The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รูปเล่มโครงการเรื่องกังหันน้ำ (Hydraulic Bench)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by มหิธร จบไตรเภท, 2023-09-06 00:30:36

รูปเล่มโครงการเรื่องกังหันน้ำ (Hydraulic Bench)

รูปเล่มโครงการเรื่องกังหันน้ำ (Hydraulic Bench)

42 เป็นสำยที่ใช้ตัวน้ำเป็นอะลูมิเนียมพันตีเกลียวเป็นชั น ๆ สำยชนิดนี สำมำรถรับแรงดันได้ต่้ำ จึงไม่ สำมำรถขึงสำยให้กับเสำที่มีระยะห่ำงมำก ๆ ได้ โดยทั่วไปจะไม่เกิน 50 เมตร ยกเว้นสำยที่มีขนำด 95 มิลลิเมตร ขึ นไปอำจจะขึงได้ถึง 100 เมตร 2. สายไฟฟ้าอลูมิเนียมชนิดผสม (AAAC) เป็นสำยที่ผสมตัวน้ำจำกหลำยวัสดุ ทั งอะลูมิเนียม, แมกนีเซียม และซิลิคอน ท้ำให้มีควำมเหนียว และ แรงดันได้สูงกว่ำ สำยอะลูมิเนียมล้วน ๆ ท้ำให้ขึงสำยได้ในระยะห่ำงได้มำกขึ น และทนต่อกำรกัด กร่อนของไอเกลือได้ดี จึงนิยมใช้เดินสำยในบริเวณชำยทะเล 3. สายไฟฟ้าอลูมิเนียมชนิดแกนเหล็ก (ACSR) เป็นสำยไฟที่ใช้ตัวน ้ำเป็นอะลูมีเนียมตีเกลียว และมีสำยเหล็กอยู่ตรงกลำง ท้ำให้สำมำรถรับแรงดึงได้ สูงขึ น ท้ำให้สำมำรถขยำยระยะห่ำงระหว่ำงเสำในกำรขึงได้มำกขึ น แต่สำยชนิดนี ไม่ทนต่อกำรกัด กร่อนของไอเกลือ จึงไม่ควรใช้งำนบริเวณชำยทะเล 4. สาย Partial Insulated Cable (PIC) เป็นสำยไฟชนิดที่น้ำมำใช้แทนสำยเปลือย เพรำะสำยเปลือยมีโอกำสที่ไฟฟ้ำลัดวงจรได้ง่ำย โดยสำย ชนิดนี ประกอบด้วยตัวน้ำอะลูมิเนียมตีเกลียว แล้วหุ้มด้วยฉนวน XLPE แต่ถึงแม้ว่ำสำยนี จะหุ้มฉนวน จริง แต่เป็นเพียงฉนวนที่ช่วยป้องกันกำรลัดวงจรเพียงเท่ำนั น ห้ำมสัมผัสโดยตรง 5. สาย Space Aerial Cable (SAC) เป็นสำยไฟที่มีอะลูมิเนียมตีเกลียวเป็นตัวน้ำ และหุ้มด้วยฉนวน XLPE เช่นเดียวกันกับสำยไฟชนิด PIC แต่จะมีเปลือกหุ้มอีกชั นหนึ่ง ท้ำให้มีควำมทนทำนมำกกว่ำสำยชนิด PIC แต่ถึงแม้ว่ำจะหุ้มเปลือกอีก ชั น ก็ไม่ควรแตะต้องโดยตรงเช่นกัน แต่สำยชนิดนี ก็สำมำรถวำงใกล้กันได้มำกกว่ำสำย PIC 6. สาย Preassembiy Aerial Cable (PAC) เป็นสำยไฟที่จัดเป็นสำยชนิด Fully Insulated มีโครงสร้ำงใกล้เคียงกับสำยไฟชนิด XLPE มีตัวน้ำ เป็นอะลูมิเนียม มีควำมทนทำนมำก เป็นสำยที่วำงใกล้กันได้ สำมำรถเดินผ่ำนอำคำร หรือบริเวณที่มี คนอำศัยอยู่ หรือวำงพำดไปกับมุมตึกได้ 