The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเรียน เรื่องกาพย์พระไชยสุริยา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nutthamon Peng-on, 2021-03-03 00:05:27

หนังสือเรียน เรื่องกาพย์พระไชยสุริยา

หนังสือเรียน เรื่องกาพย์พระไชยสุริยา

กาพพรยะ์ ไชยสรุ มิย.า๑หนงั สอื เรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน

ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๑ กลุ่มสาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย

ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. ๒๕๕๑



คานา

ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ได้กาหนดให้
ภาษาไทยเป็นกลมุ่ สาระการเรียนรู้หลัก โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียน
ให้สามารถใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง คล่องแคล่ว และเหมาะสมกับวัฒนธรรมไทย
สามารถนาความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การใช้ภาษาไปใช้ติดต่อสื่อสารและเป็น
เครอื่ งมือศึกษาหาความรูต้ ลอดชวี ติ

วรรณคดีและวรรณกรรมเป็นศาสตร์การเรียนรู้อีกแขนงหนึ่งของภาษาไทยที่
ผู้เรียนจาเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการอ่าน และการคิด
วิเคราะห์สามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ในแบบเรียนเรื่องกาพย์
พระไชยสุริยา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เป็นแบบเรียนช่วยเสริมความรู้เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะ
การคดิ วเิ คราะห์และส่งเสริมให้ผู้เรียนเห็นคุณค่าของวรรณคดีอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ
ทีค่ วรค่าแก่การรกั ษาตอ่ ไป

ผู้จัดทาหวังเป็นอย่างยิ่งว่า แบบเรียนภาษาไทย เรื่องกาพย์พระไชยสุริยา
สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ เล่มนี้ จะเป็นสื่อการเรียนการสอนที่ช่วยพัฒนา
ศักยภาพของผู้เรียนให้มีคุณภาพ บรรลุตัวชี้วัด และมาตรฐานการเรียนรู้ตามที่กาหนดไว้
ทุกประการ

หนังสือเรยี นวรรณคดเี รอื่ งกาพย์พระไชยสรุ ยิ า

สารบญั ข

คานา หน้า
สารบัญ ก
คาชแ้ี จง ข
แบบทดสอบก่อนเรียน ค
บทท่ี ๑ ประวัติและความเป็นมา ๑

ความเปน็ มา ๓
ประวตั ิผแู้ ต่ง ๔
ลกั ษณะคาประพันธ์ ๖
โครงเรอ่ื ง ๘
เรอื่ งยอ่ ๘
แบบฝกึ หัดทา้ ยบทท่ี ๑ ๙
บทท่ี ๒ วเิ คราะห์บทประพันธ์
บทวเิ คราะห์ ๑๑
คุณคา่ ด้านเนือ้ หา ๑๑
คุณค่าด้านสงั คม ๑๔
คณุ ค่าด้านวรรณศลิ ป์ ๑๕
แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ ๒ ๑๘

หนังสือเรียนวรรณคดเี รือ่ งกาพย์พระไชยสรุ ยิ า

สารบญั ค

บทท่ี ๓ บทประพันธ์และคลังคาศัพท์ ๒๐
บทประพันธ์เรอื่ ง กาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า ๓๑
คลังคาศัพท์ ๓๔
แบบฝกึ หดั ท้ายบทท่ี ๓ ๓๕
๓๖
แบบทดสอบหลังเรยี น ๓๗
บทสรปุ

ตารางสรปุ คะแนน
สรุปเรือ่ งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า
บรรณานุกรม

หนงั สือเรยี นวรรณคดเี รอ่ื งกาพย์พระไชยสรุ ยิ า



คาช้แี จง

กาพยพ์ ระไชยสุรยิ ามีจุดประสงค์การแตง่ เพือ่ ใช้เป็นแบบเรียนถวายพระอักษรในปัจจุบัน
เปน็ แบบเรยี นทีป่ รากฏอยู่ในหลกั สตู รแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๒๕๕๑ มีวัตถุประสงค์
หลายประการ เชน่ การให้ข้อคิดคตธิ รรมที่สามารถนาไปปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวนั ได้

๑. หน้าปก คิวอาร์โค้ดสามารถสแกนเพื่อเชื่อมโยงไปสู่หนังสืออิเล็กทรอนิกส์
(E-book) ที่สามารถช่วยให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา และการใช้เทคโลโลยีให้เกิด
ประโยชน์

๒. แบบทดสอบก่อนเรียน เป็นแบบทดสอบที่ฝึกพัฒนาการทักษะทางความคิดและ
การสงั เกต โดยใหน้ กั เรียนพจิ ารณาคาถาม และเลือกคาตอบทก่ี าหนดใหเ้ ติมลงในช่องว่าง

๓. บทที่ ๑ สามารถศึกษาประวัติและความเป็นมา และสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดู
วิดิโอเกี่ยวกับการสวดโอ้เอ้วิหารราย และสแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อศึกษาประวัติของสุนทรภู่ได้
ทั้งภาษาไทยและภาษาองั กฤษ

๔. แบบฝึกหัดท้ายบทที่ ๑ เป็นแบบฝึกหัดที่วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้าน
พุทธพิ สิ ัย และทักษะพิสยั ทงั้ ชว่ ยให้ผเู้ รียนได้พัฒนาสมองด้านความจาและการคดิ วเิ คราะห์

๕. บทที่ ๒ บทวิเคราะห์ สามารถศึกษาตัวอย่างบทวิเคราะห์ และสแกนคิวอาร์โค้ด
เพอื่ ดูตัวอย่างการวเิ คราะห์บทประพันธ์

๖. แบบฝึกหัดท้ายบทที่ ๒ เป็นแบบฝึกหัดที่วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้าน
พุทธพิ สิ ัย และทกั ษะพสิ ัย ท้ังชว่ ยใหผ้ ู้เรียนได้พัฒนาสมองด้านความจาและการคิดวิเคราะห์
และการใช้ภาษา

๗. บทที่ ๓ บทประพันธ์และคลังคาศัพท์ เป็นบทเรียนที่นักเรียนสามารถเรียนรู้
คาศพั ท์ และความหมาย

๘. แบบฝึกหัดท้ายบทที่ ๓ เป็นแบบฝึกหัดที่วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้าน
พทุ ธิพสิ ยั และทกั ษะพิสยั ทัง้ ยงั ชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นสามารถพฒั นาทกั ษะในด้านต่าง ๆ

๙. แบบทดสอบหลังเรียน เป็นแบบทดสอบที่วัดพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านพุทธิพิสัย
ทักษะพิสัย และจิตพิสัย โดยการทาแบบทดสอบหลังเรียนชุดนี้ จะเสมือนทบทวนเนื้อเรื่อง
ท้ังน้แี บบทดสอบยงั ช่วยใหผ้ ูเ้ รียนพฒั นาสมองด้านการคิดวิเคราะห์ ความจาทป่ี รากฏในเรอ่ื ง

หนงั สือเรยี นวรรณคดเี รื่องกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา



แบบทดสอบก่อนเรียน

คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นเลอื กคาตอบเตมิ ทกี่ าหนดให้ตอ่ ไปนี้ เติมลงในช่องว่างใหถ้ กู ต้อง

รัชกาลท่ี ๔ สุนทรภู่ พระไชยสรุ ยิ า พระยาอุปกิต
รชั กาลท่ี ๓ แม่ กม แม่ เกย แม่ ก กา

แม่ เกอว น้อย อาจารยางกูร หนังสอื มลู บทบรรพกจิ

๑. กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยาเปน็ ผลงานของใคร

๒. กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยาแต่งขน้ึ ในสมยั ใด

๓. กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยาแทรกอยู่ในหนังสือเลม่ ใด

๔. ในสมยั รชั กาลพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ ัวโปรดเกล้าฯ ให้ผูใ้ ดจดั ทา
แบบเรียนภาษาไทยขึ้น

๕. มาตราตวั สะกดใดทไี่ มป่ รากฏวา่ มีการแยกมาไวเ้ ป็นบทหนึ่งโดยเฉพาะ

หนังสือเรยี นวรรณคดีเรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

บทท่ี ๑
ประวัตแิ ละความเปน็ มา



ความเปน็ มา

กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยา มเี นอ้ื หาเป็นนทิ านขนาดส้นั มีความยาวเพยี ง ๑ เลม่ สมุด
ไทย สุนทรภู่ได้แต่งในขณะจาพรรษาอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ราว พ.ศ. ๒๓๖๘ หรืออาจแต่งขึ้น
เมื่อคร้งั บวชอยูท่ ่ีวดั เทพธดิ าราม

สุนทรภู่แต่งกาพย์พระไชยสุริยาขึ้นเพื่อใช้เป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดคาใน
มาตราต่าง ๆ โดยผูกให้เป็นเรื่องราว เพื่อให้เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอ่าน
และการเล่าเรียนศึกษา ครั้นต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) ครั้งเป็นหลวงสารประเสริฐ เมื่อแต่งหนังสือมูล
บทบรรพกิจ สาหรับใช้เป็นแบบเรียน หนังสือไทยในโรงเรียนหลวง คงเห็นว่ากาพย์
พระไชยสุรยิ าเปน็ บทกวที ่ไี พเราะ อ่านเข้าใจงา่ ย จึงไดน้ ามารวมไว้ในหนงั สือมลู บทบรรพกจิ

