The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-BOOK สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nareethip Lhokam, 2023-10-07 08:20:10

E-BOOK สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

E-BOOK สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21

Keywords: วารสาร

สังคมสมัยใหม่ สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 Social Studies and Learning Skills in the 21st Century Instead นรีทิพย์ โล่ห์คำ คณะครุศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขต อุบลราชธานี Nareethip Lhokam Faculty of Education (Social Studies Teaching), Mahachulalongkornrajavidyalaya University, Ubon Ratchathani Campus, Thailand.


ก คำนำ บทความฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา (203 201) สังคม สมัยใหม่ คณะครุศาสตร์ สาขาสังคมศึกษา โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษา การสอนสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21 ที่ครูต้องปรับตัวให้เข้ากับความ เปลี่ยนแปลงในสังคมและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น เพื่อให้ผู้เรียนพร้อมที่จะเผชิญ กับความท้าทาย และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับสังคม และโลกที่ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ในศตวรรษที่ 21 ที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความท้าทาย ในทุกด้านของชีวิต เรื่องการเรียนรู้ไม่เพียงแค่เรื่องของห้องเรียนและหนังสือ เท่านั้นแต่กลายเป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการปรับตัวต่อการ เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และสังคมศึกษาเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ เปิดทางให้เราสามารถเป็นพลเมืองดิจิทัลที่เก่งและมีความพร้อมในการเรียนรู้ ตลอดชีวิต ในบทความนี้จะสำรวจแนวคิดและความสำคัญของสังคมศึกษาใน ยุคปัจจุบันรวมถึงทักษะการเรียนรู้ที่ผู้คนจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อรับมือกับ ความท้าทายของสมัยใหม่นี้ พร้อมกับการสังเกตผลกระทบที่เกิดขึ้นในสังคม และการศึกษาด้วยเทคโนโลยีที่เราใช้งานอย่างกว้างขวาง เพื่อให้เข้าใจถึง ความสำคัญของการพัฒนาทักษะการเรียนรู้และการทรงพลังในสังคมศึกษา ในศตวรรษที่ 21 ที่เต็มไปด้วยความเร็วและความเปลี่ยนแปลง นรีทิพย์ ต้นฤดูฝน ปี 2566


ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ................................................................................................................ก สารบัญ.............................................................................................................ข สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21.........................................1 1. ความหมายของสังคมศึกษา.................................................................1 2. ความหมายของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21.............................2 3. การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21...................................7 4. ความหมายของความคิดสร้างสรรค์..................................................10 5. สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21.............................12 6. การเรียนการสอนในยุค 4.0 …….…...................................................18 7. การจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ......................................20 8. การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning)............................24 9. หลักการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21.........................................................26 10. รูปแบบการจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21.................28 สรุป ................................................................................................................40 บรรณานุกรม.......................................................................................................................41


1 สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 1. ความหมายของสังคมศึกษา สังคมศึกษา หมายถึง การเรียนรู้เกี่ยวกับสังคม เน้นการ เรียนรู้เกี่ยวกับสังคม และการทำความเข้าใจในโครงสร้างของสังคม วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และความหลากหลายทางสังคม ช่วยให้ ผู้เรียนเข้าใจประเด็นทางสังคมที่สำคัญ เช่น ปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชนและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง เน้นการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ การแก้ปัญหา การสื่อสาร การทำงานร่วมกันและการวิเคราะห์ ข้อมูล ภาพ www.trueplookpanya.com


2 2. ความหมายของทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 หมายถึง ความสามารถ ในการเรียนรู้และปรับตัวให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบันที่เต็มไปด้วย ความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสังคม ศตวรรษที่ 21 เน้นการ พัฒนาทักษะที่จำเป็นต่อการประสานงานกับเทคโนโลยี และผู้คนใน โลกที่เชื่อมต่ออย่างมากขึ้น ทักษะที่สำคัญ มีดังนี้ 1. การเรียนรู้ตลอดชีวิต เน้นการพัฒนาการ เรียนรู้ที่ไม่จำกัดเวลาและสถานที่เพื่อให้ผู้เรียนสามารถ เรียนรู้ตลอดชีวิต 2. การทำงานร่วมกัน การสอนการทำงานร่วมกัน สร้างโอกาสให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะการทำงานร่วมกันและ การสื่อสาร 3. การใช้เทคโนโลยีและสื่อ การสอนการใช้ เทคโนโลยีและสื่อต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ เรียนรู้ และการสื่อสาร 4. การเรียนรู้อย่างน่าสนใจ การสอนควรสร้าง บรรยากาศการเรียนรู้ที่น่าสนใจ และมีความหมายเพื่อให้ ผู้เรียนมีความกระตือรือร้นในการเรียนรู้


3 ดังนั้น สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 จึง มุ่งสู่การสอนและการเรียนรู้ที่เน้นการคิดวิเคราะห์การแก้ปัญหา การทำงานร่วมกันและการพัฒนาความเข้าใจในสังคมโลกในยุค ปัจจุบัน และอนาคตที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาของสังคมโลกทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้าน ต่าง ๆ อย่างมากมายโดยเฉพาะโลกในศตวรรษที่ 21 เป็นโลกแห่ง โลกาภิวัตน์ วิวัฒนาการความเจริญก้าวหน้าในทุกๆ มิติเป็นไปอย่าง รวดเร็วและรุนแรงซึ่งจะมีความแตกต่างจากศตวรรษที่ 19 และ 20 อย่างสิ้นเชิง เศรษฐกิจอุตสาหกรรมในอดีตได้ถูกแทนที่ด้วย เศรษฐกิจและบริการที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลความรู้ และนวัตกรรม ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็จะเห็นการนำเทคโนโลยีไปใช้ในการเพิ่ม ผลผลิตแทนการใช้แรงงานแบบเดิมจากสถานการณ์ดังกล่าวสะท้อน ให้เห็นว่าคนที่จะประสบความสำเร็จได้จะต้องมีทักษะในการเผชิญ กับโลกที่ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงนำสู่การสร้างกรอบความคิด ทางการศึกษาเพื่อการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมกับโลกศตวรรษที่ 21 ผู้เรียนจะต้องเป็นผู้มีทักษะที่เรียกว่าทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ซึ่งประกอบด้วยทักษะชีวิต และการทำงานทักษะการเรียนรู้ และนวัตกรรม และทักษะด้านสารสนเทศสื่อและเทคโนโลยี ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) วิจารณ์ พานิช (2555 : 16-21) ได้กล่าวถึงทักษะเพื่อการดำรงชีวิตใน


