The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วิเคราะห์กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nutthamon Peng-on, 2021-02-27 05:34:09

วิเคราะห์กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

วิเคราะห์กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

วเิ คราะหน์ ิทาน กาพย์เรือ่ งพระไชยสุริยา

เสนอ
อาจารยป์ รชั ญา ใจภกั ดี

จัดทำโดย รหัส ๐๐๑
นางสาวเรณู หนั สมร

นางสาวพัชรินทร์ มานพ รหสั ๐๐๒

นายกฤษณะ ธีระกมุ าร รหัส ๐๑๓

นางสาวกัญจนพร หนทู อง รหสั ๐๑๕

นางสาวปารฉิ ัตร นอ้ ยลุน รหสั ๐๒๔

นางสาวเยาวลักษณ์ สดุ สังข์ รหสั ๐๒๙

นักศึกษาช้ันปีท่ี ๔ สาขาวชิ าภาษาไทย
วทิ ยาลยั การฝกึ หดั ครู

รายงานน้ีเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณคดสี นุ ทรภู่ รหสั วชิ า (๑๕๔๓๔๑๓)
ภาคการศกึ ษาท่ี ๑ ปกี ารศึกษา ๒๕๖๓
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร

วเิ คราะห์นทิ าน กาพย์เรือ่ งพระไชยสุริยา

เสนอ
อาจารยป์ รชั ญา ใจภกั ดี

จัดทำโดย รหัส ๐๐๑
นางสาวเรณู หนั สมร

นางสาวพัชรินทร์ มานพ รหสั ๐๐๒

นายกฤษณะ ธีระกมุ าร รหัส ๐๑๓

นางสาวกญั จนพร หนทู อง รหสั ๐๑๕

นางสาวปารฉิ ตั ร นอ้ ยลุน รหสั ๐๒๔

นางสาวเยาวลักษณ์ สดุ สังข์ รหัส ๐๒๙

นักศกึ ษาช้ันปีท่ี ๔ สาขาวชิ าภาษาไทย
วทิ ยาลยั การฝกึ หดั ครู

รายงานน้ีเป็นส่วนหนง่ึ ของรายวิชาวรรณคดสี นุ ทรภู่ รหัสวชิ า (๑๕๔๓๔๑๓)
ภาคการศึกษาท่ี ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖๓
มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

คำนำ

การวิเคราะห์นิทาน กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชาวรรณคดีสุนทรภู่ รหัสวิชา
(๑๕๔๓๔๑๓) เป็นการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนิทาน กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฝึกทักษะ
และเหน็ คณุ ค่าในการวิเคราะหว์ รรณคดไี ทย ได้ถูกต้องตามหลักการวิเคราะหว์ รรณคดี

คณะผู้จัดทำได้รับมอบหมายให้วิเคราะห์นิทาน กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ผลงานกวีนิพนธ์ ประพันธ์
โดย “สุนทรภู่” เพื่อวิเคราะห์คุณค่าด้านต่าง ๆ และจุดเด่นที่ปรากฏในนิทาน กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา
เน้อื หาสาระของรายงานในการศึกษาประกอบดว้ ย ด้านเนื้อหา ด้านสงั คม ด้านวรรณศิลป์ รสวรรณในวรรณคดี
และจุดเดน่ ของเรอ่ื งทป่ี รากฏในนิทาน กาพยเ์ รือ่ งพระไชยสุริยา

ทั้งนี้ คณะผู้จัดทำขอขอบพระคุณ อาจารย์ปรัชญา ใจภักดี อาจารย์ผู้สอนประจำวิชา ที่ให้คำปรึกษา
และชี้แนะแนวทางในการวเิ คราะหว์ รรณคดี ตลอดจนเจ้าของเอกสารและตำราทุกท่านทีผ่ ู้จัดทำได้นำมาศึกษา
ค้นคว้าข้อมูล ซึ่งคณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการศึกษานิทาน
กาพย์เรอ่ื งพระไชยสุริยา เพอ่ื เป็นแนวทางในการศกึ ษาวรรณคดสี บื ต่อไป

คณะผจู้ ัดทำ
๒๐ กันยายน ๒๕๖๓

สารบัญ

เรอื่ ง หนา้

คำนำ
สารบัญ
ความเป็นมา ........................................................................................................................ ๑
เนอื้ เร่อื งยอ่ .......................................................................................................................... ๑
บทวิเคราะห์ ........................................................................................................................ ๑

๑. คุณคา่ ด้านเนอ้ื หา...................................................................................................... ๑
๒. คณุ ค่าด้านสงั คม........................................................................................................ ๔
๓. คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์................................................................................................ ๕
๔. การใชภ้ าพพจน์......................................................................................................... ๗
๕. รสวรรณคดสี ันสกฤต................................................................................................. ๑๐
๖. กวโี วหาร................................................................................................................... ๑๐
๗. จุดเด่นของเรอ่ื ง........................................................................................................ ๑๒

สรปุ ...................................................................................................................................... ๑๗
บรรณานุกรม

สารบัญตาราง

เรือ่ ง หน้า
ตารางท่ี ๑ ................................................................................................................. ๑๕

- เปรียบเทยี บพุทธทำนายในมหาสุบนิ ชาดกกบั จุดเสอื่ มที่เกดิ ขึน้ ในเมืองสาวัตถี
ตารางที่ ๒ ................................................................................................................. ๑๖

- เปรียบเทียบเพลงยาวพยากรณก์ รุงศรอี ยธุ ยากับจุดเสือ่ มทเ่ี กิดขนึ้ ในเมอื งสาวัตถี



ความเป็นมากาพยเ์ ร่อื งพระไชยสุรยิ า

กาพย์พระไชยสรุ ยิ าเป็นแบบเรียนท่ีสุนทรภ่แู ตง่ ขนึ้ ในสมัยรชั กาลที่ ๓ แหง่ กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ประมาณ
ปี พ.ศ. ๒๓๘๓ – ๒๓๘๕ ขณะทบ่ี วชเป็นพระอยูท่ ี่วัดเทพธดิ าราม เป็นกาพย์ซึ่งแทรกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย
ในเร่อื งมาตราตัวสะกด และยงั ไดส้ อนศลี ธรรมในด้านความผิดชอบช่วั ดีและแสดงผลการกระทำไว้อย่างชัดเจน
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อมีการจัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระ
กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) จัดทำแบบเรียนภาษาไทยขึ้นชุดหนึ่งมี ๖
เลม่ คือมลู บทบรรพกิจ วาหนิต์ินกิ ร อักษรประโยค สังโยคพิธาน ไวพจนพ์ จิ ารณ์ พิศาลการนั ต์ ในหนงั สอื มูลบท
บรรพกิจ พระยาศรีสุนทรโวหารได้นำกาพย์เรื่องพระไชยสุริยาของสุนทรภู่มาแทรกไว้เพื่อให้เด็กหัดอ่านและ
เขยี นหนังสอื ได้ถูกต้องและคลอ่ งแคลว่

เนอื้ เรอื่ งย่อกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

พระไชยสุริยาเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาวัตถีมีมเหสีชื่อสุมาลี บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ และเป็นสุขมา
ช้านานจนกระทั่งเมื่อข้าราชบริพารและผู้มีอำนาจพากันลุ่มหลงในอบายมุข และเที่ยวข่มเหงราษฎร
จนเดือดร้อนไปทั่ว ในที่สุดน้ำป่าก็ไหลบ่าท่วมเมืองจนผู้คนล้มตาย ผู้ที่มีชีวิตรอดก็หนีออกจากเมืองไป
ทิ้งสาวตั ถีกลายเป็นเมอื งร้าง พระไชยสุริยาพามเหสีและข้าราชบริพารหนีลงเรือสำเภาออกจากเมืองแต่ถูกพายุ
ใหญ่พัดเรือแตก พระไชยสุริยากับนางสุมาลีว่ายน้ำไปขึ้นฝั่งแล้วรอนแรมไปในป่า พระดาบสรูปหนึ่งเข้าฌาน
เห็นพระไชยสุริยากับนางสุมาลีต้องทนทุกข์ทรมานก็เวทนา เพราะเห็นว่าพระไชยสุริยาทรงเป็นกษัตริย์ที่ดี
แต่ประสบเคราะห์กรรมเพราะหลงเชื่อเสนาอำมาตย์ จึงเทศนาโปรดจนทั้งสองศรัทธาและบำเพ็ญธรรมจน
ไดไ้ ปเกดิ บนสวรรค์

