The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aswanee0002, 2022-03-15 22:57:30

สงครามอิรัก-อิหร่าน

สงครามอิรัก-อิหร่าน

Iraqi-Iran War

ความเป็นมาของสงครามอิรัก-อิหร่าน

สงครามอิรัก – อิหร่าน เกิดขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1980 -1988 โดย
สาเหตุใหญ่เกิดจากการอ้างสิทธิเหนือน่านน้ำชัตต์ อัล – อาหรับ โดย
อิรักภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน ซึ่งในขณะนั้น
อิหร่านกำลังเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นจากการนำของ อยาตุลเลาะห์
รูฮัลลาห์ โคไมนี ผู้โค่นบัลลังก์ของพระเจ้าชาห์ โฒฮัมหมัด เรซา ปาห์
ลาวี แห่งอิหร่าน ได้สำเร็จภายหลังทั้ง 2 ประเทศยอมรับมติของ
สหประชาชาติ สงครามจึงยุติลง

สาเหตุของสงคราม

2.1 ประเด็นดินแดน ชัต-อัลอาหรับ
ดินแดนบริเวณนี้มีแม่น้ำไทกรีสและยูเฟรตีสไหลมาบรรจบกัน ถือได้ว่า

เป็นดินแดนที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศนี้มากทำให้
อิรักและอิหร่านก็ต่างต้องการยึดไว้เป็นของตน
2.2 ปัญหาจังหวัดคูเซสสถาน
จังหวัดนี้เป็นจังหวัดชายแดนของอิหร่านแต่อิรักต้องการเข้าครอบครอง
ดินแดนนี้ เพราะจังหวัดนี้เป็นแหล่งน้ำมันที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง
2.3 ปัญหาเรื่องเชื้อชาติ

ชาวอิรักส่วนใหญ่มีเชื้อสายอาหรับ แต่ชาวอิหร่านมีเชื้อสายเปอร์เชีย เหตุ
ที่มีความแตกต่างกันของเชื้อชาติจึงเกิดทะเลาะวิวาทกันอยู่ประจำ โดย
เฉพาะในบริเวณพรมแดนของทั้ง 2 ประเทศนี้
2.4 ปัญหาความขัดแย้งของผู้นำทั้งสองประเทศ

ประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซ็น ซึ่งนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ ไม่พอใจ
นโยบายการนับถือศาสนาของผู้นำอิหร่าน อยาโตลลาห์ โคไมนี ที่นับถือ
ศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์ และไคโมนีก็มีความเกลียดชังผู้ที่นับถือศาสนา
อิสลามนิกายซุหนี่มากและมีความตั้งใจที่จะทำลายล้างให้หมด

ชนวนสงครามอิรัก-อิหร่าน

อิหร่านให้การสนับสนุนชาวเคิร์ดในอิรัก เนื่องจากชาวเคิร์ดไม่ได้ต้องการอยู่ภาย
ใต้การปกครองของอิรัก ชาวเคิร์ดจึงประกาศสงครามกับอิรัก ซึ่งในขณะนั้น อิหร่าน
และอิรักเกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นเนื่องจากการอาจสิทธิ์เหนือน่านน้ำชัตต์ อัล –
อาหรับ

ค.ศ. 1975 อิรัก – อิหร่าน หันหน้าตกลงกันโดยอิรักยอมเลิกการอ้างสิทธิเหนือ
น่านน้ำชัตต์ อัล – อาหรับ และอิหร่านหยุดให้การช่วยเหลือชาวเคิร์ดหลังจาก
เหตุการณ์สงบได้เพียง 5 ปี ก็เกิดปัญหาจนนำไปสู่สงครามอิรัก – อิหร่านขึ้น ค.ศ.
1980 เกิดการสู้รบบริเวณชายแดน อิรัก – อิหร่าน เนื่องจากปัญหาพรมแดนของทั้ง 2
ประเทศ อิรักได้ขับไล่ทูตและชาวอิหร่าน ออกนอกประเทศ และได้ประกาศยกเลิกข้อ
ตกลงเมื่อปี ค.ศ. 1975

สถานการณ์สงครามอิรัก-อิหร่าน

เดือนกันยายน 1980 สงครามเริ่มก่อตัว
หลังจากอิหร่านปฏิวัติ
ศาสนาอิสลามในปี 1979 และซัดดัม ฮุสเซนได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำอิรักใน

