c c
แบบเรยี นต๋ัวเมือง
แบบรฯ ยรฯ ต฿เวฯ มอืงฯ
c
วันชยั พลเมืองดี
มมหมหาหวาวาทิ วิทยทิ ยายลาลาัยลัยัยมมหมหาหจาจาฬุ จุฬาฬุ ลาลางลงกงกรกรณรณณรรารชาชาวชวทิ วทิ ยทิ ยายชาชาัยชยั ัย
ววิทวิทยิทยายเาขเาขนเขนพนพะพะเยะเยาเยาา
บทท่ี ๑
ความรูเ้ บอ้ื งตน้ ภาษาไทยลา้ นนา(ต๋วั เมอื ง)
๑.๑ บทนำ
อักษรลา้ นนา มใี ชม้ าในราว พทุ ธศกั ราช ๑๙๑๙ ทีไ่ ด้พบการจารกึ ทีเ่ ก่าแกท่ ี่สดุ ซงึ่ ผูร้ ู้
หลายท่านต่างก็มคี วามเห็นว่า อกั ษรล้านนา ไดม้ ีการประยุตจากภาษาอนื่ เช่น ผลสำรวจ
เอกสารโบราณ หอสมุดแหง่ ชาตกิ รมศลี ปากร ไดพ้ บจารึกที่จารด้วยอกั าณธรรมลา้ นนาทเ่ี ก่าแก่
ทีส่ ด พ.ศ. ๑๙๑๙ คอื จารึกลานทองสมเด็จพระมหาเถรจุฑามณี ซ่ึงจารดว้ ยอกั ษรไทยสุโขทัย
และอักษรธรรมล้านนา ลกั ษณะเสน้ สณั ฐานของรปู อักษรธรรมล้านนาท่ปี รากฏในจารกึ นี้มี
ลักษณะเส้นสัณฐานคลา้ ยกบั รูปอกั ษรอื่นที่รว่ มสมยั กัน ซง่ึ ปรากฏอยใู่ นดนิ แดนล้านนา ไดแ้ ก่
รปู อกั ษรมอญ จากจารกึ ลานทองแดง และรูปอักษรไทย จากจารึกวดั พระยืน คอื บางตัวก็
เหมือนรูปอกั ษรมอญ บางตัวกเ็ หมือนรปู อักษรไทย
จากการค้นพบและข้อสันนฐิ านดังกลา่ ว ทำใหท้ ราบว่า รูปอักษรธรรมล้านนาอาจจะ
กำเนดิ ขนึ้ ในช่วงเวลาที่ไมเ่ หนอื ขนึ้ ไปกว่าพทุ ธศตวรรษที่ ๒๐ และเพราะความไกลเ้ คียงแหง่ รูป
สณั ฐานของเส้นอักษรมอญกบั เสน้ อักษรไทยมปี รากฏในอกั ษรธรรมล้านนา เกอื บทุกตวั อักษร
จึงอาจสนั นฐิ านวา่ รูปอักษรธรรมลา้ นนามไิ ด้กอ่ กำเนดิ ขน้ึ มาจากตัวของตัวเองในอาณาจักร
ลา้ นนา แต่เกดิ ขึน้ จากผลแห่งการวิวฒั น์มาของรูปแบบอกั ษรอ่นื ๆทีม่ ีอยู่แล้วในอาณาจักร
ลา้ นนา อนั ได้แก่รปู แบบอักษรมอญ และ รปู แบบอกั ษรไทยนั่นเอง
อาณาจักรล้านนาในเชิงวัฒนธรรม ถือเอาว่าหมายถึงเดินแดนในภาคเหนือของ
ประเทศไทยปจั จบุ ัน อนั ไดแ้ กจ่ งั หวัด เชยี งราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ นา่ น แม่ฮ่องสอน ลำพูน
และลำปาง รวมตลอดไปถึงรัฐเชียงตุงในเขตประเทศสหภาพพม่า และแคว้นสิบสองพันนาใน
เขตประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ประชากรในเขตดังกล่าวมีพื้นฐานร่วมกันที่สำคัญยิ่งคือ
ความเป็นชนเผ่าไท (The Tai Races) ซึ่งมีพื้นฐานทางภาษาและขนบธรรมเนียมประเพณีท่ี
แบบรฯ ยรฯ ต฿ฯวเมฯงอิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาลฯ฿งกฯรอ ราชวิทยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๒
คล้ายคลึงกัน และโดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้ประชาชนเหล่านั้นผูกพันกันอย่างแนบแน่น ก็คือความ
เชื่อในพทุ ธศาสนา และสิ่งท่โี ยงใยใหเ้ กดิ มาตรฐานรว่ มของความรู้ความคดิ และความเช่ือในหมู่
ชนทั้งปวง ก็คือการที่ใช้อักษรแบบเดียวกันในการบันทึกคัมภีร์ทางพุทธศาสนา และรวมตลอด
ถึงคัมภีร์ที่บันทึกความรู้ต่าง ๆ และจากการที่เอกสารเล่านั้นมีการคัดลอกต่อเนื่องกันมาทั้งใน
แงก่ ารคดั ลอกต่อเน่ืองในทอ้ งถ่นิ และการคัดลอกขา้ มถ่ิน
๑.๒. อกั ษรท่ใี ช้ในภาษาลา้ นนา
อักษรที่ปรากฎในการบันทึกเอกสารนานาชนิดในเขตล้านนานี้อาจพบได้ว่ามีถึง ๓
ระบบ คอื
๑. อักษรธรรมลา้ นนา คือ อักษรทน่ี ิยมใช้จารคัมภรี พ์ ทุ ธศาสนาทวั่ ไป
๒. อักษรไทนิเทศ หรือ อักษรขอมเมือง นิยมใช้บันทึกกวีนิพนธ์ประเภทโคลง และ
จารในใบลาน
๓. อักษรฝักขาม คืออักษรที่ปรับปรุงจากอักษรสุโขทัย นิยมใช้ในงานประเภทศิลา
จารึก แตใ่ นทนี่ จี้ ะขอกลา่ วเพียงอักษรธรรมลา้ นนาเท่านน้ั
อักษรธรรมล้านนาน้ีเป็นช่อื นิยมใช้เรียกในเชิงวิชาการ แต่ในหมปู่ ระชาชนทั่วไปอาจ
เรียกว่า ตัวเมือง หรือ อักขระเมือง จากการศึกษาของผู้รู้หลายท่านก็อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า
อักษรชนิดนี้พัฒนาขึ้นจากอักษรมอญโบราณแห่งอาณาจักรหริภุญชัยในช่วงประมาณ พ.ศ.
๑๖๐๐ และก็อาจสบื โยงตน้ เคา้ ไปถงึ อกั ษรพราหมี ของพระเจา้ อโศกแหง่ อนิ เดียไดด้ ้วย
อกั ษรธรรมลา้ นนาน้ี นยิ มใช้ในการจารคัมภีร์ใบลานซึง่ เป็นคัมภรี ์ทางพุทธศาสนา ซึ่ง
มีคัมภีร์ชื่อต่าง ๆ ประมาณ ๒,๐๐๐ ชื่อ นอกจากนี้ยังนิยมใช้บันทึกความรู้ต่าง ๆ ในรูปของ
สมุดที่ทำขึ้นจากเปลือกของ ไม้สา เรียกว่า พับหนังสา ซึ่งเป็นเสมือนตำราหรือคู่มือของ
นักวิชาการพ้นื บ้านล้านนาได้เป็นอยา่ งดี
แบบฯรยฯรต฿ฯเว มฯองิ มหาวิทยาฯ ไลยฯมหาจุฬาลฯง฿กฯอรราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๓
ในการเสนอแนวการเรียนอักขระชนิดนี้ ใคร่จะเสนอว่าน่าจะเรียนการเขียนภาษา
ล้านนาหรือล้านนาไทยเสียก่อนพอให้เข้าใจ จากนั้นจึงจะเรียนการใช้อักษรนี้ในการบันทึก
ภาษาอื่น เชน่ ภาษาบาลีสนั สกฤต เปน็ ต้น
๑.๓ รปู แบบของอกั ษรล้านนา
รูปแบบของอักษรล้านนา รูปเขียนของอักษรล้านนา หรือ อักษรไทยยวน หรือ
อกั ษรธรรม มีรปู เขียนตามลำดบั ดังนี้
๑) รูปพยัญชนะ
เดิมพยญั ชนะล้านาแบ่งตามอกั ษรวิธภี าษาบาลี มี ๓๓ ตัว แบ่งเปน็ พยัญชนะวรรค
๒๕ ตวั ๑ เศษวรรคหรือ อวรรคอีก ๘ ตวั ๑ ดังจะศกึ ษาตอ่ ไปนี้
๑. พยัญชนะวรรค
๑.๑ วรรค ก ก๋ะ
พยญั ชนะ คำอ่าน เทียบภาษาไทยกลาง
ก ก๋ะ ก
ข ข๋ะ ข
ค ก๊ะ ค
ฆ ฆะ ฆ
ง งะ ง
๑.๒ วรรค จ จ๋ะ
พยัญชนะ คำอา่ น เทยี บภาษาไทยกลาง
