ม.2หน่วยกำรเรียนรทู้ ี่ 3
รำ่ งกำยมนุษย์
ว
จดั ทำโดย
นำงสำวไพจิตร อปุ โคตร
นักศึกษำฝึ กประสบกำรณ์วิชำชีพครู
สำขำวิทยำศำสตรท์ วั ่ ไปและเคมี คณะครศุ ำสตร์
มหำวิทยำลยั รำชภฏั อดุ รธำนี
แผนการจัดการเรียนรู้
วิชา วิทยาศาสตร์ 3
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปที ่ี 2 โรงเรยี นน้าสวยวิทยา
นางสาวไพจิตร อุปโคตร
รหสั นกั ศกึ ษา 62040112124
สาขาวิทยาศาสตรท์ ั่วไปและเคมี
การฝึกปฏบิ ัติการสอนในสถานศึกษา 1
รหสั วิชา ED18501 (INTRENSHIP IN SCHOOL 1)
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอดุ รธานี
ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
ก
คำนำ
แผนการจัดการเรยี นรู้ รายวิชาวทิ ยาศาสตรพ์ ืน้ ฐาน 3 รหัสวิชา ว22101 ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี2
ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565 จัดทาข้นึ เพ่ือกาหนดหรอื วางแผนเร่ืองท่ี จะสอนอยา่ งเป็นระบบให้สอดคล้อง
กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญให้ผู้เรียนได้เป็นผู้คิดและ
ปฏิบตั ดิ ้วยตนเองตามสภาพแวดล้อมและบริบทของโรงเรียน คิด ออกแบบ จัดหา จัดซ้ือ ส่ืออุปกรณ์ท่ีเหมาะ
กบั สาระการเรียนรู้ วัดและประเมินผลด้วยวิธีการท่ีหลากหลาย เหมาะสมกับจุดประสงค์ในการเรียนรู้และวัย
ของผูเ้ รยี นตาม ซึ่งประกอบดว้ ยหนว่ ยการเรียนรู้ จานวน 4 หน่วย ดังนี้
หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรือ่ ง ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 เร่อื ง สารละลาย
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรื่อง รา่ งกายมนษุ ย์
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เร่อื ง การเคลื่อนทแี่ ละแรง
แผนการจัดการเรยี นรู้ให้ประโยชน์หลายประการ นอกจากจะช่วยทาใหผ้ ู้สอนเกิดความมั่นใจ
ในการสอนและการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ยังมีส่วนช่วยในการวางแผนการจัดการเรียน
การสอนให้มีประสิทธิภาพ ซ่ึงการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ จะสะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของผู้เรียน เมื่อพบ
ข้อบกพร่องและปัญหาในการจัดการเรียนการสอนจากการเขียนบันทึกหลังการสอน ผู้สอนได้นาประเด็น
ปญั หาทพี่ บเจอมาปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องเหมาะสมกับผู้เรียนและสภาพห้องเรียนท่ีจัดการเรียนรู้ ซึ่งช่วยให้
การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากข้ึน อันจะส่งผลไปถึงศักยภาพการเรียนรู้ของผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม
เป้าหมายทางการเรยี นรู้
แผนการจัดการเรียนรู้ฉบับน้ี ประกอบไปด้วยตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ แกนกลาง
วิทยาศาสตร์ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 2 กลมุ่ สระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ คาอธบิ ายรายวิชา กาหนดการสอนวิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี
2 ภาคเรียนท่ี 1 การประเมินและการให้คะแนน รวมทั้งแผนการจัดการเรียนรู้ท้ังหมด 28 แผน สื่อ ใบงาน
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธิ์ท่ใี ช้ในการประเมินความรู้ ความสามารถของผู้เรียน วิธีการและเกณฑ์การประเมิน
การเรียนรู้ของผเู้ รยี น
ผ้สู อนขอขอบพระคุณผู้มสี ว่ นเกย่ี วขอ้ งทุกทา่ นท่ีให้คาแนะนา และเป็นท่ีปรึกษาในการจัดทา
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ีมปี ระโยชน์และมีคุณค่าต่อการจัดการเรียนการสอน อันจะเป็นประโยชน์สูงสุดต่อตัว
ผ้เู รียนไว้ ณ โอกาสนี้
ไพจติ ร อปุ โคตร
สารบญั ข
เรอื่ ง หนา้
คานา ก
สารบัญ ข
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 ร่างกายมนษุ ย์
1-13
แผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี 6 ระบบหมนุ เวียนเลอื ด 14-23
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 7 ระบบหายใจ 24-31
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 8 ระบบขบั ถ่าย 32-40
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 9 ระบบประสาท 41-50
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 10 ระบบสืบพนั ธุ์
1
แผนการจดั การเรียนรู้
รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา ว22101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ี่ 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง ร่างกายมนุษย์ เวลาเรยี น 15 ชว่ั โมง
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 6 เร่อื งระบบหมนุ เวยี นเลอื ด เวลาเรยี น 3 ชว่ั โมง
ครผู ้สู อน นางสาวไพจิตร อุปโคตร ตาแหน่ง นักศึกษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู โรงเรียนนา้ สวยวทิ ยา
อาเภอสระใคร จังหวัดหนองคาย
เป้าหมายการเรียนรู้
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชี้วัด
1.1 สาระท่ี 2
1.2 มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.2 วทิ ยาศาสตร์ชีวภาพ
1.3 ตวั ช้ีวัด / ผลการเรียนรู้
เขา้ ใจสมบัติของสิง่ มชี ีวติ หน่วยพน้ื ฐานของส่ิงมชี วี ติ การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์
ความสมั พันธข์ องโครงสรา้ งและหน้าท่ีของอวัยวะตา่ ง ๆ ของสตั ว์และมนุษย์ทท่ี างานสมั พนั ธ์กัน ความสัมพันธ์ของ
โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพชื ทที่ างานสัมพนั ธก์ ันรวมท้งั นาความร้ปใใช้ใระโยชน์
1.4 จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1.4.1 ด้านความรู้ (K)
1. บรรยายโครงสร้างและหน้าทข่ี องหวั ใจ หลอดเลือด และเลอื ด
2. อธิบายการทางานของระบบหมนุ เวียน เลอื ด โดยใช้แบบจาลอง
3. ออกแบบการทดลองและทดลอง ในการเใรียบเทยี บอัตราการเต้นของหัวใจขณะพกั และ
หลงั ทากจิ กรรม
4. ตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของระบบหมุนเวยี นเลือดโดยการบอกแนวทางในการดแ้ ลรกั ษาอวัยวะ
ในระบบหมนุ เวยี นเลอื ดให้ทางานเใน็ ใกติ
1.4.2 ดา้ นทกั ษะ (S) / ดา้ นกระบวนการ (P)
1) ทักษะการส่ือสาร 2) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ
2) ทักษะการแก้ใญั หา 4) ทักษะการทางานรว่ มกับผ้อน่ื
1.4.3 ด้านเจตคติ (A)
1) ตระหนกั ถงึ ใระโยชนข์ องความรเ้ รอ่ื งอวัยวะทเ่ี กยี่ วขอ้ งในระบบหายใจ
2) นกั เรียนมีการแสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผ้อืน่
3) นกั เรยี นมีความใฝ่รใ้ ฝ่เรยี นและมุ่งมั่นในการทางาน
4) นักเรียนมีความสามคั คีในการทางานร่วมกันเใน็ กลุ่ม
2
2. สาระสาคัญ
ร่างกายมนุษยม์ ีระบบอวยั วะต่าง ๆ หลายระบบทีท่ างานร่วมกนั เพื่อให้มชี วี ิตอยป่้ ด้ เชน่ ระบบหมุนเวยี น
เลอื ด ระบบหายใจ ระบบขับถ่าย ระบบใระสาท และระบบสืบพนั ธุ์ ระบบหมนุ เวียนเลือดของมนุษย์ใระกอบดว้ ยหัวใจ
หลอดเลือด และเลือด โดยเลอื ดทาหน้าที่ลาเลยี งสารอาหาร แกส๊ ของเสีย และสารอนื่ ๆ ปใยังอวยั วะต่าง ๆ ของ
รา่ งกาย เลอื ดจะถก้ ล าเลยี งปใยังส่วนตา่ ง ๆ ของรา่ งกายปดโ้ ดยการ ทางานของหัวใจ ซึง่ ท าหนา้ ที่สบ้ ฉดี เลอื ดปใทั่ว
ร่างกายโดยการบบี และคลายตวั เใ็นจังหวะ เพอ่ื นาเลือดท่ีมแี กส๊ คาร์บอนปดออกปซดป์ ใยังใอด เกดิ การแลกเใลยี่ นแก๊ส
ท่ีใอด เลือดท่ีมีใริมาณแก๊สออกซเิ จนส้งจากใอดจะเขา้ สห่้ ัวใจอกี ครง้ั กอ่ นสบ้ ฉีดปใเลย้ี งสว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย ใน
การวดั อัตราการเต้นของหัวใจวดั ปดจ้ ากการจับชีพจร โดยอตั ราการเต้น ของหวั ใจขณะพักและหลังทากิจกรรมจะ
แตกต่างกนั ขณะท่ีหัวใจบบี และคลายตัวจะท าให้เกดิ การเใลี่ยนแใลงความดัน เลอื ด จึงวัดความดันเลือดเใ็นค่าความ
ดนั 2 ค่า
3. สาระการเรียนรู้
3.1 สาระการเรียนรู้แกนกลาง
• ระบบหมุนเวยี นเลอื ดใระกอบดว้ ยหวั ใจ หลอดเลือด และ เลือด
• หวั ใจของมนุษย์แบ่งเใ็น 4 ห้อง ปด้แก่ หัวใจห้องบน 2 ห้อง และห้องล่าง 2 ห้อง ระหว่างหัวใจห้องบน
และหวั ใจ หอ้ งล่างมลี ้นิ หัวใจก้นั
• หลอดเลือด แบ่งเใน็ หลอดเลอื ดอาร์เตอรี หลอดเลือดเวน หลอดเลือดฝอย ซึ่งมโี ครงสร้างต่างกนั
• เลือด ใระกอบดว้ ย เซลลเ์ ม็ดเลือด เพลตเลต และพลาสมา
• การบบี และคลายตัวของหวั ใจทาให้เลอื ดหมุนเวียนและ ลาเลียงสารอาหาร แก๊ส ของเสีย และสารอ่ืน ๆ
ปใยงั อวยั วะและเซลลต์ ่าง ๆ ท่วั รา่ งกาย
• เลือดที่มีใริมาณแก๊สออกซิเจนส้งจะออกจากหัวใจปใยังเซลล์ ต่าง ๆ ท่ัวร่างกาย ขณะเดียวกัน แก๊ส
คาร์บอนปดออกปซดจ์ าก เซลลจ์ ะแพร่เขา้ สเ้่ ลือดและลาเลยี งกลบั เข้าส้่หวั ใจและถ้ก สง่ ปใแลกเใลี่ยนแก๊สที่ใอด
ชพี จรบอกถึงจังหวะการเตน้ หวั ใจ ซงึ่ อัตราการเต้นของ หัวใจในขณะใกติและหลังจากทกิจกรรมต่าง ๆ จะ แตกต่าง
กัน ส่วนความดันเลือด ระบบหมนุ เวียนเลือดเกิด จากการท างานของหวั ใจและหลอดเลอื ด
• อัตราการเต้นของหัวใจมีความแตกต่างกันในแต่ละบุคคล คนที่เใ็นโรคหัวใจและหลอดเลือดจะส่งผลท
าให้หวั ใจสบ้ ฉีดเลอื ดปม่เใน็ ใกติ
• การออกกาลังกาย การเลือกรับใระทานอาหาร การพักผ่อน และการรักษาภาวะอารมณ์ให้เใ็นใกติ จึง
เใน็ ทางเลือก หนงึ่ ในการด้แลรักษาระบบหมุนเวียนเลือดให้เใน็ ใกต
3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถนิ่
-
4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแกใ้ ญั หา
3
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์
5.1 มุง่ มนั่ ในการทางาน
5.2 ใฝ่เรยี นร้
5.3 มีวินยั
6. ภาระงาน/ชนิ้ งาน
6.1 กิจกรรมท่ี 3.1 เซลลเ์ ม็ดเลอื ดมี ลกั ษณะอยา่ งปร
6.2 กจิ กรรม 3.2 หวั ใจทางานอย่างปร
6.3 กจิ กรรม 3.3 กิจกรรมใดมผี ลตอ่ อัตราการเต้นของหัวใจมากกว่ากัน
6.4 ใบงานที่ 3 เร่ืองระบบหมนุ เวยี นเลอื ด
7. คาถามสาคญั
- หลอดเลือดแตล่ ะชนดิ มีโครงสรา้ งและหน้าทีอ่ ยา่ งปร
แนวคาตอบ (นกั เรยี นตอบตามความเข้าใจ)
8. การบูรณาการ
8.1 บร้ ณาการวชิ าศิลใะ โดยให้นกั เรยี นวาดร้ใระบายสีอวัยวะ ต่างๆ
8.2 บ้รณาการ วชิ าชีววิทยา กระบวนการทางานของร่างกาย
8.3 บร้ ณาการวิชาสุขศกึ ษาและพละศึกษา โดยให้ร้จักดแ้ ลสุขภาพ หม่นั ออกกาลงั กายเใ็นใระจา
9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ (วธิ ีการสอน )
9.1 ขนั้ นา
9.1.1 กระต้นุ ความสนใจของนักเรียนเพ่อื นาเขา้ ส้่ หน่วยการเรียนรท้ ่ี 3 เรื่อง รา่ งกายมนษุ ย์ โดยให้
นกั เรยี นสงั เกตภาพนาหนว่ ยหรอื วดี ิทศั นห์ นุ่ ยนต์ โซเฟียทม่ี ีรใ้ รา่ งหนา้ ตา การเคล่อื นปหว การพ้ด โตต้ อบกับมนุษยโ์ ดย
เใิดด้ปด้จากเว็บปซต์ https://www.youtube.com/watch?v=Yj89JVNSyGA หรือ ใช้โใรแกรมค้นหาพมิ พค์ าวา่
Sophia robot หรอื อาจใชว้ ดี ิทัศนห์ ุน่ ยนตใ์ ญั ญาใระดษิ ฐ์อื่น ๆ ทมี่ ลี กั ษณะคล้ายมนษุ ย์ จากนน้ั ให้นกั เรียน รว่ มกนั
อภิใราย โดยอาจใช้คาถามดังตอ่ ปใน้ี
• ผ้หญงิ ในภาพหรือในวีดิทัศน์เใ็นมนุษย์ หรือปม่ ทราบปดอ้ ย่างปร
• มนุษยก์ บั หุ่นยนต์แตกต่างกันอยา่ งปร
9.1.2. ใหน้ ักเรยี นอ่านเน้ือหานาหนว่ ย จากนัน้ รว่ มกนั อภิใรายเพือ่ ให้ปด้แนวคิดวา่ หุ่นยนตอ์ าจมีลักษณะ
ภายนอกและมกี ารแสดงออกบางอย่าง ใกล้เคยี งกบั มนุษย์ แต่อยา่ งปรกต็ ามหุน่ ยนต์ เใน็ สง่ิ ปมม่ ีชวี ิต ปมม่ ีระบบอวยั วะ
ตา่ ง ๆ ท่ี ทางานรว่ มกันเหมือนกับระบบอวยั วะในร่างกายมนุษย์ขณะอภใิ รายครอ้ าจทบทวน ความหมายของระบบ
อวัยวะว่าคือระบบที่ ใระกอบด้วยอวยั วะหลาย ๆ อวยั วะซง่ึ ทางาน ร่วมกนั เพ่ือทาหน้าท่ีอย่างใดอยา่ งหน่ึง เช่น ระบบ
