The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แบบเรียนเรื่องอิเหนา-ตอน-ศึกกะหมังกุหนิง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nutthamon Peng-on, 2021-03-04 20:41:51

แบบเรียนเรื่องอิเหนา-ตอน-ศึกกะหมังกุหนิง

แบบเรียนเรื่องอิเหนา-ตอน-ศึกกะหมังกุหนิง



ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ ได้ กาํ หนดให้
ภาษาไทยเป็ นกลุ่มสาระการเรียนรู้หลกั โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพฒั นาศกั ยภาพของผเู้ รียนให้
สามารถใชภ้ าษาไทยไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง คล่องแคลว่ และเหมาะสม กบั วฒั นธรรมไทย สามารถ
นาํ ความรู้ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั หลกั เกณฑก์ ารใชภ้ าษาไปใช้ ติดต่อส่ือสารและเป็ นเครื่องมือ
ศึกษาหาความรู้ตลอดชีวิต

วรรณคดีและวรรณกรรมเป็ นศาสตร์การเรียนรู้อีกแขนงหน่ึงของภาษาไทยที่ผเู้ รียน
จาํ เป็นตอ้ งศึกษาเรียนรู้ใหเ้ ขา้ ใจ เพื่อพฒั นาศกั ยภาพดา้ นการอ่านและการคิดวิเคราะห์สามารถ
นาํ ความรู้ไปประยุกต์ใชใ้ นชีวิตจริงได้ในแบบเรียนเร่ือง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง ช้นั
มธั ยมศึกษาปี ที่ ๔ เป็ นแบบเรี ยนช่วยเสริมความรู้เพื่อส่งเสริ มให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของ
วรรณคดีอนั เป็ นเอกลกั ษณ์ของชาติที่ควรคา่ แก่การรักษาต่อไป

ผจู้ ดั ทาํ หวงั เป็ นอย่างยิ่งว่า แบบเรียนภาษาไทย เรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง
ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๔ เลม่ น้ี จะเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ช่วยพฒั นาศกั ยภาพของผเู้ รียนให้มี
คณุ ภาพและบรรลตุ วั ช้ีวดั และมาตรฐานการเรียนรู้ตามที่กาํ หนดไวท้ ุกประการ

ผู้จดั ทํา

คาํ นาํ หนา้
สารบญั ก
คาํ ช้ีแจง ข
บทท่ี ๑ เน้ือหาสาระ ค

- ความเป็นมา ๑
- ลกั ษณะคาํ ประพนั ธ์ ๒
- ตวั ละคร ๓
- เรื่องยอ่ ๔
- แบบฝึกหดั ทา้ ยบท ๕
บทท่ี ๒ บทประพนั ธ์
- บทประพนั ธ์ ๖
- แบบฝึกหดั ทา้ ยบท ๑๑
บทท่ี ๓ บทวิเคราะห์
- คุณค่าดา้ นเน้ือหา ๑๒
- คณุ คา่ ดา้ นกลวิธีในการแตง่ ๑๓
- คณุ คา่ ดา้ นความรู้และความคิด ๑๔
- แบบฝึกหดั ทา้ ยบท ๑๗
แบบทดสอบหลงั เรียน ๑๘
บทสรุป ๑๙
เอกสารอา้ งอิง

คาํ ชี้แจงแบบเรียน
เรื่อง อิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง
สําหรับนักเรียนช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี ๔

แบบเรียนเรื่อง อเิ หนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยฉบบั น้ี จดั ทาํ
ข้ึนเป็นนวตั กรรมสาํ หรับจดั การเรียนรู้ให้กบั นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี ๔ เพ่ือให้มีความรู้ ความ
เขา้ ใจในกลอนบทละครเร่ืองอเิ หนา ดงั น้นั เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการจดั การเรียนรู้ ให้ปฏิบตั ิ
ตามคาํ แนะนาํ ดงั ต่อไปน้ี

๑. นกั เรียนควรฟังคาํ แนะนาํ วิธีการใชแ้ บบเรียน เกณฑก์ ารวดั ผลและประเมินผลจาก
ครูผสู้ อนใหเ้ ขา้ ใจ

๒. นกั เรียนควรอ่านและทาํ แบบทดสอบ แบบฝึกหดั ท่ีกาํ หนดไวใ้ นแบบเรียนใหค้ รบทกุ
กิจกรรม

๓. นกั เรียนควรต้งั ใจศึกษาและทาํ ความเขา้ ใจคาํ ช้ีแจง และคาํ สงั่ ก่อนท่ีจะลงมือปฏิบตั ิ
กิจกรรมในแบบฝึกหดั หรือแบบทดสอบต่าง ๆ ตามที่กาํ หนดไวใ้ นแบบเรียน

๔. นกั เรียนสามารถสแกนคิวอาร์โคด้ ที่อยใู่ นแบบเรียนเพ่อื ท่ีสามารถจะเชื่อมโยงไปสู่
แบบเรียนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ท่ีสามารถชว่ ยใหก้ ารเรียนรู้เกิดไดท้ ุกที่ทกุ เวลา และใชเ้ ทคโนโลยใี หเ้ กิด
ประโยชน์

๕. ถา้ นกั เรียนมีขอ้ สงสยั เก่ียวกบั การเรียนการสอนโดยการใชแ้ บบเรียนเรื่อง อเิ หนา ตอน
ศึกกะหมงั กุหนิง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทยฉบบั น้ี สามารถสอบถามจากครูผสู้ อนไดต้ ลอด



\

อเิ หนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นงิ

อิเหนาได้รับการยกย่องจากวรรณคดีสโมสรว่าเป็ นยอดแห่งบทละครรํา เนื่องด้วย
สํานวนกลอนมีความไพเราะและเหมาะท่ีจะนําไปเล่นละคร แม้มีเค้าโครงมาจากนิทาน
พื้นเมืองชวา แต่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลศิ หล้านภาลัยทรงดัดแปลงแก้ไขให้เข้ากับธรรม
เนียมสังคมไทยโดยไม่ขัดแย้งกับเนื้อเรื่องเดมิ นอกจากนีผ้ ้อู ่านยงั อาจแสวงหาความรู้เก่ียวกับ
ประเพณีไทยได้ ด้วยเหตุนี้บทละครเร่ืองอเิ หนาจงึ เป็ นวรรณคดีที่ควรค่าแก่การอ่านเป็ นอย่าง
ยง่ิ

ความเป็ นมา (Background)

อิเหนา เป็นวรรณคดีที่มีมาต้งั แต่สมยั โบราณ ซ่ึงชาวชวาไดแ้ ตง่ ข้ึนเอเฉลิมพระเกียรติ
แด่พระมหากษตั ริย์ ชวาพระองคน์ ้ีทรงนาํ ความเจริญใหแ้ ก่ชาวชวา ซ่ึงพระองคเ์ ป็ นท้งั นกั รบ
นกั ปกครอง และพระองคท์ รงมี พระราชธิดา ๑ พระองค์ และพระราชโอรส ๒ พระองค์ เมื่อ
พระราชธิดาของพระองค์ไดท้ รงเสด็จออกผนวช จึงไดแ้ บ่งราชอาณาจกั รเป็ น ๒ ส่วน คือ
กเุ รปัน และ ดาหา

