3หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี
ระบบตอ่ มไรท้ อ่
ผลการเรียนรู้
• สืบค้นข้อมูล อธบิ าย และเขยี นแผนผงั สรุปหนา้ ที่ของฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ทอ่ และเนื้อเยื่อท่สี ร้างฮอร์โมน
ฮอรโ์ มนมีผลตอ่ การรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย
อย่างไร และหากการสรา้ งหรอื การทางานของ
ฮอรโ์ มนผดิ ปกตจิ ะสง่ ผลต่อรา่ งกายอยา่ งไร ?
ตอ่ มไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อควบคมุ ดลุ ยภาพ
ของร่างกายไดอ้ ย่างไร ?
ตอ่ มไร้ทอ่ (endocrine gland) VSต่อมไร้ทอ่ ต่อมมีทอ่
ไม่มที ่อลาเลียงเลียงสารออกสู่ภายนอก
ทาหนา้ ทสี่ รา้ งฮอร์โมน (hormone) ซ่ึงมผี ลตอ่
การเปล่ียนแปลงทางสรรี วทิ ยาของร่างกาย
มหี ลอดเลือดมาหลอ่ เลี้ยงจานวนมาก
เพ่อื ลาเลียงฮอร์โมนไปยงั อวยั วะเป้าหมาย
เซลลท์ ่ีเป็นองคป์ ระกอบของตอ่ มจะมลี ักษณะ
พิเศษซ่งึ แตกต่างจากเซลล์อน่ื ๆ
สารทส่ี รา้ งไดจ้ ะมีลกั ษณะเฉพาะและไมส่ ามารถ
สร้างไดจ้ ากต่อมอ่นื ๆ
ฮอร์โมน (hormone)
หลอดเลือด สารเคมีที่สรา้ งจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะบางอวยั วะ
ต่อมไรท้ อ่ ส่วนใหญเ่ ป็นสารประเภทโปรตีน เอมนี และสเตอรอยด์
เซลล์เป้าหมาย
ทาหน้าทค่ี วบคมุ การทางานของระบบต่างๆ ในรา่ งกาย
โมเลกุลฮอร์โมน ให้อยู่ในสภาวะสมดลุ
หลัง่ เข้าสรู่ ะบบหมนุ เวยี นเลอื ดเพ่ือลาเลยี งไปยังอวัยวะ
เปา้ หมายอย่างเฉพาะเจาะจง
ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวยั วะที่สาคญั
ต่อมไรท้ ่อแต่ละชนดิ ผลิตฮอร์โมนชนิดใดบ้าง
และมีผลต่อรา่ งกายอย่างไร ?
ต่อมไพเนยี ล (pineal gland) ตอ่ มไพเนยี ล
ต่อมขนาดเล็ก อยู่ระหว่างสมองส่วนเซรีบรัมด้านซ้าย
และด้านขวา
ในสัตวเ์ ลอื ดเย็นทาหนา้ ท่เี ป็นกลุม่ เซลล์รบั แสง
ในสัตวเ์ ลย้ี งลกู ด้วยนา้ นมทาหน้าทีส่ ร้างเมลาโทนนิ
(melatonin) ซ่ึงมผี ลยับยง้ั การเจรญิ เติบโตของอวยั วะ
สบื พนั ธไุ์ ม่ให้เร็วเกนิ ไปในชว่ งกอ่ นวยั เจรญิ พันธ์ุ
หากร่างกายไม่สร้างเมลาโทนินจะทาให้การเจริญเติบโต
เข้าสู่วัยเจริญพันธ์ุเร็วกว่าปกติ หรือหากสร้างมากเกินไป
จะทาให้เจริญเติบโตเขา้ สวู่ ัยเจรญิ พนั ธ์ุช้ากวา่ ปกติ
ต่อมใต้สมอง (pituitary gland) แบ่งออกเป็น 2 สว่ น
นิวโรซีครที อรเี ซลล์ ตอ่ มใต้สมองสว่ นหน้า (anterior pituitary gland)
ไฮโพทาลามสั เจรญิ และพัฒนาจากเน้ือเยื่อชั้นเอ็กโทเดริ ์ม
สรา้ งฮอรโ์ มนไดเ้ อง
ตอ่ มใต้สมองส่วนหนา้ การหลัง่ ฮอร์โมนถูกควบคุมโดยฮอร์โมนประสาทจากไฮโพทาลามัส
ตอ่ มใตส้ มองส่วนหลัง
ต่อมใต้สมองสว่ นหลัง (posterior pituitary gland)
เจรญิ และพฒั นาจากเนอ้ื เย่ือประสาททตี่ ิดกบั สมอง
ไม่สามารถสรา้ งฮอรโ์ มนได้
มีปลายแอกซอนของนิวโรซีครที อรเี ซลลจ์ ากไฮโพทาลามัส
ทาหน้าทลี่ าเลยี งฮอรโ์ มนประสาทออกมายงั ต่อมใต้สมองส่วนหลัง
ฮอรโ์ มนจากตอ่ มใต้สมองส่วนหน้า ต่อมใต้สมอง
สว่ นหนา้
โกนาโดโทรปนิ (gonadotropin, Gn) แบง่ ออกเปน็
ฟอลลิเคิลสติมิวเลตงิ ฮอร์โมน (FSH) และ ลทู ไิ นซิงฮอร์โมน (LH)
