู้ เรื่อง การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง การเคลื่อนที่ของเสียงผ่านตัวกลาง เสียงต่างๆ ที่เกิดข้ึนรอบตวัเรา บางคร้ังแหล่งกา เนิดเสียงอยหู่ ่างจากตวัเราแต่ทา ไมเราจึงสามารถไดย้นิ เสียงเหล่าน้นัแสดงวา่เสียงที่เกิดข้ึนจะตอ้งเดินทางจากแหล่งกา เนิดเสียงผา่นอากาศมายงัหูของเรา อากาศจึงเป็น ตวักลางใหเ้สียงเดินทางผา่น นอกจากอากาศแลว้เสียงสามารถเดินทางผา่นอะไรไดอ้ีกบา้ง เสียงสามารถเดินทางผา่นโต๊ะซ่ึงเป็นของแขง็ได้และเดินทางผา่นน้า ซ่ึงเป็นของเหลวได้ดงัน้นั โตะ๊และน้า จึงเป็ นตัวกลางของเสียง นกัเรียนจะไดย้นิเสียงกระดิ่งแตกต่างกนัคือจะไดย้นิเสียงกระดิ่งชดัเจนเมื่อฟังเสียงกระดิ่งผา่นถุงบรรจุทราย และไดย้นิเสียงกระดิ่งเบาที่สุด เมื่อฟังเสียงกระดิ่งผา่นถุงบรรจุอากาศ ดงัน้นัสามารถสรุปไดว้า่เสียงจากแหล่งกา เนิดเสียงเดียวกนัจะเดินทางผา่นตวักลางที่มีสถานะเป็นของแขง็ได้ ดีกวา่ตวักลางที่มีสถานะเป็นของเหลวและตวักลางที่มีสถานะเป็นก๊าซ แหล่งกา เนิดเสียง ตวักลาง(อากาศ) อวัยวะรับเสียง เมื่อเสียงเกิดข้ึน จะตอ้งเดินทางผา่นตวักลางจึงจะสามารถไปสู่หูของผรู้ับฟังเสียงได้ถา้บริเวณที่เกิดเสียงไม่มี ตวักลาง เช่น ในบริเวณสุญญากาศ(ไม่มีอากาศ)เราจะไม่ไดย้นิเสียงที่เกิดข้ึน เช่น การพูดกนั ในอวกาศ ดงัน้นัการที่จะไดย้นิเสียงจึงตอ้งมีองคป์ระกอบครบท้งั 3 อยา่งไดแ้ก่แหล่งกา เนิดเสียง ตวักลางและอวยัวะรับ เสียง องค์ประกอบ ที่ช่วยในการ ได้ยินเสียง
- 43- หูกบัการได้ยนิ หูของมนุษยท์า หนา้ที่ในการรับฟังและทา หนา้ที่เกี่ยวกบัการทรงตวัซ่ึงโครงสร้างของหูมีท้งัหมด 3 ส่วน ดงัน้ี 1. หูส่วนนอกไดแ้ก่ใบหูทา หนา้ที่ดกัคลื่นเสียงและรูหูทา หนา้ที่เป็นช่องใหค้ลื่นผา่นเขา้ไปกระทบแกว้หู 2. หูส่วนกลางไดแ้ก่ส่วนที่เป็นกระดูกเล็กๆ 3 ชิ้น คือกระดูกคอ้น กรดูกทงั่และกระดูกโกลน ซ่ึงทา หนา้ที่ ในการขยายสัญญาณที่เกิดจากการสั่นสะเทือน 3. หูส่วนใน ไดแ้ก่ส่วนที่รับเสียงที่เรียกวา่คลอเคลีย ซ่ึงมีเซลลข์นทา หนา้ที่ในการส่งสัญญาณไปตาม เส้นประสาท เขา้สู่สมองส่วนกลาง ส่วนประกอบของหูทเี่กยี่วกับการได้ยินเสียง ช้ันของหู ส่วนประกอบ ของหู ลักษณะ หน้าที่ หูช้ันนอก 1.ใบหู -เป็นแผน่มีกระดูก อยภู่ายใน -ช่วยในการรับคลื่นเสียง ใหเ้สียงกระทบเขา้สู่รูหู 2.รูหู -ช่องแคบอยภู่ายใน ส่วนของศีรษะ -เป็นทางผา่นของเสียง เขา้สู่อวยัวะในหู 3.เยอื่แกว้หู-เป็นเน้ือเยอื่บางๆ อยปู่ลายสุดของรูหู -เป็นส่วนที่เกิดการ สั่นสะเทือนเมื่อไดร้ับเสียง หูช้ันกลาง 4.กระดูกค้อน กระดูกทงั่ กระดูกโกลน -เป็นกระดูกชิ้นเล็กๆ ที่มีรูปร่างตามชื่อของมนั -เป็นส่วนที่เกิดการสั่น สะเทือนเมื่อได้รับเสียง แลว้ส่งการสั่นสะเทือน ไปสู่ส่วนนอกสุดของ หูช้นั ใน หูช้ันใน 5.คอเคลีย -เป็นท่อเหมือนเปลือก หอยโข่ง ภายในมีของเหลว บรรจุอยู่ที่ผนงัดา้นในของ คอเคลียมีเส้นประสาท เล็กๆ เป็ นจ านวนมาก -รับการสั่นสะเทือนของ คลื่นเสียงและส่งไปยงั เส้นประสาทใหญ่
