ผลิตภัณฑ์ เคไฟว์ วัน 29-12-63

Health products

?

ผลิตภัณฑ์ เคไฟว์ – วนั / K5-1 คืออะไร?

เคไฟว์ / K5 คือ ผลติ ภณั ฑ์เสริมอาหาร ท่ีใช้เอนไซม์เป็ นส่วนประกอบ และเป็ น
สารสาคัญหลัก ที่จะช่วยสนับสนุนให้ร่างกายได้ปรับระบบพยาธิสภาพ ภายใน
ร่างกายทกุ ระบบให้สมดลุ และทางานได้เป็ นปรกติ ไปตามกระบวนการที่สมควรจะ
เป็ น มีส่วนช่วยสนับสนนุ ระบบการย่อยอาหารให้สามารถแยกสารอาหารออกจาก
อาหาร ให้ได้มากท่ีสดุ และยงั ชว่ ยยอ่ ยสลายขจัดสารอาหารส่วนเกิน เช่น นา้ ตาล,
ไขมนั , โปรตนี , เกลอื ของเสีย ที่เป็ นสว่ นเกิน ปะปนอยใู่ นระบบเลอื ด

* รวมทงั้ สว่ นทส่ี ะสมเกาะพอกตดิ เป็ นสว่ นเกิน อยทู่ วั่ ไปในหลอดเลือด และ
อวยั วะสาคญั ๆ ภายในร่างกาย อนั เป็ นสาเหตุ ทาให้ร่างกายเสียสมดลุ และ
กอ่ ให้เกิดอาการเจบ็ ป่ วย และยงั ชว่ ยให้ร่างกายเกิดกระบวนการปรับสมดลุ
เพือ่ ซอ่ มแซม

* ซ่อมสร้าง เสริมสร้าง เพ่มิ เตมิ ส่วนท่รี ่างกายบกพร่องอยู่
เช่น การซ่อมสร้างมวลกระดกู ของผู้สูงอายุท่มี ีปัญหา โรค
กระดกู พรุน ให้กลบั มามีมวลกระดกู ท่แี ข็งแรง การ
เสริมสร้างเซลส์เม็ดแดง-ขาว ให้มีปริมาณท่เี หมาะสมให้
ปรกติ เพ่อื แก้ปัญหาให้ผู้ป่ วย โรคเลอื ด การซ่อมสร้าง-
เสริมเซลส์เนือ้ เย่ือสมองให้ ผู้ป่ วยอลั ไซเมอร์ อัมพฤกษ์
อมั พาต โดยเป็ นกระบวนการช่วยให้ร่างกายจดั การกับ
ทุกๆปัญหาด้วยร่างกายเอง ซ่งึ กระบวนการดงั กล่าวมานี้
เป็ นกระบวนการท่ดี ีท่สี ุด ยังไม่มีเวชศาสตร์แผนใดจดั การ
ได้อย่างแท้จริง เพราะใช้กระบวนการเพยี งอย่างเดยี ว แต่
สามารถแก้ปัญหา ฟื้นฟสู ุขภาพให้ผู้ป่ วยได้หลายโรคใน
คราวเดยี ว นวตั กรรม “K5” ประสิทธิภาพสูงสุด ไร้
ผลข้างเคียง

ไขมันพอกตบั

ประวัตคิ วามเป็ นมาของผลิตภณั ฑ์

ใช้วตั ถุดบิ ท่ผี ลติ จาก

ประเทศญ่ีป่ ุน ผลติ ด้วยดารใช้ เทคโนโลยีชีวภาพชัน้ สงู ด้วยการใช้นมเปรีย้ ว
เพาะเลยี้ งจุลนิ ทรีย์แลคโตบาซลี รัส ให้ได้จานวนมากๆแล้ว นามาสกดั เอา
เอนไซม์ ท่มี ีประโยชน์และจาเป็ นต่อสุขภาพของมนุษย์ คือ 5 ชนิด คือ

ไลเปส คือเอนไซม์ท่มี คี ุณสมบัตใิ ช้ย่อย ไขมนั
อะไมเลส คอื เอนไซม์ท่มี ีคุณสมบัติใช้ย่อย แป้ งและนา้ ตาล
โปรตเิ อส คือเอนไซม์ท่มี คี ุณสมบตั ิใช้ย่อย โปรตีน
เซลล์ลูเลส คอื เอนไซม์ท่มี ีคุณสมบตั ิใช้ย่อย เส้นใยพชื
ยรู ีเนส คอื เอนไซม์ท่มี คี ุณสมบตั ิใช้ย่อย เกลือ