ย่อยอาหาร ใระกอบด้วย ใาก หลอด อาหาร กระเพาะอาหาร ลาปส้เล็ก ลาปส้ใหญ่ ตับ ตบั อ่อน และถงุ น้าดี ซงึ่ อวยั วะ
เหล่าน้ีจะทางานร่วมกนั เพื่อทาหนา้ ที่ยอ่ ยอาหาร จากนัน้ ครใ้ ห้นักเรียนอ่านคาถาม นาหน่วยและร่วมกนั อภใิ ราย
เพอื่ ใหน้ กั เรยี นทราบวา่ จะต้องเรยี นร้เร่อื งอะปรบา้ งในหนว่ ยน้ี
9.1.3 เช่ือมโยงเขา้ ส่้บทที่ 1 โดยใหน้ ักเรียนดภ้ าพ นาบทและรว่ มกนั อภิใราย โดยใชค้ าถาม ตอ่ ปใน้ี
• ขณะวง่ิ รา่ งกายมีการเใล่ยี นแใลงอย่างปร
4
แนวคาตอบ นักเรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง
• การเใล่ียนแใลงของร่างกายในขณะวิง่ เกยี่ วข้องกบั การทางานของระบบอวัยวะ ใดบ้าง
แนวคาตอบ นักเรียนตอบตามความเขา้ ใจของ ตนเอง
8.1.4. ใหน้ ักเรยี นอ่านเนอ้ื หานาบทและอภิใราย เพ่ือให้ปดค้ าตอบทีถ่ ้กต้องของคาถามอกี ครั้ง ดังนี้
• ขณะวิง่ รา่ งกายมีการเใลย่ี นแใลงอย่างปร
แนวคาตอบ หวั ใจเตน้ แรงและเร็ว หายใจลกึ และถ่ี อุณหภ้มิของรา่ งกายสง้ ข้นึ มีเหงื่อออก
• การเใลยี่ นแใลงของร่างกายในขณะวงิ่ เก่ยี วขอ้ งกับการทางานของระบบอวัยวะใดบ้าง
แนวคาตอบ ระบบใระสาท ระบบ โครงกระด้ก ระบบกล้ามเนอ้ื ระบบหมุนเวยี นเลอื ด ระบบหายใจ
ระบบขับถา่ ย และระบบอื่น ๆ
จากนนั้ ใหน้ กั เรียนนอา่ นคาถามนาบทและจุดใระสงค์การเรยี นรข้ องบท เพ่ือให้ทราบขอบเขตเนอ้ื หาทจ่ี ะ
ปด้เรียนร้ในบทเรียนและจดุ ใระสงค์ในการเรยี น
9.2 ข้นั สอน
9.2.1 ให้นักเรียนดภ้ าพนาเรอ่ื งและอา่ นเนือ้ หานาเรอื่ ง จากนั้นให้นักเรียนรว่ มกนั อภใิ รายเพอื่
เใรียบเทยี บความคล้ายคลึงกันของระบบขนสง่ กบั ระบบหมุนเวยี นเลือดในใระเดน็ ตอ่ ปใน้ี
9.2.1.1 ระบบขนสง่ มถี นนทีเ่ ชื่อมโยงปขวก้ นั ปใมา ลกั ษณะคล้ายกบั การเชอ่ื มกันของหลอดเลือดใน
ระบบหมุนเวียนเลอื ด
9.1.1.2 ระบบขนสง่ มรี ถท่ีขนส่งสินค้า อาหารปใยงั บา้ นเรอื นชุมชน และนา้ ของเสยี และสิ่งใฏกิ ้ลจาก
บ้านและชมุ ชนปใกาจัดท้ิง ซ่งึ มีหน้าที่คลา้ ยกบั เซลล์เมด็ เลือดในระบบ หมนุ เวยี นเลอื ดที่ลาเลียงสารอาหาร แก๊ส
ออกซิเจนปใยงั เซลลต์ ่าง ๆ และนาของเสียและแก๊สคาร์บอนปดออกปซด์จากเซลลป์ ใกาจัดออก
ให้นกั เรยี นอา่ นคาสาคญั ทากิจกรรมทบทวนความร้กอ่ นเรยี น แล้วร่วมกันอภิใรายเพื่อให้ปดค้ าตอบท่ี
ถก้ ต้อง ถา้ ครพ้ บวา่ นกั เรยี นยงั ทากจิ กรรมทบทวนความร้ก่อนเรียนปม่ถก้ ตอ้ ง ครค้ วรทบทวนและแกป้ ขความเขา้ ใจผิด
ของ นักเรียน เพื่อให้นกั เรียนมคี วามร้พื้นฐานทถี่ ้กตอ้ งและเพียงพอทจี่ ะเรียนเรื่องระบบหมนุ เวียนเลือดต่อปใ
9.2.2 ตรวจสอบความรเ้ ดิมของนกั เรยี นเกี่ยวกับระบบหมนุ เวียนเลือดโดยให้นกั เรยี นทากิจกรรม ร้
อะปรบ้างกอ่ นเรยี น นกั เรียนสามารถเขยี นข้อความ แผนผัง หรอื แผนภาพปด้อย่างอสิ ระตามความเข้าใจของตนเอง โดย
ครย้ งั ปมเ่ ฉลย คาตอบทถี่ ้กต้อง แต่คร้ควรรวบรวมแนวคดิ คลาดเคลื่อนทีพ่ บเพื่อนาปใใช้ในการวางแผนการจดั การเรียนร้
และแกป้ ข แนวคิดคลาดเคลอ่ื นเหลา่ น้ันใหถ้ ก้ ตอ้ ง
9.2.3 รว่ มกนั อภิใรายเก่ียวกับระบบย่อยอาหารและการด้ดซึมสารอาหารในลาปส้เล็กทป่ี ด้เรียนมาแล้ว เพ่ือ
เชอื่ มโยงเขา้ ส้่เน้ือหาเก่ียวกับระบบหมุนเวียนเลือด จากน้ันต้ังคาถามเกี่ยวกบั ส่วนใระกอบของระบบหมนุ เวียนเลือด
และ ส่วนใระกอบของเลือด แลว้ ใหน้ กั เรยี นอา่ นเนื้อหาในหนังสอื เรยี นหน้า 53-54 รว่ มกันอภิใรายเพือ่ ให้ปดข้ อ้ สรุใวา่
- ระบบหมนุ เวียนเลอื ดใระกอบดว้ ยหวั ใจ หลอดเลอื ด และเลือด
- เลอื ดมสี ว่ นใระกอบปด้แก่ เซลลเ์ ม็ดเลอื ดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว เกล็ดเลอื ด และพลาสมา โดยพลาสมา
ใระกอบดว้ ยนา้ และสารหลายชนิดละลายอย่้ เชน่ โใรตีนทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับการแขง็ ตัวของเลือด แอนติบอดี สารอาหาร
ฮอร์โมน ยเ้ รยี แก๊สคารบ์ อนปดออกปซด์
5
9.2.4. เชอ่ื มโยงเขา้ ส้่ กิจกรรมท่ี 3.1 เซลล์เม็ดเลือดมีลกั ษณะเใน็ อย่างปร โดยใชค้ าถามว่านักเรียนทราบ
หรอื ปม่วา่ เซลลเ์ มด็ เลอื ดแตล่ ะชนดิ มลี ักษณะเหมือนหรอื แตกต่างกนั อย่างปร
9.2.5 ใหน้ กั เรียนเรียนร้เพม่ิ เติม โดยอ่านเน้อื หาในหนงั สือเรียนหนา้ 56-57 เกย่ี วกับหน้าที่ ความสาคญั
แหล่งทีส่ รา้ งและ รายละเอยี ดอน่ื ๆ ของเซลล์เม็ดเลือดและเกล็ดเลือดและตอบค าถามระหว่างเรียน จากนัน้ รว่ มกนั
อภใิ ราย เพ่ือให้ปด้ ขอ้ สรใุ ว่า สว่ นใระกอบของเลือดมีหนา้ ทีแ่ ละความสาคัญแตกตา่ งกนั และสร้างมาจากปขกระดก้
9.2.6 เช่ือมโยงจากเร่ืองเลอื ดปใส่้เร่ืองหลอดเลือด โดยใช้ค าถามวา่ เลือดเก่ียวขอ้ งกบั หลอดเลือดอย่างปร
หรือเลอื ดอย่้ ภายในรา่ งกายปด้อย่างปร (เลอื ดอย้่ภายในหลอดเลือด) จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นสังเกตหลอดเลอื ดท่อี ย่้ตาม
บรเิ วณตา่ ง ๆ ของร่างกาย ซ่งึ สว่ นใหญ่เใ็นหลอดเลอื ดเวน เพราะหลอดเลอื ดเวนอย้่ใกล้ผวิ หนัง
9.2.7 ให้นกั เรยี นอา่ นเน้อื หาและสังเกตภาพ 3.6 หลอดเลอื ดอาร์เทอรี หลอดเลือดเวน และหลอดเลือด
ฝอยจากหนงั สือ เรยี นหน้า 59 แลว้ ร่วมกนั อภใิ รายหนา้ ท่ีของหลอดเลอื ดทัง้ 3 ชนดิ เพ่ือใหป้ ด้ขอ้ สรุใวา่ หลอดเลอื ดมี
3 ชนิด ปด้แก่ หลอดเลือดอารเ์ ทอรี หลอดเลอื ดเวน และหลอดเลือดฝอย ซึ่งหลอดเลือดแต่ละชนิดมีหนา้ ทแ่ี ตกต่างกัน
9.2.8 ให้นักเรยี นร่วมกันทานายโครงสรา้ งของหลอดเลอื ดแตล่ ะชนดิ (ขนาด ความหนาของผนงั หลอด
เลอื ด แรงดนั เลอื ด) จากหน้าทข่ี องหลอดเลือด โดยใช้คาถาม เชน่
• จากหน้าที่ของหลอดเลือดอารเ์ ทอรีท่ที าหน้าทีน่ าเลือดออกจากหวั ใจโดยการบบี ตัวของหวั ใจปใยงั
ส่วนตา่ ง ๆ ของ ร่างกาย และหลอดเลอื ดเวนซึ่งนาเลือดจากสว่ นต่าง ๆ ของรา่ งกายเข้าส้่หวั ใจ นักเรียนคดิ วา่ หลอด
เลือดอารเ์ ทอรี น่าจะมขี นาด ความหนาของผนังหลอดเลือด และแรงดันภายในหลอดเลือดเใ็นอยา่ งปรเมอื่ เใรียบเทยี บ
กบั หลอด เลือดเวน
แนวคาตอบ ตอบปดอ้ ยา่ งอสิ ระตามความคิดของนกั เรียน
• หลอดเลือดฝอยเใ็นหลอดเลือดทีแ่ ทรกอย้่ตามเน้ือเยอ่ื ของรา่ งกาย และเใ็นบริเวณทม่ี ีการ
แลกเใล่ยี นแก๊สและ สารต่าง ๆ ระหว่างเลอื ดกบั เซลล์ หลอดเลือดฝอยน่าจะมีขนาดและความหนาของผนงั หลอดเลือด
เใน็ อย่างปรเมื่อ เใรียบเทยี บกับหลอดเลอื ดเวนและอารเ์ ทอรี
แนวคาตอบ ตอบปด้อยา่ งอสิ ระตามความคิดของนักเรยี น
9.2.9 ใหน้ ักเรยี นเรียนร้จากการอา่ นเน้ือหาเกย่ี วกับหลอดเลือดและภาพ 3.7 โครงสร้างของหลอดเลอื ด
ชนิดตา่ ง ๆ ตาม รายละเอยี ดในหนังสือเรียนหน้า 59 แล้วรว่ มกนั อภใิ ราย เพ่ือใหป้ ดข้ อ้ สรใุ ว่า
-. หลอดเลอื ดแต่ละชนดิ มโี ครงสรา้ งเหมาะสมกบั หนา้ ท่ีของหลอดเลือดชนิดน้ัน
- หลอดเลอื ดอารเ์ ทอรเี ใ็นหลอดเลือดทนี่ าเลอื ดออกจากหัวใจโดยการบีบตัวของหวั ใจและสง่ ปใยงั
สว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย หลอดเลือดอาร์เทอรีมีผนังหนา มเี นื้อเยือ่ หลายช้นั และยดื หยนุ่ ปดด้ ี สามารถขยายตัวและหด
ตัว เพอื่ รกั ษาแรงดันเลือดทเ่ี กดิ จากการบบี ตัวของหัวใจปด้ดี
- หลอดเลอื ดเวนเใ็นหลอดเลือดทน่ี าเลอื ดกลบั เข้าส้ห่ วั ใจ มีผนงั บางและยืดหยนุ่ นอ้ ยกว่าหลอดเลือด
อาร์เทอรี ทาให้รกั ษาความดนั ของเลือดปด้น้อย แรงดันของเลือดในหลอดเลอื ดเวนจงึ น้อยกว่าในหลอดเลือดอารเ์ ทอรี
มาก
- หลอดเลือดฝอยเใน็ หลอดเลอื ดท่ีมีขนาดเล็กมากและผนงั บาง ใระกอบด้วยเซลลเ์ พียงช้ันเดยี ว
หลอดเลอื ดฝอย จึงเใ็นบรเิ วณทมี่ ีการแลกเใลีย่ นแกส๊ และสารตา่ ง ๆ ระหว่างเลือดกับเซลล์ จากนั้นให้นกั เรียนตอบ
คาถามระหวา่ งเรียน
6
9.2.10 ถา้ พบว่านักเรยี นมีแนวคิดคลาดเคลอื่ นเกี่ยวกับเลือดและหลอดเลือดจากการตอบคาถามก่อนเรยี น
ระหว่างเรยี น หรอื อาจตรวจสอบโดยใช้กลวิธีอืน่ ๆ ให้ครแ้ กป้ ขแนวคิดคลาดเคล่อื นน้ันให้ถ้กต้อง เช่น ใช้คาถามและ
อภใิ รายรว่ มกัน ใช้แผนภาพ วดี ิทัศน์ เอกสารอา่ นใระกอบ
9.2.11 เชื่อมโยงส่้เรอ่ื งหวั ใจ โดยตั้งคาถามว่า เลือดในหลอดเลือดปหลเวียนปใทว่ั ร่างกายปด้อย่างปร
(จากการบีบและคลายตวั ของหัวใจ) จากนน้ั คร้ให้นักเรยี นสังเกตโครงสรา้ งของหวั ใจผ่าตามยาว จากภาพ 3.8 ใน
หนงั สือเรยี นหนา้ 60 ครอ้ าจ ใชค้ าถามเพ่อื ใหน้ กั เรียนสังเกตหรอื ฝกึ ใหน้ ักเรียนต้งั คาถามจากการสังเกตภาพ เช่น
• หวั ใจมกี ี่ห้อง อะปรบา้ ง (4 ห้อง ปดแ้ ก่ หอ้ งบนซา้ ย หอ้ งลา่ งซา้ ย หอ้ งบนขวา ห้องล่างขวา)
• ขนาดของหวั ใจแต่ละห้องเใ็นอย่างปร (หอ้ งล่างใหญก่ วา่ หอ้ งบน)
• ผนังของหัวใจหอ้ งใดหนาทสี่ ดุ (ห้องลา่ งซา้ ย)
• ระหว่างหวั ใจแต่ละห้อง นกั เรยี นสงั เกตเหน็ ส่ิงใด (ล้นิ หัวใจ)
• นอกจากจะพบลิน้ หวั ใจระหวา่ งหัวใจแตล่ ะหอ้ งแลว้ นกั เรียนยังพบล้นิ หัวใจทบ่ี รเิ วณใดอกี (หลอดเลอื ด)
• หลอดเลอื ดทตี่ ิดกบั หัวใจมีหลอดเลือดใดบา้ ง (เอออร์ตา หลอดเลือดอาร์เทอรีที่ปใยงั ใอด หลอดเลือด
เวนทีม่ าจาก ใอด หลอดเลือดเวนดา้ นล่างและด้านบนท่ีน าเลือดเข้าส้ห่ วั ใจหอ้ งบนขวา)
• หลอดเลือดใดมขี นาดใหญ่ท่สี ุด (เอออรต์ า)
ครอ้ าจนาของจรงิ ร้ใภาพ หรือสอื่ วีดทิ ัศนท์ ่แี สดงโครงสร้างภายในหวั ใจของสตั วเ์ ล้ยี งล้กด้วยนา้ นม เชน่
หม้ วัว แพะ มาให้นักเรยี นสงั เกตเใรยี บเทียบกบั แผนภาพ 11. ให้นกั เรยี นอา่ นเนอื้ หาและจากภาพ 3.9 เกย่ี วกับการ
หมุนเวียนเลือดจากหัวใจปใยังใอดและสว่ นตา่ ง ๆของร่างกาย และกลบั เขา้ สห่้ วั ใจ ตามรายละเอียดในหนงั สือเรยี นหนา้
60-61 คร้อาจใช้วีดิทัศน์หรอื ภาพเคลือ่ นปหวช่วยในการสอนเพือ่ ให้นักเรียนมคี วามเขา้ ใจมากย่ิงขึ้น โดยครเ้ น้นให้
นักเรยี นสังเกตทศิ ทางและใริมาณของแกส๊ ออกซิเจน และแกส๊ คารบ์ อนปดออกปซด์ในเลือดทปี่ หลเวยี นจากห้องของหัวใจ
ปใยงั ใอดและสว่ นต่าง ๆของร่างกายแลว้ กลบั เขา้ ส่้ หวั ใจ
9.2.12 ให้นักเรียนเขียนแผนภาพง่าย ๆ สรใุ การหมนุ เวียนของเลอื ดในร่างกายเพื่อตรวจสอบความเขา้ ใจ
อีกคร้งั
- เสน้ สแี ดง หมายถึง เลอื ดท่มี ีใริมาณแก๊สออกซเิ จนสง้ และแก๊สคารบ์ อนปดออกปซด์ต่า
- สีนา้ เงนิ หมายถึง เลือดที่มีใรมิ าณแก๊สคาร์บอนปดออกปซด์ส้งและแก๊สออกซเิ จนต่า จากนัน้ รว่ มกนั อภใิ ราย
เกย่ี วกับการหมุนเวียนเลือดในรา่ งกาย เพ่อื ใหป้ ด้ข้อสรใุ วา่ หัวใจห้องลา่ งซา้ ยจะส้บฉีด เลอื ดที่มแี ก๊สออกซิเจนส้งและ
สารตา่ ง ๆ ออกจากหัวใจและล าเลยี งปใยังเซลล์ทัว่ ร่างกาย ขณะเดียวกนั เลอื ดท่ีมีของ เสยี ต่าง ๆ จากเซลล์ เช่น แก๊ส
7
คาร์บอนปดออกปซด์ ยเ้ รยี จะลาเลยี งกลับเข้าสห้่ ัวใจห้องบนขวาและหัวใจห้องลา่ งขวา แล้วลาเลียงปใยังใอดเพือ่
แลกเใล่ียนแก๊สทีใ่ อด เลอื ดท่มี ีออกซิเจนสง้ จากใอดจะกลับเข้าส่ห้ ัวใจห้องบนซ้ายและ ปหลลงส่้หัวใจหอ้ งลา่ งซา้ ย และ
ลาเลียงปใยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
9.2.13 เชื่อมโยงเขา้ ส้่ กจิ กรรม 3.2 หวั ใจทางานอย่างปร โดยใชค้ าถามว่านักเรียนจะศึกษาการทางานของ
หวั ใจปด้จาก แบบจาลองในกจิ กรรม 3.2
9.2.14 ถ้าพบวา่ นกั เรียนมีแนวคิดคลาดเคลื่อนเก่ยี วกบั โครงสร้าง หน้าที่ และการทางานของหัวใจจากการ
ตอบคาถามก่อนเรยี น ระหว่างเรยี นหรอื อาจตรวจสอบโดยใชก้ ลวิธีอืน่ ๆ ให้คร้แก้ปขแนวคดิ คลาดเคลื่อนนัน้ ให้ถก้ ต้อง
เชน่ ใช้ คาถามและอภิใรายรว่ มกนั ใช้แผนภาพ วดี ิทัศน์ เอกสารอ่านใระกอบ
9.2.15 เช่ือมโยงเขา้ ส่้เรอื่ งชีพจร โดยใช้คาถามวา่ การใดิ ของลน้ิ หัวใจ ทาให้เกิดเสยี งเต้นของหวั ใจ
นักเรียนจะวดั อตั ราการ เต้นของหัวใจปดอ้ ย่างปร (นับจานวนครั้งท่ีหัวใจเตน้ ในเวลา 1 นาที) ครใ้ ห้ความรเ้ พมิ่ เติมวา่ การ
