The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nutthamon Peng-on, 2021-02-15 04:51:16

อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

อิเหนา ตอน ศึกกะหมังกุหนิง

วิเคราะห์บทละครเรื่องอิเหนา

เล่มที่ ๘ - ๑๓

๑. คณุ ค่าด้านเนือ้ หา ๑.๒ ข้อคิด

๑.๑ ความรู้ - การใชอ้ ารมณ์มากกว่าสติ

ระตรู าพึงถงึ องค์ ดว้ ยรูปทรงอปั ลกั ษณห์ นักหนา ขา้ สบื ทราบว่าอเิ หนากุเรปัน ตนุ าหงันพระบุตรีดาหา

ดไู หนมไิ ด้งามทั้งกายา ลักษณาผมหยกั พกั ตร์เพรียง กาหนดนัดจะแต่งการวิวาห์ พระไปเลี้ยงจินตะหราวาตี

จมูกใหญ่ไม่สงา่ ราศี จะพาทีแหง้ แหบแสบเสยี ง แลว้ แจง้ อรรถตัดรอนมาเปน็ เทย่ี ง ว่าไม่เลี้ยงบษุ บามารศรี

คดิ จะหากัลยาเป็นคเู่ คยี ง ท่ีงามเพยี งสาวสวรรค์ให้เกื้อองค์ พระบิตุรงค์เคืองแคน้ แสนเทวี ใครขอบตุ รจี ะแต่งการ

(บทละครเร่ืองอิเหนา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ) อนั ไพร่ฟ้าประชาชนชาวชนบท มแี ต่รา่ กาสรดสงสาร

จากบทประพนั ธ์ขา้ งตน้ กล่าวถึงลักษณะรูปรา่ งหน้าตาของจรกา ซงึ่ วรรค (บทละครเรอื่ งอิเหนา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ)

“ลักษณาผมหยักพักตรเ์ พรียง” คาว่า เพรียง เปน็ คาทใี่ ช้เรียกผวิ หนังที่ขรุขระอย่างหนา้ ออก จากบทประพันธข์ า้ งตน้ กลา่ วถึงทา้ วดาหาไดป้ ระกาศยกบุษบาให้ใครก็ตามท่ีมาสขู่ อ โดยจะ

ฝีวา่ มีลกั ษณะเปน็ เพรยี ง ยกใหท้ ันที เพราะว่าโกรธอิเหนา ซง่ึ การกระทาของท้าวดาหาเปน็ การใชอ้ ารมณม์ ากกวา่ สติ

บดั นั้น เสนารบั สัง่ ใสเ่ กศี - การไมร่ ู้จักประมาณตนเอง

ใหน้ ายกองเอาฆ้องกระแตดี สญั ญาโยธีให้หยุดยั้ง จมูกใหญไ่ ม่สง่าราศี จะพาทีแห้งแหบแสบเสียง

ขุนพลผู้ใหญ่ไปตรวจตรา วางกองโยธาหน้าหลัง คดิ จะหากัลยาเปน็ คเู่ คียง ท่งี ามเพยี งสาวสวรรคใ์ หเ้ กอ้ื องค์

ปกี ขวาปกี ซ้ายรายระวัง จดั ตง้ั ให้ต้องนามนาคา ฯ แตเ่ ทีย่ ววาดรูปนางต่างพารา ในแว่นแควน้ แดนชวาไม่หลอหลง

(บทละครเรื่องอเิ หนา ฉบบั หอพระสมดุ วชริ ญาณ) พระพินิจพิศดูรูปทรง มิไดต้ ้องประสงคจ์ งใจ ฯ

จากบทประพนั ธข์ า้ งตน้ จะเหน็ ว่า ท้าวกะหมังกุหนิงรบั สั่งใหเ้ สนาจัดทพั รบั ศึกกบั (บทละครเรอ่ื งอิเหนา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ)

อเิ หนาโดยใหจ้ ัดทัพแบบ “นาคนาม” ซึง่ เป็นการจัดทัพตามตาราพิไชยสงครามซึ่งนาคนาม จากบทประพนั ธข์ า้ งต้น กลา่ วถึงจรกาทเ่ี กิดมา มีรปู ลักษณ์ทอี่ ัปลักษณ์ แตอ่ ยากมี

เป็นหน่ึงใน ๘ ชัยภมู ิท่ีดีในการจัดทัพทาศึก นาคนามคือการตั้งทพั เปน็ รูปนาคราชโดยจะต้ัง คูค่ รองที่สวยงามเหมอื นนางฟ้า นางสวรรค์ การกระทาของจรกา คือการไม่ร้จู ักประมาณตนเอง

ทัพในชัยภมู ทิ อ่ี ยใู่ กล้หรือติดกับทางน้าเพอ่ื ใหเ้ ปน็ ชัยภมู ิทมี่ ีความเป็นต่อกับศตั รนู นั่ เอง