บทวเิ คราะห์

๑. คุณคา่ ด้านเน้อื หา

๑.๑ ความรู้

๑. ให้ทราบธรรมเนียมการแต่งคำประพันธ์ คือ เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู หรือประณามบทไหว้คุณพระ

รัตนตรัย คุณบิดามารดาคุณครูบาอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเพื่อช่วยให้เกิดสิริมงคลแก่กวีและงาน

ประพนั ธข์ องกวี โดยสนุ ทรภไู่ ด้เร่ิมตน้ บทนำเรื่องด้วยบทไหว้ครู ปรากฏในบทประพันธ์ดงั ความว่า

“สาธุสะจะขอไหว้ พระศรไี ตรสะระณา

พอ่ แม่แลครบู า เทวะดาในราศี

ขา้ เจ้าเอา ก ข เข้ามาตอ่ ก กา มี

แก้ไขในเท่านี้ ดมี ิดอี ยา่ ตรชี า”

(กาพย์เรือ่ งพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)



๒. มีการออกตวั หรือถ่อมตัว ซึ่งเป็นลกั ษณะหนงึ่ ท่ีกวนี ิยมเขยี นไว้ ในคำประพันธ์ กวจี ะเขียนออกตัว

เพ่ือแสดงว่ามไิ ด้มีความสามารถเลิศกว่าบุคคลอื่น และเชื่อถือยกย่องให้เกียรตผิ ูอ้ ่านว่ามีความสามารถมากกว่า

ปรากฏในบทประพนั ธ์ดังความวา่

“ข้าเจ้าเอา ก ข เขา้ มาตอ่ ก กา มี

แกไ้ ขในเท่านี้ ดมี ิดีอย่าตรชี า”

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน์)

๒. ขอ้ คดิ

๒.๑ ข้าราชการที่ดีต้องไม่คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ข่มเหงประชาชน ดังที่เมืองสาวัตถีมี

สภาพสังคมท่ีเลวร้ายเพราะไม่มีความเมตตาปราณตี ่อกนั ผู้มีอำนาจมากกว่าจะกดขข่ี ม่ เหงรงั เเกผู้ท่ีออ่ นเเอกว่า

ปรากฎในบทประพนั ธ์ดงั ความวา่

“พาราสาวะถี ใครไมม่ ปี ราณใี คร

ดุด่อื ถือเอาใจ ที่ใครได้ใส่เอาพอ

ผู้ทม่ี ีฝมี อื ทำดุดื้อไม่ซ้อื ขอ

ไลค่ ว้าผ้าที่คอ อะไรล่อกเ็ อาไป

ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา มไิ ด้วา่ หมู่ขา้ ไทย

ถอื นำ้ ร่ำเขา้ ไป เเตน่ ้ำใจไม่นำพา

หาไดใ้ ครหาเอา ไพร่ฟา้ เศร้าเปลา่ อุรา

ผ้ทู ่มี อี าญา ไลต่ ดี ่าไม่ปราณ”ี

(กาพย์เร่อื งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน์)

๒.๒ คนเราเมื่อประพฤติดีย่อมได้ดีและมีความสุข ดังที่พระไชยสุริยาเเละพระนางสุมาลีได้ฟังคำส่ัง

สอนของพระดาบสเเล้ว ทรงเลื่อมใส ศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง จึงบวชเป็นฤาษี เเล้วทรงปฏิบัติธรรม ถือศีลภาวนา

ทำพิธีบูชาไฟ ครั้นวายชนม์จึงได้เสด็จไปสู่สวรรค์ มีชีวิตที่มีความสุขตลอดกาล ปรากฎในบทประพันธ์

ดงั ความว่า

“ข้ึนเกยเลยกล่าวท้าวไทย ฟงั ธรรมนำ้ ใจ

เลอ่ื มใสศรทั ธากลา้ หาญ

เห็นภยั ในขันธสันดาน ตัดท่วงบว่ งมาร

สำราญสำเร็จเมตตา

สององค์ทรงหนงั พยัคมา จดั จบี กลีบชะฎา

รกั ษาศลี ถือฤาษี

เช้าค่ำทำกจิ พิธี กงิ กณู ฑ์อคั คี

เป็นทบี่ ูชาถาวร

ปะถะพเี ปน็ ท่บี รรจฐรณ์ เอนองค์ลงนอน

เหนอื ขอนเขนยเกยเศียร

คำ่ เช้าเอากราดกวาดเตียน เหน่ือยยากพากเพียร

เรียนธรรมบำเพ็ญเครง่ ครนั



สำเรจ็ เสร็จไดไ้ ปสวรรค์ เสวยสุขทุกวัน

นานนับกปั กัลป์พุทธนั ดร”

(กาพยเ์ ร่อื งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)

๒.๓ ถ้าข้าราชการไม่สุจริต คดโกง ประชาชนหลงระเริง เอาแต่สนุกประเทศชาติจะประสบความ

หายนะต่าง ๆ ดังท่ีบ้านเมืองต้องพินาศ ล่มจม เพราะพวกข้าราชการ เสนาอำมาตย์ขาดศีลธรรมไม่ประพฤติ

ตนตามทำนองคลองธรรม มัวเมา ลุ่มหลงในกามอารมณ์ เเละความโลภ ไม่นับถือศาสนา ใฝ่ใจในไสยศาสตร์

ถืออำนาจไม่มคี วามเมตตา ปรากฎในบทประพันธ์ดงั ความวา่

“อย่มู าหมขู่ า้ เฝ้า กห็ าเยาวะนารี

ทหี่ น้าตาดีดี ทำมะโหรีท่เี คหา

ค่ำเชา้ เฝา้ สซี อ เข้าเเตห่ อล่อกามา

หาได้ใหก้ รยิ า โลโภพาให้บา้ ใจ

ไมจ่ ำคำพระเจ้า เหไปเขา้ ภาษาไสย

ถอื ดีมขี ้าไทย ฉอ้ เเต่ไพรใสขื่อคา”

(กาพย์เรือ่ งพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

๒.๔ บา้ นเมอื งจะเกิดภัยพิบัติถ้าสังคมเกิดกาลกณิ ี ๔ ประการ คอื ผูค้ นเห็นผิดเปน็ ชอบ เปิดโอกาส
ให้คนทำผดิ ทำลายลา้ งคนดี ลูกศษิ ยค์ ิดล้างครู ลูกไมก่ ตญั ญูต่อพ่อแม่ ผ้คู นในสงั คมเบียดเบียนกัน สังคมไม่
มีความสขุ และเกิดความเดอื ดร้อนไปทกุ หยอ่ มหญ้า ดังทพี่ ระไชยสรุ ิยาเเละพระนางสุมาลมี เหสีตอ้ งรอนเเรมอ
ยใู่ นปา่ เปน็ เวลานาน จนกระทงั่ ได้พบกบั พระดาบส ซง่ึ พระดาบสไดช้ ี้สาเหตุเเห่งความวิบตั ขิ องบา้ นเมืองว่าเป็น
เพราะ “กาลกิณสี ีป่ ระการ” ปรากฎในบทประพนั ธ์ดงั ความว่า

“ประกอบชอบเป็นผิด กลบั จริตผิดโบราณ

สามญั อนั ธพาล ผลาญคนซอ่ื ถอื สตั ย์ธรรม์

ลกู ศิษยค์ ิดล้างครู ลกู ไม่คณุ พ่อมัน

ส่อเสยี ดเบยี ดเบยี นกนั ลอบฆา่ ฟนั คือตัณหา

โลภลาภบาปบคดิ โจทก์จบั ผดิ รษิ ยา

อุระพะสุธา ปว่ นเป็นบา้ ฟ้าบดบงั

บรรดาสามัญสตั ว์ เกิดวิบัตปิ ัตติปาปงั

ไตรยุคทกุ ขะตะรัง สังวัจฉะระอะวะสาน”

(กาพย์เรื่องพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)



๒.๕ คนเราทุกคนต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข คือ ทุกคนต้องไม่

เบียดเบยี นกัน เมตตาตอ่ กัน หม่นั รักษาศีล สวดมนตภ์ าวนา ทำจติ ใจใหส้ งบ ดงั ทพี่ ระฤาษีจึงได้เทศนาโปรด

กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ว่า คนเราทุกคนเกิดมาเเล้วต้องตาย เพราะฉะนั้นอย่าเบียดเบียน ฉ้อโกงผู้อื่น

บาปจะทำให้ไดร้ บั ความทุกข์ หากมเี มตตากรณุ าจะได้ไปสวรรค์ ซ่ึงเป็นความสุขที่ยงั่ ยืน ปรากฎในบทประพันธ์