- 44- แบบฝึ กหัด 1. เสียงของคนเกิดจากอะไร .................................................................................................................................................... 2. ตัวกลางชนิดใดที่เสียงสามารถเดินทางผา่นไดด้ีที่สุด .................................................................................................................................................... 3. บริเวณใดที่เราจะไม่ไดย้นิเสียง ในอวกาศ .................................................................................................................................................... 4. องค์ประกอบของการที่จะ ไดย้นิเสียงแหล่งกา เนิดเสียง ตวักลางอวยัวะรับเสียง .................................................................................................................................................... 5. คลื่นเสียงเดินทางจากแหล่งกา เนิดเสียงอยา่งไร แผอ่อกเป็นวงรอบทิศทาง ....................................................................................................................................................
- 45- ใบงาน เรื่องเสียงสูง - เสียงต ่า ค าชี้แจง นกัเรียนปฏิบตัิกิจกรรมตามข้นัตอนต่อไปน้ี อุปกรณ์การทดลอง 1.ขวด4 ใบ วิธีการทดลอง 1. ใหแ้ต่ละกลุ่มใส่น้า ในขวดใบที่2-4 ประมาณ¼, ½, และ ¾ ของขวดตามล าดับ 2. วางขวดเรียงล าดับ ดังภาพ และใช้ด้ามดินสอหรือด้ามปากกาเคาะที่ขวดทุกใบ 3. สังเกตระดบัเสียงที่ไดย้นิเปรียบเทียบกนัท้งั 4 ขวด แล้วบันทึกผล การทดลอง ระดับเสียงที่ได้ยิน 1.เคาะขวดใบที่ 1 (ขวดเปล่า) 2.เคาะขวดใบที่ 2 (มีน้า ¼ ของขวด) 3.เคาะขวดใบที่ 3 (มีน้า ½ ของขวด) 4.เคาะขวดใบที่ 4 (มีน้า ¾ ของขวด) สรุปผลการทดลอง………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………… ค าถาม 1.จากการที่นกัเรียนใชด้ินสอเคาะขวดแต่ละใบ เสียงที่นกัเรียนไดย้นิเหมือนกนัหรือไม่ เพราะอะไร ………………………………………………………………………………………………… 2.ขวดที่บรรจุน้า นอ้ยกบัขวดทีมีน้า บรรจุมาก มีระดบัเสียงต่างกนัอยา่งไร ………………………………………………………………………………………………....