จ จะ๋ จ
ฉ ฉ๋ะ ฉ
ช จะ๊ ช
แบบฯรยรฯ ต฿ฯเว มงฯอิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาลงฯ฿กฯอรราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๔
ฌ ฌะ ฌ
ญ ญะ ญ
๑.๓ วรรค ฏ ฏะ
พยญั ชนะ คำอ่าน เทยี บภาษาไทยกลาง
ระฎะ๋ (ละตะ๋ ) ฏ
ผ ระฐ๋ะ(ละถะ) ฐ
ฐ ระดะ(ละดะ) ฑ
ด ระฒะ(ละฒะ) ฒ
ฒ ระณะ(ละณะ) ณ
ณ
๑.๔ วรรค ต ต๋ะ คำอา่ น เทียบภาษาไทยกลาง
พยญั ชนะ วรรค ต๋ะ ต
ถ๋ะ ถ
ต ตะ๊ ท
ถ ธะ ธ
ท นะ น
ธ
น คำอ่าน เทียบภาษาไทยกลาง
๑.๕ วรรค ป ป๋ะ บ,ป
ผะ๋ ผ
พยญั ชนะ
ป
ผ
แบบฯรยรฯ ต฿วฯเมอฯงิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาลฯ฿งกฯอรราชวทิ ยาฯ ไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๕
พ ปะ๊ พ
ภ ภะ(พะ) ภ
ม มะ ม
๒. เศษวรรค มีอยู่ ๘ แบง่ ตามอกั ขระวิธภี าษาบาลี คือ
พยัญชนะ อวรรค คำอา่ น เทยี บภาษาไทยกลาง
ย ยะ ย
ร ระ ร
ล ละ ล
ว วะ ว
ส สะ ส
ห หะ ห
ฬ ฬะ ฬ
อํ อํ องั
พยญั ชนะเพิ่ม การปราชญ์ได้คิดพยัญนะมาใช้ หรือวา่ สร้างเพม่ิ ใหค้ รบในภาษา
ลา้ นนา คือ
พยญั ชนะ วรรค คำอา่ น เทยี บภาษาไทยกลาง
ฅ คะ ฅ
ซ ซะ ซ
ป ป๋ะ ป
ฝ ฝะ ฝ
แบบฯรยรฯ ต฿เวฯ มฯองิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาล฿งฯกอฯรราชวทิ ยาฯ ไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๖
ฟ ฟะ ฟ
ศ ศะ ศ
ษ ษะ ษ
ฮ ฮะ ฮ
อยฯ อยะ อย
พยัญชนะที่มี ห. นำ
พยัญชนะ คำอ่าน การใช้
หฯน หนะ๋ หฯ้นา(หนา้ ) หฯน(หนู) ห่นฯวยฯ (หน่วย)
หฯม หมะ๋ หมาฯ (หมา) หฯ(ม่ หมู)่ หอฯมง(หมอง)
หฯง หงะ๋ หฯาง ย(ฯ หงาย) หาฯง นฯ (หงาน)
หยฯ หย๋ะ หยาฯ (หยา) หยาฯ่ (หย่า) ห้ยฯา(หญา้ )
หล,ฯ หลฯ หละ๋ หลฯวก(หลวก) ห้ลฯา(หลา้ ) หลฯายฯ(หลาย)
หวฯ หว๋ะ ห(฿วฯ หัว) หฯาว ฯน(หวาน)
พยญั ชนะทีม่ ี ร. ควบกลำ้ หรือล้านนาเรียกว่า ระโฮง มี ๘ ตัว คอื
พยัญชนะ คำอ่าน ออกเสยี ง เทียบอักษรไทยกลาง
กรฯ กร ข ขะ๋ กรฯกลุ ฯ(ขะกุล) กรฯาบฯ(ขาบ)
ครฯ คร ฅ,ฆ ฅะ ครฯฯ (ฅ)ู ครฯาฯง (ฅาง) เครฯฯอง (เฅอ่ื ง)
,ฆะ
พรฯ พร ภ ภะ พรฯพุทธฯเจั้า(พระพุทธเจ้า) พรฯบาทฯ(พระ
บาท)
แบบฯรยรฯ ต฿เวฯ มอฯงิ มหาวิทยาฯ ไลยฯมหาจุฬาลฯ฿งกอรฯ ราชวทิ ยาฯ ไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๗
ตรฯ ตร ถ ถะ ตรฯาบฯ (ถาบ) สตั รฯฯ (สตั ถู) ม฿นฯตรฯ (มมถี)
ทรฯ ทร ธ ธะ ทรฯายฯ(ทราย) อ฿นทรฯายฯ (อนทราย)
บรฯ บร ผ ผะ บรฯาสาทฯ(ผาสาท) บรฯยฯา (ผ๋ะยา๋ ) บรฯกอฯบฯ(ผะ๋
กอบ)
สรฯ สร สลฯ สละ สรฯ (สร)ี สรฯลฯ (สละ) สรฯยวฯ ฯ (สรวย)
หรฯ หร ห หะ หรฯินฯ (หิน) หรฯฯกอ ์ (หอก)
๑.๔ การจดั หมวดหมูเ่ สยี งพยัญชนะลา้ นนาน(ตั๋วเมอื ง)
พยญั ชนะล้านนานั้น มีลกั ษณะท่จี ัดหมวดหมแู่ ตกตา่ งจากพยญั ชนะของไทยภาค
กลางอยูบ่ า้ ง เนื่องจากตัว๋ ลา้ นนามีเสียงจดั ตวาเข้ามากำกับอยู่มาก ทำให้นักศกึ ษาสมยั ใหม่
รวมทัง้ ภาคเหนือและภาคอ่นื เข้าใจยาก เพราะผิดสำเนยี งหรอื ออกเสียงเพ้ียน ทำให้การทำ
หนังสอื นอี้ าจจะไม่ตรงหลักไวยกรณ์ของภาษาไทยกลาง เช่น ตัว ก ก๋ะ ตอ้ งใสไ่ มจ้ ัตวาเพ่ือ
ป้องกันการออกเสียงเพี้ยนและผิด ซึง่ ถ้าออกเสยี งสำเนียงผิด ความหมายกผ็ ดิ เช่น คำว่า กา๋
(กา) กา (คา) ตวั แรกไม่มไี มจ้ ตั วากจ็ ะกลายเปน็ ตวั ทีส่ อง และความหมายของตัวท่ี ๑ ก๋า
(กา) และตัวท่สี อง กา (คา) กต็ า่ งกนั ตวั แรก ก๋า(กา) หมายถงึ นกชนิดหน่งึ , เครือ่ งหมาย
ตัดกันหรือกากบาด สว่ นคำที่สอง กา (คา) หมายถงึ ตดิ อยู่,คาหนงั คาเขา, เช่น นงั่ กาผะตู๋
พยัญชนะท่เี ปน็ เสยี งสูง ลา้ นนาจะมีเสยี งจัตวาผสมในตัว ประกอบด้วย
ก ข จ ฏ ฐ ต ถ ป ผ ฝส ห
ตวั อย่าง กา(กา๋ ) กาแกฯด(กา๋ แกด) กาแก(ก๋าแก๋) กาก(กา๋ กี)๋ กยฯวก฿ฯม (เก๋ียวก๋ม)
ขา(ข๋า) ขาฯขน (ฯนั ขานขนั ) ขาขาวฯ(ขาขาว) ข้ยฯวย(เข้ียวย)่ี
จา(จ๋า) จยรฯ จา(เจ๋ียรจา๋ ) จจมุ (จ๋จี ุ๋ม) จาํ ไจ(จ๋ำใจ)๋ จางฯจ(ดฯ จา๋ งจืด)
แบบฯรยรฯ ต฿วเฯ มฯงอิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาลฯ฿งกอรฯ ราชวทิ ยาฯ ไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๘
ฏา(ฏ๋า) วฏ(ฏฯํ วัตฏั๋ง) มกเกฯ ฏา(มักกะโฏ)๋ เกวเฏาฏฯ (เกวัฏโฏ)๋ ถ้าเขียนเปน็
ภาษาบาลจี ะ/หรอื ไม่ออกเสียงจัตวากไ็ ด้ เพราะเป็นการยมื คำ
ฐา(ถ๋า) ฐา(ฯน ถาน) ฐาน(ถานะ)
ตา(ต๋า)ตาํ ตา(ต๋ำต๋า)ตายฯตา(ฯม ตา๋ ยตา๋ ม)ตตฯอํ่ (ตอ่ ตี๋) ต฿ฯวตนฯ(฿ ตั๋วต๋น) ตาํ ต(อฯํ ต๋ำต๋อ)
ถา(ถ๋า) อนาฯถา(อนาถา) วัตฯถา(อัตถา) ไถนาฯ(ไถนา)
ปา(ปา๋ ) ปายปฯ (ป๋ายป๋)ี ปอฯมแปงฯ(ป๋อมแป๋ง) ปฯนพั ฯอร(ปนั๋ ปอน) ปฯองแปงฯ(ป๋องแป๋ง)
ผา(ผ๋า) ไผ(ไผ)๋ เผา้ ผาฯน(เผ๋าผ๋าน) หนฯา้ ผา(หน้าผา๋ )
ฝา(ฝา๋ ) ปาฝา (ปา๋ ฝา) ฝง(ฝงู ) ฝ฿ตนฯ ฯก(฿ ฝนตก)
สา(สา๋ ) สาสนาฯ (สาสนา) ไหส้ฯว า(ไหว้สา) สาลา(สาลา)
หา(หา๋ ) โซอะฯ หา(เซาะหา) ทหานฯ(ตะ๊ หาน) หไฯงิ ฟ(หิงไฟ)
พยญั ชนะท่ีเป็นอกั ษรกลางหรือเสยี งกลาง ตัวพยญั ชนะเสียงนีส้ ามารถผันไปตาม
เสียงของวรรณยกุ ตอ์ ืน่ ได้ ไดแ้ ก่
บ บาฬ บาฬี แบฯวบ้ า่ ฯง แบว้ บ่าง บ฿ฯบก างฯ บกบาง
อยฯ อยฯา ยา อยฯา่ อย่า อยฯากฯ อยาก
ด ดานฯ ดาน ดา่ นฯ ดา่ น ดงฯ฿ ดง
อ อา อา ออ่ฯร ออ่ น อ฿กฯ อก
พยัญชนะทีเ่ ป็นเสียงตำ่ หรืออักษรตำ่ ประกอบด้วย
คฆงชฌซญฒณพภมยรลวฮฬ