วัดอัตราการเต้นของ หัวใจวดั ปดจ้ ากอตั ราชพี จร ซึ่งการเต้นของหวั ใจเใน็ จังหวะเดยี วกบั ชพี จร
9.2.16. ใหน้ ักเรยี นลองจับชีพจรในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เชน่ บริเวณขอ้ มอื ข้างคอ จากน้นั ให้
นกั เรียนอ่านเนื้อหา เกีย่ วกับชพี จรตามรายละเอยี ดในหนงั สอื เรยี น จากนนั้ ร่วมกนั อภใิ รายเพ่ือให้ปด้ขอ้ สรใุ วา่ ชีพจร
คอื การขยายและหดตัวของหลอดเลอื ดอยา่ งเใน็ จังหวะ เกิดข้ึนในขณะท่หี ัวใจบีบตวั ทาให้เกิดแรงส่งเลือดมายังหลอด
เลือดอาร์เทอรี แรงทมี่ ากระทบผนงั หลอดเลอื ดจะท าให้หลอดเลอื ดขยายตัวเพ่อื รบั เลือดและหดตัวเพ่ือสง่ เลือดต่อปใ
ตามจังหวะการ บีบตวั ของหวั ใจแต่ละครั้ง
9.2.17. เชอื่ มโยงเขา้ ส่้ กิจกรรม 3.3 กิจกรรมใดมีผลต่ออตั ราการเต้นของหัวใจมากกวา่ กัน โดยใชค้ าถาม
ว่านกั เรียนทราบ หรือปม่ว่าอัตราการเต้นของหวั ใจของแตล่ ะคนเใน็ เท่าปร และกิจกรรมตา่ ง ๆ ของรา่ งกายมผี ลต่อการ
เต้นของหัวใจ หรือปม่ อย่างปร
9.2.18 ให้นกั เรียนอา่ นเน้อื หาและตอบคาถามระหว่างเรียนเกยี่ วกับอตั ราการเตน้ ของหวั ใจท่ีเพ่มิ ส้งข้ึน ซึง่
เใน็ ผลจาก การออกกาลังกาย และใระโยชนข์ องการออกกาลงั กายต่อการส้บฉีดเลือดจากหนังสอื เรียนหนา้ 65 จากน้นั
รว่ มกัน อภิใราย เพื่อให้ปด้ขอ้ สรุใว่า ในการออกกาลังกายหรอื การทากจิ กรรมตา่ ง ๆ ต้องใชพ้ ลงั งานหัวใจจงึ ตอ้ งสบ้ ฉีด
เลือดที่มีแกส๊ ออกซเิ จนปใยงั เซลล์เพอื่ สลายสารอาหารให้ปดพ้ ลงั งานมาใช้ ขณะเดยี วกันหวั ใจจะตอ้ งนาเลือดทมี่ ีแก๊ส
คาร์บอนปดออกปซด์ท่ีเกิดขึน้ จากการสลายสารอาหารจากเซลล์ปใกาจดั ออก จึงเใน็ ผลใหห้ ัวใจเตน้ เร็วขน้ึ ดังน้ันผ้ที่
ออกกาลงั กายเใน็ ใระจากลา้ มเนอื้ หัวใจจึงแขง็ แรง และมใี ระสทิ ธภิ าพสง้ ในการสบ้ ฉีดเลอื ด
9.2.19 เชอ่ื มโยงเขา้ ส้่เรอื่ งความดนั เลือดว่า ผลของการบีบและคลายตัวของหัวใจทาให้เกดิ แรงที่เลือด
กระทาต่อผนงั หลอดเลอื ด หรือเรยี กวา่ ความดนั เลอื ด
9.2.20 ใหน้ กั เรยี นเรียนรเ้ พิม่ เติมโดยการอา่ นเนอ้ื หาและตอบคาถามระหว่างเรียนเกยี่ วกบั คา่ ความดัน
เลอื ด สาเหตุของโรค ความดนั เลอื ดสง้ และรายละเอียดอน่ื ๆ จากหนงั สือเรียนหนา้ 66 รว่ มกนั อภใิ รายเพ่อื ให้ปด้
ขอ้ สรุใวา่ ความดนั เลอื ดใระกอบด้วยตวั เลข 2 คา่ ค่าแรกเใน็ ความดันสง้ สุดขณะหัวใจบีบตวั หรือเรยี กว่า ความดนั ซสี
โทลิก คนใกติ ขณะพกั มีค่าอย่้ในช่วง 100–140 มลิ ลิเมตรใรอท สว่ นคา่ หลงั เใ็นความดนั ขณะทห่ี ัวใจคลายตวั หรือ
ความดัน ปดแอสโทลกิ โดยคนใกตขิ ณะพกั จะมีค่าอย้ใ่ นช่วง 60–90 มิลลิเมตรใรอท ผ้ทม่ี คี วามดนั เลือดส้งคือมีความ
ดนั เลอื ด มากกวา่ หรอื เทา่ กับ 140/90 มิลลิเมตรใรอท สาเหตหุ ลักของโรคความดันเลือดสง้ มาจากหลอดเลือดอาร์เทอรี
แขง็ ตวั เนอ่ื งจากการสะสมของปขมนั บริเวณผนังด้านในของหลอดเลอื ด ถา้ โรงเรยี นใดมเี ครอ่ื งวดั ความดันเลอื ด อาจให้
นักเรยี นทากิจกรรมเสรมิ เร่ือง ความดนั มีค่าเทา่ ใด เพ่ือวดั ความดันเลอื ดของนักเรยี น
8
9.2.21 เช่อื มโยงเขา้ ส้โ่ รคหวั ใจ โดยคร้ใช้คาถามว่า นอกจากโรคความดนั เลือดส้งแลว้ นกั เรียนทราบ
หรอื ปมว่ ่าโรคใดในระบบ หมุนเวียนเลอื ดท่ีคนปทยเใน็ กันมากและเใ็นสาเหตุการเสยี ชีวิตของคนปทยเใน็ อนั ดับตน้
8.3 ข้นั สรใุ
9.3.1 ให้นกั เรียนรว่ มกนั วิเคราะห์กราฟในภาพ 3.10 กราฟจานวนการตายของคนปทยดว้ ยโรคหัวใจ ใน
หน้า 67 จากนนั้ รว่ มกนั อภใิ รายขอ้ มล้ จานวนการตายของคนปทยในแต่ละใีจากกราฟ เพ่ือให้ปดข้ อ้ สรใุ วา่ จานวนการ
ตายของ ใระชากรด้วยโรคหวั ใจในใพี .ศ. 2555-2557 มแี นวโน้มเพิม่ ขนึ้ และใพี .ศ. 2558 จานวนการตายของ
ใระชากร ลดลงกว่า 3 ใีแรก แต่ในใพี .ศ. 2559 กลับมาเพ่ิมจานวนขนึ้ อกี
9.3.2 ให้นักเรยี นเรียนร้เพิ่มเตมิ โดยอ่านเนือ้ หาและตอบคาถามระหว่างเรียนเกีย่ วกับโรคหวั ใจ การ
ใฏิบัตติ นปมใ่ หเ้ ใน็ โรคหวั ใจและรายละเอยี ดอื่น ๆ จากหนงั สอื เรยี นหน้า 67 จากน้ันรว่ มกนั อภใิ รายเพื่อใหป้ ด้ข้อสรุใวา่
- โรคหวั ใจมีหลายชนดิ เช่น โรคหัวใจขาดเลือด ความผดิ ใกตขิ องลิน้ หัวใจ หวั ใจพกิ ารแต่ก าเนดิ การเตน้ ของ
หัวใจ ผดิ จังหวะ การตดิ เช้อื บรเิ วณหวั ใจ
- โรคหัวใจขาดเลอื ดเใ็นโรคทีค่ นปทยเใ็นกนั มาก มีสาเหตุจากการตีบตนั ของหลอดเลอื ดอาร์เทอรีท่ีมาเลีย้ ง
หัวใจ หรือหลอดเลือดเกดิ การแข็งตวั ทาให้ใรมิ าณของเลอื ดผ่านปใเลีย้ งหวั ใจปดน้ ้อย
- โรคหวั ใจขาดเลอื ดสามารถใอ้ งกันปด้โดยการควบคมุ นา้ หนกั ปมใ่ หอ้ ว้ น ออกกาลงั กายอยา่ งสม่าเสมอ
หลีกเลยี่ ง อาหารทม่ี ปี ขมนั ส้ง การนอนหลับพกั ผ่อนอยา่ งเพียงพอ ปม่สบ้ บุหรี่ และการรกั ษาภาวะอารมณ์ใหเ้ ใ็นใกติ ปม่
เครียด
9.3.3 เชื่อมโยงเข้าสเ้่ รอื่ งระบบหายใจวา่ ขณะหัวใจบีบตวั เลอื ดบางสว่ นจะสง่ ปใยงั ใอด ใอดเใ็นอวัยวะ
ในระบบหายใจ ระบบหายใจกบั ระบบหมนุ เวียนเลือดสมั พันธก์ ันอยา่ งปร
10. ส่อื /แหล่งการเรียนรู้
10.1 สือ่ การเรียนรู้
1. หนังสอื เรยี นวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.2 สสวท.
10.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) เทคนิคการสบื ค้นข้อม้ลในรใ้ แบบต่าง ๆ ดว้ ย google search
9
11. การวัดผลและประเมนิ ผล
รายการประเมนิ วธิ วี ดั เครอื่ งมอื วดั ผลและประเมนิ ผล เกณฑก์ ารผ่าน
(ภาระงาน/ช้ินงาน)
ดา้ นความรู้ : K 1. ตรวจกจิ กรรมที่ 3.1 เซลล์ 1. กิจกรรมท่ี 3.1 เซลลเ์ มด็ เลอื ดมี - ตอบคาถามถ้กตอ้ งปม่
เม็ดเลือดมี ลักษณะอย่างปร ลักษณะอยา่ งปร ตา่ กวา่ รอ้ ยละ 70 ของ
2. ตรวจกิจกรรม 3.2 หวั ใจ 2. กิจกรรม 3.2 หัวใจทางานอยา่ งปร จานวนคาถาม
ทางานอย่างปร 3. กิจกรรม 3.3 กิจกรรมใดมผี ลตอ่ - นักเรยี นสามารถทา
3. ตรวจกจิ กรรม 3.3 อัตราการเต้นของหวั ใจมากกวา่ กัน การทดลองปดถ้ ก้ ต้อง
กจิ กรรมใดมีผลตอ่ อัตราการ 4. ใบงานท่ี 3 เร่ืองระบบหมุนเวียนเลือด 70%
เต้นของหวั ใจมากกว่ากนั
4. ตรวจใบงานที่ 3 เร่ือง
ระบบหมุนเวยี นเลอื ด
ด้านทักษะ : S ทักษะการสือ่ สาร แบบสงั เกตพฤตกิ รรม นักเรยี นมีพฤติกรรมใน
กระบวนการ : P ช้ันเรยี นในระดบั
ทักษะการคดิ อย่างมี คุณภาพดีขึ้นปใ
วิจารณญาณ นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรมใน
ช้ันเรียนในระดบั
ทกั ษะการแกใ้ ญั หา คุณภาพดีขึ้นปใ
ทักษะการทางานร่วมกับผ้อนื่
ด้านคุณลกั ษณะ : A ม่งุ ม่นั ในการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรม
ใฝเ่ รียนร้
มวี นิ ยั
10
12. บันทกึ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ ...................................................
(นายนัทพงษ์ โคตะมา)
............./............../..............
13. บนั ทึกความเห็นและข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลมุ่ งานการบริหารงานวิชาการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ...................................................
(นางฐิชารศั ม์ อนิ ทร์ชัน้ ศรี)
............./............../..............
14. บันทกึ ความเห็นและขอ้ เสนอแนะของรองผอู้ านวยการกลมุ่ งานการบรหิ ารงานวชิ าการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ...................................................
(นายวชิ านนท์ ฝ้ายขาว)
............./............../..............
15. บนั ทึกความเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรียน
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงช่ือ ...............................................ผอ้ านวยการโรงเรียน
(นายชนาวุธ ใระทุมชาติ)
............./.........../............
11
บนั ทกึ ผลหลังการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้
รหัสวิชา............................................รายวิชา....................................................................... ............ช.ม./สใั ดาห์
หนว่ ยที่ .............. เรอ่ื ง............................................................................................................
1. สาระสาคัญของเนอ้ื หาของเรือ่ งทจี่ ัดการเรียนร้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. รายงานการใชแ้ ผนการจดั การเรียนร้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.1 ความเหมาะสมของเนื้อหาที่สอน มาก พอดี นอ้ ย
2.2 ผลการทาแบบฝึกหัด /ใบงาน ของนักเรียน ทนั เวลา ใานกลาง ปม่ทันเวลา
3. การบร้ ณาการด้าน คณุ ลักษณะ คุณธรรม จรยิ ธรรม ใรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
4. สื่อการจดั การเรียนร้ ..............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. ผลการใช้สื่อการจัดการเรยี นร้................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
6. บันทกึ หลังการจัดเรียนร้ / ข้อคน้ พบ
6.1 การบรรลุ K จานวน...................คน คดิ เใน็ รอ้ ยละ...............................................................
ปมบ่ รรลุ K จานวน...................คน คิดเใ็นร้อยละ...............................................................
6.2 การบรรลุ S หรือ P จานวน...................คน คดิ เใ็นร้อยละ...............................................
ปม่บรรลุ S หรือ P จานวน...................คน คดิ เใ็นร้อยละ....................................................
6.3 การบรรลุ A จานวน...................คน คิดเใ็นร้อยละ....................................................
ปมบ่ รรลุ A จานวน...................คน คดิ เใน็ ร้อยละ....................................................
6.4 .................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
12
7. ใญั หาและอุใสรรค ...............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
8. การแก้ใญั หา ........................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
9. วธิ กี ารวดั และใระเมนิ ผลการเรียน.........................................................................................................
ลงชือ่ ผ้สอน
(นางสาวปพจติ ร อใุ โคตร)
นักศึกษาฝกึ ใระสบการณ์วิชาชพี คร้
.........../................../.............
บันทึกข้อคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะของครพ้ ี่เล้ยี งเก่ียวกบั บันทกึ หลงั การสอน
...................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
…………………… ลงชอื่ …………………………...............……
(……………………………………….…………) (นางฐชิ ารศั ม์ อินทรช์ นั้ ศรี)
………/………/………. ครพ้ ีเ่ ลี้ยง
………/………/……….
บันทึกหลงั การสอน ตามแผนการจัดการเรยี นรฉ้ บับน้ี ปดร้ บั การพิจารณาจากวิชาการ แล้ว
ลงช่อื
(นางฐิชารศั ม์ อินทรช์ ้ันศรี)
หัวหน้ากลุ่มงานการบรหิ าวชิ าการ
……./………/………
บันทึกของรองผ้อู านวยการโรงเรยี น
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงชื่อ รองผ้อานวยการโรงเรียน
(นายวิชานนท์ ฝ้ายขาว)
.........../................/...........
13
บนั ทกึ ของผู้อานวยการโรงเรียน
( ) ทราบ
( ) อ่ืนๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ผอ้ านวยการโรงเรียน
(นายชนาวุธ ใระทุมชาติ)
.........../................/...........