ดงั ความวา่

“เปลง่ เสียงเพียงพิณอนิ ทรา บอกข้อมรณา

คงมาวันหน่ึงถงึ ตน

เบยี ดเบียนเสยี ดสอ่ ฉ้อฉน บาปกรรมนำตน

ไปทนทุกขน์ บั กับกัลป์

เมตตากรุณาสามญั จะได้ไปสวรรค์

เป็นสุขทกุ วนั หรรษา”

(กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสุริยา ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

๒. คณุ ค่าด้านสงั คม

๒.๑ ความเชื่อเรอื่ งไสยศาสตร์ กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสุริยาแสดงให้เหน็ ความเชือ่ ของผู้คนในสมัยนั้นว่า

นับถือไสยศาสตร์มากกว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จนมีความประพฤติในทางที่ผิด

ปรากฏในบทประพนั ธ์ดงั ความวา่

“ไม่จำคำพระเจ้า เหไปเขา้ ภาษาไสย

ถอื ดีมขี ้าไท ฉอ้ แตไ่ พร่ใส่ขื่อคา”

(กาพย์เร่ืองพระไชยสรุ ิยา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

๒.๒ แสดงคา่ นิยมของครอบครัว ค่สู ามีภรรยายามตกทุกข์ได้ยากต้องไม่ทอดทิง้ กัน ภรรยาจะเคารพ
สามปี รนนิบตั สิ ามีท้งั ยามทุกขแ์ ละยามสขุ ปรากฏในบทประพนั ธ์ดงั ความว่า

“วันทาสามี เทวอี ยูง่ าน

เฝา้ อยดู่ แู ล เหมือนแตก่ อ่ นกาล

ใหพ้ ระภบู าล สำราญวิญญาณ์”

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสรุ ยิ า ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

๒.๓ แสดงความเคารพในสิ่งที่ควรเคารพ การแสดงความเคารพในพระรัตนตรัยพ่อแม่
ครบู าอาจารย์ และสิ่งศักดิส์ ทิ ธิ์ เช่น

“สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา

พอ่ แมแ่ ลครูบา เทวดาในราศี”

(กาพย์เรื่องพระไชยสรุ ยิ า ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)



๓. คณุ ค่าดา้ นวรรณศลิ ป์

๑. การซ้ำคำ
การซ้ำคำ เป็นกลวิธีที่ใช้คำคำเดยี วกันซ้ำในคำประพันธ์ อาจจะวางไว้ติดกันแบบคำซ้ำ หรือวางไว้

แยกจากกันแต่เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยความหมายของคำที่ซ้ำนั้นจะต้องไม่เปลี่ยนแปลง จะมีความหมาย
เหมือนกนั ทกุ คำ (จติ ตน์ ิภา ศรไี สย์, ๒๕๕๑, น๔๕) ปรากฏในบทประพันธ์ดงั ความวา่

“คะดที ีม่ คี ู่ คือไกห่ มูเจ้าสุภา

ใครเอาขา้ วปลามา ให้สุภาก็วา่ ด”ี

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น กวีใช้การซ้ำคำ คำว่า “สุภา” เพื่อย้ำความให้หนักแน่นขึ้นว่า

ถ้าหากคดีใดที่มีการติดสินบนให้ผู้พิพากษาก็มีการเปลี่ยนแปลงคดีจากแพ้กลายเป็นชนะได้ กวีจึงเน้น คำว่า

“สุภา” เพราะทกุ อยา่ งข้ึนอย่กู ับผ้พู ิพากษา

“สมอกเ็ ก่าเสาใบ ทะลปุ รุไป

น้ำไหลเข้าลำสำเภา

ผนี ้ำซ้ำไต่ใบเสา เจา้ กรรมซำ้ เอา

สำเภาระยำคว่ำไป”

(กาพย์เรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอยา่ งบทประพนั ธข์ ้างตน้ กวใี ช้การซ้ำคำ คำวา่ “ซำ้ ” เพอื่ ยำ้ ความให้หนกั แนน่ ข้ึนวา่ ถกู ซ้ำเติม

เมือ่ คราวเคราะหร์ ้าย

๒. การใชค้ ำซำ้
การใช้คำซ้ำ หมายถึง การกล่าวคำบางคำมากกว่า ๑ ครั้งในบริบทเดียวกัน (บรรทัดฐานภาษาไทย
ล.๔, ๒๕๕๕, น. ๘๙) ดังบทประพนั ธ์ ปรากฏในบทประพันธด์ งั ความวา่

“อยูม่ าหมขู่ ้าเฝา้ ก็หาเยาวะนารี

ที่หน้าตาดดี ี ทำมะโหรที ี่เคหา”

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีนำคำว่า “ดี” มาใช้ซ้ำกันว่า ดีดี เพื่อเน้นความว่า

ผ้หู ญงิ ท่ีมหี น้าตาดี สวยงาม

๓. การเล่นเสียง
การเล่นเสียง คือ การเลือกสรรคำให้มีเสียงสัมผัสเป็นพิเศษกว่าปกติเพื่อให้เกิดทำนองเสียง

ท่ไี พเราะน่าฟัง แบ่งเป็น ๓ ลักษณะ



๓.๑ เล่นเสียงพยัญชนะ คือ ใช้พยัญชนะเสียงเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน วางเรียงติดกัน
หรือใกล้เคยี งกนั ปรากฏในบทประพันธ์ดงั ความว่า

“สององค์ทรงสงั วาส โลกธาตุหวาดหวัน่ ไหว

ตื่นนอนอ่อนอกใจ เดนิ ไม่ไดใ้ ห้อาดรู ”

(กาพย์เรื่องพระไชยสรุ ิยา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอยา่ งบทประพนั ธ์ข้างต้น จะเหน็ ได้วา่ กวีใช้การเล่นเสยี งพยญั ชนะอกั ษรนำ /หว/ ติดกัน ๓ เสียง

คอื หวาด-หวน่ั -ไหว

“ขนึ้ กดบทอัศจรรย์ เสียงครื้นคร่นั ชนั้ เขาหลวง

นกหกตกรงั รวง สัตวท์ ั้งปวงง่วงงนุ โงง”

(กาพย์เรอื่ งพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)
จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้การเล่นเสียงพยัญชนะควบกล้ำ /คร/
ติดกัน ๒ เสียง คือ ครื้น-ครั่น, เล่นเสียงพยัญชนะ /ร/ ติดกัน ๒ เสียง คือ รัง-รวง, เล่นเสียงพยัญชนะ /ง/
ติดกนั ๓ เสียง คือ ง่วง-งุน-โงง

๓.๒ เล่นเสียงสระ คือ การวางเสียงของคำให้กลมกลืนกันด้วยเสีย งสร ะ
ปรากฏในบทประพันธ์ดงั ความว่า

“ขน้ึ กงจงจำสำคัญ ท้ังกนปนกนั

รำพันมงิ่ ไมใ้ นดง”

(กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสรุ ิยา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตวั อยา่ งบทประพนั ธข์ า้ งต้น จะเห็นได้ว่ากวีใชก้ ารเลน่ เสียงสระโอ ทม่ี ีตวั สะกดแมก่ ง คือ (กง-จง),

สระโอะ ทีม่ ตี วั สะกดแมก่ น คอื (กน-ปน), สระไอ ใอ คือ (ไม้-ใน)

“ผู้ทม่ี ีฝมี ือ ทำดุด้ือไมซ่ อ้ื ขอ

ไล่ควา้ ผา้ ท่คี อ อะไรลอ่ ก็เอาไป”

(กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้การเล่นเสียงสระอี คือ (ที่ -มี-ฝี), สระอา

คือ (คว้า-ผา้ )



๔. การใช้ภาพพจน์

๔.๑ อุปมา หมายถึง การเปรียบเทียบของสิ่งหนึ่งให้เหมือนหรือคล้ายกับสิ่งหน่ึง
โดยใช้คำเปรียบ ต่าง ๆ เช่น ดัง ดุจ ประดุจ เหมือน ประหนึ่ง เล่ห์ ประเล่ห์ ละม้าย เฉก เช่น ราว ราวกับ
เปน็ ตน้ (สมเกยี รติ รกั ษม์ ณี, ๒๕๕๑, น.๗๓) ปรากฏในบทประพนั ธด์ งั ความวา่

“เหน็ กวางย่างเยือ้ งชำเลอื งเดิน เหมอื นอยา่ งนางเชญิ
พระแสงสำอางขา้ งเคียง”

(กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)
จากตัวอย่างบทประพนั ธข์ ้างต้น จะเห็นไดว้ ่ากวีใช้คำว่า “เหมือน” ซงึ่ เปน็ การใช้ภาพพจน์แบบอุปมา
เปรียบเทียบกวางที่กำลังเยื้องย่างเดินพร้อมกับชำเลืองมองดู เหมือนกับเชิญชวนให้มองดูความสวยงาม
และระวงั อันตรายรอบขา้ งไปในตัว

“รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุริยงเยน็ ยอแสง

ชว่ งดงั น้ำครัง่ แดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร”

(กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)
จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้คำว่า “ดัง” ซึ่งเป็นการใช้ภาพพจน์แบบอุปมา
เปรียบเทียบพระอาทิตย์เมื่อใกล้จะหมดแสงเป็นช่วงที่มองดูแล้วเหมื อนกับน้ำครั่งที่กำลังแดง
แฝงเขา้ ไปในเมฆระหวา่ งขนุ เขา

๔.๒ อุปลักษณ์ หมายถงึ การเปรียบเทียบวา่ ส่งิ หนง่ึ เหมือนกบั อกี สิ่งหนึง่ โดยการนำของสอง
สิ่งที่ต่างจำพวกกันแต่มีลักษณะเด่นเหมือนกันมาเปรียบเทียบกัน และใช้คำที่แสดงความเปรียบว่า เป็น, คือ
หรืออาจละคำวา่ เป็น,คอื ก็ได้ แตเ่ ปน็ ทเ่ี ข้าใจกนั ว่าเปน็ การเปรยี บเทียบ ปรากฏในบทประพันธ์ ดงั ความว่า

“ลกู ศิษยค์ ดิ ลา้ งครู ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน

ส่อเสยี ดเบียดเบยี นกนั ลอบฆา่ ฟันคอื ตณั หา”

(กาพย์เรือ่ งพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอยา่ งบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นไดว้ า่ กวีใช้คำวา่ “คือ” ซึง่ เป็นการใชภ้ าพพจน์แบบอุปลักษณ์

เปรยี บศิษยท์ คี่ ดิ ลา้ งครู ลูกทไ่ี ม่รู้คุณพ่อแมพ่ ูดจาสอ่ เสยี ดเบียดเบียนฆา่ ฟนั กนั เปรียบคือ คนที่มีกิเลส

“ปะถะพเี ปน็ ท่บี รรจฐ์ รณ์ เอนองค์ลงนอน

เหนือขอนเขนยเกยเศยี ร”

(กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสรุ ิยา ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน)์

จากตวั อย่างบทประพนั ธข์ า้ งตน้ จะเห็นไดว้ า่ กวีใชค้ ำวา่ “เป็น” ซึง่ เป็นการใชภ้ าพพจนแ์ บบอุปลักษณ์

เปรยี บพน้ื ดนิ เป็นท่ีสำหรับหลบั นอน มีขอนไมเ้ ปน็ หมอนหนนุ หัว



๔.๓ สัทพจน์ คอื ภาพพจน์ท่ีใชเ้ สยี งธรรมชาติตา่ ง ๆ มาแสดงประกอบเพอ่ื ใหเ้ กดิ มโนภาพ
ภาพพจนช์ นดิ นี้มีลกั ษณะทเ่ี ดน่ ชัดมากและเขา้ ใจง่ายท่ีสุดในบรรดาภาพพจน์ทั้งหมด และยังเป็นที่นิยมของกวี
ในการแต่งคำประพนั ธ์ ปรากฏในบทประพนั ธ์ดงั ความว่า

“พิณพาทยร์ ะนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเปน็ เพลง

ระฆังดงั วงั เวง โหงง่ หงา่ งเหง่งเกง่ ก่างดัง”

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสรุ ิยา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติของเสียงระฆัง

วา่ “โหงง่ หงา่ งเหงง่ เก่งกา่ ง” ใชส้ ัทพจน์แทนเสียงระฆัง

“ยูงทองร้องกะโตง้ โห่งดัง เพยี งฆ้องกลองระฆัง

แตรสังขก์ งั สดาลขานเสียง

ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลนิ ฟงั วังเวง

อีเกง้ เริงร้องลองเชงิ ”

(กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้คำเลียนเสียงธรรมชาติของเสียงยูงทอง

และค้อนทอง ว่า “โตง้ โหง่ ” และ “ปอ๋ งเป๋ง” ใช้สทั พจน์แทนเสยี งยูงทอง และค้อนทอง

๔.๔ สญั ลักษณ์ คือ การเปรียบเทียบท่เี รียกสิ่งหน่งึ สง่ิ ใดโดยใชค้ ำอน่ื แทน คำที่ใชเ้ รยี กนัน้
เกิดจากการเปรยี บเทยี บและตีความซึ่งใช้กันมานานจนเป็นที่เขา้ ใจกันโดยทั่วไป อาจเป็นคำ ๆ เดียว ข้อความ
บคุ คลในเร่ือง เปน็ เรอื่ งเฉพาะตอน หรือเรื่อง ๆ หน่ึงกไ็ ด้ ปรากฏในบทประพนั ธ์ดังความว่า

“ผปี ่ามากระทำ มรณะกรรมชาวบรู ี

นำ้ ปา่ เขา้ ธานี ก็ไมม่ ที ี่อาไศรย”

(กาพย์เรอื่ งพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตวั อย่างบทประพันธข์ ้างตน้ จะเห็นได้ว่ากวีใชส้ ญั ลกั ษณ์ “ผปี ่า” และ “นำ้ ป่า” มาแทนส่งิ ไม่ดี

ทจ่ี ะเกิดขึน้ “ผปี า่ ” ออกมาเข่นฆ่าผคู้ น และ “น้ำป่า” ไหลทว่ มเมือง กวใี ช้สัญลักษณด์ ังกล่าวเพ่ือจะสอื่ ให้

ผ้อู ่านได้ทราบวา่ “บ้านเมืองเมืองต้องหายนะ” เพราะสิ่งช่ัวรา้ ยและคนไม่ดี



ในกาพย์พระไชยสุริยาได้ใช้สญั ลักษณใ์ นการบรรยายถงึ บทอัศจรรย์ของพระไชยสุรยิ า
กบั พระนางสุมาลี ปรากฏในบทประพนั ธด์ งั ความว่า

“ข้นึ กดบทอัศจรรย์ เสียงครน้ื ครน่ั ชัน้ เขาหลวง

นกหกตกรงั รวง สัตวท์ ั้งปวงง่วงงุนโงง

แดนดินถิน่ มนุษย์ เสยี งดงั ดุจพระเพลิงโพลง

ตกึ กว้านบา้ นเรือนโรง โคลงคลอนเคลือ่ นเขยอื้ นโยน”

(กาพย์เรอ่ื งพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้สัญลักษณ์ “นกหกตกรังรวง” และ

“ขึ้นกดบทอัศจรรย์” แ ทนการบรรยายการร่ว มรักของพระไชยสุริยากับพระนางส ุม าลี

ปรากฏในบทประพนั ธด์ งั ความวา่

“วันนน้ั ครนั้ ดินไหว เกิดเหตใุ หญ่ในปฐพี

เลง็ ดรู ้คู ดี กาลกณิ สี ่ีประการ”

(กาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้คำว่า “ดินไหว” เป็นสัญลักษณ์ เพราะดิน

หรือแผ่นดิน มีความหมายถึง ความมั่นคง แข็งแรง เป็นปึกแผ่นของบ้านเมือง กวีจงใจใช้คำว่า ดินไหว

มาใชเ้ ปน็ สัญลักษณท์ ำให้ผอู้ ่านเข้าใจไดว้ ่า จะเกดิ เหตรุ า้ ยแรงข้นึ อันเปน็ ผลใหบ้ ้านเมืองต้องหายนะ

๔.๕ คำไวพจน์ คือ คำท่ีมีความหมายตรงกัน หรอื คล้ายกันมาก แตเ่ ขียนไม่เหมอื นกนั หรอื
เรียกได้อีกแบบว่า คือการหลากคำ คำพ้องรูป คำพ้องความ โดยความหมายตามพจนานุกรมฉบั บ
ราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๒ ให้คำอธิบายว่า “คำที่เขียนต่างกันแต่มีความหมายเหมือนกันหรือ
ใกล้เคียงกันมาก เช่น มนุษย์ กับ คน บ้าน กับ เรือน รอ กับ คอย ป่า กับ ดง คำพ้องความก็ว่า”
ปรากฏในบทประพันธด์ ังความว่า