ประเทศรัสเซีย ใช้ เคมี-ฟิ สกิ ส์ เทคโนโลยีชนั้ สูง (วธิ ีเดียวกันกับการผลติ
อาหารให้นักบนิ ยานอวกาศ) นาเอนไซม์บรรจุไว้ในโพรงโมเลกุลของ NANO
ACTIVATED CARBON เพ่ือทาให้เอนไซม์เสถยี รคงอยู่ได้ในทกุ สภาวะ และ
โดยเฉพาะอย่างย่งิ NANO ACTIVATED CARBON เป็ น CARBON โมเลกุล
เด่ียวเม่อื รับประทานเข้าไปในร่างกายแล้ว ร่างกายสามารถนาไปใช้ประโยชน์
ได้ทงั้ หมด จะไม่ตกค้าง หรือก่อให้เกดิ พิษใดๆต่อร่างกาย อกี ทงั้ ยังได้
เพ่มิ เติม เมททาลีนซอลท์ ซงิ ส์ซอลท์ ไอออนซอลท์ ในปริมาณท่เี หมาะสม
ช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพในการสร้างภมู คิ ุ้มกันโรค เพ่อื ต่อต้านและกาจัด
เชือ้ โรคให้กับร่างกาย เป็ น ลขิ สิทธ์ิและเทคโนโลยี เฉพาะ ของ “เคไฟว์”

เอนไซม์ (Enzyme) คอื อะไร สาคญั ต่อชีวติ อย่างไร

เอนไซม์ คือ โปรตีนชนิดหน่ึง ทร่ี ่างกายผลิตขนึ ้ เพื่อใช้เป็ นองค์ประกอบหลกั ในการเร่ง
ทกุ ปฏกิ ิริยาเคมี ทีเ่ กิดขนึ ้ ในร่างกาย โดยหน้าท่ีหลกั ๆ ของเอนไซม์คอื

1 ไดเจสทฟี เอนไซม์ Digestive Enzyme
คอื เอนไซม์ท่ีผลิตขนึ ้ โดย ตบั อ่อน

ใช้ยอ่ ยอาหารให้ละเอยี ด เพอ่ื …แยก

เอาสารอาหาร เชน่ โปรตีน เกลอื แร่ วติ ามนิ ธาตเุ หล็ก ฯลฯ แล้วดดู ซมึ ผา่ นผนงั ลาไส้
เข้าสกู่ ระแสเลอื ด เพอ่ื นาสง่ สารอาหารไปเลยี ้ งเซลส์-เนือ้ เยอื่ ตา่ งๆทว่ั ร่างกาย อกี ทงั้
จะขจดั สารอาหารสว่ นเกินความต้องการ ทาให้ร่างกายสามารถขบั ถา่ ยทิง้ ออกทาง
เหงอ่ื และปัสสาวะได้

2. Metabolic enzyme (เมทตาโบริก เอนไซม์) คือเอนไซม์ท่รี ่างกายใช้เปล่ียน

สารอาหารท่ีได้จากตับ ให้เปล่ียนรูปเป็ นโมเลกุลชนิดท่ีร่ างกายต้องการใช้
เช่นเปล่ยี นเป็ นผวิ หนัง เป็ นดวงตา เป็ นเส้นผม เป็ นภูมิคุ้มกัน ฯลฯ เอนไซม์
ยังจะช่วยให้ร่ างกายควบคุมระบบพยาธิสภาพภายในร่ างกายทุกระบบเกิด
สมดุล เพ่ิมประสิทธิภาพระบบการย่อยอาหารให้สมบูรณ์ย่ิงขึน้ สามารถแยก
เอาสารอาหาร ออกจากอาหารให้ได้มากท่ีสุด อวัยวะทุกส่วนทางานได้เป็ น
ปรกตไิ ปตามกระบวนการท่สี มควรต้องเป็ น ตามธรรมชาติ เพ่ือทาให้สุขภาพ
สมบรู ณ์แขง็ แรง
กลา่ วได้วา่ เอนไซม์มคี วามสาคัญและจาเป็ นอย่างย่งิ