บอกเลา่ เก้าสบิ

โอเ้ อว้ หิ ารราย
ความสาคญั ของกาพย์เรื่องพระไชยสุรยิ า นอกจากจะเป็นแบบเรียนสอนอ่านที่มีคุณค่า

ด้านเนื้อหาแล้ว ยังมีการนามาเป็นบทสวดที่เรียกว่า การสวดโอ้เอ้วิหารราย คือการสวด
กาพย์เป็นทานองตามศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันเข้าพรรษา
วันกลางพรรษา และวันออกพรรษา สันนิษฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เรื่องที่นิยมมา
สวดคือ มหาชาติ ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรด
เกล้าฯ ให้มีการสวดโอ้เอ้วิหารรายในช่วงเข้าพรรษาโดยการนากาพย์เรื่องพระไชยสุริยามมา
สวดเป็นครัง้ แรก เนื่องจากการใชบ้ ทสวดมหาชาติมีผสู้ นใจฟงั นอ้ ย

Video การสวดโอเ้ อว้ หิ ารราย “กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า”
ทีม่ า : TheKaenaka

หนงั สอื เรยี นวรรณคดเี รือ่ งกาพย์พระไชยสุรยิ า



ประวตั ผิ ู้แตง่

พระสุนทรโวหาร (สุนทรภู่) สุนทรภู่มีชื่อเดิมว่า “ภู่”
เกิดในสมัยรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ตรงกับวันที่
๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ณ บริเวณด้านเหนือ
ของพระราชวังหลัง เป็นบริเวณสถานีรถไฟบางกอกน้อย
วัยเด็กสุนทรภู่ได้ร่าเรียนหนังสือกับพระในสานักวัดชีปะขาว
ซึ่งต่อมาได้รับพระราชทานนามในรัชกาลที่ ๔ ว่าวัดศรีสุดา
รามอยู่ริมคลองบางกอกน้อย ต่อมาได้เข้ารับราชการเป็น
เสมยี นนายระวางกรมพระคลงั สวนในกรมพระคลงั สวน
สนุ ทรภู่รับราชการอยเู่ พยี ง ๘ ปี เมื่อถึงปี พ.ศ. ๒๓๖๗ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นสุนทรภู่ก็ออกบวช สุนทรภู่ได้รับพระบรมราชูปถัมภ์จากราชสานักใหม่
ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ภิกษุภู่จาพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม สุนทรภู่พานักอยู่
ในเขตพระราชวังเดิม ใกล้หอนั่งของพระยามณเทียรบาล มีห้องส่วนตัวเป็นห้องพักกั้นเฟี้ยมที่
เรียกชื่อกันว่า "ห้องสุนทรภู่" เชื่อว่าสุนทรภู่พานักอยู่ที่นี่ตราบจนถึงแก่อนิจกรรม เมื่อปีพ.ศ.
๒๓๙๘ สริ ริ วมอายุได้ ๖๙ ปี

บอกเกา้ เล่าสบิ

กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา มีลักษณะการแต่งเหมาะสม
กับเนื้อหา ให้ความสนุกสนานเพลิดเพลิน ไม่ยาวเกินไป
เหมาะสมกบั วัยของเด็ก สามารถใช้สอนได้ผลตามจุดประสงค์
ของผู้แต่ง นอกจากนี้ยังมีคุณค่าด้านวรรณศิลป์และด้าน
สังคมหลายประการ นับเป็นวรรณคดีที่เป็นมรดกของชาติ
ควรค่าแก่การศึกษาด้วยความภูมิใจและมีความเหมาะสมที
ได้รับเลือกเป็นแบบเรียนแก่เยาวชนชาวไทย ตั้งแต่สมัย
รชั กาลท่ี ๕ เปน็ ตน้ มา

หนงั สือเรียนวรรณคดีเรือ่ งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

หนงั สอื เรยี นวรรณคดีเร่อื งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า



ประวตั ผิ แู้ ต่ง

A commoner, Sunthorn Phu broke from tradition by writing in more

ordinary language and about less-elevated topics than previous writers. He

was born during the king I of Ratanakosin Era. On the 26th of June, in 1786

he was behind the palace where the Bangkok - noi train station was located.

His father was from Rayong province. His mother was from another province.

Sunthorn Phu was born after Bangkok city was established. His father and his

mother divorced, and then his father became a monk at Bangrum temple. where

he was originally from and his mother went to serve princess as a wet nurse.

Sunthorn Phu had an opportunity to work in the

palace with his mother. Sunthorn Phu felt in love

with a lady in the palace. Her name was Jun who

was related to the Royal family. They were

punished and arrested because their relationship

violated the traditional social order. When the

king died they were pardoned. Following the

pardon, Sunthorn Phu went to visit his father who

lived in Rayong province. While he was returning
to Rayong he wrote a poem called “NiratMuang Grang " which became one of his

most famous poems. The poem described his journey with great detail. He wrote

the poem for his fiancé, Jun. After he returned to the palace in Bangkok he

married Jun and they had a son named "Pat" and appointed court poet, before

becoming an alcoholic, being left by his wife, and, around 1821, being jailed

after a fight. The couple was not married long. After Sunthorn Phu's love affair

with another woman, the couple divorced and went their separate ways. This was

the first of many marriages ending in divorce. The wife whom he loves the most

was Jun. (Next Scan Qr Code) ประวัตสิ นุ ทรภุ่ ภาษาอังกฤษ-ภาษาไทย

หนงั สอื เรยี นวรรณคดเี ทร่มี ื่อาง: กSuาpiพssaยraพ์ ระไชยสรุ ิยา
หนงั สือเรยี นวรรณคดเี ร่ืองกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า



ลกั ษณะคาประพนั ธ์

กาพย์เรื่องพระไชยสรุ ยิ า แตง่ ดว้ ยคาประพันธป์ ระเภทกาพย์ ได้แก่
กาพยย์ านี ๑๑
กาพย์ฉบัง ๑๖
กาพยส์ ุรางคนางค์ ๒๘

แผนผงั และตัวอยา่ งกาพย์ยานี ๑๑

ข้ึนกกตกทุกข์ยาก แสนลาบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เป็นแรง
พระสรุ ยิ งเยน็ ยอแสง
รอนรอนออ่ นอสั ดง แฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร
ชว่ งดังนา้ คร่ังแดง

หนงั สอื เรยี นวรรณคดเี รือ่ งกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

หนงั สือเรยี นวรรณคดีเร่ืองกาพย์พระไชยสุรยิ า



แผนผังและตัวอย่างกาพย์ฉบงั ๑๖

พระไชยสุรยิ าภูมี พาพระมเหสี
มาที่ในลาสาเภา นารีท่ีเยาว์

เข้าปลาหาไปไม่เบา
กเ็ อาไปในเภตรา

แผนผังและตัวอยา่ งกาพย์สรุ างคนางค์ ๒๘

ขึ้นใหมใ่ นกน ก กา วา่ ปน ระคนกันไป

เอน็ ดภู ธู ร มานอนในไพร มณฑลต้นไทร แทนไพชยนตส์ ถาน
เฝ้าอยู่ดูแล
สว่ นสุมาลี วันทาสามี เทวอี ยงู่ าน

เหมอื นแต่กอ่ นกาล ให้พระภบู าล สาราญวญิ ญา

หนังสือเรียนวรรณคดเี รื่องกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า

หนังสือเรยี นวรรณคดีเรอ่ื งกาพย์พระไชยสรุ ยิ า



โครงเร่ือง ๑. การเปดิ เรื่อง กวีจะเปิดเรื่องด้วยการกล่าว

ประณามบท หรือบทไหว้ครูดังเช่น

ขนบธรรมเนียมการประพันธ์ทั่ว ๆ ไป

จากนั้นจะเริ่มบรรยายสภาพการของตัวละคร

เมืองใดเมอื งหน่งึ วา่ มใี ครบา้ ง มีความสัมพนั ธ์

อยา่ งไร มพี ฤติกรรมทั่วไปเป็นอย่างไร เพื่อปู

พ้นื ความเขา้ ใจเเก่ผ้อู า่ น ๒. ปัญหาเริ่มปรากฏ

เปน็ จุดที่จะทาให้ตัวละครประสบความยุ่งยาก

ไมม่ ีความสุขอกี ต่อไป ๓. การขยายตัวของปัญหา ตัวละครต้องประสบเหตุการณ์ที่ยุ่งยากขึ้น

เป็นเเรงผลักดันให้โครงเรื่องทวีความเข้มข้นขึ้น ๔.ปัญหาได้รับการเเก้ไข เป็นระยะที่เรื่องได้

