The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Product K5, 2022-06-14 00:58:52

update เอนไซม์คืออะไร

14-5-2565

ENZYME

เอนไซม์คืออะไร มีประโยชน์

และจำเป็ นต่อสุขภาพอย่างไร

เอนไซม์ คืออะไร
เอนไซม์ คือโปรตีนชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ผลิตขึ้นมาใช้
เองได้ เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในทุกๆปฏิกิริยาทางเคมีทุกชนิด ที่เกิดขึ้นใน
ร่างกาย มีความสำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพของมนุษย์เท่าเทียมกับออกซิเจน กล่าว

ได้ว่า “ไม่มีเอนไซม์ ไม่มีชีวิต”

เอนไซม์ มีจำแนกตามคุณสมบัติได้ 2 ชนิดสำคัญดังนี้

Digestive enzyme (ไดเจสทีป เอนไซม์) คือเอนไซม์มีหน้าที่ย่อยอาหาร ที่เรารับประทาน ให้ละเอียดจนมีขนาด
เล็กลงขนาดเท่าโมเลกุลเดี่ยว เพื่อแยกเอาสารอาหารออกจากอาหาร แล้วดูดซึมนำไปเก็บไว้ที่ตับ หรือนำไปใช้ประโยชน์ใน
การเปลี่ยนเป็นโมเลกุลในรูปแบบอื่นๆได้ ตามที่ร่างกายต้องการ

2

คือเอนไซม์ที่ร่างกายใช้ METABOLIC ENZYME
เปลี่ยนสารอาหารที่ได้จาก
ระบบเลือด ให้เปลี่ยนรูป (เมทตาโบริก เอนไซม์)
เป็นโมเลกุลชนิดที่ร่างกาย
ต้องการใช้ เช่นเปลี่ยนเป็น
เนื้อเยื่อผิวหนัง เป็นเนื้อเยื่อ
ดวงตา เป็นกระดูก เป็น
เส้นผม เป็นภูมิคุ้มกัน ฯลฯ

เอนไซม์หน้าที่สำคัญหลักๆดังต่อไปนี้

เอนไซม์จะช่วยให้ร่างกายควบคุมระบบพยาธิสภาพ ภายในร่างกายทุกระบบให้
เกิดสมดุล เพิ่มประสิทธิภาพระบบการทำงานของอวัยวะทุกส่วนให้ทำงานได้เป็น
ไปตามปรกติของกระบวนการที่สมควรต้องเป็นตามธรรมชาติ เพื่อทำให้สุขภาพ
สมบูรณ์แข็งแรง อย่างที่ควรจะต้องเป็น

เอนไซม์ช่วยในการเสริมสร้าง ซ่อมแซม ซ่อมสร้าง เสริมสร้าง อวัยวะของร่างกายให้มี
ประสิทธิภาพสมบูรณ์ขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้

- การซ่อมสร้าง เสริมสร้าง มวลกระดูกของผู้สูงอายุที่มีปัญหา โรคกระดูกพรุน ให้กลับ
มามีมวลกระดูกที่แข็งแรง ซึ่งเป็นปัญหาในกลุ่มผู้สูงอายุอยู่ในขณะนี้

- การเสริมสร้างควบคุม ปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดง - ขาว ให้มีปริมาณที่เหมาะสม
สมดุลให้เป็นปรกติ คือมีจำนวนเม็ดเลือดแดงระหว่าง 45,000-450,000 โมเลกุล/
เดซิลิตร เพื่อป้องกัน หรือแก้ปัญหาให้ผู้ป่วย โรคเลือดทุกชนิด

- การสร้างเสริม-ซ่อมเซลล์เนื้อเยื่อสมอง เพื่อป้องกัน หรือแก้ไขอาการป่วยให้ ผู้ป่วยโรค
แอลไซเมอ อัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง ให้สามารถฟื้ นตัวกลับมาเป็นปรกติได้
เป็นต้น