๒. คณุ คา่ ด้านสงั คม - การฟันไมข้ ม่ นาม

๒.๑ การปกครอง พอไดศ้ ุภฤกษก์ ็ลัน่ ฆอ้ ง ประโคมคึกกึกก้องท้องสนาม

บดั นน้ั ปาเตะรบั ส่ังใสเ่ กศี ปโุ รหิตฟันไมข้ ม่ นาม ทาตามตาราพิชัยยุทธ์

ออกมาเกณฑ์กนั ทนั ที ตามมีพระราชบญั ชา (บทละครเรื่องอิเหนา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ)

เหล่าเวรพนักงานทัง้ หลาย เรียกเจา้ ขุนมลุ นายทว่ั หน้า จากบทประพนั ธข์ า้ งตน้ จะเห็นว่า อิเหนาก่อนทจี่ ะยกทพั ออกจากเมืองเพอ่ื ไปทาศึกกับท้าว

หมายบอกเวียงวงั คลงั นา ใหแ้ ต่งของโอชาออกไปทัก กะหมังกหุ นงิ ได้ประกอบพิธีกรรมทเี รียกว่า “ฟนั ไมข้ ่มนาม” ซ่ึงเป็นพิธที จ่ี ดั เพอ่ื ความเป็นสริ ิมงคล

(บทละครเรอื่ งอเิ หนา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ) และสรา้ งขวัญกาลงั ใจใหแ้ ก่ทหารโดยมกี ารตัดไมท้ ่ีมีพยัญชนะตน้ ข้ึนชื่อศตั รู เช่นศัตรูชอื่ ว่า กะห

จากบทประพันธ์ขา้ งต้น ซ่ึงวรรค “หมายบอกเวียงวังคลงั นา” แสดงใหเ้ ห็นถงึ มังกุหนิง ให้หาพืชทข่ี ้นึ ดว้ ยตัว ก.ไก่ เชน่ กล้วย กระถนิ เปน็ ตน้ แล้วฟนั ใหข้ าดด้วยพระแสงศัตราวุธ

การปกครองในสมยั น้นั ทีม่ กี ารปกครองแบบจตุสดมภ์ ประกอบด้วย กรมเวียง กรมวงั ๒.๓ วตั ถนุ ยิ ม

กรมคลัง กรมนา

๒.๒ ประเพณแี ละวัฒนธรรม บ้างเทยี่ วไถ่ของจานาเขา คราวเสยี แปดเก้ากับชะหัว

- การตอ้ นรับแขกบ้านแขกเมือง ดอกเบย้ี คา้ งคดิ กนั พนั พวั มใิ ห้อึงออกตัวกลัวอาย

เมอ่ื นั้น องคศ์ รปี ัตหราดาหา บา้ งไรท้ รพั ย์ไม่เสง่ียมเจยี มตน อตุ ส่าห์สซู้ ่อนจนขวนขวาย

ได้ฟังปาเตะเสนา นิ่งนกึ ตรึกตราประหลาดใจ ไปเชอ่ื เชา่ เขามาทากรยุ กราย แต่งกายประกวดอวดมง่ั มี

เหน็ จะมาออ่ นง้อขอลูกรัก พระทรงศกั ดิ์ร้อนรนหม่นไหม้ (บทละครเร่อื งอิเหนา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ)

จาเป็นจาสั่งเสนาใน จงออกไปรับตามประเพณี ฯ จากบทประพนั ธ์ขา้ งตน้ จะเหน็ ว่า เหลา่ สนมตา่ งต่ืนเต้นดีใจกับงานแต่งงานของบุษบาและ

(บทละครเร่ืองอเิ หนา ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ) จรกา พากันหาชุดสวยๆใส่ แต่งกายอวดม่ังมี ท้งั ๆ ทีฐ่ านะยากจนก็ยังไปเช่าของมา แสดงให้เห็นถงึ

จากบทประพนั ธข์ า้ งต้น ในตอนท่ีท้าวดาหา ทราบว่า ลา่ สามาขอบุษบาให้กบั ค่านิยมในเรือ่ งวัตถุนิยมของมนุษยใ์ นทุกยุคสมัย ภายนอกตอ้ งดดู ีมีราคา ถึงแมว้ ่าจะไรท้ รพั ย์ไร้สนิ

จรกา ก็ส่งั เสนาใหอ้ อกไปรบั แขกเมอื งตามประเพณี ซงึ่ ประเพณกี ารรับแขกเมอื งนน้ั ธรรม ติดตวั ก็ตาม

เนยี มไทยถือว่า เมื่อมีผู้มาเยือนบ้าน เจา้ บา้ นควรตอ้ นรบั เป็นการแสดงมารยาทอันดีงาม