เปลี่ยนเเปลงไปทางใดทางหนึ่งเหตุการณ์ที่ดาเนินมานั้นเริ่มคลี่คลาย หรือได้รับการช่วยเหลือ

เเละเเก้ปัญหานั้นได้ ๕.การปิดเรื่อง เมื่อเหตุการณ์ในเรื่องคลี่คลายไปในทางที่ดี เรื่องก็จะจบ

ลงดว้ ยความสุข

เร่อื งย่อ

กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา เริ่มต้นด้วยบทไหว้
ครูโดยใช้คาในมาตรา แม่ ก กา จากนั้นเป็นเนื้อ
เรื่อง แต่งเรียงตามมาตราตัวสะกด คือ แม่ ก กา
แม่กน แม่กก แม่กง แม่กด แม่กบ แม่กม แม่เกย
เมื่อจะขึ้นมาตราใดก็จะบอกไว้อย่างชัดเจนต่อมาเป็น
เนื้อเรื่องกล่าวถึงพระไชยสุริยาครองเมืองสาวัตถี
มีมเหสีพระนามว่าสุมาลี พระไชยสุริยาทรงปกครอง
บ้านเมืองด้วยความผาสุก แต่ต่อมาบรรดา
ข้าราชการประพฤติตนไม่ดี ไม่อยู่ในศีลธรรมทาให้
เกดิ อาเพศ นา้ ปา่ ไหลทว่ มบ้านเมอื ง พระไชยสุริยาจงึ
ทรงพานางสุมาลีลงเรือสาเภา เรือถูกพายุพัดอับปาง พระไชยสุริยาและพระมเหสีขึ้นฝั่งได้
ก็เดินทางรอนแรมกลางป่าได้รับความทุกข์ ต่อมาพบพระอินทร์เสด็จมาสอนธรรมะ พระไชย
สรุ ิยาและพระมเหสจี ึงเสด็จออกผนวชบาเพญ็ พรตลอดพระชนมชพี

หนังสือเรยี นวรรณคดเี รือ่ งกาพย์พระไชยสุริยา



แบบฝึกหัดทา้ ยบทท่ี ๑

คาชีแ้ จง นกั เรยี นวเิ คราะห์วรรณคดเี ร่ือง กาพย์พระไชยสุริยาตอ่ ไปนใี้ หถ้ กู ตอ้ งชดั เจน

๑. ลกั ษณะคาประพนั ธ์
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
๒. เร่อื งย่อ
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ตัวละคร
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ฉากและบรรยากาศ
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………

ชอ่ื ___________________________________ชน้ั __________เลขท่ี______
หนงั สือเรยี นวรรณคดเี รอื่ งกาพย์พระไชยสรุ ยิ า

บทท่ี ๒
บทวิเคราะห์

๑๑

บทวเิ คราะห์

กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งขึ้นเพื่อเป็นแบบเรียนเรื่องการสะกดและการใช้ถ้อยคา
เหมาะสาหรับเด็ก เนื่องด้วยสานวนภาษาที่ใช้ในการเรียบเรียงตรงไปตรงมา เรียงตามลาดับ
มาตราตัวสะกด แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม แม่เกย ส่วนแม่เกอว
ไม่มีบทแยกออกมาต่างหาก แต่รวมไว้ในแม่เกย ลักษณะเนื้อหาเริ่มสอนจากง่ายไปหายาก
มกี ารทบทวนความรู้เดมิ ทกุ ครง้ั

คณุ คา่ ด้านเน้อื หา

๑. ให้ความรู้ตามจุดประสงค์ของผู้แต่ง คือ ใช้เป็นสื่อในหารสอนมาตราตัวสะกด ผู้ที่ใช้
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาเป็นแบบเรียนจะสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง
และสามารถใชท้ บทวนความรทู้ างการใชภ้ าษาได้

๒. สะท้อนสภาพสังคมไทย สุนทรภู่เกิดหลังการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เพียงสามปี ได้รับรู้
เหตุการณ์ตอนเสียกรุงจากผู้ใหญ่ที่ที่เคยพบสภาพทั้งก่อนเสียกรุง ขณะเสียกรุง การกอบกู้
บ้านเมือง และสร้างบ้านแปลงเมืองมา จึงสอดแทรกสภาพสังคมไทย โดยสร้างตัวละครในเรื่อง
วา่ ข้าราชบรพิ าร เสนาบดที ่ีไมใ่ ส่ใจบ้านเมอื ง ฉอ้ ราษฎร์บังหลวง คดโกง ไม่ยุติธรรม หมกมุ่นอยู่
กบั ความสนกุ สนานเพลดิ เพลินมัวเมาในกาม เหมอื นสภาพคนไทยกอ่ นเสยี กรงุ

อยมู่ าหมขู่ า้ เฝ้า ก็หาเยาวนารี
ทห่ี น้าตาดีดี ทามโหรีทเ่ี คหา
เข้าแตห่ อลอ่ กามา
คา่ เชา้ เฝ้าสซี อ โลโภพาให้บา้ ใจ
หาได้ใหภ้ รยิ า

หนังสือเรียนวรรณคดเี ร่อื งกาพย์พระไชยสรุ ิยา

๑๒

คณุ คา่ ดา้ นเนอ้ื หา

๑. ใหท้ ราบธรรมเนียมการแตง่ คาประพนั ธค์ อื เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครู หรือประณามบทไหว้
คุณพระรตั นตรยั คณุ บิดามารดาคุณครูบาอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเพื่อช่วยให้เกิดสิริ
มงคลแก่กวีและงานประพันธ์ของกวี โดยสุนทรภู่ได้เริ่มต้นบทนาเรื่องด้วยบทไหว้ครูปรากฏใน
บทประพนั ธด์ ังความวา่

“สาธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสะระณา

พ่อแม่แลครบู า เทวะดาในราศี

ขา้ เจา้ เอา ก ข เข้ามาต่อ ก กา มี

แก้ไขในเทา่ นี้ ดมี ิดอี ยา่ ตรีชา”

(กาพย์เรอื่ งพระไชยสุริยา ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

๒. มีการออกตัวหรือถ่อมตัว ซึ่งเป็นลักษณะหนึ่งที่กวีนิยมเขียนไว้ในคาประพันธ์ กวีจะ
เขียนออกตัวเพื่อแสดงว่ามิได้มีความสามารถเลิศกว่าบุคคลอื่น และเชื่อถือยกย่องให้เกียรติ
ผู้อา่ นว่ามคี วามสามารถมากกว่า ปรากฏในบทประพันธ์ดงั ความว่า

“ขา้ เจ้าเอา ก ข เขา้ มาตอ่ ก กา มี

แก้ไขในเท่าน้ี ดีมิดอี ย่าตรีชา”

(กาพย์เรอ่ื งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

หนังสอื เรียนวรรณคดเี ร่อื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

๑๓

ขอ้ คดิ

๑. ข้าราชการที่ดีต้องไม่คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ข่มเหงประชาชน ดังที่เมืองสาวัตถี

มีสภาพสังคมที่เลวร้ายเพราะไม่มีความเมตตาปราณีต่อกัน ผู้มีอานาจมากกว่าจะกดขี่ข่มเหงรังเเกผู้ท่ี
ออ่ นเเอกว่า ปรากฏในบทประพนั ธ์ดังความวา่

“พาราสาวะถี ใครไมม่ ปี ราณใี คร

ดุดื่อถอื เอาใจ ทใี่ ครได้ใสเ่ อาพอ

ผู้ท่มี ฝี มี อื ทาดดุ ือ้ ไมซ่ อ้ื ขอ

ไลค่ วา้ ผา้ ท่คี อ อะไรล่อก็เอาไป

ขา้ เฝ้าเหล่าเสนา มไิ ดว้ ่าหมู่ข้าไทย

ถือน้าร่าเขา้ ไป เเต่นา้ ใจไมน่ าพา

หาไดใ้ ครหาเอา ไพรฟ่ า้ เศร้าเปล่าอุรา

ผทู้ ่มี อี าญา ไล่ตีด่าไม่ปราณี”

(กาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสุริยา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

๒. ถ้าขา้ ราชการไม่สุจริต คดโกง ประชาชนหลงระเริง เอาแต่สนุกประเทศชาติจะประสบ
ความหายนะต่าง ๆ ดงั ท่บี ้านเมืองต้องพินาศ ล่มจม เพราะพวกข้าราชการ เสนาอามาตย์ขาด
ศีลธรรมไม่ประพฤติตนตามทานองคลองธรรม มัวเมา ลุ่มหลงในกามอารมณ์ เเละความโลภ
ไม่นับถือศาสนา ใฝ่ใจในไสยศาสตร์ ถืออานาจไม่มีความเมตตา ปรากฏในบทประพันธ์ดัง
ความวา่

“อยู่มาหมขู่ ้าเฝ้า กห็ าเยาวะนารี

ทีห่ นา้ ตาดดี ี ทามะโหรที ่เี คหา

คา่ เชา้ เฝา้ สีซอ เขา้ เเต่หอล่อกามา

หาไดใ้ หก้ ริยา โลโภพาใหบ้ ้าใจ

ไมจ่ าคาพระเจา้ เหไปเขา้ ภาษาไสย

ถอื ดมี ีข้าไทย ฉอ้ เเต่ไพรใสขือ่ คา”