ในเพศหญิง FSH กระตุ้นฟอลลิเคิลให้เจริญและทางานร่วมกับ LH กระตุ้นฟอลลิเคิล
ให้สร้างอีสโทรเจน เม่ือ LH เพ่ิมสูงขึ้นจะกระตุ้นการตกไข่ ฟอลลิเคิลกลายเป็น
คอร์ปัสลูเทียมและหลั่งโพรเจสเทอโรน ซ่ึงทางานร่วมกับอสี โทรเจนในการเปล่ียนแปลง
ของรังไขแ่ ละมดลูกเพอื่ รองรับการฝังตัวของเอม็ บรโิ อ
ในเพศชาย FSH กระตุ้นการเจริญของอัณฑะและการสร้างสเปิร์มของหลอดสร้าง
สเปิร์ม ส่วน LH กระต้นุ เซลลเ์ ลย์ดิกภายในอณั ฑะใหส้ ร้างเทสโทสเทอโรน
โกรทฮอร์โมน (growth hormone, GH) หรือ โซมาโตโทรปิน (somatotropin)
ควบคุมการเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายให้เป็นปกติ
ในเดก็ หากหลงั่ GH มากเกนิ ไป ทาใหเ้ กดิ สภาวะยักษ์ หากหลง่ั GH น้อยเกนิ ไป ทาใหเ้ กดิ สภาวะเต้ยี แคระ
ในผูใ้ หญ่ หากหล่ัง GH มากเกนิ ไป ทาใหเ้ ปน็ โรคอะโครเมกาลี หากหลง่ั GH นอ้ ยเกินไป ทาให้เปน็ โรคไซมอนส์
ฮอรโ์ มนจากตอ่ มใตส้ มองส่วนหนา้ ฮอร์โมนจากตอ่ มใต้สมองสว่ นหลงั
ไทรอยด์สตมิ ิวเลตงิ ฮอรโ์ มน วาโซเพรสซิน (vasopressin) หรอื ฮอร์โมน
(thyroid stimulating hormone, TSH) แอนติไดยูเรตกิ (antidiuretic hormone, ADH)
กระตนุ้ ตอ่ มไทรอยดใ์ หส้ รา้ งไทรอกซิน ควบคุมการดูดน้ากลบั ของทอ่ หน่วยไต
อะดรโี นคอร์ติโคโทรปนิ กระตุ้นหลอดเลือดอาร์เตอรีใหห้ ดตัว
(adrenocorticotrophic hormone, ACTH) หากมีการหลั่ง ADH น้อยเกินไป ทาให้เป็น
โรคเบาจดื
กระตุ้นการสร้างฮอร์โมนของต่อมหมวกไต ออกซิโทซิน (oxytocin)
ส่วนนอก กระตุ้นกล้ามเนื้อมดลูกให้บีบตัว
โพรแลกทิน (prolactin) ทาให้คลอดบุตรง่ายขนึ้
กระตุ้นการเจริญเตบิ โตของท่อผลิตน้านม กระตุ้นการหดตัวของกล้ามเน้ือเรียบ
กระตุน้ การสรา้ งและหล่งั น้านม ในเต้านม ทาใหห้ ลั่งน้านมมากขน้ึ
เอนดอรฟ์ นิ (endorphin)
มีฤทธิ์คลา้ ยมอรฟ์ ิน
ถูกหลงั่ ออกมาขณะออกกาลงั กายหรอื มีอารมณ์
แจม่ ใส เรียกสารน้วี า่ สารแห่งความสขุ
ตอ่ มไทรอยด์ (thyroid gland) กลอ่ งเสียง
ต่อมไทรอยด์
ต่อมไร้ท่อที่มีขนาดใหญ่ท่ีสุด มีสีน้าตาลแดง
และมหี ลอดเลือดมาหล่อเล้ยี งจานวนมาก ทอ่ ลม
อยู่บริเวณลาคอติดกับกล่องเสียง และถูกหุ้ม
ด้วยพงั ผืดที่หุ้มกลอ่ งเสียงและทอ่ ลม
แบ่งเป็น 2 พู ได้แก่ พูด้านขวาและพูด้านซ้าย
ท่เี ช่อื มตอ่ กัน
ด้านหลังมีต่อมพาราไทรอยด์ติดอยู่ พูละ 2 ต่อม
สร้างฮอร์โมน 2 ชนิด ไดแ้ ก่ ไทรอกซิน
(thyroxin) และแคลซโิ ทนนิ (calcitonin)
การศึกษาเกี่ยวกบั ต่อมไทรอยด์
พ.ศ. 2426 อี. โคเชอร์ (E. Kocher)
พ.ศ. 2438
พ.ศ. 2439 หากตดั ตอ่ มไทรอยดอ์ อกจะทาให้รา่ งกายออ่ นแอ ไมม่ ีแรง มอื เทา้ และตวั บวม ผิวหนังแห้งแข็งเปน็ สะเกด็ สมองเส่อื ม
พ.ศ. 2448 และหากตัดตอ่ มไทรอยด์ในสัตว์ทดลองทยี่ ังเจริญไมเ่ ตม็ ท่จี ะทาให้สัตวม์ ลี กั ษณะแคระแกร็น
แมกนัส เลวี (Magnus Levy)
นาตอ่ มไทรอยด์ของแกะมาทาให้แห้ง แลว้ บดให้คนปกติรับประทาน
พบวา่ รา่ งกายมีอัตราเมแทบอลิซึมสงู ขนึ้ จึงสามารถใชร้ ักษาคนไข้ทข่ี าดฮอรโ์ มนจากต่อมไทรอยด์ได้
ซี. ซ.ี โบมานน์ (C.Z. Boumann)
เซลลข์ องต่อมไทรอยดม์ สี ารไอโอดีนสงู กว่าเซลล์อนื่ ๆ ในรา่ งกายถึง 100 เทา่