14
แผนการจัดการเรียนรู้
รายวิชา วิทยาศาสตร์ 3 รหสั วชิ า ว22101 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 2 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2565
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง รา่ งกายมนษุ ย์ เวลาเรยี น 15 ชว่ั โมง
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 7 เรื่อง ระบบหายใจ เวลาเรียน 3 ชวั่ โมง
ครผู ูส้ อน นางสาวไพจิตร อปุ โคตร ตาแหนง่ นักศึกษาฝกึ ประสบการณว์ ิชาชีพครู โรงเรียนนา้ สวยวทิ ยา
อาเภอสระใคร จงั หวัดหนองคาย
เปา้ หมายการเรียนรู้
1. มาตรฐานการเรียนรู้ / ตัวช้ีวดั
1.1 สาระท่ี 2
1.2 มาตรฐานการเรยี นรู้
ว 1.2 วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ
1.3 ตวั ช้ีวัด / ผลการเรยี นรู้
เข้าใจสมบัติของสง่ิ มชี วี ติ หน่วยพ้นื ฐานของส่ิงมชี วี ิต การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์
ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าทีข่ องอวัยวะต่าง ๆ ของสตั วแ์ ละมนษุ ยท์ ่ที างานสมั พันธ์กัน ความสมั พนั ธข์ อง
โครงสร้างและหน้าท่ขี องอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ท่ที างานสัมพันธก์ ันรวมทัง้ นาความร้ปใใช้ใระโยชน์
1.4 จุดประสงค์การเรยี นรู้
1.4.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. ระบอุ วยั วะและบรรยายหน้าท่ขี องอวยั วะท่ีเกยี่ วข้องในระบบหายใจ
2. อธบิ ายกลปกการหายใจเข้าและออก โดยใชแ้ บบจาลอง รวมทง้ั อธบิ ายกระบวนการแลกเใลีย่ นแกส๊
3. ตระหนักถึงความสาคัญของระบบหายใจ โดยการบอกแนวทางและใฏิบัติตนใน การด้แลรักษา
อวัยวะในระบบหายใจให้ ทางานเใน็ ใกติ
1.4.2 ด้านทกั ษะ (S) / ดา้ นกระบวนการ (P)
1) ทกั ษะการส่ือสาร 2) ทักษะการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ
2) ทักษะการแกใ้ ญั หา 4) ทักษะการทางานร่วมกับผ้อน่ื
1.4.3 ดา้ นเจตคติ (A)
1) ตระหนกั ถงึ ใระโยชน์ของความร้เรอื่ งอวัยวะท่เี ก่ียวข้องในระบบหายใจ
2) นักเรียนมีการแสดงความคดิ เหน็ และยอมรับฟงั ความคดิ เหน็ ของผอ้ นื่
3) นกั เรยี นมคี วามใฝร่ ้ใฝ่เรียนและม่งุ มัน่ ในการทางาน
4) นกั เรียนมีความสามัคคใี นการทางานร่วมกันเใ็นกลุม่
2. สาระสาคญั
ระบบหายใจใระกอบด้วยจมก้ ทอ่ ลม และใอด ทาหน้าทน่ี าแก๊สออกซเิ จนจากการหายใจเข้า เพอ่ื ทา
ใฏิกริ ยิ ากบั สารอาหารกอ่ ให้เกดิ พลังงาน และกาจดั แกส๊ คารบ์ อนปดออกปซด์ออกจากรา่ งกายโดยการหายใจออก
อากาศจะเคล่อื น เขา้ ส่้รา่ งกายทางจมก้ ทอ่ ลม หลอดลม หลอดลมฝอย และถงุ ลมภายในใอด กระบวนการหายใจเขา้
15
และออกเกิดจาก การทางานทใี่ ระสานกันของกะบงั ลมและกระด้กซีโ่ ครง การแลกเใล่ียนแก๊สออกซเิ จนและแก๊ส
คาร์บอนปดออกปซด์ เกิดขนึ้ 2 บริเวณ คอื ทบ่ี รเิ วณถงุ ลมในใอดกบั หลอดเลือดฝอย และระหว่างหลอดเลอื ดฝอยกับ
เซลล์
3. สาระการเรยี นรู้
3.2 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
• ระบบหายใจมอี วัยวะต่าง ๆ ท่เี กี่ยวขอ้ ง ปดแ้ ก่ จมก้ ทอ่ ลม ใอด กะบังลม และกระดก้ ซ่ีโครง
• มนุษย์หายใจเข้า เพ่ือนาแก๊สออกซิเจนเข้าส้่ร่างกายเพื่อ นาปใใช้ในเซลล์ และหายใจออกเพ่ือกาจัดแก๊ส
คาร์บอนปดออกปซด์ออกจากรา่ งกาย
• อากาศเคล่ือนทีเ่ ขา้ และออกจากใอดปด้ เนอ่ื งจากการเใลี่ยนแใลงใริมาตรและความดันของอากาศภายใน
ชอ่ งอกซึ่งเกี่ยวกบั การทางานของกะบงั ลมและกระดก้ ซีโ่ ครง
• การแลกเใล่ียนแก๊สออกซิเจนกับแก๊สคาร์บอนปดออกปซด์ในร่างกายเกิดข้ึนบริเวณถุงลมในใอดกับหลอด
เลือดฝอย ท่ถี งุ ลม และระหวา่ งหลอดเลอื ดฝอยกับเนือ้ เยื่อ
• การสบ้ บหุ ร่ี การส้ดอากาศทม่ี สี ารในเใือ้ น และการเใ็นโรคเกี่ยวกบั ระบบหายใจบางโรค อาจทาให้เกิดโรค
ถงุ ลม โใง่ พอง ซึ่งมีผลให้ความจุอากาศของใอดลดลง ดงั นั้นจึงควรด้แลรกั ษาระบบหายใจ ใหท้ าหน้าที่ใกติ
3.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถ่ิน
-
4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแก้ใัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
5.1 มงุ่ มน่ั ในการทางาน
5.2 ใฝเ่ รยี นร้
5.3 มีวนิ ัย
6. ภาระงาน/ช้ินงาน
6.1 กิจกรรม 3.4 การหายใจเข้าและหายใจออกเกดิ ข้ึนปด้อยา่ งปร
6.2 กิจกรรม 3.5 ใอดจอุ ากาศปด้เท่าใด
6.3 กจิ กรรม 3.6 ทาอย่างปรเพื่อให้ ระบบหายใจทางานอย่างเใ็นใกติ
6.4 ใบงานที่ 4 เร่อื งระบบหายใจ
7. คาถามสาคญั
- เพราะเหตุใดแกส๊ ออกซเิ จนและแก๊สคารบ์ อนปดออกปซดจ์ ึงแพร่ผา่ นถุงลมและหลอดเลือดฝอยปด้
แนวคาตอบ แก๊สออกซิเจนและแกส๊ คารบ์ อนปดออกปซด์แพร่ผ่านถุงลมและหลอดเลือดฝอยปดเ้ นอ่ื งจากแก๊ส
ออกซเิ จนและแก๊สคาร์บอนปดออกปซด์ภายในถุงลมมีความเขม้ ขน้ แตกต่างกนั ดังน้ี แก๊สออกซเิ จนภายในถุงลมซ่งึ มี
ความเขม้ ข้นส้งกว่าแกส๊ ออกซเิ จนภายในหลอดเลือดฝอย แก๊สออกซเิ จนจากถงุ ลมจงึ แพรป่ ใยงั หลอดเลือดฝอย ใน
16
ทานองเดยี วกัน แก๊สคารบ์ อนปดออกปซด์ในเลอื ดภายในหลอดเลอื ดฝอยซึ่งมีความเขม้ ขน้ ส้งกวา่ ในถงุ ลม แก๊ส
คาร์บอนปดออกปซดจ์ ากหลอดเลือดฝอยจึงแพร่ปใยังถงุ ลมเชน่ กัน
8. การบูรณาการ
8.1 บร้ ณาการวชิ าศลิ ใะ โดยให้นกั เรียนวาดร้ใระบายสีอวัยวะ ตา่ งๆ
8.2 บร้ ณาการ วิชาชวี วิทยา กระบวนการทางานของรา่ งกาย
9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (วธิ กี ารสอน )
9.1 ขัน้ นา
9.1.1 ให้นักเรยี นดภ้ าพนาเรอ่ื ง อา่ นเนือ้ หา และคาสาคัญเรือ่ งระบบหายใจ จากน้นั ทากิจกรรม ทบทวน
ความร้ก่อนเรียน ถ้าครพ้ บวา่ นักเรียน ยงั มคี วามเขา้ ใจในเนอื้ หาส่วนใดยงั ปม่สมบร้ ณ์ หรือปมถ่ ้กตอ้ ง ครค้ วรอธิบาย
เพมิ่ เติมเกย่ี วกับ เนอ้ื หาส่วนนั้น เพือ่ ใหน้ กั เรียนมคี วามร้พ้นื ฐาน ท่ถี ้กตอ้ งและเพียงพอทีจ่ ะเรียนร้เกีย่ วกับเรอื่ ง ระบบ
หายใจตอ่ ปใ
9.1.2. ตรวจสอบความร้เดิมของนักเรียนเกย่ี วกบั เรอ่ื งระบบหายใจ โดยให้ทากจิ กรรม รอ้ ะปรบ้างก่อนเรียน
นักเรยี นสามารถเขียนข้อความ แผนผัง หรือแผนภาพปด้อยา่ งอสิ ระตามความเข้าใจของนกั เรยี น โดยครจ้ ะปม่เฉลย
คาตอบ ครค้ วรรวบรวมแนวคิดคลาดเคลื่อนทีพ่ บเพ่ือน าปใใชใ้ นการวางแผนการจดั การเรียนร้และแกป้ ขแนวคดิ
เหล่าน้ันใหถ้ ก้ ต้อง
9.1.3 ใหน้ ักเรยี นอ่านเนือ้ หา ในหนงั สือเรยี นหนา้ 69 เก่ยี วกับการท างานของอวยั วะต่าง ๆ ในระบบ
หายใจ และสงั เกต ภาพ 3.13 เพอ่ื ให้ปดข้ ้อสรุใวา่ กลปกการหายใจเข้าและการหายใจออกของมนุษย์ เกิดจากการท า
งานร่วมกนั ของ อวัยวะต่าง ๆ ในระบบหายใจ ปด้แก่ จม้ก ท่อลม ใอด (รวมถงึ หลอดลม หลอดลมฝอย ถุงลมภายใน
ใอด) และอวัยวะ ท่ีเกยี่ วขอ้ ง ปด้แก่ กระด้กซีโ่ ครง และกะบงั ลม
9.1.4. เชอ่ื มโยงเข้าส่้ กิจกรรมที่ 3.4 การหายใจเขา้ และการหายใจออกเกิดขึน้ ปดอ้ ยา่ งปร โดยใช้คาถามว่า
อวยั วะต่าง ๆ ในระบบหายใจทางานรว่ มกนั เพ่ือใหเ้ กดิ หายใจเขา้ และหายใจออกปด้อยา่ งปร
9.2 ขน้ั สอน
9.2.1 ใหน้ กั เรยี นอา่ นเนื้อหาเกยี่ วกับการหายใจเข้าและออกและสังเกตภาพ 3.14 ในหนังสอื เรยี นหน้า 71
และตอบคาถามระหว่างเรียน เพ่ือใหป้ ดข้ อ้ สรุใว่า การดึงแผน่ ยางลงหรือดันแผน่ ยางข้นึ เใรียบปด้กับการทางานของ
กะบังลม ซ่ึงมีผลตอ่ ใริมาตรอากาศและความดันภายในกล่องพลาสตกิ ทาใหอ้ ากาศเคล่ือนเข้าปใในลก้ โใง่ หรอื
เคลอ่ื นท่ีออกจากลก้ โใง่ ปด้ การที่กล้ามเนอ้ื กะบงั ลมหดตวั จะทาให้กะบังลมลดตัวต่าลงในขณะที่กระด้กซโี่ ครงจะยกตัว
ขึ้น ส่งผลให้ชอ่ งอกมใี ริมาตรเพ่มิ ขนึ้ และความดัน ภายในชอ่ งอกลดลง อากาศจากภายนอกจึงเคลื่อนที่เขา้ ส้่ใอด เกดิ
เใ็นการหายใจเข้า ในทางกลับกนั เมอ่ื กล้ามเนอื้ กะบังลมคลายตวั จะทาใหก้ ะบังลมยกตวั ส้งขึ้นในขณะทีก่ ระดก้ ซโ่ี ครง
จะลดตา่ ลง สง่ ผลใหช้ ่องอกมีใริมาตรลดลง ความดนั ภายในช่องอกเพมิ่ ข้นึ อากาศจึงเคลอื่ นทอี่ อกจากใอดเกดิ เใ็นการ
หายใจออก
ครช้ ี้ให้นกั เรยี นเหน็ วา่ ถงึ แม้วา่ แบบจาลองการท างานของใอดในกิจกรรมจะสามารถอธิบายกลปกการ
หายใจ เขา้ และออกของมนุษยป์ ด้ แตแ่ บบจาลองยังมขี ้อจ ากดั บางใระการ ซงึ่ ปม่เหมอื นกับการทางานของอวัยวะใน
ระบบ หายใจในร่างกายมนษุ ย์ ครค้ วรให้นักเรยี นเใรยี บเทยี บความเหมอื น ความแตกตา่ ง และขอ้ จากดั ของแบบจาลอง
กับ อวยั วะในระบบหายใจ โดยการตอบคาถามระหว่างเรยี น
17
9.2.2 ถ้าพบว่านักเรียนมแี นวคดิ คลาดเคล่อื นเกย่ี วกบั โครงสร้าง หน้าทข่ี องอวยั วะในระบบหายใจจากการ
ตอบคาถามก่อน เรยี น ระหว่างเรียน หรอื อาจตรวจสอบโดยใช้กลวธิ อี ่ืน ๆ ให้ครแ้ ก้ปขแนวคดิ คลาดเคล่อื นนัน้ ใหถ้ ก้ ตอ้ ง
เชน่ ใช้คาถาม และอภใิ รายร่วมกัน ใชแ้ ผนภาพ วดี ทิ ศั น์ เอกสารอา่ นใระกอบ
9.2.3 เชื่อมโยงปใส้ก่ ารเรียนรใ้ นเรื่องตอ่ ปใว่า ในการหายใจเขา้ และการหายใจออกนน้ั ใริมาณแก๊สตา่ ง ๆ
จะมีการ เใล่ยี นแใลงปใหรอื ปม่ อยา่ งปร โดยใหน้ กั เรียนศึกษาข้อม้ลจากแผนภม้ ิในภาพ 3.15 ใริมาณแกส๊ ตา่ ง ๆ ในลม
หายใจ เข้าและออก อ่านเนอ้ื หาในหนงั สอื เรียนหนา้ 72 และตอบค าถามในหนังสือเรยี น
9.2.4. ถ้าพบว่านักเรยี นมแี นวคิดคลาดเคลื่อนเกยี่ วกับอากาศทีห่ ายใจเข้าและออกจากการตอบค าถาม
ก่อนเรียน ระหว่างเรยี น หรอื อาจตรวจสอบโดยใช้กลวธิ อี ่ืน ๆ ให้คร้แก้ปขแนวคิดคลาดเคลอื่ นนัน้ ให้ถ้กต้อง เชน่ รว่ มกัน
อภิใรายโดยใชแ้ ผนภาพ วีดทิ ศั น์ หรอื อา่ นเอกสารความร้
9.2.5 ตัง้ คาถามเพอื่ กระตนุ้ ความสนใจว่า นักเรียนทราบหรือปมว่ า่ การแลกเใลีย่ นแกส๊ ออกซิเจนและแก๊ส
คารบ์ อนปดออกปซด์ เกดิ ข้นึ ที่บริเวณใดบ้าง และเกิดข้นึ ปด้อยา่ งปร
9.2.6 ใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพ 3.16 การแลกเใล่ียนแก๊สทเี่ กดิ ขึ้นบรเิ วณถงุ ลมใอดกบั หลอดเลือดฝอย และ
ภาพ 3.17 การ แลกเใลย่ี นแกส๊ บรเิ วณหลอดเลอื ดฝอยกับเซลล์ หรอื อาจให้ศกึ ษาจากวดี ิทศั น์ และอา่ นเน้ือหาหนา้ 72-
74 แล้วต้งั คาถามวา่ การแลกเใล่ียนแก๊สเกิดขน้ึ ปดอ้ ยา่ งปรและบรเิ วณใดบ้าง จากนนั้ ตอบคาถามในหนังสอื เรยี น เพ่ือให้
ปด้ ข้อสรุใว่า การแลกเใล่ยี นแกส๊ ออกซิเจนและแก๊สคารบ์ อนปดออกปซดเ์ กดิ ขน้ึ 2 บริเวณ คือ ระหว่างถงุ ลมในใอดกบั
หลอดเลือดฝอย และระหว่างหลอดเลอื ดฝอยกับเซลล์โดยใชก้ ระบวนการแพร่ ดังน้ี
- การแลกเใลยี่ นแกส๊ ระหวา่ งถุงลมในใอดกับหลอดเลือดฝอย แกส๊ ออกซเิ จนในถุงลมใอดทป่ี ด้จากการ
หายใจซงึ่ มีใรมิ าณสง้ กว่าเลือดในหลอดเลอื ดฝอยจะแพรเ่ ขา้ ปใจับกับ เฮโมโกลบนิ ในเซลล์เม็ดเลอื ดแดง สว่ นแกส๊
คาร์บอนปดออกปซดใ์ นเลอื ดภายในหลอดเลือดฝอยซ่งึ มีใริมาณสง้ กว่าแกส๊ คารบ์ อนปดออกปซดใ์ นถงุ ลม จะแพร่จาก
เลือดเข้าปใยังถงุ ลมใอด ซ่งึ จะลาเลยี งออกจากร่างกายทางลมหายใจออก
- การแลกเใล่ียนแก๊สระหว่างหลอดเลือดฝอยกับเซลล์ เมื่อหวั ใจส้บฉีดเลอื ดทม่ี ีแก๊สออกซิเจนสง้ มายงั
เซลล์ตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย แกส๊ ออกซิเจนจากเฮโมโกลบนิ ในเซลล์ เม็ดเลือดแดงจะแพร่ผา่ นผนงั หลอดเลอื ดฝอยปใยงั
เซลล์ ขณะเดยี วกนั แกส๊ คาร์บอนปดออกปซดท์ ่ีมีใริมาณส้งจาก เซลลจ์ ะแพรป่ ใยังเลอื ดในหลอดเลอื ดฝอยและล าเลียง
กลับส่้หวั ใจ
9.2.7 เชอ่ื มโยงเขา้ ส่้ กจิ กรรมที่ 3.5 ใอดจอุ ากาศปดเ้ ท่าใด โดยใชค้ าถามวา่ มนษุ ยจ์ าเใ็นต้องปดร้ บั
อากาศในใรมิ าณที่ เพยี งพอต่อความตอ้ งการของร่างกาย นักเรยี นทราบหรือปม่วา่ ใอดของแต่ละคนสามารถจอุ ากาศปด้
เทา่ กนั หรอื ปม่
9.2.8 ใหน้ ักเรียนศกึ ษากราฟในภาพ 3.18 และ 3.19 ในหนังสอื เรยี นหนา้ 78 และตอบคาถามระหว่าง
เรยี น จากนนั้ อ่านเนอื้ หาเก่ยี วกับใัจจัยท่ีมีผลต่อความจุอากาศของใอด รวมถงึ สาเหตุของโรคทีเ่ กย่ี วข้องกับทางเดนิ
หายใจในหนงั สือ เรียนหนา้ 79 เพื่อใหป้ ดข้ ้อสรุใว่า คา่ ความจอุ ากาศของใอดแตล่ ะบคุ คลอาจจะปม่เทา่ กนั ขึ้นอย้่กับ
ใจั จยั หลาย ใระการ เชน่ เพศ อายุ ความสง้ ของรา่ งกาย อาชพี นอกจากนี้บุคคลท่ีมีภาวะผิดใกติ หรือเใ็นโรคเก่ยี วกบั
ทางเดนิ หายใจ เชน่ โรคถุงลมโใ่งพอง โรคมะเรง็ ในใอด วัณโรค ใอดตดิ เช้อื อาจจะสง่ ผลให้ความจุของใอดลดลง ซ่งึ
ส่งผล ให้ความสามารถในการแลกเใล่ียนแกส๊ ของใอดลดลงดว้ ย คร้ควรเนน้ ถึงใระโยชนข์ องการออกกาลังกาย
อย่างสมาเสมอ ซงึ่ จะทาให้ความจอุ ากาศของใอดเพมิ่ ขนึ้ เใ็น การเพม่ิ ใระสิทธิภาพในการแลกเใลี่ยนแกส๊ และสาเหตุ
ของโรคถงุ ลมโใง่ พอง ซึง่ ส่วนใหญม่ กั จะเกดิ จากสารพิษในควันบุหรีซ่ ึ่งจะปใทาลายผนังของถงุ ลม ทาให้พ้นื ท่ีผิวในการ
18
แลกเใลี่ยนแก๊สของถุงลมลดลง ซึง่ อาจนาภาพของผท้ ี่ใ่วยเใ็นโรคถุงลมโใง่ พองมาให้นกั เรยี นด้เพอ่ื ให้นกั เรยี นตระหนัก
ถงึ พษิ ภัยของบุหรแ่ี ละปม่ส้บบุหร่ีหรอื ถ้ามนี กั เรียน บางคนตดิ บุหรี่ควรเลิกสบ้ นอกจากนค้ี ร้ควรแนะนาให้หลกี เลยี่ ง
สถานทท่ี ่ีมีควนั บหุ ร่ี ฝุ่นละออง อนั เใ็นสาเหตุให้ เกดิ โรคถุงลมโใ่งพอง
9.2.9 ใหน้ กั เรียนศกึ ษาข้อม้ลจากกราฟในภาพ 3.21 กราฟอัตราการตายของใระชากรปทยดว้ ยโรคมะเรง็
ท่อลม หลอดลม และใอด เพือ่ ให้นักเรียนเห็นว่าอัตราการตายด้วยโรคมะเรง็ ของอวัยวะเหล่าน้ีมีจานวนเพ่มิ มากขน้ึ ใน
แต่ละใี
9.2.10 เช่อื มโยงเข้าส่้ กจิ กรรมที่ 3.6 ทาอย่างปรจึงจะรกั ษาระบบหายใจให้ทางานเใ็นใกติโดยใช้คาถาม
ว่า นอกจาก โรคมะเรง็ ของอวยั วะในทางเดนิ หายใจแล้ว ยังมโี รคอ่ืน ๆ ทีเ่ ก่ียวกบั ระบบหายใจอกี นกั เรยี นทราบหรอื ปม่
ว่ามีโรค อะปรบา้ ง และโรคเหล่าน้ีมสี าเหตมุ าจากอะปร นักเรยี นจะด้แลรักษาอวยั วะในระบบหายใจปดอ้ ยา่ งปร
9.3 ขัน้ สรุใ
9.3.1 เช่ือมโยงปใส่้การเรยี นร้ในเร่ืองต่อปใวา่ ระบบหมนุ เวยี นเลือดและระบบหายใจน้ันท างานร่วมกนั
เพ่ือน าแกส๊ ออกซิเจน เขา้ ส่ร้ า่ งกาย และก าจัดแกส๊ คารบ์ อนปดออกปซดอ์ อกนอกรา่ งกาย นอกจากการก าจัดแก๊ส
คารบ์ อนปดออกปซด์แล้ว รา่ งกายยังจ าเใ็นตอ้ งก าจัดของเสยี และสารส่วนเกนิ ออกนอกร่างกายด้วย นกั เรยี นทราบ
หรอื ปมว่ า่ รา่ งกายของเรามี ระบบใดทท่ี าหนา้ ทดี่ ังกล่าว
10. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
10.1 ส่อื การเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.2 สสวท.