ร่างกายใช้เอนไซม์ ในการควบคุมสารอาหาร ในร่างกายให้มีปริมาณเหมาะสม
หากมีสารอาหารส่วนที่เกินความต้องการของร่างกาย เช่น น้ำตาล ไขมัน โปรตีน เกลือ และหรือของเสีย ที่เกาะติดตาม
ผนังหลอดเลือด หรืออวัยวะสำคัญอื่นๆเช่น หัวใจ ปอด ตับ ม้าม ฯลฯ หรือแขวนลอยปะปนอยู่ในระบบเลือด สารอาหาร
เหล่านี้ปรกติแล้วจะเป็นโมเลกุลใหญ่ก่อนจะนำไปใช้ประโยชน์ หรือขจัดออกจากระบบเลือดต้องใช้เอนไซม์ย่อยให้เป็น
โมเลกุลเดี่ยวเสียก่อน กรณีมีมากเกินความต้องการ แต่ยังไม่ถูกย่อยจะขจัดออกจากร่างกายไม่ได้ สารอาหารส่วนเกิน
เหล่านี้ คือต้นเหตุของโรค ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ ไตเสื่อม ฯลฯฉนั้นหากร่างกายได้รับเอนไซม์ ที่มากพอ
ร่างกายจะย่อยสลายจัดการกับสารอาหารส่วนเกินเหล่านี้ได้ ป้องกันไม่ให้ป่วยจากโรคดังกล่าว และหรือหากป่วยด้วยโรค
ดังกล่าวแล้ว การรักษาที่ดีที่สุดคือการให้เอนไซม์เสริมให้เพียงพอ ร่างกายจะจัดการกับทุกๆปัญหาได้หมด ช่วยให้ผู้ป่วย
หายป่วยจากโรคดังกล่าวได้ โดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆเลย

ร่างกายมีกระบวนการกำจัดเศษซากเซลล์เนื้อเยื่อ ภายในร่างกายที่หมดอายุแล้ว (อนุมูลอิสระ)เป็นของเสียซึ่ง
เป็นโมเลกุลใหญ่ การขจัดออกจากร่างกายร่างกายจำเป็นต้องใช้เอนไซม์มาย่อยให้กลายเป็นโมเลกุลเดี่ยวเสียก่อน
ร่างกายถึงจะสามารถดูดซึม ขับออกทางเหงื่อ ปัสสาวะ อุจจาระได้ ของเสียเหล่านี้คืออาหารของเชื้อมะเร็ง ฉนั้นการที่
ร่างกายมีเอนไซม์มากพอจะสามารถ ป้องกัน หรือรักษาโรคมะเร็งได้

เอนไซม์ยังช่วยให้การซ่อมแซม-เสริมสร้างอวัยวะของร่างกายให้มีประสิทธิภาพ

สมบูรณ์ขึ้น ดังตัวอย่างต่อไปนี้

การเสริมสร้างปรับสมดุลของปริมาณ
การซ่อมสร้างมวลกระดูกของผู้สูง การซ่อมสร้าง-เสริมเซลล์เนื้อเยื่อ
อายุที่มีปัญหา โรคกระดูกพรุน ให้ เซลล์เม็ดเลือดแดง-ขาว ให้มีปริมาณ
ที่เหมาะสมเป็นปรกต
ิ เพื่อแก้ปัญหา สมองให้ ผู้ป่วยโรคแอลไซเมอร์
กลับมามีมวลกระดูกที่แข็งแรง ให้ผู้ป่วย โรคเลือดทุกชนิด
อัมพฤกษ์ อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง

สามารถฟื้ นตัวกลับมาเป็นปรกติได้

123

ซ่อมแซมกระดูกพรุน เซลล์เม็ดเลือดแดง - ขาว เซลล์เนื้อเยื่อสมอง

กระบวนการดังกล่าวมานี้ เป็นกระบวนการ
ทางธรรมชาติที่ดีที่สุด เพราะร่างกายจะ
จัดการกับทุกๆปัญหาด้วยระบบของร่างกาย
เอง หากร่างกายมีเอนไซม์ปริมาณเพียงพอ
ร่างกายจะสามารถฟื้ นฟูสุขภาพ จากความ
เจ็บป่วยได้โดยไม่ต้องพึ่งยารักษาโรคเลย
ดังตัวอย่าง เช่นในสมัยดึกดำบรรพ์ มนุษย์
ได้เอนไซม์จากพืช ผัก อาหารดิบๆอย่าง
เพียงพอ และมนุษย์ออกกำลังกายอย่างมาก
ในการดำเนินชีวิตประจำวัน สารอาหารที่รับ
ประทานในทุกๆวันก็จะได้ใช้หมด อวัยวะเกือบ
ทุกส่วนได้ใช้งานเต็มที่ มนุษย์ก็อยู่ได้โดยมี
ปัญหาสุขภาพน้อยมาก

จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่า เ อ น ไ ซ ม์ มี ค ว า ม จำ เ ป็ น ต่ อ
สุ ข ภ า พ ข อ ง ม นุ ษ ย์ เ ท่ า ๆ กั บ อ อ ก ซิเ จ น
จากการสำรวจ ทำการวิจัยพบว่าการ
เ จ็ บ ป่ ว ย ข อ ง ร่ า ง ก า ย ส่ ว น ใ ห ญ่ ที่ เ กิ ด จ า ก
โรคที่ไม่มีเชื้อโรคเป็นต้นเหตุ เป็นเพราะ
ร่ า ง ก า ย มี เ อ น ไ ซ ม์ ไ ม่ เ พี ย ง พ อ ต่ อ ค ว า ม
ต้องการ ส่งผลให้ระบบพยาธิสภาพ
ขาดสมดุล ก่อให้เกิดเจ็บป่วยได้โดยง่าย
โดยเฉพาะ เช่น โรคเบาหวาน ความดัน
ไตเสื่ อมสภาพ ภูมิแพ้ กระดูกเสื่ อม ฯลฯ
ซึ่งเรียกว่า “ โรคประจำตัว ” โรคเหล่า
นี้ โดยปรกติเมื่อเป็นแล้วจะรักษาไม่ได้
ฉนั้นการฟื้ นฟูสุขภาพที่ได้ผลดีที่สุดคือ
การเสริมเอนไซม์ให้ร่างกาย ให้เพียง
พ อ ต่ อ ค ว า ม ต้ อ ง ก า ร ที่ จำ เ ป็ น ใ ช้ร่ า ง ก า ย
จะแก้ปัญหาได้เกือบทุกปัญหา ไร้ผล
ข้างเคียงใดๆทั้งสิ้น

Russia การคิดค้นสร้างนวัตกรรมเพื่อการแก้
ปัญหาสุขภาพ ด้วยการสกัดเอนไซม์จาก
ธรรมชาติ



โดยความร่วมมือกันคิดค้น ระหว่าง
นักวิทยาศาสตร์ ชาวไทย-ญี่ปุ่น-รัสเซีย ร่วม
กันสรรค์สร้างนวัตกรรม ด้วยการหาแหล่ง
ที่มาของเอนไซม์เสริม ที่ต้องได้จากธรรมชาติ
และต้องมีความเสถียร คงทนอยู่ได้ในสิ่ง
แวดล้อมธรรมชาติปรกติสามารถนำไปใช้
ประโยชน์ได้จริง โดยแบ่งความรับผิดชอบ
ดังนี้