และเซลลข์ องตอ่ มไทรอยดข์ องคนท่ีอาศัยอย่ใู กล้ทะเลจะมีไอโอดนี สงู กว่าคนท่ีอาศยั อยบู่ ริเวณห่างจากทะเล
เดวดิ มารีน (David Marine)
คนที่อาศัยอยู่ใกล้ทะเลมีโอกาสเป็นโรคคอพอกน้อยกว่าคนท่ีอาศัยอยู่บริเวณห่างจากทะเล และสัตว์ท่ีไม่ได้รับอาหารที่มี
ไอโอดนี จะเปน็ โรคคอพอก เดวิดจงึ ได้เสนอให้มกี ารเติมไอโอดีนลงในนา้ ดม่ื เพ่ือปอ้ งกนั ร่างกายขาดไอโอดนี
ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์
ไทรอกซนิ (thyroxin)
สร้างจากกลมุ่ เซลลไ์ ทรอยดฟ์ อลลิเคิล (thyroid follicle)
มธี าตุไอโอดนี (I) เปน็ องคป์ ระกอบจานวนมาก
ทาหนา้ ที่ควบคุมอัตราเมแทบอลซิ มึ ของรา่ งกาย ทาให้สามารถนา
สารอาหารและแก๊สออกซเิ จนไปใช้ในการสร้างพลังงานได้อยา่ งเต็มท่ี
แคลซโิ ทนนิ (calcitonin)
สร้างจากเซลล์พาราฟอลลิควิ ลาร์ (para follicular cell)
ทาหน้าท่ีลดระดับแคลเซียมในเลือด โดยกระตุน้ การสะสมแคลเซยี ม
ที่เซลลก์ ระดกู ลดการดูดแคลเซยี มกลับจากทอ่ หน่วยไต และลดการ
ดูดซึมแคลเซยี มที่ลาไส้เล็ก
ทางานร่วมกบั พาราไทรอยดฮ์ อร์โมนและวิตามินดี
ความผิดปกติของไทรอกซนิ
เครทนิ ซิ มึ (cretinism) ขาดไทรอกซินในวยั เดก็
มิกซดี มี า (myxedema) ขาดไทรอกซินในวยั ผใู้ หญ่
โรคคอพอก (simple goiter) ร่างกายขาดธาตไุ อโอดนี TSH จงึ หลงั่ ออกมามากเพ่อื กระตุ้นการสรา้ งไทรอกซนิ ของตอ่ มไทรอยดต์ ลอดเวลา
ตอ่ มไทรอยของคนปกติ ตอ่ มไทรอยของ
คนเปน็ โรคคอพอก
โรคคอพอกเปน็ พิษ (toxic goiter) เกดิ จากต่อมไทรอยด์ถูกกระตนุ้ ใหส้ ร้างไทรอกซินมากเกินไป ทาให้รา่ งกายมเี มแทบอลซิ ึมสูง
ตอ่ มพาราไทรอยด์ (parathyroid gland) ต่อมไทรอยด์
ตอ่ มพาราไทรอยด์
อยดู่ ้านหลังต่อมไทรอยด์ พูละ 2 ตอ่ ม
สร้างพาราไทรอยด์ฮอรโ์ มน (parathyroid hormone, PTH)
หรอื พาราทอร์โมน (parathormone)
ทาหนา้ ทีเ่ พมิ่ การสลายแคลเซยี มที่กระดูก เพิ่มการดูดแคลเซยี ม
กลับท่ีทอ่ หน่วยไต กระตนุ้ การขบั ฟอสฟอรัสออกทางปัสสาวะ
และเรง่ การดูดซึมแคลเซยี มเข้าสูล่ าไสเ้ ล็ก
ทางานร่วมกบั แคลซโิ ทนินและวิตามนิ ดี
การทางานร่วมกนั ของพาราไทรอยดฮ์ อรโ์ มนและแคลซโิ ทนนิ
แคลซิโทนนิ
กระตนุ้ การสรา้ ง สะสม Ca2+ ลดการดูด Ca2+ ลดการดดู ซมึ Ca2+
แคลซิโทนนิ ที่กระดกู กลับท่ีท่อหนว่ ยไต ทีล่ าไส้เลก็
จากต่อมไทรอยด์
ระดับ Ca2+ สูง
ระดับ Ca2+ ในเลือด กระตุน้ การสรา้ ง PTH
ระดบั Ca2+ ตา่ จากต่อมพาราไทรอยด์
สลาย Ca2+ เพ่ิมการดูด Ca2+ เพ่มิ การดูดซมึ PTH
ทกี่ ระดูก กลับที่ท่อหน่วยไต Ca2+ ทีล่ าไสเ้ ลก็
ตบั ออ่ น (pancreas) ตบั
กระเพาะอาหาร
อยดู่ ้านซา้ ยของชอ่ งทอ้ ง บริเวณลาไสเ้ ลก็ ส่วนต้นถงึ มา้ ม
และอยู่ดา้ นหลงั กระเพาะอาหาร
เปน็ ต่อมมที ่อสรา้ งน้าย่อยสง่ ไปยอ่ ยอาหารท่ลี าไสเ้ ลก็
และเปน็ ต่อมไรท้ ่อสรา้ งฮอร์โมน
ภายในมกี ลุม่ เซลล์ไอสเ์ ลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ (islets of
Langerhans) ทาหนา้ ทสี่ รา้ งฮอรโ์ มน
ตับอ่อน
ลาไส้เลก็ ส่วนตน้
การศกึ ษาเก่ยี วกบั ตับอ่อน
พ.ศ. 2411 พอล ลงั เกอร์ฮาส์ (Paul Langerhans)
คน้ พบกลุม่ เซลลไ์ อส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ (islets of Langerhans)
