ครกู ับคณุ ภาพการศกึ ษา
ในศตวรรษท่ี 21
บทบาทของครูผนู้ าในปัจจบุ ัน
ในอดีตท่ีผ่านมาก่อนที่จะมีการปฏิรูปการศึกษาในปี พ.ศ. 2542 การเป็นทาหน้าท่ีของครูนั้น
มุ่งเน้นในการทาหน้าท่ีสอนและปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมาย แต่เมื่อมีการปฏิรูปการศึกษาและมี
กระแสการเปล่ียนแปลงของสังคมโลก มีความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีเข้ามาสู่ประเทศไทย ส่งผล
ใหว้ ิถีชีวิตของผู้คนในสังคมไทยเปล่ียนแปลงไปดว้ ย วงการการศึกษาก็เช่นเดียวกนั เมอ่ื สถานการณ์โลก
เปลี่ยนแปลงความท้าทายของยุคดิจิทัลเข้ามามีส่วนผลักดันในบุคลากรในระบบการศึกษาท่ีพัฒนา
ตนเองใหเ้ ท่าทนั กบั ยคุ สมัย
การศึกษาเป็นเครื่องมือสาคัญในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้กับประเทศชาติ หลายๆ
ประเทศทีม่ ีการพัฒนาได้อย่างรวดเรว็ นั้น มที ่ีมาจากการพัฒนาการระบบการศกึ ษา พฒั นาคุณภาพของ
บุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะอย่างย่ิงการพัฒนาครูให้มีความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนรู้
และพัฒนาตนเอง ดังน้ันหากต้องการพัฒนาประเทศควรเริ่มที่การพัฒนาการศึกษาของเยาวชน และ
ครเู ปน็ ผทู้ ่มี คี วามสาคญั อย่างยงิ่ ท่ีจะพฒั นาเยาวชน
ไพฑูรย์ สินลารัตน์ และคณะ (2557, น. 8-11) ได้ศึกษาและวิเคราะห์บทบาทของครูผู้นาของ
อเมริกาและออสเตรเลีย ทาให้เห็นว่าบทบาทของครูในอนาคตจะต้องมีความเป็นผู้นามากขึ้น ใน
ขณะเดียวกันระบบการศึกษาของไทยก็ต้องการครผู ู้นามาชว่ ยส่งเสริมบทบาทของครู โดยเฉพาะในโลก
ของการศึกษายุคใหม่ท่ีต้องมีการจัดการที่เข้มข้น เข้มแข็ง และจริงจังมากข้ึน จึงเสนอว่าบทบาทของ
ครูผู้นา สาหรับครูไทยควรประกอบดว้ ยบทบาทในดา้ นตา่ งๆ ดงั นี้
1) การสง่ เสริมการเรยี นร้ขู องผู้เรียนให้เติบโตตามศักยภาพ
2 การเข้าถงึ ขอ้ มูลการวิจัย และทาการวิจยั ทีจ่ ะพัฒนาการเรียนรู้ของผเู้ รียน
3) การสง่ เสริมให้ครูไดพ้ ัฒนาตัวเองอย่างตอ่ เน่ือง สมา่ เสมอและยาวนาน
4) การเป็นตวั แทนของครเู พอ่ื ยกระดับคุณภาพของการสอนและความเปน็ อยขู่ องครู
5) การส่งเสรมิ การค้นคว้าและเรยี นรทู้ างวิชาการในดา้ นของการศึกษา
6) การเปน็ ตัวแทนของโรงเรียนเพอ่ื สง่ เสรมิ ความก้าวหน้าของครแู ละนักเรียน
7) การนาครไู ปสูก่ ารพฒั นาและยกระดับวชิ าชีพทส่ี ูงขน้ึ ตลอดเวลา
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว สุกัญญา แช่มช้อย(2560, น. 38-40) ได้ศึกษาเกี่ยวกับ
บทบาทของครูในยุคดจิ ทิ ัล และเสนอวา่ บทบาททสี่ าคัญของครูในยุคดจิ ทิ ัล มดี ังน้ี
1) ผู้ฝึกสอนหรือช้ีแนะ (Coach) โดยครูจะต้องไม่ต้ังตนเป็นผู้รู้ แต่จะต้องเป็นผู้ที่พรอ้ ม
เรียนรไู้ ปพรอ้ มกับนักเรียน ครจู ะต้องมีทักษะในการกากับติดตามการเรยี นรู้และคอยชี้แนะแนวทางใน
การศกึ ษาค้นควา้ เพ่มิ เติมใหก้ บั ผู้เรียน
2) นักตั้งคาถาม (Questioner) ทักษะในการตั้งคาถามเป็นทักษะท่ีสคัญมากสาหรับครู
ในยุคดิจิทัล ครูต้องฝึกการต้ังคาถามที่สามารถไปกระตุ้นความคิด ท้าทายให้ผู้เรียนอยากเรียนรู้ และ
สร้างแรงบนั ดาลใจในการเรียนรใู้ ห้กับผู้เรยี น
3) นักออกแบบการเรียนรู้ (Learning Designer) ทักษะการออกแบบการเรียนรู้จะมี
ประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อครูมีความรู้ความเข้าใจศาสตร์การสอนต่างๆ เป็นอย่างดี แล้วนามาออกแบบการ
เรียนรใู้ หส้ อดคลอ้ งกบั เป้าหมายของผเู้ รียน และวิถกี ารเรยี นรู้ของนักเรยี นในยคุ ดิจทิ ัล
4) นกั จัดสภาพแวดลอ้ มการเรยี นรู้ (Context Provider) การจดั การเรยี นรู้ในยุคดิจิทลั น้ัน
สภาพแวดล้อมการเรียนรู้มีผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนในยุคดิจิทัลอย่างมาก ถ้าหากครูสามารถจัด
สภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วและ
เข้าใจเนื้อหาไดเ้ ป็นอยา่ งดี
5) นักเทคโนโลยี (Educational Technology) การเป็นครูในยุคดิจิทัลต้องจัดการเรียนรู้
ให้กับนักเรียนในยุคดิจิทัล ครูจาเป็นต้องมีทักษะการใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อบูรณาการกับการ
จัดการเรียนรู้ โดยไม่จาเป็นต้องใช้เทคโนโลยีท้ังหมดในการจัดการเรียนรู้ แต่ก็ควรจะมีสื่อและ
นวตั กรรมท่หี ลากหลาย และนา่ สนใจมากขน้ึ กว่าในยคุ ทผี่ า่ นมา
6) ผู้ควบคุมคุณภาพ (Quality Controller) การเรียนรู้ในยุคดิจิทัลนี้การพัฒนาให้
นกั เรียนมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นไดต้ ามมาตรฐานอาจจะไมเ่ พยี งพอหากพบว่า นกั เรยี นมีศักยภาพทจ่ี ะ
พัฒนาช้ินงาน หรือมีผลการเรียนได้สูงกว่าน้ี หน้าที่ของครูคือ ต้องกากับ ควบคุม และผลักดันให้
นักเรียนได้แสดงความสามารถหรือผลสัมฤทธิ์ที่เต็มศักยภาพสูงสุดของนักเรียน โดยครูไม่ควรพอใจที่
เดก็ ทาไดต้ ามเกณฑ์มาตรฐานเพียงเท่าน้นั
2
7) ผู้เป็นแบบอย่างที่ดี (Role Model) ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีทั้งในด้านการเป็นบุคคล
แห่งการเรียนรู้ โดยจะต้องมีทักษะการทางานเป็นทีม ร่วมเรียนรู้กับผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อครูหรือชุมชน
สามารถสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ และใช้ทรัพยากรในชุมชนอย่างคุ้มค่าเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับ
ตนเองและนักเรียน นอกจากนี้ ครตู อ้ งเปน็ แบบอยา่ งท่ีดีในการเป็นบคุ คลทม่ี ีคณุ ธรรมจริยธรรม มีความ
รับผดิ ชอบ และเสียสละเพ่อื ประโยชนส์ ว่ นรวม เพ่ือร่วมสรา้ งสงั คมแหง่ ความเสมอภาคเทา่ เทียม
บทบาทของครูในยุคปัจจุบันมคี วามหมายต่อสังคมไทยมากข้นึ หน้าท่ีภารกิจในการให้ความรู้
แก่เด็กนกั เรยี นกย็ งั คงเปน็ หน้าหลักทสี่ าคัญ แต่ในขณะเดยี วกนั การส่งเสริมใหป้ ระชาชนสามารถเรยี นรู้
ตลอดชีวิต และส่งเสริมการมีส่วนร่วมในประเด็นสาธารณะประโยชน์ต่างๆ ซ่ึงจะสร้างความเข้มแข็งให้
สงั คมไดอ้ ย่างอย่างแทจ้ ริง เพราะนกั เรยี นก็จะเติบโตเปน็ กาลงั สาคัญของประเทศในอนาคต ครูจึงควรมี
บทบาทในการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตและส่งเสริมการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนด้วย ก็
เป็นอีกหน้าที่หน่ึงที่ครูก็ควรคานึงถึงด้วย ดังที่ รัตน์ดา เลิศวิชัย (2561: น.3-10)ได้เสนอไว้ว่า ความ
ม่นั คงของประเทศเป็นเรื่องสาคัญท่ีประชาชนไทยควรให้ความสนใจและร่วมมือกัน ในสังคมโลกปัจจุบัน