ต่อชวี ิตมนุษย์ พอๆกับ อากาศ นา้ และอาหาร

หากร่างกายผลิตเอนไซม์ได้พอเพียงต่อความต้องการ

ของร่างกายตลอดเวลา มนุษย์จะสุขภาพดี แขง็ แรงและอายุยนื

เอนไซม์ ยังมีส่วนช่วยย่อยสลายเพ่ือขจดั ทงิ้ สารอาหารส่วนท่เี กินความ
ต้องการของร่างกาย เช่น นา้ ตาล ไขมัน โปรตีน เกลือ และของเสียท่ปี ะปน
อย่ใู นระบบเลอื ด รวมทงั้ ส่วนท่ีสะสมเกาะพอกตดิ อยู่ท่วั ไปตามอวยั วะ
สาคญั ๆ เหล่านีเ้ ป็ นสารอาหารโมเลกุลใหญ่ ร่างกายขจัดออกจากระบบเลือด
เองไม่ได้เช่นเกาะพอก หลอดเลือด ตับ ไต ปอด หวั ใจ เหล่านีค้ อื ต้นเหตุของ
โรค ความดันโลหติ สงู เบาหวาน โรคหวั ใจ ฯลฯ ร่างกายจาเป็ นต้องใช้
เอนไซม์ ในการย่อยสลายให้กลายเป็ นโมเลกุลเด่ยี ว จงึ จะสามารถดูดซมึ ผ่าน
ผนังลาไส้แล้วสามารถนาไปขจัดทงิ้ ทางเหง่อื ปัสสาวะ หรืออุจจาระได้

ประโยชน์ของการรับประทาน เอนไซม์เสริม

เพ่ือช่วยให้ระบบพยาธิสภาพ ของร่างกายเป็ นไปอย่างสมดลุ อยา่ งท่ีควรจะต้องเป็ น
ปรกติ เม่ือร่างกายได้รับเอนไซม์เพียงพอต่อความต้องการ ระบบทุกๆระบบของ
ร่างกายสมดุลเป็ นปรกติ ร่างกายจะจัดการกับทุกๆปัญหาด้วยระบบร่างกายเอง
แก้ไขความบกพร่องหรืออาการเจ็บป่ วยทงั้ หลาย ด้วยกระบวนและวิธีการที่ เป็ น
ธรรมชาติ ได้ผลดีเป็ นอยา่ งมาก ไร้ผลข้างเคียง

จากประสบการณ์ระยะเวลาท่ียาวนาน เกิน 15 ปี ด้วยการใช้เอนไซม์
เสริม เข้าช่วยเหลือฟื น้ ฟสู ุขภาพผู้ป่ วย จากโรคท่ียากตอ่ การรักษาได้ เช่น ความดนั
โลหิต สูง-ต่า เบาหวาน ไตเสื่อม ไตวาย ถงุ ลมโป่ งพอง โรคเลือด ภูมิแพ้ เนือ้ งอกใน
เต้านม-เนือ้ งอกในมดลกู มะเร็งฯลฯ สามารถชว่ ยเหลือผู้ป่ วยกลบั มามีสุขภาพเป็ น
ปรกติได้ โดยใช้หลกั โภชนาบาบดั ควบคกู่ บั เอนไซม์ โดยไมม่ ีผลข้างเคียงใดๆ เลย

เกิดจากมีไขมันเกาะพอกติดท่ผี นังหลอดเลือด หนามากจนเป็ น
เหตุให้หลอดเลือดตีบเล็กลงกว่าปรกติ ส่งผลให้หัวใจต้องป๊ัม
เลือดแรงขึน้ ถ่ีขึน้ กว่าปรกติ เพ่อื ให้เลือดไหลเวียนไปได้ ส่งผล
ให้เกดิ โรความดันโลหติ สงู

ภาพตัดขวาง ไขมันเซาะ
เส้นเลือดแดงปกติ ทาให้ผนัง
หลอดเลือด
ไขมันเข้าไปแทรกอยู่ใน แดงเร่ิมฉีก
ผนั งหลอดเลือดจา ก
ตาแหน่ งท่ีเร่ิมฉีกจน ขาด
เกือบเตม็ หลอดเลือด
ผนังหลอดเลือด
ตีบ แคบ ทาให้
เลือดไม่สามารถ
ไห ลเวียน จ น
ก ล า ย เ ป็ น ล่ิ ม
เลือด อุดตัน