พ.ศ. 2432 โยฮันน์ ฟอน เมอริง (Johann Von Mering) และออสการ์ มนิ คอฟสกิ (Osgar Minkovski)
พ.ศ. 2455
ให้ความเหน็ วา่ การตัดตับออ่ นของสนุ ขั มีผลต่อการยอ่ ยอาหารประเภทลพิ ดิ
และยงั พบมดขึ้นปัสสาวะของสุนขั ทีถ่ ูกตดั ตับอ่อน ซึง่ ตอ่ มาอีก 2 สัปดาห์ สุนัขท่ถี ูกตัดตับออ่ นก็เสยี ชีวติ
มีผู้ทดลองแสดงความเห็นว่า กลุ่มเซลล์ไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์ผลิตสารบางอย่างและปล่อยมาทางระบบ
หมนุ เวียนเลือด เรียกสารนน้ั ว่า อินซูลนิ (insulin)
พ.ศ. 2463 เอฟ. จี. แบนติง (F. G. Banting) และซี. เอช. เบสต์ (C. H. Best)
ทดลองมัดทอ่ ตบั ออ่ นของสุนัข พบว่า ตับออ่ นไม่สามารถสรา้ งเอนไซม์ได้ แตก่ ลมุ่ เซลล์ไอสเ์ ลตออฟแลงเกอรฮ์ านส์ยงั ทางานได้
จึงสกดั อนิ ซูลนิ จากกลุม่ เซลล์ดงั กลา่ วและนาไปฉีดใหก้ ับสุนัขท่เี ปน็ โรคเบาหวานภายหลังจากตดั ตับออ่ น
ปรากฏวา่ สนุ ขั สามารถลดระดบั นา้ ตาลในเลอื ดและใชช้ วี ิตไดต้ ามปกติ ทาให้แบนตงิ ไดร้ ับรางวัลโนเบลในปี พ.ศ. 2466
ฮอรโ์ มนจากตับออ่ น เซลลบ์ ตี า (β-cell)
อยู่บริเวณส่วนกลางของไอส์เลตออฟแลงเกอร์ฮานส์
สรา้ งอนิ ซลู ิน (insulin) ทาหน้าทล่ี ดระดบั น้าตาลในเลอื ด
เซลลแ์ อลฟา (α-cell)
อยบู่ ริเวณรอบๆ ไอซเ์ ลตออฟแลงเกอร์ฮานส์
สร้างกลูคากอน (glucagon) ทาหน้าที่เพ่ิมระดับ
น้าตาลในเลอื ด
เซลล์เดลตา ( - cell)
พบเพยี งร้อยละ 5 ของเซลล์ทง้ั หมด
สร้างโซมาโทสแททิน (somstostatin) มผี ลยับยงั้
การหลัง่ อนิ ซลู ิน กลคู ากอน และฮอร์โมนบางชนดิ ใน
ระบบทางเดินอาหาร
การทางานของอนิ ซูลนิ และกลูคากอน อินซูลนิ กระต้นุ การสะสมกลโู คส
ตบั อ่อน ตับ เซลลก์ ล้ามเนือ
ระดับนาตาล ไกลโคเจน กลูโคส
ในเลอื ดสงู
ตบั ระดับนาตาล
ในเลือดตา่
ไกลโคเจน กลโู คส
ตับออ่ น
กลคู ากอน
โรคเบาหวาน (diabetes mellitus)
ความผิดปกติของอนิ ซลู ิน
เลือดมีระดบั น้าตาลสูง เนือ่ งจากเซลลไ์ มส่ ามารถนาน้าตาลไปใช้ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ
ตบั มปี ระสทิ ธภิ าพการเกบ็ สะสมกลโู คสในรปู ไกลโคเจนลดลง ทาใหห้ ลงั รบั ประทานอาหารมปี ริมาณน้าตาลในเลอื ดสูง
รา่ งกายต้องใชโ้ ปรตีนและลิพิดมาสลายเป็นพลังงานแทน ทาให้เลือดมีความเป็นกรดสูง
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 โรคเบาหวานชนิดท่ี 2
(Immune-mediated diabetes mellitus) (Non-insulin dependent diabetes mellitus)
เกดิ จากตับอ่อนไมส่ ามารถสรา้ งฮอรโ์ มนอินซลู ินได้ เกิดจากตบั สรา้ งอินซูลินได้ แตต่ ัวรบั สญั ญาณของอนิ ซูลินผดิ ปกติ
พบเพียงรอ้ ยละ 10 ของผปู้ ว่ ยทั้งหมด พบประมาณรอ้ ยละ 90 ของผปู้ ว่ ยทง้ั หมด
ผ้ปู ว่ ยต้องฉีดอินซลู ินเข้ารา่ งกายเป็นประจาทกุ วัน ผูป้ ว่ ยตอ้ งรับยาเพิ่มการตอบสนองของอินซูลนิ
ต่อมหมวกไต (adrenal gland)
อยเู่ หนือไตท้ังสองขา้ ง
แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น ไดแ้ ก่ ตอ่ มหมวกไตสว่ นนอก (adrenal cortex) และต่อมหมวกไตส่วนใน (adrenal medulla)
ต่อมหมวกไต
ต่อมหมวกไต
สว่ นนอก
ไต