Thai Japan

นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น เพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ Protease / โปรติเอส
แลคโตบาซิลลัสในน้ำนม แล้วสกัดเอา คือเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติใช้ย่อย
เอนไซม์จากจุลินทรีย์ ให้ได้เอนไซม์ ที่มี
ประโยชน์ และจำเป็นต่อสุขภาพของมนุษย์ โปรตีน 15%
5 ชนิด กล่าวคือ
Cellulase / เซลลูเลส
Lipase / ไลเปส คือเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติใช้ย่อย
คือเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติใช้ย่อย
เส้นใยพืช 15%
ไขมัน 35%
Urenase / ยูรีเนส
Amylase / อะมายเลส คือเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติใช้ย่อย
คือเอนไซม์ที่มีคุณสมบัติใช้ย่อย
เกลือ 15%
แป้งและน้ำตาล 20%

นักวิทยาศาสตร์รัสเซีย ใช้เทคโนโลยีเคมีฟิสิกส์ชั้นสูงที่ใช้
ผลิตอาหารสำหรับนักบินอวกาศ บรรจุเอนไซม์ไว้ในโพรง
โมเลกุลของ NANO ACTIVATED CARBON เพื่อให้

เอนไซม์มีความเสถียร คงทนต่อความร้อน สภาวะ กรด
ด่าง สภาพแวดล้อมปรกติได้ และที่สำคัญที่สุด NANO
ACTIVATED CARBON มีขนาดเล็กเป็นโมเลกุลเดี่ยว มี

ขนาดเล็กเท่ากับโมเลกุลสารอาหารที่ถูกย่อยแล้ว ฉะนั้น
เมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้ว ร่างกายจะสามารถ
ดูดซึมนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด เพราะ CARBON เป็น
องค์ประกอบส่วนหนึ่งของเซลส์ ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
กรณีเกินความต้องการร่างกายก็สามารถขับทิ้งออกมา
ทางอุจจาระ ปัสสาวะ เหงื่อได้ ไม่ตกค้าง ไม่ก่อให้เกิดพิษ

ใดๆต่อร่างกายเลย ส่วนข้อวิตกกังวลเรื่องจะเป็น
พิษนั้นเป็นเฉพาะ CARBON ชนิดโมเลกุลใหญ่
เท่านั้น

Methylene salt Zinc salt นักวิทยาศาสตร์ไทย ผสมเพิ่มเติม
เมททารีนซอล ซิงค์ซอล และไอออน
เมททารีนซอลล์ ซิงค์ซอลล์ ซอลในปริมาณที่เหมาะสมซึ่งมีฤทธิ์ใน
การฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสได้อย่าง
Iron salt รวดเร็ว ช่วยเสริมประสิทธิภาพให้แก่
ระบบภูมิคุ้มกันโรค เพื่อช่วยต่อต้าน
ไอออนซอลล์ และกำจัดเชื้อโรคให้กับร่างกาย อัน
เป็นฯ เทคโนโลยีและลิขสิทธิ์เฉพาะขอ
งบริษัทฯ ก่อให้เกิดเอนไซม์สังเคราะห์
ที่มีประสิทธิ์ภาพสูง ใช้ฟื้ นฟูสุขภาพได้
อย่างดี ช่วยร่างกายแก้ปัญหาโรคได้
อย่างกว้างขวาง ในขณะนี้

ประโยชน์ของการรับประทาน เอนไซม์เสริม

เพื่อเสริมประสิทธิภาพระบบพยาธิสภาพ ของร่างกายให้ทำงานได้
เป็นไปอย่างปรกติสมบูรณ์ สมดุลอย่างที่ควรจะต้องเป็นไปตาม
ปรกติเมื่อร่างกายได้รับเอนไซม์เพียงพอต่อความต้องการ จะทำให้
ระบบทุกๆระบบของร่างกายเกิดสมดุลเป็นปรกติ ร่างกายจะจัดการ
กับทุกๆปัญหาด้วยระบบร่างกายเอง แก้ไขความบกพร่องหรือ
อาการเจ็บป่วยทั้งหลาย ด้วยกระบวนและวิธีการที่
เป็นธรรมชาติ ได้ผลดีเป็นอย่างมาก ไร้ผลข้างเคียง