ของเจา้ บ้าน

๒.๔ ความเช่อื ๒.๕ วถิ ีชวี ติ

- ความเชอ่ื ไสยศาสตร์ - การละเลน่ พ้ืนบ้าน

หมอภูตปีศาจก็ทูลทัด ว่าราเพราพัดต้องผี ในวรรณคดเี รอื่ งอิเหนา ปรากฏการละเลน่ ไทยอยู่หลากหลาย ทัง้ การเตะตะกร้อ การเลน่ จอ้ งเต

ตอ้ งตงั้ กิจกรรมทาบัตรพลี วางไว้ใกล้ท่พี ระบรรทม การเต้นราแบบชาวมลายู ฯลฯ ซึ่งปรากฏในบทประพนั ธ์ ดังตอ่ ไปน้ี

บน้ั รูปคนใสใ่ หน้ ุง่ ผ้า ทั้งเน้ือพลา่ ปลายากล้วยส้ม เม่ือนนั้ สยี ะตรายนิ ดจี ะมีไหน

เสกซัดข้าวสารอา่ นอาคม มอื คือใบมะยมปัดไป ฯ กราบลงเหนอื ตักภูวไนย หอบอาวธุ วิ่งไปฉับพลัน

(บทละครเรื่องอิเหนา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ) จึ่งข่ีประสนั ตาต่างพาชี เล่นคลีกับเหล่ากิดาหยัน

จากบทประพันธข์ า้ งต้น กล่าวถึงหมอภตู ปีศาจ บอกกบั ท้าวกระหมงั กหุ นงิ ว่า แล้วเล่นยทุ ธ์ยิงชิงชยั กัน โหร่ ้องนี่นนั บันเทิงใจ ฯ

วหิ ยาสะกาถูกลมเพลมพัด จะต้องทาทาบัตรพลี เซ่นให้พวกเทพยดา ภูตผี เสกซัดข้าวสาร (บทละครเรอ่ื งอิเหนา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ)

อ่านอาคม ซึง่ ลมเพลมพดั เปน็ ความเชอ่ื สมัยโบราณ คือคณุ ไสยท์ ่ีถกู ปล่อยมาตามลม ผูท้ ี่ จากตวั อย่างบทประพนั ธข์ ้างต้น จะเหน็ ได้ว่าตอนท่ีสยี ะตรา ออกไปวเลน่ โดยข่หี ลังประระ

ถกู ลมเพลมพัดจะมอี าการอาการเจบ็ ป่วยแบบหาสาเหตุไมไ่ ด้ สนั ตาคลา้ ยการเลน่ ขีม่ ้าชนเมอื ง และเลน่ ตีคลีกบั บรรดาข้ารับใช้ เล่นตอ่ สูก้ ันสนุกสนาน สะท้อนให้

- ความเชอ่ื เรื่องการเส่ยี งทาย เหน็ ถึงวถิ ีชีวิตของเด็ก ๆ ในสมยั นั้น

คร้ันถงึ จึงถวายนมัสการ อธิษฐานตามความปรารถนา ๓. คุณคา่ ด้านวรรณศิลป์

แลว้ จึงจดุ เทียนมทิ ันชา้ กัลยาออกนามตามจานง ๓.๑ การใช้คา

เลม่ หน่ึงเทียนระเด่นบษุ บา ปักลงตรงหน้านวลหง ๓.๓.๑ การซ้าคา

เลม่ หน่งึ เทยี นอิเหนาสุริย์วงศ์ ปักลงเบื้องขวาเทวี พศิ พกั ตรพ์ ักตร์ผ่องดงั เดอื นฉาย พศิ ทรงทรงคล้ายนางโฉมศรี

เล่มหนงึ่ เทียนท้าวจรกา อย่เู บ้อื งซ้ายบุษบามารศรี พศิ ปรางเหมอื นปรางพระบุตรี รัศมีสีเนือ้ ละกลกนั

เทยี นทองทง้ั สามเล่มนี้ ขอจงเป็นทเ่ี สีย่ งทาย ฯ (บทละครเร่ืองอิเหนา ฉบบั หอพระสมุดวชริ ญาณ)

(บทละครเร่ืองอิเหนา ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ) จากตวั อยา่ งบทประพันธข์ ้างตน้ มีการซ้าคา คอื คาว่า “พิศ” พศิ พกั ตร์ พศิ ทรง พิศปราง ซ่ึง

จากบทประพันธข์ า้ งต้นจะเห็นว่า บุษบาไปไหวพ้ ระในวิหารบนเขา แล้วเส่ยี งเทียน คาวา่ “พิศ” หมายถึง เพง่ ดู แลดโู ดยถี่ถว้ น

ดวู า่ ดวงชะตาของนางจะค่กู ับอเิ หนาหรอื จรกา โดยวธิ ีเสย่ี งทายน้ัน ใชเ้ ทยี นสามเล่ม เล่ม