ต่อมหมวกไต
ส่วนใน
ฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไตสว่ นนอก สร้างฮอร์โมนมากกว่า 50 ชนิด แบ่งออกเป็น 3 กลมุ่
1 กลโู คคอร์ติคอยด์ (glucocorticoids) ควบคุมเมแทบอลซิ ึม
ของคาร์โบไฮเดรต เช่น
คอรต์ ิซอล (cortisol) เพิ่มระดับน้าตาลในเลือดโดยสลาย
ไกลโคเจนทตี่ ับให้เป็นกลูโคส และกระตุ้นการสลายโปรตีน
และไขมนั ใหเ้ ป็นกรดอะมโิ นและกรดไขมัน
2 มเิ นราโลคอร์ติคอยด์ (mineralocorticoids) ควบคมุ สมดลุ
ของน้าและแร่ธาตุในรา่ งกาย เชน่
แอลโดสเตอโรน (aldosterone) ควบคมุ การดูดน้าและ
โซเดียมกลบั จากท่อหนว่ ยไต และขบั โพแทสเซยี มออกจาก
ทอ่ หนว่ ยไตใหส้ มดลุ กับความต้องการของรา่ งกาย
3 ฮอรโ์ มนเพศ (sex hormone) สรา้ งปริมาณเพียงเลก็ น้อย
แต่หากสร้างผิดปกติสง่ ผลให้เกดิ ความผดิ ปกตติ ่อร่างกาย เชน่
เจริญเติบโตเขา้ ส่วู ยั หนมุ่ สาวเร็วกวา่ ปกติ อวยั วะเพศเพม่ิ ขนาดขน้ึ
มขี นตามร่างกายมากกวา่ ปกติ
ฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไตสว่ นใน
1 อะดรีนาลนี (adrenalin) หรอื เอพเิ นฟรนิ (epinephrine)
ทาใหร้ ะดับน้าตาลในระบบหมุนเวียนเลือดเพม่ิ ขนึ้
กระตนุ้ การเตน้ ของหัวใจ ความดันเลือดสงู ทาใหห้ ลอดเลือด
อาร์เตอรขี ยายตวั
มีผลต่อการเปลย่ี นไกลโคเจนในตบั เป็นกลูโคส ทาให้สรา้ งพลงั งาน
ไดม้ ากกว่าปกติ
2 นอร์อะดรีนาลีน (noradrenalin) หรือนอร์เอพิเนฟริน
(norepinephrine)
มผี ลเช่นเดียวกบั อะดรีนาลนิ แต่ออกฤทธไ์ิ ดน้ ้อยกวา่
รก ไทมัส
รก ไทมสั
อวัยวะที่สรา้ งขึ้นในช่วงต้งั ครรภ์ อยู่บรเิ วณทรวงอกใต้กระดกู อก แบง่ เป็น 2 พู
สรา้ งฮวิ แมนคอรโิ อนกิ โกนาโดโทรปิน เจริญเตม็ ทตี่ ั้งแตเ่ ปน็ ทารกในครรภ์ เมื่อเขา้ ส่วู ัยรุน่ จะคอ่ ยๆ
(human chorionic gonadotropin; HCG) เล็กลง จนฝ่อไปเมื่อเขา้ สู่วัยผู้ใหญ่ และกลายเป็นผังพืด
กระตุ้นคอร์ปัสลูเทียมในรังไข่ให้เจริญต่อและ เมอ่ื เขา้ สู่วยั ชรา
สร้างโพรเจสเทอโรนเพม่ิ ขนึ้ สร้างไทโมซนิ (thymosin) กระตุน้ เนื้อเยอ่ื ของไทมัส
ใหส้ ร้างเซลลเ์ ม็ดเลือดขาวลมิ โฟไซตช์ นดิ เซลล์ที
กระเพาะอาหารและลาไส้เลก็ แกสตรนิ (gastrin)
สร้างจากเซลล์ต่อมในกระเพาะอาหาร
เปน็ ตอ่ มมที อ่ สร้างเอนไซม์ช่วยยอ่ ยอาหารและเปน็ ตอ่ มไร้ทอ่ สร้างฮอร์โมน ทาหน้าที่กระตุ้นการหลั่งกรดไฮโดรคลอริกและ
เอนไซมใ์ นระบบย่อยอหาร
ซคี รที นิ และ แกสตรนิ
คอลีซสิ โตไคนนิ ซคี รที นิ (secretin)
สรา้ งจากเซลลบ์ ุผวิ ผนังลาไส้เล็กส่วนต้น
คอลซี ิสโตไคนนิ
ทาหนา้ ทก่ี ระตนุ้ ตบั ออ่ นให้หลง่ั โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
ซคี รีทนิ กระต้นุ เพ่ือลดความเปน็ กรดของอาหารที่ผ่านเขา้ สสู่ าไส้เล็ก
คอลซี สิ โตไคนิน ยบั ยงั และยับยั้งการหลงั่ แกสตรินของกระเพาะอาหาร
คอลซี ิสโตไคนนิ (cholecystokinin)
สรา้ งจากเซลลบ์ ผุ วิ ผนังลาไสเ้ ลก็ ส่วนตน้
ทาหน้าที่กระตนุ้ การบบี ตวั ของถุงน้าดแี ละตบั ออ่ นใหห้ ล่ัง
เอนไซม์ และยับยง้ั การหล่งั แกสตรนิ ของกระเพาะอาหาร
การรักษาดลุ ยภาพของร่างกาย
ด้วยฮอร์โมน
ร่างกายรักษาดลุ ยภาพ
ของการหลง่ั ฮอร์โมนได้อย่างไร ?