จากประสบการณ์ระยะเวลาเกิน 20 ปี

ด้วยการใช้เอนไซม์เสริม ฟื้ นฟูสุขภาพผู้ป่วย

จากโรคที่ยากต่อการรักษาได้ เช่น ความดัน
โลหิต สูง-ต่ำ เบาหวาน ไตเสื่อม ไตวาย ถุงลม
โป่งพอง โรคเลือด ภูมิแพ้ เนื้องอกในเต้านม-

เนื้องอกในมดลูก มะเร็งฯลฯ โดยให้เอนไซม์

เสริมแก่ผู้ป่วย และใช้หลักโภชนาบำบัดควบคู่

กัน สามารถช่วยเหลือ ฟื้ นฟูสุขภาพผู้ป่วยให้

กลับมามีสุขภาพเป็นปรกติได้ โดยไม่มีผลข้าง

เคียงเลย ซึ่งมีประวัติการเจ็บป่วยและการ

ฟื้ นฟูที่สำเร็จแล้วทั้งหมด มีหลักฐานอยู่ในโรง
พยาบาลทั้งสิ้น

ตัวอย่าง โรค-อาการ
เจ็บป่วย ที่ให้เอนไซม์
เสริมแล้ว สามารถ
ช่วยให้ร่างกายฟื้ นฟูให้
กลับเป็นปรกติได้

โ ร ค ค ว า ม ดั น โ ล หิ ต สู ง

เกิดจากมีไขมันในระบบเลือดแข็งตัวเกาะพอกติดที่ผนังหลอดเลือด ทับถมหนามากจนเป็นเหตุให้หลอดเลือดตีบเล็กลง
กว่าปรกติ ส่งผลให้หัวใจต้องปั๊ มเลือดแรงขึ้น ถี่ขึ้น กว่าปรกติ เพื่ อผลักดันให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้ ในอัตรา
การไหลเวียนที่สมควรจะต้องเป็น ส่งผลให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจโต ฯลฯ ซึ่งยังไม่มีวิทยาการหรือ
เวชศาสตร์แผนใดเลย ที่จะรักษาให้หายขาดได้ กระบวนการรักษาในปัจจุ บัน เป็นเพียงให้รับประทาน ยาควบคุมความดัน
ยาละลายไขมัน ยาละลายลิ่มเลือดซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารเคมีที่ทำให้เลือดมีฤทธิ์เป็นด่าง เพื่ อละลายไขมันที่เกาะพอกติด
ตีบตันหลอดเลือดอยู่นั้นให้กลายสภาพเป็นของเหลว สามารถไหลเวียนปนไปกับเลือดได้ ทำให้เลือดสามารถไหลเวียนได้
ดีขึ้น แต่มวลไขมันนั้นยังคงอยู่ในระบบเลือดเหมือนเดิมไม่ได้ถูกกำจัดให้ลดลงเลย ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องรับประทานยาทุก
วัน หยุดไม่ได้ หากลืมรับประทานยาหรือหยุดรับประทานจะมีโอกาสทำให้ไขมันที่เหลวนั้นคืนสภาพแล้วแข็งตัว เกาะพอก
ติดผนังหลอดเลือดได้ทุกเวลา และหาก ไปตีบตันที่หลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจ อาจส่งผลทำให้ เป็น
อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้

