ตำนาน
เมืองสงขลา
SONGKHLA LEGEND
VOLUME 003 REALLYGREATSITE.COM
คำนำ
หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของวิชา ความคิดสร้างสรรค์เพื่องาน
นิเทศศาสตร์ เพื่อให้ได้ความรู้ ความสนุก และเพลิดเพลินกับตำนานต่างๆ โดย
ได้ค้นคว้าตำนานๆ จากเว็ปไซต์ต่างๆ โดยหนังสือเล่มนี้ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวกับ
ตำนานต่างๆในสงขลา เป็นต้น
ผู้จัดทำคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำหนังสือเล่มนี้จะมีข้อมูล เนื้อหา ที่มี
ประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาตำนานต่างๆเป็นอย่างดี
จัดทำโดย
นางสาวพัชรี เพ็ชรัตน์
สารบัญ หน้า
เรื่อง 2
4
ตำนานหินเก้าเส้ง หรือเขาเก้าแสน 6
ตำนานเกาะหนู เกาะแมวหาดทรายแก้ว และเขาตังกวน 8
ปู่เลียบ’...ที่พึ่งตอนอ่านหนังสือไม่ทัน ม.ทักษิณ 10
บ้านรูปยิ้ม...ตำนานสยอง กลางเมืองหาดใหญ่ 12
ตำนานสะพานรถไฟสายมรณะน้ำน้อย (400 ศพ)
ซอยคุณยายสปีด เรื่องแปลกแห่งเมืองหาดใหญ่)
2
หินเก้าเส้ง เขาเก้าแสน
ตำนานเมืองสงขลา
ตำนานหินเก้าเส้ง หรือเขาเก้าแสน เล่ากันว่า นายแรง ซึ่งเป็นหนึ่งใน
เจ้าเมือง 12 หัวเมืองที่เมืองขึ้นของเมืองนครศรีธรรมราช ได้กำหนดให้มีพิธี
บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเมืองนครศรีธรรมราช จึงทำให้นายแรงที่มีศรัทธาใน
พระพุทธศาสนา ได้ขนเงินทองไปเป็นจำนวนมาก กล่าวกันว่า มากถึงเก้าแสน
พร้อมออกเรือเดินทางไปยังเมืองนครศรีธรรมราช แต่เรือสำเภาที่ใช้โดยสารถูก
คลื่นลมพายุซัดจนต้องซ่อมแซม จึงไม่สามารถไปรวมพิธีศักดิ์สิทธิ์ได้ พอได้
ทราบข่าวว่าการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเสร็จแล้ว ก็รู้สึกเสียใจ จึงสั่งให้คน
งานบรรจุเงินทองไว้ที่ภูเขาลูกหนึ่ง และให้ลูกเรือตัดศีรษะตนเองไว้ที่ยอดเขา
นั้น ภายหลังเมื่อเป็นที่ทราบของชาวบ้าน จึงเรียกชื่อว่าเขาเก้าแสน และยอด
เขาที่ก้อนหินทับบนยอดเขา ชื่อว่า หัวนายแรง แต่ไม่ทราบว่า การเรียกชื่อว่า
เขาเก้าเส้น เพี้ยนมาจากเขาเก้าแสนตั้งแต่เมื่อไร ตามตำนานเรื่องเล่าของ
จังหวัดสงขลา เชื่อว่า นายแรง ยังคงทำหน้าที่เฝ้าทรัพย์สมบัติอยู่ที่เขาเก้าเส้ง
และรอให้ผู้มีบุญไปผลักก้อนหินนั้น
จากตำนานเรื่องเล่าเขาเก้าเส้ง หรือเขาเก้าแสน ของจังหวัดสงขลา
ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงเขาเก้าเส้ง ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณวัดเขาเก้าแสน ให้เป็น
สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม ด้วยเพราะความสวยงามของวิวทะเลที่
อยู่บนยอดเขาเก้าเส้ง สามารถมองออกไปยังทะเลอ่าวไทยได้แบบ 360 องศา
ไม่ว่าจะเดินไปถ่ายภาพ ณ จุดไหนของเขาเก้าเส้ง ที่ถูกพัฒนาให้มีเส้นทาง
เดินธรรมชาติเพื่อเก็บภาพถ่าย
นอกจากนี้บนเขาเก้าเส้ง ยังมีวัดเขาเก้าแสน ให้นักท่องเที่ยวได้ทำบุญ
เพื่อพัฒนาวัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญด้วย ครอบครัวของผู้เขียน ได้
ถือโอกาสนี้ทำบุญเพื่อบำรุงค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหารแมวสุนัข ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวน
มาก ถือว่าเป็นการท่องเที่ยวและได้ทำบุญไปด้วย
ที่มา:https://travel.trueid.net/detail/9zpPPEggdwkz
4
ตำนานเกาะหนู เกาะแมวหาด
ทรายแก้ว และเขาตังกวน
นานมาแล้วมีพ่อค้าจีนคนหนึ่งคุมเรือสำเภาจากเมืองจีนมาค้าขาย
ที่เมืองสงขลา เมื่อขายสินค้าหมดแล้ว จะซื้อสินค้าจากสงขลากลับไป
เมืองจีนเป็นประจำ วันหนึ่งขณะที่เดินซื้อสินค้าอยู่นั้น พ่อค้าได้เห็นหมา
กับแมวคู่หนึ่งมีรูปร่างหน้าตาน่าเอ็นดู จึงขอซื้อพาลงเรือไปด้วย หมากับ
แมวเมื่ออยู่ในเรือนานๆก็เกิด ความเบื่อหน่ายและอยากจะกลับไปอยู่บ้าน
ที่สงขลาจึงปรึกษาหาวิธีการที่จะกลับบ้าน หมาได้บอกกับแมวว่าพ่อค้ามีด
วงแก้ววิเศษที่ใครเกาะแล้วจะไม่จมน้ำ แมวจึงคิดที่จะได้แก้ววิเศษนั้นมา
ครอบครอง จึงไปข่มขู่หนูให้ขโมยให้และอนุญาตให้หนูหนีขึ้นฝั่งไปด้วย
ครั้นเรือกลับมาที่สงขลาอีกครั้งหนึ่ง หนูก็เข้าไปลอบเข้าไปลักดวงแก้ว
วิเศษของพ่อค้าโดยอมไว้ในปาก แล้วทั้งสาม ได้แก่ หมา แมว และหนู
หนีลงจากเรือว่ายน้ำจะไปขึ้นฝั่งที่หน้าเมืองสงขลา ขณะที่ว่ายน้ำมาด้วย
กัน หนูซึ่งว่ายน้ำนำหน้ามาก่อนก็นึกขึ้นได้ว่าดวงแก้วที่ตนอมไว้ในปากนั้น
มีค่ามหาศาล เมื่อถึงฝั่งหมากับแมวคงแย่งเอาไป จึงคิดที่จะหนีหมากับ
แมวขึ้นฝั่งไปตามลำพัง ดวงแก้วจะได้เป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียวตลอด
ไป แต่แมวที่ว่ายตามหลังมาก็คิดจะได้ดวงแก้วไว้ครอบครองเช่นกัน จึง
ว่ายน้ำตรงรี่เข้าไปหาหนู ฝ่ายหนูเห็นแมวตรงเข้ามาก็ตกใจกลัวแมวจะ