แบบรฯ ยรฯ ต฿ฯเว มงอฯิ มหาวิทยฯาไลยฯมหาจุฬาลงฯ฿กอฯรราชวิทยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๙
บทที่ ๒
รปู สระ
รูปสระในภาษาล้านนา มีรูปเขียนของสระอยู่ ๔ ประเภท ได้แก่ สระลอย ๑ สระแท้
๑ สระพเิ ศษ ๑ และสระผสม ซ่ึงภาษาล้านนาจะเรียกสระว่า “ไม”้ เวลาเอาผสมพยัญชนะ ก็
จะเรยี กว่า แจกไม้ มรี ปู ดงั นี้
๒.๑ สระลอย หรอื สระสำเรจ็ รูป สระประเภทนส้ี ว่ นใหญ่ใชเ้ ขียนคำศทั พ์ภาษาบาลี
หรอื พยางค์ตน้ คำนั้น เป็นเสยี งสระมีอยู่ ๙ รปู ดังนี้
สระ คำอ่าน ลักษณะการใช้
อ อะ อนุสญญฯา (อนุสัญญา), อหํ อหัง,(ข้า), อนนตฯ
อนนฺต(ไม่สนิ้ สุด) อตาตฯ อตฺตา (ตน๋ )
อา อา อาทิตฯ อาทิต(อาทิตย์), อาวุธ อาวุธ(เครื่อง
ประหาร) อากฯอร อากร(บ่เกิด)
อิฯ อิ อิฯติบิเสา อิติปโิ ส, อิฯนทรฯยฯ อินทรีย(อนิ ทรยี )์ ,
อิฯมานิ วตฯาถ นิ อิมานิ วตถฺ าน(ิ ผา้ เหล่านี้)
อีฯ อี อีฯสา อีสา(ง่อนไถ) อีฯสาณฯ อีสาณ(ทิศอีสาณ)
อีฯม อมี ู (นกอมี ู) อีฯเหนฯ (อเี หน)
อุฯ อุ อุฯเบกขฯา (อุเบกขา), อุฯรา อุรา(อก), อุฯตริ
อุตร(ิ เสแสรง้ ), อุฯณาโลฯม อณุ าโลม(ขนที่งอกขน้ึ )
อูฯ อู อูฯกา อกู า (เลน็ )
แบบฯรยรฯ ต฿เวฯ มอฯงิ มหาวทิ ยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาลงฯ฿กฯอรราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๑๐
เอฯ เอ เอฯกํสมยํ (เอกังสมยัง), เอฯกา เอกา(หนึ่ง),
เอฯตทคคฯ เอตทคฺค(เลิศในทางนั้น), เอฯตํ ภเนตฯ
เอตํ ภนฺเต
โอ โอ โอบนยิเกา (โอปนยิโก), โอภาสสฯ โอภาส
(แสงสว่าง), โอส฿ถฯ โอสถ (ยา), โองฯกานฯ โองการ
(คาถาหรอื อาคม) โอตรหิ โอตรหิ (หยงั่ ลงแลว้ )
๒.๒. สระจม๋ (สระแท้)
รูปเขียนสระแท้ เปน็ สระทตี่ อ้ งนำไปใชผ้ สมกับพยัญชนะ มี ๘ รูป คอื
สระ อา่ น การนำไปใช้
-ะ อะ ปกติเสียงพยัญชนะเดียวของภาษาล้านนาจะออก
เสียสระ อะ อยู่แล้ว แต่ก็พบบางครั้งก็นำมาใช้
ผสมอกั ษร
-า อา อาไสยฯ (อาศัย) อา (อา) ปา้ (ป้า) ดา (ดา)
-ิ อิ สฯิง (ส่งิ ) ยิงฯ (ย่ิง) กิลฯร (กลิน่ ) ดฯนิ (ดนิ )
- อี ม (มี) อกา (อกี ๋า) ดปลฯ (ดปี ี๋) สรฯ (สร)ี
-ึ อึ มฯึง (มึง) หตฯงึ (หตู งึ ) ดจฯึ้ง ก้ ้ (ดึง้ จื้อกือ้ )
- อื มถ (มือถือ) ดด้ า้ ฯน (ดอื้ ดา้ น) ชาวฯ (จ่ือวา่ )
-ฯุ อุ มุดสุด(มุดสุด) หุดเชอฯก (หุดเชือก) กุ้ง
หฯมั้ร (กุง้ หมัน้ )
-ฯ อู อ้เมอฯง (อู้เมือง) ครฯฯค (ครูกู) ดป (ดูปู๋)
ร้ต฿ฯว (รู้ตวั )
แบบฯรยรฯ ต฿เวฯ มงฯอิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาล฿ฯงกรฯอ ราชวิทยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๑๑
๒.๓ สระผสม/สระพเิ ศษ
สระในภาษาล้านนา มีรายการดังตอ่ ไปน้ี
อกั ษร เทยี บ คำอ่าน การนำไปใช้
ล้านนา อักษรไทย
อ สระอะ ลดรูป อะ อนสุ ญญฯา (อนสุ ัญญา)
-้ ไม้หันอากาศ ไม้กกั กฯกั (กกั ) มฯนั (มัน) หฯรวั (ห้วน) กนัฯ (กัน) ปนฯั
(ปน๋ั )
-ะ -ะ ไม้กะ บ่าฯนะ (บา่ นะ) โภชนฯะ (โภชนะ) มคฯ ลฯ
(มงั คละ)
-า -า ไม้ก๋า กา (กา) ขา (ขา) คา (กา) ชา (จา) มา
(มา) ดา (ดา) อา (อา)
-าฯ -า ไม้ก๋าโวง้ ใช้เขียนกบั อักษร ค ท ธ บ และ ว เขยี น
เป็น คาฯ ทาฯ ธาฯ บาฯ วาฯ สว่ นใหญ่ในเอกสาร
เล่มนไี้ ม่ใช้ เพราะเหตุผลของการใช้ไม้กา๋ โว้งคอื
เทคนคิ การเขียน
-ํา -ำ ไมก้ ำ๋ คํา (กำ) ฅา (ฅำ) ยาํ้ (ย้ำ) ฅา่ (ฅ่ำ) ธํา
(ทำ)
-ิ -ิ ไมก้ ิ กติ ตฯิ (กติ ต)ิ ผดฯิ (ผดิ ) ตฯดิ (ตดิ ) อฯดิ (อิด) สิทธิฯ
(สทิ ธิ)
- -ี ไมก้ ๋ี มผ (มีผี) ขร฿ฯถ (ขรี่ ถ) บ฿ทฯท (บทที่) ดหมฯ
(ดหี ม)ี
แบบรฯ ยฯรต฿เฯว มงอฯิ มหาวิทยฯาไลยฯมหาจุฬาลงฯ฿กฯอรราชวิทยาฯ ไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๑๒
-ึ -ึ ไม้กึ นาฯํ้หฯึมก (นำ้ หมกึ ) บึนฯด งึฯ (บดึ นง่ึ )
- -ื ไม้กอื๋ ชฅ฿นฯ (ชอื่ ฅน) มถ (มอื ถอื ) หป้ นัฯ (ฯ หอ้ื ปน๋ั )
-ุฯ -ุ ไมก้ ุ เขั้าสกุ (เข้าสกุ ) ขุดต่รุ (ขดุ ตนุ่ ) ดุ้รหลั ฯว
(ดนุ้ หลวั )
-ฯ -ู ไมก้ ู๋ ลก(ลกู ) ขด(ขูด) ค(คู) ด(ด)ู ห(ห)ู
เ-ะ เ-ะ ไม้เกะ ตเฯน ตะ(ต๋ีนเตะ๋ ) เทะท่า (เต๊ะทา่ )
ล้านนา เทยี บ คำอา่ น การนำไปใช้
อกั ษรไทย
เ- เ- ไม้เก๋ เก่ฯง (เก่ง) ตาเกกฯ้ (ตาเกก็ ) เสนฯ้ (เสน้ ) เปฯน
(เปน็ )
แ-ะ แ-ะ ไม้แกะ ห฿วฯแบะ (หัวแบะ) แขะแหละฯ (แขะแหละ)
แ- แ- ไมแ้ ก๋ หฯอแมํ้ กงแฯ แม่แตกฯ(หมอ้ แกงแมแ่ ตก) แฅฯง่
(แฅง่ )
โ-ะ โ-ะ ไมโ้ กะ โบะห฿ลวฯ (โบะหลัว) แกงฯโฮะ (แกงโฮะ)
โ- โ- ไม้โก๋ โหร่ อฯง้ ฯ (โห่ฮ้อง) ตายฯโหงฯ (ตายโหง) โทนฯง่ าฯ
(โต้งนา)
เ-า เ-า ไม้โก๋ พุเทาธฯ (พทุ โธ) สํเฆา (สงโฺ ฆ) เพาิธฯ (โพธิ)
เ-า้ เ-้า ไมเ้ กา๋ หาฯม เหัา่ (หมาเหา่ ) ข้าภเจาั้ (ขา้ พเจา้ )
เค้ัลาฯ เหงาฯ้ั , เคา้ั เหฯ้ัาง (เคลา้ เหง้า)
โ-ะฯอ เ-าะ ไม้เกาะ เรออฯ โหะอฯ (เฮอื เหาะ) พํอโฯ หะอมฯ (ปอเหมาะ)
-อฯํ -อ ไมก้ อ๋ พฯขํ่อ ฯุบด ํ่ลฯอ ปํอ่ฯ ลาฯ (ป่อขดุ บ่อลอ่ ปา๋ )
แบบฯรยรฯ ต฿วฯเมอฯงิ มหาวิทยาฯ ไลยฯมหาจุฬาล฿ฯงกฯรอ ราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๑๓
-ฯอ อ ไมก้ อ ขกฯอ รวฯ้฿ (ขอกฮ้ัว) ลฯอ่งนาฯํ้ (ล่องนำ้ )
-฿ะฯว -วั ะ ไมก้ ัวะ ก฿เฯว ข้าั (กวั ะเข้า) ต฿วฯะล่ายฯ (ตวั ะลา่ ย)
-฿ฯว -วั ไม้กั๋ว ห฿บวฯ วฯ฿ (หวั บวั ) ผ฿วเฯ มยฯ (ผวั เมยี )
-ฯว -ว- ไม้ก๋ัว เม่ือ ดฯงว (ดวง) พงวฯ (ปวง) ผ้าทวบฯ ฯ (ผ้าต๊วบ)