ต่อมาทา้ วกุเรปันไดท้ รงมีพระราชโอรสพระองค์หน่ึง และทา้ วดาหาทรงมีพระราช
ธิดาพระองค์หน่ึง ซ่ึงท้งั สองพระองค์มีพระนามว่า อิเหนาและบุษบา เมื่อเจริญพระชนั ษา
อดีตพระราชธิดาของกษตั ริยพ์ ระองคเ์ ดิมท่ีเสดจ็ ออกผนวช จึงมีพระดาํ ริให้อิเหนาและบษุ บา
อภิเษกกนั เพ่ือให้กุเรปันและดาหากลบั มารวมกนั เป็นราชอาณาจกั รเดียวกนั ดงั่ เดิม

เนื่องจากนิทานอิเหนาเป็ นเรื่องราวที่ไดร้ ับความนิยมจากชาวชวาเป็ นอย่างมาก เน้ือ
เร่ืองจึงปรากฏเป็ นหลายสาํ นวน และเม่ือไดเ้ ขา้ มาสู่ประเทศไทย มีคาํ กล่าวสืบเนื่องกนั มาว่า
พระราชิดาในสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวบรมโกศกบั เจ้าฟ้าสังวาล คือ เจ้าฟ้ากุณฑลและเจ้าฟ้า
มงกุฎไดฟ้ ังนิทานอิเหนาจากนางกาํ นลั ชาวมลายทู ่ีไดม้ าจากเมืองปัตตานี พระราชธิดาท้งั
สองพระองคจ์ ึงมีพระราชธิดาจึงมีพระราชนิพนธ์ข้ึนนิทานเรื่องน้ีข้ึน เจา้ ฟ้ากุณฑลทรงนิพนธ์
บทละครเร่ืองของดาหลงั ส่วนเจา้ ฟ้ามงกฎุ ทรงนิพนธ์เป็นละครเร่ือง อิเหนา แต่คนทว่ั ไปมกั
เรียกบทพระราชนิพนธ์ของท้งั สองพระองค์น้ีว่า อิเหนาใหญ่ และอิเหนาเล็ก นิทานปันหยี
ของไทยจึงมี ๒ สาํ นวนแตน่ ้นั มา

ลกั ษณะคาํ ประพนั ธ์ (Poetry)

บทละครรํา เรื่อง อิเหนา มีรูปแบบการแตง่ กลอนบทละครซ่ึงมีลกั ษณะบงั คบั เหมือน
กลอนสี่สุภาพ แตล่ ะวรรคมกั จะข้ึนตน้ ดว้ ยคาํ วา่ “เม่ือน้นั ” “บดั น้นั ” และ “มาจะกลา่ วบทไป”โดย
คาํ วา่ ”เม่ือน้นั ” ใชก้ บั ตวั เอกของเรื่องหรือตวั ละครที่เป็นกษตั ริย์ และคาํ ว่า “บดั น้นั ”ใชก้ บั ตวั
ละครสามญั และคาํ วา่ ”มาจะกลา่ วบทไป” ใชเ้ มื่อข้ึนตอนหรือเน้ือความใหม่

สาํ หรับจาํ นวนคาํ ในแต่ละวรรค อาจมีไม่เท่ากนั เพราะตอ้ งใหเ้ หมาะสมกบั ท่ารําและ
ทาํ นองเพลง นอกจากน้ียงั ตอ้ งมีการกาํ หนดเพลงหนา้ พาทยส์ าํ หรับประกอบกิริยาอาการตวั ละคร

แผนผงั และตวั อยา่ งบทละคร

บดั น้นั ดะหมงั ผมู้ ียศถา

นบั น้ิวบงั คมคลั วนั ทา ทูลถวายสาราพระภูมี

เม่ือน้นั ระตหู มนั หยาเรืองศรี

รับสารมาจากเสนี แลว้ คล่อี อกอ่านทนั ใด

( บทละครเร่ืองอเิ หนา ฉบบั หอพระวชิรญาณ)

ตวั ละคร เรื่องอิเหนา ตอน ศึกกะหมงั กหุ นิง(The character of Inao, the Battle of )Kamanguning
เน้ือเร่ืองของอิเหนาเล่าถึง ‘ราชวงศ์อสัญแดหวา’ ท้าวปะตาระกาหรา ต้นราชวงศ์

อสัญแดหวามีพระราชโอรส ๔ พระองค์ คือ ทา้ วกุเรปัน ทา้ วดาหา ทา้ วกาหลงั และทา้ วสิงหดั
ส่าหรี ทกุ พระองคต์ ่างเป็นกษตั ริยป์ กครองนคร ๔ นครตามช่ือของตนเอง ราชวงศอ์ สญั แดหวา
ถือเป็นราชวงศท์ ี่ยิง่ ใหญ่ท่ีสุดในดินแดนชวาเนื่องจากสืบเช้ือสายมาจากเทวดา โดยตวั ละครของ
ราชวงศน์ ้ีจะใชค้ าํ นาํ หนา้ ว่า 'ระเดน่ ' ส่วนราชวงศอ์ ่ืน ๆ ที่มียศต่าํ กวา่ จะใชค้ าํ นาํ หนา้ ว่า 'ระตู'

เส้นตรง = ความสัมพันธ์ทางสายเลือด
เส้นประ = ความสัมพันธ์ที่ไม่มคี วามเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด

เรื่องย่อ อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง ( Synopsis of Adonis, the Battle of Kamanguning)
ท้าวกะหมังกุหนิงส่งทูตไปสู่ขอบุษบา แต่ได้รับการปฏเิ สธจากท้าวดาหาจงึ เตรียมจดั ยก

ทัพไปตเี มืองดาหาโดยให้พระอนุชา ยกทัพมาช่วย ท้าวกะหมังกหุ นิงให้วหิ ยาสะกาํ เป็ นทัพหน้า
พระอนุชาท้ังสองเป็ นทัพหลัง

ฝ่ ายท้าวดาหาได้ขอความช่วยเหลือไปยงั ท้าวกุเรปัน และท้าวกาหลัง และท้าวสิงหาส่าหรี
ท้าวกุเรปันส่งราชสารฉบับหนึ่งส่งให้อิเหนายกทัพมาช่วยท้าดาหาทําศึก อีกฉบับส่งไปให้ระตู
หมันหยาโดยตาํ หนินางจินตหราว่าเป็ นต้นเหตุทที่ ําให้เกิดศึกคร้ังนี้ ระตูหมันหยารู้สึกผดิ จึงเร่ง
ให้อเิ หนายกทัพไปเมืองดาหา ส่วนท้าวกาหลังให้ตาํ มะหงงกบั ดะหมังคุมทัพมาช่วย ท้าวสิงหัด
ส่าหรีส่งสุหรานากงผ้เู ป็ นโอรสมาช่วยรบ

เม่ือทะทีช่ ่วยเมืองดาหารบมาครบกนั แล้ว อเิ หนามีบัญชาให้จกั ทัพรบกบั ท้าวกะหมังกหุ นิง
คร้ันท้ังสองฝ่ ายเผชิญหน้ากัน สังคามาระตาเป็ นคู่ต่อสู้กับวหิ ยาสะกาํ และสังหารวิหยาสะกําได้
ท้ากะหมงั กุหนิงเห็นโอรสถูกสังหารตกจากม้าก็โกรธ ขับม้าไล่ล่าสังคามาระตา อิเหนาจงึ เข้าสกัด
และต่อสู้ ท้ังสองฝ่ ายฝี มือเท่าเทียมกัน จนในที่สุดอิเหนาจงึ ใช้กริชสังหารท้าวกะหมังกุหนิงได้
ทพั ฝ่ ายท้าวกะหมงั กุหนิงจงึ เป็ นฝ่ ายพ่ายแพ้ไป