การศึกษากลายเป็นความสาคัญของประชาชนในทุกระดับ ทุกภาคส่วนและเปิดกว้างมาก จึงควร
ปรบั เปล่ียนมุมมองและแนวคดิ ที่ว่าการศึกษาเป็นความรับผิดชอบของสถาน ศึกษาเท่านั้น แต่ควรสร้าง
ให้ประชาชนและสังคมให้เข้าใจว่าการศึกษาเป็นเรื่องของส่วนรวม ภาครัฐควรสนับสนุนเปิดโอกาสให้
ภาคเอกชนและประชาชน มีส่วนรว่ มในการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาของประเทศให้มากข้ึน เช่นสง่ เสริม
การสร้างเครือข่ายการศึกษาภาคประชาชน การส่งเสริมให้เกิดความสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูลท่ีถูกต้อง
และเป็นประโยชนต์ อ่ สังคม
จากท่ีกล่าวมาขา้ งตน้ เมอื่ พิจารณาถึง “บทบาทของผู้ท่เี ป็นครูผูน้ า” แล้ว สามารถสรปุ เปน็ 3
บทบาทหลกั ดงั นี้
1) การเป็นครูมืออาชพี
ครูผู้นาต้องมีความเป็นครูมืออาชีพ ที่มิใช่เป็นครูเพียงแค่เป็นผู้บอกความรู้เท่าน้ัน
การเป็นครูมืออาชีพต้องเร่ิมจากต้องมีจิตวิญญาณความเป็นครู มีความคิดท่ีจะช่วยเหลือเก้ือกูลทั้ง
นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน โดยท่ัวหน้าและเต็มความสามารถ มีความเข้าใจในศาสตร์การสอน
อย่างถ่องแท้ และสามารถนาไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ พัฒนานักเรียนให้มีความรู้ ความสามารถ และ
คุณลักษณะท่ีดีตามที่หลักสูตรกาหนด นอกจากน้ีต้องปลูกฝังคุณลักษณะท่ีจาเป็นในอนาคตให้แก่
นักเรียนได้ด้วย ซึ่งก็คือทักษะในศตวรรษที่ 21 ได้แก่ ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม ทักษะ
สารสนเทศ ส่ือและเทคโนโลยี และทักษะชีวิตและอาชีพ โดยครูต้องจัดประสบการณ์ท่ีจาเป็นและ
3
เหมาะในการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน และจัดการเรียนรู้อย่างหลากหลายวิธีให้สอดคล้องกับนักเรียนและ
เนื้อหาที่เรียน ซึ่งในปัจจุบันเน้นให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติและสืบค้นความร้ดู ้วยตัวเอง ส่วนครูมีหน้าที่
ช่วยอานวยความสะดวก ส่งเสริมสนับสนุน และครูต้องมีความรู้ มีความสามารถในการวัดและ
ประเมินผลการเรียนรู้เป็นอย่างดี การวัดและประเมินผลเป็นปัจจัยสาคัญประการหน่ึงในการพัฒนา
คุณภาพนักเรียน เพราะจะช่วยสะท้อนผลท่ีเกิดจากการจัดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีและจะนาไป
พฒั นาการจัดการเรียนรู้ในครงั้ ต่อๆ ไปได้
2) การเป็นนกั วชิ าการทางการศึกษา
ครูผู้นาต้องมีความรู้ความสามารถในทางวิชาการทางการศึกษา ซ่ึงเกิดขึ้นจากพัฒนา
ตนเองท้ังในทางวิชาการการศึกษาโดยการใฝ่รู้ ศึกษาเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาเพ่ือให้เท่าทันกับสถานการณ์
ปัจจุบัน มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐานวิชาชีพครู ครูผู้นาที่มีความรู้และความสามารถในการ
จัดการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดียิ่งน้ัน ส่วนใหญ่ก็จะมีการพัฒนาผลงานทางวิชาการไปพร้อมๆ กันด้วย
ผลงานวิชาการท่ีครูผู้นาต้องผลิตได้อย่างมีคุณภาพได้แก่ งานวิจัยเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ของนักเรียน
นวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้ท่ีทันสมัย จัดทาผลงานทางวิชาการและเผยแพร่อย่างสม่าเสมอ มีความรู้
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ และภาษาอังกฤษ และมีการให้บริการทาง
วิชาการทั้งภายในโรงเรียนและภายนอกโรงเรียน มีการพัฒนาตนเองให้มีวิทยฐานะที่สูงข้ึนได้ด้วย
ความรู้ความสามารถของตนเอง อีกท้ังยังต้องประพฤติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู สร้างความ
เขม้ แข็งทางวิชาการและความนา่ เชื่อถือให้แกว่ ิชาชีพครู
3) การเปน็ แบบอย่างทด่ี ใี นสงั คม
ครูผูน้ ามคี วามสาคัญมากต่อการพฒั นาและขับเคล่ือนสังคม เนือ่ งจากครูเป็นวิชาชีพท่ี
ได้รับความเช่ือถือและยกย่อง ผู้ท่ีเป็นครูต้องตระหนักถึงคุณค่าของครูเป็นสาคัญ เมื่อมีความตระหนัก
เช่นนี้แล้วก็จะส่งผลให้ครูมีการดารงตนเพ่ือเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม ดังเช่นผลจากการวิจัย
โดยรัตน์ดา เลิศวิชัย (2560, น.141) เร่ืององค์ประกอบพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้ที่ส่งผลต่อคุณภาพ
ชีวิตการทางานของครูในโรงเรียนท่ีจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ภาค
ตะวันออกเฉียงเหนือ พบวา่ ครูในโรงเรยี นท่ีจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีการ
ปฏิบัติตามองค์ประกอบพฤติกรรมการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมากท้ังในภาพรวมและรายด้าน ซึ่ง
ประกอบด้วยการแสดงออกเป็นพฤติกรรมในการดาเนินชีวิตประจาวันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง การจัดการเรียนร้ตู ามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาตนเอง การทางานเป็น
ทีม และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้ปกครองและชุมชน ซ่ึงพฤติกรรมดังกล่าวมีความเก่ียวข้อง
เชื่อมโยงกัน และมีครูในโรงเรียนท่ีจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้ข้อเสนอไว้ว่า
4
ควรพัฒนาให้ครูดาเนินชีวิตประจาวันตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือช่วยลดปัญหาในการ
ดาเนินชีวิตของครู และเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน ท้ังยังสร้างความสามัคคี เกิดความสัมพันธ์ท่ีดีกับ
เพื่อนร่วมงาน และควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชน ซึ่งจะทาให้ครูเข้าใจสภาพแวดล้อมและความ
เปน็ อยขู่ องชมุ ชน สามารถจัดการเรยี นรใู้ ห้สอดคล้องกับความต้องการและบริบทของชุมชน
เม่ือครูมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนแล้ว ผู้คนในชุมชนย่อมให้ความเชื่อถือและให้ความ
ร่วมมือกับครูและโรงเรียน ครูก็จะสามารถนาพาชุมชนให้มีความรู้เข้าใจ และเท่าทันกับการ
เปลยี่ นแปลงของสังคมโลกได้ นอกจากน้ีครูผู้นายังต้องมบี ทบาทที่การเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวติ เพื่อเป็น
แบบอย่างและส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเรียนรู้ตลอดชีวิตได้ พยายามส่งเสริมให้ประชาชนและ
สังคมเข้าใจว่าการศึกษาเป็นเรื่องของส่วนรวม ส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาของประเทศให้มากข้ึน โดยกิจกรรมต่างๆ เช่นการสร้างเครือข่ายการศึกษาภาคประชาช น
การสง่ เสริมใหเ้ กิดความสอ่ื สารและเผยแพรข่ อ้ มลู ท่ถี ูกต้องและเปน็ ประโยชน์ต่อสังคม
ภาพ 1 บทบาทของครูผนู้ า
5
คุณคา่ ของครูผ้นู าตอ่ คณุ ภาพการศึกษา
การศึกษาในยุคปัจจุบัน มีการเปล่ียนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนรู้ไปจากยุคเดิมเป็น
อย่างมาก ในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศท่ีพัฒนาแล้วมีความต่ืนตัวและให้ความสาคัญกับคุณภาพ
การศึกษาเป็นอย่างย่ิง เนื่องจากมีความตระหนกั ว่าการศกึ ษาเป็นเคร่ืองมือสาคัญในการพัฒนาคุณภาพ
ประชากรของประเทศ เพ่ือเป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้ยังให้ความสาคัญในการ
พัฒนาครู ครูเป็นบุคคลสาคัญในการพัฒนานักเรียนโดยตรง บทบาทของครูสาหรับการศึกษายุคใหม่
เปลี่ยนไปจากเดิมคือเดิมมีหน้าที่สอนครูเป็นผู้ให้ความรู้ แต่บทบาทของครูในยุคใหม่น้ี ครูเป็นผู้อานวย
ความสะดวก สง่ เสริม ให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามท่ีนักเรียนตอ้ งการ ครยู ุคใหม่จึงเปรยี บเสมือนเปน็ โคช้ ทา
หน้าฝึกฝนนกั เรียนใหพ้ ัฒนาตามศักยภาพ
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มุ่งพัฒนาประชากรของประเทศ โดยเร่ิมจากการพัฒนาคุณภาพ
การศึกษาอย่างจริงจัง การพัฒนาการศึกษาของประเทศจากประเทศสิงคโปรม์ ีการจัดการเรียนการสอน
โดยยึดแนวทาง “Teach Less Learn More” ซึ่งเป็นแนวคิดการจัดการศึกษาของสาธารณรัฐสิงคโปร์
ภายใต้วิสัยทัศน์ในการพัฒนาระบบการศึกษาท่ีกล่าวว่า Thinking Schools, Learning Nation(TSLN)
ซึ่งต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบการศึกษาเพื่อการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มี
วิสัยทัศน์ท่ีสาคัญคือให้โรงเรียนจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาให้ผู้เรียนเป็นนักคิด ส่วน Learning Nation
เป็นวิสัยทัศน์ของการเรียนรู้ที่ต้องการให้ผู้เรียนมีความรู้ที่เพิ่มมากข้ึนเกี่ยวกับการสร้างสรรค์นวัตกรรม
และความสามารถในการสร้างสรรค์เพ่ือให้ผู้เรียนนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ มุ่งเน้น
ประสิทธิภาพในการจัดการเรียนการสอนท่ีดีข้ึนและเป็นการเตรียมความพรอ้ มในการใช้ชีวิตของผู้เรยี น
เพิ่มการจัดการศึกษาในเชิงคุณภาพ เพ่ิมการมีปฏิสัมพันธ์ในชั้นเรียนระหว่างผู้สอนกับผู้เรียน เปิด
โอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็น ส่งเสริมและปลูกฝังทักษะการเรียนรู้ตลอดชีวิต และการใช้แนว
การสอนหรือวิธีสอนที่มีประสิทธิภาพที่ชัดเจน ในส่วนการลดคือลดการจัดการศึกษาในเชิงปริมาณ คือ
การลดบทบาทของครจู ากผู้สอนเป็นเพียงผู้ช้นี า เปลยี่ นบทบาทจากครูเป็นโค้ช ลดการสอนท่ีเน้นเน้ือหา
ความรู้ การลดการเรียนรู้โดยการท่องจาเน้ือหาเพียงเพื่อใช้ในการสอบ แต่ส่งเสริมกิจกรรมท่ีกระตุ้น
หรือสร้างประสบการณ์ให้ผู้เรียนสามารถสร้างความรู้ได้ด้วยตัวเอง (Ministry of Education
Singapore: 2009 , Pak Tee Ng, 2008, เวชฤทธ์ิ อังกนะภัทรขจร, 2555)
6
จากท่ีกล่าวมาหากพิจารณาแล้วจะเห็นว่าการจัดการเรียนรู้นั้นจะประสบผลสาเร็จไม่ได้หา ก
ครูไม่สามารถจัดการเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสิทธิภาพ การกาหนดนโยบายทางการศกึ ษาต่างๆ โดยภาครัฐ
จะไม่บรรลุผลอย่างแท้จริงหากครูไม่มีความเข้าใจ ไม่มีความรู้ไม่มีความสามารถ เพราะในการจัดการ
เรียนรู้ครูเป็นผู้ที่ใกล้ชิดนักเรียนท่ีสุด ดังน้ันผู้ท่ีเป็นครูจึงควรพัฒนาตนเองและพัฒนาความสามารถใน
การจดั การเรียนรู้อยู่เสมอเพื่อใหเ้ ทา่ ทนั กับสถานการณโ์ ลกท่ีเปล่ียนแปลง
สาหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของประเทศไทย ในช่วงยุคใหม่น้ีอาจจะกล่าวได้ว่า
เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2542 ซึ่งมีนโยบายปฏิรูปการศึกษา และมีการออกพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 และมีการพัฒนาส่งเสริมคุณภาพของครูและนักเรียนมาอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังไม่บรรลุผล
เท่าท่ีควร และได้มีการจัดตั้ง สถาบันคุรุพัฒนา สานักงานเลขาธิการคุรุสภา ข้ึนเมื่อ วันท่ี 15 กันยายน
พ.ศ.2560 เพื่อเสนอแนะนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา วิจัย
พฒั นา และสร้างสรรคน์ วตั กรรม องค์ความรู้ท่ลี มุ่ ลกึ และสรา้ งความเชี่ยวชาญเฉพาะทางเกี่ยวกบั วิชาชีพ
ทางการศึกษา และศาสตร์ทเี่ กย่ี วข้องระดับหลังปริญญารับรองหลกั สูตรการอบรมและพัฒนาผู้ประกอบ
วิชาชีพทางการศึกษา ตลอดจนพัฒนาแนวทางการรับรองหลักสูตรการอบรมและพัฒนาผู้ประกอบ
วิชาชีพทางการศึกษาส่งเสริม สนับสนุน การอบรม พัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และการจัด
กจิ กรรมเพื่อพัฒนาวิชาชีพทางการศึกษา ดาเนินงานเก่ียวกับการฝกึ อบรมและดาเนนิ การอนื่ ตามท่ไี ดร้ ับ
มอบหมายจากคุรุสภา พัฒนาคลังความรู้และเป็นศูนย์กลางข้อมูลเก่ียวกับหลักสูตรการอบรมและ
พัฒนาผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาเพื่อเผยแพร่ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการติดต่อและแลกเปล่ียน
ความรู้ทางวิชาการ และกิจกรรมอ่ืน ๆ ในวิชาชีพทางการศึกษา ท้ังในประเทศและต่างประเทศ จึง
นับว่าเป็นส่วนสาคัญในการพฒั นาครอู ยา่ งเปน็ รูปธรรมมากข้นึ (สถาบันครุ ุพัฒนา, 2560 : ออนไลน์)
นอกจากนี้กระทรวงศึกษาธิการได้ส่งเสริมให้บุคลากรทางการศึกษาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ใหม้ ากข้ึน จึงมีการส่งเสริมการสรา้ งชุมชนแหง่ การเรยี นอย่างมืออาชีพ (Professional Learning
Community : PLC) จากการศึกษาข้อมูลเก่ียวกับการบริหารจัดการเพื่อพัฒนาคุณภาพการเรียนการ
สอน ผวู้ ิจยั มีข้อสังเกตคือจะเห็นว่าแนวทางในการจัดการเรียนการสอนจะเปล่ยี นไปจากเดิมซึ่งเน้นทอี่ งค์
ความรู้ของผู้เรียนเป็นหลัก แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นการเน้นให้เกิดทักษะต่างๆ ที่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้
และพัฒนาตนเองได้ดีขึ้น เกิดการเรียนรู้ และแบ่งปันความรู้กัน จนกระท่ังเกิดการสะท้อนความคิดใน
ด้านตา่ ง ๆ ท่ีจะเป็นแนวทางการพัฒนา และเนน้ การสร้างประสบการณ์ทม่ี ีผลในการสร้างแรงบันดาลใจ
หรือกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้รูปแบบในการบริหารสถานศึกษาก็มีการเปล่ียนแปลง