ยงั ไมม่ ีวทิ ยาการหรือเวชศาสตร์แผนใดเลย รกั ษาให้
หายขาดได้ การรักษาในปัจจบุ นั เป็นเพียงให้รับประทาน
ยาท่มี ฤี ทธ์เิ ป็ นด่างเข้มข้น เพ่ือไป ทาให้เลือดมีฤทธ์ิ

เป็ นด่าง เพื่อ ทาละลายไขมัน

ท่ีเกาะพอกติด ตีบตนั อยนู่ นั้ ให้เปล่ยี นสภาพ เป็นของเหลวไหลเวียนไปกบั เลอื ด ไม่ให้เกาะพอก
ตดิ โดยผ้ปู ่ วยจะต้องรบั ประทานยา ทกุ วันหยุดไม่ได้ หากลืมรับประทานยา อาจจะทาให้
ไขมนั คืนสภาพแขง็ ตวั เกาะพอกตดิ ย้ายท่ี ตบี ตนั -อุดตัน หากไปตีบตนั ที่หลอดเลอื ดสมอง

หรือหลอดเลือดหวั ใจ เป็นอนั ตรายสง่ ผลถึงพิการเป็ น อมั พฤกษ์ อมั พาต หรือเสียชวี ิตได้

ผลติ ภณั ฑ์ “เคไฟว์ / K5” มี เอนไซม์ไลเปส มีคณุ สมบตั ิในการ ย่อยสลายไขมนั ให้
กลายเป็นสารอาหารโมเลกลุ เดียว ซง่ึ จะทาให้ร่างกายสามารถ นาไปใช้ประโยชน์ หรือขจดั
สว่ นเกินออกจากระบบเลอื ด หลอดเลือด และจากอวยั วะภายในท่ีเก่ียวกบั การไหลเวียนของ
ระบบเลือด ไขมนั ที่ยอ่ ยสลายนนั้ จะ ไม่สามารถกลับมารวมตัวกันเป็ นไขมันได้อีก และจะ
ถกู ขบั ออกปะปนมากบั ระบบเลอื ด เพ่ือนาไปขจดั ทงิ ้ ทาง เหง่ือ ปัสสาวะ หรืออจุ จาระ ซง่ึ ใน
กระบวนขจัดทงิ้ นี ้ ในระยะ แรกๆ หากผ้ปู ่ วยต้องไปเจาะเลือดเพื่อตรวจสอบ จะพบวา่ มีไขมนั
ในเลือดสงู ผดิ ปรกติ แต่จะไมส่ ง่ ผลให้เกดิ อาการผดิ ปรกตใิ ดๆแกร่ ่างกายเลย หากผ้ปู ่ วยรกั ษา
วนิ ยั ในการรบั ประทาน”ค้มุ ภมู ”ิ อยา่ งสม่าเสมอต่อเน่ืองอย่างน้อย 6-8 เดือนไขมนั ในระบบ
เลอื ด และหลอดเลือดจะลดลงเข้าสภู่ าวะปรกติ สง่ ผลให้ความดนั โลหติ กลบั มาเป็นความดนั
ปรกติได้ ( ช้าหรือเร็ว ขึน้ อยกู่ บั ปริมาณไขมนั ในระบบเลอื ดของแตล่ ะคนมากน้อยไมเ่ ท่ากนั )
ซงึ่ ในความเป็นจริงความดนั โลหติ สงู ยงั ไม่มียา หรือเวชภณั ฑ์ใดๆรักษาให้หายขาดได้



โรคไขมนั พอกตบั

คือการที่มวลไขมนั ไปพอกเกาะติดในพืน้ ท่ีในชอ่ งซองตบั มีปริมาณมากผิดปรกติ จน
อาจเกาะพอกติดมาถึงผิวภายนอกของตบั ได้ ส่งผล ทาให้ตบั ไม่สามารถทาหน้าที่
จดั เก็บ ปรุงแตง่ มวลสารอาหารสาหรับสง่ ไปหลอ่ เลีย้ งอวยั วะจาเพาะทกุ ส่วนภายใน
ร่างกาย หรือกระจายสารอาหาร ไปยงั เซลส์ของอวยั วะทกุ ส่วนทวั่ ทงั้ ร่างกายได้ อีก
ทงั้ ยงั ขดั ขวางการซอ่ มแซมตนเองของเซลส์เนือ้ เยื่อของตวั ตบั เอง ลกั ษณะภาวะอยา่ ง
นีจ้ ะสง่ ผลให้ สขุ ภาพของอวยั วะที่ต้องได้รับสารอาหารจากตบั สว่ นที่โดนไขมนั พอก
จนทางานไมไ่ ด้ เกิดอาการผิดปรกติโดย ไมส่ ามารถตรวจหาสาเหตุ ของการเจ็บป่ วย