ตะปบจึงว่ายหนีสุดแรงและไม่ทันระวังตัวดวงแก้ววิเศษที่อมไว้ในปากก็
ตกลงจมหายไปในทะเล เมื่อดวงแก้ววิเศษจมน้ำไปทั้งหนูและแมวต่าง
หมดแรงไม่อาจว่ายน้ำต่อไปได้ สัตว์ทั้งสองจึงจมน้ำตายกลายเป็น "เกาะ
หนูเกาะแมว" อยู่ที่อ่าวหน้าเมืองสงขลา ส่วนหมาก็ตะเกียกตะกายว่ายน้ำ
ไปจนถึงฝั่ง แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อยจึงขาดใจตายกลายเป็นหินเรียกว่า
"เขาตังกวน" เป็นภูเขาตั้งอยู่ริมอ่าวสงขลา ส่วนดวงแก้ววิเศษที่หล่นจาก
ปากหนูก็แตกแหลกละเอียดเป็นหาดทราย เรียกสถานที่นี้ว่า "หาดทราย
แก้ว" ตั้งอยู่ทางเหนือของอ่าวสงขลา
ที่มา:https://sites.google.com/site/phasathinti/nithan-
phun-ban-phakh-ti/reuxng-keaa-hnu-keaa-maew
2
6
ปู่เลียบ’...ที่พึ่งตอนอ่านหนังสือ
ไม่ทัน ม.ทักษิณ
หากใครเคยเรียน ม.ทักษิณ เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยต้องรู้จัก ‘ลานปู่เลียบ’ อยู่บริเวณ
ทางเดินขึ้น ตึกคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่นี่เป็นสถานที่นัดหมาย ลานทำ
กิจกรรม รวมทั้งมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นที่พึ่งทางใจของใครหลายคน สมัยเรียนเคยมีอาจารย์
ท่านหนึ่งบอกว่า “นิสิตครับ อ่านหนังสือเถอะจะได้ไม่เป็นภาระของปู่เลียบ” แต่
อาจารย์จะรู้หรือไม่ว่า ถ้าไม่บนปู่เลียบด้วยยาคูลท์พวกเราจะไม่บายใจ เพื่อนเราแอบ
บ่นขึ้นมาดัง ๆ บางคนอ่านหนังสือแล้ว แต่แบบไม่มั่นใจไงว่าจะผ่านไหม ที่อ่านไป
ไม่รู้ว่าจะตรงกับที่ออกไหม แต่พรุ่งนี้จะสอบแล้วไง แถมเป็นวิชาปราบเซียนที่สุดของ
เอก เลยไม่รู้จะพึ่งอะไรแล้ว ที่พึ่งสุดท้ายของนิสิต ม.ทักษิณก็ต้องนึกถึง ‘ปู่เลียบ’
อย่างน้อยขอแค่ให้ลูกทำข้อสอบได้คะแนนดี ๆ เกรดโอเคไม่กากเป็นพอปู่เลียบ หรือ
ทวดเลียบ เป็น ทวดศักดิ์สิทธิ์ในรูปต้นไม้ (ต้นเลียบขนาดใหญ่) ทำหน้าที่ปกป้อง
คุ้มครองผู้คนในมหาวิทยาลัย หลายคนเชื่อว่าถ้ามาบนบานขอพรกับปู่เลียบ สามารถ
จะบรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้อย่างราบรื่นส่วนเครื่องเซ่นที่ 'ท่าน’ ชอบเป็นพิเศษ
คือ ‘ยาคูลท์’ แต่ละวันจะพบว่ามีนิสิตมาเซ่นไหว้ แก้บนด้วยยาคูลท์เป็นจำนวนมาก
ยาคูลท์ทุกขวดจะมีหลอดสำหรับดูดเรียบร้อยวางเรียงรายอยู่รอบศาลปู่เลียบ ถ้าเป็น
ช่วงสอบปกติ อาจมีเพียง ร้อยขวด แต่ถ้าเป็นหน้าไฮซีซั่น อย่างวันรับปริญญา อาจมี