(http://thn250033thai.blogspot.com/2017/07/blog-post_43.html)

แบบฝึ กหัด

คาํ ชี้แจง : ให้นักเรียนทําเครื่องหมาย / หน้าข้อความที่ถูกต้อง และทําเคร่ืองหมาย X หน้าข้อความท่ีไม่
ถูกต้อง (๑๐ คะแนน)
.............. ๑. บทพระราชนิพนธ์เรื่องอิเหนามีเคา้ ความจริงจากประวตั ิศาสตร์ของชวา
.............. ๒. อิเหนาไดร้ ับยกยอ่ งวา่ เป็นยอดของบทละครร้อง
.............. ๓. อิเหนา บทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒ ดาํ เนินเร่ืองตามอิเหนาเลก็ ของเจา้ ฟ้ามงกุฎ
.............. ๔. ไอระลงั คะ หมายถึง อิเหนา
.............. ๕. ละครท่ีใชต้ วั แสดงเป็นชายลว้ นคือละครนอก หรือเรียกอีกอยา่ งหน่ึงว่า ละครปันหยี
.............. ๖. “เม่ือน้นั ” เป็นคาํ ข้ึนตน้ ของกลอนบทละครใชก้ บั ตวั ละครท่ีมีศกั ด์ิสูง
.............. ๗. “โอด” เป็นเพลงหนา้ พาทย์ ใชส้ าํ หรับการแสดงอาการร้องไห้
.............. ๘. อิเหนาเป็นวรรณคดีที่เนน้ ดา้ นความไพเราะ ความงดงาม และการแสดงจินตนาการของกวี
มากกว่าการเสนอ คดีโลกหรือคดีธรรมตา่ งๆ
.............. ๙. อิเหนานิยมนาํ มาเลน่ เป็ นละครใน ซ่ึงนิยมใชต้ วั ละครเป็ นชายจริงหญิงแท้ เพราะเป็ นเรื่อง
เกี่ยวกบั การรบและ การชิงรักหกั สวาท
.............. ๑๐. อิเหนา ตอนศึกกะหมงั กุหนิงท่ีเรียนน้ีเป็นบทพระราชนิพนธใ์ นรัชกาลที่ ๒

ช่ือ...............................................................................................................ช้นั ...............เลขท่ี....................



บทละครเรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมงั กหุ นิง ( ฉบับหอพระวชิรญาณ )

๏ เมื่อน้นั ทา้ วกะหมงั กหุ นิงชาญสนาม

เห็นระเดน่ หา้ องคย์ นื ทรงงาม สงไสยกถ็ ามไปทนั ใด

อนั ตวั ของเจา้ ท้งั หา้ น้ี อยดู่ าหาธานีฤาไฉน

สามารถอาจมาชิงไชย ผใู้ ดซ่ึงชื่อจรกา

ฯ ๔ คาํ ฯ

๏ เม่อื น้นั ระเดน่ มนตรีใจกลา้

ยม้ิ พลางทางตอบวาจา เรามาแตก่ รุงกเุ รปัน

ไดย้ นิ เขาว่าตวั ท่านน้ี จะตีดาหาเขตรขณั ฑ์

จึงมาช่วยสุริวงษพ์ งษพ์ นั ธุ์ ถามถึงจรกาน้นั ดว้ ยอนั ใด

ฯ ๔ คาํ ฯ

๏ เมื่อน้นั พระป่ินภพกหุ นิงกรุงใหญ่

แจง้ วา่ อิเหนาชาญไชย ภูวไนยครั่นคร้ามฤทธา

แตม่ านะกระษตั รอาจอง จึงว่าเจา้ ผวู้ งษอ์ สญั หยา

เสียดายรูปโฉมโสภา ดวงภกั ตร์ลกั ขณาก็พร้ิงเพรา

เราเห็นกใ็ หป้ รานี เทา่ น้ีจะมาตายเสียเปล่าเปลา่

ท้งั หา้ องคแ์ ตล่ ว้ นทรงเยาว์ จะฆา่ เสียเลา่ ก็อายใจ

อน่ึงตวั เจา้ กบั เราน้นั จะผดิ แผกกนั กห็ าไม่

ขา้ กบั จรกาจะชิงไชย ใหเ้ จา้ ดูเลน่ เปนขวญั ตา

ฯ ๘ คาํ ฯ

๏ เมื่อน้นั พระสุริวงษอ์ สญั แดหวา

จึงตอบวา่ ทา้ วจรกา มิไดอ้ ยดู่ าหาธานี

ไม่ไตรตรามารบใหผ้ ดิ เมือง ทวยหาญตายเปลืองไม่พอท่ี

ถา้ จะรบจรกาบรุ ี ภูมีจงเลิกทพั ไป

แมน้ ไม่รู้แห่งภารา จะชว่ ยนาํ มรคาน้นั ให้

อนั จะอยดู่ าหากรุงไกร จะชิงไชยไปกว่าจะวายปราณ

จะให้เขา้ มาบกุ รุกราน ถึงที่ถ่ินฐานกใ็ ช่ที

ถึงว่าจรกาไมม่ าทนั อนั ว่าตวั เราผเู้ ปนพ่ี

จาํ จะป้องดว้ ยนอ้ งเปนสตั รี จะใหเ้ ปนชเลยน้ีดว้ ยอนั ใด

ใชน่ างเกิดในบุษบง สุริวงษพ์ งษาก็หาไม่

ช่วงชิงกนั ดงั ผลไม้ อนั จะไดน้ างไปอยา่ สงกา

ฯ ๑๒ คาํ ฯ

๏ เม่ือน้นั ทา้ วกะหมงั กหุ นิงใจกลา้
ไดฟ้ ังจึงตอบวาจา เรามาชิงตนุ าหงนั พระบตุ รี
ดว้ ยองคบ์ ุษบาโฉมตรู ยงั อยดู่ าหาบุรีศรี
อนั จรกาไมอ่ ยกู่ ย็ ่ิงดี ไม่มีผหู้ วงแหนเกียจกนั
สุดแตน่ างอยเู่ มืองไหน เราจะไปชิงไชยท่ีนน่ั
ไมอ่ ยากยกไปโรมรัน ถึงเขตรขณั ฑจ์ รกาพระนคร
ซ่ึงเราจะรบบดั เดี๋ยวน้ี เพราะจะชิงบุตรีดวงสมร
มิไดผ้ ดิ ธรรมสถาวร ปางก่อนกย็ อ่ มมีมา
สุดแตใ่ ครดีก็ใครได้ การอะไรแก่เจา้ ผเู้ ชษฐา
จงเลิกทพั กลบั ไปภารา จะไดส้ ืบวงษาใหส้ าํ ราญ