เพื่อให้เกิดประสทิ ธิภาพมากยิ่งขึ้น (สานักงานรฐั มนตรี กระทรวงศกึ ษาธิการ, 2560, ออนไลน์)
7
ครูจึงเป็นบุคคลสาคัญมากท่ีจะช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาและการพัฒนาของนักเรยี น ครู
ท่พี ัฒนาตนเองในด้านต่างๆ ย่อมจะส่งผลดีต่อคุณภาพการศึกษาด้วย ครูท่ีมลี ักษณะดังกล่าวนี้สามารถ
เป็นครูผู้นาได้อย่างดี คือสามารถนาตนเองให้เกิดการพัฒนา สามารถนานักเรียนให้มีการเรียนรู้อย่างมี
คุณภาพ และสามารถช่วยเหลือส่งเสริมเพื่อครูและผู้ร่วมงานให้พัฒนาผลการทางานได้อีกด้วย ครูผู้นา
เหลา่ นี้จึงเปน็ ผทู้ ีม่ คี ุณคา่ ยง่ิ
ในทีน่ ้ีจะได้สรุปคุณค่าของผเู้ ปน็ ครูผนู้ าต่อคณุ ภาพการศกึ ษาไวด้ งั น้ี
1) ครผู ู้นาจัดการเรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพ พฒั นานกั เรยี นได้เป็นอย่างดี
ครูผู้นามีความสาคัญมากในการพัฒนานักเรียนให้มีความรู้ความสามารถตรงตาม
หลกั สูตรกาหนด มที ง้ั ความรู้และคณุ ธรรม และยังช่วยพฒั นานักเรยี นในด้านตา่ งๆ ที่นักเรยี นสนใจหรือ
มีความสามารถพิเศษ ทาให้นักเรียนมีความก้าวหน้าในชีวิต ผู้ปกครองก็ย่อมมีความสุขท่ีได้เห็น
ความก้าวหนา้ ของบตุ รหลาน และเม่ือนักเรยี นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เป็นกาลังสาคัญในการพัฒนาประเทศก็
นับว่าเป็นการสร้างพลเมืองที่ดีให้แก่ประเทศชาติ ครูผู้นาจึงเป็นผู้ที่มีคุณค่าต่อนักเรียน ครอบครัวของ
นักเรียนและความมน่ั คงของประเทศชาติในอนาคต
2) ครผู ู้นาเป็นแบบอยา่ งท่ดี ใี ห้แก่สงั คมในการเรยี นรู้
ครูผู้นา สามารถเป็นแบบอย่างในด้านการดาเนินชีวิต คือ ดาเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรม
จริยธรรม และหลักการปฏิบัติตนตามความเหมาะสมเช่น ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
สามารถพงึ่ พาตนเองได้ ไม่สร้างความเดือนร้อนใหผ้ ู้อ่นื และยังช่วยเหลอื สว่ นรวมตามสมควร ยอกจาก
นี้เป็นแบบอย่างในการเป็นผู้ที่ศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความรู้ความสามารถเท่าทันกับเหตุการณ์
ปัจจบุ ัน ไมต่ กยคุ มีความทันสมยั
3) ครูผู้นาจะช่วยพฒั นาองค์ความรู้ในวิชาชีพครแู ละสร้างความเข้มแข็งให้วิชาชีพครู
ครูผู้นาท่ีมีการพัฒนาตนเองและช่วยเหลือเพื่อนครูด้วยกันเป็นอย่างดีนั้น ย่อมจะเกิด
องคค์ วามรู้ใหม่ในการจัดการเรยี นร้หู รือการปฏบิ ัตงิ านในหน้าทีค่ รู ซง่ึ ก็เป็นการสร้างและเผยแพรค่ วามรู้
ในทางวิชาชีพครู นอกจากน้ีผู้ท่ีเป็นครูผู้นายังช่วยสร้างความเข้มแข็งโดยการเป็นครูที่เป็นแบบอย่าง
ให้แกค่ รรู นุ่ ต่อๆ ไปไดอ้ ีกดว้ ย ซ่งึ เป็นการสรา้ งความเขม้ แข็งให้แกวิชาชพี ครู อีกทง้ั ยังนา
ความภาคภูมิในมาสตู่ นเอง และสถานศกึ ษาทสี่ ังกัดอีกด้วย
8
4) ครผู นู้ าให้ความร่วมมือและช่วยเหลือท้องถิน่ และประเทศชาตดิ า้ นการศกึ ษา
ครูผู้นามีความน่าเชื่อถือได้รับการยอมรับจากสังคมท่ัวไป โดยเฉพาะประชาชนใน
ท้องถิ่นมักจะยึดถือ เชื่อถือ ผู้ท่ีเป็นครู ผู้ท่ีเป็นครูผู้นามักจะให้ความอนุเคราะห์ท้ังในด้านการให้ความรู้
และให้คาปรึกษาช่วยเหลือในการทากิจกรรมต่างๆ ในท้องถ่ิน ครูผู้นาบางคนก็ยังสามารถช่วยเหลือ
สังคมในวงกว้างขึน้ จนถงึ ระดบั ประเทศไดด้ ว้ ย
การพฒั นาคุณภาพการศึกษาในศตวรรษท่ี 21
จุดมุ่งหมายสาคัญของการปฏิรูประบบการศึกษาอยู่ที่การสร้างระบบ ความรับผิดชอบเพื่อ
พัฒนาคุณภาพการศึกษาตามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 โดยให้โรงเรียนมี ความรับผดิ ชอบโดยตรง
ตอ่ ผู้ปกครองและนกั เรียนมากขน้ึ โดยโรงเรียนควรเป็นหน่วยหลักในการ พฒั นาคุณภาพการศึกษา และ
มอี ิสระในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ หลักสูตร วิธีการสอน และวิธีการวัดผล
ตามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ให้สอดคล้องกับ วิสัยทัศน์และเจตนารมณ์ของโรงเรียน รวมถึง
ตอบสนองต่อสภาพปัญหาและความต้องการของ ชุมชน ตลอดจนการฝึกอบรมและการพัฒนาครูและ
การประเมินคุณภาพสถานศกึ ษาภายใน
ยูเนสโก (UNESCO, 2005) ได้เสนอว่า การศึกษาท่ีมีคุณภาพสามารถพิจารณาจากกรอบและ
ตัวชี้วดั การศกึ ษาทส่ี ะท้อนถงึ คณุ ภาพ ดงั นี้
กรอบพจิ ารณา ตัวช้วี ดั คุณภาพการศกึ ษา
ลักษณะของผเู้ รียน 1. นกั เรยี นมสี ขุ ภาวะทด่ี ี ภาวะโภชนาการทส่ี มบูรณ์
และมีแรงจงู ใจใฝ่สัมฤทธ์ิ
กระบวนการเรียนการสอน 2. ครมู ีคณุ ภาพในการสอนและมเี ทคนิคการสอนท่ี
กระตือรือรน้
3. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนร้นู ิยามชัดเจนโดย
ครอบคลมุ การวดั ความรู้ ทักษะ เจตคติ และคุณคา่
เน้อื หาสาระ 4. หลกั สูตรสอดคล้องและสนองความต้องการของสังคม
และที่พัฒนามาจากความรู้และประสบการณ์ของครู
และผเู้ รยี น
ระบบ 5. ส่งิ อานวยความสะดวกและอุปกรณ์การศึกษามี
เพียงพอเหมาะสม
6. สภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเรยี นรู้ เปน็ ระเบยี บ
เรยี บร้อย ถกู สขุ ลักษณะและมีความปลอดภัย
7. การบริหารจดั การแบบมีส่วนรว่ ม
8. เคารพและผูกพนั กบั ชุมชนท้องถิ่น และวัฒนธรรม
9
เม่ือพิจารณาดา้ นบคุ คลท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการพัฒนานักเรยี นแลว้ ครูนับเป็นบุคคลที่มีความสาคัญ
และถูกกล่าวถงึ เป็นลาดับแรก การพฒั นาครูจึงยังคงเปน็ หัวใจสาคัญของการปฏิรูประบบการศกึ ษา
เพราะระบบในปัจจบุ นั ยังไม่เอือ้ อานวยให้เกิดการเรยี นร้ตู ามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 แต่การ
ปฏิรูประบบการเรยี นรู้ เพื่อให้นกั เรียนสามารถเรียนรู้ได้อยา่ งเหมาะสมกบั บริบทของศตวรรษที่ 21
จาเปน็ ตอ้ งลงมือทา ควบคไู่ ปกบั การปฏริ ปู ดา้ นอ่นื ๆ เช่น การสรา้ งระบบความรบั ผิดชอบดังที่ได้กล่าวไป
รวมถงึ การลดความเหล่ือมล้าของคุณภาพการศึกษา โดยจัดสรรงบประมาณให้กบั พ้นื ที่ทมี่ ีปญั หาทาง
เศรษฐกจิ และสงั คมมากข้ึน และสร้างระบบให้ความชว่ ยเหลือโรงเรยี น ครูและนักเรยี นที่มีปัญหา
ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาควรเน้นให้มีการแสดงความสาคัญของระบบความรับผิดชอบ
ในระบบการศึกษา กล่าวคือ ระบบความรับผิดชอบที่ดีเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมให้กระบวนการ
แปลงทรัพยากรนาเข้า (inputs)เป็นผลลัพธ์ (outputs) และ/หรือผลได้ต่อสังคม (outcomes) ให้
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล น่ันคือมีการใช้ทรัพยากรทางการศึกษาเพื่อบรรลุ