“วนั นัน้ จันทร มดี ารากร เปน็ บรวิ าร

เห็นสน้ิ ดนิ ฟ้า ในปา่ ท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร
สารพันจันอนิ
เย็นฉ่ำนำ้ ฟา้ ช่ืนชะผกา วายุพาขจร

รน่ื กลิน่ เกสร แตนต่อคลอ้ ร่อน วา้ วอ่ นเวียนระวนั ”

(กาพย์เรื่องพระไชยสรุ ิยา ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพนั ธข์ ้างตน้ จะเหน็ ได้วา่ กวใี ชค้ ำไวพจน์ ดงั นี้
พระจนั ทร์  จันทร, ดวงดาว  ดารากร, ดอกไม้  มาลี ผกา

๑๐

๕. รสในวรรณคดสี นั สกฤต ทป่ี รากฏ

รสวรรณคดีสันสกฤต มีปร ากฏใน ตำรานาฏยศาสตร์ (นาฏยเวท) ของพระภรตมุนี
ซึ่งกล่าวถึงคุณสมบัติของตัวละครสันสกฤตที่ดีกว่า ต้องประกอบด้วยรส ๙ รส คือ ศฤงคารรส หาสยรส
กรุณารส รุทรรส วีรรส ภยานกรส พีภัตสรส อัพภูตรสและศานติรส สำหรับรสในวรรณคดีสันสกฤตที่ปรากฏ
ในกาพย์เรอ่ื งพระไชยสุริยา มดี งั นี้

๕.๑ หาสยรส (รสแหง่ ความขบขัน) เปน็ การพรรณนาทีท่ ำให้เกดิ ความร่าเริง สดชืน่ เสนาะ
ขบขัน อาจทำให้ผู้อ่าน ผู้ดูยิ้มกับหนังสือ ยิ้มกับภาพที่เห็น ถึงกับลืมทุกข์ดับกลุ้ มไปชั่วขณะ
ปรากฏในบทประพนั ธด์ งั ความวา่

“ขุนนางต่างลุกว่งิ ทา่ นผูห้ ญงิ วิง่ ยุดหลัง

พัลวันดันตึงตัง พลัง้ พลดั ตกหกคะเมน

พระสงฆล์ งจากกุฏิ วงิ่ อุตลุดฉุดมือเณร

หลวงชีหนหี ลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน

พวกวัดพลดั เขา้ บ้าน ล้านตอ่ ล้านซานเซโดน

ต้นไม้ไกวเอนโอน ลงิ คา่ งโจนโผนหกหัน”

(กาพย์เรื่องพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น เนื่องด้วยคนไทยเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนและมีอารมณ์ขัน ดังนั้น

ในการแตง่ วรรณกรรม กวจี ะแทรกอารมณข์ ันเข้าไปด้วย ในกาพย์เรื่องพระไชยสรุ ิยา สุนทรภไู่ ด้แสดงอารมณ์

ขันไว้ในตอนที่บรรยายบทอัศจรรย์ ภาพความวุ่นวายสับสนของขุนนาง ท่านผู้หญิง และพระสงฆ์ ชวนให้

ผู้อ่านขบขัน และมีข้อสังเกตว่าสุนทรภู่จะทำให้ผู้ที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ผิดทำนองคลองธรรม

ทำกริยาน่าขันกลายเป็นตัวตลกในเร่อื ง

๖. กวโี วหาร ท่ีปรากฏ

๖.๑ เสาวรจนี (บทชมโฉม) คอื การเลา่ ชมความงามของตวั ละครในเรื่อง ซึง่ อาจเปน็ ตวั ละคร
ที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ หรือสัตว์ซึ่งการชมนี้อาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงามของปราสาท
ราชวัง หรือความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง (บุญเหลือ เทพยสุวรรณ, ๒๕๒๒) ปรากฏในบทประพันธ์
ดงั ความวา่

ชมปลา

“ปลากระโห้โลมาราหู เหราปลาทู

มอี ยู่ในนำ้ คลำ่ ไป”

(กาพยเ์ ร่อื งพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

๑๑

ชมไม้

“ไกรกรา่ งยางยูงสงู ระหง ตะลิงปลิงปรงิ ประยงค์

คันทรงส่งกล่นิ ฝ่นิ ฝาง

มะมว่ งพลวงพลองชอ้ งนาง หลน่ เกลือ่ นเถ่ือนทาง

กินพลางเดินพลางหว่างเนิน”

(กาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)

ชมนก

“เขาสูงฝงู หงสล์ งเรียง เริงร้องซ้องเสยี ง

สำเนยี งน่าฟังวังเวง

กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟงั เสยี งเพยี งเพลง

ซอเจง้ จำเรียงเวยี งวัง

ยงู ทองร้องกะโต้งโหง่ ดงั เพยี งฆ้องกลองระฆัง

แตรสังข์กังสดาลขานเสยี ง

กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พระยาลอคลอเคยี ง

แอ่นเอ้ยี งอโี ก้งโทงเทง

ค้อนทองเสยี งร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
อเี ก้งเริงรอ้ งลองเชิง”

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)
จากตวั อยา่ งบทประพนั ธ์ข้างตน้ เสาวรจนยี ์ที่ปรากฏ คอื คือการชม เช่นชมความงามตา่ ง ๆ อันไดแ้ ก่
ชมไม้ ชมปลา ชมนก ฯลฯ ในกาพย์พระไชยสรุ ยิ า สุนทรภูจ่ ะกลา่ วชมธรรมชาติ

๖.๒ สลั ลาปังคพิสยั (บทโศก) คอื การกลา่ วขอ้ ความแสดงอารมณโ์ ศกเศร้า อาลยั รกั
(บญุ เหลือ เทพยสุวรรณ, ๒๕๒๒) ปรากฏในบทประพันธ์ดังความวา่

“หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟา้ เศร้าเปลา่ อุรา

ผู้ทมี่ อี าญา ไล่ตดี ่าไมป่ ราณี”

(กาพย์เรื่องพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอยา่ งบทประพนั ธข์ ้างต้น สลั ปงั คพิไสยท่ีปรากฏ คือ กลา่ วถงึ เหลา่ เสนาอำมาตย์ต่างไมย่ ึดถือ

ตามคำที่ตนเองทำพิธีด่ืมน้ำสาบานตนก่อนรบั ราชการ ตา่ งคนหาอะไรไดก้ ห็ าเอา ประชาชนพากันโศกเศรา้

คนทม่ี ีตำแหน่งสำคญั ต่างพากันไลต่ ดี ่าผู้ทีอ่ ่อนแอกว่า

๑๒

“ราชานารรี ่ำไร มกี รรมจำใจ

จำไปพอปะพสุธา”

(กาพยเ์ ร่ืองพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น สัลปังคพิไสยที่ปรากฏ คือ เป็นความรู้สึกอาลัยของพญาสัมพาที

(เปน็ ลกู พญาครฑุ ) ต้องการรขู้ อ้ เท็จจริงวา่ ท้องทะเลนี้กวา้ งเทา่ ใด บนิ ใกลจ้ ะสนิ้ ใจ จนกระทั่งมาอยู่ริมฝั่งไม่ไกล

จากแผ่นดินพญานกรู้สึกอาลัยในชีวิตจึงกล่าวลาปลาบินไปสู่ภูเขาที่ตนเ องอาศัยอยู่เหล่าเสนาอำมาตย์ทูล

พระราชาจนพระองค์เข้าใจและรู้สึกหว้าเหวใ่ จยง่ิ นัก จงึ จำใจลอ่ งเรอื ไปในท้องทะเลตามเวรตามกรรม

๗. จดุ เดน่ กาพย์เรอ่ื งพระไชยสรุ ิยา

จดุ เดน่ ของกาพย์เรื่องพระไชยสุรยิ านอกจากจะแตง่ เพื่อเปน็ แบบเรียนในการสอนสะกดคำตามมาตรา
ตัวสะกดแลว้ ยังแทรกคำสอนท่ใี หผ้ ้อู า่ นร้จู ักประพฤตติ นเปน็ คนดี อยู่ในศลี ธรรมทด่ี งี ามก็จะนำพาประเทศไปสู่
ความเจรญิ และคนทที่ ำดกี ็จะได้ไปสสู่ วรรค์ โดยจะเหน็ ได้ชดั จากจุดเส่ือมในเมืองสาวตั ถที เ่ี กิดขน้ึ ดงั ต่อไปน้ี