4 ศตวรรษที่ 21 ดังนี้ สาระวิชาก็มีความสำคัญ แต่ไม่เพียงพอสำหรับ การเรียนรู้เพื่อมีชีวิตในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันการเรียนรู้ สาระวิชา (content หรือ subject matter) ควรเป็นการเรียน จากการค้นคว้าเองของศิษย์ โดยครูช่วยแนะนำและช่วยออกแบบ กิจกรรมที่ช่วยให้นักเรียนแต่ละคนสามารถประเมินความก้าวหน้า ของการเรียนรู้ของตนเองได้ สาระวิชาหลัก (Core Subjects) ประกอบด้วย ภาษาแม่ และภาษาสำคัญของโลก ศิลปะคณิตศาสตร์ การปกครองและหน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ โดยวิชาแกนหลักนี้จะนำมาสู่การกำหนด เป็นกรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์สำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ใน เนื้อหาเชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary) หรือหัวข้อสำหรับ ศตวรรษที่ 21 โดยการส่งเสริมความเข้าใจในเนื้อหาวิชาแกนหลัก และสอดแทรกทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เข้าไปในทุกวิชาแกนหลัก ดังนี้ - ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ความรู้เกี่ยวกับโลก (Global Awareness) - ความรู้เกี่ยวกับการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการเป็น ผู้ประกอบการ (Financial, Economics, Business and Entrepreneurial Literacy)


5 - ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองที่ดี (Civic Literacy)ความรู้ ด้านสุขภาพ (Health Literacy) - ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Literacy) ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมจะเป็นตัวกำหนดความ พร้อมของนักเรียนเข้าสู่โลกการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นใน ปัจจุบัน ได้แก่ ความริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม การคิดอย่างมี วิจารณญาณและการแก้ปัญหาการสื่อสารและการร่วมมือทักษะ ด้านสารสนเทศ สื่อและเทคโนโลยี เนื่องด้วยในปัจจุบันมีการ เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อและเทคโนโลยีมากมาย ผู้เรียนจึง ต้องมีความสามารถในการแสดงทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และปฏิบัติงานได้หลากหลาย โดยอาศัยความรู้ในหลายด้าน ดังนี้ ความรู้ด้านสารสนเทศ ความรู้เกี่ยวกับสื่อความรู้ด้านเทคโนโลยี ทักษะด้านชีวิตและอาชีพ ในการดำรงชีวิตและทำงานในยุคปัจจุบัน ให้ประสบความสำเร็จนักเรียนจะต้องพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญ ดังต่อไปนี้ ความยืดหยุ่นและการปรับตัว การริเริ่มสร้างสรรค์เป็นตัว ของตัวเอง ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม การเป็นผู้สร้าง หรือผู้ผลิต (Productivity) และความรับผิดชอบเชื่อถือได้ ( A cco u n t a b il it y ) ภ า ว ะ ผู ้ น ำ แ ละ คว า ม ร ั บ ผิ ด ชอบ (Responsibility)


6


7 ภาพ https://shorturl.asia/EcVv7 3. การจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21 ภาพ https://shorturl.asia/pyPhX


8 สำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 นักวิชาการด้าน จิตวิทยาการศึกษาได้ให้นิยามทักษะการเรียนรู้(Learning Skills) ว่า หมายถึง กระบวนการที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งเกิดขึ้นโดย เป็นผลมาจากประสบการณ์และทำให้มีการเพิ่มสมรรถนะ (Performance) เพิ่มความสามารถของการเรียนรู้ในอนาคตโดยมี องค์ประกอบที่สำคัญ คือ การเรียนรู้เป็นกระบวนการไม่ใช่ผลผลิต (เป็น Process ไม่ใช่ Product) เกิดการเรียนรู้ที่ผลหรือสมรรถนะ การเรียนรู้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความรู้ความเชื่อ พฤติกรรม หรือเจตคติและมีผลระยะยาวต่อการคิดและพฤติกรรมของ นักเรียนการเรียนรู้ไม่ใช่สิ่งที่ให้แก่นักเรียน แต่เป็นสิ่งที่นักเรียนลง มือทำให้แก่ตนเอง โดยเป็นผลตรงจากสิ่งที่นักเรียนตีความและ ตอบสนองต่อประสบการณ์ ของตนเอง ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว ทั้งใน อดีตและในปัจจุบัน นักการศึกษา นักปฏิรูปการศึกษาและ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จในอนาคต การดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบันของผู้เรียน องค์ประกอบเกี่ยวกับ องค์ความรู้ ทักษะ พฤติกรรม และคุณลักษณะในศตวรรษที่ 21 ซึ่ง Office of Learning and Youth Quality Promotion (2012 : Online) ได้รวบรวมองค์ประกอบของผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ที่เด็ก และเยาวชนควรมี ประกอบด้วยทักษะการเรียนรู้และนวัตกรรม หรือ 3R และ 4C คือ 3R ได้แก่ การอ่าน (Reading) การเขียน (Writing) และคณิตศาสตร์ (Arithmetic) 4C


9 ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ ( Critical Thinking)การสื่อสา ร (Communication) การร่วมมือ (Collaboration) และความคิด สร้างสรรค์(Creativity) ดังนั้น การจัดการเรียนรู้วิชาสังคมศึกษา หรือสาระการ เรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนาธรรม จึงต้องใช้วิธีการเรียนรู้ ที่จะช่วยเสริมเติมเต็มประสบการณ์ให้ผู้เรียนได้ใช้สติปัญญา ความรู้ ความคิด ความสามารถ ทักษะ ค่านิยม และเจตคติที่ดี ตลอดจน ต้องจัดให้เหมาะสมกับวัยและคุณวุฒิภาวะของผู้เรียนให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมจัดการเรียนรู้ของตนเอง พัฒนา และขยายความคิดของ ตนเองจากความรู้ที่ได้เรียน โดยมีกระบวนการ ดังนี้ 1. การพัฒนาทักษะทางปัญญา เป็นกระบวนการจัดการ เรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนมีทักษะด้านความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาสาระ ของวิชา อันประกอบด้วยเครื่องมือช่วยคิด กระบวนการคิด ทักษะ การคิด เช่น การคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ คิดอย่างมีวิจารณญาณ คิดแก้ปัญหา และคิดสร้างสรรค์ ตลอดจนความรู้ที่ได้จากการบูรณา การที่เชื่อมโยงเป็นสาระเรื่องราวต่างๆ จากสภาพแวดล้อมรอบตัว เป็นต้น 2. การพัฒนาทักษะทางสังคม เป็นกระบวนการการ จัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนมีทักษะที่เน้นการฝึกปฏิบัติจริงเพื่อสร้าง ผู้เรียนให้มีทักษะชีวิตพื้นฐาน เช่น ทักษะการรู้จักตนเอง ทักษะการ คิด การตัดสินใจและการแก้ปัญหาทักษะการแสวงหาข้อมูล