10.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) เทคนคิ การสบื ค้นข้อม้ลในรใ้ แบบตา่ ง ๆ ด้วย google search
19
11. การวัดผลและประเมินผล
รายการประเมิน วิธวี ดั เครอ่ื งมือวดั ผลและประเมินผล เกณฑ์การผ่าน
(ภาระงาน/ชิ้นงาน)
ดา้ นความรู้ : K 1. ตรวจกจิ กรรม 3.4 การ 1. กจิ กรรม 3.4 การหายใจเขา้ และ - ตอบคาถามถ้กตอ้ งปม่
หายใจเข้าและหายใจออก หายใจออกเกิดขึ้นปดอ้ ยา่ งปร ตา่ กวา่ รอ้ ยละ 70 ของ
เกดิ ขึ้นปดอ้ ยา่ งปร 2 กจิ กรรม 3.5 ใอดจอุ ากาศปด้เท่าใด จานวนคาถาม
2 ตรวจกจิ กรรม 3.5 ใอดจุ 3 กิจกรรม 3.6 ทาอย่างปรเพอ่ื ให้ ระบบ - นกั เรียนสามารถทา
อากาศปดเ้ ท่าใด หายใจทางานอยา่ งเใ็นใกติ การทดลองปดถ้ ้กตอ้ ง
3 กจิ กรรม 3.6 ทาอยา่ งปร 4. ใบงานท่ี 4 เรอื่ งระบบหายใจ 70%
เพอ่ื ให้ ระบบหายใจทางาน
อย่างเใน็ ใกติ
4. ตรวจใบงานที่ 4 เร่ือง
ระบบหายใจ
นกั เรยี นมีพฤติกรรมใน
ดา้ นทกั ษะ : S ทกั ษะการสือ่ สาร แบบสังเกตพฤติกรรม ช้ันเรยี นในระดับ
กระบวนการ : P ทกั ษะการคิดอยา่ งมี คณุ ภาพดีขึ้นปใ
วิจารณญาณ
ทกั ษะการแก้ใัญหา
ทกั ษะการทางานร่วมกบั ผ้อ่ืน
นกั เรียนมีพฤตกิ รรมใน
ด้านคณุ ลกั ษณะ : A ม่งุ ม่นั ในการทางาน แบบสังเกตพฤตกิ รรม ชน้ั เรยี นในระดับ
ใฝเ่ รยี นร้ คุณภาพดขี ้นึ ปใ
มวี นิ ัย
20
12. บนั ทกึ ความเห็นและข้อเสนอแนะของหวั หน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรู้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ...................................................
(นายนทั พงษ์ โคตะมา)
............./............../..............
13. บนั ทึกความเห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลมุ่ งานการบรหิ ารงานวชิ าการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่ือ ...................................................
(นางฐิชารศั ม์ อินทรช์ ้นั ศรี)
............./............../..............
14. บันทึกความเหน็ และข้อเสนอแนะของรองผ้อู านวยการกลุ่มงานการบริหารงานวชิ าการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ ...................................................
(นายวิชานนท์ ฝา้ ยขาว)
............./............../..............
15. บันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะของผอู้ านวยการโรงเรยี น
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ...............................................ผ้อานวยการโรงเรยี น
(นายชนาวธุ ใระทุมชาต)ิ
............./.........../............
21
บนั ทึกผลหลงั การใช้แผนการจดั การเรียนรู้
รหัสวิชา............................................รายวิชา....................................................................... ............ช.ม./สัใดาห์
หนว่ ยท่ี .............. เรือ่ ง............................................................................................................
1. สาระสาคัญของเนอ้ื หาของเรือ่ งที่จัดการเรียนร้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. รายงานการใช้แผนการจัดการเรียนร้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.1 ความเหมาะสมของเนื้อหาที่สอน มาก พอดี นอ้ ย
2.2 ผลการทาแบบฝกึ หดั /ใบงาน ของนักเรียน ทันเวลา ใานกลาง ปม่ทนั เวลา
3. การบ้รณาการดา้ น คุณลกั ษณะ คุณธรรม จรยิ ธรรม ใรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
4. สือ่ การจัดการเรยี นร้ ..............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. ผลการใช้สอ่ื การจัดการเรียนร้................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
6. บนั ทกึ หลังการจดั เรียนร้ / ขอ้ คน้ พบ
6.1 การบรรลุ K จานวน...................คน คิดเใ็นร้อยละ...............................................................
ปม่บรรลุ K จานวน...................คน คิดเใ็นร้อยละ...............................................................
6.2 การบรรลุ S หรอื P จานวน...................คน คดิ เใ็นร้อยละ...............................................
ปม่บรรลุ S หรือ P จานวน...................คน คดิ เใ็นร้อยละ....................................................
6.3 การบรรลุ A จานวน...................คน คดิ เใ็นร้อยละ....................................................
ปม่บรรลุ A จานวน...................คน คิดเใน็ ร้อยละ....................................................
6.4 .................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
22
7. ใญั หาและอใุ สรรค ...............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
8. การแก้ใัญหา ........................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
9. วธิ ีการวดั และใระเมินผลการเรยี น.........................................................................................................
ลงชอื่ ผ้สอน
(นางสาวปพจิตร อุใโคตร)
นกั ศึกษาฝกึ ใระสบการณว์ ชิ าชพี คร้
.........../................../.............
บนั ทกึ ขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของครพ้ ีเ่ ล้ียงเก่ียวกบั บนั ทึกหลังการสอน
...................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
…………………… ลงชือ่ …………………………...............……
(……………………………………….…………) (นางฐชิ ารัศม์ อนิ ทรช์ ้นั ศรี)
………/………/………. คร้พ่เี ล้ียง
………/………/……….
บันทึกหลังการสอน ตามแผนการจัดการเรยี นร้ฉบับนี้ ปด้รับการพจิ ารณาจากวิชาการ แล้ว
ลงชอ่ื
(นางฐิชารัศม์ อนิ ทร์ช้นั ศรี)
หัวหน้ากลุ่มงานการบริหาวชิ าการ
……./………/………
บนั ทึกของรองผอู้ านวยการโรงเรียน
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงช่อื รองผ้อานวยการโรงเรียน
(นายวชิ านนท์ ฝ้ายขาว)
.........../................/...........
23
บนั ทกึ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
( ) ทราบ
( ) อ่ืนๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ผอ้ านวยการโรงเรียน
(นายชนาวธุ ใระทุมชาติ)
.........../................/...........
24
แผนการจดั การเรยี นรู้
รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ 3 รหสั วชิ า ว22101 กล่มุ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 3 เรื่อง รา่ งกายมนษุ ย์ เวลาเรยี น 15 ชัว่ โมง
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 8 เรื่อง ระบบขับถ่าย เวลาเรยี น 3 ชว่ั โมง
ครผู ู้สอน นางสาวไพจิตร อปุ โคตร ตาแหนง่ นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชพี ครู โรงเรียนน้าสวยวิทยา
อาเภอสระใคร จงั หวัดหนองคาย
เป้าหมายการเรียนรู้
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั
1.1 สาระท่ี 2
1.2 มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.2 วทิ ยาศาสตร์ชวี ภาพ
1.3 ตวั ชี้วัด / ผลการเรียนรู้
เข้าใจสมบัติของส่ิงมชี ีวิต หนว่ ยพื้นฐานของส่ิงมชี วี ติ การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์
ความสัมพนั ธข์ องโครงสร้างและหน้าทข่ี องอวยั วะต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ท่ที างานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของ
โครงสรา้ งและหนา้ ทขี่ องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพนั ธ์กันรวมทัง้ นาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
1.4 จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1.4.1 ด้านความรู้ (K)
1. ระบุอวัยวะและบรรยายหนา้ ทขี่ อง อวัยวะในระบบขับถ่ายในการกาจดั ของเสยี
2. ตระหนักถึงความสาคัญของระบบ ขับถ่าย โดยการบอกแนวทางและปฏิบัติ ตนในการดูแลรักษา
อวยั วะในระบบ ขับถ่ายใหท้ างานเป็นปกติ
1.4.2 ด้านทกั ษะ (S) / ดา้ นกระบวนการ (P)
1) ทักษะการส่อื สาร 2) ทกั ษะการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ
2) ทักษะการแก้ปัญหา 4) ทักษะการทางานร่วมกบั ผอู้ ืน่
1.4.3 ด้านเจตคติ (A)
1) ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องความรเู้ รอ่ื งอวยั วะในระบบขับถา่ ยในการกาจดั ของเสยี
2) นกั เรยี นมกี ารแสดงความคดิ เห็นและยอมรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น
3) นักเรียนมคี วามใฝร่ ใู้ ฝ่เรียนและมุ่งม่นั ในการทางาน
4) นักเรยี นมีความสามัคคีในการทางานร่วมกันเป็นกลุ่ม
25
2. สาระสาคญั
ระบบขับถ่ายของมนุษย์มไี ตเป็นอวัยวะสาคญั ในการก าจัดของเสยี ออกจากรา่ งกาย ไตประกอบดว้ ยหน่วยไต
เล็ก ๆ จานวนมาก ทาหน้าที่กรองของเสียออกจากเลอื ด และดูดสารท่ีมีประโยชนแ์ ละนา้ บางสว่ นกลบั คืนสู่หลอดเลอื ด
สว่ นของเหลวท่ีเหลือซงึ่ ประกอบด้วยยเู รีย กรดยูรกิ น้า และสารบางชนิด รวมเรียกว่านา้ ปัสสาวะจะถกู กาจัดออกนอก
ร่างกาย
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
• ระบบอวัยวะขับถ่ายมีอวัยวะที่เก่ียวข้อง คือ ไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ โดยมีไตทา
หน้าที่กาจดั ของเสีย เชน่ ยเู รีย แอมโมเนยี กรดยูรกิ รวมท้งั สารท่ี ร่างกายไม่ต้องการออกจากเลือด และควบคุมสาร
ท่มี ีมาก หรือนอ้ ยเกนิ ไป เช่น น้า โดยขับออกมาในรปู ของปสั สาวะ
• การเลือกรับประทานอาหารท่ีเหมาะสม เช่น รับประทาน อาหารท่ีไม่มีรสเค็มจัด การด่ืมน้าสะอาดให้
เพยี งพอ เป็น แนวทางหนึง่ ทช่ี ่วยให้ระบบขับถ่ายทาหน้าทไี่ ด้อย่างปกติ
3.2 สาระการเรียนรู้ท้องถนิ่
-
4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน
4.1 ความสามารถในการส่อื สาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 มุ่งมนั่ ในการทางาน
5.2 ใฝ่เรียนรู้
5.3 มีวินยั
6. ภาระงาน/ช้ินงาน
6.1 กจิ กรรม 3.7 ดแู ลรักษาไตอยา่ งไร
6.2 ใบงานที่ 5 เรื่องระบบขับถา่ ย
7. คาถามสาคัญ
- ถ้าไตทางานผิดปกตกิ ารกรองและการดดู กลบั สารตา่ ง ๆ จะเปน็ อยา่ งไร และจะมีวธิ ปี ฏบิ ัติตนอย่างไร
แนวคาตอบ ตอบตามความคิดของนักเรียน
8. การบรู ณาการ
8.1 บูรณาการวชิ าศิลปะ โดยให้นกั เรยี นวาดรูประบายสีอวัยวะ ต่างๆ
8.2 บรู ณาการ วชิ าชวี วทิ ยา กระบวนการทางานของร่างกาย
8.3 บูรณาการวชิ าสขุ ศึกษาและพละศกึ ษา โดยให้รจู้ กั ดแู ลสุขภาพและโภชนาการ หม่นั ออกกาลงั กายเปน็
ประจา
26
9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (5E)
9.1 ขัน้ นา
9.1.1 ใหน้ ักเรียนดภู าพนาเรื่อง อา่ นเนือ้ หา และคาสาคญั เร่ืองระบบขบั ถา่ ย จากน้นั ทากิจกรรม ทบทวน
ความรกู้ ่อนเรยี น ถ้าครพู บวา่ นักเรยี น ยังมีความเขา้ ใจในเนื้อหาสว่ นใดยงั ไม่สมบรู ณ์ หรอื ไมถ่ กู ต้อง ครคู วรอธิบาย
เพมิ่ เตมิ เกี่ยวกบั เนอื้ หาส่วนนนั้ เพอื่ ใหน้ ักเรยี นมคี วามรพู้ ืน้ ฐาน ทีถ่ กู ต้องและเพียงพอที่จะเรียนรู้เกย่ี วกบั เร่ือง ระบบ
ขบั ถ่ายต่อไป
9.1.2. ตรวจสอบความร้เู ดิมของนกั เรียนเก่ยี วกบั เร่ืองระบบขบั ถา่ ย โดยให้ทากจิ กรรม ร้อู ะไรบ้างกอ่ น
เรยี น นักเรียนสามารถเขียนคาตอบตามความเขา้ ใจ โดยครยู ังไม่เฉลยคาตอบ ครูควรรวบรวมแนวคิดคลาดเคลื่อนท่ีพบ
เพือ่ นาไปใช้ ในการวางแผนการจัดการเรียนรู้และแก้ไขแนวคิดเหลา่ นั้นให้ถูกตอ้ ง หรือนาไปใช้ในการเน้นยา้ หรอื อธิบาย
เน้ือหา ส่วนใดเปน็ พเิ ศษ เพอื่ ให้นักเรียนไดเ้ รยี นรู้และมคี วามเขา้ ใจครบถว้ นตามจดุ ประสงค์การเรยี นรู้
8.2 ขนั้ สอน
9.2.1 ใหน้ ักเรียนอ่านเนื้อหาและสังเกตภาพ 3.23 ภาพ 3.24 และภาพ 3.25 ตามรายละเอียดในหนงั สอื
เรยี นหน้า 83-85 และตอบคาถามระหวา่ งเรยี น เพ่อื ให้ได้ขอ้ สรุปวา่ อวยั วะในระบบขบั ถา่ ยประกอบดว้ ยไต ท่อไต
กระเพาะปสั สาวะ และทอ่ ปัสสาวะ ระบบขับถ่ายมีหนา้ ท่กี าจดั ของเสียออกนอกร่างกายในรปู ของปสั สาวะ ซ่ึงมีไตเปน็
อวยั วะหลกั ไตของมนษุ ย์มี 2 ขา้ ง แตล่ ะขา้ งแบง่ ออกเปน็ 2 ชั้น ได้แก่ ไตช้นั นอกและไตชั้นใน ภายในไตประกอบด้วย
หน่วยไตที่ ท าหนา้ ทก่ี รองสารต่าง ๆ ออกจากเลือดซ่ึงสารทีก่ รองได้มที ้งั สารทีม่ ีประโยชนแ์ ละของเสีย และยงั ทาหน้าท่ี
ดูดสารทมี่ ี ประโยชนก์ ลับเข้าสรู่ า่ งกาย สารท่ีผ่านการกรองและการดูดกลับจากหน่วยไตซ่งึ จะถูกขบั ออกสู่ภายนอก
รา่ งกาย เรยี กวา่ ปัสสาวะ การวิเคราะห์สว่ นประกอบและสารตา่ ง ๆ ทพ่ี บในปัสสาวะจึงใช้ตรวจวินิจฉยั เบอ้ื งตน้ เก่ยี วกบั
ภาวะของโรค บางโรคของร่างกายได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคตบั โรคกระเพาะปัสสาวะอกั เสบ
9.2.2 เชอื่ มโยงเข้าสู่ กจิ กรรมที่3.7 ดูแลรักษาไตอยา่ งไร โดยใชค้ าถามวา่ ถ้าไตทางานผดิ ปกติ การกรอง
และการดูดกลบั สารต่าง ๆ จะเป็นอยา่ งไร และจะมีวิธปี ฏิบัตติ นอย่างไร เพ่อื ใหไ้ ตทางานได้อยา่ งเป็นปกติ
8.2.3 ถา้ พบวา่ นักเรยี นมีแนวคดิ คลาดเคลื่อนเกี่ยวกบั หน้าทีข่ องไตจากการตอบคาถามกอ่ นเรยี น ระหวา่ ง
เรยี น หรอื อาจตรวจสอบโดยใชก้ ลวธิ ีอน่ื ๆ ให้ครูแกไ้ ขแนวคดิ คลาดเคลือ่ นนั้นใหถ้ กู ต้อง เช่น ใช้คาถามและอภิปราย
ร่วมกันใชแ้ ผนภาพ วดี ิทัศน์ เอกสารอ่านประกอบ
9.3 ข้ันสรปุ
9.3.1 เชื่อมโยงไปสู่การเรียนร้ใู นเร่อื งตอ่ ไปว่า ในการดารงชีวติ ของมนษุ ยอ์ ยา่ งปกติสุข จาเป็นตอ้ งอาศัย
การทางานรว่ มกนั ของระบบอวัยวะต่าง ๆ เชน่ ระบบยอ่ ยอาหาร ระบบหายใจ และระบบขับถา่ ย นักเรยี นทราบ
หรือไมว่ ่า ในการ ทางานร่วมกันของระบบตา่ ง ๆ นั้น มีระบบอวยั วะใดท่ีเปน็ ตัวประสานและควบคุมการทางานให้ระบบ
ต่าง ๆ ทางาน รว่ มกันได้อยา่ งปกติและมีประสิทธภิ าพ
10. สื่อ/แหล่งการเรยี นรู้
10.1 สือ่ การเรียนรู้
1. หนงั สอื เรียนวิชาวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.2 สสวท.
10.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) เทคนิคการสบื คน้ ขอ้ มลู ในรปู แบบตา่ ง ๆ ดว้ ย google search
11. การวัดผลและประเมนิ ผล 27
รายการประเมิน วธิ วี ดั เครอ่ื งมอื วัดผลและประเมนิ ผล เกณฑ์การผ่าน
(ภาระงาน/ชิ้นงาน) 1. กิจกรรม 3.7 ดูแลรักษาไตอย่างไร - ตอบคาถามถูกตอ้ งไม่
2. ใบงานท่ี 5 เร่อื งระบบขบั ถา่ ย ต่ากวา่ รอ้ ยละ 70 ของ
ดา้ นความรู้ : K 1. ตรวจกิจกรรม 3.7 ดแู ล จานวนคาถาม
- นกั เรยี นสามารถทา
รกั ษาไตอยา่ งไร การทดลองได้ถูกตอ้ ง
70%
2. ตรวจใบงานที่ 5 เรอ่ื ง
ระบบขบั ถา่ ย
ด้านทักษะ : S ทกั ษะการสอื่ สาร แบบสังเกตพฤตกิ รรม นกั เรียนมีพฤติกรรมใน
กระบวนการ : P ชน้ั เรียนในระดับ
ทกั ษะการคิดอย่างมี คณุ ภาพดขี ้นึ ไป
วจิ ารณญาณ
ทักษะการแกป้ ญั หา
ทักษะการทางานร่วมกบั ผอู้ ่นื
ด้านคณุ ลักษณะ : A มงุ่ มัน่ ในการทางาน แบบสังเกตพฤติกรรม นกั เรยี นมพี ฤตกิ รรมใน
ใฝเ่ รียนรู้ ช้ันเรยี นในระดับ
มวี ินยั คุณภาพดีขน้ึ ไป
28
12. บนั ทกึ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะของหวั หนา้ กล่มุ สาระการเรียนรู้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชือ่ ...................................................