(กาพยเ์ ร่อื งพระไชยสรุ ิยา ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

หนงั สือเรียนวรรณคดเี ร่ืองกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

๑๔

คณุ คา่ ด้านสังคม

๑. ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงให้เห็นความเชื่อของผู้คนใน
สมัยนั้นว่านบั ถอื ไสยศาสตรม์ ากกว่าหลักธรรมทางพระพทุ ธศาสนา จนมีความประพฤติในทางท่ี
ผดิ ปรากฏในบทประพันธ์ดังความวา่

“ไมจ่ าคาพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย

ถอื ดมี ีข้าไท ฉอ้ แต่ไพร่ใส่ขื่อคา”

(กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสุริยา ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

๒. แสดงค่านิยมของครอบครวั คูส่ ามภี รรยายามตกทกุ ข์ไดย้ ากต้องไม่ทอดท้งิ กัน ภรรยา
จะเคารพสามีปรนนบิ ัติสามีทั้งยามทุกขแ์ ละยามสุข ปรากฏในบทประพันธด์ ังความว่า

“……………. วนั ทาสามี เทวีอยู่งาน

เฝา้ อยดู่ ูแล เหมือนแตก่ อ่ นกาล ให้พระภูบาล สาราญวญิ ญาณ์”

(กาพยเ์ รอ่ื งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

๓. แสดงความเคารพในสง่ิ ท่ีควรเคารพ การแสดงความเคารพในพระรัตนตรยั พอ่ แม่ ครู

บาอาจารย์และสง่ิ ศักด์สิ ทิ ธ์ิ ปรากฏในบทประพันธด์ ังความว่า

“สะธุสะจะขอไหว้ พระศรไี ตรสรณา
พ่อแมแ่ ลครูบา เทวดาในราศี”

(กาพย์เรอื่ งพระไชยสรุ ิยา ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

หนังสือเรียนวรรณคดีเรื่องกาพย์พระไชยสรุ ยิ า

๑๕

คุณคา่ ด้านวรรณศลิ ป์

๑. การซ้าคา เป็นกลวิธีที่ใช้คาคาเดียวกันซ้าในคาประพันธ์ อาจจะวางไว้ติดกันแบบคาซ้า
หรือวางไว้แยกจากกันแต่เป็นระเบียบเรียบร้อย โดยความหมายของคาที่ซ้านั้นจะต้องไม่
เปลี่ยนแปลง จะมีความหมายเหมือนกันทุกคา (จิตต์นิภา ศรีไสย์, ๒๕๕๑ : ๔๕) ปรากฏในบท
ประพนั ธด์ งั ความว่า

“คะดีที่มีคู่ คอื ไก่หมูเจ้าสภุ า
ใครเอาข้าวปลามา ใหส้ ภุ ากว็ า่ ดี”

(กาพย์เรอ่ื งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น กวีใช้การซ้าคา คาว่า “สุภา” เพื่อย้าความให้หนัก
แน่นขึ้นว่าถ้าหากคดีใดที่มีการติดสินบนให้ผู้พิพากษาก็มีการเปลี่ยนแปลงคดีจากแพ้กลายเป็น
ชนะได้ กวจี ึงเนน้ คาว่า “สภุ า” เพราะทุกอย่างขึน้ อยกู่ ับผพู้ พิ ากษา

๒. การใช้คาซ้า หมายถึง การกล่าวคาบางคามากกว่า ๑ ครั้งในบริบทเดียวกัน (บรรทัด
ฐานภาษาไทยล.๔, ๒๕๕๕ : ๘๙) ดังบทประพนั ธ์ปรากฏในบทประพันธ์ดงั ความวา่

“อยูม่ าหมู่ขา้ เฝ้า กห็ าเยาวะนารี
ทหี่ นา้ ตาดีดี ทามะโหรที เ่ี คหา”

(กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ า ฉบับหอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีนาคาว่า “ดี” มาใช้ซ้ากันว่า ดีดีเพื่อ
เนน้ ความว่าผู้หญงิ ทม่ี หี น้าตาดี สวยงาม

๓. การเล่นเสียง คือ การเลือกสรรคาให้มีเสียงสัมผัสเป็นพิเศษกว่าปกติเพื่อให้เกิดทานอง
เสียงท่ีไพเราะน่าฟัง แบง่ เป็น ๓ ลกั ษณะ

๓.๑ เล่นเสียงพยัญชนะ คือ ใช้พยัญชนะเสียงเดียวกันหรือคล้ายคลึงกัน วางเรียง
ติดกันหรอื ใกลเ้ คียงกัน ปรากฏในบทประพันธ์ดังความว่า

“สององค์ทรงสังวาส โลกธาตหุ วาดหวน่ั ไหว
ตื่นนอนอ่อนอกใจ เดินไมไ่ ด้ใหอ้ าดูร”

(กาพย์เรอื่ งพระไชยสุรยิ า ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

๓.๒ เล่นเสียงสระ การวางเสยี งของคาใหก้ ลมกลนื กนั ด้วยเสียงสระ ปรากฏในบท
ประพนั ธ์ดงั ความว่า

ข้นึ กงจงจาสาคญั ทั้งกนปนกัน
ราพนั ม่งิ ไมใ้ นดง”

(กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสรุ ยิ า ฉบบั หอพระสมุดวชริ ญาณ, ออนไลน์)

หนังสือเรยี นวรรณคดีเร่อื งกาพย์พระไชยสุริยา

๑๖

การใชภ้ าพพจน์

๑. อุปมา หมายถึง การเปรียบเทียบของสิ่งหนึ่งให้เหมือนหรือคล้ายกับสิ่งหนึ่ง โดยใช้คา

เปรียบ ต่าง ๆ เช่น ดัง ดุจ ประดุจ เหมือน ประหนึ่ง เล่ห์ ประเล่ห์ ละม้าย เฉก เช่น ราว ราว

กบั เปน็ ตน้ (สมเกียรติ รกั ษม์ ณี, ๒๕๕๑ : ๗๓) ปรากฏในบทประพนั ธด์ งั ความว่า

“เห็นกวางยา่ งเยื้องชาเลืองเดนิ เหมอื นอย่างนางเชิญ

พระแสงสาอางข้างเคียง”

(กาพย์เรอ่ื งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน)์

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้คาว่า “เหมือน” ซึ่งเป็นการใช้ภาพพจน์

แบบอุปมาเปรียบเทียบกวางที่กาลังเยื้องย่างเดินพร้อมกับชาเลืองมองดู เหมือนกับเชิญชวนให้

มองดูความสวยงาม และระวงั อนั ตรายรอบข้างไปในตวั

๒. อุปลักษณ์ หมายถึง การเปรียบเทียบว่าสิ่งหนึ่งเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง โดยการนาของ

สองสิ่งที่ต่างจาพวกกันแต่มีลักษณะเด่นเหมือนกันมาเปรียบเทียบกัน และใช้คาที่แสดงความ

เปรียบว่า เป็น, คือหรืออาจละคาว่า เป็น, คือ ก็ได้ แต่เป็นที่เข้าใจกันว่าเป็นการเปรียบเทียบ

ปรากฏในบทประพันธ์ความว่า

“ลูกศิษยค์ ดิ ลา้ งครู ลูกไมร่ คู้ ุณพอ่ มนั

สอ่ เสยี ดเบยี ดเบยี นกัน ลอบฆา่ ฟันคอื ตณั หา”

(กาพยเ์ รอื่ งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพนั ธ์ข้างต้น จะเห็นได้ว่ากวีใช้คาว่า “คือ” ซึ่งเป็นการใช้ภาพพจน์แบบ

อุปลักษณ์ เปรียบศิษย์ที่คิดล้างครู ลูกที่ไม่รู้คุณพ่อแม่พูดจาส่อเสียดเบียดเบียนฆ่าฟันกัน

เปรยี บคือ คนทีม่ ีกิเลส

๓. สัทพจน์ คือ ภาพพจน์ที่ใช้เสียงธรรมชาติต่าง ๆ มาแสดงประกอบเพื่อให้เกิดมโนภาพ

ภาพพจนช์ นดิ นี้มีลักษณะที่เด่นชัดมากและเข้าใจง่ายที่สุดในบรรดาภาพพจน์ทั้งหมด และยังเป็น

ทนี่ ยิ มของกวใี นการแต่งคาประพันธ์ปรากฏในบทประพันธ์ดังความว่า

“พิณพาทยร์ ะนาดฆ้อง ตะโพนกลองรอ้ งเปน็ เพลง

ระฆงั ดังวังเวง โหง่งหง่างเหง่งเกง่ กา่ งดงั ”

(กาพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

หนังสอื เรียนวรรณคดเี รือ่ งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๑๗