ความอันเด่นของกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ที่ทำให้ผู้อ่านจดจำกันได้มาก คือ ความเป็นไปใน
เมอื งสาวัตถใี นวาระทส่ี ังคมกา้ วสู่จดุ เส่ือมจนถงึ ทีส่ ดุ ได้แก่

๑. จริยธรรมเสอ่ื มถอยในหมู่ข้าราชการ คอื

๑.๑ ความหมกม่นุ ในกาม ลุแกม่ าตคุ าม ดงั ทีว่ ่า

“อย่มู าหมู่เขา้ เฝา้ กห็ าเยาวะนารี

ที่หน้าตาดีดี ทำมะโหรีท่เี คหา

คำ่ เช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอล่อกามา

หาไดใ้ ห้ภริยา โลโภพาให้บ้าใจ”

(กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)

จากคำประพนั ธข์ ้างต้นจะเห็นได้ว่า เหล่าเสนาอำมาตยเ์ ท่ียวหาผู้หญงิ สวย ๆ ไปบำเรอ ปรนเปรอที่

บ้านของตนเอง ไมว่ ่าจะคำ่ เช้า เวลาไหนกเ็ ฝา้ แต่ร้องรำทำเพลง ม่วั ผูห้ ญิงทไี่ ม่ใชภ่ รรยาของตน

๑.๒ การทุจรติ ในหน้าทีร่ าชการ รังแกประชาชน ดังท่วี ่า

“คะดีทม่ี ีคู่ คอื ไก่หมเู จ้าสุภา

ใครเอาข้าวปลามา ใหส้ ภุ าก็วา่ ดี

ท่ีแพแ้ กช้ นะ ไม่ถือพระประเวณี

ขฉ้ี ้อก็ได้ดี ไล่ดา่ ตีมีอาญา

หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอรุ า

ผทู้ ่ีมอี าญา ไลต่ ดี ่าไม่ปราณี”

(กาพย์เรื่องพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

๑๓

จากคำประพันธ์ขา้ งตน้ จะเห็นได้วา่ คดใี ดท่ีคนผดิ มาติดสนิ บนจากผดิ ก็แก้ให้ถกู ได้ คนผดิ กไ็ มเ่ กรงกลัว
กฎหมาย เที่ยวรังแกคนอื่นไปทั่ว เพราะไม่มีใครสามารถเอาผิดได้ หากเอาผิด เพียงแค่ให้ ไก่ หมู ข้าวปลา
สนิ บนต่าง ๆ กท็ ำใหพ้ ้นผดิ

๑.๓ ความไมซ่ ื่อสัตยจ์ งรักภักดีต่อพระราชา ดงั ทวี่ า่

“ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา มไิ ด้ว่าหมขู่ ้าไท

ถอื น้ำรำ่ เข้าไป แตน่ ำ้ ใจไมน่ ำพา”

(กาพย์เร่ืองพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน์)

จากคำประพันธ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่า เหล่าเสนาอำมาตย์ต่างไม่ยึดถือตามคำที่ตนเองทำพิธีดื่มน้ำ

สาบานตนก่อนรบั ราชการ

๒. จริยธรรมเส่ือมถอยในหมู่สงฆ์ คือ

“ภิกษสุ ะมะณะ เลา่ กล็ ะพระสะธรรม

คาถาวา่ ลำนำ ไปเร่ร่ำทำเฉโก”

(กาพย์เรื่องพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากคำประพันธ์ขา้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ ่า เกิดความเสือ่ มถอยในหมขู่ องพระสงฆ์ ซ่ึงพระสะธรรม ในท่ีน้ีก็คือ

พระสัทธรรม คือ คำสอนของพระพุทธองค์ มีอยู่ ๓ หมวด เรียกว่า พระไตรปิฎก หน้าที่ของสงฆ์ คือ ต้องสอน

ให้พทุ ธศาสนิกชนปฏิบัติตามหลกั ธรรมคำสอน แต่กท็ ำละเลย สอนนอกเร่อื งไปเรอ่ื ยไม่สนใจ

๓. จริยธรรมเส่อื มถอยในหมู่ประชาชน คือ
๓.๑ ความมีมิจฉาทฏิ ฐิ คือ ความเหน็ ผดิ จากทำนองคลองธรรม (ราชบัณฑิตยสถาน,

๒๕๕๔, (ออนไลน์.) ดงั คำประพันธ์ทว่ี ่า

“ไมจ่ ำคำพระเจา้ เหไปเข้าภาษาไสย

ถือดีมีข้าไทย ฉ้อแต่ไพรใสข่ ่อื คา

ทีซ่ ่อื ถอื พระเจ้า ว่าโงเ่ ง่าเต่าปูปลา

ผู้เฒ่าเหลา่ เมธา วา่ ใบบ้ า้ สาระยำ

ไมจ่ ำคำผใู้ หญ่ ศีรษะไม้ใจโยโส

ทีด่ มี อี ะโข ข้าขอโมทนาไป”

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสรุ ิยา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

จากคำประพันธ์ข้างต้นจะเห็นได้ว่า ประชาชนไม่ได้มีความเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาของตนซึ่งถือว่า

เป็นศูนย์รวมของจิตใจและสอนให้เป็นคนดี แต่กลับให้ความสนใจกับไสยศาสตร์ ปฏิบัติตนในทางตรงข้ามกับ

ทำนองคลองธรรม คือ ฉ้อโกงราษฎร ต่อว่าผู้ทีน่ บั ถือศาสนาของตนว่าเปน็ เรือ่ งงมงาย เป็นพวกคนโง่ ไม่สนใจ

คำสอนของผใู้ หญ่

๑๔

๓.๒ ความไรศ้ ีลธรรม ดงั ที่วา่
ลกู ศษิ ย์คดิ ลา้ งครู ลูกไม่รคู้ ุณพอ่ มัน

“ภาราสาวะถี ใครไม่มีปราณีใคร

ดดุ ื้อถือแต่ใจ ทีใ่ ครไดใ้ ส่เอาพอ

ผู้ท่มี ฝี มี ือ ทำดดุ ้อื ไม่ซ้ือขอ

ไล่ควา้ ผา้ ท่คี อ อะไรล่อกเ็ อาไป”

(กาพยเ์ รื่องพระไชยสรุ ิยา ฉบับหอพระสมดุ วชริ ญาณ, ออนไลน์)

จากคำประพันธ์ข้างตน้ จะเหน็ ไดว้ ่า คนในเมืองสาวัตถผี ู้น้อยไม่จำคำสัง่ สอนของผู้ใหญ่ เป็นคนหัวด้ือ
ยโสโอหัง สิ่งใดดีก็ไม่นับถือ ชาวเมืองสาวะถีต่างไม่มีใครปราณีต่อใคร ต่างคนเอาแต่ใจตนเอง ใครมือยาว
สาวได้สาวเอา ก็ถือเอาสิ่งที่ตนต้องการโดยไม่มีการซื้อหรือขอเห็นอะไรล่อตาล่อใจ เช่น ผ้าผูกคอก็ หยิบเอา
ตามท่ตี นต้องการ

จะเห็นไดว้ า่ พฤตกิ รรมของผู้คนใน “เมอื งสาวัตถี” ตามที่ปรากฏใน กาพย์เรือ่ งพระไชยสรุ ยิ า ได้เค้ามา
จากมหาสุบินชาดก มหาสุบินชาดกมีเนื้อหาในปรารภกถาว่าด้วยเรื่องของพระเจ้าปเสนทิแห่งแคว้นโกศลทรง
พระสุบิน ๑๖ ประการ ตรสั เลา่ ใหป้ โุ รหติ อมาตย์ราชเสวกฟัง คนเหล่าน้นั เปน็ พวกทุจรติ เห็นเป็นชอ่ งทางที่จะ
กอบโกยผลประโยชน์จึงทูลว่าพระสบุ ินนิมติ จะเป็นอันตรายแก่พระองคใ์ ห้แก้ไขด้วยการทำมหายัญกรรม คราว
นั้นสัตว์ทั้งหลายถูกทำลายชีวิตเป็นอันมาก พระนางมัลลิกาทูลแนะนำใหพ้ ระเจ้าปเสนทิเสด็จไป เฝ้าพระบรม
ศาสดา ทูลเล่าพระสุบินให้ทรงทำนาย พระพุทธองค์ทรงทำนายพระสุบิน ๑๖ ประการ และตรัสว่าสิ่งต่าง ๆ
ที่ทรงทำนายจะเกดิ ข้ึนภายหนา้ เม่ือโลกถึงจุดเสือ่ ม ในรัชกาลของพระราชาทีม่ ิได้ตั้งมั่นในธรรม มิใช่เกิดขึน้ ใน
รัชกาลของพระเจ้าปเสนทิ และตรัสเทศนา เรื่องมหาสุบินชาดกว่า ในอดีตกาลมีพระราชาทรงพระสุบินเช่นน้ี
เหมือนกัน ได้ไปเฝ้าพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นดาบส พระดาบสโพธิสัตว์ได้กล่าวถ้อยคำทำนายเช่นเดียวกันกับ
พระพุทธองค์ และขอให้เลิกการทำยัญพิธี (ปสุฆาตยัญ) เพราะผลแห่งสุบินจะยังมิได้มีในกาลน้ัน พุทธทำนาย
ในมหาสุบินชาดกมผี ู้นำไปแตง่ เป็นเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรอี ยุธยา ซ่งึ เปน็ ท่ีรจู้ กั กนั อยา่ งกวา้ งขวาง เน้ือความ
ช่วงจุดเสื่อมของเมืองสาวัตถีตรงกับพุทธทำนายพระสุบิน ๑๖ ประการของพระเจ้าปเสนทิแห่งแคว้นโกศล
หลายประการ ดังน้ี