(นายนทั พงษ์ โคตะมา)
............./............../..............
13. บันทกึ ความเหน็ และขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลุม่ งานการบรหิ ารงานวชิ าการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่ือ ...................................................
(นางฐิชารศั ม์ อนิ ทร์ชั้นศร)ี
............./............../..............
14. บันทึกความเห็นและข้อเสนอแนะของรองผ้อู านวยการกลุม่ งานการบริหารงานวิชาการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ ...................................................
(นายวชิ านนท์ ฝา้ ยขาว)
............./............../..............
15. บนั ทึกความเหน็ และขอ้ เสนอแนะของผู้อานวยการโรงเรยี น
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงช่อื ...............................................ผูอ้ านวยการโรงเรยี น
(นายชนาวธุ ประทมุ ชาติ)
............./.........../............
29
บันทกึ ผลหลงั การใชแ้ ผนการจัดการเรียนรู้
รหสั วชิ า............................................รายวิชา....................................................................... ............ช.ม./สปั ดาห์
หน่วยที่ .............. เรื่อง............................................................................................................
1. สาระสาคัญของเน้ือหาของเรอ่ื งท่ีจัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. รายงานการใช้แผนการจดั การเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.1 ความเหมาะสมของเนือ้ หาที่สอน มาก พอดี น้อย
2.2 ผลการทาแบบฝึกหัด /ใบงาน ของนกั เรียน ทนั เวลา ปานกลาง ไมท่ นั เวลา
3. การบูรณาการดา้ น คุณลกั ษณะ คุณธรรม จริยธรรม ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
4. สอื่ การจดั การเรยี นรู้ ..............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. ผลการใช้สอื่ การจัดการเรยี นรู.้ ...............................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
6. บนั ทึกหลงั การจัดเรยี นรู้ / ขอ้ คน้ พบ
6.1 การบรรลุ K จานวน...................คน คิดเป็นร้อยละ...............................................................
ไม่บรรลุ K จานวน...................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ...............................................................
6.2 การบรรลุ S หรือ P จานวน...................คน คดิ เป็นร้อยละ...............................................
ไมบ่ รรลุ S หรอื P จานวน...................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ....................................................
6.3 การบรรลุ A จานวน...................คน คิดเป็นร้อยละ....................................................
ไม่บรรลุ A จานวน...................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ....................................................
6.4 .................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
30
7. ปญั หาและอปุ สรรค ...............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
8. การแกป้ ญั หา ........................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
9. วธิ ีการวัดและประเมนิ ผลการเรียน.........................................................................................................
ลงชอื่ ผู้สอน
(นางสาวไพจิตร อปุ โคตร)
นักศึกษาฝึกประสบการณ์วชิ าชีพครู
.........../................../.............
บนั ทึกขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของครูพเ่ี ลยี้ งเก่ียวกบั บนั ทึกหลังการสอน
...................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
…………………… ลงชื่อ…………………………...............……
(……………………………………….…………) (นางฐชิ ารศั ม์ อนิ ทร์ช้ันศรี)
………/………/………. ครูพีเ่ ลีย้ ง
………/………/……….
บนั ทึกหลงั การสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบับนี้ ไดร้ บั การพจิ ารณาจากวิชาการ แล้ว
ลงชอ่ื
(นางฐชิ ารัศม์ อนิ ทร์ชั้นศรี)
หวั หน้ากลุ่มงานการบริหาวิชาการ
……./………/………
บันทกึ ของรองผู้อานวยการโรงเรียน
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงชื่อ รองผ้อู านวยการโรงเรยี น
(นายวิชานนท์ ฝ้ายขาว)
.........../................/...........
31
บนั ทกึ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
( ) ทราบ
( ) อ่ืนๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงชื่อ ผอู้ านวยการโรงเรียน
(นายชนาวุธ ประทุมชาติ)
.........../................/...........
32
แผนการจดั การเรยี นรู้
รายวชิ า วิทยาศาสตร์ 3 รหสั วิชา ว22101 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 2 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง รา่ งกายมนุษย์ เวลาเรยี น 15 ช่วั โมง
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 9 เรอื่ ง ระบบประสาท เวลาเรียน 3 ชวั่ โมง
ครูผสู้ อน นางสาวไพจิตร อุปโคตร ตาแหน่ง นักศกึ ษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู โรงเรยี นน้าสวยวทิ ยา
อาเภอสระใคร จงั หวัดหนองคาย
เปา้ หมายการเรยี นรู้
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชว้ี ดั
1.1 สาระท่ี 2
1.2 มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.2 วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ
1.3 ตวั ช้ีวัด / ผลการเรยี นรู้
เขา้ ใจสมบตั ิของสง่ิ มชี วี ิต หนว่ ยพื้นฐานของสิ่งมชี ีวติ การลาเลียงสารเข้าและออกจากเซลล์
ความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าทข่ี องอวยั วะต่าง ๆ ของสตั ว์และมนษุ ยท์ ท่ี างานสัมพนั ธก์ ัน ความสัมพันธข์ อง
โครงสรา้ งและหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ของพชื ทท่ี างานสัมพันธก์ นั รวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
1.4 จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
1.4.1 ดา้ นความรู้ (K)
1. ระบอุ วยั วะและบรรยายหน้าที่ของอวัยวะในระบบประสาทส่วนกลางในการควบคุมการทางานต่าง
ๆ ของ รา่ งกายและการแสดงพฤตกิ รรม
2. ตระหนักถึงความสาคัญของระบบ ประสาท โดยการบอกแนวทางและปฏิบัติตนในการดูแลรักษา
อวัยวะใน ระบบประสาทให้ทางานเป็นปกติ
1.4.2 ด้านทกั ษะ (S) / ด้านกระบวนการ (P)
1) ทักษะการส่อื สาร 2) ทกั ษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ
2) ทักษะการแกป้ ัญหา 4) ทกั ษะการทางานร่วมกับผอู้ นื่
1.4.3 ด้านเจตคติ (A)
1) ตระหนกั ถึงประโยชน์ของความร้เู ร่อื งอวยั วะในระบบประสาทสว่ นกลางในการควบคุมการทางาน
ต่าง ๆ ของ ร่างกายและการแสดงพฤติกรรม
2) นกั เรยี นมีการแสดงความคดิ เหน็ และยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผ้อู ่ืน
3) นักเรียนมคี วามใฝร่ ูใ้ ฝ่เรยี นและมุ่งม่ันในการทางาน
4) นักเรียนมีความสามัคคีในการทางานร่วมกันเปน็ กลุ่ม
33
2. สาระสาคัญ
ระบบประสาทสว่ นกลาง ประกอบด้วยสมองและไขสนั หลัง ท าหน้าที่รว่ มกบั เส้นประสาทซ่ึงเป็นระบบ
ประสาท รอบนอกในการควบคมุ การทางานของอวัยวะตา่ ง ๆ รวมถงึ การแสดงพฤตกิ รรมเพ่อื ตอบสนองต่อสงิ่ เร้า
3. สาระการเรยี นรู้
3.2 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
• ระบบประสาทสว่ นกลาง ประกอบด้วยสมองและไขสนั หลัง จะทาหน้าท่ีร่วมกบั เสน้ ประสาท ซ่งึ เปน็ ระบบ
ประสาทรอบ นอกในการควบคมุ การทางานอวยั วะต่าง ๆ รวมถึงการแสดง พฤตกิ รรม เพอ่ื การตอบสนองตอ่ ส่งิ เรา้
• เมือ่ มีสิ่งเรา้ มากระตุ้นหน่วยรับความรู้สึก จะเกิดกระแสประสาทส่งไปตามเซลล์ประสาทรับความรู้สึกไป
ยังระบบ ประสาทส่วนกลาง แล้วส่งกระแสประสาทมาตามเซลล์ ประสาทส่ังการ ไปยังหน่วยปฏิบัติการ เช่น
กล้ามเนือ้
• ระบบประสาทเป็นระบบทม่ี คี วามซับซ้อนและมีความสัมพันธ์กับทุกระบบในร่างกาย ดังนั้นจึงควรป้องกัน
การเกิดอุบัติเหตุ ท่ีกระทบกระเทือนต่อสมอง หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด หลีกเลี่ยงภาวะเครียด และรับประทาน
อาหารทีม่ ปี ระโยชน์ เพอ่ื ดูแลรักษาระบบประสาทให้ทางานเปน็ ปกติ
3.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
-
4. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน
4.1 ความสามารถในการสื่อสาร
4.2 ความสามารถในการคิด
4.3 ความสามารถในการแกป้ ัญหา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
5.1 มงุ่ มนั่ ในการทางาน
5.2 ใฝ่เรียนรู้
5.3 มวี ินัย
6. ภาระงาน/ช้นิ งาน
6.1 กิจกรรมเสรมิ เราจาได้มากแคไ่ หน
6.2 กจิ กรรม 3.8 รา่ งกายจะมีปฏกิ ริ ิยาอย่างไรเมอ่ื ถูกเคาะบรเิ วณหวั เข่า
6.3 กิจกรรม 3.9 นกั เรยี นตอบสนองได้ดีแค่ไหน
6.4 ใบงานที่ 6 เรอ่ื งสมอง
7. คาถามสาคัญ
- สมองเป็นอวยั วะหนงึ่ ในระบบประสาทสว่ นกลาง นอกจากนี้ยังมไี ขสันหลงั อีกด้วย ไขสันหลังอยบู่ รเิ วณใด มี
หนา้ ที่และความสาคญั อยา่ งไร
แนวคาตอบ ตอบตามความคิดของนกั เรียน
34
8. การบรู ณาการ
8.1 บรู ณาการวิชาศลิ ปะ โดยให้นักเรียนวาดรูประบายสีอวัยวะ ต่างๆ
8.2 บรู ณาการ วิชาชีววิทยา กระบวนการทางานของรา่ งกาย
9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (5E)
9.1 ข้ันนา
9.1.1 ใหน้ กั เรียนดูภาพนาเรือ่ ง อ่านเนอื้ หานาเรอ่ื ง เพือ่ ใหน้ กั เรียนเหน็ ถึงความสาคญั ของสมองซ่ึง เป็น
อวัยวะหนงึ่ ในระบบประสาท และอ่านคาสาคญั ทากิจกรรม ทบทวนความรู้ก่อนเรยี น แลว้ ร่วมกันอภปิ รายเพ่อื ให้ได้ค า
ตอบทถี่ ูกตอ้ ง ถ้าครูพบว่านักเรยี นยังท ากจิ กรรมทบทวน ความรู้ก่อนเรยี นไมถ่ กู ต้อง ครคู วรทบทวนและ แกไ้ ขความ
เข้าใจผิดของนักเรยี นเพอื่ ให้ นักเรยี นมีความรพู้ น้ื ฐานทีถ่ กู ต้องและเพยี ง พอทจ่ี ะเรยี นเร่ืองระบบประสาทตอ่ ไป
9.1.2 ตรวจสอบความรเู้ ดมิ ของนักเรยี นเกย่ี วกบั ระบบประสาทโดยให้ทากิจกรรม รอู้ ะไรบ้างกอ่ นเรยี น
นกั เรยี นสามารถ เขยี นขอ้ ความและวาดรูปได้อยา่ งอิสระตามความเขา้ ใจของนักเรียน โดยครูจะไม่เฉลยคาตอบ ครูควร
รวบรวมแนวคิด คลาดเคลื่อนท่ีพบเพอื่ น าไปใช้ในการวางแผนการจัดการเรยี นรู้และแกไ้ ขแนวคิดเหลา่ น้ันให้ถูกตอ้
9.2 ขั้นสอน
9.2.1 ให้นักเรียนอา่ นเนื้อหาและสังเกตภาพ 3.27 3.28 และ 3.29 เกย่ี วกับส่วนประกอบของระบบ
ประสาท รปู รา่ งของเซลล์ประสาท การเกิดกระแสประสาท ชนดิ ของเซลล์ประสาท ในหนังสือเรยี นหน้า 88-89 และ
ตอบค าถามระหว่าง เรียน จากนั้นรว่ มกันอภปิ ราย เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปวา่ 3.1 ระบบประสาทประกอบด้วยสมอง ไขสนั
หลงั และเสน้ ประสาท หนว่ ยยอ่ ยของสมองและไขสนั หลงั ได้แก่ เซลล์ประสาท ซง่ึ ประกอบด้วยตัวเซลลแ์ ละเสน้ ใย
ประสาท 3.2 เสน้ ใยประสาทประกอบดว้ ยเดนไดรต์และแอกซอน เดนไดรต์ท าหนา้ ท่รี ับกระแสประสาท ส่วนแอกซอน
ทาหนา้ ท่ีส่งกระแสประสาท 3.3 กระแสประสาทเคลื่อนท่ีจากเซลลห์ นง่ึ ไปยงั อกี เซลลห์ นึง่ โดยผา่ นชอ่ งวา่ งแคบ ๆ ซง่ึ
ต้องอาศัยสารเคมที ่ีสร้างจากบริเวณปลายแอกซอน เพือ่ ไปกระตุ้นทาใหเ้ กิดกระแสประสาทบนเดนไดรตใ์ นเซลลถ์ ัดไป
3.4 เซลลป์ ระสาทแบ่งตามหน้าท่ไี ดเ้ ปน็ 3 ชนดิ ได้แก่ เซลล์ประสาทรับความรู้สกึ เซลลป์ ระสาทส่งั การและ เซลล์
ประสาทประสานงาน
9.2.2 ถา้ พบวา่ นักเรยี นมีแนวคิดคลาดเคลือ่ นเกี่ยวกบั ระบบประสาทจากการตอบคาถามก่อนเรยี น
ระหว่างเรียน หรืออาจ ตรวจสอบโดยใชก้ ลวิธีอนื่ ๆ ให้ครูแกไ้ ขแนวคิดคลาดเคลอ่ื นนน้ั ให้ถกู ต้อง เช่น ใช้คาถามและ
อภปิ รายรว่ มกนั ใช้ แผนภาพ วีดิทศั น์ เอกสารอา่ นประกอบ
9.2.3 ใหน้ กั เรยี นอา่ นเนื้อหาและสังเกตภาพ 3.30 ในหนังสือเรียนหน้า 90 รว่ มกันอภิปรายเพอื่ ให้ได้
ขอ้ สรุปวา่ สมอง ประกอบด้วยสว่ นหลกั ๆ ได้แก่ ซีรบี รมั ซีรีเบลลัม และก้านสมอง และหน้าที่ของสว่ นประกอบเหลา่ นี้
ตามรายละเอียด ในหนังสือเรียน จากน้ันตอบคาถามระหวา่ งเรยี น
9.2.4 ถา้ มีเวลาในการเรียนเพยี งพอครูอาจใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรมเสรมิ เราจาได้มากแค่ไหน เพื่อทดสอบ
ความสามารถใน การจาของนกั เรยี น เนอ่ื งจากความสามารถในการจาของแต่ละคนไม่เท่ากัน
9.2.5 เชือ่ มโยงเข้าสู่หัวข้อไขสนั หลังว่า สมองเป็นอวัยวะหนง่ึ ในระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนีย้ ังมีไข
สันหลงั อกี ดว้ ย ไขสันหลงั อยู่บรเิ วณใด มีหน้าท่ีและความสาคญั อยา่ งไร
9.2.6 ให้นักเรียนอา่ นเนอ้ื หาเกี่ยวกบั ไขสันหลังในหนังสอื เรยี นหนา้ 93 และสังเกตภาพ 3.31 รว่ มกัน
อภปิ รายตาแหน่งของไขสันหลงั จากภาพ และหน้าท่ขี องไขสนั หลงั เพอ่ื ให้ไดข้ ้อสรปุ วา่ ไขสันหลงั เปน็ สว่ นทีต่ ่อลงมาจาก
35
ก้านสมองตาม แนวยาวภายในชอ่ งของกระดูกสันหลัง หนา้ ท่ีหลกั ของไขสนั หลงั คอื เช่ือมตอ่ การทางานระหวา่ งสมอง
และ เสน้ ประสาท และเป็นศูนยก์ ลางควบคุมการตอบสนองของร่างกายอยา่ งทันทที ันใดหรอื ปฏกิ ิริยารเี ฟลก็ ซ์
9.2.7 เชือ่ มโยงเข้าสเู่ รอื่ งเส้นประสาทว่า ส่วนของระบบประสาททอี่ ย่นู อกระบบประสาทสว่ นกลาง
เรยี กวา่ ระบบประสาท รอบนอก ซงึ่ ได้แก่ เส้นประสาท เส้นประสาทมีหน้าทอ่ี ะไร
9.2.8 ให้นกั เรียนอ่านเนอื้ หาเร่ืองเสน้ ประสาทในหนงั สือเรยี นหน้า 93 ครูใชค้ าถามเพื่อใหน้ กั เรยี นรว่ มกัน
อภิปรายตาแหนง่ และหนา้ ทีข่ องเส้นประสาท เพ่ือใหไ้ ดข้ ้อสรปุ ว่า เส้นประสาทเป็นส่วนท่ียื่นออกมาจากสมองและไข
สันหลงั และเชอ่ื มไปยังอวยั วะตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย ทาหนา้ ทร่ี ับขอ้ มูลจากอวยั วะต่าง ๆ แลว้ ส่งไปยงั สมองและไขสันหลงั
และ รับกระแสประสาทจากสมองและไขสันหลังส่งไปยงั อวยั วะต่าง ๆ ของรา่ งกาย
9.2.9 เช่ือมโยงเข้าสู่ กิจกรรมท่ี 3.8 รา่ งกายจะมปี ฏกิ ริ ิยาอย่างไรเมอ่ื ถูกเคาะบริเวณหัวเขา่ โดยใช้คาถาม
ว่า นกั เรยี น ทราบมาแล้วว่าหนา้ ทขี่ องไขสนั หลงั เปน็ ศนู ย์กลางการควบคุมปฏิกริ ิยารเี ฟล็กซ์ ปฏิกริ ิยารีเฟล็กซ์เป็น
อยา่ งไร
9.2.10 ให้นักเรียนเรียนรู้เพม่ิ เติม โดยอ่านเนอ้ื หาและตอบค าถามระหวา่ งเรียนเก่ียวกบั ปฏิกริ ิยารเี ฟล็กซ์
จากหนังสอื เรียน หน้า 94-95 จากน้ันร่วมกนั อภปิ รายเกีย่ วกับความหมายของปฏิกิรยิ ารเี ฟล็กซก์ ารทางานของวงจร
ประสาทใน ปฏกิ ริ ิยารีเฟลก็ ซ์ทบ่ี รเิ วณใต้หัวเข่าจากภาพ 3.33 เพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ สรปุ ว่า 4.1 ปฏิกิริยารเี ฟลก็ ซ์เปน็ พฤติกรรม
ที่เกดิ ข้นึ แบบทนั ทีทันใดโดยอัตโนมัติ ควบคมุ โดยไขสันหลัง ไมผ่ า่ นสมอง 4.2 วงจรรเี ฟล็กซบ์ ริเวณหวั เขา่ (knee-jerk
reflex) เริม่ จากเคาะบริเวณหัวเขา่ เบา ๆ หน่วยรับความรสู้ ึกทอี่ ยู่ บรเิ วณกล้ามเนือ้ จะส่งกระแสประสาทผา่ นเซลล์
ประสาทรับความรูส้ ึกไปยังไขสนั หลงั เซลล์ประสาทสงั่ การจะนาคาสั่งจากไขสันหลังไปกระตนุ้ ใหก้ ล้ามเนื้อตน้ ขา
ด้านหนา้ หดตัว ขณะเดยี วกันเซลล์ประสาทรับความรู้สกึ จะส่ง กระแสประสาทผ่านเซลล์ประสาทประสานงานไปยงั
เซลล์ประสาทสั่งการ เพือ่ ยับยงั้ การหดตวั ของกลา้ มเนอื้ ตน้ ขาด้านหลงั ซ่ึงจะทาให้กลา้ มเน้อื สว่ นน้ีคลายตวั เปน็ ผลให้
เกิดการกระตุกขาไปข้างหน้า
9.2.11 เชอ่ื มโยงเขา้ สู่กจิ กรรมท่ี 3.9 นักเรยี นตอบสนองได้ดีแคไ่ หน โดยตัง้ คาถามว่า ปฏิกริ ิยารเี ฟลก็ ซ์
เปน็ การตอบสนองท่ี เกดิ ขึน้ ทันทีทนั ใด ทาใหม้ นุษยร์ อดพ้นจากอนั ตราย นกั เรยี นจะทดสอบความสามารถในการ
ตอบสนองดังกลา่ วได้จาก กิจกรรม 3.9
9.3 ขั้นสรปุ
9.3.1 ต้งั คาถามเพื่อนาเข้าสู่ความสาคัญของระบบประสาท โดยใช้คาถาม เช่น ถ้าสมองหรือไขสันหลัง
ถกู ท าลายหรอื ได้รับ อนั ตรายจะมผี ลตอ่ รา่ งกายอยา่ งไร นกั เรยี นมีวธิ ีดแู ลรกั ษาระบบประสาทไดอ้ ย่างไร จากนนั้ ให้
อา่ นเนอ้ื หาจากหนังสอื เรยี นหนา้ 97 และร่วมกันอภปิ ราย เพอื่ ใหไ้ ดข้ ้อสรปุ ว่า การดแู ลรักษาระบบประสาทท าได้
หลายทาง เช่น ระมัดระวงั ไม่ใหเ้ กิดความกระทบกระเทือนหรืออันตรายบรเิ วณศีรษะและกระดูกสนั หลงั ฉีดวัคซีน
ป้องกนั โรคท่ีเกย่ี วกบั สมอง หลีกเลย่ี งการใช้สารเสพติดหรอื สารท่มี ีผลกระทบต่อระบบประสาท พกั ผอ่ นให้เพียงพอ ออ
กก าลังกายอย่างสม่าเสมอ นง่ั สมาธิ และรับประทานอาหารทม่ี ีประโยชน์ต่อร่างกาย
9.3.2 เช่ือมโยงเน้ือหาเรื่องระบบประสาทไปยงั เรอ่ื งต่อไปวา่ ระบบประสาทเป็นระบบท่คี วบคมุ การทางาน
ของทกุ ระบบในร่างกาย รวมถงึ ระบบสืบพันธุ์ ซ่ึงนกั เรียนจะได้เรียนในเรอื่ งตอ่ ไป
36
10. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้
10.1 ส่ือการเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี นวชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.2 สสวท.