กวีโวหาร

เสาวรจนี(บทชมโฉม) คือการเล่าชมความงามของตัวละครในเรื่อง ซึ่งอาจเป็นตัวละครที่

เป็นมนษุ ย์ อมนุษย์ หรือสัตว์ซึ่งการชมนี้อาจจะเป็นการชมความเก่งกล้าของกษัตริย์ ความงาม

ของปราสาทราชวัง หรือความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง (บุญเหลือ เทพยสุวรรณ, ๒๕๒๒)

ปรากฏในบทประพันธ์ดงั ความว่า

ชมปลา

“ปลากระโห้โลมาราหู เหราปลาทู

มีอยู่ในน้าคล่าไป”

(กาพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ า ฉบบั หอพระสมุดวชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น เสาวรจนีย์ที่ปรากฏ คือการชม เช่นชมความงามต่าง ๆ

อนั ไดแ้ ก่ ชมไม้ ชมปลา ชมนก ฯลฯ ในกาพย์พระไชยสรุ ิยา สนุ ทรภจู่ ะกลา่ วชมธรรมชาติ

สัลลาปังคพิสัย (บทโศก) คือกล่าวแสดงอารมณ์โศกเศร้า (บุญเหลือ เทพยสุวรรณ,

๒๕๒๒) ปรากฏในบทประพนั ธ์ดงั ความวา่

“หาไดใ้ ครหาเอา ไพรฟ่ ้าเศร้าเปล่าอุรา

ผทู้ มี่ อี าญา ไลต่ ีด่าไมป่ ราณี”

(กาพยเ์ รือ่ งพระไชยสรุ ิยา ฉบบั หอพระสมดุ วชิรญาณ, ออนไลน์)

จากตัวอย่างบทประพันธ์ข้างต้น สัลปังคพิไสยที่ปรากฏ คือ กล่าวถึงเหล่าเสนาอามาตย์

ต่างไม่ยึดถือตามคาที่ตนเองทาพิธีดื่มน้าสาบานตนก่อนรับราชการ ต่างคนหาอะไรได้ก็หาเอา

ประชาชนพากนั โศกเศร้า คนทีม่ ีตาแหนง่ สาคัญต่างพากนั ไล่ตีด่าผูท้ อี่ ่อนแอกวา่

(บทวิเคราะห์กาพยพ์ ระไชยสุรยิ า)

หนังสอื เรยี นวรรณคดเี ร่อื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

๑๘

แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ ๒

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนวิเคราะห์วรรณคดเี รอื่ ง กาพย์พระไชยสรุ ิยาจากบทประพนั ธท์ ่ีกาหนดให้
ต่อไปนี้ตามหลกั การวเิ คราะหว์ รรณคดีและวรรณกรรม

“ขา้ เฝา้ เหล่าเสนา มีกริ ยิ าอะฌาสยั

พ่อคา้ มาแตไ่ กล ได้อาศัยในพารา

ไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบูรกี ป็ รดี า

ทาไร่เขาไถนา ได้ข้าวปลาแลสาล”ี
………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………

“ไมจ่ าคาพระเจา้ เหไปเข้าภาษาไสย

ถือดมี ีขา้ ไท ฉอ้ แตไ่ พร่ใส่ขอ่ื คา”
………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………

“สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา

พ่อแมแ่ ลครูบา เทวดาในราศี
………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………

ชอ่ื ___________________________________ชน้ั __________เลขท่ี______
หนังสือเรียนวรรณคดีเร่อื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า

บทที่ ๓

บทประพันธแ์ ละคลังคาศพั ท์

๒๐

กาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

๏ สาธสุ ะจะขอไหว้ พระศรไี ตรสะระณา
พ่อแมแ่ ลครบู า เทวะดาในราศี
๏ ข้าเจา้ เอา ก ข เข้ามาต่อ ก กา มี
แก้ไขในเท่าน้ี ดมี ดิ ีอย่าตรชี า
๏ จะรา่ คาต่อไป พอลอ่ ใจกมุ ารา
ธระณมี ีราชา เจา้ ภาราสาวะถี
๏ ช่อื พระไชยสุรยิ า มสี ุดามะเหสี
ช่ือว่าสุมาลี อยบู่ ูรีไมม่ ภี ยั
๏ ขา้ เฝ้าเหลา่ เสนา มกี ริ ิยาอะฌาศรัย
พอ่ คา้ มาแตไ่ กล ไดอ้ าศัยในภารา
๏ ไพรฟ่ ้าประชาชี ชาวบูรีกป็ รดี า
ทาไร่เขาไถนา ไดข้ ้าวปลาแลสาลี
๏ อยมู่ าหมขู่ ้าเฝา้ ก็หาเยาวะนารี
ทห่ี นา้ ตาดีดี ทามะโหรที ่เี คหา
๏ คา่ เชา้ เฝา้ สีซอ เข้าแต่หอลอ่ กามา
หาไดใ้ หภ้ ริยา โลโภพาให้บ้าใจ
๏ ไม่จาคาพระเจา้ เหไปเขา้ ภาษาไสย
ถือดมี ขี ้าไทย ฉ้อแต่ไพรใ่ ส่ขอ่ื คา
๏ คะดที ม่ี ีคู่ คอื ไก่หมเู จ้าสภุ า
ใครเอาข้าวปลามา ใหส้ ุภากว็ า่ ดี
๏ ท่แี พ้แกช้ นะ ไม่ถือพระประเวณี
ข้ีฉอ้ กไ็ ดด้ ี ไล่ดา่ ตมี ีอาญา
๏ ทซ่ี ่ือถือพระเจ้า ว่าโงเ่ ง่าเตา่ ปปู ลา
ผ้เู ฒา่ เหล่าเมธา ว่าใบ้บา้ สาระยา

หนังสอื เรียนวรรณคดเี รื่องกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

๒๑

๏ ภกิ ษุสะมะณะ เล่าก็ละพระสะธรรม
คาถาวา่ ลานา ไปเร่ร่าทาเฉโก
๏ ไม่จาคาผใู้ หญ่ ศรี ษะไมใ้ จโยโส
ท่ดี มี อี ะโข ขา้ ขอโมทนาไป
๏ ภาราสาวะถี ใครไมม่ ีปราณีใคร
ดดุ อ้ื ถือแต่ใจ ทีใ่ ครได้ใส่เอาพอ
๏ ผทู้ ม่ี ีฝีมอื ทาดดุ อื้ ไมซ่ ้อื ขอ
ไล่คว้าผ้าทค่ี อ อะไรล่อก็เอาไป
๏ ขา้ เฝา้ เหล่าเสนา มิไดว้ า่ หม่ขู า้ ไท
ถือนา้ ร่าเข้าไป แตน่ ้าใจไมน่ าพา
๏ หาได้ใครหาเอา ไพรฟ่ ้าเศรา้ เปลา่ อุรา
ผู้ท่ีมีอาญา ไลต่ ดี ่าไม่ปราณี
๏ ผปี ่ามากระทา มะระณะกรรมชาวบรู ี
นา้ ปา่ เขา้ ธานี กไ็ มม่ ีทีอ่ าศัย
๏ ขา้ เฝ้าเหลา่ เสนา หนีไปหาภาราไกล
ชีบาลา่ ลไ้ี ป ไม่มใี ครในธานี
๏ พระไชยสุริยาภมู ี พาพระมะเหสี
มาทใี่ นลาสาเภา
๏ ข้าวปลาหาไปไมเ่ บา นารที ่ีเยาว์
กเ็ อาไปในเภตรา
๏ เฒ่าแก่ชาวแมแ่ ซม่ า เสนีเสนา
กม็ าในลาสาเภา
๏ ตมี ้าลอ่ ช่อใบใสเ่ สา วายุพยเุ พลา
สาเภากใ็ ช้ใบไป
๏ เภตรามาในน้าไหล คา่ เช้าเปลา่ ใจ
ทใ่ี นมหาวารี

หนงั สือเรยี นวรรณคดเี ร่อื งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๒๒

๏ พะสุธาอาศัยไม่มี ราชานารี
อย่ทู ีพ่ ระแกลแลดู เหราปลาทู
๏ ปลากะโหโ้ ลมาราหู วายุพาคลาไคล
มอี ยู่ในนา้ คลา่ ไป เปลา่ ใจนยั นา
๏ ราชาวา้ เหวห่ ฤทัย ใครรคู้ ะดี
มาในทะเลเอกา วา่ พระมหา
๏ แลไปไม่ปะพะสธุ า แผ่ไปใหญโ่ ต
โพลเ้ พลเ้ วลาราตรี ข้าพเจา้ เขา้ ใจ
๏ ราชาว่าแกเ่ สนี ใหญ่โตมะโหฬา
วารีน้เี ท่าใดนา ใครรู้คะดี
๏ ขา้ เฝา้ เล่าแกร่ าชา พอพระสุริย์ใส
วารีน้ไี ซรใ้ หญ่โต ยอ่ ท้อรอรา
๏ ไหลมาแตใ่ นคอโค
มะโหฬาล้าน้าไหล
๏ บาฬีมิได้แกไ้ ข
ผู้ใหญ่ผ้เู ฒา่ เล่ามา
๏ ว่ามพี ระยาสกณุ า
กายาเทา่ เขาครี ี
๏ ชอื่ ว่าพระยาสมั ภาที
วารีนโ้ี ตเทา่ ใด
๏ โยโสโผผาถาไป
จะใกล้โพลเ้ พลเ้ วลา
๏ แลไปไมป่ ะพสุธา
ชีวากจ็ ะประไลย