ได้ เช่น อาการสมองเส่ือม ตาเส่ือม กระดูกผุ อาการวัยทอง โรคเลือดเกือบทุก
ชนิด ฯลฯ

เคไฟว์ / K5 ช่วยให้ระบบพยาธิสภาพของร่างกายแก้ปัญหาไขมันพอก
ตับได้ เอนไซม์ไลเปส จะช่วยร่างกายย่อยสลายไขมนั ในชอ่ งซองตบั ให้
กลายเป็นสารอาหารโมเลกลุ เด่ียว โดยไขมนั ท่ีถกู ยอ่ ยสลายแล้วนนั้ ไม่
สามารถกลบั มารวมตวั เป็นไขมนั ได้อกี ร่างกายสามารถเอาสารอาหารไปใช้
ประโยชน์ หรือขจดั ไขมนั ทงิ ้ ผา่ นระบบเลือด ขบั ออกทางเหงื่อ ปัสสาวะ หรือ
อจุ จาระได้ หากผ้ปู ่ วยปฏบิ ตั ติ วั อย่างเคร่งครัด ในระยะเวลา 8-12 เดือน
ร่างกายกจ็ ะสามารถขจดั ไขมนั ในชอ่ งซองตบั หรือผิวภายนอกของตบั ได้หมด
สนิ ้ โรคไขมันพอกตบั นี้ ยังไม่มยี าเวชภัณฑ์หรือเวชศาสตร์แขนงใด
รักษาได้เลย





คือโรคทเี่ กิดจาก ตบั อ่อนไม่สามารถผลิต “อินสรุ ิน” ได้เพียงพอกบั ความต้องการใน
การ ย่อยสลายโมเลกุลนา้ ตาลให้เป็ น นา้ ตาลโมเลกุลเด่ียว(กลูโคส) เพื่อ
ร่างกายสามารถดดู ซมึ เอาไปใช้ประโยชน์ หรือขจดั ทงิ ้ ได้ จงึ สง่ ผลให้มี นา้ ตาลสะสม
คอื นา้ ตาลโมเลกลุ ใหญ่ ปนอยใู่ นเมด็ เลอื ดแดง ทาให้ประสิทธิภาพของเมด็ เลอื ดแดง
ในการขนถ่ายสารอาหาร ออกซเิ จน ภมู ิค้มุ กนั ทจี่ ะสง่ ไปยงั เซลส์ทว่ั ร่างกาย ด้อย
ประสทิ ธิภาพ ลง เป็ นอนั ตรายตอ่ สขุ ภาพเป็ นอยา่ งยิง่ เน่ืองจากเซลส์ทว่ั ร่างกายจะ
ไมไ่ ด้รับสารอาหาร ออกซิเจน และภมู คิ ้มุ กนั จากเม็ดเลอื ดแดงอยา่ งเพยี งพอจงึ ไม่
สามารถซอ่ มแซม ซอ่ มสร้าง อวยั ยะของร่างกายอยา่ งทจี่ าเป็ นได้ ผ้ปู ่ วยสขุ ภาพจะ
ออ่ นแอลง กอ่ ให้เกิดโรคตดิ ตามมาอยา่ งมากมาย อนั ตรายถงึ พิการ หรือเสียชวี ติ ได้