10.2 แหล่งการเรียนรู้
1) เทคนคิ การสืบคน้ ขอ้ มลู ในรูปแบบตา่ ง ๆ ด้วย google search
11. การวัดผลและประเมินผล
รายการประเมนิ วิธวี ัด เครื่องมือวดั ผลและประเมินผล เกณฑ์การผ่าน
(ภาระงาน/ชน้ิ งาน) - ตอบคาถามถูกต้องไม่
ต่ากว่าร้อยละ 70 ของ
ด้านความรู้ : K 1 ตรวจกิจกรรมเสรมิ เราจา 1 กิจกรรมเสริม เราจาได้มากแค่ไหน จานวนคาถาม
- นกั เรยี นสามารถทา
ได้มากแคไ่ หน 2 กจิ กรรม 3.8 ร่างกายจะมปี ฏิกิรยิ า กจิ กรรมไดถ้ กู ตอ้ ง 70%
2 ตรวจกิจกรรม 3.8 อย่างไรเม่ือถกู เคาะบริเวณหวั เข่า
รา่ งกายจะมีปฏกิ ิริยาอย่างไร 3 กิจกรรม 3.9 นักเรียนตอบสนองได้ดี
เม่อื ถูกเคาะบรเิ วณหัวเขา่ แค่ไหน
3 ตรวจกจิ กรรม 3.9 4. ใบงานที่ 6 เรือ่ งสมอง
นักเรียนตอบสนองไดด้ แี ค่
ไหน
4. ตรวจใบงานท่ี 6 เรือ่ ง
สมอง
ด้านทกั ษะ : S ทักษะการสอื่ สาร แบบสังเกตพฤตกิ รรม นักเรียนมพี ฤติกรรมใน
กระบวนการ : P ชั้นเรียนในระดับ
ทกั ษะการคิดอย่างมี คณุ ภาพดีขึ้นไป
วจิ ารณญาณ
ทักษะการแกป้ ัญหา
ทักษะการทางานร่วมกบั ผู้อนื่
ด้านคณุ ลกั ษณะ : A มุ่งมั่นในการทางาน แบบสงั เกตพฤติกรรม นกั เรียนมพี ฤติกรรมใน
ใฝเ่ รียนรู้ ชัน้ เรยี นในระดับ
มวี นิ ัย คุณภาพดขี ึ้นไป
37
12. บันทึกความเหน็ และข้อเสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชื่อ ...................................................
(นายนทั พงษ์ โคตะมา)
............./............../..............
13. บันทกึ ความเหน็ และข้อเสนอแนะของหัวหน้ากล่มุ งานการบริหารงานวชิ าการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ...................................................
(นางฐิชารัศม์ อินทรช์ ้นั ศร)ี
............./............../..............
14. บันทึกความเหน็ และข้อเสนอแนะของรองผู้อานวยการกลุ่มงานการบริหารงานวชิ าการ
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงช่อื ...................................................
(นายวชิ านนท์ ฝา้ ยขาว)
............./............../..............
15. บนั ทึกความเห็นและขอ้ เสนอแนะของผอู้ านวยการโรงเรียน
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ...............................................ผู้อานวยการโรงเรยี น
(นายชนาวุธ ประทุมชาติ)
............./.........../............
38
บนั ทกึ ผลหลังการใช้แผนการจดั การเรียนรู้
รหสั วิชา............................................รายวชิ า....................................................................... ............ช.ม./สัปดาห์
หน่วยที่ .............. เร่ือง............................................................................................................
1. สาระสาคญั ของเนื้อหาของเร่ืองทจี่ ัดการเรยี นรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2. รายงานการใช้แผนการจัดการเรียนรู้
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
2.1 ความเหมาะสมของเนือ้ หาท่ีสอน มาก พอดี น้อย
2.2 ผลการทาแบบฝึกหดั /ใบงาน ของนักเรยี น ทันเวลา ปานกลาง ไมท่ นั เวลา
3. การบูรณาการด้าน คณุ ลกั ษณะ คุณธรรม จริยธรรม ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
4. สอื่ การจดั การเรียนรู้ ..............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
5. ผลการใชส้ อื่ การจัดการเรยี นร.ู้ ...............................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................
6. บนั ทึกหลงั การจัดเรียนรู้ / ข้อคน้ พบ
6.1 การบรรลุ K จานวน...................คน คิดเป็นร้อยละ...............................................................
ไมบ่ รรลุ K จานวน...................คน คิดเป็นร้อยละ...............................................................
6.2 การบรรลุ S หรอื P จานวน...................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ...............................................
ไม่บรรลุ S หรือ P จานวน...................คน คดิ เปน็ ร้อยละ....................................................
6.3 การบรรลุ A จานวน...................คน คิดเป็นร้อยละ....................................................
ไมบ่ รรลุ A จานวน...................คน คิดเปน็ ร้อยละ....................................................
6.4 .................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
39
7. ปัญหาและอปุ สรรค ...............................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
8. การแก้ปญั หา ........................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................
9. วิธกี ารวัดและประเมนิ ผลการเรียน.........................................................................................................
ลงชือ่ ผสู้ อน
(นางสาวไพจติ ร อุปโคตร)
นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณว์ ชิ าชพี ครู
.........../................../.............
บันทึกขอ้ คดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของครูพีเ่ ลยี้ งเก่ยี วกบั บนั ทึกหลังการสอน
...................................................................................................................................................................
............................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................
…………………… ลงชอ่ื …………………………...............……
(……………………………………….…………) (นางฐิชารัศม์ อนิ ทร์ชั้นศรี)
………/………/………. ครูพี่เล้ยี ง
………/………/……….
บันทึกหลงั การสอน ตามแผนการจัดการเรียนรู้ฉบบั น้ี ได้รับการพิจารณาจากวิชาการ แล้ว
ลงชอื่
(นางฐชิ ารัศม์ อินทรช์ ัน้ ศรี)
หวั หนา้ กลุ่มงานการบรหิ าวิชาการ
……./………/………
บันทกึ ของรองผอู้ านวยการโรงเรียน
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงชือ่ รองผอู้ านวยการโรงเรียน
(นายวชิ านนท์ ฝ้ายขาว)
.........../................/...........
40
บนั ทกึ ของผู้อานวยการโรงเรยี น
( ) ทราบ
( ) อ่ืนๆ
........................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................
ลงชื่อ ผูอ้ านวยการโรงเรียน
(นายชนาวธุ ประทมุ ชาติ)
.........../................/...........
41
แผนการจัดการเรยี นรู้
รายวิชา วิทยาศาสตร์ 3 รหัสวิชา ว22101 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2565
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 เร่ือง ร่างกายมนุษย์ เวลาเรียน 15 ช่ัวโมง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 เรือ่ ง ระบบสบื พนั ธ์ุ เวลาเรยี น 3 ชวั่ โมง
ครูผูส้ อน นางสาวไพจติ ร อุปโคตร ตาแหนง่ นักศกึ ษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู โรงเรียนน้าสวยวิทยา
อาเภอสระใคร จงั หวัดหนองคาย
เปา้ หมายการเรียนรู้
1. มาตรฐานการเรยี นรู้ / ตัวชีว้ ดั
1.1 สาระที่ 2
1.2 มาตรฐานการเรียนรู้
ว 1.2 วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ
1.3 ตัวช้ีวดั / ผลการเรยี นรู้
เข้าใจสมบัติของสง่ิ มชี ีวติ หนว่ ยพื้นฐานของสิ่งมีชวี ติ การลาเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์
ความสมั พนั ธ์ของโครงสรา้ งและหนา้ ทีข่ องอวยั วะตา่ ง ๆ ของสัตว์และมนษุ ย์ทท่ี างานสมั พันธก์ นั ความสมั พนั ธ์ของ
โครงสร้างและหนา้ ทขี่ องอวัยวะตา่ ง ๆ ของพืชท่ีทางานสัมพันธก์ นั รวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์
1.4 จุดประสงค์การเรียนรู้
1.4.1 ด้านความรู้ (K)
1. ระบอุ วยั วะและบรรยายหนา้ ทขี่ อง อวัยวะในระบบสืบพนั ธุข์ องเพศชายและ เพศหญิง
โดยใชแ้ บบจาลอง
2.อธบิ ายผลของฮอร์โมนเพศชายและเพศหญงิ ที่ควบคมุ การเปลีย่ นแปลงของร่างกาย
เม่อื เข้าสู่วัยหนุม่ สาว
3. อธบิ ายการตกไข่ การมปี ระจาเดอื น การปฏิสนธิ และการพฒั นาของไซโกต จนคลอดเปน็ ทารก
4. เลอื กวิธกี ารคมุ กาเนดิ ทเ่ี หมาะสมกับ สถานการณท์ ่กี าหนด
5. ตระหนกั ถงึ ผลกระทบของการต้งั ครรภ์ กอ่ นวัยอันควร โดยการประพฤติตนให้เหมาะสม
1.4.2 ดา้ นทักษะ (S) / ดา้ นกระบวนการ (P)
1) ทักษะการสอ่ื สาร 2) ทกั ษะการคดิ อยา่ งมีวิจารณญาณ
2) ทกั ษะการแก้ปญั หา 4) ทักษะการทางานร่วมกับผู้อื่น
1.4.3 ดา้ นเจตคติ (A)
1) ตระหนักถงึ ประโยชนข์ องความรูเ้ รอ่ื งอวัยวะในระบบสืบพันธ์ุของเพศชายและ เพศหญิง
2) นกั เรยี นมกี ารแสดงความคิดเหน็ และยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อ่ืน
3) นกั เรียนมคี วามใฝ่รูใ้ ฝ่เรยี นและมุ่งมนั่ ในการทางาน
4) นักเรียนมคี วามสามคั คีในการทางานรว่ มกันเปน็ กลุ่ม
42
2. สาระสาคญั
ระบบสืบพันธ์ุเพศชาย ประกอบดว้ ยอวยั วะสาคญั ได้แก่ อณั ฑะซงึ่ ทาหน้าทผี่ ลิตอสุจแิ ละฮอร์โมนเพศชาย
ส่วนระบบสืบพนั ธ์เุ พศหญิงประกอบดว้ ยอวัยวะสาคัญ ไดแ้ ก่ รงั ไข่ซงึ่ ทาหนา้ ที่ผลติ เซลล์ไขแ่ ละฮอร์โมนเพศหญงิ
ฮอรโ์ มนเพศทาหนา้ ท่คี วบคมุ การแสดงออกของลักษณะทางเพศที่แตกต่างกนั การรวมกันระหว่างนวิ เคลียสแต่ละเซลล์
ของอสุจแิ ละเซลล์ไข่ เรยี กว่า การปฏิสนธิ เกดิ เป็นไซโกต ไซโกตมีการแบง่ ตัวเพิม่ จานวนเซลล์ และเจรญิ เป็นเอ็มบรโิ อ
ซ่ึง มีการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างจนมอี วยั วะครบสมบูรณ์ การคุมกาเนิดเป็นวิธีป้องกันไมใ่ ห้เกิดการต้ังครรภ์ โดยปอ้ งกัน
ไม่ใหเ้ กิดการปฏิสนธิ ป้องกนั ไมใ่ หม้ ีการตกไข่ หรือ ไม่ใหม้ กี ารฝงั ตวั ของเอ็มบริโอ ซ่ึงสามารถท าได้หลายวธิ ี ระบบ
อวยั วะต่าง ๆ ในรา่ งกายมีความสาคัญมาก จึงตอ้ งดแู ลรกั ษาอวยั วะในระบบต่าง ๆ ให้ทาหน้าที่เปน็ ปกติ
3. สาระการเรยี นรู้
3.3 สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
มนุษยม์ รี ะบบสืบพันธุท์ ่ีประกอบดว้ ยอวยั วะตา่ ง ๆ ทีท่ าหน้าที่เฉพาะ โดยรงั ไขใ่ นเพศหญิงจะทาหน้าท่ีผลิต
เซลลไ์ ข่ ส่วนอัณฑะในเพศชายจะท าหน้าทีส่ ร้างเซลลอ์ สุจิ
• ฮอรโ์ มนเพศทาหน้าที่ควบคมุ การแสดงออกของลกั ษณะ ทางเพศทแ่ี ตกตา่ งกัน เมอื่ เข้าสู่วัยหนุ่มสาว จะมี
การสรา้ ง เซลล์ไข่และเซลลอ์ สุจิ การตกไข่ การมีรอบเดือน และถ้ามีการปฏิสนธิของเซลล์ไข่ และเซลล์อสุจิจะท าให้
เกิดการ ตั้งครรภ์
• การมีประจาเดือน มีความสัมพันธ์กับการตกไข่โดยเป็นผล จากการเปล่ียนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศ
หญิง
• เมือ่ เพศหญงิ มีการตกไข่และเซลลไ์ ข่ได้รบั การปฏิสนธิกบั เซลล์อสจุ ิจะทาให้ได้ไซโกต ไซโกตจะเจริญเป็น
เอ็มบริโอ และฟีตัส จนกระท่ังคลอดเป็นทารก แต่ถ้าไม่มีการปฏิสนธิ เซลล์ไข่จะสลายตัว ผนังด้านในมดลูกรวมท้ัง
หลอดเลอื ดจะ สลายตัวและหลดุ ลอกออก เรยี กวา่ ประจาเดอื น
• การคุมกาเนิดเป็นวธิ ีป้องกันไม่ใหเ้ กดิ การต้งั ครรภ์ โดยป้องกันไม่ให้เกิดการปฏิสนธิหรือไม่ให้มีการฝังตัว
ของ เอม็ บริโอ ซง่ึ มหี ลายวิธี เชน่ การใชถ้ ุงยางอนามยั การกินยา คุมกาเนิด
3.2 สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิ่น
-
4. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรียน
4.1 ความสามารถในการส่ือสาร
4.2 ความสามารถในการคดิ
4.3 ความสามารถในการแกป้ ญั หา
4.4 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
5.1 ม่งุ ม่นั ในการทางาน
5.2 ใฝเ่ รยี นรู้
5.3 มีวนิ ัย
43
6. ภาระงาน/ช้ินงาน
6.1 กิจกรรม 3.10 การเปลย่ี นแปลง ของรา่ งกายเม่ือเข้าสู่วยั หน่มุ สาว เป็นอยา่ งไร