๏ เม่ือน้นั ระเด่นมนตรีใจหาญ

ย้ิมแลว้ จึงตอบพจมาน ซ่ึงท่านเมตตาขา้ ขอบใจ

จะใหก้ ลบั ไปเมืองเหมือนดงั ว่า มนุษยเ์ ทวาจะติได้

มาถึงสมรภมู ิไชย จะกลบั ไปกอ็ ายเสียดายภกั ตร์

ถึงมาทเปนเดก็ ไมถ่ อยหนี สงวนศรีไม่ให้เสียศกั ดิ

ท่านอยา่ ดเู บาแก่เรานกั ใชจ่ กั ไมร่ ู้โรมรัน

อยา่ เอาทหารออกตา้ นหนา้ จะพลอยมว้ ยมรณาอาสญั

เรากบั ระตูมาสูก้ นั ให้เปนขวญั ตาแก่โยธี

ฯ ๘ คาํ ฯ

๏ เม่ือน้นั ทา้ วกะหมงั กุหนิงเรืองศรี
ไดฟ้ ังกริ้วโกรธดงั อคั คี จึงมีพจนาดถต์ อบไป
จะรบกนั แตต่ วั ใหเ้ ห็นฤทธ์ิ กต็ ามจิตรไมข่ ดั อชั ฌาไศรย
วา่ พลางลงจากรถไชย ภวู ไนยข้ึนทรงพาชี
ชกั มา้ ลอ่ เล้ียวเวียนวง ตามกระบวนณรงคไ์ ชยศรี
ทา้ วกะหมงั กุหนิงธิบดี กบั ระเด่นมนตรีกุเรปัน
อนั สุหรานากงวงษา ผใู้ จแกลว้ กลา้ ชาญขยนั
กบั ระตปู าหยงั สู้กนั อาชาผกผนั เขา้ รอนราญ
อนั ระตูปาหลนั สลดั กบั กรัติปาตีใจหาญ
สองสู้โรมรันประจญั บาน ทยานตอ่ ล่อไลก่ นั ไปมา

๏ ต่างผนั ต่างผดั ปัดป้อง รับรองวอ่ งไวท้งั ซ้ายขวา
อาวธุ ไม่ระคายกายา ดว้ ยศึกษาชาํ นาญดว้ ยกนั

ฯ ๒ คาํ ฯ

๏ เมื่อน้นั อิเหนาฤทธิแรงแขงขนั

ขบั มา้ เล้ียวลอ่ เวียนรวนั รําทวนเยย้ หยนั ไยไพ

แกลง้ ชกั เปนบาทกุญชร แลว้ ยอ้ นเปนเฉลวกองใหญ่

กลบั ชกั เปนโคมสามใบ แกลง้ ยว่ั หวงั จะให้ติดตาม

ฯ ๔ คาํ ฯ พระยาเดนิ

๏ คร้ันเห็นไม่ไลแ่ ลว้ ร้องเยย้ เหวยเหวยระตชู าญสนาม

เหตไุ ฉนขย้นั คร่ันคร้าม ฤาเขด็ ขามฤทธ์ิแลว้ กว็ ่ามา

ฯ ๒ คาํ ฯ

๏ เมื่อน้นั ทา้ วกะหมงั กุหนิงใจกลา้
ความอายความแคน้ แน่นอุรา ท้งั กาํ ลงั อาชาก็ซุดซาน
จึงคิดว่าอิเหนามีฤทธ์ินกั จะหกั มิไดด้ งั ใจหาญ
จาํ จะทาํ อุบายใหเ้ น่ินนาน จึงจะคอ่ ยรบราญราวี
คิดแลว้ จึงกลา่ วสุนทร ดูก่อนเจา้ ผเู้ รืองศรี
อนั จะรบพร้อมพรั่งอยดู่ งั น้ี ใชท่ ี่จะเห็นฝีมือกนั
มาจะชิงไชยทีละคู่ ดูเล่นใหเ้ ปนศุขเกษมสนั ต์
เหมือนรมนาโบะเล่นน้นั ใหเ้ ปนขวญั ตาพลไกร

๏ เมื่อน้นั พระสุริวงษผ์ ทู้ รงอชั ฌาไศรย
ยม้ิ แลว้ จึงตอบคาํ ไป ออ่ นใจแลว้ ฤาภูมี
จึงชวนพนั ตเู ปนคกู่ นั บิดผนั จะแกลง้ เอาตวั หนี
ฤๅจะรับแพก้ ็ตามที ชลีเราจะให้กลบั ไปภารา

ฯ ๔ คาํ ฯ

๏ เม่ือน้นั วิยาหยาสะกาํ ใจกลา้
ไดฟ้ ังกร้ิวโกรธโกรธา กระตะอาชาออกยืนยนั
จึงวา่ ดกู อ่ นขา้ ศึก อยา่ เหิมฮึกโอหงั เยย้ หยนั
ฤทธีฝี มือก็เห็นกนั ตวั เราไม่พรั่นเท่ายองใย
มิเจา้ กเ็ ราจะมรณา จะรับแพด้ งั วา่ อยา่ สงไสย
ตวั เรากช็ ายอาชาไนย เปนไฉนมาหม่ินกนั ดงั น้ี

ฯ ๖ คาํ ฯ

๏ เมื่อน้นั สงั คามารตาเรืองศรี
ฟังวิยาหยาสะกาํ พาที ดงั ตรีเพช็ รแสลงมาแทงกรรณ
ใหพ้ ิโรธโกรธแคน้ แน่นจิตร จึงทูลพระทรงฤทธ์ิรังสรรค์
อนั ไพรีหยาบชา้ เจรจาน้นั ตวั มนั จะเปนกะไรมา
นอ้ งน้ีขอรองฉลองบาท พระหน่อนารถบรมนาถา
สู้วิยาหยาสะกาํ ผศู้ กั ดา พระจงยนื มา้ ดูเปนประธาน

แบบฝึ กหัดท้ายบทเรียน
คาํ ชีแ้ จง : ให้นกั เรียนเขียนคาํ ตอบลงในชอ่ งวา่ งท่ีกาํ หนดให้ถูกตอ้ งครบถว้ น (๑๐ คะแนน)

ผทู้ รงนิพนธ์คือ………………………….............................................................................
ลกั ษณะคาํ ประพนั ธ์คือ……………………………………………………………………..
เรื่องอิเหนาน้ี มีเคา้ ความจริงจาก ………………………………………………………….
อิเหนาเป็นโอรสของ……………………….มีลกั ษณะ…………………………………….
บุษบาเป็นพระราชธิดาของ………………. มีลกั ษณะ…………………………………….
ทา้ วกเุ รปันมีหนงั สือใหอ้ ิเหนากลบั เมืองเพ่อื ……………………………………………….
ผทู้ ่ีให้ชา่ งไปวาดรูปนางบุษบาคือ……………………ช่างวาด วาดรูปจาํ นวน….......รูป
ระหวา่ งเดินทางกลบั ถกู ลกั รูปภาพไป ผทู้ ่ีลกั รูปวาดของนางบษุ บาคือ……………………
ทา้ วกะหมงั กะหนิงมีพระราชโอรสชือ…………………………………………………….
วิหยาสะกาํ ตามกวางมาถึงตน้ ไทร ไดพ้ บกบั …………………เกิด......................................
ทา้ วกะหมงั กุหนิงส่งราชทูตไปเมืองดาหาเพื่อ……………ผลคือ………………………..
ทา้ วกะหมงั กุหนิงตอ้ งการยกทพั ไปเมืองดาหาเพ่ือ………………………………………..
เม่ือรู้ข่าวศึก ทา้ วดาหาขอความช่วยเหลือจากเมืองใดบา้ ง………………………………….
ในขณะเกิดเร่ืองน้ีอิเหนาประทบั อยเู่ มืองใด เมือง…………………………………………
ผทู้ ่ีเขา้ สะกดั ทา้ วกะหมงั กหุ นิงมิให้ไล่ล่าสงั คามาระตาคือ………………………………..
คูต่ ่อสู้ที่เหมาะสมกนั ฝีมือทดั เทียมกนั คือ………………………..กบั ……………………..
ทา้ วดาหา มีความคิดว่า ศึกคร้ังน้ีเกิดข้ึนเพราะ………………………………………………