- 46- ใบงาน เรื่อง เสียงสูง - เสียงต ่า ค าชี้แจง ใหน้กัเรียนทา การทดลอง เพื่ออธิบายการเกิดเสียงสูง-ต ่า แล้วบันทึกผล อุปกรณ์ ไม้บรรทัดพลาสติก วิธีท า 1. วางไม้บรรทัดยื่นออกมาจากขอบโต๊ะประมาณ 10 ซม.ใชม้ือกดปลายไมบ้รรทดัแลว้ปล่อย สังเกตการ สั่นของไมบ้รรทดัและเสียงที่ไดย้นิแลว้บนัทึกผล 2. วางไม้บรรทัดยื่นจากขอบโต๊ะประมาณ 15 ซม. ใช้มือกดปลายไม้บรรทัดแรง เท่ากบัคร้ังแรก แลว้สังเกตการสั่นของไมบ้รรทดัและเสียงที่ไดย้นิเปรียบเทียบกบัคร้ังแรกแลว้บนัทึกผล บันทึกผล การทดลอง การสั่นของไม้บรรทัด เสียงที่ได้ยิน สั่นเร็ว สั่นช้า เสียงสูง เสียงต ่า คร้ังที่1 ไม้บรรทัด ยื่นจากขอบโต๊ะ 10 ซม. คร้ังที่1 ไม้บรรทัด ยื่นจากขอบโต๊ะ 15 ซม. สรุปผลการทดลอง ……………………………………………………………............………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………….......................................................................……
- 47- ใบความรู้ เรื่อง เสียงสูง - เสียงต ่า ความสูงต ่าของเสียง หรือระดับเสียง เป็ นสมบัติประการหนึ่งของเสียง เสียงของคนเราจะมีระดบัเสียงไม่เท่ากนัเช่น เสียงผชู้ายจะมีระดบัเสียงต่า กวา่เสียงผหู้ญิง เมื่อกดไม้บรรทัดที่ยื่นจากขอบโต๊ะ 10 ซม. แลว้ปล่อยไมบ้รรทดัจะสั่นเร็วกว่าไมบ้รรทดัที่ยื่นจากขอบ โต๊ะ 15 ซม. ทา ใหส้ามารถสรุปไดว้า่ ความยาวของวตัถุต้นกา เนิดเสียงมีผลต่อการสั่นสะเทือนช้าหรือเร็ว - ถา้วตัถุตน้กา เนิดเสียงมีความยาวมากจะสั่นสะเทือนชา้ทา ใหเ้กิดเสียงต่า - ถา้วตัถุตน้กา เนิดเสียงมีความยาวนอ้ยกวา่จะสั่นสะเทือนเร็ว ทา ใหเ้กิดเสียงสูง ดังน้ันการเกิดระดับเสียงสูงหรือเสียงต่า มีความสัมพนัธ์กับความยาวของแหล่งกา เนิดเสียงและการ สั่นสะเทือนของแหล่งกา เนิดเสียง นอกจากน้ีความหนาของแหล่งกา เนิดเสียงมีผลต่อการทา ให้เกิดระดบัเสียงสูงต่า ดว้ย ดงัน้นัจึงสรุปไดว้่า ความหนาแน่นของแหล่งกา เนิดเสียงจะทา ใหร้ะดบัเสียงแตกต่างกนั จากหลกัการดงักล่าวขา้งตน้จึงนา มาใชป้ระดิษฐเ์ครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ใหส้ามารถเปลี่ยนระดบัเสียงสูงต่า ได้ *************************************
- 48- ใบงาน เรื่อง ดังหรือค่อย ค าชี้แจง ให้นักเรียนท าการทดลอง เพื่ออธิบายการสั่นสะเทือนของแหล่งกา เนิดเสียง มีผลต่อความดงัของเสียงแลว้บนัทึกผล อุปกรณ์ ไม้บรรทัดพลาสติก วิธีท า 1. วางไม้บรรทัดยื่นออกมาจากขอบโต๊ะประมาณ 15 ซม.ครั้งที่ 1ใชม้ือกดปลายไมบ้รรทดัที่อยบู่นโต๊ะไว้ แลว้ใชม้ืออีกขา้งกดปลายไมบ้รรทดัแลว้ปล่อยสังเกตการสั่นของไมบ้รรทดัและเสียงที่ไดย้นิแลว้บนัทึกผล 2. ครั้งที่ 2ใหก้ดปลายไมบ้รรทดัที่ยนื่ออกมาจากขอบโตะ๊ใหแ้รงกวา่คร้ังที่1 แลว้ปล่อย สังเกตผลที่เกิดข้ึนเปรียบเทียบกบัคร้ังที่ 1 แล้วบันทึกผล บันทึกผล การทดลอง การสั่นของไม้บรรทัด เสียงที่ได้ยิน ครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 สรุปผลการทดลอง ……………………………………………………………............……………………………... ……………………………………………………………………………………………………