กระบวนการรักษาในปัจจุบันเป็นเพียงให้รับประทาน ยาควบคุมความดัน
ยาละลายไขมัน ยาละลายลิ่มเลือด ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสารเคมีที่ทำให้เลือด
มีฤทธิ์เป็นด่าง เพื่อไปทำให้ไขมันที่เกาะพอกติดตีบตันหลอดเลือดอยู่นั้น
ให้ละลายกลายสภาพเป็นของเหลว สามารถไหลเวียนปนไปกับเลือดได้ ทำให้
เลือดสามารถไหลเวียนได้ดีขึ้น แต่มวลไขมันนั้นยังคงอยู่ในระบบเลือด
เหมือนเดิมไม่ได้ถูกกำจัดให้ลดลงเลย ผู้ป่วยจำเป็นจะต้องรับประทานยาทุกวัน หยุดไม่ได้
หากลืมรับประทานยาหรือหยุดรับประทาน จะมีโอกาสทำให้ไขมันที่เหลวนั้นคืนสภาพแล้วแข็ง
ตัว เกาะพอกติดผนังหลอดเลือดได้ทุกเวลา และหากย้ายที่เกาะพอกตีบตัน-อุดตัน
ไปตีบตันที่หลอดเลือดสมอง หรือหลอดเลือดหัวใจ อาจเป็นอันตรายส่งผลทำให้

เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต หรือเสียชีวิตได้

เอนไซม์จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องความดันโลหิตสูงได้อย่างไร




เพื่อแก้ปัญหาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการให้เอนไซม์ไลเปสเสริมให้แก่ร่างกาย ซึ่งเป็น
เอนไซม์ที่มีคุณสมบัติใช้ย่อยสลายโมเลกุลของไขมันให้กลายเป็นโมเลกุลเดี่ยว ซึ่งจะกลาย
สภาพเป็นสารอาหารที่ร่างกายนำไปใช้ประโยชน์ได้ โดยไขมันที่ถูกย่อยสลายแล้วนั้นจะไม่
รวมตัวคืนรูปเป็นไขมัน เกาะติดทำให้เกิดการตีบตัน หลอดเลือด หรืออวัยวะอื่นใดได้อีก ฉ
นั้นเพื่อป้องกันและรักษาโรคความดันโลหิตสูงให้หายขาดได้ จึงต้องให้ร่างกายได้รับเอน
ไซม์ไลเปสเสริมให้มากพอ ร่างกายก็จะสามารถขจัดไขมันส่วนเกินความต้องการทั้งในระบบ
เลือดและในอวัยวะอื่นๆเช่น หัวใจ ตับ ฯลฯ ได้เพราะฉนั้นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และ
หรือโรคอื่นใดที่เกิดจากไขมันจะหมดปัญหา ด้วยการเสริมเอนไซม์ไลเปสให้แก่ร่าง ได้ผล
ชัดเจน ในกรอบเวลาที่จำกัดชัดเจนปรกติแล้วจะใช้เวลา ระหว่าง 6 -12 เดือนจะสามารถลด
ความดันให้กลับมาเป็นปรกติได้ ไม่จำเป็นจะต้องรับประทานตลอดชีวิต

โรคเบาหวาน



คือโรคที่เกิดจาก ปรกติแล้ว ร่างกายต้องใช้“อินซูลิน” ซึ่งผลิตได้จากตับอ่อนย่อย

สลายโมเลกุลน้ำตาลในเลือดให้เป็นสารอาหารโมเลกุลเดี่ยว เพื่อร่างกายสามารถดูดซึมเอาไปใช้ประโยชน์
หรือขจัดทิ้งได้ ผู้ป่วยบริโภคของน้ำตาลในปริมานมากๆ “อินซูลิน” มีไม่เพียงพอ จึงส่งผลให้มีน้ำตาล
โมเลกุลใหญ่สะสมปนอยู่ในพลาสม่า(น้ำเหลือง) เกินกว่า 100 mg/ เดซิลิตร หวานเกินปรกติ(ค่าน้ำตาล
แปรผัน) จะทำให้เลือดมีความข้นหนืดไหลเวียนได้ช้าหากน้ำตาลนี้สูงมากจนข้นหนืดมากเกินไป จะก่อให้ผู้
ป่วยเกิดอาการช็อคได้ และหากมีน้ำตาลในน้ำเหลือง(พลาสม่า)เกินปรกตินานจะ ส่งผลให้น้ำตาล
แทรกซึมเข้าไปอยู่ในโมเลกุลของเม็ดเลือดแดง(ค่าน้ำตาลสะสม) ทำให้ประสิทธิภาพของเม็ดเลือดแดงใน