10 ข่าวสาร ความรู้ ทักษะการปรับตัว ทักษะการสื่อสาร และสร้าง สัมพันธภาพ ทักษะการวางแผนและการจัดการตลอดจนทักษะการ ทำงานเป็นทีม 3. การพัฒนาจิตพิสัย และคุณลักษณะ เป็นกระบวนการ จัดการเรียนรู้ที่มุ่งให้ผู้เรียนมีทักษะการพัฒนาค่านิยม และเจตคติที่ ดีในการประพฤติปฏิบัติตนให้เหมาะสม และสอดคล้องกับความ ต้องการ ของสังคมนั้น เช่น ความขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน โดยยึดหลักธรรมมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตของผู้เรียน เป็นต้น 4. ความหมายของความคิดสร้างสรรค์ นักการศึกษาและนักจิตวิทยาได้ให้คำจำกัดความของ ความคิดสร้างสรรค์ไว้อย่างหลากหลายซึ่งพอจะสรุปได้ว่า “ความคิดสร้างสรรค์” หมายถึง กระบวนการที่บุคคลไวต่อปัญหา ข้อบกพร่อง ช่องว่างในด้านความรู้ สิ่งที่ขาดหายไป หรือสิ่งที่ไม่ ประสานกันและไวต่อการแยกแยะ สิ่งต่างๆ ไวต่อการค้นหาวิธีการ แก้ไขปัญหา ไวต่อการเดาหรือการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับข้อบกพร่อง ทดสอบและทดสอบอีกครั้งเกี่ยวกับสมมติฐาน จนในที่สุดสามารถ นำเอาผลที่ได้ไปแสดงให้ปรากฏแก่ผู้อื่นได้องค์ประกอบที่สำคัญ ที่สุด ของความคิดสร้างสรรค์คือความคิดริเริ่ม


11 องค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ ภาพ https://shorturl.asia/e6fqx กิลฟอร์ด ( Guilford) และทอร์แรนซ์ (Torrance) ได้แบ่งองค์ประกอบของความคิดสร้างสรรค์ออกเป็น 4 องค์ประกอบย่อย ได้แก่ การคิดคล่อง (Fluency) คือการคิดที่ทำ ให้เกิดปริมาณความคิดที่เกี่ยวข้องกับคำตอบของคำถามเป็นจำนวน มากภายในระยะเวลาอันจำกัด เช่น ให้นักเรียนยกตัวอย่าง เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแรงเสียดทานมาให้มากที่สุดภายในเวลา 1 นาที การคิดยืดหยุ่น (Flexibility) คือการมีแนวคิดหลากหลาย ประเภท โดยอาศัยการคิดจากหลากหลายมุมมอง เช่น สมมติว่าโลก นี้ไม่มีแรงโน้มถ่วง นักเรียนคิดว่าจะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นบ้าง และ นำคำตอบของนักเรียนทั้งหมดมาจัดเป็นกลุ่ม เพื่อแสดงให้เห็นถึง มุมมองที่หลากหลาย เช่น คำตอบเกี่ยวกับด้านพฤติกรรมของมนุษย์ ด้านการคมนาคม ด้านการก่อสร้างอาคาร ด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น


12 การคิดละเอียดลออ (Elaboration) เป็นความสามารถในการคิดถึง รายละเอียด เพื่อตกแต่งหรือขยายความคิดหลักให้มีความสมบูรณ์ ยิ่งขึ้น ทำให้ผู้อื่นสามารถทำความเข้าใจความคิดของผู้คิดได้มากขึ้น เช่น การคิดละเอียดลออเกี่ยวกับการออกแบบรถประหยัดพลังงาน โดยการคิดถึงโครงสร้างที่ชัดเจนเกี่ยวกับวัสดุที่จะนำมาใช้ทำล้อ เพลา และตัวถังพลังงานที่จะนำใช้หลักการในการเปลี่ยนรูป พลังงาน วิธีบรรจุพลังงานกลไกของรถตลอดจนลักษณะรูปร่างของ รถ เป็นต้น และการคิดริเริ่ม (Originality) คือ การคิดที่มีความ แปลกใหม่ แตกต่างไปจากความคิดของคนส่วนใหญ่ เช่น จงเปรียบเทียบว่าพันธะโควาเลนต์ และความรักมีความเหมือนและ ความแตกต่างกันอย่างไร คำตอบที่แสดงให้เห็นถึงการคิดริเริ่มของ คำถามนี้ คือ คำตอบที่ถูกต้องกับแนวคิดทางวิทยาศาสตร์เรื่อง พันธะโควาเลนต์ สามารถเปรียบเทียบกับความรักได้ในรูปแบบที่ แปลกใหม่ ไม่ซ้ำกับผู้อื่น 5. สังคมศึกษากับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 มัวร์ พาเพิร์ต แห่ง สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) เป็นผู้คิดค้นทฤษฎีการสร้างองค์ควา มรู้ด้วยต น เ อง (Constructionism) ซึ่งเป็นทั้งทฤษฎีและกลยุทธ์การเรียนรู้ ทฤษฎี นี้ต่อยอดจาก กลุ่มทฤษฎีคอน-สตรัคติวิสต์ (Constructivist)


13 ของ ฌ็อง เพียเจต์ ที่เชื่อว่าองค์ความรู้ไม่เพียงแต่ถูกถ่ายทอดจาก ผู้สอนสู่ผู้เรียน แต่ถูกสร้างขึ้นในสมองของผู้เรียนด้วย พูดอีกอย่าง คือผู้เรียนไม่ได้แค่ “เข้าใจ” แนวคิดต่าง ๆ แต่ยัง “สร้าง” แนวคิด ของตัวเองด้วย นอกจากนี้ ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง เสนอว่าแนวคิดใหม่ๆ จะถูกสร้างขึ้นเมื่อผู้เรียนมีส่วนร่วมในการ สร้างประดิษฐ์กรรมบางอย่างที่สามารถสะท้อนคิดและแลกเปลี่ยน ความคิดเห็น กับคนอื่นได้ปรัชญาการสร้างความรู้ด้วยตนเองมี อิทธิพลต่อผู้เรียนสำหรับการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ดังนี้ 1) มีอิสระที่จะเลือกสิ่งที่พอใจ แสดงความเห็นและ ลักษณะเฉพาะของตนเอง 2) ต้องการดัดแปลงสิ่งต่างๆ ให้ตรงตามความพอใจและ ความต้องการของตนเอง 3) ตรวจสอบหาความจริงเบื้องหลัง 4) เป็นตัวของตัวเองและสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อ รวมตัวกันเป็นองค์กร


14 ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructionism) ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง(Constructionism) เป็นทฤษฎีทางการศึกษาที่พัฒนาขึ้นโดย Professor Seymour Papert แห่ง M.I.T. (Massachusette Institute of Technology) ทฤษฎี คอนสตรัคชั่นนิสซึ่ม (Constructionism) หรือทฤษฎีการสร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง เป็นทฤษฎีการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นผู้สร้างองค์ ความรู้ด้วยตนเอง ประสบการณ์ใหม่ / ความรู้ใหม่ + ประสบการณ์เดิม / ความรู้เดิม = องค์ความรู้ใหม่ บุคคล


15 ซีมัวร์ พาร์เพิร์ท (Seymour Papert) ได้ให้ความเห็นว่า ทฤษฎีการศึกษาการเรียนรู้ที่มีพื้นฐาน อยู่บนกระบวนการการสร้าง 2 กระบวนการด้วยกัน สิ่งแรก คือ ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยการสร้างความรู้ใหม่ขึ้นด้วย ตนเอง ไม่ใช่รับแต่ข้อมูลที่หลั่งไหล เข้ามาในสมองของผู้เรียนเท่านั้น โดยความรู้จะเกิดขึ้นจากการแปลความหมายของประสบการณ์ที่ ได้รับ สังเกตว่าในขณะที่เรา สนใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ อย่าง ตั้งใจเราจะไม่ลดละความพยายาม เราจะคิดหาวิธีการแก้ไขปัญหานั้นจนได้ สิ่งที่สอง คือ กระบวนการการเรียนรู้จะมีประสิทธิภาพ มากที่สุด หากกระบวนการนั้นมีความหมายกับผู้เรียนคนนั้น จากที่กล่าวมาสามารถสรุปให้เป็นหลักการต่างๆที่มี ความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ได้ดังนี้ 1. หลักการที่ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ด้วย ตนเอง หลักการเรียนรู้ตามทฤษฎีConstructionism คือ การสร้าง องค์ความรู้ด้วยตนเอง โดยให้ผู้เรียนลงมือประกอบกิจกรรมการ