หนังสอื เรียนวรรณคดีเรอื่ งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๒๓

๏ พอปลามาในนา้ ไหล สกุณาถาไป
อาศยั ทีศ่ ีรษะปลา จาของอ้ ปลา
๏ ฉะแง้แลไปไกลตา ใกล้หรอื วา่ ไกล
ว่าขอษะมาอะภยั มไิ ด้ไปมา
๏ วารีที่เราจะไป ลาปลาจรลี
ขา้ ไหว้จะขอมรคา พระเจ้าเขา้ ใจ
๏ ปลาว่าข้าเจา้ เยาวะภา พยุใหญม่ า
อาศัยอยู่ตอ่ ธรณี ทะลุปรุไป
๏ สกณุ าอาลัยชวี ี เจ้ากรรมซา้ เอา
สทู่ ีภ่ ผู าอาศัย เอาผา้ สะไบ
๏ ขา้ เฝา้ เลา่ แก่ภวู ไนย นา้ เข้าหูตา
ฤทัยวา้ เหวเ่ อกา มีกรรมจาใจ
๏ จาไปในทะเลเวรา เขา้ ไปไสยา
เภตรากเ็ หเซไป
๏ สมอกเ็ กาเสาใบ
นา้ ไหลเข้าลาสาเภา
๏ ผีนา้ ซา้ ไต่ใบเสา
สาเภาระยาคว่าไป
๏ ราชาคว้ามอื อรไท
ตอ่ ไวไ้ ม่ไกลกายา
๏ เถา้ แก่ชาวแมเ่ สนา
จระเข้เหราครา่ ไป
๏ ราชานารีรา่ ไร
จาไปพอปะพะสธุ า
๏ มีไมไ้ ทรใหญ่ใบหนา
เวลาพอคา่ ราไร

หนงั สือเรยี นวรรณคดีเร่อื งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

๏ ขน้ึ ใหมใ่ น กน ๒๔

ก กา ว่าปน ระคนกันไป

เอ็นดภู ูธร มานอนในไพร

มณฑลตน้ ไทร แทนไพชยนตส์ ถาน

๏ ส่วนสมุ าลี

วนั ทาสามี เทวอี ยงู่ าน

เฝา้ อยู่ดแู ล เหมือนแต่ก่อนกาล

ใหพ้ ระภบู าล สาราญวญิ ญาณ์

๏ พระชวนนวลนอน

เขญ็ ใจไม้ขอน เหมอื นหมอนแมน่ า

ภธู รสอนมนต์ ใหบ้ ่นภาวนา

เย็นค่าร่าวา่ กันปา่ ภยั พาล

๏ วนั นัน้ จนั ทร

มดี ารากร เปน็ บริวาร

เห็นส้นิ ดนิ ฟ้า ในป่าท่าธาร

มาลีคลบี่ าน ใบกา้ นอรชร

๏ เยน็ ฉา่ นา้ ฟา้

ชน่ื ชะผะกา วายุพาขจร

สาระพันจนั ทนอ์ ิน ร่นื กลิ่นเกสร

แตนตอ่ คล้อรอ่ น วา้ วอ่ นเวียนระวนั

๏ จันทราคลาเคลื่อน

กระเวนไพรไกเ่ ถ่อื น เตือนเพื่อนขานขนั

ปู่เจ้าเขาเขนิ กเู่ กริน่ หากนั

สนิ ธุพุลนั่ ครื้นครั่นหวั่นไหว

๏ พระฟน้ื ตน่ื นอน

ไกลพระนคร สะทอ้ นถอนฤทยั

เชา้ ตร่สู ุรยิ น ขึน้ พน้ เมรไุ กร

มีกรรมจาไป ในป่าอารญั

หนังสอื เรยี นวรรณคดีเร่อื งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

๒๕

๏ ขึ้นกงจงจาสาคญั ทัง้ กนปนกนั
ราพันมิง่ ไมใ้ นดง ตลิงปลงิ ปรงิ ประยงค์
๏ ไกรกรา่ งยางยงู สงู ระหง หล่นเกล่ือนเถ่อื นทาง
คันทรงสง่ กลน่ิ ฝน่ิ ฝาง เหมือนอย่างนางเชญิ
๏ มะมว่ งพวงพลองชอ้ งนาง เริงรอ้ งกอ้ งเสยี ง
กินพลางเดนิ พลางหว่างเนนิ ฟังเสยี งเพยี งเพลง
๏ เห็นกวางยา่ งเยอ้ื งชาเลืองเดนิ เพยี งฆอ้ งกลองระฆงั
พระยาลอคลอเคยี ง
พระแสงสาอางข้างเคียง เพลนิ ฟงั วงั เวง
๏ เขาสงู ฝูงหงสล์ งเรยี ง คา่ งแข็งแรงเริง
สาเนียงนา่ ฟงั วงั เวง องึ คะนึงผงึ โผง
๏ กลางไพรไก่ขนั บรรเลง
ซอเจง้ จาเรยี งเวยี งวัง
๏ ยูงทองร้องกะโตง้ โห่งดัง
แตรสังข์กังสะดานขานเสียง
๏ กะลงิ กะลางนางนวลนอนเรยี ง

แอ่นเอย้ี งอีโกง้ โทงเทง
๏ คอ้ นทองเสียงร้องปอ๋ งเปง๋
อีเก้งเริงรอ้ งลองเชงิ
๏ ฝงู ละม่งั ฝงั ดนิ กนิ เพลิง
ยืนเบิ่งบง้ึ หนา้ ตาโพลง
๏ ปา่ สูงยูงยางชา้ งโขลง
โยงกันเล่นน้าคล่าไป

หนังสอื เรยี นวรรณคดเี ร่อื งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๒๖

๏ ขนึ้ กกตกทุกข์ยาก แสนลาบากจากเวยี งไชย
มนั เผือกเลอื กเผาไฟ กนิ ผลไมไ้ ดเ้ ปน็ แรง
๏ รอนรอนออ่ นอสั ดง พระสุริยงเยน็ ยอแสง
ช่วงดังน้าครงั่ แดง แฝงเมฆเขาเงาเมรธุ ร
๏ ลงิ ค่างครางโครกครอก ฝงู จิ้งจอกออกเหา่ หอน
ชะนวี ิเวกวอน นกหกรอ่ นนอนรงั เรยี ง
๏ ลกู นกยกปกี ปอ้ ง อ้าปากรอ้ งซ้องแซเ่ สียง
แม่นกปกปกี เคยี ง เลี้ยงลูกออ่ นปอ้ นอาหาร
๏ ภธู รนอนเนินเขา เคยี งคลึงเคล้าเยาวมาลย์
ตกยากจากศฤงคาร สงสารนอ้ งหมองพักตรา
๏ ยากเยน็ เหน็ หนา้ เจา้ สรา่ งโศกเศรา้ เจา้ พ่ีอา
อยู่วังดงั จนั ทรา มาหมน่ หมองละอองนวล
๏ เพ่อื นทกุ ข์สุขโศกเศรา้ จะรกั เจา้ เฝ้าสงวน
มิง่ ขวัญอย่ารัญจวน นวลพกั ตร์นอ้ งจะหมองศรี
๏ ชวนชื่นกลนื กลา้ กลิน่ มริ ูส้ ิ้นกล่ินมาลี
คลึงเคล้าเยา้ ยวนยี ทท่ี ุกข์ร้อนหย่อนเยน็ ทรวง
๏ ข้นึ กดบทอัศจรรย์ เสียงครน้ื ครนั่ ชนั้ เขาหลวง
นกหกตกรงั รวง สตั วท์ ้งั ปวงงว่ งงนุ โงง
๏ แดนดินถิ่นมนษุ ย์ เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง
ตกึ กวา้ นบา้ นเรอื นโรง โคลงคลอนเคลอื่ นเขยือ้ นโยน
๏ บ้านชอ่ งคลองเลก็ ใหญ่ บ้างตน่ื ไฟตกใจโจน
ปลุกเพื่อนเตอื นตะโกน ลุกโลดโผนโดนกนั เอง
๏ พิณพาทย์ระนาดฆอ้ ง ตะโพนกลองร้องเปน็ เพลง
ระฆงั ดังวงั เวง โหงง่ หงา่ งเหงง่ เกง่ กา่ งดัง

หนังสอื เรียนวรรณคดีเรอ่ื งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๒๗