การขนถ่ายสารอาหาร ออกซิเจน ภูมิคุ้มกัน ที่จะส่งไปยังเซลล์ทั่วร่างกายด้อยประสิทธิภาพลง เซลล์ทั่ว

ร่างกายจะไม่ได้รับสารอาหาร ออกซิเจน และภูมิคุ้มกันจากเม็ดเลือดแดงอย่างเพียงพอ จึงไม่สามารถ

ซ่อมแซม ซ่อมสร้าง อวัยวะของร่างกาย อย่างที่จำเป็นได้ เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง ผู้ป่วย

สุขภาพโดยรวมจะอ่อนแอลงทั้งระบบ ด้อยประสิทธิภาพ สุขภาพอ่อนแอ ก่อให้เกิดโรคอื่นติดตามมาอย่าง

มากมาย มีอันตรายถึงพิการ หรือเสียชีวิตได้

ส่งผลให้น้ำตาลแทรกซึมเข้าไปอยู่ในโมเลกุลของเม็ดเลือดแดง(ค่าน้ำตาลสะสม)

ทำให้ประสิทธิภาพของเม็ดเลือดแดงในการขนถ่ายสารอาหาร ออกซิเจน ภูมิคุ้มกัน ที่
จะส่งไปยังเซลล์ทั่วร่างกายด้อยประสิทธิภาพลง เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากเซลทั่วร่างกายจะไม่ได้รับสารอาหาร ออกซิเจน และภูมิคุ้มกันจากเม็ดเลือด
แดงอย่างเพียงพอจึงไม่สามารถซ่อมแซม ซ่อมสร้าง อวัยวะของร่างกาย อย่างที่
จำเป็นได้ ผู้ป่วยสุขภาพจะอ่อนแอด้อยประสิทธิภาพลงทั้งระบบ สุขภาพโดยรวม
อ่อนแอลง ก่อให้เกิดโรคติดตามมาอย่างมากมาย อันตรายถึงพิการ หรือเสียชีวิตได้

กระบวนการรักษาเบาหวานในปัจจุบัน




เวชภัณฑ์หรือเวชศาสตร์ ชนิดที่ใช้ในปัจจุบันคือการใช้ อินซูลินเทียม ให้ผู้ป่วยรับ
ประทานหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพื่อขจัดน้ำตาลแปรผัน(คือน้ำตาลในน้ำเหลืองที่แปรผัน
ขึ้นลงตามอาหารที่รับประทานในแต่ละวัน)ไม่ให้เพิ่มปริมาณมากขึ้นจนถึงขนาดแทรกตัว
เข้าไปสะสมเพิ่มเติมจนกลายเป็นน้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดแดง(HbA1c)ได้เท่านั้น ยัง
ไม่มีเวชภัณฑ์ชนิดใดเลย ที่สามารถขจัดน้ำตาลสะสม(HbA1c) ที่เป็นตัวการสำคัญ

สร้างปัญหาต่อสุขภาพให้แก่ผู้เป็นเบาหวานที่สำคัญที่สุด คือ ยาเม็ด ยาฉีดเพื่อควบคุม
น้ำตาลแปรผัน นั้น หากรับประทาน-ฉีด ต่อเนื่องนานๆ จะทำให้เกิดภาวะไตเสื่อม หรือไต

วายได้

เอนไซม์ ช่วยให้ร่างกายแก้ปัญหาเรื่องเบาหวานอย่างไร



การให้เอนไซม์อะไมเลส เสริม ร่างกายจะนำไปใช้ย่อยสลายโมเลกุล

น้ำตาลสะสมในเม็ดเลือดแดงให้กลายเป็น น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว

ร่างกายจะสามารถนำไปใช้เป็นพลังงาน หรือกำจัดทิ้งได้โดยง่าย ใน
กระบวนนี้เป็นกระบวนการธรรมชาติ ที่สนับสนุนให้ร่างกายดำเนิน

การเองอย่างที่ควรจะเป็นอย่างแท้จริง ไม่มีผลข้างเคียงใดๆเลย

หากผู้ป่วย มีวินัย รับประทานตรงเวลา ครบปริมาณ ครบมื้อ ดื่มน้ำ
เยอะๆ จะใช้เวลาไม่นาน 3-6 เดือน ร่างกายจะขจัด น้ำตาลสะสมใน

เม็ดเลือดแดง ส่วนเกินให้กลับไปสู่โดยค่ามาตรฐาน ที่เป็นปรกติ
คือ 4.5-6% ได้อย่างแน่นอนหากสภาพของตับอ่อนของผู้ป่วยไม่

เสียหายมากจนเกินไป อาการเบาหวานของผู้ป่วยจะหายขาดได้หรือ

หากไม่หายขาดผู้ป่วยก็จะสามารถใช้ชีวิตได้เป็นปรกติอย่างที่ควรจะ

เป็นได้ กระบวนการดังกล่าวมาแล้วนี้ เอนไซม์อามายเรส สามารถ

ช่วยให้ผู้ป่วยที่น้ำตาลขึ้นตา จนตาพล่ามัว จนเกือบตาบอด หรือ ผู้

ป่วยวิกฤตที่มีแผลที่เท้ารักษาไม่หายจนมีสภาพเน่า ดำ ให้ฟื้ นตัว
กลับมาเป็นปรกติ(หาย)ได้ ไม่จำเป็นต้องตัดขาทิ้ง

โรคไต ไตเสื่ อม ไตวาย



เกิดจากตะกอนของเสียที่ตกค้างสะสมอยู่ในไต ระหว่างวัน แล้วผู้ป่วยมีภาวะโปรตีนรั่วใน
ระบบเลือด และหรือมีตะกอนยาเม็ด ที่มีส่วนผสมของโพลีเมอร์ในการให้คงรูปผงยาให้
เป็นเม็ดยา มาสะสมรวมกับตะกอน ทำให้ตะกอนจับตัวกันเป็นผลึกแข็งจนไม่สามารถขับ
ออกมาเป็นปัสสาวะได้ ผลึกแข็งนี้จะโตขึ้นเรื่ อยๆส่งผลให้พื้ นที่ในไตมีขนาดเล็กลง และ
ประสิทธิของไตในการฟอกขจัดของเสียออกจากเลือดลดลง(ไตเริ่มเสื่ อม) มีโอกาสติด
เชื้ อ อักเสบได้ ง่าย หรือขนาดพื้ นในไตลดลงจนต่ำกว่า 12%จากปรกติ จะเกิดภาวะไตวาย
ได้ ต้องฟอกเลือดด้วยไตเทียม แต่หากร่างกายได้รับเอนไซม์เสริมในปริมาณที่มากพอ
ร่างกายก็จะสามารถย่อยสลายผลึกแข็งดังกล่าวให้กลายเป็นโมเลกุลเดี่ยว ขับออกเป็น
ปัสสาวะได้ จนในที่สุดสภาพไตก็จะกลับสู่ภาวะปรกติได้
เหล่านี้คือบางส่วนของการเจ็บป่วย ที่สามารถใช้เอนไซม์บำบัดให้ร่างกาย
กลับมาสู้ภาวะปรกติได้ พอจะสรุปได้ว่าโรคประจำตัวเกือบทุกชนิดสามารถ
ฟื้ นฟู ให้ร่างกายกลับมาสู่ภาวะปรกติได้ “ใช้ธรรมชาติจัดการตามธรรมชาติ
เ ป็ น ป ร ก ติ ไ ด้ ไ ร้ ผ ล ข้ า ง เ คี ย ง ”


Click to View FlipBook Version