บทวเิ คราะห์เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมงั กุหนิง

คุณค่าด้านเนื้อหา ( Quality products )
โครงเร่ือง (storyline)

๑) แนวคดิ ของเร่ือง เรื่องอิเหนา ตอนศึกกะหมงั กุหนิง เป็นเรื่องที่แสดงใหเ้ ห็นถงึ ความรักของพอ่ ที่มตี ่อลูก รัก
และตามใจลูกทุกอยา่ ง แมก้ ระทงั่ ตวั ตายก็ยอม

๒) ฉาก เน้ือเรื่องเป็นเร่ืองของชวา แต่การบรรยายฉากในเร่ืองเป็ นฉากของไทย บา้ นเมอื งท่ีกล่าวพรรณนาไว้
คือกรุงรัตนโกสินทร์ วฒั นธรรมประเพณีที่ปรากฏในเร่ืองคือเร่ืองของไทยท่ีสอดแทรกเอาไวอ้ ยา่ งมีศิลปะ อาทิ
พระราชพิธีสมโภชลกู หลวง (เม่ืออิเหนาประสูติ) พระราชพธิ ีการพระเมรุท่ีเมืองหมนั หยา พระราชพิธีรับแขก
เมอื ง เม่อื เมอื งดาหารับทูตจรกา) พระราชพธิ ีโสกนั ต์ (สียะตรา) ซ่ึงลว้ นเป็นพระราชพธิ ีของไทยแต่โบราณ

๓) ปมขัดแย้ง ตอนศกึ กะหมงั กุหนิง มีหลายขอ้ ขดั แยง้ แต่ละปมปัญหาเป็นเร่ืองที่อาจเกิดไดใ้ นชีวิตจริง และ
สมเหตุสมผล เช่น

ปมแรก คือ ทา้ วกุเรปันจะให้อิเหนาอภิเษกกบั บุษบา แต่อิเหนาหลงรักจินตะหรา ไม่ยอมอภิเษกกับ
บุษบา

ปมท่ีสอง ทา้ วดาหาขดั เคืองอิเหนา ยกบุษบาใหจ้ รกา ทาํ ใหท้ า้ วกุเรปันและพระญาติท้งั หลายไม่ พอ
พระทยั

ปมท่ีสาม ทา้ วกะหมงั กหุ นิงขอบุษบาใหว้ ิหยาสะกาํ แต่ทา้ วดาหายกใหจ้ รกาไปแลว้ จึงเกิดศกึ ชิงนางข้ึน
ปมที่ส่ี อหิ นาจาํ เป็นตอ้ งไปช่วยดาหา จินตะหลาคิดวา่ อเิ หนาจะไปอภิเษกกบั บุษบา จินตะหราขดั แยง้ ใน
ใจตนเอง หวน่ั ใจกบั สถานภาพของตนเอง
ปมท่ีสามเป็นปัญหาที่สาํ คญั ที่สุด เมื่อทา้ วกะหมงั กหุ นิงคิดจะทาํ สงครามกบั กรุงดาหาเพอ่ื ชิงนางบุษบา
มาใหว้ ิหยาสะกาํ โอรสองพระองค์ ทา้ วกะหมงั กุหนิงหารือกบั ระตูปาหยงั และทา้ วปะหมนั ผเู้ ป็นอนุชา ท้งั สองทดั
ทานว่าดาหาเป็ นเมืองใหญ่ของกษตั ริยว์ งศอ์ สัญแดหวาผมู้ ีฝี มือเลอื่ งลือในการสงคราม ส่วนกะหมงั กุหนิงเป็ น
เพียงเมืองเล็ก ๆ คงจะสูศ้ ึกไมไ่ ด้ แต่ทา้ วกะหมงั กุหนิงก็ไม่ฟังคาํ ทดั ทานเพราะรักลูกมากจนไม่อาจทนเห็นลูก
ทุกขท์ รมารได้ แมจ้ ะรู้ว่าอาจสูศ้ ึกไม่ไดแ้ ต่กต็ ดั สินใจทาํ

คุณค่าด้านกลวธิ ีการแต่ง (The value of the composing method)

บทละครเรื่องอเิ หนาตอนน้ีมีการใชส้ าํ นวนโวหารและกวโี วหารที่งดงามและถา่ ยทอดเน้ือความได้

อยา่ งลกึ ซ้ึงกินใจ ทาํ ใหเ้ กิดความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ และยงั มีการใชก้ ลวธิ ีการแต่งอกี หลายลกั ษณะ ดงั น้ี

๑.จนิ ตภาพกวใี ชค้ าํ บรรยายไดช้ ดั เจน ทาํ ใหผ้ อู้ ่านสามารถนึกภาพตามและไดร้ ับอรรถรสในการอ่านมากข้ึน เช่น

ตอนท่ีอเิ หนาต่อสูก้ บั ทา้ วกะหมงั กหุ นิง จะเห็นลลี าท่าทางการต่อสูท้ ่ีคล่องแคลว่ ฉบั ไง โดยเฉพาะเม่อื มกี ารใชค้ าํ

ท่ีมีความหมายแสดงอาการเคลือ่ นไหว อยา่ งเช่น ติดตาม หลบหลีก ไววอ่ ง ป้องกนั ผดั ผนั หนั กลอก กบั ปะทะ

แทง กะหยบั เป็นตน้

เมอื่ น้นั ระเด่นมนตรีชาญสนาม

พระกรกรายฉายกริชตดิ ตาม ไมเ่ ข็ดถามคร้ามถอยคอยรับ

หลบหลีกไววอ่ งป้องกนั ผดั ผนั หนั ออกกลอกกลบั

ปะทะแทงแสร้งทาํ สาํ ทบั ยา่ งกระหยบั รุกไลม่ ไิ ดย้ ้งั

เห็นระตูถอยเทา้ กา้ วผดิ พระกรายกริชแทงอกตลิดหลงั

ลม้ ลงดา้ วด้ินส้ินกาํ ลงั มอดมว้ ยชีวงั ปลดปลง

๒.ภาพพจน์ ภาพพจนท์ ีก่ วนี าํ มาใชม้ ีหลายลกั ษณะ และลว้ นทาํ ใหบ้ ทละครเร่ืองอเิ หนาน้ีมีความไพเราะ

สละสลวย และสามารถถา่ ยทอดอารมณ์ไดล้ ึกซ้ึงกินใจ ดงั น้ี

๒.๑)การเปรียบเทียบแบบอปุ มาหรืออุปมาโวหาร เป็นการใชโ้ วหารเปรียบเทียบโดยใชค้ าํ เปรียบเทียบ