มตี ัวสกด
เ-ยะฯ เ-ยี ะ ไมเ้ กียะ แม่เหยฯะ (แม่เหียะ) ฝ฿ฯเน ปยะฯ (ฝนเปยี ะ)
เ-ยฯ เ-ีย ไม้เกี๋ย ไม่ เมยฯ (เมีย) เสยฯ (เสยี )
มตี ัวสะกด
ยฯ เ-ีย ไม้เกีย๋ มี ลยฯบ (เลียบ) วยฯง(เวียง) ส้ยฯง(เสี้ยง)
ตัวสะกด รยรฯ (เรยี น) ขยรฯ (เขยี น)
อักษร เทยี บ คำอ่าน การนำไปใช้
ลา้ นนา อกั ษรไทย
เ-อฯอ ะ เ-ือะ ไมเ้ กือะ ไม้เจอฯอะ (ไมเ้ จอื ะ) ไหลฯเลอฯอะ (ไหลเลอื ะ)
เ-อฯอ เ-อื ไม้เกือ ไม่ บ่าเขออฯ เตเมฯ รออฯ เมฯออเมออฯ เมฯอง (บ่าเขอื
มีตวั สะกด เตม็ เฮือเมอื่ เมือเมือง)
เ-ฯอ เ-อื ไม้เกือ มี เรรฯอ เหลฯเอ ชงฯอ เมฯอง (เฮือนเหลืองเจ่ืองเมือง)
ตวั สะกด
เ-ะิอฯ เ-อะ ไม้เกอะ ถวฯเ฿ นาฯฯเั มฯะิอ (ถ่ัวเนา่ เมอะ) นงฯเั่ ทฯะิอ (นัง่ เต๊อะ)
เ-ิฯอ เ-อ ไมเ้ กอ๋ เนฯอิ (เนอ) เมิฯอ (เมอ) สๆเนอิฯ (เสนอ)
เ-ยยฯ เ-ยย ไมไ้ ก๋ เชยยฯะ (ไชยะ) เภยยะฯ (ภยั ยะ)
แบบฯรยฯรต฿เฯว มฯองิ มหาวิทยฯาไลยฯมหาจุฬาลงฯ฿กรอฯ ราชวิทยาฯ ไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๑๔
ไ-ยฯ ไ-ย ไมไ้ ก๋ วยงฯ ไชยฯ (เวียงไชย) วไิ นยฯ (วินยั ) ไวย้ ฯ (ไว)้ ฯ
วทิ ยาฯ ไลยฯ (วทิ ยาลยั ) ไทยฯ (ไทย) สมยั นมี้ ีคน
เขียน -ยั ฯ ในตวั เมอื ง ซ่ึง ขา้ พเจ้าไมเ่ หน็ ดว้ ยแม้
จะเปน็ คำสมัยใหม่ แต่ อยากรักษารูปแบบเกา่
คือ ไ-ยฯ เพราะตำราโบราณก็นิยมใช้ และ
ความหมายกไ็ ม่ผิดอีกดว้ ย
ไ- ไ- ไมไ้ ก๋ ไข่ไก่ (ไขไ่ ก)่ ไพไจๆ (ไปไจๆ)
ตวั สระไอไม้ม้วน คัมภรี ์โบราณไม่นยิ มใช้
หมายเหตุ การใช้ สระ สระโอ โ และ เ-า ในภาษาบาลี โ นำ เ-า ตาม ดงั น้ี
โ นำ ได้แก่ โมกาขฯ โมกขา, โอวาสสฯ โอวาส, หรอื คำในภาษาลา้ นนา เช่น โกบฯ
โกบ, โลกฯ โลก โหฯนก โหนก
เ-า ใช้ในภาษาบาลีตามหลงั พยัญชนะตน้ เชน่ พเุ ทฯาธ (พุทโธ), กสสฯเบา(กสสฺ
โป) สมบเนาฯานฯ (สมฺปนโฺ น) นาฯเถา(นาโถ) กตุ เตฯมา(กตุ ตโฺ ม)
.
๒.๔ วรรณยกุ ต์
วรรณยกุ ต์ เสยี งวรรณยุกต์ของภาษาลา้ นนามี ๖ เสียง คอื สามญั ๑ เอก ๑ โท ๑
ตรี ๑ เสียงวรรณยกุ ต์พิเศษ ๑ และ เสียงจัตวา ๑
เสยี ง สามญั เอก โท พเิ ศษ ตรี จัตวา
รูปเขียน คาฯ ก่า ค่าฯ กา้ คา้ กา
เสยี งอา่ น กา ก่า ก้า กฺ้า ก๊า ก๋า
ความหมาย ตดิ ค้างคา กิ้งกา่ ค่า ราคา เก่งกา้ ค้าขาย ก๋าดำ
อก้ี ่า(นี่ส)ิ (เกง่ กล้า)
แบบฯรยรฯ ต฿เวฯ มองฯิ มหาวิทยฯาไลยฯมหาจุฬาล฿งฯกฯอรราชวิทยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๑๕
๒.๕ เครอ่ื งหมาย
เคร่อื งหมายที่ใช้ในภาษาล้านนาทใ่ี ช้เขียนประสมพยัญชนะตา่ งของภาษาลา้ นนาท่ี
นักปราชญ์โบราณได้บญั ญัติก็เพอ่ื ให้พอใช้ในการออกเสียงมดี งั ต่อไปนี้
รูปเครือ่ ง เรียกวา่ ตรงกบั ใชท้ ำหนา้ ท่ี
หมาย
่ ไม้เหยาะ ไม้เอก ใช้เขยี นบนพยัญชนะเพื่อใหอ้ อกเสียงคำเปน็
หรือไม้หยกั เสียงเอกหรือเสียงโท เสยี งตรี หรอื ตรีเพ้ียน
คา่ ฯ (ก่า) ไข่ (ไข)่ ไก่ (ไก)่ มรฯว่ (ม่วน)
้ ไม้ซดั ไม้หันอากาศ ใช้เขยี นบนพยัญชนะเพอ่ื ให้คำนัน้ ออกเสยี งสน้ั
ลง เชน่ มฯนั (มัน) หันฯ (หนั ) ฝฯหนั ันฯ (ฝนั หนั )
วันฯจัน์ทฯ (วันจันท) คัฯน (กัน) ฝฯนั (ฝนั )
ก้ะ ไม้กกั ใชเ้ ขียนประกอบพยัญชนะเพือ่ บงั คับให้
พยญั ชนะน้นั ออกเสียงเหมือนมี ก. สะกด เชน่
ดะ้ (ดอก) พะ้ (พวก)บางครงั้ กใ็ ช้ “ ้ “ (ไม้
ซดั ) ก็ออกเสียงเปน็ “กัก” เช่นเดียวกันตวั อยา่ ง
คำเชน่ จั (จัก) ล้ (ลูก) ด้ (ดอก)
ๆ ไมซ้ ำ้ ไมย้ มก สำหรบั อักขรวิธขี องภาษาลา้ นนาไมซ้ ำ้ คำมีท่ีใช้
ตา่ งกนั ดังน้ี
๑. ถา้ เขยี นไวบ้ นพยัญชนะท้ายคำบังคบั ใหอ้ า่ น
คำน้ันออกเสยี งซำ้ กนั เหมือนกับไมซ้ ้ำคำของ
ภาษากลาง เชน่ ตา่ นๆงฯ าฯๆ (ตา่ งๆ นานา) ไพมๆ าๆ
(ไปๆ มาๆ) ไจๆ (ไจ้ๆ)
แบบฯรยฯรต฿เฯว มฯองิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาลง฿ฯกรฯอ ราชวิทยาฯ ไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๑๖
๒. ถา้ เขียนไวบ้ นพยัญชนะทไ่ี ม่ใช่พยญั ชนะทอ่ี ยู่
ทา้ ยคำจะบังคบั ใหค้ ำนนั้ ออกเสยี งเปน็ อักษรนำ
ทำใหพ้ ยัญชนะตวั ทส่ี องมีเสยี งหนกั เชน่ ถฯมๆน
(ถนอม) แสงวๆฯ (แสวง)
๓. บังคบั ใหพ้ ยัญชนะตวั สะกดทม่ี ไี ม้ซำ้ คำกำกบั
อยู่ออกเสียง “อะ” และเพอื่ แสดงใหร้ ้วู า่ คำ
น้ันมาากภาษาบาลี เช่น เวทาฯนๆ (เวทนา)
เทสๆนฯา (เทสนา) เสๆาฯน (โสน)
๔. บอกถึงมพี ยัญชนะตน้ ตัวเดียวกันใช้ ๒ คำ
เชน่ เข้ฯอัาฯงๆ
์ ระห้าม ตวั การันต์ ใชเ้ ขยี นบนตัวพยัญชนะทำให้พยญั ชนะตวั นั้น
เปน็ ตัวสะกด และ ไมอ่ อกเสยี งพยญั ชนะตวั น้นั
เช่น นิม฿น์ตฯ (นิมนต)์ มัค์คฯ (มัคค์)
ํ ไม้กังมน ตัวนคิ หิต ใช้เขยี นคำที่มาจากภาษาบาลี และใชผ้ สมกับไม้
กอ “กํฯอ” เพอื่ ให้ออกเสียงเป็น “ออ” ถ้าเปน็ คำ
ทมี่ าจากภาษาบาลจี ะออกเสยี งเปน็ “อัง” เชน่
สรณํ (สรณํ) หติ ํ (หติ )ํ
ฯ ไม้กังไหล ง.สะกด ใช้เขียนบนพยญั ชนะตัวตามท่สี ะกดด้วย ง. ใน
ภาษาบาลีและใช้เขยี นคำศพั ท์ทมี่ าจากภาษา
บาลี อคฯ ํ (องฺคํ) สฯขารา (สังขารา)
แบบฯรยรฯ ต฿เฯว มงอฯิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาลฯง฿กฯรอ ราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๑๗
กงฯั ไมก้ งั ง. สะกด ใช้สะกดพยัญชนะท่เี ปน็ ภาษาบาลีทภ่ี าษา
ล้านนานำมาใช้เชน่ สังฯขาฯน (สังขาน) บงั สฯุ