๏ ขุนนางต่างลกุ วง่ิ ทา่ นผูห้ ญงิ วิ่งยุดหลัง
พัลวันดันตึงตงั พลัง้ พลัดตกหกคะเมน
๏ พระสงฆล์ งจากกฏุ ิ์ ว่ิงอดุ ตลุตฉุดมอื เณร
หลวงชีหนหี ลวงเถร ลงโคลนเลนเผน่ ผาดโผน
๏ พวกวดั พลดั เข้าบา้ น ล้านต่อลา้ นซานเซโดน
ตน้ ไมไ้ กวเอนโอน ลงิ ค่างโจนโผนหกหนั
๏ พวกผที ีป่ ้ันลกู ติดจมกู ลูกตาพลนั
ขิกขิกระรกิ กนั ปั้นไม่ทนั มนั เดือดใจ
๏ สององค์ทรงสงั วาส โลกธาตหุ วาดหวน่ั ไหว
ตืน่ นอนออ่ นอกใจ เดนิ ไม่ได้ให้อาดรู
๏ ข้ึนกบจบแมก่ ด พระดาบสบูชากณู ฑ์
ผาสุกรุกขมลู พูนสวัสดิ์สัตถาวร
๏ ระงับหลบั เนตรน่ิง เององค์องิ พิงสิงขร
เหมอื นกับหลับสนทิ นอน สงั วรศลี อภิญญาณ
๏ บาเพง็ เลง็ เหน็ จบ พน้ื พิภพจบจกั ระวาฬ
สวรรคช์ ้ันวมิ าน ท่านเหน็ แจ้งแหลง่ โลกา
๏ เข้าฌานนานนบั เดือน ไมเ่ ขย้ือนเคล่ือนกายา
จาศีลกินวาตา เปน็ ผาสกุ ทกุ เดอื นปี
๏ วันนน้ั ครั้นดินไหว เกดิ เหตุใหญใ่ นปะถะพี
เล็งดรู ู้คะดี กาลกิณสี ี่ประการ
๏ ประกอบชอบเปน็ ผดิ กลับจรติ ผดิ โบราณ
สามญั อนั ธพาล ผลาญคนซอ่ื ถอื สตั ย์ธรรม์
๏ ลกู ศษิ ย์คิดล้างครู ลกู ไมร่ ู้คณุ พอ่ มนั
สอ่ เสียดเบียดเบยี นกนั ลอบฆา่ ฟันคือตณั หา

หนงั สือเรยี นวรรณคดเี ร่อื งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๒๘

๏ โลภลาภบาปบค่ ิด โจทก์จับผดิ รษิ ยา
อุระพะสธุ า ป่วนเป็นบา้ ฟา้ บดบัง
๏ บรรดาสามญั สตั ว์ เกิดวิบตั ิปตั ติปาปงั
ไตรยคุ ทกุ ขะตะรงั สังวัจฉะระอะวะสาน
๏ ขึ้นกมสมเดจ็ จอมอารย์ เอน็ ดภู บู าล
ผู้ผา่ นภาราสาวะถี
๏ ซอ่ื ตรงหลงเล่ห์เสนี กลอกกลับอปั รยี ์
บรู จี งึ ล่มจมไป
๏ ประโยชนจ์ ะโปรดภวู ไนย นิ่งนง่ั ตั้งใจ
เล่ือมใสสาเร็จเมตตา
๏ เปลง่ เสยี งเพยี งพิณอนิ ทรา บอกข้อมรณา
คงมาวันหน่งึ ถงึ ตน
๏ เบยี นเบียดเสียดสอ่ ฉอ้ ฉล บาปกรรมนาตน
ไปทนทกุ ข์นับกปั กลั ป์
๏ เมตตากรณุ าสามญั จะได้ไปสวรรค์
เป็นสุขทกุ วนั หรรษา
๏ สมบัติสัตว์มนุษยค์ รฑุ า กลอกกลบั อัปรา
เทวาสมบัติชชั วาล
๏ สุขเกษมเปรมปรวี มิ าน อม่ิ หนาสาราญ
ศฤงคารห้อมลอ้ มพรอ้ มเพรียง
๏ กระจับปสี่ ซี อท่อเสยี ง ขบั ราจาเรยี ง
สาเนยี งนางฟ้าน่าฟัง
๏ เดชะพระกุศลหนหลงั สง่ิ ใดใจหวัง
ไดด้ งั ม่งุ มาดปรารถนา

หนังสอื เรยี นวรรณคดีเร่ืองกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า

๒๙

๏ จรงิ นะประสกสีกา สวดมนต์ภาวนา
เบือ้ งหน้าจะได้ไปสวรรค์ พระองคท์ รงธรรม์
๏ จบเทศนเ์ สร็จคาราพนั ฟงั ธรรมนา้ ใจ
ดันดั้นเมฆาคลาไคล ตดั ห่วงบว่ งมาร
๏ ขนึ้ เกยเลยกลา่ วทา้ วไท จัดจีบกลบี ชะฎา
เลอื่ มใสศรทั ธากล้าหาญ กองกณู ฑอ์ ัคคี
๏ เห็นภัยในขนั ธสนั ดาน เอนองค์ลงนอน
สาราญสาเรจ็ เมตตา เหนือ่ ยยากพากเพียร
๏ สององคท์ รงหนงั พยคั ฆา เสวยสขุ ทกุ วนั
รกั ษาศีลถือฤๅษี ไว้หวงั สั่งสอน
๏ เช้าค่าทากิจพิธี หนูน้อยคอ่ ยเพียร
เปน็ ที่บูชาถาวร ไม้เรยี วเจยี วเหวย
๏ ปะถะพเี ปน็ ทบ่ี รรจฐ์ รณ์
เหนือขอนเขนยเกยเศยี ร
๏ คา่ เช้าเอากราดกวาดเตยี น
เรียนธรรมบาเพง็ เครง่ ครัน
๏ สาเรจ็ เสรจ็ ได้ไปสวรรค์
นานนับกปั กลั ปพ์ ุทธันดร
๏ ภุมราการุญสุนทร
เด็กออ่ นอนั เยาว์เล่าเรยี น
๏ ก ข ก กา ว่าเวียน
อ่านเขียนผสมกมเกย
๏ ระวงั ตัวกลัวครหู นเู อ๋ย
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว

หนงั สอื เรยี นวรรณคดีเรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

๓๐

๏ หนั หวดปวดแสบแปลบเสียว หยกิ ซ้าช้าเขียว
อย่าเทีย่ วเลน่ หลงจงจา เรียงเรียบเทยี บทา
๏ บอกไวใ้ หท้ ราบบาปกรรม ใครเหน็ เปน็ คณุ
แนะนาใหเ้ จ้าเอาบญุ
๏ เดชะพระมหาการญุ
แบ่งบญุ ให้เราเจา้ เอยฯ

Video วธิ ีการท่องบทประพันธ์ “กาพย์พระไชยสุรยิ า”
ท่มี า : ครูออย สุวรรณิดา

หนงั สอื เรยี นวรรณคดีเรอ่ื งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๓๑

คลงั คาศัพท์

คา ความหมาย

กระจบั ปี่ พณิ ส่สี าย
กระโห้ ชอื่ ปลานา้ จืดชนิดหน่งึ หัวโตเกล็ดใหญ่
กรา่ ง ชื่อต้นไมข้ นาดกลางถงึ ขนาดใหญ่
กะลาง ชอ่ื นกชนดิ หน่งึ ขนาดตวั เท่านกเอ้ียง
กะลิ ชือ่ นกปากงุ้มเปน็ ขอ หวั สีเทา
กงั สดาล ระฆังวงเดอื น
กปั กัลป์ ระยะเวลานาน
กามา ความใคร่
กาลกิณี เสนยี ดจัญไร
กุมารา เดก็ ๆ
กูณฑ์ ไฟ
ไกร เกิน, กลา้ , เก่ง
ขอสมา ขอโทษ, ขออภัย
ขันธสันดาน อุปนสิ ัยทีม่ มี าต้งั แต่กาเนดิ
ขือ่ คา เคร่ืองจองจานกั โทษ
เขนย หมอน
คดี เรอื่ ง
คร่ัง ชอ่ื เพลีย้ หอยชนิดหน่ึง
ครุฑ อมนษุ ย์ มีรปู รา่ งครง่ึ นกครงึ่ คน
คอโค คนอินเดยี
คอ้ นทอง ชอ่ื นกชนดิ หนึ่ง
คับทรง ชอ่ื พุ่มไมช้ นดิ หนง่ึ
คา่ ง ชื่อลิงชนิดหนึง่
จอง ม่นั หมายไว้

หนงั สือเรียนวรรณคดีเรอ่ื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ยิ า