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้อย่างคุ้มค่าทั้งนี้บนเส้นทางของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาเพ่ือบรรลุ
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรูท้ พ่ี ึงปรารถนา ระบบการสรา้ งความรบั ผิดชอบต้องทางานรว่ มกับระบบอื่นๆ ท่ี
มีความสาคัญไม่ย่ิงหย่อนไปกว่ากัน นั่นคือ ระบบการเรียนรู้อันได้แก่ หลักสูตร ตาราเรียน ส่ือและ
เทคโนโลยีและระบบสนับสนนุ การเรียนรอู้ ันได้แก่ ระบบการบริหารจัดการโรงเรียนท่ีเป็นอิสระ ท้ังเรื่อง
การประเมินคณุ ภาพสถานศกึ ษา การพัฒนาคุณภาพครูและการมีงบประมาณที่เพียงพอต่อการยกระดับ
ผลการเรียนของนกั เรยี น รวมถงึ ระบบการชว่ ยเหลือและยกระดับคุณภาพนกั เรยี น ครูและสถานศึกษา
ระบบความรบั ผดิ ชอบเพอื่ พฒั นาคุณภาพการศกึ ษาในศตวรรษที่ 21
เน่ืองจากการพัฒนาคุณภาพการศึกษาน้ันจาเป็นต้องมีหลายหน่วยงานและบุคคลต่างๆ มา
เกี่ยวข้อง แต่อย่างไรก็ตามกระทรวงศึกษาธิการก็ยังคงเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก นอกจากนี้
ครอบครวั ชมุ ชน สังคม กม็ คี วามเกีย่ วข้องกบั การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วย
สถาบันวิจัยเพ่ือการพัฒนาประเทศไทย (2557, น. 9-10) จึงได้ศึกษาข้อมูลและได้เสนอการ
จัดทายุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาขั้นพ้ืนฐานให้เกิดความรับผิดชอบ ซึ่งมีข้อเสนอท่ีน่าสนใจและ
ควรนาไปเป็นแนวทางในการปฏิบัตเิ พอ่ื ให้เกิดระบบระบบความรับผดิ ชอบเพือ่ พัฒนาคุณภาพการศกึ ษา
ในศตวรรษที่ 21 ดงั มีรายละเอยี ดดังตอ่ ไปนี้
10
ระบบความรับผิดชอบควรถูกออกแบบขึ้นเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษาบนเส้นทางของการ
สร้างนักเรียนให้มีทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยรับผิดชอบต่อนักเรียนและผู้ปกครอง ผ่านระบบการให้
รางวัลและการลงโทษ และผ่านระบบการให้ความช่วยเหลือนักเรียน ครู หรือสถานศึกษาที่มีปัญหา
เปา้ หมายของระบบความรับผิดชอบก็คือความสามารถในการสรา้ งนกั เรียนให้มที ักษะแห่งศตวรรษท่ี 21
นนั่ เอง
แนวคดิ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตงั้ อยบู่ นฐานคิดทเี่ ชื่อวา่ รูปแบบการศึกษาแบบดัง้ เดมิ
ในช่วงศตวรรษท่ี 20 ซ่ึงเนน้ ย้าแตก่ ารเรยี นและการทอ่ งจาเนื้อหาในสาระวิชาหลกั เชน่ คณติ ศาสตร์
วิทยาศาสตร์ ภาษาศาสตร์ และสังคมศึกษา ไมเ่ พยี งพออกี ตอ่ ไปแลว้ ในการดารงชวี ิตและการทางาน
ในโลกศตวรรษใหม่ ภายใต้ความท้าทายใหม่สาหรับแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 น้ัน ตั้งต้นจาก
ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรู้ (learning outcomes) ท่ีจาเป็นสาหรับศตวรรษท่ี 21 โดยให้ความสาคัญกับ
การปลูกฝงั “ทักษะ” (skills) ท่ีจาเป็นในศตวรรษท่ี 21 เช่น ทักษะในการคิดขั้นสูง ทักษะในการเรียนรู้
และนวัตกรรม ทักษะชีวิตและการทางาน ทักษะด้านสารสนเทศและการส่ือสาร ควบคู่กับ “เนื้อหา”
(contents) ในสาระวิชาหลักและความรู้อื่นที่สาคัญในศตวรรษที่ 21 เช่น ความรู้เร่ืองโลก ความรู้ด้าน
การเงิน เศรษฐกิจธุรกิจและการเปน็ ผู้ประกอบการ ความรดู้ ้านพลเมือง ความรู้ด้านสุขภาพ และความรู้
ด้านสง่ิ แวดล้อม ผ่านหลักสตู รทมี่ ลี ักษณะกระชบั (lean curriculum) ช่างคดิ (thinking curriculum)
และบูรณาการ (interdisciplinary curriculum) เพื่อสร้างนกั เรียนท่มี ี “คุณลักษณะ” (characters)
อันพึงปรารถนาของโลกศตวรรษที่ 21 น่นั คือ รจู้ ักคิด รกั การเรยี นรู้ มีสานึกพลเมือง มคี วามกลา้ หาญ
ทางจริยธรรม มีความสามารถในการแก้ปัญหา ปรับตัว ส่อื สาร และทางานรว่ มกบั ผอู้ ื่นไดอ้ ย่างมี
ประสทิ ธิผลตลอดชวี ติ
นอกจากน้ี การเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ยังต้องมีการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับเนื้อหา
และวิธีการสอน (pedagogy) โดยใช้เทคโนโลยีสนับสนุนทฤษฎีการเรียนรู้แบบใหม่ในการพัฒนาเน้ือหา
และทักษะแบบใหม่ เทคโนโลยีเพ่ือการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ควรพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะที่
มีชีวิต มีพลวัต มีปฏิสัมพันธ์ เชื่อมต่อและมีส่วนร่วม ใช้สื่อผสมอย่างหลากหลาย ปรับเปลี่ยนตาม
ความสามารถและระดับของผู้เรียน มีเนื้อหาที่ไม่ยึดติดกับตัวสื่อ เลือกประกอบเน้ือหาได้เอง ค้นหา-
แกไ้ ข-จดบนั ทึกได้ เก็บประวัติการเรยี นรู้อยา่ งเป็นระบบ และมีระบบการประเมนิ ผลการเรียนร้ทู ่ีรวดเร็ว
และตอ่ เน่ือง
11
ภาพที่ 2 เปา้ หมายการเรยี นรูใ้ นศตวรรษท่ี 21
ที่มา : สถาบนั วิจยั เพ่อื การพัฒนาประเทศไทย (2557, น. 10 )
การปฏิรูประบบการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เกิดความรับผิดชอบภายใต้แนวคิด
ทักษะแหง่ ศตวรรษที่ 21
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (2557, น. 9-19 ) ได้ศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการจัดทา
ยทุ ธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐานให้เกิดความรับผิดชอบ ซึ่งได้ผลการวิจัยที่มีประโยชน์ต่อการ
พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา ซึ่งเห็นว่าจุดเริ่มต้นของการปฏิรูประบบการศึกษาเพื่อสร้างความ
รับผิดชอบ คือการปฏิรูประบบการทดสอบมาตรฐานระดับประเทศ (standardized test) ให้เป็นการ
ทดสอบวัดความรู้ความเข้าใจและทักษะ (literacy-based test) ซ่ึงสอดคล้องกับแนวคิดทักษะแห่ง
ศตวรรษที่ 21 มากกว่าการทดสอบทีม่ ุ่งวัดความรู้ในเนอ้ื หาวชิ าตามหลักสตู รดังที่เป็นอยใู่ นปัจจบุ ัน
จากงานวิจัยของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (2557, น. 9-19 ) ดังกล่าว
สถาบันวิจัยเพ่ือการพัฒนาประเทศไทยได้เสนอว่าหัวใจสาคัญของการปฏิรูประบบการศึกษาอยู่ที่การ
สร้างระบบความรบั ผิดชอบเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาตามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 โดยให้
12
โรงเรียนมีความรับผิดชอบโดยตรงต่อผู้ปกครองและนักเรียนมากข้ึน โดยโรงเรียนควรเป็นหน่วยหลัก
ในการ พัฒนาคุณภาพการศึกษา และมีอิสระในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบ
หลักสูตร วิธีการสอน และวิธีการวัดผลตามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์