๑๕

ตารางที่ ๑ เปรยี บเทียบพุทธทำนายในมหาสุบนิ ชาดกกับจุดเส่ือมที่เกิดข้นึ ในเมืองสาวัตถี

พุทธทำนายในมหาสุบนิ ชาดก จดุ เสื่อมของเมอื งสาวัตถี

พระสุบินข้อ ๓ แมโ่ คดม่ื นมของลูกโค มีพุทธทำนาย ๏ ไมจ่ ำคำผู้ใหญ่ ศีรษะไม้ใจโยโส

ว่า คนทั้งหลายจะไมย่ ำเกรงบิดา มารดา ท่ีดมี ีอะโข ข้าขอโมทนาไป

พระสุบินข้อ ๕ ม้ามี ๒ ปาก เคยี้ วกินหญ้าที่ผู้คนพา ๏ คะดที ีม่ ีคู่ คอื ไก่หมเู จ้าสุภา

กนั ให้ มีพุทธทำนายว่า ผู้วนิ จิ ฉัยคดีจะทุจรติ รับ ใครเอาข้าวปลามา ใหส้ ุภากว็ ่าดี

สนิ บน ๒ ฝ่าย ๏ ทีแ่ พ้แก้ชนะ ไม่ถือพระประเวณี

ขฉ้ี ้อก็ได้ดี ไลด่ ่าตีมีอาญา

พระสุบนิ ข้อ ๙ นำ้ กลางสระขุ่น ขณะท่ีนำ้ ริมสระ ๏ หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟา้ เศร้าเปลา่ อรุ า

ทฝ่ี งู สตั วล์ งย่ำเหยยี บกับใสสะอาดมีพุทธทำนายวา่ ผู้ท่มี อี าญา ไล่ตีด่าไม่ปราณี

ผปู้ กครองจะเบยี ดเบยี นประชาชนอย่างไรเ้ มตตา

พระสบุ นิ ข้อ ๑๑ ผู้คนนำแก่นจันทน์ขายแลกเปรียง ๏ ไม่จำคำพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย

เน่า มีพุทธทำนายวา่ พระภิกษุอลชั ชีจะนำพระธรรม ถอื ดีมีข้าไทย ฉ้อแต่ไพร่ใส่ข่ือคา

ไปแสดงแลกปัจจัย ๏ ทซี่ ่อื ถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปปู ลา

ผู้เฒ่าเหลา่ เมธา ว่าใบ้บ้าสาระยำ

พระสุบินข้อ ๑๔ ฝงู เขียดตัวเลก็ ๆ ว่ิงไลก่ ัดกนิ งเู ห่า ๏ อยู่มาหมู่เขา้ เฝ้า กห็ าเยาวะนารี

ตวั ใหญ่ ๆ มีพุทธทำนายวา่ ฝงู มนุษย์มีราคะแรงกล้า ทห่ี น้าตาดีดี ทำมะโหรีทเี่ คหา

ตกอยูใ่ ต้อำนาจภรรยาเด็ก ๆ ของตน ๏ คำ่ เชา้ เฝ้าสีซอ เข้าแตห่ อลอ่ กามา

หาได้ใหภ้ รยิ า โลโภพาให้บา้ ใจ

นอกจากนี้ความเสื่อมในเมืองสาวัตถีทีเ่ กิดขึ้นน้ันยังมีความคล้ายกับ เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา
จากการศกึ ษาพบว่า (จลุ ลดา ภกั ดีภูมินทร,์ ๒๕๒๑) เพลงยาวกรุงศรีอยธุ ยาเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระ
นารายณ์มหาราช โดยพระองคค์ งจะทรงพระราชนพิ นธต์ ามพุทธทำนายคำกลอนท่ีมีผู้แตง่ เอาไว้ก่อนหนา้ น้ีแล้ว
จากนั้นจงึ กล่าวถึงพุทธทำนายคำกลอนว่านำเค้ามาจากเร่ืองมหาสบุ ินชาดก พรอ้ มกับเล่าเรื่องย่อของมหาสุบิน
ชาดก แล้วจึงเปรียบเทียบพุทธทำนายคำกลอนกับมหาสุบินชาดกและเชื่อมโยงกลับมายังเพลงยาวพยากรณ์
กรุงศรีอยุธยาว่าการทำนายที่ปรากฏในเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยามีจำนวน ๑๖ ประการ เท่ากับ
ที่ปรากฏในมหาสบุ นิ ชาดกและพทุ ธทำนายคำกลอน

แต่ยังมขี อ้ แตกตา่ งระหว่างเพลงยาวพยากรณก์ รุงศรีอยธุ ยากับพุทธทำนาย ใน ๒ ประการ คือ
๑. ในมหาสุบินชาดกเขียนว่าพระพทุ ธเจ้ามิได้ทรงพยากรณ์ว่ายุคเข็ญนัน้ จะเกิดท่ีประเทศใด เพียงแต่
ว่าจะเกดิ เมอื่ พระราชามไิ ดอ้ ยู่ในราชธรรม แตใ่ นเพลงยาวเขยี นว่า จะเกิดแก่กรุงศรีอยธุ ยา

๑๖

๒. ในมหาสบุ ินชาดกมิไดก้ ล่าวว่าจะเกิดยคุ เขญ็ นั้นเมื่อใด แตใ่ นเพลงยาวระบวุ า่ เกดิ ในศักราช ๒๐๐๐
จากนั้นผู้เขียนจึงยกรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องมหาสุบินชาดกซึ่งเป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับความฝันของ พระเจ้าป
เสนทิโกศลมากลา่ วเปน็ ขอ้ ๆ พร้อมกบั พุทธทำนาย และเหตกุ ารณท์ ป่ี รากฏในศกั ราช ๒๐๐๐ เปน็ การแสดงให้
เห็นว่าเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยามเี คา้ เง่ือนมาจากพระมหาสบุ ินชาดก มีที่มาจากคมั ภรี ์สุตนั ตปิฎก

ซึ่งโครงเรื่องของเพลงยาวพยากรณ์กรงุ ศรีอยุธยายังปรากฏในกาพยเ์ รือ่ งพระไชยสรุ ิยาของสุนทรภู่ ท่ี
กลา่ วถึงเมืองสาวตั ถีทเ่ี คยรุง่ เรอื่ งมาจนกระท่ังเกิดเหตุกาลกิณี ๔ ประการ ซ่งึ ก็คือ วิบตั ิมหศั จรรย์ ๑๖ ประการ
ในเพลงยาวพยากรณ์กรงุ ศรีอยธุ ยา

ตารางท่ี ๒ เปรียบเทียบเพลงยาวพยากรณ์กรงุ ศรีอยธุ ยากับจุดเสื่อมที่เกิดขนึ้ ในเมอื งสาวัตถี

เพลงยาวพยากรณ์กรงุ ศรอี ยุธยา จดุ เสอ่ื มของเมอื งสาวตั ถี

ลกู ศษิ ย์จะสู้ครูพัก จะหาญหกั ผู้ใหญใ่ หเ้ ป็นน้อย ๏ ไมจ่ ำคำผู้ใหญ่ ศรี ษะไมใ้ จโยโส