ให้ได้เห็นเป็นพัน ๆ ขวด ส่วนเหตุผลว่าทำไมต้องเป็นยาคูลท์? สืบทราบมาว่าอาจ
เป็นเพราะนักศึกษารุ่นแรก ๆ มาทำการบน แล้วสำเร็จจึงจัดการแก้บนด้วยของที่เป็น
ที่นิยมทานกันในสมัยนั้น คงเห็นว่าว่ายาคูลท์ราคาไม่แพง หาง่าย ใครมีมากก็ทำมาก
ใครมีน้อยก็ทำน้อยแล้วแต่กำลังศรัทธานั่นเองทุกปีจะทำพิธีบุญบูชาปู่เลียบ ซึ่งเป็น
กิจกรรมที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จัดโดยฝ่ายบริหารวิทยาเขตสงขลา เพราะถือว่าเป็น
สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของนิสิตและบุคลากร ภายในมหาวิทยาลัยทักษิณ
https://www.hatyaifocus.com/บทความ/455-บอกเล่าเรื่อง
ราว-‘ปู่เลียบ’...ที่พึ่งตอนอ่านหนังสือไม่ทัน-ม.ทักษิณ/
8
บ้านรูปยิ้ม...ตำนานสยอง กลางเมือง
หาดใหญ่
บ้านรูปยิ้ม (ท้ายซอย 7 ราษฏร์อุทิศ) เป็นภาพขาว - ดำ ของหญิงสาวนางหนึ่ง
ที่เล่าลือกันว่าเธอผูกคอตายภายในบ้าน ได้มีการนำรูปภาพดังกล่าวมาแขวนไว้บริเวณ
หน้าบ้าน หากใครดวงซวยเวลาขับรถผ่านหญิงสาวในภาพจะทำหน้าบึ้ง หน้าโกรธ
เกรี้ยว แต่บางคนมาดีก็จะเห็นรูปดังกล่าวยิ้มหวาน ๆ ให้ บางคนที่เห็นถึงกับจับไข้หัว
โกร๋น บ้างก็นอนไม่หลับจดจำใบหน้าติดตา มีคนเล่าว่าเคยมีคนไปลองดี สุดท้าย
ประสบอุบัติเหตุ ล้มรถขาหักแขนหักกันไป จนต้องมาขอขมาก็มี
ประวัติความเป็นมา... ตำนานแรก เล่าว่า เธอ (ผู้หญิงในรูป) อาศัยอยู่กินกับ
สามีชาวมาเลเซียหรือสิงคโปร์ไม่แน่ใจ จนเธอมีลูก สามีเธอจึงออกอุบายว่าจะกลับ
ไปเยี่ยมญาติที่มาเลเซีย แล้วก็หายไปยาว ๆ เลย เธอได้แต่เฝ้าคอย จนตรอมใจ
ตาย ก่อนตายได้บอกลูกหลานให้เอารูปไว้หน้าบ้าน เพื่อรอรับสามีสุดที่รักของเธอ
กลับมา และอีกตำนานหนึ่งเล่าว่า เธอผูกคอตายในบ้าน แต่เนื่องจากสัญญากับสามี
ที่ไปทำงานต่างจังหวัด (บางคำเล่าจากคนแก่แถวนั้นบอกสามีเธอไปเป็นทหาร) ไว้ว่า
จะรออยู่ที่บ้านหลังนี้ คำสั่งเสียในจดหมายคือให้ติดรูปไว้ที่หน้าบ้าน เผื่อสามีเธอกลับ
มาจะได้เห็น ตำนานบ้านรูปยิ้มเคยน่ากลัวกว่านี้ เพราะบ้านดังกล่าวนั้น ในอดีตเคย
ตั้งอยู่บริเวณฝั่งตรงข้าม และเคยเปิดเป็นศาลเจ้าร่างทรงด้วย (ถ้าจำไม่ผิดนะ) เป็น
บ้านหลังสีแดง ต่อมาลูกหลานก็ย้ายมายังฝั่งตรงข้าม และเอารูปภาพขาว-ดำมาตั้งไว้
หน้าบ้านอีกเช่นเคย เด็กหาดใหญ่ในยุคนั้น ถ้าอยากจะลองของลองดี ก็ต้องพากันมา