กระบวนการรักษาเบาหวานในปัจจุบัน
ยังไม่มเี วชภัณฑ์หรือเวชศาสตร์ ชนิดใด ทจ่ี ะสามารถขจดั นา้ ตาลสะสม ออก
จากเม็ดเลอื ดแดงได้ รักษาเบาหวานจงึ รักษาไมไ่ ด้ มแี ตก่ ระบวนการใช้ อินซูลิน
เทยี ม ให้ผ้ปู ่ วยรับประทานหรือฉีดเข้ากล้ามเนือ้ เพอื่ ขจดั นา้ ตาลแปรผนั ที่ปะปน
อยใู่ นระบบเลอื ดไมใ่ ห้เพม่ิ ปริมาณมากขนึ ้ จนถึงขนาดแทรกตวั เข้า ไปสะสม
เพ่มิ เตมิ จนกลายเป็ น นา้ ตาลสะสม ในเมด็ เลือดแดงได้ เทา่ นนั้ เพราะในความเป็ น
จริงแล้ว นา้ ตาลสะสม คอื ตวั การสาคญั ทสี่ ดุ สร้างปัญหาตอ่ สขุ ภาพให้แกผ่ ้เู ป็ น
เบาหวาน ในกระบวนแก้ปัญหาทาง เวชศาสตร์ ในปัจจบุ นั ทาได้แคค่ วบคมุ
นา้ ตาลแปรผัน ไมใ่ ห้มปี ริมาณมากเกินไปเทา่ นนั้ นา้ ตาลแปรผนั มผี ลตอ่ สขุ ภาพ
ของผ้ปู ่ วยน้อยมาก และทส่ี าคญั ทสี่ ดุ คือ ยาเมด็ ควบคมุ นา้ ตาลแปรผนั นนั้ หาก
รับประทานต่อเน่ืองนานๆ จะทาให้ไตเส่อื ม หรือไตวายได้

เคไฟว์ /K5ช่วยให้ร่างกายแก้ปัญหาเรื่องเบาหวานอย่างไร?

เอนไซม์อะไมเลส จะยอ่ ยสลาย นา้ ตาลสะสม ในเลอื ดให้กลายเป็ น กลโู คส(นา้ ตาล
โมเลกลุ เดย่ี ว) ร่างกายจะสามารถนาไปใช้เป็ นพลงั งาน หรือกาจดั ทงิ ้ ได้โดยงา่ ย ใน
กระบวนนี ้เป็ นกระบวนการทางธรรมชาติ ที่สนบั สนนุ ให้ร่างกายดาเนินการเองตาม
ธรรมชาติอยา่ งทค่ี วรจะเป็ นอยา่ งแท้จริง ไมม่ ผี ลข้างเคียงใดๆเลย หากผ้ปู ่ วย มีวนิ ยั
รับประทานตรงเวลา ครบปริมาณ ครบมอื ้ ดม่ื นา้ เยอะๆ จะใช้เวลาไมน่ าน 3-5 เดือน
ร่างกายจะขจดั นา้ ตาลสะสม สว่ นเกินให้กลบั ไปสคู่ า่ มาตรฐานท่ีเป็ นปรกติ คือ 6
ได้อยา่ งแนน่ อน หากสภาพของตบั ออ่ นของผ้ปู ่ วยไมเ่ สยี หายมากจนเกินไป อาการ
เบาหวานของผ้ปู ่ วยจะหายขาดได้ หรือหากไมห่ ายขาดผ้ปู ่ วยก็จะสามารถใช้ชวี ิตได้
เป็ นปรกติอยา่ งทค่ี วรจะเป็ นได้ กระบวนการดงั กลา่ วมาแล้วนี ้“เคไฟว์” สามารถชว่ ย
ให้ผ้ปู ่ วยท่เี กือบตาบอดเพราะ นา้ ตาลขนึ ้ ตา หรือ ผ้ปู ่ วยวกิ ฤตเกือบต้องโดนตดั ขา
เพราะขาเริ่มดา เนื่องจากเป็ นแผลเพยี งเลก็ น้อย ให้ฟืน้ ตวั กลบั มาเป็ นปรกตไิ ด้