16 เรียนรู้ด้วยตนเองหรือได้ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมภายนอกที่มี ความหมาย ซึ่งจะรวมถึงปฏิกิริยาระหว่างความรู้ในตัวของผู้เรียน เอง ประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมภายนอกการเรียนรู้จะได้ผลดีถ้า หากว่าผู้เรียนเข้าใจในตนเอง มองเห็นความสำคัญในสิ่งที่เรียนรู้และ สามารถเชื่อมโยงความรู้ระหว่างความรู้ใหม่กับความรู้เก่า (รู้ว่า ตนเองได้เรียนรู้อะไรบ้าง) และสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ขึ้นมา และ เมื่อพิจารณาการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในการเรียน การสอนโดยปกติที่ เกิดขึ้นในห้องเรียนนั้นสามารถจะแสดงได้ ดังรูป ความรู้ ครู -------> ผู้เรียน 2. หลักการที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง การเรียนรู้ โดยครูควรพยายามจัดบรรยากาศการเรียนการสอน ที่เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมการเรียนด้วยตนเองโดยมีทางเลือกใน การเรียนรู้ที่หลากหลาย (Many Choice) และเรียนรู้อย่างมี ความสุขสามารถเชื่อมโยงความรู้ระหว่างความรู้ใหม่กับความรู้เก่า ได้ส่วนครูเป็นผู้ช่วยเหลือ และคอยอำนวยความสะดวก


17 3. หลักการเรียนรู้จากประสบการณ์และ สิ่งแวดล้อม หลักการนี้เน้นให้เห็นความสำคัญของการเรียนรู้ ร่วมกัน (Social value) ทำให้ผู้เรียนเห็นว่าคนเป็นแหล่งความรู้อีก แหล่งหนึ่งที่สำคัญการสอนตามทฤษฎี Constructionism เป็นการ จัดประสบการณ์เพื่อเตรียมคนออกไปเผชิญโลกถ้าผู้เรียนเห็นว่าคน เป็นแหล่งความรู้สำคัญและสามารถแลกเปลี่ยนความรู้กันได้เมื่อเขา จบออกไปก็จะปรับตัวได้ง่ายและทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างมี ประสิทธิภาพ 4. หลักการที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือ การ รู้จักแสวงหาคำตอบจากแหล่งความรู้ต่างๆ ด้วยตนเองเป็นผลให้ เกิดพฤติกรรมที่ฝังแน่นเมื่อผู้เรียน "เรียนรู้ว่าจะเรียนรู้ได้อย่างไร (Learn how to Learn) ครูผู้สอนจะต้องสร้างให้เกิดองค์ประกอบครบทั้ง 3 ประการ คือ 1) ให้ผู้เรียนได้ลงมือประกอบกิจกรรม ด้วยตนเอง (ได้สร้างงาน) ตามความสนใจ ตามความชอบหรือความ ถนัด ของแต่ละบุคคล 2) ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ภายใต้บรรยากาศ และสภาพแวดล้อมในการเรียนรู้ที่ดี


18 3) มีเครื่องมืออุปกรณ์ในการประกอบ กิจกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสม 6. การเรียนการสอนในยุค 4.0 การเรียนการสอนในยุค 4.0 ต้องปรับเปลี่ยนและปรับทาง ให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็วในด้าน เทคโนโลยีและสังคม ดังนี้ 1. การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล การใช้เทคโนโลยี ดิจิทัลเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนการสอนในยุค 4.0 ครูและนักเรียน ควรมีความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ การใช้ แพลตฟอร์มการเรียนรู้ออนไลน์ และการใช้เครื่องมือการสอนดิจิทัล


19 2. การเรียนรู้แบบเปิด ระบบการเรียนการสอน ในยุค 4.0 ควรเป็นแบบเปิดที่สนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต ผู้เรียน ควรได้รับโอกาสเรียนรู้ตามความสนใจและความต้องการของตนเอง และไม่จำเป็นต้องเรียนตามหลักสูตรแบบเดิม 3. การส่งเสริมทักษะการเรียนรู้การเรียนการ สอนในยุค 4.0 ควรส่งเสริมทักษะการเรียนรู้อย่างมาก นี้รวมถึง ทักษะในการค้นคว้า การวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหา การคิด สร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น 4. การเรียนรู้แบบประสบการณ์การสนับสนุน การเรียนรู้แบบประสบการณ์จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้อย่างมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การใช้โครงการสร้างสรรค์ การซ้อมการ แก้ไขปัญหา ในสถานการณ์จริง 5. การสนับสนุนการทำงานที่ต่างประเทศ การ ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกับผู้เรียนและ ครูในที่ต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มีโอกาสเรียนรู้และ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ทางการศึกษา 6. การสนับสนุนการแก้ไขปัญหาของโลกจริง การเรียนการสอนในยุค 4.0 ควรเน้นการสนับสนุนการแก้ไขปัญหา ที่สำคัญในโลกจริง เช่น การแก้ไขปัญหาทางสิ่งแวดล้อม การแก้ไข ปัญหาทางสังคม หรือการแก้ไขปัญหาทางเทคโนโลยี


20 การเรียนการสอนในยุค 4.0 ต้องเป็นกระบวนการที่ ยืดหยุ่นและสนับสนุนการเรียนรู้ที่มีความหลากหลายการ สร้างสรรค์ และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในโลกที่เติบโตขึ้น อย่างรวดเร็วในด้านเทคโนโลยีและสังคม 7. การจัดการเรียนรู้โดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ภาพ https://shorturl.asia/Fe4ys การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือ วิธีการสำคัญที่สามารถสร้างและพัฒนาผู้เรียนให้เกิดคุณลักษณะ


21 ต่างๆ ที่ต้องการในยุคโลกาภิวัตน์ เนื่องจากเป็นการจัดการเรียนการ สอนที่ให้ความสำคัญกับผู้เรียน ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักเรียนรู้ด้วย ตนเอง เรียนในเรื่องที่สอดคล้องกับความสามารถและความต้องการ ของตนเอง และได้พัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ซึ่งแนวคิด การจัดการศึกษานี้เป็นแนวคิดที่มีรากฐานจากปรัชญาการศึกษา และทฤษฎีการเรียนรู้ต่างๆ ที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่องยาวนาน และเป็นแนวทางที่ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณลักษณะตามต้องการอย่างได้ผล เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบใหม่ที่มีลักษณะแตกต่างจากการจัดกระบวนการเรียนรู้แบบ ดั้งเดิมทั่วไป คือ 1. ผู้เรียนมีบทบาทรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตน ผู้เรียนเป็นผู้เรียนรู้ บทบาทของครูคือผู้สนับสนุน (Supporter) และเป็นแหล่งความรู้ (Resource Person) ของผู้เรียน ผู้เรียนจะ รับผิดชอบตั้งแต่เลือกและวางแผนสิ่งที่ตนจะเรียน หรือเข้าไปมีส่วน ร่วมในการเลือก และจะเริ่มต้นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยการศึกษา ค้นคว้า รับผิดชอบการเรียน ตลอดจนประเมินผลการเรียนรู้ด้วย ตนเอง 2. เนื้อหาวิชามีความสำคัญ และมีความหมายต่อการ เรียนรู้ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ปัจจัยสำคัญที่จะต้อง นำมาพิจารณาประกอบด้วย ได้แก่ เนื้อหาวิชา ประสบการณ์เดิม