ทดี่ มี ีอะโข ขา้ ขอโมทนาไป

สปั บุรษุ จะแพ้แก่ทรชน มติ รตนจะฆ่าซึ่งความรัก ๏ คะดีท่ีมคี ู่ คอื ไก่หมเู จ้าสภุ า

กระเบ้ืองจะเฟ่ืองฟูลอย น้ำเตา้ อนั ลอยน้นั จะถอยจม ใครเอาข้าวปลามา ให้สภุ าก็วา่ ดี

๏ ที่แพ้แก้ชนะ ไมถ่ ือพระประเวณี

ขฉ้ี อ้ กไ็ ด้ดี ไล่ดา่ ตีมีอาญา

เทวดาซงึ่ รกั ษาพระศาสนา จะรักษาแตค่ นฝ่ายอกุศล ๏ ไม่จำคำพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย

ผมู้ ีศลี นั้นจะเสยี ซง่ึ อารมณ์ เพราะสมัครสมาคมด้วยมารยา ถอื ดมี ีขา้ ไทย ฉ้อแต่ไพร่ใสข่ ่อื คา

อาสัตย์จะเล่ืองลือชา พระธรรมาจะตกลึกลบั ๏ ท่ซี ่ือถือพระเจ้า ว่าโง่เงา่ เตา่ ปปู ลา

ผู้เฒา่ เหลา่ เมธา วา่ ใบบ้ ้าสาระยำ

จากการศึกษาจะเห็นได้ว่า กาพย์เรื่องพระไชยสุริยามีเค้าโครงเรื่องมาจากพุทธทำนาย ๑๖ ประการ
และยังสอดคล้องกับเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา เนื่องจากเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยามีเค้าเรื่องมา
จากพุทธทำนาย ๑๖ ประการ ในมหาสุบินชาดกเช่นกัน แสดงให้เห็นว่าผู้แต่งซึ่งคือสุนทรภู่นอกจากจะมี
ความสามารถด้านการแต่งคำประพันธ์แล้วยังเป็นคนที่ใฝ่เรียนรู้ อาจสันนิษฐานได้ว่าสุนทรภู่ต้องเคยได้ศึกษา
มหาสุบินชาดกและเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยามาก่อนแล้ว เนื่องจากกาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งขึ้นใน
ระหว่างท่ีสนุ ทรภู่นน้ั บวชอยู่ที่วัดเทพธดิ ารามในระหว่างปี พุทธศักราช ๒๓๘๓ - ๒๓๘๕ จึงนำเค้าเรื่องมาแต่ง
เป็นนิทาน กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาที่นอกจากจะแต่งมาเพื่อสอนการอ่าน สอนการสะกดคำตามมาตรา
ตัวสะกดแล้วน้ัน ยังแทรกข้อคิด เพราะเป็นเรื่องที่นำมาประกอบการเรียนการสอน จึงถือว่าเป็นโอกาสในการ
ปลูกฝังให้เด็กรู้จักประพฤติตนเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรม เพราะความเสื่อมถอยในศีลธรรมของมนุษย์จะนำไปสู่
ความสิ้นของโลก เหมือนดั่งที่ผู้คนในเมืองสาวัตถีที่ประพฤติแต่สิ่งที่ผิดเลยนำมาสู่หายนะของเมืองสาวัตถี
น่ันเอง

๑๗

สรุป

จากการศึกษาการวิเคราะห์นิทาน กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ของสุนทรภู่ ผู้ศึกษาได้จัดประเภทการ
วิเคราะห์วรรณคดี ดังที่ปรากฏในนิทาน กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ได้ ๔ ด้าน ดังนี้ ๑. คุณค่าด้านเนื้อหา
๒. คุณค่าด้านสังคม ๓. คุณค่าด้านวรรณศิลป์ และ ๔. จุดเด่นของเรื่อง จะเห็นได้ว่า คุณค่าในแต่ละด้านและ
จุดเด่นที่ปรากฏในนิทานนั้น แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคม การปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และ
ชีวิตความเป็นอยู่ ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาสอดแทรกความรู้
เกย่ี วกบั ภาษาไทย ในเรือ่ งของมาตราตัวสะกดแม่ต่าง ๆ เช่น แม่ ก กา กก กง กน กด กบ กม และเกย เป็นตน้
นอกจากนั้นยังสอดแทรกคติธรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ไว้อีกด้วย จุดประสงค์ของการแต่งก็เพื่อถวายพระ
อักษรแด่พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและเจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดี พระอัครชายา
คือเจ้าฟ้าชายกลางและเจ้าฟ้าปิ๋ว ครั้นต่อมาในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)
แต่งหนังสือมูลบทบรรพกิจ สำหรับใช้เป็นแบบเรียนหนังสือไทยในโรงเรียนหลวง เห็นว่ากาพย์ เรื่อง
พระไชยสุริยา เป็นบทกวีนิพนธ์ที่ไพเราะทั้งอ่านเข้าใจง่ายและเป็นคติธรรม จึงนำมาไว้ในมูลบทบรรพกิจเป็น
ตอน ๆ ตั้งแต่แม่ ก กา ไปจนจบ เกยในการศึกษากาพย์พระไชยสุริยา ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะ
การแตง่ คำประพนั ธ์ประเภทกาพย์ ได้แก่ กาพยย์ านี 11 กาพยฉ์ บัง 16 และกาพย์สุรางคนางค์ 28

บรรณานกุ รม

กุสุมา รักษมณี. (๒๕๓๔). การวิเคราะหว์ รรณคดไี ทยตามทฤษฎวี รรณคดีสันสกฤต. (ออนไลน)์ . สบื คน้ เม่อื
วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๓http://www.openbase.in.th/files/tbpj010.

จิตตน์ ิภา ศรีไสย์. (๒๕๕๑). วรรณคดแี ละวรรณกรรม. กรุงเทพฯ : พัฒนาคุณภาพวชิ าการ.
บุญเหลือ เทพยสุวรรณ. (2522). วิเคราะห์รสวรรณคดไี ทย. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานชิ .
ปฏพิ นั ธ์ อุทยานกุ ลู . (๒๕๖๒). โวหารภาพพจนใ์ นนวนยิ ายเรื่องเจา้ จันทผ์ มหอมในนิราศพระธาตุอนิ ทร์

แขวน. วราสารวิวิธวรรณสาร, ๓(๑), ๑๓๙-๑๔๐.
ภาทพิ ศรีสทุ ธ.ิ์ (2546). กาพย์พระไชยสุรยิ า. (ออนไลน์). สบื คน้ เมอ่ื วันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๓ :

http://www.st.ac.th/ bhatips/suriya_1.htm

สมเกียรติ รกั ษมณี. (๒๕๕๑). ภาษาวรรณศลิ ป. (พมิ พครัง้ ที่ ๓). กรงุ เทพฯ : สายนำ้ ใจ.
ราชบัณฑติ ยสถาน. (๒๕๕๔). (ออนไลน)์ . สบื คน้ เมื่อวนั ท่ี ๒๐ กนั ยายน ๒๕๖๓ :

http://www.royin.go.th/dictionary/.
วชั เรนท์ ตัวสะอาด. (ม.ป.ป.). กาพยพ์ ระไชยสุริยา. (ออนไลน์) สืบค้นเม่ือวันท่ี ๑ ตลุ าคม ๒๕๖๓ :

https://sites.google.com/.
วิลาสินี อนิ ทวงศ์. (๒๕๕๙). เพลงยาวในฐานะบทวพิ ากษ์สงั คมในสมัยรตั นโกสินทร์. ปริญญาอักษรศาสตร

มหาบณั ทิต สาขาวิชาภาษาไทย จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั .
ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. (๒๕๕๕). บรรทดั ฐานภาษาไทย. กรุงเทพฯ : สำนกั งานสง่ เสรมิ สวสั ดกิ ารและ

สวัสดิภาพครแู ละบคุ ลากร.
สดุ ทัย สงิ คารวนชิ (2552). บทเรยี นบนเครอื ข่ายอินเทอร์เนต็ เรอ่ื งกาพย์พระไชยสุริยา. (ออนไลน์).

สืบคน้ เมื่อสันท่ี ๒๐ กันยายน ๒๕๖๓ : http://www.nmk.ac.th/myweb/banna_nu.html.
เสถียร พันธรงั สี. (๒๕๓๑). เหตเุ กดิ ทภี่ าราสะวะถี. (พมิ พ์ครงั้ ที่ ๔). กรุงเทพฯ : มหาจฬุ าบรรณาคาร.


Click to View FlipBook Version