7. สาย Cross-linked Polyethylene (XLPE) เป็นสำยที่นิยมใช้มำกที่สุดในปัจจุบัน จัดเป็นสำยชนิด Fully Insulated ที่มีส่วนประกอบหลำยส่วน ดังนี ตัวน้า : โดยส่วนใหญ่จะเป็นทองแดงตีเกลียว ซึ่งอำจจะอยู่ในรูปแบบของ Copper Concentric Strand หรือ Copper Compact Strand ชีลด์ของตัวน้า : ท้ำจำกสำรกึ่งตัวนึง ท้ำให้สนำมไฟฟ้ำระหว่ำงตัวน้ำกับฉนวนกระจำยได้อย่ำง สม่้ำเสมอ ช่วยลดกำรเกิด Breakdown ฉนวน : เป็นชั นที่หุ้มห่อชั นชีลด์ของตัวน ้ำอีกชั นหนึ่ง ท้ำด้วยฉนวน XLPE


43 ชีลด์ของฉนวน : เป็นชั นที่หุ้มทับชั นของฉนวนอีกที และหุ้มด้วยชั นของลวดทองแดง หรือเทป ทองแดงอีกที เพื่อจ้ำกัดสนำมไฟฟ้ำให้อยู่ภำยในสำยเคเบิ ล ป้องกันกำรรบกวน และกำรต่อชีลด์ลงดิน จะช่วยลดอันตรำยจำกกำรสัมผัสถูกสำยเคเบิ ลด้วย ท้ำให้กำรกระจำยของแรงดันอย่ำงสม่้ำเสมอ เปลือกนอก : โดยทั่วไปจะหุ้มด้วยพลำสติก PVC หรือ PE ขึ นอยุ่กับลักษณะของงำน โดยทั่วไปถ้ำใช้ งำนกลำงแจ้งจะใช้เป็น PVC ส่วน PE มักจะใช้กับกำรเดินลอย เพรำะมีควำมทนทำนต่อสภำพอำกำศ และถ้ำหำกเดินใต้ดินอำจจะมีชั นของ Service Tape อำจจะท้ำด้วยผ้ำ คั่นระหว่ำงชีลด์กับเปลือก นอก ช่วยป้องกันกำรเสียดสี และกระทบกระแทก วิธีเลือกใช้สายไฟให้เหมาะสม กำรเลือกใช้สำยไฟให้เหมำะสมกับงำนนับว่ำเป็นเรื่องที่ต้องใช้ควำมระมัดระวังเป็นอย่ำงสูง โดยปกติ ช่ำงที่ผ่ำนกำรอบรมมำจะมีควำมรู้ในเรื่องกำรใช้สำยไฟอยู่แล้ว แต่หำกมีกำรซื อสำยไฟโดยให้คนที่ไม่มี ควำมรู้ไปซื ออำจเกิดข้อผิดพลำดได้ ดังนั นกำรเลือกใช้สำยไฟฟ้ำให้เหมำะสมกับบ้ำนจึงมีข้อควรรู้ เลือกใช้สำยไฟที่ผ่ำนมำตรฐำนจำกส้ำนักงำนมำตรฐำนผลิตภัณฑ์อุตสำหกรรมหรือ มอก. นั่นเอง และ เพื่อควำมปลอดภัยที่ใช้ในงำนควรเลือกใช้สำยไฟที่ได้รับมำตรฐำน และได้รับกำรยอมรับในระดับ สำกลดีที่สุดต้องมีควำมรู้ควำมเข้ำใจว่ำสำยไฟแต่ละอย่ำงใช้งำนไม่เหมือนกัน หำกต้องกำรใช้สำยไฟที่ ใช้กำรตีกิ๊บเดินลอยในบ้ำนก็ต้องเลือกสำยไฟให้ถูกลักษณะ แต่หำกต้องกำรใช้สำยไฟที่ใช้ในกำรร้อย ท่อเป็นหลัก ก็ต้องเลือกใช้อีกแบบหนึ่ง แต่โดยปกติแล้วช่ำงจะเป็นคนแนะน้ำให้ หรือจะเป็นกำร เขียนสเปกแล้วให้เจ้ำของบ้ำนเป็นคนไปซื อมำ เพื่อจะได้ไม่ซื อผิด กำรเลือกใช้สำยไฟนั น ไม่ใช่เพียงค้ำนึงแค่เรื่องกำรใช้งำน รำคำ และควำมคุ้มค่ำเท่ำนั น แต่จะต้องรู้ ด้วยว่ำสำมำรถใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้ำในบ้ำนได้เหมำะสมหรือไม่ หำกต้องมีกำรเดินสำย เพื่อใช้งำน ไฟฟ้ำต่ำง ๆ เช่น กำรใช้แอร์ตู้เย็น หรือไมโครเวฟ ที่ต้องอยู่ติดกัน ควรเลือกสำยไฟที่มีคุณภำพ และ ให้ช่ำงผู้ช้ำนำญกำรเป็นคนติดตั งเท่ำนั น เพื่อควำมปลอดภัยของทุกคนในบ้ำนนั่นเอง


44 2.7 สกรูปลายสว่าน “สกรู” เป็นวัสดุที่จ้ำเป็นอย่ำงมำกส้ำหรับกำรยึดวัตถุสองชิ นให้ติดกัน มีหน้ำที่คล้ำยตะปูแต่จะอำศัย แรงหมุนเพื่อให้เกลียวเคลื่อนเจำะทะลุเข้ำไปในเนื อวัตถุได้ โดยทั่วไปคนส่วนมำกมักเรียกสกรูน็อตรวม กันว่ำ “น็อต” อันที่จริงแล้ว “สกรู” และ “น็อต” นั นมีควำมแตกต่ำงกันซึ่งอำจท้ำให้เกิดควำมสับสน ระหว่ำงผู้ซื อ และผู้ขำยได้ เรียกได้ว่ำเป็นเครื่องมือช่ำงที่มีส่วนท้ำให้งำนมีประสิทธิภำพมำกขึ น ซึ่งใน ปัจจุบันก็ยังเป็นที่นิยมและมีกำรน้ำมำใช้งำนอย่ำงแพร่หลำย อำทิ งำนด้ำนอุตสำหกรรม กำรประกอบ สินค้ำ รวมถึงติดตั งงำนต่ำงๆ ประเภทของสกรู สกรูมีอยู่ด้วยกันหลำยรูปแบบด้วยกันในกำรเลือกใช้ควรเลือกให้เหมำะสมกับลักษณะงำน เพื่อให้มี ประสิทธิภำพสูงสุด และลดควำมเสียหำยที่อำจเกิดขึ นกับอุปกรณ์ วัสดุ รวมถึงลดปัญหำงำนเกิดควำม ล่ำช้ำ ถ้ำใช้สกรูผิดประเภท ทั งนี เพื่อน้ำไปใช้งำนได้อย่ำงถูกต้องจึงมีควำมรู้เกี่ยวกับประเภทบำงส่วน ของสกรูมำฝำกดังนี 1. สกรูเกลียว มีลักษณะเป็นเกลียวไปจนถึงปลำย ต้องใช้ร่วมกับหัวน็อตหรือที่เรียกกันว่ำน็อตตัวเมีย สกรูประเภทนี จะถูกเรียกโดยทั่วไปว่ำเกลียวตลอด โดยส่วนมำกจะนิยมใช้ในงำนที่ไม่ได้มีควำมยำกอะไร แต่ยังคง ต้องกำรน็อตตัวเมียมำช่วย เพื่อมำยึดเสริมควำมแข็งแรง 2. สกรูเกลียวไม้ มีลักษณะเป็นเกลียวตลอดตรงส่วนปลำยจะมีควำมแหลม ซึ่งจะไม่นิยมใช้กับหัวน็อตตัวเมีย ลักษณะ กำรใช้งำน จะใช้ขันเข้ำกับไม้หรือพลำสติกโดยตรง มีขนำดเล็กและใหญ่ต่ำงกันตำมลักษณะกำรใช้ งำน และมีหลำยรูปแบบหลำยหัว จะเห็นสกรูแบบนี ได้ตำมข้ำงใน โทรศัพท์ หรือ รีโมท เป็นต้น รูปภาพที่2.37 สกรู