22 และความต้องการของผู้เรียน การเรียนรู้ที่สำคัญและมีความหมาย จึงขึ้นอยู่กับสิ่งที่สอน (เนื้อหา) และวิธีที่ใช้สอน (เทคนิคการสอน) 3. การเรียนรู้จะประสบผลสำเร็จ หากผู้เรียนมีส่วนร่วมใน กิจกรรม การเรียนการสอน ผู้เรียนจะได้รับความสนุกสนานจากการ เรียน หากได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ได้ทำงานร่วมกันกับ เพื่อนๆ ได้ค้นพบ ข้อคำถาม และคำตอบใหม่ๆ สิ่งใหม่ๆ ประเด็นที่ ท้าทายและความสามารถในเรื่องใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้ง การ บรรลุผลสำเร็จของงานที่พวกเขาริเริ่มด้วยตนเอง 4. สัมพันธภาพประกอบดีระหว่างผู้เรียน การมี สัมพันธภาพประกอบดีในกลุ่มจะช่วยส่งเสริมความเจริญงอกงาม การพัฒนาความเป็นผู้ใหญ่ การปรับปรุงการทำงาน และการจัดการ กับชีวิตของแต่ละบุคคล สัมพันธภาพประกอบเท่าเทียมกันระหว่าง สมาชิกในกลุ่ม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมการแลกเปลี่ยน เรียนรู้ซึ่งกันและกันของผู้เรียน 5. ครู คือ ผู้อำนวยความสะดวกและเป็นแหล่งความรู้ ในการจัดการเรียนการสอนแบบเน้นผู้เรียน เป็นสำคัญ ครูจะต้องมี ความสามารถที่จะค้นพบความต้องการที่แท้จริงของผู้เรียน เป็น แหล่งความรู้ที่ทรงคุณค่าของผู้เรียน และสามารถค้นคว้าหาสื่อวัสดุ อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับผู้เรียน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือความเต็มใจของ ครูที่จะช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไข ครูจะให้ทุกอย่างแก่ผู้เรียน ไม่ว่า


23 จะเป็นความเชี่ยวชาญ ความรู้ เจตคติ และการฝึกฝนโดยผู้เรียนจะ รับหรือไม่รับการให้นั้นก็ได้ 6. ผู้เรียนมีโอกาสเห็นตนเองในแง่มุมที่แตกต่างจากเดิม การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มุ่งให้ผู้เรียน มองเห็นตนเองในแง่มุมที่แตกต่างออกไป ผู้เรียนจะมีความมั่นใจใน ตนเอง และควบคุมตนเองได้มากขึ้น สามารถเป็นในสิ่งที่อยากเป็น มีวุฒิภาวะสูงมากขึ้น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนให้สอดคล้อง กับ สิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ต่างๆ มากขึ้น 7. การศึกษาคือการพัฒนาประสบการณ์การเรียนรู้ของ ผู้เรียนหลายๆ ด้านพร้อมกันไป การเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เป็นจุดเริ่มของการพัฒนาผู้เรียนหลายๆ ด้าน เช่น คุณลักษณะด้าน ความรู้ ความคิด ด้านการปฏิบัติ และด้านอารมณ์ความรู้สึกจะ ได้รับการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน เมื่อรู้ว่าการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสำคัญ มีดี และเป็นประโยชน์ต่อการจัดการเรียนรู้


24 8. การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) ภาพ https://shorturl.asia/DubNy การเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติเป็นกระบวนการจัดการ เรียนรู้ที่ผู้เรียนลงมือกระทำ และใช้กระบวนการคิดเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ กระทำลงไป เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ภายใต้สมมติฐาน พื้นฐาน 2 ประการ คือ การเรียนรู้เป็นความพยายามโดยธรรมชาติ ของมนุษย์ และแต่ละบุคคลมีแนวทางในการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน โดยผู้เรียนจะเปลี่ยนบทบาทจากผู้รับความรู้ไปสู่การมีส่วนร่วมใน การสร้างความรู้สามารถเก็บความจำในระบบความจำระยะยาว ทำ ให้ผลการเรียนรู้ยังคงอยู่ได้ในปริมาณที่มากกว่า และคงทนกว่า กระบวนการเรียนรู้แบบบรรยาย (passive learning) เป็นกระบวนการเรียนรู้ที่ทำให้ผลการเรียนรู้ของผู้เรียนเพิ่มขึ้นเพียง


25 ร้อยละ 50 เท่านั้น ในขณะที่กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (active learning) ที่ผู้เรียนนำเสนองานทางวิชาการ การเรียนรู้ใน สถานการณ์จำลองทั้งมีการฝึกปฏิบัติ ในสภาพจริง มีการเชื่อมโยง กับสถานการณ์ต่างๆ จะทำให้ผลการเรียนรู้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 90 บทบาทของครูในการจัดการเรียนรู้ ครูจัดกิจกรรมที่เน้นผู้เรียนเป็น ศูนย์กลางของการเรียนการสอนเน้นการนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต จริง สร้างบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโต้ตอบ มีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้สอน และเพื่อนในชั้นเรียนทุกกิจกรรมจัด สภาพการเรียนรู้แบบร่วมมือที่ท้าทาย และหลากหลาย บทบาทของ ผู้เรียนในกระบวนการเรียนรู้ ที่มีส่วนร่วมในการเรียนรู้สามารถสร้าง องค์ความรู้ และจัดระบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง การสร้างองค์ ความรู้ และร่วมมือกันมากกว่าการแข่งขันได้เรียนรู้ความรับผิดชอบ ร่วมกัน มีวินัยในการทำงานเป็นกระบวนการสร้างสถานการณ์ให้ ผู้เรียนอ่าน พูด ฟัง คิด เน้นทักษะการคิดขั้นสูง ครูสังคมศึกษาจึงต้องวางแผนในจัดการเรียนรู้ที่เน้น กระบวนการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติในทุกสาระ ทั้งสาระศาสนา หน้าที่พลเมือง เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ โดยการ ออกแบบกิจกรรมอย่างชัดเจน ที่สำคัญยิ่ง คือ ครูต้องใจกว้าง ยอมรับความสามารถในการแสดงออก และความคิดเห็นของผู้เรียน