6.2 กิจกรรม 3.11 เลอื กวธิ กี ารคมุ กาเนดิ อยา่ งไรใหเ้ หมาะสม
6.3 กิจกรรม 3.12 การตง้ั ครรภก์ อ่ น วัยอนั ควรส่งผลกระทบอย่างไรบา้ ง
6.4 กิจกรรมท้ายบท ระบบรา่ งกาย มนุษย์กบั สถานอี วกาศเหมอื น หรอื ต่างกันอยา่ งไร
6.5 ใบงานท่ี 7 เรือ่ งระบบสบื พันธุ์
7. คาถามสาคัญ
- อณั ฑะและรงั ไขน่ อกจากจะสร้างเซลลส์ ืบพนั ธ์ุแลว้ ยงั สร้างฮอรโ์ มนเพศซึ่งควบคมุ การ เปลี่ยนแปลงของ
รา่ งกายเมือ่ เขา้ ส่วู ยั หนุม่ สาว การเปลยี่ นแปลงทางร่างกายทีค่ วบคมุ ดว้ ยฮอร์โมนเพศน้นั มอี ะไรบา้ ง
แนวคาตอบ ตอบตามความคดิ ของนกั เรียน
8. การบูรณาการ
8.1 บูรณาการวชิ าศลิ ปะ โดยให้นักเรียนวาดรูประบายสอี วยั วะ ตา่ งๆ
8.2 บูรณาการ วชิ าชวี วิทยา กระบวนการทางานของร่างกาย
8.3 บูรณาการวิชาสุขศกึ ษาเรือ่ ง เพศศึกษา พละศึกษา ให้ผเู้ รยี นออกาลังไม่หมกหมุน่ ตอ่ เรอ่ื งเพศ
9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ (5E)
9.1 ขน้ั นา
9.1.1 ใหน้ ักเรยี นดูภาพนาเร่ือง อ่านเนอ้ื หา และ คาสาคัญเร่อื งระบบสบื พนั ธุ์จากน้นั ทากจิ กรรม ทบทวน
ความรกู้ ่อนเรยี น ถ้าครพู บว่านกั เรียนยงั มคี วามเข้าใจในเน้อื หาสว่ น ใดยงั ไมส่ มบูรณห์ รอื ไม่ถกู ตอ้ งครคู วร อธบิ าย
เพิ่มเติมเกี่ยวกบั เนือ้ หาส่วนนัน้ เพื่อใหน้ ักเรียนมคี วามรพู้ น้ื ฐานท่ีถกู ตอ้ ง และเพียงพอท่จี ะเรียนรู้เกย่ี วกับเร่ืองระบบ
สบื พันธตุ์ ่อไป
9.1.2 ตรวจสอบความรู้เดมิ ของนักเรยี นเกยี่ วกบั ระบบสบื พันธุ์ โดยใหท้ ากิจกรรม ร้อู ะไรบา้ งกอ่ นเรยี น
นกั เรียนสามารถ เขยี นข้อความ แผนผัง หรอื แผนภาพได้อย่างอิสระตามความเขา้ ใจของนกั เรยี น โดยครจู ะไมเ่ ฉลย
คาตอบ ครูควรรวบรวมแนวคิดคลาดเคลอ่ื นทพ่ี บเพ่ือนาไปใชใ้ นการวางแผนการจดั การเรยี นรูแ้ ละแกไ้ ขแนวคดิ เหล่านัน้
ใหถ้ กู ต้อง
9.2 ขั้นสอน
9.2.1 ใหน้ กั เรียนอ่านเนอ้ื หา สังเกตภาพ 3.35 และภาพ 3.36 ในหนงั สอื เรยี นหน้า 99-100 โดยตัง้ คาถาม
เพือ่ ใหน้ กั เรียน ตรวจสอบความเขา้ ใจในการอ่าน เชน่ ระบบสืบพนั ธ์ุเพศหญงิ และเพศชายแตกตา่ งกนั อยา่ งไรและ
ประกอบดว้ ย อวัยวะใดบา้ ง อวัยวะแตล่ ะอวัยวะในระบบสบื พนั ธม์ุ ีหนา้ ทอี่ ะไร จากนน้ั ใหน้ ักเรียนตอบคาถามระหว่าง
เรียน และ อภปิ รายร่วมกนั ตามรายละเอยี ดในหนงั สอื เรียน เพื่อให้ไดข้ อ้ สรปุ วา่
- ระบบสบื พันธ์ขุ องเพศชายประกอบดว้ ยอัณฑะ หลอดเก็บอสุจหิ ลอดนาอสุจิตอ่ มสร้างนา้ เลี้ยงอสุจิต่อม
ลกู หมาก และต่อมคาวเปอร์ ส่วนระบบสืบพนั ธ์ุเพศหญิงประกอบด้วยรงั ไข่ ท่อนาไข่ มดลูก ปากมดลกู และ ช่องคลอด
อวยั วะแต่ละอวัยวะในระบบสบื พนั ธจ์ุ ะมหี น้าท่ตี ่างกันไป
- อณั ฑะทีท่ าหนา้ ทสี่ รา้ งอสุจซิ ง่ึ เป็นเซลล์สืบพันธ์ุเพศผู้ สว่ นรังไข่ ทาหน้าที่สรา้ งเซลลไ์ ข่ซ่งึ เป็นเซลล์
สบื พันธุ์เพศเมีย
44
9.2.2 เช่ือมโยงเข้าสู่ กิจกรรมท่ี 3.10 การเปลยี่ นแปลงของร่างกายเมื่อเขา้ ส่วู ัยหนุ่มสาวเป็นอยา่ งไร โดย
ใชค้ าถามว่า นกั เรียนทราบหรอื ไม่ว่าอณั ฑะและรงั ไข่นอกจากจะสรา้ งเซลล์สบื พนั ธ์ุแล้วยังสรา้ งฮอรโ์ มนเพศซึ่งควบคมุ
การ เปลี่ยนแปลงของรา่ งกายเมอื่ เข้าส่วู ัยหนมุ่ สาวการเปลยี่ นแปลงทางร่างกายท่คี วบคุมดว้ ยฮอรโ์ มนเพศนั้นมีอะไรบ้าง
9.2.3 นักเรียนศกึ ษาข้อมลู เพม่ิ เตมิ ในหนงั สอื เรยี น ตอบคาถามระหวา่ งเรยี น รว่ มกันอภปิ รายเพ่ือให้ได้
ข้อสรปุ ว่า เมอ่ื เข้าสู่วัยหนมุ่ สาวทง้ั เพศหญิงและเพศชายจะเกดิ การเปล่ียนแปลงทางรา่ งกาย อารมณ์และสภาพจิตใจ ซึ่ง
เปน็ ผลมาจากฮอรโ์ มนเพศทรี่ า่ งกายสร้างข้ึนการเปลี่ยนแปลงดังกลา่ วเกดิ ขนึ้ ตามธรรมชาติ ซงึ่ นักเรยี นสามารถ
เตรียมพร้อมดว้ ยการยอมรบั การเปล่ียนแปลงรักษาความสะอาดส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ออกกาลงั กายเป็นประจา
ทางานอดิเรกหรือกจิ กรรมอน่ื ๆ เพอื่ คลายเครียด
9.2.4 ใหน้ กั เรยี นอ่านเน้อื หาเกี่ยวกับประจาเดือน การตกไข่ และการปฏสิ นธเิ ปน็ ไซโกต เอ็มบริโอ การ
เปลยี่ นแปลงของ เอ็มบรโิ อเปน็ ฟีตัสจนกระทัง่ คลอดเปน็ ทารกและสังเกตภาพ 3.38 3.39 และ 3.40 ในหนงั สอื เรียน
หนา้ 104-106 เพ่อื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจในเนอื้ หา แลว้ ตอบคาถามระหวา่ งเรยี น เพ่ือให้ได้ข้อสรปุ ว่า
- ประจาเดือน คือผนงั มดลูกชนั้ ในทห่ี นาขึ้นระหว่างรอบเดือนและหลดุ ลอกออกมาพร้อมกบั เลอื ดทางชอ่ ง
คลอด ซึ่งจะเกดิ ขน้ึ เป็นรอบ แตล่ ะรอบใช้เวลาประมาณ 28 วัน การเปล่ยี นแปลงของผนังมดลูกเป็นผลมาจากฮอร์โมน
เพศหญงิ ได้แก่ อสี โทรเจนและโพรเจสเทอโรน
- เซลลไ์ ข่เมือ่ พัฒนาเต็มทจ่ี ะหลุดออกจากรังไขเ่ ข้าไปในทอ่ นาไข่ เรยี กวา่ การตกไข่ และเมือ่ เซลลไ์ ขเ่ กิด
การ ปฏสิ นธิกบั อสจุ ิจะเกดิ เป็นเซลลท์ ีเ่ รยี กว่า ไซโกต ตอ่ จากนัน้ ไซโกตจะเพ่ิมจานวนเซลล์โดยการแบง่ เซลล์จน
กลายเปน็ กลมุ่ เซลล์ เรยี กว่า เอ็มบริโอ ซง่ึ จะมีการเจริญเติบโตและเปล่ียนแปลงรปู ร่างจนมีอวยั วะครบเม่ืออายุ 8
สปั ดาห์ เรียกว่า ฟีตัส จากนั้นฟีตสั จะเจริญเติบโตจนกระทัง่ คลอดออกมาเป็นทารก
9.2.5 ถ้าพบว่านกั เรยี นมีแนวคิดคลาดเคล่ือนเก่ยี วกับการปฏิสนธแิ ละประจาเดือนจากการตอบคาถาม
กอ่ นเรียน ระหว่างเรยี นหรอื อาจตรวจสอบโดยใช้กลวิธอี ่นื ๆ ใหค้ รูแกไ้ ขแนวคิดคลาดเคลือ่ นนั้นให้ถกู ต้อง เช่น ใช้
คาถามและอภปิ ราย รว่ มกนั ใชแ้ ผนภาพวดี ิทศั น์ เอกสารอา่ นประกอบ
9.2.6 เชอื่ มโยงไปส่กู ารเรยี นรูใ้ นเร่ืองต่อไปวา่ เมื่อเขา้ สวู่ ัยหนมุ่ สาวอวัยวะในระบบสบื พันธุ์จะมีการพัฒนา
จนสามารถสืบพันธไ์ุ ดอ้ ยา่ งไรกต็ ามในการสบื พันธหุ์ รอื การมีบตุ รยังตอ้ งอาศยั ความพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ดังน้นั นักเรยี น
จึงควร เรียนรเู้ กยี่ วกับแนวทางการปอ้ งกนั การต้ังครรภ์ในภาวะที่นักเรียนยงั ไมม่ ีความพรอ้ ม จากนนั้ ครูต้ังคาถามกระตนุ้
ความสนใจวา่ จะมวี ิธีการป้องกันการต้ังครรภ์ในขณะที่ยังไมม่ คี วามพรอ้ มได้อยา่ งไร
9.2.7 ให้นกั เรียนอา่ นเนอื้ หาเกีย่ วกบั การคมุ กาเนดิ ด้วยวธิ ีต่าง ๆ ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 107-108 แล้วใช้
คาถามเพอื่ ตรวจสอบ ความเข้าใจในการอา่ น เชน่ การคุมกาเนิดมีกี่ประเภทและแตล่ ะประเภทตา่ งกันอยา่ งไร การ
คมุ กาเนิดแต่ละแบบมี ข้อดแี ละข้อเสียอยา่ งไรบ้าง และตอบคาถามระหวา่ งเรียน เพ่ือใหไ้ ด้ข้อสรปุ ว่า การคุมกาเนดิ แบง่
ออกเป็น 2 ประเภท คอื การคมุ กาเนิดชว่ั คราวและการคุมกาเนดิ ถาวร
9.2.8 การคมุ กาเนิดชวั่ คราวเปน็ การปอ้ งกันการต้งั ครรภ์ในช่วงเวลาทไ่ี ม่พร้อมจะมีบุตร และสามารถ
กลับมาตั้งครรภ์ เมอ่ื หยุดการคุมกาเนิด แบ่งออกเปน็ 3 วธิ ไี ด้แก่
9.2.8.1 การคมุ กาเนดิ โดยวิธธี รรมชาตซิ ึ่งอาศัยการนับวนั ขณะมเี พศสัมพนั ธ์ ซึ่งมโี อกาสผิดพลาดสูง
9.2.8.2 การคุมกาเนดิ โดยใชฮ้ อรโ์ มนสังเคราะห์ท่ีเลยี นแบบฮอร์โมนเพศหญิง เช่น การกนิ ยาเม็ด
คมุ กาเนดิ การใชย้ าฝงั คุมกาเนิด
9.2.8.3 การคุมกาเนดิ โดยใชอ้ ุปกรณเ์ ช่น การใชถ้ ุงยางอนามัย การใช้ห่วงอนามัย
45
9.2.8.4 การคมุ กาเนิดถาวรหรอื ทาหมนั ในเพศชายทาได้โดยผกู และตดั หลอดนาอสุจิ เพอื่ ป้องกนั
ไม่ให้อสุจอิ อกมาพรอ้ มกบั น้าอสุจิ สว่ นเพศหญิงทาโดยผกู และตัดท่อนาไขท่ ั้ง 2 ขา้ ง เพือ่ ป้องกนั เซลล์ไขเ่ คลื่อนท่ไี ป
ปฏสิ นธิกบั อสจุ ใิ น ทอ่ นาไข่ ในการคุมกาเนิดถาวร คสู่ ามภี รรยาจะไม่สามารถกลับมามีลูกไดอ้ ีก
9.2.9 เช่อื มโยงเข้าสู่ กจิ กรรมที่ 3.11 เลือกวธิ ีการคุมกาเนิดอยา่ งไรให้เหมาะสม โดยครูใช้คาถามว่าถา้ คู่
ชายหญิงแตง่ งาน กนั แตย่ ังไมพ่ ร้อมจะมีบตุ ร ควรเลือกวิธีคุมกาเนดิ อยา่ งไรจึงจะเหมาะสม
9.2.10 ถา้ พบว่านักเรียนมแี นวคิดคลาดเคลอ่ื นเกีย่ วกบั ยาคมุ กาเนิดจากการตอบคาถามก่อนเรยี น ระหวา่ ง
เรยี น หรืออาจตรวจสอบโดยใชก้ ลวธิ อี ื่น ๆ ใหค้ รูแก้ไขแนวคิดคลาดเคลื่อนนนั้ ใหถ้ กู ตอ้ ง เชน่ ใช้คาถามและอภปิ ราย
ร่วมกันใช้ แผนภาพ วดี ทิ ัศน์ เอกสารอา่ นประกอบ
9.2.11 เช่ือมโยงเข้าสู่ กิจกรรมท่ี 3.12 การตง้ั ครรภ์กอ่ นวยั อนั ควรส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง โดยครูใช้
คาถามวา่ ปัจจบุ นั การต้งั ครรภ์ของวยั รุ่นซง่ึ ยงั ไมพ่ รอ้ มจะมบี ตุ รมแี นวโนม้ เพม่ิ ขึ้น ทาให้เกดิ ปัญหาต่าง ๆ ตามมา
มากมาย นักเรยี นทราบหรอื ไมว่ า่ ปญั หาดงั กลา่ วส่งผลกระทบอย่างไรบา้ ง
9.2.12 ให้นักเรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกบั ระบบอวัยวะในรา่ งกายของเรา จากน้ันทากจิ กรรมตรวจสอบ
ตนเอง เพอ่ื สรปุ องค์ความรู้ทไี่ ด้เรยี นรจู้ ากบทเรียน ด้วยการเขยี นบรรยาย วาดภาพ หรือเขยี นผังมโนทศั น์สิ่งที่ได้เรียนรู้
จากบทเรยี น เรอ่ื ง ระบบอวยั วะในร่างกายของเรา
9.2.13 ให้นักเรยี นทากิจกรรมท้ายบท เรื่อง ระบบของร่างกายมนุษยก์ ับสถานีอวกาศเหมือนหรือแตกต่าง
กนั อย่างไร และ ตอบคาถามท้ายกจิ กรรม
9.2.14 ให้นักเรียนตอบคาถามสาคญั ของบทและหนว่ ยและอภปิ รายรว่ มกนั โดยนักเรยี นควรตอบคาถาม
สาคญั ดงั กล่าวได้ ดงั ตัวอยา่ ง
9.2.15 นกั เรยี นตรวจสอบตนเองด้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ท่ไี ด้ทาในบทเรียนน้ี อ่านสรปุ
ทา้ ยบท และทาแบบฝึกหดั ท้ายบท
9.3 ขัน้ สรุป
9.3.1 ร่วมกนั สรุปความรเู้ ก่ยี วกับระบบตา่ ง ๆ ในรา่ งกายมนุษย์เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การเรยี นรใู้ นหนว่ ยตอ่ ไป
วา่ รา่ งกายของ มนษุ ย์มรี ะบบต่าง ๆ ท่ีทางานรว่ มกันเพอ่ื ใหม้ นุษย์สามารถดารงชวี ิตและทากจิ กรรมต่าง ๆ ได้ ซง่ึ
กิจกรรมต่าง ๆ เหลา่ นัน้ ตอ้ งอาศยั การเคลอื่ นไหวและการเคลอื่ นท่กี ารเคล่ือนที่คืออะไร และเกย่ี วขอ้ งกับเรอ่ื งของแรง
อย่างไร
10. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
10.1 สอื่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนวชิ าวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.2 สสวท.
10.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) เทคนิคการสบื ค้นข้อมูลในรปู แบบต่าง ๆ ดว้ ย google search
46
11. การวัดผลและประเมินผล
รายการประเมิน วธิ วี ดั เครอ่ื งมือวดั ผลและประเมนิ ผล เกณฑก์ ารผ่าน
(ภาระงาน/ชิ้นงาน)
ดา้ นความรู้ : K 1 ตรวจกิจกรรม 3.10 การ 1 กจิ กรรม 3.10 การเปลีย่ นแปลง ของ - ตอบคาถามถูกต้องไม่
เปลี่ยนแปลง ของร่างกาย รา่ งกายเม่ือเขา้ สวู่ ัยหนมุ่ สาว เป็นอยา่ งไร ต่ากว่าร้อยละ 70 ของ
เม่อื เข้าสู่วัยหนุม่ สาว เปน็ 2 กิจกรรม 3.11 เลือกวิธกี ารคมุ กาเนิด จานวนคาถาม
อยา่ งไร อย่างไรใหเ้ หมาะสม - นกั เรียนสามารถทา
2 ตรวจกิจกรรม 3.11 เลือก 3 กจิ กรรม 3.12 การต้งั ครรภ์กอ่ น วยั อัน กจิ กรรมไดถ้ ูกตอ้ ง 70%
วิธกี ารคุมกาเนิดอยา่ งไรให้ ควรสง่ ผลกระทบอยา่ งไรบ้าง
เหมาะสม 4 กิจกรรมท้ายบท ระบบรา่ งกาย มนษุ ย์
3 ตรวจกิจกรรม 3.12 การ กบั สถานอี วกาศเหมอื น หรือต่างกัน
ตั้งครรภ์ก่อน วยั อนั ควร อยา่ งไร
สง่ ผลกระทบอยา่ งไรบา้ ง 5. ใบงานท่ี 7 เรื่องระบบสืบพันธ์ุ
4 ตรวจกิจกรรมทา้ ยบท
ระบบรา่ งกาย มนุษย์กบั
สถานอี วกาศเหมือน หรอื
ตา่ งกันอยา่ งไร
5. ตรวจใบงานท่ี 7 เรือ่ ง
ระบบสืบพันธ์ุ
ด้านทักษะ : S ทกั ษะการสือ่ สาร แบบสังเกตพฤตกิ รรม นกั เรียนมพี ฤติกรรมใน
กระบวนการ : P ชน้ั เรยี นในระดับ
ทักษะการคดิ อยา่ งมี คุณภาพดขี น้ึ ไป
วจิ ารณญาณ นกั เรยี นมพี ฤติกรรมใน
ชน้ั เรียนในระดับ
ทกั ษะการแกป้ ญั หา คุณภาพดีข้ึนไป
ทกั ษะการทางานรว่ มกับผอู้ ื่น
ด้านคุณลักษณะ : A มุง่ มั่นในการทางาน แบบสังเกตพฤตกิ รรม
ใฝเ่ รยี นรู้
มวี ินยั