หยุดหายใจไป 38 นาทฟี ื้นฟูด้วย K5-1 เค.ไฟล์.วัน ของ น.ส กัญญาภัค ประสงค์

สุข น้องเจน น้องเจน ได้เข้าแอดมิท ท่โี รงพยาบาลชลบุรี 23 กรกฎาคม 2560 เวลา
เท่ยี งคืนด้วยอาการหายใจไม่อ่มิ เท้าบวม เสร็จตี 4กว่าหมอลงความเหน็ ว่า ป่ วยไขมัน
ในเส้นเลือดสูงความดันสูง หวั ใจโต นา้ ท่วมปอด รอพบหมอเฉพาะทางตอนเช้าแต่
(6)โมงเช้าได้หยุดหายใจ 38 นาที (ตาย)ปั้มหัวใจมีชีพจรคืนมาแต่สมองเสียหายทงั้ ลูก
เพราะสมองขาดอ๊อกซเิ จน นานเกิน5นาทีคือนิทราเข้าห้องccuด่วนให้อ็อกซิเจนทาง
ปาก หรือใส่ (คิว้ )ประมาณ9-10วันย้ายออกมาห้อง สก.6 ห้องรวมและส่ังเจาะคอใส่
สายฟี ตอาหารเจาะนา้ ออกจากปอดลืมตาได้70-80% อยู่ ร.พ รวม19 วันสิน้ สุดการ
รักษา หมอให้กลับมารักษาตัวท่ีบ้าน12 สิงหาคม 2560 และได้รับการอนุเคราะห์จาก
คุณลุงวัฒน์วันท่ี 17 สิงหาคม 2560คือวันเกิดของคุณลุงวัฒน์ ฟื้นฟูด้วย K5-1 ได้1
เดอื น กว่า ถอดอ๊อกท่คี อออกหายใจเองทางจมูกถอดสายฟี ตอาหารทางจมูกออกกิน
ข้าวทางปาก2 เดือน 13 วัน ใส่บาตรวันเกดิ 20 ตุลาคม3 เดือน กว่าๆ หดั เดนิ ด้วยวอค
เกอร์ 4-5 เดือน หัดเดนิ ด้วยขาตัวเอง6 เดือน ถอดเหล็กท่เี จาะความออก 7วันคอปิ ด
สนิท7-8-9-10-11- และ1ปี ตอนนี(้ 3)ปี กับ(2)เดอื นปรกตดิ ีทางานบ้านได้ทกุ อย่าง กวาด
บ้าน ถูบ้าน ล้างจาน หงุ ข้าว ทงิ้ ขยะ รีดผ้า ทากจิ วัฒได้ตามปรกตคิ รับและน่ีคือลาดับ
เหตุการณ์ ของการฟื้นฟดู ้วยK5-1ครบมอื้ ตรงเวลา มีวนิ ัย ในตัวเองครับผม

ว่ากันด้วยมะเร็ง...

สาเหตุสาคัญท่กี ่อให้โรคมะเร็ง คือ

ปรกติแล้วร่างกายต้องผลดั เซลล์เนือ้ เย่ือท่วั ทงั้ ร่างกายเปล่ยี นทงิ้ ทุกวันหาก
เซลล์ท่อี ยู่ภายนอกร่างกายเราจะเรียกว่า ขไี้ คล แต่หากเป็ นเซลล์ท่อี ยู่ภายใน
ร่างกายจะเรียกว่า อนุมูลอสิ ระ ร่างกายต้องใช้เอนไซม์ท่ผี ลิตขนึ้ เองมาย่อย
ซากเซลล์เนือ้ เย่ือ ท่รี ่างกายพลัดทงิ้ แล้วให้ขนาดเลก็ ลงเป็ นโมเลกุลเด่ียวเพ่อื
ดูดซมึ เข้าส่รู ะบบเลือด นาไปขจัดทงิ้ ทาง เหง่อื ปัสสาวะ อุจจาระได้ แต่
เน่ืองจากรูปแบบการใช้ชีวติ และพฤตกิ รรมในการใช้ชวี ิตประจาวันของ
มนุษย์ ผลาญเอนไซม์อย่างไม่สมควรอย่างมากมาย เช่นการเคยี้ วอาหารไม่
ละเอียด การรับประทานอาหารมันมาก หวานมาก เคม็ มาก ซา้ ซากบ่อยๆ
หรือการด่ืมแอลกอฮอล์เป็ นประจา