(ปงั ส)ุ พรฯสงั ฆฯา (พระสังฆา)
฿ ไมก้ ก เรียกชอื่ ตามตวั สะกดในแมต่ า่ งๆ หรอื เรียกไม้
ไม้กง โกะลดรูป ใชเ้ ปน็ เครื่องหมายเขียนไวบ้ น
ไม้กน พยัญชนะเพอ่ื ให้ทราบว่า ตอ้ งอา่ นเป็นแมส่ ะกด
ตา่ งๆ เช่น นกฯก฿ ฿ฯก (นกกก) บ฿ฯน (บน)
ไมไ้ ตค่ ู้ ไมไ้ ต่คู้ ใช้เขยี นไวบ้ นพยัญชนะเพ่ือทำใหก้ ารออกเสียง
ของคำนนั้ สน้ั ลง รปู ไม้ไต่คนู้ ้คี งบัญญัติขึ้นในสมยั
หลัง เช่น ปฯอก้ (ป็อก) อม้อฯก (อะมอ๊ ก)
ั้ ไม้หันอากาศ ซ้อนกันอยบู่ นพยญั ชนะ เหมือนไมห้ ันอากาศกับ
กบั ไมโ้ ทซอ้ น ไม้โท ซ้อนกนั ออกเสียงเป็นเสยี งโท เชน่ น้ัฯน
กนั (น้ัน) สฯั้น (สั้น) ฝฯน้ั (ฝนั้ )
ก๊ิ ไมก้ งิ (อิง) อยบู่ นพยัญชนะใชก้ ับภาษาบาลอี อกเสียงเทา่ กับ
องิ เชน่ กิ๊ (กงิ ) ตัสสฯฯงิ (ตสั มงิ )
กะ ไม้กะ หรือ สระอะ หรือ เมือ่ ใชไ้ มก้ ะน้ี เขยี นตามหลังคำทม่ี ีตวั สะกดแล้ว
จะทำให้คำนั้นออกเสยี งสั้นลง เชน่ เยยะฯ
กะ๋ ป๋ยู าด ไมไ้ ต่คู้
(เยียะ) เมะฯอิ (เมอะ)เทิฯอะ(เตอะ) ถ้าเขียนไม้
กะตามหลงั พยัญชนะทไี่ มม่ ตี ัวสะกดแลว้ จะมีคา่
เป็น สระ “อะ” เชน่ จะ (จ๋ะ) กะ (ก๋ะ)
ยะ (ยะ)
แบบฯรยรฯ ต฿วฯเมอฯงิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาลงฯ฿กฯอรราชวิทยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๑๘
-๋ ไม้เกา๋ หอ่ ใช้แทนสระ ใชอ้ ยูบ่ นพยญั ชนะ เช่น ม๋ห฿วฯ (เมาหวั ) ต฿ฯวบ๋
หนง้ึ เ-า ปรากฏมี (ตัวเบา)
การใช้คัมภรี ์ ด๋ไจ (เดาใจ)๋ ไซห้ ๋ (ไซเ้ หา)
โบราณ
-ม฿ฯ่ ไม้เกา๋ จู้จ้ี ใช้แทน สระ ใช้เขียนบนพยญั ชนะ เช่น แมงวฯ ่฿ฯม (แมงเวา) ล้ม฿ฯ
เ-า ปรากฏใช้ ไก่ (เลา้ ไก)่ ไมพ้ ่ม฿ฯ (ไมเ้ ปา) จ่ฯข้ม฿ า้ (เจ้าขา้ )
ในคัมภีร์
โบราณ
-ํอฯ ไม้ก๋อนำ้ เทา่ กับ อ บางทกี จ็ ะมีเพยี งไมก้ ๋อ –ํ เชน่ ค่ํ บํ่
บวย ถา้ มีตวั สะกด จะเหลือเพียง –ฯอ แล้วตามดว้ ย
ตวั สะกด เชน่ อฯอก (ออก) นอฯก (นอก) วกฯอ
(วอก)
เ-ยฯ ไมเ้ กยี๋ สระเอยี หากไมม่ ตี ัวสะกด เชน่ เมยี เสีย ก็จะเขยี นว่า เมยฯ
ไ-ยฯ ไม้ไกย๋ เสยฯ แตถ่ ้ามตี ัวสะกดกจ็ ะละ เ คงไว้แต่ ยฯ ต่อ
ด้วยตัวสะกด เชน่ สยฯง (เสยี ง) วยงฯ (เวยี ง)
เปน็ ต้น
สระ ไอย ไ – ไม้ไกย๋ นี้มคี ่าเท่ากับ ตัว ไ-ยฯ และ –ัยฯ เชน่ ชยั
ย ไชยฯ วทิ ยาลัย วิทยฯาไลยฯ ไทยฯ สมยั นม้ี คี นเขยี น
-ยั ฯ ในตัวเมอื ง ซึง่ ข้าพเจ้าไม่เหน็ ด้วยแม้จะเปน็
คำสมยั ใหม่ แต่ อยากรักษารูปแบบเก่า คือ ไ-ยฯ
แบบรฯ ยรฯ ต฿วเฯ มอฯงิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาลง฿ฯกรฯอ ราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๑๙
เพราะตำราโบราณก็นิยมใช้ และความหมายกไ็ ม่
ผิดอีกดว้ ย
ไมก้ ะปหู ยาด ไม้เกา๋ หอ่ หนึ้ง และ ไมเ้ กา๋ จจู้ ี้ ส่วนใหญ่จะพบในคัมภรี ์โบราณ ใช้เขยี นใน
กรณีจำเป็น เช่นหนา้ กระดาษไมพ่ อ มีเน้อื จำกดั ผรู้ ู้บางทา่ นปัจจุบันไม่ใชแ้ ล้ว แตส่ ่วนตัว
ข้าพเจา้ คิดว่า น่าจะแสดงไวใ้ ห้คนสมัยใหม่ไดร้ จู้ กั ไว้ ประการทส่ี อง ควรจะใช้ไดใ้ นสมยั ปจั จบุ ัน
แตก่ ็ควรอยใู่ นเงือ่ นไขวา่ เน้ือทจ่ี ำกดั
๒.๖ ตวั เลข
ตวั เลขล้านนามีใช้ ๒ แบบคือ เลขโหรา และเลขธรรม
๑) เลขธรรม นยิ มใช้เขยี นเก่ียวกับศาสนา เช่นคัมภีรใ์ บลาน วรรณกรรมหรือชาดก
ตา่ งๆทเ่ี กี่ยวกับพระพทุ ธศาสนา
๒) เลขโหรา ใชเ้ ขยี นในชีวิตประจำวัน และเขียนเรือ่ งประโลมโลก เขียนโหราศาสตร์
ตา่ งๆ เอกสารเก่ียวกบั บ้านเมืองท่ไี ม่เก่ยี วขอ้ งกับพระพทุ ธศาสนา เป็นตัวเลขท่รี ับอทิ ธิพลมา
จากไทยใหญ่ และพม่า มีรูปเขยี นดงั นี้
รปู เขียนเลขสากล รูปเขยี นตวั เลขไทย เลขธรรมล้านนา เลขโหราล้านนา
1 ๑
2 ๒ ๑ 1
3 ๓ ๒ 2
4 ๔ ๓ 3
5 ๕ ๔ 4
6 ๖ ๕ 5
7 ๗ ๖ 6
๗ 7
แบบฯรยรฯ ต฿เฯว มงอฯิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาล฿งฯกอรฯ ราชวิทยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๒๐
8 ๘๘8
9 ๙๙9
0 ๐๐0
แบบฯรยรฯ ต฿เวฯ มงฯอิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาล฿ฯงกอรฯ ราชวิทยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๒๑
บทที่ ๓
การเขยี นและใช้ภาษาลา้ นนา
๓.๑ การใชต้ วั สกด หรอื หาง หรอื ต๋นี
การใช้อักษรล้านนามีความพิเศษจากภาษากลางหลายประการ ดังตัวอย่าง เช่น อักษร
ล้านนาเขียนใต้เส้น ซึ่งภาษาไทยกลางเขียนบนเส้น ประการต่อมา อักษรล้านนาเขียน
ตัวสะกดใช้ซ้อน โดยปราชญ์ลา้ นนาเรยี กว่า “หาง” หรือ “ต๋ีน” ดังน้ี
พยัญชนะเดิม ต๋ีน หรอื ตวั อยา่ งการใช้
หาง
พ ฐถ พฐ ถ -ฯฐ สัพฯพ (สพั พะ) บเุ พฯพ (บุพเพ) ไทยรฯ ฏั ฯฐ (ไทยรฐั )
บ ป ผ บปผ -บฯ บุบผฯา (บปุ ผา) เกิบฯคบฯ (เกิบก๊ีบ)
ญ ยญย -ยฯ เภยยาฯ (ภัยยา) บรฯยฯา (ผยา๋ )
น น -ฯน บ้านฯ (บา้ น) อาหานฯ (อาหาร) ทาฯน(ตาน)
ม ม -มฯ ธัมฯ์ม (ธรรม) กมั ม์ฯ (กรรม) สัมฯมา (สมั มา)
ส ส -สฯ อากาสฯ (อากาส)
ษ ษ -ษฯ อาํ มาสฯ(อำมาตย์)
ฌฌ -ฌฯ อุฯบชั ฌฯายฯ (อปุ ัชญายะ)
๓.๒ ตัวสะกดตามพยญั ชนะ
ตัวสะกดตามพยัญชนะในแม่ต่างๆ แม่สะกดในภาษาล้านนามี ๘ แม่ เช่นเดียวกับ
ภาษาไทยกลาง แต่ข้อที่ควรระวังก็คือ พยัญชนะตัวที่ ๒ และ ตัวที่ ๔ ของวรรคต่างๆ จะเป็น
แบบรฯ ยฯรต฿ฯเว มงฯอิ มหาวิทยาฯ ไลยฯมหาจุฬาลฯง฿กรฯอ ราชวิทยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๒๒