- 49- ใบความรู้ เรื่อง ความดังของเสียง ความดังของเสียง ความดังของเสียง คือ ปริมาณของพลังงานเสียงที่เดินทางมาถึงหูของเราซึ่งเป็ นสมบัติประการหนึ่งของ เสียงพลงังานเสียงมากทา ใหเ้กิดเสียงดงัพลงังานเสียงนอ้ย ทา ใหเ้กิดเสียงเบา ถา้วตัถุสั่นสะเทือนนอ้ยจะทา ใหเ้กิดเสียงเบา แต่ถา้วตัถุสั่นสะเทือนมากข้ึน จะทา ใหเ้กิดเสียงดงัมากข้ึน ดงัน้นัความดงัของเสียงที่เราไดย้นิจึงข้ึนอยกู่บั 1. การสั่นสะเทือนของแหล่งกา เนิดเสียง 2. ระยะทางระหวา่งตวัเรากบัแหล่งกา เนิดเสียง สา รวจและอภิปรายอนัตรายที่เกิดข้ึนเมื่อฟังเสียงดงัมาก ๆ เสียงดังมาก ๆ จะเป็นอนัตรายต่อการไดย้นิและเสียงที่ก่อใหเ้กิดความร าคาญเรียกวา่มลพิษทางเสียง
- 50- เรื่อง ความดังของเสียง คุณภาพของเสียง คุณภาพของเสียง หมายถึง ลกัษณะเฉพาะตวัของเสียงจากแหล่งกา เนิดเสียงแต่ละชนิดเช่น เสียงจาก ปี่ เสียงจากปี่หรือเสียงจากไวโอลินจะแตกต่างกนัท้งัๆ ที่เล่นดนตรีโนต้ตวัเดียวกนัแต่เสียงที่เกิดข้ึนจะต่างกนั เสียงพูดของมนุษยแ์ต่ละคนจะไม่เหมือนกนัเพราะมีคุณภาพของเสียงหรือลกัษณะเฉพาะต่างกนัสิ่งที่ทา ให้ คุณภาพของเสียงจากแหล่งกา เนิดต่างกนั ก็คือชนิด ขนาดและลกัษณะของวสัดุที่เป็นตน้กา เนินเสียง รวมไปถึงลักษณะและขนาดของ "กล่องเสียง" ที่ทา ให้ เสียงที่เกิดข้ึนมีความชดัเจนกงัวานดว้ยความดงัของเสียง วดัไดจ้ากพลงังานของเสียงที่ตกลงพ้ืนที่รับเสียงซ่ึงการ บอกค่าความดงับอกได้2 แบบ คือ 1. ค่าความเขม้ของเสียง ซึ่งวัดจากพลงังานเสียงที่ตกต้งัฉากบนพ้ืนที่รับเสียง 1 ตารางหน่วยใน เวลา 1 วินาทีค่าความเขม้เสียงจะมีหน่วยเป็นวตัต/์ตารางเมตรเสียงที่มนุษยไ์ดย้นิมีค่าความเขม้เสียงระหวา่ง วัตต์/ตารางเมตร 2. ค่าระดบัความเขม้เสียง เป็นค่าความดงัที่เปรียบเทียบกบัค่าความเขม้เสียงต ่าสุด นิยมใชห้น่วยเดซิเบล เสียงที่มนุษยไ์ดย้นิมีค่าระดบัความเขม้เสียงระหวา่ง 0 -120 เดซิเบลเช่น เสียงกระซิบมีความดังประมาณ 30 เดซิ เบลเสียงเครื่องตัดหญ้า มีความดังประมาณ 100 เดซิเบลเป็นตน้การบอกค่าความดงัของเสียงนิยมบอกในรูปของ ระดบัความเขม้เสียงในหน่วย"เดซิเบล"การวดัระดบัเสียงจากกิจกรรมต่างๆ มีหน่วยเป็น เดซิเบล(Decibel A) มี ตวัอยา่งดงัน้ี เครื่องบิน 130 เดซิเบล เสียงเจาะถนน 120 เดซิเบล โรงงานผลิตอลูมิเนียม 100-120 เดซิเบล วงดนตรีร็อค 108-114 เดซิเบล งานค็อกเทลที่มีแขกประมาณ 100 คน 100 เดซิเบล รถสามล้อเครื่อง 92 เดซิเบล รถบรรทุกสิบล้อ 96 เดซิเบล รถยนต์ 85 เดซิเบล รถจักรยานยนต์ 88 เดซิเบล เสียงคนพูดโดยทวั่ ไป 50 เดซิเบล