และเจตนารมณ์ของโรงเรียน รวมถึงตอบสนองต่อสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน ตลอดจน
การฝึกอบรมและการพัฒนาครู และการประเมินคุณภาพสถานศึกษาภายใน โดยมีการปฏิรูประบบการ
จัดทา และเผยแพร่ข้อมูลเก่ียวกับคุณภาพของสถานศึกษาต่อสาธารณะ เพ่ือเป็นพ้ืนฐานสาหรับการ
ตัดสนิ ใจของผู้ปกครองในการคดั เลอื กโรงเรียน
นอกจากการสร้างระบบความรับผิดชอบโดยตรงแล้ว การปรับหลักสูตร ส่ือการเรียนรู้
และการพัฒนาครู ก็ยังคงเป็นหัวใจสาคัญของการปฏิรูประบบการศึกษา เพราะระบบในปัจจุบันยังไม่
เอ้ืออานวยให้เกิดการเรียนรู้ตามแนวคิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 แต่การปฏิรูประบบการเรียนรู้เพ่ือให้
นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างเหมาะสมกับบริบทของศตวรรษที่ 21 จาเป็นต้องลงมือทาควบคู่ไปกับ
การปฏิรูปด้านอ่ืนๆ เช่น การสร้างระบบความรับผิดชอบดังท่ีได้กล่าวไป รวมถึงการลดความเหลื่อมล้า
ของคุณภาพการศกึ ษา โดยจดั สรรงบประมาณให้กับพืน้ ทท่ี ี่มปี ัญหาทางเศรษฐกจิ และสังคมมากข้ึน และ
สร้างระบบให้ความช่วยเหลือโรงเรียน ครู และนักเรียนท่ีมีปัญหาท้ังนี้ การปฏิรูประบบการศึกษาต้อง
ดาเนินการรว่ มกันทั้ง 5 ดา้ น ไดแ้ ก่
1) การปฏิรปู หลกั สตู ร สอื่ การเรยี นรู้ และเทคโนโลยี
2) การปฏริ ูประบบการวัดและประเมนิ ผลการเรยี น
3) การปฏิรูประบบการพัฒนาคณุ ภาพครู
4) การปฏิรปู ระบบการประเมนิ คณุ ภาพสถานศึกษา และ
5) การปฏริ ูประบบการเงินเพอ่ื การศึกษา
13
ภาพ 3 การปฏิรปู 5 ดา้ น เพื่อพัฒนาการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21
ที่มา : สถาบนั วิจยั เพอ่ื การพัฒนาประเทศไทย (2557, น. 11)
1) การปฏิรูปหลกั สูตร สอื่ การเรียนรู้ และเทคโนโลยี
การปฏิรปู หลกั สูตร ส่ือการเรียนรู้ และเทคโนโลยีรายงานวิจัยฉบับน้ีชใ้ี ห้เห็นว่า
หลกั สตู ร ส่ือการเรียนรู้ และเทคโนโลยีของระบบการศึกษาไทยยังมีชอ่ งว่างในการปรบั ปรุงให้สอดคล้อง
กบั แนวคิดทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ในส่วนของการวเิ คราะห์หลกั สตู รแกนกลางของไทย พบว่า
(1) หลักสูตรยังขาดวิสัยทัศน์และเป้าหมายท่ีชัดเจนในการพัฒนา
ผลสัมฤทธต์ิ ามแนวทางการเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21
(2) องค์ประกอบหลายสว่ นในหลักสูตรยังไม่ได้รับการออกแบบให้ส่งเสริม
การพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ตามแนวคิด “หลักสูตรกระชับ” “หลักสูตรช่างคิด” และ
“หลักสตู รบูรณาการ”
(3) โครงสร้างเวลาเรียนกาหนดเวลาเรียนอย่างเคร่งครัดตามสาระการ
เรียนรู้ และกาหนดจานวนชั่วโมงเรียนตามข้อบังคบั ของหลกั สูตรมากเกินไป ซ่ึงขัดแย้งกับแนวคดิ “สอน
ใหน้ อ้ ยลงเรียนร้ใู ห้มากขึน้ ”
14
(4) ตัวช้ีวดั มีลักษณะอิงเน้ือหาค่อนขา้ งมากในหลายสาระการเรียนรู้ ซ่ึงทา
ใหเ้ นื้อหาในหลกั สูตรมลี ักษณะแยกส่วน และไมส่ นบั สนนุ การพฒั นาทกั ษะเทา่ ที่ควร
ในสว่ นของการวเิ คราะหส์ ่อื การเรียนรู้ (หนังสอื เรียนและส่ือแท็บเลต็ ) พบว่า
(1) หนังสอื เรียนของไทยถูกออกแบบมาโดยตอบสนองกบั ตัวช้ีวัดรายช้ันปี
เป็นหลัก ส่งผลให้หนังสือเรียนหลายสาระวิชามีลักษณะท่ีคล้ายคลึงกัน ครอบคลุมเน้ือหาค่อนข้างมาก
และมีความซ้าซ้อน เน้ือหามีลักษณะแยกขาดมากกว่าบูรณาการ และยังไม่ประยุกต์ใช้วิธีการสอนที่เน้น
การพฒั นาทกั ษะมากกว่าเนื้อหา
(2) สอื่ แท็บเล็ตยังใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการสนบั สนุนเน้อื หาและวธิ ีการ
สอนได้ไม่ดีเพียงพอ เช่น การปรับเปล่ียนเนื้อหาให้ทันสมัยตลอดเวลา การนาเสนอเน้ือหาแ บบมี
ปฏิสมั พันธ์และการใช้สอ่ื ผสม ตลอดจนการสนับสนุนวิธีการเรยี นร้ผู ่านเครือข่าย เปน็ ต้น
สาหรับข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการปฏิรูปหลักสูตร รายงานวิจัยฉบับน้ีเสนอว่าให้
ต้ังทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เป็นเป้าหมายหลัก แล้วออกแบบองค์ประกอบทั้งหมดของหลักสูตร
แกนกลางให้ยึดโยงกับเป้าหมายในการพัฒนาทักษะและความรู้เชิงบูรณาการท่ีจาเป็นในศตวรรษที่ 21
เปน็ สาคัญ โดยเฉพาะในส่วนของตวั ชว้ี ัดท่ีควรปรบั ใหอ้ ิงผลลพั ธ์ในดา้ นการพฒั นาทักษะเป็นหลัก
นอกจากน้นั หลักสตู รควรใหค้ วามสาคัญกับความร้เู ชงิ บูรณาการ รวมถึงไม่ครอบคลมุ เนือ้ หามาก
จนเกนิ ไป แต่เน้นแนวคดิ หลักและคาถามสาคัญ
ขณะเดยี วกัน หลกั สูตรควรมีความยืดหยนุ่ โดยใหแ้ ต่ละโรงเรียนสามารถพฒั นา
หลักสูตรให้สอดคล้องกบั บริบทของตนได้ ท้ังนี้ ควรลดจานวนชว่ั โมงการเรยี นในห้องเรียน และใช้วิธกี าร
สอนทีห่ ลากหลาย เหมาะกับการพัฒนาทกั ษะแห่งศตวรรษที่ 21 เชน่ การเรยี นรูผ้ า่ นโครงงานและการ
แก้ปัญหา ในส่วนของข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการปฏิรูปสื่อการเรียนรู้ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนา
ประเทศไทย (2557, น. 9-13 ) เสนอวา่ สพฐ. ควรปรับหลักเกณฑ์ในการตรวจรับรองหนังสือเรียน โดย
ให้อิสระกับสานักพิมพ์ในการตีความหลักสูตรมากขึ้น เช่น อ้างอิงท่ีตัวมาตรฐานการเรียนรู้มากกว่า
ตวั ชวี้ ดั ที่ระบรุ ายละเอียดในเชิงเน้อื หามากเกนิ ไป หรือปรับตวั ช้ีวัดให้องิ ทักษะมากข้ึน วิธีการดงั กลา่ วจะ
ชว่ ยทาให้การออกแบบหนงั สือสามารถเน้นไปท่ีแนวคิดหลักมากกว่าครอบคลมุ เนื้อหาทลี่ ้นเกิน นาเสนอ
ความรู้เชงิ บูรณาการ และออกแบบกจิ กรรมการเรยี นที่เน้นการพฒั นาทักษะมากกวา่ เน้ือหา
15
2) การปฏิรปู ระบบการวดั และประเมินผลการเรยี น
แนวทางการปฏริ ูปการศกึ ษาในระดับสถานศึกษาถอื ว่าโรงเรียนเปน็ ศูนยก์ ลาง
ในการปรบั เปล่ียน โดยโรงเรยี นตอ้ งทาหนา้ ท่ีเป็นหน่วยหลกั ของการจัดการเรยี นการสอนและการพัฒนา
คณุ ภาพการเรยี นการสอน การปฏิรูประบบการวัดและประเมินผลการเรียนในระดับประเทศ ควรให้มี
การปฏิรูประบบการทดสอบมาตรฐานในระดับประเทศ โดยปรับจากระบบ O-NET และอ่นื ๆ ในปัจจุบัน
เป็นการทดสอบเพื่อวัดความรคู้ วามเข้าใจและทักษะ (literacy-based test) ซ่งึ สามารถประยุกต์เนื้อหา
เข้ากับโจทย์ในชีวิตประจาวันได้นักเรียนต้องใช้ความเข้าใจและความสามารถในการประยุกต์เพื่อทา
ขอ้ สอบ มากกว่าใชค้ วามจาหรือการใช้เทคนิคการทาขอ้ สอบ โดยปราศจากความเข้าใจท่ีแท้จริง และนา
ผลการทดสอบมาตรฐาน ระดับประเทศแบบใหม่น้ไี ปสรา้ งความรับผิดชอบในระบบการศกึ ษา เชน่ การ