๓๒

คลงั คาศพั ท์

คา ความหมาย

ฉ้อ คดโกง
เฉโก ฉลาดแกมโกง
ช้องนาง ชอื่ พุม่ ไมช้ นดิ หนง่ึ
ตรชี า ความหมายตามบรบิ ท หมายถงึ ติเตียน
ตะรงั ตะบงึ ไป
ตะลงิ ปลงิ ช่ือไม้ตน้ ชนิดหนึง่
ตณั หา ความทะยานอยาก
ไตรยคุ ชอ่ื ยุค, คราว (ยคุ ๓)
ไตรสรณา ทีพ่ ึ่ง คอื พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ถอื น้า พิธีถอื นา้ พระพพิ ฒั น์สตั ยา
เถอ่ื น ปา่
ทุกข์ ความลาบาก, ความทุกข์
เทวาสมบัติ สมบตั ใิ นสวรรค์
เภตรา เรอื
มณฑล ดวง, รศั มวี งรอบ
มรคา ทาง
มรณา ตาย
มโหรี วงดนตรีประเภทดดี สีตเี ป่า
เมธา ความรู้ ปัญญา
โมทนา ยนิ ดี
ยอแสง พระอาทิตย์ออ่ นแสง
เยาวนารี สาวรนุ่ ๆ
โยโส หยง่ิ , อวดดี, จองหอง
รญั จวน ปัน่ ปว่ นใจ

หนังสอื เรียนวรรณคดเี ร่ืองกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

๓๓

คลงั คาศพั ท์

คา ความหมาย

ราหู ชอ่ื ปลากระเบนชนิดหน่ึง
สงั วาส การอยู่ดว้ ยกนั
สัตถ คัมภีร์, ตารา
สาลี ข้าว
สงิ ขร ภูเขา
สุภา ตุลาการ
หงส์ นกในนวนยิ าย
เหรา ชือ่ แมงดาทะเลชนดิ หน่ึง
เหลา่ เมธา บรรดานกั ปราชญ์
อภญิ ญา ความรู้ย่ิงมี ๖ อยา่ ง
อวสาน จบ, ส้นิ สุด
อะโข มากมาย
อันธพาล ผทู้ าตัวเกะกะระราน
อัปรา ใชเ้ ปน็ คานาหน้าคาศพั ทท์ ่มี าจากบาลี
แปลวา่ ไปจาก ปราศจาก
อปั รีย์ ระยา, จญั ไร
อัสดง พระอาทติ ยต์ ก, ตกไป
อาญา อานาจ, โทษ
อเี กง้ ชื่อสตั วเ์ ล้ียงเคี้ยวเออ้ื งชนิดหนง่ึ
อารย์ เจรญิ

หนังสือเรียนวรรณคดีเรือ่ งกาพย์พระไชยสุรยิ า

๓๔

แบบฝึกหดั ท้ายบทท่ี ๓

คาชแ้ี จง ให้นกั เรียนเตมิ คาศัพท์ลงในช่องว่างให้สอดคล้องกบั ภาพทกี่ าหนดให้

ชอ่ื ___________________________________ชัน้ __________เลขที่______
หนังสือเรยี นวรรณคดเี รื่องกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

๓๕

แบบทดสอบหลังเรียน ๒

คาช้แี จง ให้นกั เรยี นทา Mind Mapping สรุปเหตกุ ารณ์ในเร่ือง กาพย์พระไชยสุริยา
พรอ้ มบอกขอ้ คิดท่ีได้จากเรือ่ ง

………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………

ชือ่ ___________________________________ช้นั __________เลขที่______
หนงั สอื เรียนวรรณคดีเร่อื งกาพย์พระไชยสรุ ิยา

๓๖

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๑. บอกความหมายของคาศพั ทใ์ นเร่ืองกาพย์พระไชยสรุ ยิ าได้ (K)
๒. จบั ใจความสาคัญจากเรือ่ งกาพย์พระไชยสรุ ยิ าได้ (P)
๓. วิเคราะห์คุณคา่ ของวรรณคดเี รื่อง กาพย์พระไชยสุริยาไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P)
๔. นาข้อคิดของวรรณคดีเรอื่ งกาพยพ์ ระไชยสุริยาประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตจรงิ ได้ (A)

คะแนนเตม็ แบบทดสอบก่อนเรียน
๕ คะแนนทไี่ ด้ ระดบั คุณภาพ

คะแนนเต็ม แบบทดสอบหลงั เรียน
๕ คะแนนที่ได้ ระดับคุณภาพ

แบบฝกึ หัดทา้ ยบท
บทที่ คะแนนเต็ม คะแนนทีไ่ ด้ ระดบั คุณภาพ
๑๕
๒๕
๓๕

หนงั สือเรียนวรรณคดเี รอื่ งกาพยพ์ ระไชยสุรยิ า

สรุปกาพย์พระไชยสุรยิ า ๓๗

จากการศึกษากาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ของสุนทรภู่ ผู้จัดทาได้จัดประเภทแบบเรียน

แบ่งออกเป็น ๓ บท ดังนี้ บทที่ ๑ ประวัติและความเป็นมา บทที่ ๒ บทวิเคราะห์ และบทที่ ๓

บทประพันธ์และคลังคาศัพท์ ดังที่ปรากฏในกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา ซึ่งการวิเคราะห์บท

ประพันธ์ผู้จัดทาวิเคราะห์ ๔ ด้าน ดังนี้ ๑. คุณค่าด้านเนื้อหา ๒. คุณค่าด้านสังคม

๓. คณุ คา่ ดา้ นวรรณศลิ ปแ์ ละ ๔. จดุ เด่นของเรือ่ ง จะเหน็ ได้วา่ คุณค่าในแต่ละด้านและจุดเด่นท่ี

ปรากฏในนิทานนั้น แสดงให้เห็นถึงสภาพสังคม การปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์

และชีวิตความเป็นอยู่ ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา

สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทย ในเรื่องของมาตราตัวสะกดแม่ต่าง ๆ เช่น แม่ก กา กก

กง กน กด กบ กม และเกย เปน็ ต้น

นอกจากนั้นยังสอดแทรกคติธรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ไว้อีกด้วย จุดประสงค์ของการ

แต่งก็เพื่อถวายพระอักษรแด่พระโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยและเจ้าฟ้า

กุณฑลทิพยวดี พระอัครชายา คือเจา้ ฟา้ ชายกลางและเจา้ ฟ้าป๋ิว ตอ่ มาในรัชกาลที่ ๕ เมื่อพระยา

ศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) แต่งหนังสือมูลบทบรรพกิจ สาหรับใช้เป็นแบบเรียน

หนังสอื ไทยในโรงเรยี นหลวง เห็นว่ากาพย์เรื่องพระไชยสุริยา เป็นบทกวีนิพนธ์ที่ไพเราะทั้งอ่าน

เข้าใจง่ายและเป็นคติธรรม จึงนามาไว้ในมูลบทบรรพกิจเป็นตอน ๆ ตั้งแต่แม่ ก กา ไปจนจบ

เกยในการศึกษากาพย์พระไชยสุริยา ผู้เรียนจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะการแต่งคาประพันธ์

ประเภทกาพย์ ไดแ้ ก่ กาพยย์ านี๑๑ กาพยฉ์ บงั ๑๖ และกาพยส์ รุ างคนางค์ ๒๘

กาพย์ยาน๑ี ๑ กาพย์ฉบัง ๑๖

กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘

หนังสือเรียนวรรณคดเี ร่อื งกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

บรรณานกุ รม

จติ ต์นภิ า ศรีไสย์. (๒๕๕๑). วรรณคดแี ละวรรณกรรม. กรงุ เทพฯ : พฒั นาคุณภาพวิชาการ.
บุญเหลือ เทพยสุวรรณ. (2522). วิเคราะหร์ สวรรณคดีไทย. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
ภาทพิ ศรสี ทุ ธิ์. (2546). กาพย์พระไชยสุริยา. (ออนไลน)์ . สบื ค้นเมื่อวันที่ ๒๐ กมุ ภาพันธ์

๒๕๖๔ : http://www.st.ac.th/ bhatips/suriya_1.htm
ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๕๔). (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อวันที่ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
…………:http://www.royin.go.th/dictionary/
วัชเรนท์ ตวั สะอาด. (ม.ป.ป.). กาพยพ์ ระไชยสุริยา. (ออนไลน)์ สบื ค้นเม่ือวันท่ี ๒๐ กมุ ภาพนั ธ์

๒๕๖๔ : www.sitesพระไชยสุรยิ า.com
ศกึ ษาธิการ, กระทรวง. (๒๕๕๕). บรรทัดฐานภาษาไทย. กรุงเทพฯ : สานกั งานสง่ เสริม

สวัสดกิ ารและสวสั ดภิ าพครูและบุคลากร.

หนงั สือเรยี นวรรณคดเี ร่ืองกาพยพ์ ระไชยสรุ ิยา

กาพย์พระไชยสุริยา เป็นวรรณคดีที่มีความงดงาม
สอดแทรกความรู้เกี่ยวกับภาษาไทยในเรื่องของมาตรา
ตัวสะกดแม่ต่าง ๆ รวมถึงคติธรรมต่าง ๆ เนื่องด้วย
สานวนภาษาที่ใช้ในการเรียบเรียงตรงไปตรงมา
เรียงตามลาดบั มาตราตวั สะกด

ณัฐมล แป้งออ่ น

นางสาวณัฐมล แปง้ ออ่ น รหสั ๐๑๒
สาขาวิชาภาษาไทย วทิ ยาลัยการฝกึ หัดครู


Click to View FlipBook Version