กิจกรรมเหล่านีส้ ่งผลให้ร่ างกายต้องระดมเอนไซม์มาใช้สิน้ เปลืองโดยไม่
จาเป็ น ร่างกายจึงมีเอนไซม์ไม่พอท่ีจะขจัดเศษซากเซลล์ทิง้ ให้หมดไปใน
เวลาท่เี หมาะสม จึงทาให้มกี องซากเซลล์ซ่ึงโมเลกุลใหญ่ตกค้างอยู่ท่วั ไป เชือ้
มะเร็งทีมีอยู่ในร่างกายตลอดเวลา แต่ไม่สามารถทาอันตรายใดๆ แก่เซลล์
ภายในร่างกายได้ เน่ืองจากเซลล์เนือ้ เย่อื ทกุ ๆเซลล์มีภูมคิ ุ้มกนั อยู่ แต่เม่ือเชือ้
มะเร็งไปพบเจอกองซากขยะเซลล์ ก็เข้าไปกินเป็ นอาหาร แล้วถ่ายออกมา
เป็ นกรด กรดก็จะทาลายเซลล์เนือ้ เย่ือท่ีดีให้เสียได้ แล้วก็กลายเป็ นอาหาร
ของมะเร็งต่อไป เชือ้ มะเร็งจะฝั งตัวอยู่ในกล้ามเนือ้ ซ่ึงยังไม่มีเวชภัณฑ์ชนิด
ใดกาจัดเชือ้ มะเร็งในกล้ามเนือ้ ได้ จึงต้องผ่าตัด ฉายแสง(รังสีบาบัด) คีโม
(เคมีบาบัด) แต่ผลคือ 97 % ของผู้ป่ วยเสียชีวิตในเวลาไม่เกิน 3-5 ปี ( จาก
สถติ ิของกระทรวงสาธารณะสุข )

การใช้ เอนไซม์บาบดั

คอื การต่อสู้กับโรคมะเร็งท่ดี ีท่สี ุด ด้วยการเสริมเอนไซม์ให้ร่างกายมปี ริมาณ
มากพอ ร่างกายกจ็ ะสามารถย่อยสลายเศษซากขยะเซลล์ให้กลายเป็ น
โมเลกุลเด่ยี ว ดูดซมึ และขจดั ทงิ้ ได้หมด จึงทาให้มะเร็งขาดอาหารท่จี ะกนิ
หยุดการเจริญเตบิ โตแพร่ขยายจานวน เม่อื ร่างกายมีเอนไซม์มากพอและ
เหมาะสมกระบวนการสร้างภูมคิ ุ้มกนั ก็จะเข้มแข็งขนึ้ และมปี ริมาณมาก
พอท่จี ะโจมตี ขจัดเชอื้ มะเร็งท่มี ีทกุ แห่งหนในร่างกายให้หมดไปได้โดยง่าย ไม่
ต้องผ่าตัด รังสบี าบัด หรือเคมบี าบัด ไร้ผลข้างเคยี ง โดยเฉพาะอย่างย่ิงใน
เอนไซม์ ได้มีการเสริม เกลือเมททาลีน เกลือเหล็ก และเกลือสังกะสี ซ่งึ
สามารถเสริมการต่อต้าน และฆ่าเชอื้ โรคได้เป็ นอย่างดี

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร K5-1 และ K5 Capsule
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ท่ีใช้เอนไซม์เป็ นส่วนประกอบ และเป็ นสารสาคัญ
หลัก ท่ีจะช่วยสนับสนุนให้ร่างกายได้ปรับระบบพยาธิสภาพ ภายในร่างกาย
ทุกระบบให้สมดุล และทางานได้เป็ นปรกติ ไปตามกระบวนการท่ีสมควรจะ
เป็ น มีส่วนช่วยสนับสนุนระบบการย่อยอาหารให้สามารถแยกสารอาหาร
ออกจากอาหาร ให้ได้ มากท่ีสุด และยังช่วยย่อยสลายขจัดสารอาหาร
ส่วนเกิน เช่น นา้ ตาล ไขมัน โปรตีน เกลือ ของเสีย ท่ีเป็ นส่วนเกิน ปะปนอยู่
ในระบบเลือด อันเป็ นสาเหตุ ทาให้ร่างกายเสียสมดุล และก่อให้เกิดอาการ
เจบ็ ป่ วย และยังช่วยให้ร่างกายเกิดกระบวนการปรับสมดุล เพ่ือซ่อมแซม-
ซ่อมสร้ าง เสริมสร้ าง เพ่ิมเติมส่วนท่ีร่ างกายบกพร่ องอยู่ ภูมิคุ้มกันของ
ร่างกายจะสมบรู ณ์แขง็ แรงสามารถต่อต้านและขจัดโรคภัย ไข้เจ็บได้เกือบทุก
โรค