การควบคมุ แบบป้อนกลับ (feedback control) แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท
การควบคมุ แบบป้อนกลับยบั ยงั (negative feedback control)
การควบคุมการหลง่ั ฮอร์โมน โดยมผี ลยบั ยั้งการทางานของตอ่ มไร้ท่อ
เช่น การหลั่งพาราไทรอยดฮ์ อร์โมน
กระตุ้น ตอ่ มพาราไทรอยด์
ระดับ Ca2+ ในเลอื ดต่า
หลง่ั ยับยงั
พาราไทรอยด์ฮอร์โมน ระดบั Ca2+ ในเลือดปกติ
กระตุ้น
กระดูกปลอ่ ย Ca2+ ออกมา
การควบคุมแบบปอ้ นกลบั (feedback control) แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ตอ่ มใต้สมองส่วนหลงั
การควบคมุ แบบป้อนกลับกระตุน้ (positive feedback control) ออกซโิ ทซนิ กระตนุ้ การบบี ตัว
การควบคมุ การหล่งั ฮอรโ์ มน โดยมีผลกระตุ้นการทางานของตอ่ มไรท้ อ่ ของกล้ามเนือมดลูกใหด้ นั
เช่น การหล่งั ออกซโิ ทซนิ ทารกออกมา
กระตุน้ การหล่งั ออกซิโทซิน มดลกู
จากตอ่ มใตส้ มองสว่ นหลัง ปากมดลกู
ยิ่งปากมดลูกเปดิ กวา้ งขึนจะกระตนุ้
การหลั่งออกซโิ ทซินมากขนึ
ฟีโรโมน
ฟโี รโมนมคี วามสาคัญต่อสตั ว์อยา่ งไร ??
ฟีโรโมน
สารเคมีทีผ่ ลิตจากตอ่ มมีท่อของสตั ว์
ไมส่ ง่ ผลต่อตัวสตั ว์เอง แต่สง่ ผลตอ่ สตั วต์ วั อน่ื ในสปชี สี เ์ ดียวกัน
จัดเป็นการสื่อสารด้วยสารเคมี (chemical communication)
ฟีโรโมนบอกอาณาเขตในสนุ ัข ฟีโรโมนนาทางในมด
ความแตกตา่ งของฮอรโ์ มนกับฟีโรโมน
ขอ้ เปรียบเทยี บ ฮอร์โมน ฟีโรโมน
ประเภทของสารเคมี กลุ่มโปรตนี เอมีน และสเตอรอยด์ กลมุ่ ลพิ ดิ ทมี่ ีโมเลกลุ สัน
แหลง่ ผลติ ต่อมไร้ท่อ ต่อมมีท่อ
การหล่ัง หล่ังและหมุนเวียนภายในรา่ งกาย หลง่ั ออกส่นู อกร่างกาย
การแสดงผล ส่งผลตอ่ ตวั สัตว์เอง ไมส่ ่งผลต่อตวั สัตว์เอง
แต่สง่ ผลตอ่ สัตวต์ ัวอน่ื ในสปีชสี เ์ ดียวกนั
สรปุ ระบบต่อมไร้ทอ่ หลอดเลอื ด
ตอ่ มไรท้ อ่
ทาหน้าท่ีสร้างฮอร์โมนและลาเลียงผ่านระบบหมุนเวียนเลือด
ไปยังอวัยวะเป้าหมาย เพ่ือควบคุมการทางานของระบบต่าง ๆ
ในร่างกายใหอ้ ยใู่ นภาวะสมดุล
ต่อมไร้ทอ่
เซลล์เปา้ หมาย
โมเลกลุ ฮอรโ์ มน
สรุป ระบบต่อมไร้ท่อ
ฮอร์โมนจากตอ่ มไรท้ ่อและอวัยวะที่สาคญั
แหล่งสร้าง ฮอรโ์ มน อวยั วะเปา้ หมาย หนา้ ที่
ตอ่ มไพเนียล เมลาโทนิน ไฮโพทาลามสั ยับยั้งการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธ์ุไม่ให้เจริญเติบโต
เร็วเกนิ ชว่ งวยั
ต่อมใตส้ มอง โกรทฮอร์โมน กระดกู กลา้ มเนอื้ กระตุ้นการเจรญิ ของกระดูก
ส่วนหนา้ ควบคุมเมแทบอลซิ ึมของคาร์โบไฮเดรตและลิพิด
โกนาโดโทรปนิ - เพศหญิง คือ รังไข่
- ฟอลลิเคลิ สตมิ วิ เลตงิ ฮอรโ์ มน - เพศชาย คือ หลอดสร้างสเปิรม์ - กระตนุ้ การเจริญของเซลล์ฟอลลเิ คลิ ใหส้ รา้ งอีสโทรเจน
- เพศหญิง คือ รังไข่ - กระตนุ้ การสร้างสเปิร์ม