26 9. หลักการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ภาพ https://shorturl.asia/u18Kq พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 ได้ระบุความหมายของการศึกษาว่า หมายถึง “กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคล และสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสาน ทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การ เรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต” นอกจากนี้แนวทางการจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่า ผู้เรียนทุกคนมี ความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมี


27 ความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียน สามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ดังนั้น กระบวนการจัดการเรียนรู้จึงจำเป็นต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถ พัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ดังนั้นกระบวนการ จัดการเรียนรู้จึงจำเป็นที่จะต้องจัดบรรยากาศ รวมทั้งแหล่งการ เรียนรู้ที่หลากหลายเพื่อเอื้อต่อผู้เรียนแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน จัดให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ให้ได้รู้จักคิดและ แก้ปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งกระบวนการจัดการเรียนรู้ดังกล่าว ครูผู้สอนต้องเปลี่ยนบทบาทตนจากผู้ดำเนินกิจกรรมการเรียนการ สอนทุกอย่างมาเป็นผู้ชี้แนะและอำนวยความสะดวกให้กับผู้เรียน ตลอดจนส่งเสริมให้ผู้เรียนเข้าใจและมีทักษะในเรื่องกระบวนการ เรียนรู้เพื่อสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ที่ตนเอง ต้องการได้การศึกษาในศตวรรษที่ 21 เป็นการเตรียมคนไปเผชิญ การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว รุนแรง พลิกผัน และคาดไม่ถึง คนยุค ใหม่จึงต้องมีทักษะที่สูงในการเรียนรู้และปรับตัว ครูและศิษย์ต้อง พัฒนาตนเองให้มีทักษะของการเรียนรู้ด้วย และในขณะเดียวกัน ต้องมีทักษะในการทำหน้าที่ครูในศตวรรษที่ 21 ซึ่งไม่เหมือนการทำ หน้าที่ครูในศตวรรษที่ 20 หรือ ศตวรรษที่ 19 (วิจารณ์ พาณิช, 2556 : 9)


28 10. รูปแบบการจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21 ในบทความนี้ ผู้เขียนมีความตั้งใจที่จะยึดปรัชญาการเรียนรู้ การสร้างความรู้ด้วยตนเอง (constructivism) และวิธีสอนแบบ การลงมือปฏิบัติ (active learning) มาประยุกต์ใช้ในการจัดการ เรียนรู้สังคมศึกษา 4 รูปแบบ ได้แก่ 1. การจัดการเรียนรู้แบบการใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problembased learning) 2. การจัดการเรียนรู้แบบการใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-based learning) 3. การจัดการเรียนรู้แบบการใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็น ฐาน (Creativity-based learning) 4. การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา (STEMeducation)


29 1. การเรียนรู้แบบการใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem– based learning) จอห์น ดิวอี้ (John-Dewey) เป็นผู้คิดวิธีสอนแบบ แก้ปัญหาได้เสนอแนวคิดว่าการเรียนรู้เกิดจากการปฏิบัติ หรือได้ลง มือกระทำด้วยตนเองนำไปสู่แนวคิดของการจัดการเรียนรู้โดยใช้ ปัญหาเป็นฐาน พัฒนาโดยคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพ Mcmaster University ประเทศแคนาดา การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐานใช้ ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงเป็นบริบทของการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึก ทักษะในการคิดที่หลากหลาย เช่น การคิดวิจารณญาณ คิด วิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดสร้างสรรค์ แม้จะนิยมใช้ในการ เรียนวิทยาศาสตร์แต่ก็มีความเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่จะนำมาใช้ในการ จัดการเรียนรู้สังคมศึกษาได้เป็นอย่างดี การจัดการเรียนรู้โดยใช้ ปัญหาเป็นฐานมีลักษณะสำคัญ ได้แก่


30 1) ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้อย่าง แท้จริง 2) จัดกลุ่มนักเรียนกลุ่มละประมาณ 5-8 คน 3) ครูทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยความสะดวกหรือผู้ให้ คำแนะนำ 4) ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้น (สิ่งเร้า) ให้เกิดการ เรียนรู้ 5) ปัญหาที่นำมาใช้ต้องมีลักษณะคลุมเครือไม่ ชัดเจน มีวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างหลากหลาย อาจมีคำตอบได้หลายคำตอบ 6) นักเรียนเป็นผู้แก้ปัญหาโดยการแสวงหาข้อมูล ใหม่ๆ ด้วยตนเอง 7) ประเมินผลจากสถานการณ์จริงในขณะทำ กิจกรรมการเรียนรู้ (learningprocess) และผลงานจากการเรียนรู้ (learning product) จากผลการวิจัยทางด้านการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน พบว่า มีขั้นตอนในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 7 ขั้นตอน ประกอบด้วย 1) ทำความเข้าใจคำศัพท์ข้อความที่ปรากฏอยู่ใน ปัญหาให้ชัดเจน


31 2) ระบุปัญหาหรือข้อมูลสำคัญร่วมกัน 3) ระดมสมองเพื่อวิเคราะห์ปัญหาต่างๆ 4) วิเคราะห์ปัญหา เพื่ออธิบาย และตั้งสมมติฐาน ที่เชื่อมโยงกันกับปัญหาตามที่ได้ระดมสมอง 5) กำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้เพื่อค้นหา ข้อมูลที่จะอธิบายผลการวิเคราะห์ที่ตั้งไว้ 6) ค้นคว้าด้วยตนเองจากสื่อ และแหล่งการเรียนรู้ ต่างๆ และพัฒนาทักษะการเรียนรู้ 7) รายงานผลสรุปเป็นหลักการ และแนวทางเพื่อ นำไปใช้โอกาสต่อไป บทบาทของครู ครูมีบทบาทในการใช้คำถาม “อย่างไร” ทุกครั้งที่ผู้เรียน เสนอแนวคำตอบแนะนำให้เสนอความรู้แบบต่างๆ เช่น การ เชื่อมโยงโมเดลอุปมาอุปมัยแผนผังความคิดเรื่องที่ค้นพบได้จากไหน ได้ข้อสรุปอะไรบ้าง ใครได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้ และได้อะไรการ ประเมินปฏิบัติการโดยประเมินการใช้ข้อมูลร่วมกัน การค้นหาและ นิยามปัญหา การได้มาซึ่งความรู้ การนำตนเองทักษะการเรียนแบบ ร่วมมือ และการแก้ปัญหาใช้การประเมินตามสภาพจริง สร้างเกณฑ์ การประเมิน เพื่อประเมินการอภิปรายการเขียนอนุทินบันทึกการ