เหมือนกบั ส่ิงหน่ึง ทาํ ใหเ้ ห็นภาพไดอ้ ยา่ งชดั เจนข้ึน

กรุงกษตั ริยข์ อข้นึ กน็ บั ร้อย เราเป็นเมอื งนอ้ ยกระจิหริด

ดงั หิ่งหอ้ ยจะแข่งแสงอาทิตย์ เห็นผดิ ระบอบบุราณมา

มา้ รถคชหกรรมค์ รั่นคร้ืน ดงั เสียงคล่ืนในสมทุ รไมข่ าดสาย

บดั น้ีมาต้งั อยเู่ นินทราย ที่ชายทุ่งกบั ป่ าต่อกนั

ในคาํ ค่าํ ครวญของจินตะหราที่เปรียบความรกั เหมอื นสายน้าํ ที่ไหลไปแลว้ จะไมม่ วี นั ไหลยอ้ นกลบั ซ่ึง
เกิดจากความไม่มน่ั ใจในฐานะของตนเอง เกดิ ความรู้สึกข้ึนมาวา่ อาจตอ้ งสูญเสียคนรกั เพราะข่าวการแยง่ บษุ บา
แสดงวา่ บุษบาตอ้ งสวยมาก อีกท้งั ยงั เป็นคู่มน่ั ของอิเหนามาก่อน ยง่ิ ทาํ ใหร้ ู้สึกหวาดหวน่ั ดงั คาํ ประพนั ธท์ ี่อา่ น
แลว้ เกิดอารมณ์สะเทือนใจ สงสารและเห็นใจวา่

๒.๒)การเปรียบเทียบเกนิ จริงหรือการใชโ้ วหารแบบอติพจน์ เป็นการใชค้ าํ เปรียบเทียบที่เกนิ จริง เพื่อ

เนน้ ความรู้สึกทาํ ใหผ้ อู้ า่ นเห็นภาพและเกิดความรู้สึกที่ลกึ ซ้ึงไดง้ ่าย

ไดฟ้ ังดงั ศรเสียบกรรณ จึงตอบไปพลนั ทนั ใดหรือ

ฟังวทิ ยาสะกาํ พาที ดงั ตรีเพชรบาดในอรุ า

๓.การเล่นคาํ โดยการใชค้ าํ ซ้าํ มกี ารใชภ้ าษาท่ีสวยงาม เล่นคาํ พอ้ งเสียง เล่นสมั ผสั พยญั ชนะเพ่ือใหเ้ กิดความ

ไพเราะ เช่น ตอนอเิ หนาชมดง โดยนาํ ชื่อนกกบั ชื่อไมท้ ่ีเป็นชื่อพอ้ งกนั มาโยงสู่การคร่ําครวญ เมื่ออ่านแลว้ เกิด

ความไหเราะมากข้ึน

วา่ พลางทางชมคณานก โผนผกจบั ไมอ้ ึงมี่

เบญจวรรณจบั วลั ยช์ าลี เหมือนวนั พีไ่ กลสามสุดามา

นางนวลจบั นางนวลนอน เหมือนพแ่ี นบนวลสมรจินตะหรา

จากพรากจบั จากจาํ นรรจา เหมอื นจากนางสการะวาตี

แขกเตา้ จบั เต่าร้างร้อง เหมือนร้างหอ้ งมาหยารัศมี

นกแกว้ จบั แกว้ พาที เหมือนแกว้ พ่ที ้งั สามสงั่ ความมา

ตระเวนไพรร่อนร้องตะเวนไพร เหมอื นเวรใดใหน้ ิราศเสน่หา

เคา้ โมงจบั โมงอยเู่ อกา เหมือนพ่ีนบั โมงมาเม่ือไกลนาง

คบั แคจบั แคสนั โดษเดี่ยว เหมอื นเปล่าเปลีย่ วคบั ใจในไพรกวา้ ง

ชมวหิ คนกไมไ้ ปตามทาง คะนึงนางพลางรีบโยธี

คุณค่าด้านความรู้และความคดิ (The value of knowledge and thought)

๑)แสดงให้เห็นถงึ ความเชื่อ ประเพณี และพธิ ีกรรมเช่น ความเช่ือเรื่องการทาํ นายโชคชะตาหรือ

โหราศาสตร์ดงั ตอนท่ีทา้ วกะหมงั กหุ นิงจะยกทพั ไปตีเมอื งดาหา กใ็ หโ้ หรทาํ นายดวงชะตาของเขา

คร้ันเสดจ็ สง่ั มหาเสนา จึงถามขุนโหราท้งั สี่

เราจะยกพลไกรไปต่อดี พรุ่งน้ีดีร้ายประการใด

บดั น้นั พระโหราราชครูผใู้ หญ่

รับรสพจนารภวู ไนย คลี่ดาํ รับขบั ไล่ไปมา

เทียบดูดวงชะตาพระทรงยศ กบั โอรสถงึ ฆาตชนั ษา

ท้งั ช้นั โชคโยคยามยาตรา พระเคราะหข์ ดั ฤกษพ์ าสารพนั

จึงทูลว่าถา้ ยกวนั พรุ่งน้ี จะเสียชยั ไพรีเป็นแม่นมน่ั

งดอยอู่ ยา่ เสด็จสกั เจด็ วนั ถา้ พน้ น้นั ก็เห็นไม่เป็นไร

ขอพระองคจ์ งกาํ หนดงดยาตรา ฟังคาํ โหราหาฤกษใ์ หม่

อนั การยทุ ธย์ งิ ชิงชยั หนกั หน่วงนา้ พระทยั ดูใหด้ ี

แมต้ อนน้ีอเิ หนาจะยกทพั ไปช่วยเมอื งดาหา กต็ อ้ งพิจารณาฤกษย์ ามและมกี ารประกอบพิธีท่ี
เรียกวา่ “ฟันไมข้ ่มหนาม” ดงั ความทวี่ า่

พอไดศ้ ภุ ฤกษก์ ล็ น่ั ฆอ้ ง ประโคมคึกกึกกอ้ งทอ้ งสนาม
ประโรหิตฟันไมข้ ่มนาม ทาํ ตามตาํ ราพชิ ยั ยทุ ธ์
พิธีฟันไมข้ ่มนาม เป็นพิธีท่ีจดั เพ่ือความเป็นสิริมงคลและสร้างขวญั กาํ ลงั ใจใหแ้ ก่ทหารโดยมีการ
ตดั ไมท้ ่ีมีพยญั ชนะตน้ ข้ึนช่ือศตั รู เช่นศตั รูช่ือวา่ กะหมงั กหุ นิง ใหห้ าพืชที่ข้ึนดว้ ยตวั ก เช่น กลว้ ย กระถิน เป็น
ตน้ แลว้ ฟันใหข้ าดดว้ ยพระแสงศตั ราวุธท่ีไดร้ ับพระราชทานติอหนา้ พระพกั ตร์ เมื่อฟันแลว้ ผฟู้ ันจะหนั หนา้
ไปสู่พระราชวงั โดยไม่เหลยี วหลงั กลบั มาดูเป็นอนั ขาด จากน้นั นาํ ความข้ึนกราบบงั คลทูลว่า “ขา้ พระพุทธเจา้
ออกไปปราบศึกคร้ังน้ีมีชยั ชนะแกข่ า้ ศกึ ” ท้งั น้ีผทุ้ ่ีฟันจะเป็นพระมหากษตั ริยก์ ไ็ ด้
นอกจากน้ียงั มีพธิ ี “เบิกโขลนทวาร” ซ่ึงเป็นการประกอบพธิ ีกรรมตามตาํ ราพราหมณ์ โดยทาํ
เป็นประตูสะดว้ ยใบไม้ สองขา้ งประตูมพี ราหมณ์หรือสงฆ์ นง่ั หรือยนื สวดคาถาที่มเี น้ือหาเป็นมงคลพร้อมกบั
พรมน้าํ มนตใ์ หท้ หารท่ีเดินลอดผา่ นประตู ทพั หนา้ ทพั หลวงทพั หลงั พร้อมพร่ังตงั่ โห่อึงอุตม์ ทหารโบกธง
ทองกระบี่ครุฑ ฝรั่งจุดปืนใหญ่ใหส้ ญั ญา ชีพอ่ ก็เบิกโขลนทวาร โอมอ่านอาคมคาถา เสด็จทรงชา้ งที่นงั่ หลงั คา
คลาเคลอ่ื นโยธาทุกหมวดกอง