- ลูทิไนซิงฮอร์โมน - เพศชาย คือ เซลล์เลย์ดิก - กระตนุ้ การตกไขแ่ ละการเจริญของคอร์ปสั ลเู ทยี ม
ให้สรา้ งอสี โทรเจนและโพรเจสเทอโรน
- กระต้นุ การสร้างเทสโทสเทอโรน
สรุป ระบบตอ่ มไร้ท่อ
ฮอรโ์ มนจากต่อมไร้ท่อและอวยั วะท่สี าคญั (ต่อ)
แหลง่ สรา้ ง ฮอรโ์ มน อวัยวะเป้าหมาย หนา้ ท่ี
ต่อมใต้สมอง โพรแลกทิน ตอ่ มน้านม กระตุ้นการสรา้ งน้านม
สว่ นหน้า อะดรีโนคอร์ติโคโทรปิน ต่อมหมวกไตส่วนนอก กระต้นุ การสรา้ งฮอรโ์ มนจากต่อมหมวกไตสว่ นนอก
ควบคุมตอ่ มไทรอยด์ใหห้ ลั่งฮอร์โมนอยา่ งปกติ
ไทรอยดส์ ติมวิ เลติงฮอร์โมน ต่อมไทรอยด์ เป็นสารสือ่ ประสาทและชว่ ยระงบั ความเจ็บปวด
กระตนุ้ การดูดน้ากลับทีท่ ่อขดส่วนปลายของทอ่ หนว่ ยไต
เอนดอรฟ์ นิ เซลล์ประสาท กระตนุ้ การหดตวั ของหลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี
ต่อมใตส้ มอง ฮอร์โมนแอนติไดยูเรติก ทอ่ ขดสว่ นปลายของทอ่ หนว่ ยไต กระต้นุ การบีบตัวของมดลูกและต่อมน้านม
ส่วนหลัง และหลอดเลอื ดอารเ์ ตอรี ควบคุมเมแทบอลิซึมของร่างกาย
ออกซิโทซนิ มดลกู และต่อมนา้ นม
ตอ่ มไทรอยด์ ไทรอกซนิ
สว่ นต่างๆ ของรา่ งกาย
สรุป ระบบต่อมไรท้ อ่
ฮอรโ์ มนจากต่อมไรท้ อ่ และอวัยวะท่สี าคญั (ตอ่ )
แหล่งสรา้ ง ฮอร์โมน อวยั วะเป้าหมาย หนา้ ท่ี
ตอ่ มไทรอยด์ แคลซโิ ทนิน ไต ลาไสเ้ ลก็ กระดกู ฟนั ลดระดับแคลเซียมในเลือดโดยเก็บที่กระดูกและฟัน
ยบั ย้ังการดูดแคลเซียมกลบั จากทอ่ หน่วยไต
ต่อมพารา พาราไทรอยดฮ์ อร์โมน ไต ลาไส้เล็ก กระดกู ฟัน ยบั ยงั้ การดดู ซึมแคลเซียมทล่ี าไสเ้ ลก็
ไทรอยด์
ตับ กลา้ มเนอื้ เนื้อเยอื่ ไขมนั เพิ่มระดับแคลเซียมในเลือดโดยสลายแคลเซียมทก่ี ระดกู
ไอส์เลตออฟ อนิ ซลู ิน ตบั กล้ามเนอ้ื เนือ้ เยือ่ ไขมัน กระตุ้นการดดู แคลเซียมกลบั ทีท่ อ่ หนว่ ยไต
แลงเกอร์ฮานส์ กระตนุ้ การดูดซึมแคลเซยี มที่ลาไส้เล็ก
ของตับออ่ น กลูคากอน
ลดระดบั น้าตาลในเลอื ดโดยเก็บไว้ทต่ี ับและกลา้ มเนอ้ื ในรปู
ไกลโคเจน และกระตนุ้ การเกบ็ ไขมันที่เนือ้ เย่ือไขมัน
เพม่ิ ระดบั น้าตาลในเลอื ดโดยสลายไกลโคเจนจากตบั
และกล้ามเนอื้ และเพ่ิมการเคลอ่ื นย้ายลพิ ิด
สรปุ ระบบตอ่ มไร้ท่อ
ฮอรโ์ มนจากตอ่ มไรท้ อ่ และอวัยวะทส่ี าคัญ (ตอ่ )
แหล่งสรา้ ง ฮอร์โมน อวยั วะเปา้ หมาย หนา้ ท่ี
ต่อมหมวกไต กลูโคคอร์ตคิ อยด์ สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เพิม่ ระดบั น้าตาลในเลอื ด โดยสลายจากโปรตีนและลิพดิ
ส่วนนอก - คอรต์ ซิ อล ทอ่ หนว่ ยไต
ควบคมุ การดูดน้าและโซเดยี มกลบั ทท่ี อ่ หน่วยไต
มิเนราโลคอร์ติคอยด์ ควบคมุ การเจรญิ เตบิ โตของรา่ งกายและระบบสบื พันธุ์
- แอลโดสเตอโรน เพิ่มน้าตาลในเลือด กระตุ้นใหห้ วั ใจเต้นเรว็ ข้นึ