วันที่ 16 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ ทั้งนี้
เนื่องจากอยาตอลเลาะห์ โคมัยนี ที่อิหร่านยกขึ้นเป็นผู้นำประเทศ และผู้นำศาสนาอิสลามนิกาย
ชีอะห์ มีความประสงค์ที่จะส่งผ่านแนวคิดของเขาไปยังประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง รวมทั้ง
อิรักซึ่งมีชนชั้นนับถือนิกายสุหนี่ด้วย แม้ว่าประชาชนในอิรักส่วนใหญ่จะนับถือนิกายชีอะห์ก็ตาม
กระแสสนับสนุนอยาตอลเลาะห์ โคมัยนีระบาดไปทั่ว แต่ชนชั้นนำเหล่านี้ก็ปกครองประเทศมา
นานจึงยอมไม่ได้ที่จะให้อิหร่านมาทำลายความมั่นคงของพวกตนประกอบกับในช่วงเวลานั้นอิรัก
และอิหร่านขัดแย้งกันในเรื่องพรมแดนอยู่ก่อนหน้า อิรักจึงตัดสินใจที่จะบุกอิหร่าน เริ่มแรกทั้ง
สองประเทศสู้รบกันอย่างประปรายตามแนวชายแดน กระทั่งเดือนกันยายน ปี 1980 อิรักจึงเริ่ม
บุกอิหร่านอย่างเต็มขั้น โดยเริ่มรุกเข้าชายแดนของจังหวัดคูเซสถานเป็นอันดับแรก จนกระทั่ง
ลุกลามและกลายเป็นสงคราม 8 ปีในที่สุด

วันที่ 7 มิถุนายน 1981: อิสราเอลร่วมสงคราม

สงครามระหว่างเพื่อนบ้านทั้งสองขยายไปอย่างไม่มีทีท่า
ว่าจะยุติ กระทั่งในวันที่ 7 มิถุนายน 1981 อิสราเอลก็ได้ทิ้ง
ระเบิดใกล้กับกรุงแบกแดด เมืองหลวงของอิรัก ถึงแม้อยา
ตอลเลาะห์ โคไมนีจะเป็นพวกต่อต้านยิวไซออนนิสต์ (กลุ่ม
ชาวยิวหัวรุนแรง ซึ่งไม่หมายรวมถึงชาวยิวทั่วไป) แต่
อิสราเอลก็ให้การสนับสนุนอิหร่านในสงครามครั้งนี้ เพราะ
ต้องการทำลายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบใช้ทำการวิจัยของ
อิรัก ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กรุงแบกแดดเพื่อตัดไฟแต่ต้นลมไม่ให้อิรัก
พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มาถล่มประเทศของตนได้ อย่างไรก็ดี
การตัดสินใจส่งเครื่องบินเอฟ-16 ไปทิ้งระเบิดของนายก
รัฐมนตรีเมนาเชม เบกินในครั้งนี้ ได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์
วิจารณ์ตามมาเป็นอันมากแม้ว่าอิสราเอลจะเป็นพันธมิตร
ของสหรัฐฯ ก็ตาม

1980 – 1988: การสนับสนุนจากตะวันตก

ชาติตะวันตกมีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นกับอิรัก และให้ความช่วย
เหลือรัฐบาลแบกแดดตลอดช่วงสงคราม โดยเฉพาะในด้านการทหาร
เนื่องจากเกรงว่าโคมัยนีจะแพร่ขยายแนวคิดเรื่องศาสนาไปทั่วภูมิภาค
และไม่ต้องการให้อิหร่านเป็นฝ่ายชนะสงคราม ในปี 1982 สหรัฐฯ จึงถอด
ชื่ออิรักออกจากรายชื่อชาติที่ให้การสนับสนุนการก่อการร้าย และอีก
สองปีต่อมาทั้งสองประเทศก็สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกันอีก
ครั้ง หลังจากมีท่าทีบึ้งตึงมาตั้งแต่สงครามอาหรับ-อิสราเอล เมื่อปี 1967