ซอยนี้เท่านั้น เพราะบริเวณโดยรอบนั้นตั้งอยู่ในย่านชุมชน มีความปลอดภัย ใกล้
ผู้คน และเห็นผลเร็ว!!! บรรยากาศสลัว ๆ ของซอยแห่งนี้ ชวนขนหัวลุกและวังเวง
ยิ่งนัก เนื่องจากชาวบ้านละแวกนี้นอนกันเร็ว บางคนก็ทำงานกะกลางคืน จะมีเสียงดัง
หน่อย ก็คงจะเป็นบริเวณร้านอาบอบนวดซอย 7 อันลือลั่นเมื่อครั้งอดีต (ช่วงนี้ซบเซา
เงียบๆหน่อย) ปัจจุบันได้มีการนำภาพออกไปแล้ว เหลือไว้เพียงตำนานเล่าขานของ
คนหาดใหญ่เท่านั้น
ทีมา:https://www.hatyaifocus.com/บทความ/375-บอกเล่าเรื่องราว-บ้านรูป
ยิ้ม...ตำนานสยอง-กลางเมืองหาดใหญ่/
10
ตำนานสะพานรถไฟสาย
มรณะน้ำน้อย (400 ศพ)
สะพานรถไฟ(มีราวเหล็ก)ที่ตั้งอยู่ในบริเวณบ้านน้ำน้อย เคยมีคนตายกว่า
400 ศพ ที่สำคัญเป็นการตายโหง ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยเชื่อกัน
ว่าที่นี่เฮี๊ยนมากมี เรื่องเล่าสืบต่อกันมาตามหน้าประวัติศาสตร์ในจังหวัดสงขลา
ว่าราว วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (สงครามโลกครั้งที่ 2 ) ทหารญี่ปุ่นได้ยก
พลขึ้นบกที่หาดเก้าเส้ง จังหวัดสงขลา ในเวลา 2 นาฬิกา ทหารญี่ปุ่นเคลื่อน
ทัพมาเรื่อยๆจนถึงบริเวณบ้านน้ำน้อยซึ่งในขณะนั้นคงเป็น เวลาใกล้รุ่งเต็มแก่
ทั้งชาวบ้านน้ำน้อย และทหารได้ช่วยกันตั้งแนวป้องกันทหารญี่ปุ่นที่แถวสะพาน
รถไฟบ้านน้ำน้อย และมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เหมืองหินทำการระเบิดรางรถไฟให้
ขาด แล้วนำใบไม้ใบหญ้ารวมถึงเศษกิ่งไม้เล็กๆมาปิดบังอำพรางเอาไว้ว่าราง
สะพานยังไม่ขาด เมื่อทหารญี่ปุ่นเคลื่อนทัพมาถึงบ้านน้ำน้อยด้วยรถไฟ ในยาม
เช้า (จากคำบอกเล่า) รถไฟที่ลำเลียงทั้งทหารและเสบียงก็ตกรางลงสู่แอ่งน้ำ
ใหญ่ที่ไหลมาจาก เหมืองแร่เก่าทหารญี่ปุ่นหลายคนถูกรถไฟทับตาย บางคนก็
ถูกรถไฟชนจนตกน้ำ ในจำนวนนั้นมีอยู่หลายคนที่ตกแอ่งน้ำไปพร้อมๆกับ
ขบวนรถไฟ ส่วนพวกที่พยายามว่ายน้ำเข้าหาฝั่งก็ถูกทหาร ตำรวจที่สนธิกำลัง
กันระดมยิงด้วยปืนปรากฏศพตายลอยเกลื่อนแอ่งน้ำเป็นจำนวนมาก บ้างก็ว่า
ทหารบางคนที่ว่ายน้ำขึ้นสู่ฝั่งได้ถูกชายฉกรรจ์ชาวน้ำน้อยใช้มีด ดาบ ขวาน ทั้ง
จามทั้งฟันอย่างไม่ยังมือ บางคนแขนขาด บางคนขาหัก บางคนคอขาดสะบั้น
ด้วยคมดาบเลือดท่วมแอ่งแห่งนั้นอย่างสยดสยอง ทหารญี่ปุ่นครั้งตั้งหลักได้ก็