ความดันเลือดสงู ขึ้น และกระตุน้ การสลายลิพดิ
ตอ่ มหมวกไต ฮอรโ์ มนเพศ ส่วนต่างๆ ของรา่ งกาย
ส่วนใน
อะดรีนาลีน กล้ามเนื้อโครงร่าง
นอร์อะดรนี าลนี กล้ามเนื้อหวั ใจ หลอดเลอื ด
สรุป ระบบตอ่ มไรท้ อ่
ฮอร์โมนจากต่อมไรท้ ่อและอวัยวะทส่ี าคัญ (ต่อ)
แหลง่ สร้าง ฮอร์โมน อวยั วะเปา้ หมาย หน้าที่
อณั ฑะ เทสโทสเทอโรน ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย ควบคมุ การสร้างเซลล์สบื พนั ธุเ์ พศชาย
และระบบสืบพันธ์ุ และการเกดิ ลกั ษณะข้นั ท่สี องของเพศชาย
รงั ไข่ อีสโทรเจน ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย ควบคุมการเปลยี่ นแปลงของรงั ไข่และเย่ือบผุ นงั ช้นั ในของมดลกู
และมดลกู และการเกิดลักษณะขั้นท่สี องของเพศหญงิ
โพรเจสเทอโรน มดลกู ชว่ ยในการเจรญิ เติบโตของเย่อื บชุ ั้นในของผนงั มดลกู
เพอื่ รองรบั การฝังตวั ของเอ็มบรโิ อ
รก ฮิวแมนคอรโิ อนกิ โกนาโดโทรปนิ รังไข่
กระตุ้นการเจรญิ ของคอร์ปัสลูเทยี มในรังไข่
และสร้างโพรเจสเทอโรนเพ่ิมข้นึ
สรุป ระบบตอ่ มไร้ท่อ
ฮอร์โมนจากต่อมไร้ท่อและอวยั วะทส่ี าคัญ (ตอ่ )
แหล่งสรา้ ง ฮอร์โมน อวยั วะเป้าหมาย หนา้ ที่
ไทมัส ไทโมซิน ระบบภมู ิค้มุ กัน กระตุ้นไทมัสให้สร้างเซลล์เมด็ เลือดขาวลมิ โฟไซตช์ นิดเซลลท์ ี
กระเพาะ แกสตริน กระเพาะอาหาร กระตุ้นการหล่งั เอนไซม์และกรดไฮโดรคลอรกิ
อาหาร ซคี รที ิน
ลาไส้เลก็ ตบั ออ่ น กระเพาะอาหาร กระตนุ้ การหลง่ั โซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตของตบั อ่อน
ตบั อ่อน ถงุ น้าดี กระเพาะอาหาร และยับย้งั การหลัง่ แกสตรนิ ของกระเพาะอาหาร
คอลีซสิ โตไคนิน
กระตุ้นการบบี ตวั ของถุงน้าดีและตับออ่ นใหห้ ล่งั เอนไซม์
และยับยงั้ การหลัง่ แกสตรินของกระเพาะอาหาร
สรปุ ระบบต่อมไร้ท่อ
การรักษาดลุ ยภาพของร่างกายดว้ ยฮอรโ์ มน
ควบคุมโดยการควบคมุ แบบป้อนกลับ แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท
การป้อนกลับยับยัง มีผลยับยั้งการทางานของต่อมไร้ท่อ การป้อนกลับกระตุ้น มผี ลกระต้นุ การทางานของต่อมไร้ทอ่
เช่น การหลั่งพาราไทรอยด์ฮอร์โมนของตอ่ มพาราไทรอยด์ เช่น การหลง่ั ออกซิโทซนิ ของตอ่ มใต้สมองส่วนหลงั
ระดบั Ca2+ ต่อมพาราไทรอยด์ กระตนุ้ การหล่ังออกซิโทซนิ ออกซิโทซินจะกระตุ้นการบีบ
ในเลอื ดตา่ หลงั่ จากตอ่ มใตส้ มองส่วนหลัง ตวั ของกล้ามเนือมดลูกใหด้ นั
ทารกออกมา
พาราไทรอยด์ฮอรโ์ มน ยับยัง
กระตุ้น ยิ่งปากมดลกู เปดิ กวา้ งขึนจะ
กระตุ้นการหลงั่ ออกซิโทซนิ
กระดกู ปล่อย Ca2+ ออกมา ระดับ Ca2+ มากขึน
ในเลือดปกติ
ฟีโรโมน
สารเคมที ี่ผลติ จากต่อมมที อ่ ของสตั ว์
ไม่ส่งผลตอ่ ตัวสัตว์เอง แตส่ ง่ ผลต่อสตั วต์ ัวอื่นในสปชี ีสเ์ ดยี วกนั
เปน็ การส่ือสารด้วยสารเคมี