ประเมนิ ผลงานของครู การประเมินสถานศกึ ษาเพอื่ พัฒนาคุณภาพและช่วยเหลือสถานศึกษาท่มี ีปัญหา
และการประเมินผลและให้รางวลั แก่ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา
ทั้งนี้ การทดสอบมาตรฐานระดับประเทศแบบใหม่ควรมีลักษณะเป็นการสอบ
แบบกลุ่มประชากร (census-based test) หรือการกาหนดให้นักเรียนทุกคนต้องสอบ เป็นการ
ประเมินผลแบบรวบยอด (summative test) และมีผลได้เสียสูง (high-stake test) เช่น กาหนดให้เป็น
การสอบไล่(exit exam) สาหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีท่ี 6 มัธยมศึกษาปีท่ี 3 และมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
โดยการออกแบบขอ้ สอบเพอื่ วัดความรู้ความเข้าใจและทักษะน้ี ตอ้ งดาเนนิ การโดยผ้เู ชยี่ วชาญด้านการ
วัดและประเมินผล ร่วมกับครูผู้สอนในวิชาน้ันๆ โดยยึดถือคุณภาพของข้อสอบเป็นสาคัญ รวมถึง
พัฒนาการจัดทาคลังข้อสอบ (item bank) และการพัฒนาระบบศูนย์คอมพิวเตอร์ เพื่อการจัดสอบ
ทันทเี ม่อื ตอ้ งการ (on demand assessment) โดยการออกแบบข้อสอบควรมีการสร้างชุดคาถามร่วม
(common items) ระหว่างรอบการสอบต่างๆ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ผลสัมฤทธ์ิของนักเรียนใน
ระดับชาติโดยเปรยี บเทยี บพัฒนาการระหวา่ งปีได้
นอกจากนั้น ควรจัดให้มีการปฏิรูประบบการจัดเก็บข้อมูลการสอบ การ
เปิดเผยและการรายงานผลการสอบและการวิเคราะห์ต่อสาธารณะ เพ่ือเป็นฐานข้อมูลในการกาหนด
นโยบายของรัฐ และการเลือกสถานศึกษาของผู้ปกครอง เช่น การจัดเก็บข้อมูลตัวแปรด้านสภาพ
เศรษฐกิจและ สังคมของนักเรียนและผู้ปกครอง รวมถึงข้อมูลของครูและโรงเรียน นอกเหนือไปจาก
คะแนนสอบของนักเรียนแต่ละคน โดยเม่ือได้ผลการสอบแล้ว ต้องสามารถนาข้อมูลเหล่านี้ไปสร้างบท
วิเคราะห์เชิงคุณภาพและเชิงสถิติที่ได้มาตรฐาน สามารถนาไปใช้ประโยชน์ในการวินิจฉัยปัญหา พร้อม
ทั้งวางแผนการพฒั นาการศึกษาสาหรบั อนาคต โดยเปิดโอกาสให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงข้อมูลทีผ่ ่าน
การลบข้อมูลส่วนตัวของบุคคลแล้ว ในลักษณะเดียวกันกับข้อมูลของสานักงานสถิติแห่งชาติ เพ่ือ
นาไปใชว้ เิ คราะหแ์ ละตดั สินใจด้านการศึกษา ส่วนในระดับโรงเรยี น ควรให้มีวิธีการวัดและประเมินผลที่
16
หลากหลาย เช่น การใช้ระบบแฟ้มงาน โครงงาน การสอบวัดความรู้ และการแก้ไขปัญหาในชีวิตจริง
ในทางทชี่ ่วยพัฒนาทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 ของนักเรยี น การประเมนิ ผลการเรยี นในระดบั โรงเรียนควร
เปน็ การประเมินผลเพื่อเสรมิ สรา้ งการเรียนรู้และวเิ คราะหผ์ ู้เรียน (formative assessment) ซงึ่ เป็นการ
ประเมินผลเพ่ือพัฒนาการเรียนการสอนตลอดเส้นทางการเรียนรู้ และหากเป็นไปได้ ควรใช้เทคโนโลยี
เป็นตัวช่วยให้การประเมนิ เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เชน่ ใช้ระบบ computer adaptive test
หรอื ระบบการประมวลผลเพอ่ื เพ่มิ ความรวดเรว็ ในการสง่ ผลสะท้อนกลับไปยังนักเรียน
3) การปฏริ ปู ระบบการพฒั นาคณุ ภาพครู
การพัฒนาคุณภาพครูในปัจจุบันยังมีปัญหาบางประการที่ต้องได้รับการพัฒนา
สภาพปัญหาในปัจจุบันคือ รัฐมีบทบาทอย่างมากในการจัดหาผู้จัดการอบรมและจัดทาเกณฑ์รับรอง
หลักสูตร ทาให้หลักสูตรการฝึกอบรมครูไม่สอดคล้องกับปัญหาท่ีครูและโรงเรียนเผชิญ การอบรมส่วน
ใหญ่เป็นการฟังบรรยายมากกว่าการฝึกปฏิบัติ รวมทั้งยังขาดระบบติดตามและสนับสนุนให้มีการนา
ความรู้ไปใช้ จึงทาให้การอบรมสิ้นสุดเพียงข้นั ตอนการสร้างและถ่ายทอดความรู้ แต่ไปไม่ถึงขั้นตอนการ
นาความรู้ไปปฏิบัติ การฝึกปฏิบัติ และการทบทวนและแลกเปลี่ยนเพื่อแก้ไขปัญหาจากการปฏิบัติ อีก
ท้งั ผลการประเมินคณุ ภาพครูและโรงเรยี นไม่ได้ถูกนามาใชใ้ นการประเมนิ คณุ ภาพของการฝกึ อบรมครู
ในส่วนของระบบการประเมินสมรรถนะและผลงานครูเพื่อให้ผลตอบแทน การปฏิรูประบบการพัฒนา
คุณภาพครู ควรมีระบบการพัฒนาคุณภาพครูในสองมิติ ได้แก่ ระบบการฝึกอบรมครู และระบบการ
ประเมินสมรรถนะและผลงานครเู พอ่ื ให้ผลตอบแทน
ในระบบการฝึกอบรมครู รัฐต้องปรับบทบาทจากผู้จัดหา เป็นผู้กากับดูแล
คุณภาพและการจัดการความรู้ และปรับเปลี่ยนให้โรงเรียนเป็นหน่วยพัฒนาหลักแทนที่รัฐ โดยให้
โรงเรียนได้รับการจัดสรรงบประมาณและมีอานาจในการตัดสินใจเลือกหลักสูตรและผู้อบรม เพื่อให้
สอดคล้องกับความต้องการและสภาพปัญหาที่ตนเผชิญ อีกท้ังจัดให้มีระบบการนาผลการประเมิน
สมรรถนะครูมาประเมินคุณภาพการฝึกอบรมด้วย นอกจากน้ัน ระบบการฝึกอบรมครูต้องให้
ความสาคญั กับขั้นตอนการนาความรู้ไปสู่การปฏิบัติจรงิ การฝึกปฏบิ ัติ และการทบทวนและแลกเปล่ียน
เพ่ือแก้ไขปัญหาจากการปฏิบัติ รวมถึงการสร้างระบบพัฒนาครูใหม่ โดยให้ครูวทิ ยฐานะสูงเข้ามามีส่วน
รว่ มในการพฒั นาครใู หม่ และการสนับสนนุ ให้เกดิ ระบบชุมชนเรียนรู้ทางวชิ าการรว่ มกัน (Professional
Learning Community)
17
ขอ้ เสนอเชิงนโยบายเพื่อการปฏิรูปการประเมินสมรรถนะและผลงานครูเพื่อให้
ผลตอบแทน รายงานวิจัยฉบับน้ีเสนอให้การเล่ือนขั้นเงินเดือนและวิทยฐานะของครูส่วนหนึ่งข้ึนอยู่กับ
พัฒนาการของผลการทดสอบมาตรฐานแบบใหม่ของนักเรียน (โดยคานึงถึงระดับตั้งต้นของคะแนน)
เพ่ือให้ครูมีความรับผิดชอบต่อการพัฒนาคุณภาพนักเรียนมากข้ึน เช่น การเลื่อนข้ันเงินเดือนครู อาจ
กาหนดให้มีการประเมินด้านผลงานครู ซ่ึงวัดด้วยพัฒนาการของผลการทดสอบมาตรฐานแบบใหม่ของ
นักเรียน ด้านสมรรถนะการสอนของครู โดยประเมินจากการสังเกตการณ์ การประเมินสมรรถนะการ
สอนของครูในระดับโรงเรียนควรเป็นการประเมินด้วยการสังเกตการณ์จากผู้บริหารโรงเรียน ส่วนการ
ประเมินสมรรถนะการสอนในการเล่ือนวิทยฐานะ ควรเป็นการประเมินจากบุคคลภายนอก เช่น
กระทรวงศึกษาธิการ หรือสานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษานอกจากน้ัน ควรกาหนดให้มีการประเมินเพ่ือคง
สภาพวิทยฐานะทกุ 5 ปี และให้ครูวทิ ยฐานะสูงมีบทบาทในการร่วมพัฒนาครูใหม่ โดยอาจใหพ้ ัฒนาการ
ของครูใหม่ในความดแู ล เปน็ หนึ่งในตัวช้ีวัดสาหรับการประเมนิ เพ่ือเลื่อนวทิ ยฐานะ อกี ท้ังควรมกี ารปรับ
ลดงานธุรการของครู เพอ่ื ให้ครูทุ่มเทใหก้ ับหนา้ ท่ีในการสอนได้อย่างเต็มท่ี
4) การปฏริ ปู ระบบการประเมินคณุ ภาพสถานศกึ ษา
ใน ปัจจุบันการประเมินคุณ ภาพสถานศึกษากระท าผ่านระบ บการปร ะเมิน
คุณภาพภายนอกภายใต้การดูแลของสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.)