32 ทดลองการให้คะแนนตนเอง และการสัมภาษณ์ผลที่เกิดกับผู้เรียน ผู้เรียนมีโอกาสพัฒนาทั้งความรู้ในเนื้อหาวิชา และทักษะต่างๆ ที่ สอดคล้องกับบริบทจริง และสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริง พัฒนา ทักษะการคิดเชิงวิพากย์ การคิดวิเคราะห์ การคิดอย่างเป็นเหตุเป็น ผล และนำไปสู่การคิดแก้ปัญหาการเรียนรู้ตลอดชีวิต สามารถ ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีแรงจูงใจในการเรียนรู้ และมีความคงทนของความรู้วิชาสังคมศึกษามีปัญหามากมายที่ เชื่อมโยงกับชีวิต จริงเหมาะกับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็น ฐาน เนื่องจากปัญหาสังคม ปัญหาจริยธรรม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาภัยพิบัติ ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องที่ กระทบกับทุกคน ดังนั้นการฝึกทักษะในการแก้ปัญหา จึงเป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนก่อนออกไปสู่การ ดำเนิน ชีวิตจริง เพื่อให้มีความสุข และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติ สุข 2. การจัดการเรียนรู้แบบการใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-based learning) การเรียนรู้แบบการใช้โครงงานเป็น ฐาน (Projectbased learning) เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอด ชีวิตสอดคล้องกับปรัชญาการสร้างความรู้ด้วยตนเอง (constructivism) แ ล ะ ท ฤ ษ ฎ ี ก า ร เ ร ี ย น ร ู ้ แ บ บ ร ่ ว ม มื อ (cooperativelearning) ซึ่งครูเป็นผู้จัดประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน


33 เหมือนกับชีวิตจริงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้เรียนได้สร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเองพัฒนาการคิดสร้างสรรค์ การคิดแก้ปัญหา และการคิด ขั้นสูง (higher order thinking) การทำงานร่วมกัน ฝึกภาวะผู้นำ และผู้ตาม การจัดการเรียนรู้แบบการใช้โครงงานเป็นฐาน แบ่งตาม กิจกรรม 4 ประเภท ได้แก่ โครงงานเชิงสำรวจ (survey project) โครงงานเชิงค้นคว้าทดลอง (experimental project) โครงงานเชิง พัฒนาหรือสร้างสิ่งประดิษฐ์ (developmentproject) และ โครงงานเชิงแนวคิดทฤษฎี (theoretical- project) มูลนิธิ Autodesk, California ได้กำหนดลักษณะของการจัดการเรียนรู้ แบบการใช้โครงงานเป็นฐานดังนี้ 1) การมีส่วนร่วม และสร้างความสนใจให้ผู้เรียน 2) ให้มีความหมาย และบริบทที่แท้จริงสำหรับการเรียนรู้ 3) ผู้เรียนดื่มด่ำในความซับซ้อนของปัญหาในโลกแห่ง ความเป็นจริง 4) อนุญาตให้ผู้เรียนเลือก และการตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญ 5) มีการเชื่อมต่อระหว่างผู้เรียนกับทรัพยากรของชุมชน และผู้เชี่ยวชาญ 6) ต้องการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความรู้ และทักษะที่สำคัญ 7) สามารถจัดการเรียนรู้ในหลายสาขาวิชาเพื่อแก้ปัญหา และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้ง


34 8) สามารถสร้างโอกาสในการสะท้อน และการประเมิน ตนเอง 9) ส่งผลให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ 10) มีการจัดนิทรรศการที่ดีเพื่อนำเสนอต่อสาธารณะ ขั้นตอนการทำโครงงาน การทำโครงงานมีขั้นตอนในการดำเนินงาน ดังนี้ 1) ผู้เรียนคิด และเลือกหัวเรื่องด้วยตนเอง 2) วางแผนเขียนเค้าโครง และนำเสนอต่อครู 3) ดำเนินงานตามแผนงานที่วางไว้ 4) เขียนรายงาน 5) นำเสนอผลงาน 6) การประเมินผลโครงงาน เพื่อสะท้อนความสำเร็จของ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยครู และผู้เรียน ครูต้องเป็นผู้ให้ความรู้ด้านทฤษฎี หลักการกระบวนการ วิธีการคิด และยุทธศาสตร์การคิดกระตุ้น ให้ผู้เรียนคิดหัวข้อ โครงงาน และวิธีการเขียนโครงงานให้คำแนะนำ ชี้แนะแหล่งข้อมูล แหล่งความรู้ และวิธีการดำเนินงานให้ความรู้ทักษะ และเทคนิคใน การทำโครงงานจัดงบประมาณ อุปกรณ์สนับสนุนแต่ละโครงงาน และเป็นที่ปรึกษาโครงงานประสานงานกับอาจารย์ และผู้ที่ เกี่ยวข้องติดตามความก้าวหน้าในการปฏิบัติงาน เป็นกรรมการ


35 ตรวจสอบโครงงาน ประเมินโครงงานของนักเรียนและการจัด นิทรรศการผู้เรียนจะได้รับประโยชน์หลายประการ ได้แก่การเรียนรู้ เกี่ยวกับการทำงาน การประสานงาน การวางแผนการทำงาน กล้าแสดงออก รู้จักหน้าที่ และมีความรับผิดชอบการทำงานเป็นหมู่ คณะ การเป็นผู้นำ และผู้ตามที่ดีการพัฒนาความคิด รู้จักแบ่งเวลา และการตรงต่อเวลา สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่สำคัญที่สุด คือ เข้าใจชุมชน เข้าใจมนุษย์ และสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ผู้เขียนวิเคราะห์จากสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม และนำเสนอชื่อโครงงานจากผู้เรียนที่ลงมือปฏิบัติจริงมา เป็นตัวอย่าง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดการเรียนรู้สังคมศึกษาให้ ผู้เรียนเกิดทักษะ 3R และ 7C 3. การจัดการเรียนรู้แบบการใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็น ฐาน (Creativity-based learning) การจัดการเรียนรู้ แบบ สร้างสรรค์ เป็นฐานเป็นการวิจัยต่อยอดมาจากการจัดการเรียนรู้ โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน ที่ผู้เรียนได้ฝึกทักษะต่างๆ แต่ยังขาดทักษะ ด้านความคิดสร้างสรรค์ จากการวิจัยพบว่า ผู้เรียนที่เรียนรู้แบบโดย ใช้ปัญหาเป็นฐาน มีความคิดสร้างสรรค์ก่อนเรียน และหลังเรียน แตกต่างกันน้อยมาก จึงนำเอาทฤษฎีความคิดสร้างสรรค์มาใช้ ร่วมกับการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน พบว่าผู้เรียนสามารถ พัฒนาทักษะการคิดสร้างสรรค์สูงขึ้นสนุกกับการเรียน ได้รับความรู้


36 สามารถนำความรู้ไปอธิบายปรากฏการณ์หรือแก้ปัญหาได้ และยัง ส่งเสริมทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 อีกด้วย บทบาทของครู ครูเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ โดยการจัดการเรียนรู้ แบบสร้างสรรค์เป็นฐานประกอบด้วยกระบวนการ 8 ประการ และ บรรยากาศ 9 ประการ ดังนี้ กระบวนการ 8 ประการ ประกอบด้วย 1) สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นความอยากรู้ 2) เปิดโอกาสให้ผู้เรียนค้นหารวบรวมข้อมูล แยกแยะ และนำมาสร้างเป็นความรู้ 3) การสอนจะสอนเมื่อมีคำถาม 4) ผู้เรียนมีโอกาสหาทางแก้ปัญหาด้วยตนเอง 5) ใช้เกมเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ 6) แบ่งกลุ่มทำโครงงาน 7) ให้ผู้เรียนนำเสนอผลงานแบบสร้างสรรค์ 8) ใช้การวัดผลด้านต่างๆ ตามเป้าหมายที่ได้ ออกแบบไว้ บรรยากาศ 9 ประการ ประกอบด้วย 1) ให้ผู้เรียนมีเวลาศึกษาค้นคว้า อภิปราย และ นำเสนอมากที่สุด 2) หลีกเลี่ยงการอธิบายอย่างละเอียด แต่จะตั้ง คำถามเพื่อให้ผู้เรียนสนใจต่อ