๒)แสดงให้เหน็ ถึงสภาพการสงครามเมื่อคร้ังอดตี แมบ้ ทละครเรื่องอเิ หนา จะมีเคา้ เร่ืองมาจากนิทานพ้ืนเมอื ง

ของชวา แต่พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ไดท้ รงดดั แปลงแกไ้ ขใหเ้ ขา้ กบั ธรรมเนียมของไทย อาทิ
การต้งั ค่าย เม่ือมีสงครามในสมยั โบราณ

เม่ือน้นั ทา้ วกะหมงั กหุ นิงเป็นใหญ่

เร่งรีบร้ีพลสกลไกร มาใกลท้ ิวทุ่งธานี

เห็นและหานธารน้าํ ไหลหลง่ั ร่มไทรใบบงั สุริยศ์ รี

จึงดาํ รัสตรัสสง่ั เสนี ใหต้ ้งั ท่ีนาคนามตามตาํ รา

การต้งั ค่าย เมือ่ มีศกึ ในสมยั โบราณ จะพจิ ารณาจากภูมสิ ถานหรือท่ีเรียกวา่ “ชยั ภูม”ิ ว่าสอดคลอ้ งกบั การ
ต้งั ค่ายแบบใดท่ีมีในตาํ รา “พิชยั สงคราม” ซ่ึงเป็นเอกสารท่ีมีเน้ือความเก่ียวกบั ยทุ ธศาสตร์และวิธกี ารรบ อยา่ ง
ที่ปรากฏในบทละครขา้ งตน้ กลา่ วถึง “นาคนาม” น้นั เป้นการต้งั ค่ายในภูมิประเทศที่มีแม่น้าํ หรือลาํ หว้ ยไหล
ผา่ น

๓)ให้ข้อคดิ คตเิ ตือนใจ ที่ว่าลูกใครใครก็รักและตามใจลูกเกินไปบางคร้ังความรักของพอ่ แมก่ ็อาจจะฆ่าลกู และ

ฆ่าตนเองดว้ ย เช่น ทา้ วกะหมงั กหุ นิง ดงั น้ี

ตรัสพลางยา่ งเยื องยรุ ยาตร องอาจดงั ไกรสรสีห์

สองระตูตามเสดจ็ จรลี ไปที่วหิ ยาสะกาํ ตาย

มาเห็นศพทอดทิ้งกลิ้งอยู่ พระพินิจพศิ ดูแลว้ ใจหาย

หนุ่มนอ้ ยโสภาน่าเสียดาย ควรจะนบั ว่าชายโฉมยง

ทนตแ์ ดงดงั แสงทบั ทิม เพริศพร้ิมเพรารับกบั ขนง

เกศางอนงามทรง เอวองคส์ ารพดั ไมข่ ดั ตา

กระน้ีหรือบิดามพิ ศิ วาส จนพนิ าศดว้ ยโอรสาปลาย

กลอนขา้ งตน้ เป็นบทบรรยายความคิดของอเิ หนาที่มีต่อวิหยาสะกาํ ซ่ึงเป็นโอรสของทา้ วกะหมงั กหุ นิง

โดยอเิ หนาเห็นว่าคงเป็นเพราะวิหยาสะกาํ น้นั รูปงาม จึงไมน่ ่าแปลกใจท่ีทา้ วกะหมงั กุหนิงผเู้ ป็นพอ่ จะรักใคร่

เอน็ ดูมาก จนสุดทา้ ยตอ้ งมาตายเพราะความรักที่มีต่อลูกนน่ั เอง

หนงั สอื บทประพนั ธเ์ รอ่ื งอเิ หนา บทพระราชนิพนธใ์ นพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นนภาลยั
( The poem book on Adonis Chapter of His Majesty the Great Buddha )

แบบฝึ กหัดท้ายบทเรียน
คําชี้แจง : ให้นกั เรียนเขียนแผนผงั ความคิดตามหัวข้อท่ีกาํ หนด ให้ถูกตอ้ งและครบถ้วน
(๑๐ คะแนน)

คณุ คา่ ด้านเนอื้ หา คุณค่าด้านกลวธิ กี าร
แต่ง

กลอนบทละครเรื่องอเิ หนา
ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง

คณุ ค่าด้านความรู้ ข้อคดิ ที่ได้รับ

แบบทดสอบหลังเรียน

เร่ือง อิเหนา ตอนศึกกะหมังกุหนิง

คาํ ชีแ้ จง : ให้นกั เรียน X หน้าข้อท่ีถูกต้องทีส่ ุดเพยี งข้อเดยี ว จาํ นวนคาํ ถามท้ังหมด ๑๐ ข้อ

๑. “ คร้ังกรุงเก่าเจ้าสตรีเธอนิพนธ์ ” หมายถึงใคร ๖. อาวุธในข้อใดมลี กั ษณะเป็ นมดี ส้ัน
ก. พระเจ้าอย่หู ัวบรมโกศ ก. ก้นั หยนั่ , กริช
ข. ยายยะโว ข. เกาทัณฑ์ , มณฑก
ค. เจ้าฟ้ากณุ ฑล กบั เจ้าฟ้ามงกฎุ ค. หอก , ธนู
ง. พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หล้านภาลยั ง. ทวน , นกสับ

๒. ข้อใดไม่ใช่คาํ ศัพท์ภาษาชวา ๗. คาํ ว่า “ ระเด่นมนตรี ” หมายถึงผู้ใด
ก. กริ ิณี , ชมพนู ุท ก. กะหรัตตะปาตี
ข. กระยาหงนั , บุหรง ข. อเิ หนา
ค. ดวงยหิ วา , มะงุมมะงาหรา ค. สียะตรา
ง. ตุนาหงนั , กหุ นุง ง. สุหรานากง

๓. “ สตรีใดในพภิ พจบแดน ไม่มใี ครได้แค้น ๘. “ เค้าโมงจบั โมงอย่เู อกา เหมือนพนี่ ับโมงมา
เหมือนอกข้า ” หมายถึงตวั ละครใด เม่ือไกลนาง ” ข้อใดไม่ได้หมายถึง “ โมง ”
ก. นางบุษบาหน่ึงหรัด ก. ชื่อนกชนดิ หนงึ่
ข. นางจนิ ตะหราวาตี ข. ช่ือปลาชนดิ หนงึ่
ค. นางสะการะวาตี ค. ช่ือต้นไม้ชนดิ หนง่ึ
ง. นางมาหยารัศมี ง. ช่ือคาํ บอกเวลา

๔. ข้อใดมใิ ช่ลกั ษณะของละครใน ๙. พเี่ ลยี้ งของอเิ หนาที่มบี ทบาทในตอนนคี้ ือใคร
ก. เป็ นเร่ืองเกย่ี วกบั กษตั ริย์ ก. ประสันตา
ข. ใช้ผ้หู ญงิ แสดงท้งั หมด ข. ปูนตา
ค. มรี ะเบยี บแบบแผน ค. ยะรุเดะ
ง. เล่นท้งั ในวงั และนอกวงั ง. กะระตาหลา