45 3. สกรูปลายสว่าน มีลักษณะปลำยคล้ำยหัวสว่ำน โดยสำมำรถไขเข้ำไปในเนื อเหล็กโดยตรง ซึ่งไม่ต้องเจำะน้ำปลำย โดย จะนิยมกับงำนประเภทติดตั งหลังคำ ทั งนี สว่ำนมีควำมจ้ำเป็นอย่ำงมำกส้ำหรับกำรใช้งำน กำรเลือก สว่ำนต้องเลือกให้ตรงกับลักษณะของหัวสกรูเพื่อขันได้อย่ำงอิสระ 4. สกรูหัวจมหกเหลี่ยม มีลักษณะเป็นหัวหกเหลี่ยม โดยสกรูชนิดนี สำมำรถพบเห็นได้ทั่วไป แถมยังเป็นที่ต้องกำรมำกที่สุด เพรำะใช้ได้ทั งงำนเล็กและงำนใหญ่ อีกทั งยังสำรพัดประโยชน์ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ขึ นอยู่กับขนำดงำนจะ เล็กหรือใหญ่ ถ้ำงำนเล็กก็จะใช้อุปกรณ์น้อย ถ้ำงำนใหญ่ต้องใช้อุปกรณ์หลำยอย่ำงซึ่งจะมีควำมยุ่งยำก มำกขึ นเป็นพิเศษ 5. สกรูเกลียวปล่อย เป็นสกรูที่ได้รับควำมนิยมเป็นที่แพร่หลำย ส่วนมำกจะน้ำไปใช้กับงำนไม้ พลำสติก โลหะแผ่นบำง เหมำะกับงำนที่ไม่หนำจนเกินไป และไม่ต้องกำรท้ำให้เกิดสนิมหรือต้องกำรควำมสะดวก ไม่ จ้ำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่ำงมำกมำยให้ยุ่งยำก เพียงแค่มีไขควงหัวแฉกก็สำมำรถขันใช้งำนได้ทันที 6. สกรูหัวจม เป็นสกรูที่มีควำมแข็งแรงเป็นอย่ำงมำก กำรใช้งำนจะเหมำะส้ำหรับงำนประกอบเครื่องจักรหรือ ประกอบชิ นงำนที่ต้องกำรควำมแข็งแรง หรือ งำนประกอบแม่พิมพ์ รวมถึงติดตั งระบบต่ำงๆที่ ต้องกำรรับน ้ำหนักสูง และมักใช้งำนร่วมกับน็อตตัวเมียหรือสลักเกลียว 7. สกรูหัวหกเหลี่ยม ลักษณะของหัวสกรูจะเป็นแบบหกเหลี่ยมเพื่อให้ง่ำยและสะดวกต่อกำรขันเพรำะจะท้ำให้สำมำรถขัน สกรูด้วยแรงบิดที่สูงกว่ำหัวชนิดอื่น ซึ่งเป็นสิ่งส้ำคัญที่ท้ำให้งำนติดแน่นขึ น สำมำรถน้ำไปใช้งำนด้ำน อุตสำหกรรม ครัวเรือน รถยนต์ ฯลฯ และที่ส้ำคัญทนทำนไม่เป็นสนิมอีกด้วย วัตถุดิบที่ใช้ในการท้าสกรู โดยทั่วไปสกรูจะผลิตจำกวัตถุดิบหลำยชนิดด้วยกัน เพื่อควำมแตกต่ำงในด้ำน กำรรับแรง ควำมเปรำะ ควำมทนทำนต่อกำรเกิดสนิม กำรทนทำนต่อควำมเป็นกรดและด่ำง ซึ่ง “เหล็ก” เป็นวัตถุดิบที่นิยม น้ำมำใช้ผลิตสกรูมำกที่สุด แต่ละเกรดเหล็กที่น้ำมำใช้จะมีควำมหลำกหลำยแตกต่ำงกันไป การชุบโลหะกับสกรู เป็นกำรป้องกันกำรเกิดสนิม ป้องกันกำรกัดกร่อน และกำรเสียดสีได้ ซึ่งจะช่วยให้วัสดุมีผิวแวววำว มำกขึ น นอกจำกนี ยังเหมำะกับงำนคุณภำพสูงที่ต้องกำรควำมแข็งแรงและคงทนมีประสิทธิภำพสูง เช่น ชิ นส่วนรถยนต์ต่ำงๆ หรือชิ นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น หลักการเลือกใช้สกรู