ตัวสะกดไม่ได้ เช่น คำว่า เลข(ไทยภาษาไทย) ถ้าเขียนตัวล้านนา จะใช้ตัว ข.ไข่ สะกดไม่ได้
ต้องผนั มาเป็น ก.ไก่ คือ เลฯข ตอ้ งเขยี น วา่ เลฯก เป็นต้น
๑) แม่ กก แมก่ ฿กฯ พยัญชนะท่ใี ช้สะกดตามแม่ กก ได้ มี ๓ ตวั คอื
ตวั สะกด ตัวอยา่ ง
ก ก สะกด สตั ตบฯ กฯ฿ (สัตวบ์ ก) นปฯก฿ ฿กฯ (นกปก) วกอฯ นักฯ (วอกนกั ) มานกฯ กัฯ (มาก
นัก)
ข ข สะกด ฅวาฯ สฯม ุกขฯ์ (ความสุข) มุกขฯ์หฯน้า (มุขหนา้ )
ค ค สะกด สัคคะฯ (สวรรค) มคั าฯค (มัคคา) โชดคฯ (โจคด)ี
ข้อควรสังเกตที่สำคัญ คือ หลักการใช้ ตัว ก ค ฅ ในฐานะทีเ่ ป็นคนเมือง
ลา้ นนาคำเมอื งหลายคำทต่ี ้องใช้หลักสังเกตและการออกเสียงของพื้นฐานคนลา้ นนาจริง วิธีการ
จำวา่ คำใดจะใช้ ตวั๋ ก ค และ ฅ มีหลกั ดังนี้
๑) เป็นคำที่ออกเสียงได้เฉพาะแต่ตัว คอ. และมีความหมายเหมือนกันทั้งภาษาไทย
ลา้ นนา และภาษาไทยกลาง ให้ใช้ ฅ เช่น ฅาฯว ฯม(ความ) ฅาวฯ ยฯ(ควาย) ฅา้ งฯฅาว(ฯ คา้ งคาว) ฅาบฯ
เฯ ขา้ั (คาบเขา้ ) ฅ฿นฯ (คน) ฅันฯฅฯอํ (คันคอ) ฅ่าวฯ (ค่าว)
๒) เป็นคำที่ออกเสียงได้เฉพาะแต่ตัว กอ. ให้ใช้ ก เช่น กินฯ (กิ๋น) ก฿กฯเกิงฯ (กกเกิ่ง)
กวฯิ (กว่ิ ) กามฯ (ก๋าม) แกฯ้ว (แก้ว) กาํ (กำ๋ ) กอฯง (กอ๋ ง) กัมมฯ์ (กมั๋ ม์)
๓) เป็นคำที่ออกเสียงได้ทั้ง กอ. และ คอ ความหมายไม่ผิดจากไทยล้านนาน และ
ไทยกลาง ใช้ตัว ค เช่น คิ้วฯ (คิ้ว,กิ้ว) คานฯ (คาน,กาน) คั่งฯ (คั่ง,กั่ง) ค฿งฯคา (คงคา,กงกา) ค฿บฯ
(คบ,กบ๊ ) คาฯด (คาด,ก๊าด)
แบบฯรยรฯ ต฿ฯเว มงฯอิ มหาวิทยาฯ ไลยฯมหาจุฬาลงฯ฿กรฯอ ราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๒๓
๒) แม่ กง แมก่ ฿งฯ
ตัวสะกด ตัวอย่างการใช้
ง ป่ลฯาบ฿งฯ (ป่าบง) ไทยฯมุง (ไทยมุง) ลุงมา (ลุงมา) ขอฯงแพงฯ
ง สะกด (ของแปง) ชังฯ (จัง) ชังฯง่าวฯ (จังง่าว) นอกจากน้ัน ยงั มี -ํ นิคหิต
ออกเสยี งว่า “อัง” เชน่ พุทฯธํ (พทุ ธฺ ํ) ธมฯมํ(ธมฺมํ) สฯฆํ(สงฆฺ ํ)การ
ใช้ตั๋ว ฯ ไม้กังไหล ออกเสียงว่า“อัง”เหมือนกัน เช่น สฯเฆา
(สงั โฆ) มคฯ ลฯ(ํ มงฺคลํ) กฯขา (กงั ขา)
๓) แม่ กด แมก่ ฿ดฯ
พยญั ชนะท่ใี ชส้ ะกดตามแม่ กด ไดม้ ี ๑๑ ตวั คือ
ตัวสะกด ตัวอย่าง
จ จ สะกด สจั จฯ (สจั จะ) มัจสฯา (มจั ฉา) อจั สฯรา (อจั ฉรา) อํานาฯฯจ (อำนาจ)
ช ช สะกด มชั ฯช (มชั ชะ) อชั ะชฯ (อชั ชะ) วัชชฯ (วัชชี) วิชชาฯ (วิชชา) วาณฯิช
(วาณชิ )
ฏ ฏ สะกด อุฯบฏฐฯากฯ (อุปฏฐาก) วัฏฏฯสฯสารฯ (วัฏฏะสงสาร) รัฏฐฯา
(รัฏฐา)
ฐ ฐ สะกด อฯฐิ (อิฐ) โอฐฯ (โอฐ) รัฏฯฐ (รัฐ)
ฑ ฑ สะกด บณิ บฯฑิ าฯท (บิณฑิบาตร) วฑั นฒฯ (วฑั ฒนะ) อัฑฯฒ (อัฑฒะ)
ด ด สะกด ม฿ดดฯ าํ (มดดำ) ห฿มฯดส้ยฯง (หมดเส้ยี ง) จฯดเ฿ ห้ลฯา(จดเหล้า) ข฿งฯด ํอฯ
(ขดงอ)
ต ต สะกด วัตฯ (วัด) ธาตุฯ (ธาตุ) อัตตฯา (อัตตา) เสตฯ (เศษ) เมตตฯา
(เมตตา)
แบบฯรยฯรต฿วเฯ มองฯิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาล฿งฯกรอฯ ราชวิทยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๒๔
ท ท สะกด สทิ ิธฯ (สทิ ธ)ิ พทุ าฯธ (พุทธา) บาฯท (บาท) บรฯาสาทฯ (ผาสาท)
ศษส ตัวสะกดที่ใช้ ศ ษ ภาษาล้านนาจะไม่นิยมใช้ เพราะเป็นตัว
ศ ษ ส สะกด
สันสกฤต ที่พบในเอกสารโบราณจะแปลงเป็นภาษาบาลี แล้วถึง
จารเป็นตั๋วเมือง เช่น ศลฯ เป็น สลฯ ธรรม เป็น ธัมมฯ์ กรรม เป็น
กัมมฯ์ เศษ เป็น เสสฯ เช่น อากาศฯ (อากาศ) เศษฯ (เศษ) ถ้า
เป็นคัมภีร์โบราณ จะเขียนตามเสียงอ่าน เช่น อากาดฯ (อากาศ)
เสตฯ (เศษ) สาตฯ (ศาสตร)์
๔) แมก่ น แมก่ ฿นฯ พยัญชนะท่ีใช้สะกดตามแม่กน ได้ มี ๖ ตัว คือ
ตัวสะกด ตัวอยา่ ง
ญ ญ สะกด สญั ญฯา (สญั ญา) สามัญญฯ (สามัญ) วิญญฯาณฯ (วิญญาณ)
ณ ณ สะกด มัณดฯนาฯ (มัณฑนา) สายัณหฯ์ (สายัณห) อัณดฯ (อัณฑะ) วัณณฯ
(วรรณะ)
น น สะกด ปั้นฯดินฯ (ป้ันดิน) กินฯแตนฯ (กิ๋นแต๋น,กินแตน) แมนฯออฯก(แมนออก)
บอฯกตานฯ (บอกต๋าน,กระบอกใส่น้ำตาล) บ้านฯเรั้า (บ้านเฮา,
บ้านเรา)
ร ร สะกด สังฯวอฯร (สังวร) ก่อฯรก้ (ก่อนกี้) มรยฯร (มีเฮียน,มีเรียน) ขยฯร
อ่านฯ (เขียนอ่าน) บ้านฯร้อฯร (บ้านฮ้อน,บ้านร้อน) ปันฯพอฯร (ป๋ันปอน
,ให้พร)
ล ล สะกด ฅพ฿ฯน าลฯ (คนพาล) อ฿บฯอวฯร (อบอวล) มฯวรหม่ฯ (มวลหม)ู่
แบบฯรยรฯ ต฿เวฯ มงอฯิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาลงฯ฿กรอฯ ราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๒๕
ฬ ฬ สะกด คำนี้ตัวสะกดในคัมภีร์โบราณไม่ค่อยพบ แต่อาจจะปริวรรตตาม
ภาษาสมัยใหม่ เช่น ปลฯาวาฬ (ป๋าวาน,ปาวาฬ) ไข้กาฬ (ไข้
กาฬ)
หลักในการใช้ ร และ น สะกด พึงจำไว้ว่า ร ใช้สะกดตามพยัญนะ สระ ใช้
หาง นะ หรอื อีกนัยหนง่ึ ร และ น สะกด เปน็ แมก่ นถา้ ห้อยให้ใช้ หาง นะ ถา้ ห้อยไม่ได้ให้ใช้ ร
ตาม น เช่น กานฯบ้านฯ นรอฯ รร้อฯ รยรฯ ขยรฯ
๕) แม่กบ แมก่ ฿บฯ พยญั ชนะท่ใี ช้สะกดตามแม่กบ ได้ มี ๔ ตวั คือ
ตัวสะกด ตวั อยา่ ง
บ บ สะกด สุบเกบิฯ (สุบเกบิ ) เอิบอฯ าบฯ (เอบิ อาบ) คบฅฯ อฯ (กี๊บฅอ)
บ/ป ใช้ในรปู ภาษาบาลีบาง บบุ บาฯ (บปุ ผา) อุฯบบฯส฿บฯม ฯท฿ (อุปสมบท)
คำ
พ พ สะกด สพั พฯะ (สปั ป๋ะ) นพิ ฯาพ นฯ (นิพพาน) ร฿บฯทัพฯ (ฮบทพั )
ภ ภ สะกด วฯลลั ฿ภฯ (วลั ลภ) โลมภฯ ากฯ (โลภมาก) ลาภหฯ ายฯ (ลาภหาย)
๖) แม่กม แม่ก฿ฯม
พยัญชนะที่ใชส้ ะกดตามแมก่ ม ได้ มี ๑ ตวั คือ