37 3) ครูต้องหลีกเลี่ยง การตัดสินแบบเด็ดขาด เช่น ถูก-ผิด 4) ครูสนับสนุนให้ผู้เรียนคิด 5) ใช้เรื่องที่ผู้เรียนสนใจเป็นเนื้อหาสำหรับ การศึกษาค้นคว้า และตามด้วยเนื้อหาตามตำรา 6) ควรใช้เวลาเรียนมากกว่า 90 นาทีบูรณาการ รายวิชา ที่เกี่ยวโยงกับปัญหา โดยมีกลุ่มครู2-3 คน จัดการเรียนรู้ ร่วมกัน 7) เน้นให้ผู้เรียนสนใจพัฒนาการตนเอง และครู วัดผลเพื่อ รายงานให้ผู้เรียนทราบการพัฒนา ในแต่ละด้าน 8) ผู้เรียนต้อง เรียนรู้ด้วยความสมัครใจความ สนใจและให้ความร่วมมือ ครูควร หลีกเลี่ยงการ ลงโทษ 9) ครูเป็นผู้รับฟังเรื่องราวที่นักเรียน คิดนำเสนอ และเรียนรู้ไปพร้อมๆ กัน ครูควรให้กำลังใจ และแสดงความคิดเห็น ในโอกาสที่เหมาะสม ตัวอย่าง การจัดการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์เป็นฐาน เรื่อง “การอนุรักษ์แหล่งน้ำจืด” ควรมีขั้นตอน ดังนี้


38 1) กระตุ้นความสนใจของผู้เรียนเรื่อง แหล่งน้ำจืด ปัญหามลพิษทางน้ำ จากหนังสือพิมพ์ ข่าวทางโทรทัศน์ผลงานวิจัย หรือปัญหาใกล้ตัว 2) ให้ผู้เรียนคิดตั้ง คำถามหรือหัวข้อเพื่อค้นคว้า ในเรื่องแหล่งน้ำจืด ปัญหา และเรื่องที่เกี่ยวข้อง 3) แบ่งกลุ่มผู้เรียนให้ค้นคว้าโดยใช้เทคโนโลยีที่ หลากหลายจากหลายๆ แหล่ง 4) ระหว่างการค้นคว้าครูอาจเดินพูดคุยเพื่อ กระตุ้นความสนใจหรืออธิบายตามที่ผู้เรียนต้องการ 5) วิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลเพื่อการแก้ปัญหา อย่างสร้างสรรค์บนพื้นฐานของความเป็นจริง 6) การนำเสนอผลงานของแต่ละกลุ่มตามที่ ค้นคว้ามาอย่างสร้างสรรค์ 4. การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา (STEM education) สะเต็มศึกษา เป็นการจัดการเรียนรู้ในวิชา วิทยาศาสตร์ ที่บูรณาการความรู้ 4 วิชาเข้าด้วยกัน คือ วิทยาศาสตร์–เทคโนโลยี–วิศวกรรมศาสตร์–และคณิตศาสตร์ (Science–Technology-Engineering–Mathematics:STEM) เน้นการนำความรู้ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริงรวมไปถึงกาพัฒนา “กระบวนการ” หรือ “นวัตกรรม” ที่สังคมโลกในศตวรรษที่ 21


39 ต้องการกำลังคนที่มีความคิดสร้างสรรค์สถาบันส่งเสริมการสอน วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี(สสวท.) และสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการร่วมมือกันนำสะ เต็มศึกษามาใช้เป็นนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยี เพื่อพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาทักษะการทำงานเป็นทีม ทักษะการสื่อสาร/การนำเสนอทักษะการใช้เครื่องมือ/เทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์และนำไปสู่การสร้างนวัตกรรมในการดำรงชีวิต โครงงานเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา จึง ต้องมีครูที่มีคุณภาพ และเข้าใจการจัดการเรียนรู้แบบ สะเต็มศึกษา อย่างแท้จริง ส่วนผู้บริหารมีหน้าที่ในการประสานงานสนับสนุนครู ให้เข้าฝึกอบรม และวางแผนการเรียนการเรียนรู้เพื่อให้ผู้เรียนมี พื้นฐานทางด้านวิธีหาเหตุผล (Inquiry-based) การทดลอง (experiment) และประเมินผลตามมาตรฐานของหลักสูตรเนื้อหา สังคมศึกษาที่เหมาะกับการจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษา ผู้เขียน บูรณาการศาสตร์การจัดการเรียนรู้แบบสะเต็มศึกษาในวิชาสังคม ศึกษาขึ้นมาใหม่เป็น S-STEM (Social Studies-STEM) หมายถึง การจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชา สังคมศึกษาโดยการบูรณาการแบบ สะเต็มศึกษา


40 สรุป การจัดการเรียนการสอนสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21 ถือ ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะการสอนสังคมศึกษามีการ จัดการเรียนรู้ถึง 5 สาระการเรียนรู้ ได้แก่ สาระศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม สาระหน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตใน สังคม สาระเศรษฐศาสตร์ สาระประวัติศาสตร์ และสาระภูมิศาสตร์ ในการจัดการเรียนการสอนที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลง ทางด้านเทคโนโลยี จึงต้องมีการจัดการเรียนรู้ที่มีหลักการ และ วิธีการสอนให้ผู้เรียนได้มีความรู้ มีทักษะ ลงมือปฏิบัติ และมี ประสบการณ์จริง เพื่อที่ตัวผู้เรียนสามารถนำประสบการณ์ที่ได้จาก การจัดการเรียนรู้ไปใช้ให้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตในสังคม อย่างสันติ และมีความสุข


41 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. แหล่งที่มาhttp://www.mengrai.ac.th/ ebooktrain/sara.doc. กนก จันทร์ทอง. การสอนสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21. [ออนไลน์]. 2560, แหล่งที่มา : https://shorturl.asia/dAcUm พระศักดิ์ดา อคฺคปญฺโญ (งานหมั่น). การสอนสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21 เพื่อส่งเสริมทักษะความคิด ส ร ้ า ง สรรค์. [อ อ น ไ ล น์]. 2562, แหล่งที่มา : https://shorturl.asia/nk5VJ Benzene. การประยุกต์ใช้ Active Learning ในการเรียนการสอน. [ออนไลน์]. 2564, แหล่งที่มา : https://shorturl.asia/zZpQV รองศาสตราจารย์ ดร. ชูศักดิ์ เอกเพชร. การสอนสังคมศึกษาในศตวรรษที่ 21. [ออนไลน์]. 2562, แหล่งที่มา : https://shorturl.asia/MbiZa ทฤษฎีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructionism). [ออนไลน์]. (ม.ป.ป.), แหล่งที่มา : https://shorturl.asia/LqxRH


42


Click to View FlipBook Version