เป็ น ห ลั ก ร ะ บ บ ก าร ป ร ะ เมิ น คุ ณ ภ า พ ภ า ย น อ ก ดั งก ล่ าว มี ปั ญ ห า ห ล า ย ป ร ะ ก า ร ใน ป ฏิ บั ติ ก าร จ ริ ง
ตัวอย่างเช่นผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของผู้เรียนมีน้าหนักเพียงร้อยละ 20 ของคะแนนท้ังหมด และวัด
จากสัดสว่ นของนกั เรยี นทีผ่ า่ นขดี จากัดลา่ ง ซ่งึ อยใู่ นระดบั ค่อนขา้ งตา่ ผปู้ ระเมินมีปัญหาด้านคณุ ภาพ
และความเปน็ มอื อาชีพ และทรัพยากรในการประเมนิ มีจากัด ในขณะที่ต้องประเมินสถานศึกษา
จานวน 35,000 แห่งภายในเวลา 5 ปีนอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านตัวชี้วัดอ่ืนๆ ได้แก่ ตัวชี้วัดมีมากเกินไป
จนเป็นภาระด้านเอกสารของโรงเรียน และเกิดกรณีการตกแต่งเอกสารอยู่ทั่วไป ตัวชี้วัดมีความเป็น
นามธรรมสงู ทาให้วัดผลลพั ธ์และตรวจสอบความถูกต้องได้ยาก จงึ ต้องหันมาวัดด้านกระบวนการแทนท่ี
ผลลพั ธ์ และตัวชวี้ ดั ไมส่ อดคล้องกบั บริบทของโรงเรยี น เปน็ ต้น
สาหรับการประเมินคุณภาพภายในโดยสถานศึกษาเองก็ยังมีปัญหาในเชิง
คุณภาพ โดยมุ่งกระทาเพ่ือสนับสนุนระบบประเมินคุณภาพภายนอกมากกว่าจะเป็นไปเพ่ือพัฒนา
คุณภาพการเรียนการสอนในโรงเรียน กระนั้นก็ตาม การประเมินคุณภาพภายนอกยังเชื่อมโยงการใช้
ประโยชน์จากการประเมินคุณภาพภายในได้ไม่ดีพอ เช่น ผู้ประเมินภายนอกไม่ได้รับรายงานการ
ประเมินคุณภาพภายในกอ่ นออกตรวจประเมินโรงเรียน เปน็ ต้น
18
จากสภาพปัญหาที่กล่าวมา จึงเสนอว่าระบบการประเมินคุณภาพสถานศึกษา
ควรใช้การประเมินคุณภาพภายในของโรงเรียนเป็นหน่วยหลักในการประเมินเพ่ือพัฒนาคุณภาพ โดย
สะท้อนให้เห็นจุดแข็งและจุดอ่อนของสถานศึกษาตามท่ีเป็นจริงแบบไม่มุ่งตัดสิน แต่มีบทบาทในการช้ี
ปญั หาเพื่อแก้ไขปรับปรุง ในการน้ี โรงเรียนแต่ละแห่งควรให้ความสาคัญกบั การประเมินคุณภาพภายใน
และการจัดทารายงานประเมินคุณภาพตนเอง (self-assessment report: SAR) พร้อมทั้งมุ่งพัฒนา
ระบบการประเมินคุณภาพภายใน และเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของโรงเรียนมีส่วนร่วมใน
กระบวนการประเมินคุณภาพภายในนอกจากน้ี การประเมินคุณภาพภายในควรเน้นการประเมิน
กระบวนการเรียนการสอนคุณลักษณะของผู้เรียน เช่น ความเป็นพลเมือง ความมีจริยธรรม รวมถึงการ
ประเมินหน้าท่ีด้านการสนับสนุนการศึกษาของโรงเรียน เช่น การพัฒนาชุมชน การสร้างระบบให้
ผูป้ กครองมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการโรงเรียน เป็นต้น ส่วนระบบการประเมินคุณภาพสถานศึกษา
ภายนอกของ สมศ. ควรถูกปรับให้เป็นเพียงหน่วยเสริม ในแง่ของการประเมินเพื่อพัฒนาคุณภาพการ
เรียนการสอน โดย สมศ. ควรปรับบทบาทเป็นหน่วยสนับสนุนด้านการจัดการและเผยแพร่ความรู้
เก่ียวกับการประเมินให้แก่โรงเรียน กาหนดกฎกติกาข้ันต่าเท่าท่ีจาเป็น เพ่ือกากับคุณภาพของการ
ประเมินคุณภาพภายในของโรงเรียนนอกจากนี้ สมศ. ควรมุ่งเน้นบทบาทในการประเมินเพื่อสร้างความ
รับผิดชอบ โดยใช้การประเมินตามระดับปัญหา (risk-based inspection) เพ่ือแยกโรงเรียนที่มีปัญหา
มาให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาคุณภาพ โดยคัดแยกจากคะแนนการทดสอบมาตรฐาน
ระดับประเทศแบบใหม่ของนักเรียน รวมถึงมีบทบาทในการประเมินเฉพาะเร่ือง (thematic
inspection) โดยเลือกบางประเด็น เช่น การใชเ้ ทคโนโลยปี ระกอบการเรียนการสอน หรือสมุ่ ประเมินใน
ระดับพ้ืนท่ีหรือประเทศ เช่น โรงเรียนที่อยู่ในเขตพื้นท่ีห่างไกลและขาดแคลนทรัพยากรทางการศึกษา
เป็นต้น
5) การปฏิรูประบบการเงนิ เพือ่ การศกึ ษา
แนวทางการปฏิรูป ระบบการเงินเพ่ือการศึกษาควรมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง
ความรับผิดชอบและลดความเหลื่อมลา้ ระหว่างพ้นื ท่คี วบคกู่ ันไป ผ่านสตู รการจัดสรรงบประมาณของรัฐ
ท่ีคานึงถึงสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแตล่ ะพ้ืนทท่ี ่ีแตกต่างกัน และใหง้ บประมาณอย่างเพียงพอต่อการ
พฒั นานกั เรยี นใหข้ า้ มผ่านมาตรฐานขนั้ ต่าตามทกี่ าหนดเปน็ เป้าหมายไว้ไดต้ วั อย่างของวิธีการจัดสรรเงิน
อุดหนุนตามแนวทางสร้างความรับผิดชอบและลดความเหล่ือมล้าระหว่างพ้ืนท่ี เช่น มีการกาหนด
เป้าหมายคะแนนการทดสอบมาตรฐานข้ันต่าของนักเรียนและจัดสรรเงินอุดหนุนจานวนมากกว่าให้แก่
โรงเรยี นในเขตพ้นื ทด่ี ้อยโอกาส เพ่อื ลดความเหลื่อมลา้ ด้านทรัพยากร จากนน้ั จงึ นาขอ้ มลู ผลการทดสอบ
19
มาตรฐานระดับประเทศแบบใหม่ของนักเรียนท่ีเกิดข้ึนจริงมาเทียบกับคะแนนเป้าหมายที่กาหนดไว้ใน
ตอนต้น เพื่อประเมินผลการทางานของผู้บริหาร และให้รางวัลในกรณีท่ีผู้บริหารสามารถดาเนินงานได้
ตามเป้าหมาย นอกจากน้ี ในระยะยาว รัฐควรปรับเปลี่ยนระบบการเงินเพ่ือการศึกษาไปสู่ระบบ
การเงินด้านอุปสงค์ให้มากข้ึน ผ่านสูตรการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวที่คานึงถึงความเป็นธรรม สิทธิใน
การเลือกสถานศึกษาของผู้ปกครองและนักเรียน และแรงกดดันให้เกิดการแข่งขันเพื่อพัฒนาคุณภาพ
ของผู้เรียน จะช่วยเพิ่มระดับความรับผิดชอบให้แก่ระบบการศึกษา ท้ังนี้ รัฐต้องเข้ามามีส่วนช่วยเหลือ
ในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนท่ีมีปัญหาและขาดแคลนทรัพยากร เพื่อให้การแข่งขัน
เป็นไปอย่างเท่าเทยี มกนั มากขน้ึ
20
บรรณานกุ รม
ไพฑรู ย์ สนิ ลารตั น์ และคณะ. (2557). สัตตลกั ษณ์ของครูผนู้ ำ. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพแ์ ห่งจฬุ าลงกรณ์
มหาวิทยาลยั .
รตั นด์ า เลิศวชิ ยั . (2560). องค์ประกอบพฤติกรรมกำรจดั กำรเรียนรทู้ ่ีส่งผลตอ่ คุณภำพชวี ติ กำรทำงำน
ของครใู นโรงเรียนท่จี ัดกำรเรียนรู้ตำมหลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ภำค
ตะวันออกเฉียงเหนอื . วทิ ยานิพนธ์ปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิต สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา
คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั วงษช์ วลติ กุล.
. (2561). การศึกษาภาคประชาชน : เรยี นรู้ตลอดชีวติ ความสุข ความมัน่ คงของ
สงั คมไทย. ใน บทควำมสบื เน่ืองจำกกำรประชุมวชิ ำกำรระดบั ชำติและนำนำชำติ
รำชภัฏสุรำษฎร์ธำนวี ิจยั ครง้ั ท่ี 14 ภำคบรรยำย (Oral Presentation)“นวัตกรรม กำร
วจิ ัยแบบสหวิทยำกำร”(Innovations in Interdisciplinary Research).
(น.3-9) มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สุราษฎรธ์ าน.ี
ราชบณั ฑิตยสถาน. (2556). พจนำนุกรมฉบบั รำชบณั ฑติ ยสถำน พ.ศ. 2554. (พิมพค์ รงั้ ที่ 2).
กรงุ เทพฯ: นานมบี ุค๊ ส์พบั ลิเคชัน่ ส์ จากัด.
เวชฤทธ์ิ องั กนะภัทรขจร. (2555). กำรประยุกตใ์ ช้แนวคิด Teach Less, Learn More (TLLM) สู่
กำรจดั กำรเรียนรูใ้ นช้นั เรยี นคณิตศำสตร.์ วารสารศกึ ษาศาสตร์ 23(1). 1-11.
สถาบันครุ ุพัฒนา. (2560). เก่ียวกบั คุรุพฒั นำ. สบื ค้นเมือ่ 20 กมุ ภาพันธ์ 2561, จาก http://site.
ksp.or.th/home.php?site=tpdi
สถาบนั วจิ ยั เพอ่ื การพฒั นาประเทศไทย. (2557). การจดั ทายทุ ธศาสตรก์ ารปฏิรปู การศึกษาข้ันพ้นื ฐาน
ใหเ้ กิดความรับผิดชอบ. สืบค้นจาก http://tdri.or.th/wp-content/uploads/2014/
06/wb103.pdfสานกั งานผตู้ รวจการแผ่นดิน. (2560). คณุ ธรรม จรยิ ธรรม พนื้ ฐำนใน
สงั คมไทย 5 ประกำร. (ออนไลน)์ . สบื คน้ เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2561, จาก
http://www.okmd.or.th/upload/pdf/2560/report/ethic5omb.pdf
สานกั งานรัฐมนตรี กระทรวงศกึ ษาธิการ. (2560). กำรอบรมตำมหลักสูตร PLC : ชมุ ชนแห่งกำร
เรียนรูท้ ำงวชิ ำชีพ.(ออนไลน)์ . สบื ค้นเม่ือ 25 สิงหาคม 2560, จาก
http://www.moe.go.th/websm/2017/mar/106.html
สุกัญญา แชม่ ช้อย. (2560). กำรบรหิ ำรสถำนศึกษำในยุคดจิ ิทัล. พิษณุโลก: สานกั พิมพ์
มหาวิทยาลยั นเรศวร.
21
Ministry of Education Singapore. (2009). Teach Less, Learn More. Retrieved
September 1, 2017, from http://www3.moe.edu.sg/bluesky/tllm.htm
Pak Tee Ng. (2008). Educational reform in Singapore: quantity to quality. Retrieved
September 1, 2017, from http://www.scribd.com/doc/39594524/Teach-Less-
Learn-More
22