หน่ึงเป็นบุษบา ปักตรงหน้านาง อีกเล่มเปน็ อเิ หนา ปกั ทางขวา และขา้ งซ้ายเปน็ จรกา แสดง

ให้ถงึ ความเชอ่ื ในเรื่องการทานายดวงคู่ชวี ิต

๓.๑.๒ การใช้คาซ้า ๓.๓ การใชภ้ าพพจน์

เม่อื นน้ั องค์มะเดหวีเสนหา ๓.๓.๑ อปุ มา

ครนั้ รอนรอนออ่ นแสงสุริยา ชวนธิดามาตาหนักอทุ ยาน ฯ พระทนต์แดงดังแสงทับทิม เพรศิ พริง้ เพราพกั ตร์คมขา

(บทละครเรอ่ื งอิเหนา ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ) ผิวพรรณผุดผอ่ งเพยี งทองคา วิไลลักษณเ์ ลิศล้าอาไพ

จากบทประพันธ์ขา้ งตน้ จะเห็นได้ว่า กวใี ช้คาว่า “รอน” มาใช้ซ้ากันคือ “รอนรอน” เพอ่ื (บทละครเรือ่ งอเิ หนา ฉบบั หอพระสมดุ วชริ ญาณ)

แสดงว่าพระอาทิตยใ์ กลต้ กดนิ จากบทประพนั ธ์ขา้ งต้นกล่าวถึงวหิ ยาสะกา ท่เี กดิ มามีฟันสีแดงเหมอื นแสงทับทิม

๓.๑.๓ การเลน่ คา ผิวพรรณผุดผ่องเหมือนสที องคา

เครอ่ื งสูงชมุ สายรายร้วิ ธงทวิ ปลวิ ระยบั สลับสี ๓.๓.๒ นามนัย

เสียงประโคมโครมคร้ืนปถั พี ออกจากบุรีรีบมา ฯ จึ่งนอ้ มเศยี รเกล้าอภิวาท เบือ้ งบาทองค์ศรปี ตั หรา

(บทละครเรอ่ื งอิเหนา ฉบบั หอพระสมุดวชริ ญาณ) พร้อมกษตั รยิ ์สามนตน์ านา ต่างถวายวันทาทุกพระองค์ ฯ

จากบทประพันธ์ข้างตน้ กวเี ลน่ คาว่า “โคม” กบั “โครม” ซ่งึ คาว่า “โคม” คาแรก หมายถึง เสียง (บทละครเร่อื งอิเหนา ฉบับหอพระสมุดวชริ ญาณ)

บรรเลงดนตรี สว่ น “โครม” คาตอ่ มาหมายถึง เสยี งโครมคราม ครื้นเครง จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างตน้ จะเห็นว่ากวใี ช้คาว่า “องค์ศรปี ัตหรา” ในที่นหี้ มายถึง

๓.๒ การเล่นเสยี ง “ทา้ วดาหา”

๓.๒.๑ เล่นเสียงพยัญชนะ

พระทนต์แดงดงั แสงทับทมิ เพริศพริ้งเพราพักตร์คมขา สมาชิก

ผวิ พรรณผดุ ผ่องเพยี งทองคา วิไลลักษณเ์ ลศิ ล้าอาไพ ๑. นางสาวณัฐมล แป้งออ่ น รหสั ๖๐๑๐๑๑๑๒๒๓๐๑๒
๒. นางสาวณฏั ฐา สารสุวรรณกุล รหสั ๖๐๑๐๑๑๑๒๒๓๐๑๖
(บทละครเร่ืองอเิ หนา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ) ๓. นายนมิ ิตร ส้มสดุ รหสั ๖๐๑๐๑๑๑๒๒๓๐๒๕
๔. นางสาวสุนันทา ศิรสิ ุมทมุ รหสั ๖๐๑๐๑๑๑๒๒๓๐๒๗
จากบทประพนั ธข์ า้ งตน้ จะเหน็ ได้ว่า กวีใช้พยญั ชนะ /พ/ ตดิ กัน ๔ เสียง คือ เพริศ- ๕. นางสาวกรองอร เกตมุ หาตระกลู รหสั ๖๐๑๐๑๑๑๒๒๓๐๒๘

พรง้ิ -เพราะ-พกั ตร์

๓.๒.๒ เลน่ เสยี งสระ

แตเ่ ที่ยววาดรูปนางตา่ งพารา ในแว่นแควน้ แดนชวาไม่หลอหลง

พระพนิ ิจพศิ ดูรูปทรง มิได้ต้องประสงค์จงใจ ฯ

จากบทประพนั ธข์ ้างตน้ จะเหน็ ไดว้ ่า กวีใช้สระแอ ติดกนั ๓ เสียง คือ แว่น-แควน้ -แดน


Click to View FlipBook Version