ตวั สะกด ตัวอย่าง
ม ม สะกด ตามฯโคมฯ (ต๋ามโคม) ต้฿มฯข฿มฯ (ต้มขม) จ่฿มฯนักฯ (จ่มนัก) เตมฯตุ่ม (เต็ม
ตุม่ )
แบบฯรยรฯ ต฿เฯว มอฯงิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาลงฯ฿กอรฯ ราชวิทยาฯ ไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๒๖
๗) แมเ่ กว แม่เกวฯ
พยญั ชนะทใ่ี ชส้ ะกดตามแม่เกวอ ได้มี ๑ ตัว คือ
ตัวสะกด ตวั อย่างการใช้
ว ผิวฯขาวฯ (ผิวขาว) สาวฯสวฯยฯ (สาวสวย) รวฯยฯน้อฯยฯ (รวยน้อย) ห฿วฯข่าวฯ (หัว
ว สะกด ขา่ ว) บา่ วฯเฅฯ้ริอ (บา่ วเฅิ้น)
๘) แม่เกย แม่เกยฯ
ในภาษาล้านนา ตัวสะกดแม่เกย จะใช้ หาง ยฯ เป็นตัวสะกดแทน เช่น ลายฯ (ลาย)
ปลฯายฯ(ปลาย) ไห่ยฯ (ใหญ)่ เมยฯ (เมีย) เสยฯ (เสยี ) รยรฯ (เรยี น) พยรฯ (เพียร) เลยฯห้านฯ (เลยี
หน้า)
แบบฯรยฯรต฿วฯเมฯงอิ มหาวิทยาฯ ไลยฯมหาจุฬาลฯ฿งกอฯรราชวิทยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๒๗
บทที่ ๔
อกั ขระในภาษาบาลี
เนื่องจากอักษรล้านนาหรือตัวเมือง ตัวธรรม มีรากมาจากภาษาบาลี ทั้งระบบการจัด
หมวดหม่แู ละการออกเสียง จงึ นำเอามาแสดงไวใ้ นทนี่ ้ี
ในภาษาบาลี อักขระ แบ่งออกเป็น ๔๑ ตัว โดยแบ่งออกเป็นสระอย่างหนึ่ง พยัญชนะ
อยา่ งหนง่ึ รวมกนั เรยี กวา่ อกั ขระ หรอื อกั ษร
๔.๑ สระลอย ๘ ตวั
สระลอยจะพบในการใช้เขียนในภาษาบาลี ถือว่าเป็นสระที่อยู่ได้ด้วยตัวมันเองไม่ต้อง
อาศยั พยัญชนะใดผสมก็อา่ นไดด้ ้วยตวั ของมันเอง ประกอบด้วย สระ ๘ ตัว ดงั น้ี
อ อะ อา อา อิฯ อิ อีฯ อี อุฯ อุ อูฯอู เอฯ เอ โอ โอ
สระทั้ง ๘ ตัวนี้เรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า เป็น นิสสัย ได้แก่เป็นที่อาศัยของพยัญชนะท้ัง
๓๓ ตัว และ สระท้งั ๘ ตวั แยกเปน็ ๒ คือ
๑) ทฆี ะสระ คอื สระเสยี งยาว ๕ สระ ไดแ้ ก่ อา อา อีฯ อี อูฯอู โอ โอ
๒) รัสสะสระ คือ สระเสียงส้นั ๓ สระ ไดแ้ ก่ อ อะ อิฯ อิ อุฯ อุ
๔.๒ พยัญชนะ
พยัญชนะ มีช่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สิสิต ได้แก่สิ่งที่ต้องอาศัยสระจึงจะออกเสียงได้
แบง่ ออกเปน็ ๒ พวก คอื พยญั ชนะวรรค และ อวรรค
๑) วรรค ได้แกพ่ ยญั ชนะทเี่ ป็นพวกเป็นหมเู่ ดยี วกัน เกิดมาจากฐานเดียวกัน ไดแ้ ก่
ชอื่ วรรค อักษรตวั ท่ี๑ อกั ษรตวั ที่ ๒ อักษรตวั ท่ี ๓ อักษรตวั ท่ี ๔ อกั ษรตวั ที่ ๕
ก ก ข คฆง
ก๋ะ กะ๋ ขะ๋ กะ๊ ฆะ งะ
แบบฯรยรฯ ต฿ฯเว มอฯงิ มหาวิทยฯาไลยฯมหาจุฬาลงฯ฿กรฯอ ราชวทิ ยาฯ ไลยฯ วิทยฯาเขตฯภยาฯว ๒๘
จ จ ฉ ช ฌญ
จะ๋ จะ๋ ฉะ จะ๊ ฌะ ญะ
ช่ือวรรค อกั ษรตวั ที่๑ อักษรตวั ที่ ๒ อักษรตวั ท่ี ๓ อกั ษรตวั ท่ี ๔ อกั ษรตวั ที่ ๕
ฏ ฏฐฎฒณ
ระฏะ ระฏะ ระฐะ ระฑะ ระฒะ ระณะ
ตตถท ธ น
ต๋ะ ต๋ะ ถะ ตะ๊ ธะ นะ
บ ป บ,ป ผ พ ภ ม
ป๋ะ ป๋ะ ผะ๋ ปะ๊ ภะ มะ
๒) อวรรค ได้แกพ่ ยัญชนะทีไ่ ม่รวมหมู่รวมพวก และเกิดจากฐานต่างกนั ไป
ช่ือ อวรรค
ย ร ล ว ส ห ฬ อํ
ยะ ระ ละ วะ สะ หะ ฬะ อํ
๔.๓ ฐานที่เกิดของอัขระ มี ๙ อย่าง ไดแ้ ก่
๑) กณั โฐ หรอื กัณฐชา เกดิ ท่ีคอ
อ อา ก ข คฆง ห
อะ อา กะ ขะ กะ ฆะ งะ หะ
๒) ตาลุ หรอื ตาลชุ า เกิดจาก เพดาน
อิฯ อีฯ จ ส ช ฌ ญ ย
อิ อี จะ๋ ฉะ จะ๊ ฌะ ญะ ยะ
แบบรฯ ยรฯ ต฿เฯว มองฯิ มหาวิทยาฯ ไลยมฯ หาจุฬาล฿งฯกฯอรราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๒๙
๓) มทุ ธา หรือ มุทธชา เกิดจากศรีษะ หรือปมุ่ เหงอื ก ร ฬ
ฏ ฐ ฎฒณ ระ ฬะ
ระฏะ ระฐะ ดะ ระฒะ ระณะ
ภ ม
๔) เกิดที่โอฐฐาน(รมิ ฝปี าก) ภะ มะ
อุฯ อูฯ บ ผ พ
อุ อู ปะ๋ ผะ ป๊ะ
๕) เกิดทก่ี ัณฐ+ตาลฐุ าน คอและเพดานปาก
เอฯ เอ
๖) เกดิ จากกัณฐ+โอฏฐฐาน คอและริมฝีปาก
โอ โอ
๗) เกดิ จากทนั ต+ โอฏฐฐาน เกิดจากฟันและรมิ ฝีปาก
ว วะ
๘) เกิดจากนาสกิ าฐาน เกดิ โพรงจมกู
อํ องั
๙) ทันโต หรอื ทัตชา เกดิ ข้ึนจากฟัน
ตถ ท ธ นลส
ต๋ะ ถะ ตะ๊ ธะ นะ ละ สะ
๔.๔ สระผสม
สระผสมคือสระทไ่ี ด้รับการผสมสระ ๘ ตวั กลายเป็นสระเสียงใหม่ เ-ะ เอะ เ เอ
แ-ะ แอะ แ แอ โ-ะ โอะ โ โอ โ-อฯะ เอาะ -อฯํ ออฯ -ะ฿วฯ อัวะ -฿วฯ อัว เ-ยฯะ เอียะ
เ-ยฯ เอีย เ-ิอะ เออะ เ-ิอ เออ เ-ิอฯอะ เอือะ เ-ิอฯอ เอือ -วฯะ อวะ เ-วฯะ เอวะ
แบบรฯ ยรฯ ต฿เฯว มฯงอิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาล฿ฯงกอรฯ ราชวิทยาฯ ไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๓๐
เ-วฯ เอว แ-วฯะ แอวะ แ-วฯ แอว เ-้า เอา -วฯา อาว -วฯิ อิว -วฯ อีว เ-ิยฯ เอย
เ-ยยฯ เอยย ไ-ยฯ ไอย ไ ไอ -ายฯ อาย ไ-วฯ ไอว -วฯายฯ อวาย -วฯยฯ อวย โ-วฯยฯ โอย
-อฯยฯ ออย -ยฯว เอว -ิยฯะ อียะ -ยฯ อืย -ุยฯ อุย -ยฯ อูย เ-ิอฯยฯะ เอือยะ เ-ิอฯยฯ
เอือย
สระ เ-้า เอา ต้องเพิ่มไม้ซัดเข้ามาด้วยจะมีเสียงเป็น เอา เช่น เม้า เมา เผ้า เผา
เข้า เขา เรา้ เรา ถ้าไม่มซี ัดเสยี วจะ โอ เชน่ พเุ ทาธฯ พุทฺโธ ธเมามฯ ธมฺโม สระ เ-ยฯ เอีย
ผสมพยัญชนะมีเสียงเป็น เอีย อย่างเดิม เช่น เสยฯ เสีย เปยฯ เป๋ีย เมื่อมีตัวสกดใช้เฉพาะ ยฯ
(ตีน ย ยะ) เช่น วยฯง เวียง ดยฯว เดียว ขยฯว เขียว ขยฯร เขียน ลักษณะแห่งตัวสระและ
ตวั สกด เหมอื นของไทยภาคกลางแตโ่ บราณ เช่น ว ย ง ว ย ง บ ร ม ร า ช เ จ้ า
จอมสยาม
เร่อื ยเร่ือยมารยงรยง นกบินฉยงมาเป็นหมู่
ซึ่งต่อมาภาษาไทยกลางได้มีการพัฒนาการเขียนอย่างปัจจุบัน เช่น เวียง เรียง เฉียง