๕. อเิ หนาในตอนทีศ่ ึกษานไี้ ม่ได้กล่าวถึงพธิ ีใด ๑๐. คาํ ว่า “ แก้ว ” ในข้อใดมคี วามหมายโดยนัย
ก. พธิ ีตดั ไม้ข่มนาม ก. ทองกรแก้วพุกามวามวบั
ข. พธิ โี สกนั ต์ ข. ทองกรแก้วกง่ิ พริง้ พราย
ค. พธิ ีต้อนรับทูต ค. นกแก้วจบั แก้วพาที
ง. พธิ จี ดั ทพั ตามตาํ ราพชิ ัยสงคราม ง. เหมือแก้วพท่ี ้งั สามสั่งความมา

อิเหนาเป็นบทละครรําพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลยั มหาราช
รัชกาลท่ี ๒ แห่งพระบรมราชวงศจ์ กั รี ตลอดระยะเวลาที่พระองคท์ รงครองราชย์ เป็นสมยั ที่
วรรณคดีเจริญท่ีสุดในสมยั น้ีหลาย เรื่องไดร้ บั การยกยอ่ งว่าเป็นยอดของวรรณคดี และทรง
ไดร้ ับการเทิดพระเกียรติจากองคก์ ารการศึกษาวิทยาศาสตร์และวฒั นธรรมแห่ง
สหประชาชาติ (UNESCO) ในฐานะบคุ คลสาํ คญั ของโลก

ลักษณะคาํ ประพนั ธ์
บทละครรํา เร่ือง อิเหนา มีรูปแบบการแตง่ กลอนบทละครซ่ึงมีลกั ษณะบงั คบั เหมือน

กลอนสี่สุภาพ แต่ละวรรคมกั จะข้ึนตน้ ดว้ ยคาํ ว่า “เมื่อน้นั ” “บดั น้นั ” และ “มาจะกลา่ วบท
ไป”
ข้อคดิ เตือนใจ ท่ีวา่ ลกู ของใครใครก็รัก แตก่ ารท่ีรักและตามใจลกู จนเกินไปบางคร้ังความรัก
ของพอ่ แม่ก็อาจจะฆ่าลกู และฆ่าตนเองดว้ ย

อเิ หนา เป็ นบทละครท่ีมีเนื้อหาเป็ นท่นี ิยม เน่ืองด้วยสํานวนกลอนมีความไพเราะและ

เหมาะทจ่ี ะนําไปเล่นละคร แม้จะมีเค้าเรื่องมาจากนิทานพืน้ เมืองชวา แต่พระบาทสมเดจ็

พระพทุ ธเลิศหล้านภาลยั ทรงดัดแปลงแก้ไขให้เข้ากบั ธรรมเนียมและรสนยิ มของคนไทยได้

โดยไม่ขัดกับเรื่องเดมิ นอกจากนีผ้ ้อู ่านยงั อาจแสวงหาความรู้เร่ืองประเพณไี ทยได้ ด้วยเหตุ

นี้บทละครเร่ืองอิเหนาจงึ เป็ นวรรณคดที ่มี ีความโดเด่นและควรค่าแก่การอ่านเป็ นอย่างยงิ่

ตวั ละคร เร่ืองอเิ หนา ตอน ศึกกะหมงั กุหนิง
เน้ือเรื่องของอเิ หนาเล่าถึง ‘ราชวงศอ์ สญั แดหวา’ ทา้ วปะตาระกาหรา ตน้ ราชวงศ์
อสญั แดหวามีพระราชโอรส ๔ พระองค์ คือ ทา้ วกเุ รปัน ทา้ วดาหา ทา้ วกาหลงั และทา้ วสิง
หดั ส่าหรี ทุกพระองคต์ ่างเป็นกษตั ริยป์ กครองนคร ๔ นครตามช่ือของตนเอง ราชวงศ์
อสญั แดหวาถือเป็นราชวงศท์ ่ียิ่งใหญท่ ี่สุดในดินแดนชวาเนื่องจากสืบเช้ือสายมาจากเทวดา
โดยตวั ละครของราชวงศน์ ้ีจะใชค้ าํ นาํ หนา้ ว่า 'ระเดน่ ' ส่วนราชวงศอ์ ่ืน ๆ ที่มียศต่าํ กวา่ จะใช้
คาํ นาํ หนา้ วา่ 'ระตู'

เอกสารอ้างอิง

กุสุมา รักษมณี. (๒๕๔๗). เสน้ ลีลาวรรณกรรม. กรงุ เทพฯ: แมค่ าผาง.
กุหลาบ มัลลิกะมาศ. (๒๕๒๒). วรรณคดีวิจารณ์. (พิมพ์คร้ังที่ ๗). กรุงเทพฯ: ภาควิชา

ภาษาไทยและตะวันออก คณะมนษุ ยศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยรามคาแหง.
เจตนา นาควัชระ. (๒๕๔๒). ทฤษฎีเบ้อื งต้นแหง่ วรรณคดี. (พมิ พค์ รงั้ ที่ ๒). กรุงเทพฯ: ศยาม.
ทศิ นา แขมมณี. (ม.ป.ป). การสอนโดยใช้การแสดงบทบาทสมมุติ (ออนไลน์). สบื ค้นจาก :

http://innovation.kpru.ac.th [๖ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๔].
ธารง บัวศร.ี (มปป.). ทฤษฎีหลกั สตู ร. กรงุ เทพฯ: ธนธัช.
ราชภัฏพระนคร, มหาวิทยาลัย. (ม.ป.ป.). เอกสารประกอบการสอนหมวดวิชาศึกษาทั่วไป

ภาษาไทยเพ่อื การสอื่ สาร. กรุงเทพฯ: (ม.ป.ท.).
วชิ ยั ดิสสระ. (๒๕๓๕). การพฒั นาหลกั สูตรและการสอน. กรุงเทพฯ: สุวีรยิ าสาสน์ .
หอพระสมดุ วชิรญาณ. (๒๔๖๔). บทละคร เรอ่ื งอิเหนา (ออนไลน)์ . สบื คน้ จาก :

https://vajirayana.org [๒๘ สงิ หาคม ๒๕๖๒].

ว่าพลางทางชมคณานก โผนผกจบั ไมอ้ งึ มี่
เบญจวรรณจบั วัลย์ชาลี เหมอื นวันพไี่ กลสามสุดามา
นางนวลจับนางนวลนอน เหมือนพแ่ี นบนวลสมรจนิ ตะหรา
จากพรากจับจากจานรรจา เหมอื นจากนางสการะวาตี
แขกเตา้ จับเต่าร้างร้อง เหมอื นรา้ งท้องมาหยารัศมี
นกแกว้ จบั แก้วพาที เหมอื นแกว้ พ่ที ัง้ สามส่งั ความมา
ตระเวนไพรร่อนร้องตระเวนไพร เหมือนเวรใดใหน้ ิราศเสนห่ า
เค้าโมงจับโมงอยเู่ อกา เหมือนพน่ี บั โมงมาเม่ือไกลนาง
คบั แคจบั แคสนั โดษเด่ียว เหมือนเปลา่ เปลยี่ วคบั ใจในไพรกวา้ ง
ชมวิหคนกไม้ไปตามทาง คะนึงนางพลางรบี โยธี

จดั ทาโดย นายนิมิตร ส้มสดุ รหสั ๐๒๕ สาขาวิชาภาษาไทย วิทยาลัยการฝึกหดั ครู


Click to View FlipBook Version