1980 – 19881983 – 1988: สงครามเคมี

ปี1983 อิรักเริ่มใช้แก๊สมัสตาร์ดในการทำ
สงครามกับอิหร่าน และทดลองใช้แก๊สทาบุน ที่มี
ฤทธิ์ทำลายระบบประสาทในปี 1985 การใช้อาวุธ
เคมีของอิรักทำให้ชาวอิหร่านราว 3,200 – 5,000
คนต้องจบชีวิตอย่างอนาถ ส่วนผู้ที่รอดชีวิตนั้น
ต้องประสบกับปัญหาสุขภาพไปตลอดชีวิต
นอกจากนี้ ในวันที่16 มีนาคม 1988 อิรักก็ทิ้ง
ระเบิดซึ่งบรรจุแก๊สมาสตาร์ด ซาริน และทาบุน
ใส่กองกำลังชาวเคิร์ตที่ฮาลับจา ทางภาคเหนือ
ของประเทศเนื่องจากคนกลุ่มนี้สนับสนุนอิหร่าน
การใช้อาวุธเคมีของอิรัก ทำให้ผู้เชี่ยวชาญของ
องค์การสหประชาชาติประกาศในปี 1986 ว่า
อิรักละเมิดอนุสัญญาเจนีวา ขณะที่ชาติตะวันตก
อื่นๆเลิกให้การสนับสนุนด้านการทหารกับ
รัฐบาลแบกแดด และเร่งดำเนินการทางการเมือง
เพื่อให้สงครามนี้ยุติโดยเร็ว

สิงหาคม 1988: วางอาวุธพักรบ

วันที่ 18 กรกฎาคม 1988 อิหร่านยอมรับข้อเสนอขององค์การ
สหประชาชาติที่ให้มีการพักรบชั่วคราว ก่อนที่จะมีการหยุดยิงในวันที่ 20
สิงหาคม ถึงแม้ในช่วงสิ้นสุดสงครามจะไม่มีประเทศใดสูญเสียพรมแดนแต่
เศรษฐกิจและประชาชนทั้งของอิรักและอิหร่านก็ได้รับความเสียหายอย่าง
มาก เนื่องจากรัฐบาลได้นำงบประมาณไปทุ่มให้กับการทำสงครามจนเกือบ
หมดมีการประมาณการกันว่า สงครามแปดปีนี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปทั้งสิ้น
400,000 คน บาดเจ็บ 750,000 คน ส่วนด้านเศรษฐกิจนั้น ทั้งอิรักและ
อิหร่านต่างได้รับความเสียหายไปชาติละกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ และยังสูญ
เสียรายได้จากการขายน้ำมันอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อีกสามปีให้หลัง (1991) ไม่
นานหลังจากที่ประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซนออกคำสั่งให้กองทัพอิรักบุกคูเวต
อิรักก็ตกลงทำตามสนธิสัญญาที่ได้ลงนามไว้กับอิหร่านในปี 1975

ผลสรุปของสงคราม

อิรัก-อิหร่าน

ในวันที่ 20 สิงหาคม ค.ศ. 1988 สงครามที่สู้


รบกันมาเกือบ 8 ปี ระหว่างอิรักและอิหร่าน


ก็ถึงจุดสิ้นสุด เมื่อประธานาธิบดี อาลี คาเม
หลังจากที่สงครามอิรัก-อิหร่าน ยุติลง ทั้งสองฝ่าย
นี (Ali Khamenee) แห่งอิหร่าน ส่งสารถึง
ต่างก็ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่าง
นายฮาเวียร์ เปเรซ เต เควญญาร์ (Javier
มหาศาล ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องล้มตายเป็นจำนวน
Perez de Cuellar)เลขาธิการองค์การ
มากมาย สัตว์ทะเลและนกจำนวนนับล้านตัวถูก
สหประชาชาติขอยุติสงครามกับอิรัก โดย
ทำลายซึ่งเป็นผลมาจากมลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดจาก

ยอมรับมติที่ 598 ของคณะมนตรีความ
ขีปนาวุธและน้ำมันที่ลอยบนผิวน้ำ และต่อจากนั้น
มั่นคงแห่งสหประชาชาติ ผลจากที่อิรักได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่าง
หนัก กำลังจะนำไปสู่สงครามอ่าวเปอร์เซีย ในปี ค.ศ.

1991


Click to View FlipBook Version