ระดมยิงตอบโต้กลับไปบ้าง จนระยะเวลาการสู้รบของทั้ง 2 ฝ่ายผ่านไปถึงเวลา
เที่ยงตรง ทางฝ่ายไทยได้รับคำสั่งหยุดยิง สำรวจพบว่าทางฝ่ายไทยมีทหารเสีย
ชีวิต 2 นาย พลเรือน 2 คน และเชื่อกันว่าผลจากการรบที่สะพานมรณะบ้าน
น้ำน้อยในครั้งนั้นทำให้มีทหาร ญี่ปุ่นเสียชีวิตอยู่ในราว 400-500 ศพ และ
ชาวบ้านเขาเชื่อกันว่าสถานที่ใดก็ตามที่มีคนตายใน สถานที่แห่งนั้นจะเฮี้ยน
น่าดูชม คนเฒ่าคนแก่หลายคนเรียกสะพานรถไฟแห่งบ้านน้ำน้อยว่า.. สะพาน
สายมรณะ บ้างก็ว่าเป็นสะพานผีตายโหง
ที่มา:www.hatyaifocus.com/บทความ/1469-เรื่องราว
หาดใหญ่-ตำนานสะพานรถไฟสายมรณะน้ำน้อย
12
ซอยคุณยายสปีด เรื่องแปลก
แห่งเมืองหาดใหญ่
เมืองหาดใหญ่ นอกจากไก่ทอดที่ดังทั่วประเทศแล้ว ยังมีอีกหนึ่ง
เรื่องเล่าตำนาน สยองขวัญที่ดังไปทั่วปฐพีสยามเช่นกัน นั่นก็คือเรื่อง
“คุณยายสปีด”
คุณยายสปีดเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในอำเภอหาดใหญ่
เป็นแค่เรื่องเล่าต่อๆกันมา ต่อมา ก็มีคนได้นำเรื่องราวสยองขวัญเรื่อง
นี้ ไปเล่าในรายการวิทยุชื่อดังคลื่น เดอะช๊อค ของพี่ป๋อง กพล ทอง
พลับ หลังจากนั้นเรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นเรื่องเล่าสยองขวัญระดับตำนาน
และซอยนี้ก็ไม่ธรรมดาอีกต่อไป เป็นที่รู้กันดีว่า เหตุการณ์สยองขวัญ
ที่หลายคนเล่า คือ หญิงชราผมขาว ใช้มือวิ่งแทนขา ไล่รถมอไซค์ที่
ผ่านไปมาช่วงกลางคืน ด้วยความอาฆาตแค้น ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดได้ถูก
อ้างอิงว่า เกิดขึ้นในซอยแห่งนี้หลังวัดโคกนาว ซอยนี้มีชื่ออย่างเป็น
ทางการว่า ซอยอรรถกวีสุนทร มีความยาวประมาณ500 เมตร..แต่คน
หาดใหญ่ส่วนมาก มักจะเรียกติดปากว่า ซอยคุณยายสปีด แต่ตอนนี้
ยุคสมัยนี้ 2016 คุณยายสปีดก็คงเป็นแค่เรื่องเล่าตำนานเท่านั้น เรียก
ว่าเรื่องผี เกรดA ระดับพลีเมียมเลยก็ว่าได้ ที่เมื่อพูดถึงทุกคนต้องรู้จัก
ซึ่งสมัยนี้ไม่มีใครเคยเจออีกแล้ว…..(หรืออาจจะไม่มีใครเคยเจอมา
ก่อนเลยก็ได้) และอีกอย่างเรื่องนี้ก็นานมาแล้ว..คุณยายคงไปสบาย
แล้วล่ะ (ถ้าไม่สบายแกคงกลับมานานล่ะมั่ง) ปัจจุบันผู้คนหาดใหญ่ก็
ใช้ซอยนี้สัญจรไปมาปกติทั้งกลางวันกลางคืน ใครจะไปกลัวล่ะมีพระ
องค์ใหญ๊ใหญ่..แถมอยู่ใกล้วัดด้วย (ทั้งวัดจีน และวัดไทย)
ที่มา:https://hot.muslimthaipost.com/news/29192