เปน็ ตน้
๔.๕ หลักการสกด ข่มซอ้ นในภาษาบาลี
ตัวข่ม หมายถึงตัวที่อยู่ข้างบน ตัวซ้อนหมายถึงตัวที่อยู่ข้างล่าง อาจจะใช้หาง
หรือตี๋นก็ได้ โดยการการข่มการซ้อนก็เพื่อใช้เป็นวิธีการเขียนวางตัวสกดนั้นเอง ในการเขียน
อกั ษรลา้ นนา ภาษาบาลมี ีหลกั เกณฑด์ งั น้ี
๑. พยัญชนะท่ี ๑ ขม่ พยญั ชนะตวั มันเอง
บกํกฯ ปกฺกํ/สุขแลว้ , สกกฯ สกฺก/องค์อาจ,ทา้ วสกั กะ, ตกกฯสิลา ตกฺกสิลา/นคร
ตักกสิลา สจฺจฯ สจฺจ/ความสัตย์, อจิจฯ อจฺจิ/เปลวไฟ อุฯจจฯา อุจฺจา/สูง วฏฏฯ วฏฺฏ/วน เกว
เฏฯาฏ เกวฏฺโฏ/พรานเบด็ , กฏฯกฏุ ํ กฏฏุก/ํ เผด็ ร้อน อตตฯา อตตฺ า/ตน, กตฯาต กตตฺ า/ผกู้ ระทำ
, ภตุ ตาฯ ภุตฺตา/กินแลว้
แบบรฯ ยฯรต฿เฯว มงอฯิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาล฿ฯงกฯรอ ราชวทิ ยาฯ ไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๓๑
๒. พยัญชนะตัวที่ ๑ ข่มพยัญชนะตัวที่ ๒ ตัวอย่าง เช่น อกขฯร อกฺขร/อักษร,
อกิขฯ อกฺขิ นัยน์ตา, กกขฯร กกฺขร/กล้าแข็ง, อจฉฯรา อจฺฉรา/นางอัปษร, อิฯจฉฯา อิจฺฉา/ความ
ริษยา, มิจฉฯา มิจฺฉา/ผิด, อฏฐฯิ อฏฺฐิ/กระดูก อฏฐฯ อฏฺฐ/แปด บมาทฏฐฯานาฯ ปมาทฏฺฐานา/
จากที่ตั้งแห่งความประมาท, อตถฯ อตฺถ/เนื้อความ, บรมตถฯ ปรมตฺถ/เนื้อความอันยิ่ง, วตถฯ
วตถฺ ผ้า
๓. พยัญชนะตัวที่ ๓ ซ้อนข่มตัวเอง ตัวอย่างเช่น อคิคฯ อคฺคิ/ไฟ, อคคฯ อคฺค/เลิศ
ภคคฯา ภคฺคา หักแล้ว, อชชฯ อชฺช ในวันนี้, วชชฯ วชฺช/โทษ, วิชชฯา วิชฺชา/ความรู้, ทฑฑฯานิ
ทฑฺฑานิ/ไหม้แล้ว, ภททฯวาท ภทฺทวาที/กล่าวคำขวัญ, อุฯเททฯสํ อุทฺเทสํ/อุทเทส, อีฯตถฯส
เทฯทา อติ ฺถสี ทโฺ ท/เสยี งผหู้ ญิง,
๔. พยัญชนะตัวที่ ๓ ข่มพยัญชนะตัวที่ ๔ ซ้อน ตัวอย่าง เช่น อคฆฯา อคฺฆา/มีค่า,
พยฯเคฆฯา พยคฺโฆ/เสือ, อชญฯาไสยฯ อชฺฌาไสยฺ/อัธยาศัย, อภิชฌฯา อภิชฺฌา/เพิ่งอยากได้,
มเชฯฌ มชเฺ ฌ/ท่ามกลาง, วุฑาฒฯ วุฑฒฺ า/เจริญ, พุทิธฯ พทุ ฺธิ/ความรู้
๕. ญ ญะ ขม่ ได้ทง้ั ๕ ตัวรวมท้งั ตัวมันเอง ตัวอยา่ ง กญจฯนาฯ กญฺจนา/ทอง, อญชฯน
อญฺชน/พระเจ้าอัญชนะ, อเนญฌฯา อเนญฺชา/ไมห่ ว่ันไหว, บญญฯา ปญฺญา/ความรู้
๖. ณ ระณะ ข่มได้ทงั้ ๕ ตวั ทงั้ ตัวมันเอง ตัวอยา่ ง กณฏฯเกา กณฏฺ โก/พราหมณ์ชื่อ
กณั ฐกะ, กเณาฯฐ กณโฺ ฐ/คอ, บณบฯฑ ํ มณฑฺ ป/ํ มณฑป กเณฯาณ กณโฺ ณ/หู
๗. น นะ ข่มตัวเองและในวรรคไดท้ ั้งหมด ตัวอย่าง สนิตฯ สนฺติ/ความสงบ, สนถฯตตฯา
สนฺถตฺตา/เครื่องปู, ฉนธฯ ฉนฺท/ความพ่อใจ, อนาฯธฯ อนฺธา/มืด, ขนาฯธฯ ขนฺธา/ขันธ์, สุบฏิบเนาฯนฯา
สุปฏิปนโฺ น/ปฏบิ ัตดิ ีแล้ว บสเนาฯานฯ ปสนฺโน/เลือ่ มใสแลว้ .
๘. บ ขม่ ตัวเองและในวรรคไดท้ ้ังหมด ตวั อย่าง อากเบบฯา อากปโฺ ป/กริ ิยา, บุบผฯา
ปุปฺผา/ดอกไม้, บพฯพชา ปพฺพชา/บวช, อารพฯภ อารพภฺ /ปรารภ, คเพฯภ คพฺเภ/ในหอ้ ง
๙. ม มะ ขม่ ซอ้ น ม ตวั อยา่ ง ธมมฯา ธมฺมา/ธรรมทงั้ หลาย, มเนาฯรมาฯม มโนรมฺมา/
ที่ร่นื รมยใ์ จ
แบบฯรยฯรต฿เฯว มอฯงิ มหาวิทยฯาไลยมฯ หาจุฬาลฯง฿กอรฯ ราชวทิ ยาฯ ไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๓๒
๑๐ พยัญชนะ อวรรค ได้แก่ ย ร ล ว ส ห ฬ อํ ใช้ ข่มและซ้อนตัวมันเอง
ไดแ้ ก่ ย ล ส เท่านั้น ตวั อยา่ ง เสเยยฯา เสยโฺ ย/ประเสรฐิ , กลํลฯ กลลฺ /ํ พร้อม, อเสสฯา
อสฺโส/มา้ วสสฯํ วสฺสํ/ฝน
พยญั ชนะเสียงกลำ้ กนั
ในภาษาบาลีมีพยญั ชนะเสียงกล้ำกัน ๔ ตัว ได้แก่ ย ร ล ส เรียกว่า อัฒฑสระ คือมี
เสยี งสระควบอยกู่ ับพยัญชนะครงึ่ ต่อครงึ่ เช่น
ย รตนตยํ ฯ รตฺนตฺย/ํ แก้วสามดวง
ย รตยํ รตฺยํ/ในราตรี
ร ภทรา ภทรฺ า/ความเจรญิ
ร กทรยิ ํ กทรฺ ิยํ/ความตระหน่ี
ล กลยฯา กลยฺ า/ความงาม
ส ตสาฯม ตสมฺ า/เหตุดังน้นั
๔.๖ การวางตัวสกด
จากการศึกษาเบื้องต้น ตัวสกดของภาษาไทยลา้ นนาหรือตัวเมืองจะใชต้ ัวสกดที่เป็นตวั
เตม็ และตัวสกดท่ีเป็น หาง หรอื ต๋นี ทบทวนตวั สกดทใี่ ช้ตนี๋ มดี ังน้ี
หาง/ต๋นี -ญฯ -ฯถ -ฯน -บฯ -ฯพ -มฯ -ยฯ
เตม็ ญ ถ น บ พ ม ย
อกั ษร ญ ถ น บ,ป พ ม ย
นอกเหนอื จากอกั ษรเลา่ นแ้ี ล้วอักษรอ่ืนๆที่เป็นตัวสกด กจ็ ะเป็นตวั เต็ม
ข้อหน้าสังเกตที่เวลาจะเขยี นเปน็ ตัวเตม็ หรือว่า เขียนตวั หาง(ตน๋ี ) ซึ่งความหมายตัวสกด
ท่ใี ชห้ างหรือตน๋ี นั้นจะต้องซ้อนหรือห้อยข้างล่าง วธิ ีเขยี นมีหลักในการพิจารณาจากการใช้ สระ
ดังอธบิ ายต่อไปนี้
แบบฯรยรฯ ต฿ฯวเมงฯอิ มหาวิทยาฯ ไลยฯมหาจุฬาล฿ฯงกฯรอ ราชวทิ ยฯาไลยฯ วิทยาฯ เขตฯภยาฯว ๓๓
สระ ดังต่อไปนี้ คือ -ุ - -฿วฯ เ-ยฯ เ-อฯอ -ํอฯ ให้ใช้ตัวสะกด ตัวเต็ม เช่น
ตวั อยา่ ง
สระ/แม่ แม่กก แมก่ ง แม่กม แม่กน แมก่ บ แม่เกย แม่เกว
-ุ กุก กุง กมุ กุร กุบ กุยฯ -
- กก กง กม กร กบ กยฯ -
-฿ฯว กกฯว กวฯง กฯวม กวฯร กวบฯ กวฯยฯ -
เ-ยฯ กยกฯ กยงฯ กยมฯ กยฯร กยฯบ กยฯย กยฯว
เ-ออฯ เกฯอก เกงฯอ เกมฯอ เกอรฯ เกบฯอ เกอยฯ ฯ -
-อฯํ กกฯอ กฯอง กมฯอ กรฯอ กฯอบ กยฯอ ฯ -
สระตอ่ ไปน้ี า -ิ - –ึ - โ- เ- แ-ใชห้ าง หรือ ตนี๋ สกด ตัวอยา่ ง แม่เกว
สระ/แม่ แม่กก แม่กง แม่กม แม่กน แมก่ บ แม่เกย
กาฯว
-า กาฯก กางฯ กามฯ กาฯน กาบฯ กายฯ กวิฯ
-ิ กกิฯ กงฯิ กฯมิ กินฯ กบิฯ กิยฯ กวฯ
- กฯก กฯง กมฯ กนฯ กบฯ กยฯ โกวฯ
โ- โกกฯ โกงฯ โกฯม โกนฯ โกบฯ โกยฯ เกวฯ
เ- เกฯก เกงฯ เกฯม เกฯน เกบฯ เกยฯ แกวฯ
แ- แกฯก แกฯง แกมฯ แกนฯ แกบฯ -