46 ในกำรเลือกใช้สกรูนั นต้องเลือกให้ตรงตำมลักษณะของงำน ซึ่งสำมำรถเลือกได้จำกขนำดควำมยำว และชนิดของเกลียวโดยหลักกำรท้ำงำนของมันจะอำศัยแรงหมุนให้เกลียวเจำะทะลุเข้ำไปในชิ นงำน เพื่อยึดติดหรือเหนี่ยวรั งวัตถุทั งสองชิ นเข้ำไว้ด้วยกัน ทั งนี ถ้ำพบวัสดุเกิดกำรช้ำรุด หัก บิ่น หรือ งอ ไม่ควรน้ำมำใช้ เพื่อควำมปลอดภัยของผู้บริโภคและงำน จะเห็นได้ว่ำสกรูเป็นวัสดุที่มีควำมส้ำคัญเป็นอย่ำงมำกที่จะขำดไปไม่ได้เลยส้ำหรับวงกำรอุตสำหกรรม หรือติดตั งชิ นส่วนต่ำงๆ ในกำรเลือกใช้จะมีหลำยรูปแบบ หลำยชนิดแตกต่ำงกันไปตำมควำม เหมำะสม หำกท่ำนก้ำลังมองหำสินค้ำอุตสำหกรรมเพื่อน้ำไปใช้ในงำน ที่ ห้ำงหุ้นส่วนจ้ำกัด ทิเม้งสกรู รับผลิตและจ้ำหน่ำย สกรูตัวใหญ่, เหล็ก, เหล็กชุบ, เหล็กแข็ง, สกรูสแตนเลส อื่นๆอีกมำกมำย เพื่อ น้ำไปใช้ประโยชน์ตำมควำมต้องกำรของลูกค้ำ โดยจะผลิตตำมแบบที่ต้องกำร สินค้ำทุกชิ นมีคุณภำพ ได้มำตรฐำน ถูกต้อง แม่นย้ำ และตอบสนองอุตสำหกรรมทุกภำคส่วน จัดส่งสินค้ำทั่วประเทศ สกรู หรือ ตะปูควง เป็นเครื่องกลผ่อนแรงชนิดหนึ่ง มีรูปร่ำงคล้ำยบันไดเวียนรอบแกน ใช้ยกวัตถุหนัก ขึ นสู่ที่สูง โดยแรงควำมพยำยำมเคลื่อนที่เป็นวงกลมขณะที่แรงควำมต้ำนทำนเคลื่อนที่ขึ นลงในแนวดิ่ง สูตรที่ใช้ค้านวณเรื่องสกรู W × P = E × 2πR M.A. = W/E = 2πR/P W = แรงควำมต้ำนหรือน ้ำหนักของวัตถุ (นิวตัน) P = ระยะทำง 1 ช่วงเกลียว (เมตรหรือเซนติเมตร) E = แรงควำมพยำยำมหรือแรงที่กระท้ำกับสกรู (นิวตัน) R = รัศมีของกำรหมุนหรือควำมยำวของด้ำมแม่แรง (เมตรหรือเซนติเมตร) ประวัติและหน้ำที่ของสกรู screw ประวัติของสกรู ประวัติของสกรูScrew and Screw Driver ผู้ประดิษฐ์สกรูขึ นเป็นคนแรกคือ อำร์คิมิดิส เฟืองตัวหนอนของอำร์คิมิดิสไม่มีหลักฐำนอย่ำงเป็นทำงกำรที่เกี่ยวข้องกับผู้ประดิษฐ์สกรูขึ นเป็นคน แรกทว่ำ มีค้ำอธิบำยที่น่ำเชื่อถือที่สุดว่ำสกรูเกิดขึ นในยุคกรีกโบรำณโดยนักคณิตศำสตร์ชื่อดังนำมว่ำ อำร์คิมิดิส(287-212 ปีก่อนคริสตศักรำช) หำกกล่ำวถึงอำร์คิมิดิส วีรกรรมอันเลื่องชื่อของเขำ


47 คือ กำรใช้ค่ำควำมถ่วงจ้ำเพำะของทองค้ำและเงิน (หรือควำมแตกต่ำงของแรงลอยตัว) ในกำรพิสูจน์ ว่ำมงกุฎของพระรำชำไม่ได้สร้ำงขึ นจำกทองค้ำบริสุทธิ์ ในต้ำรำซึ่งเขียนขึ นในทศวรรษที่ 2 ก่อนคริสตศักรำช ได้มีบันทึกเกี่ยวกับสกรูที่ใช้ในระบบปั๊มน ้ำ ซึ่ง ถูกคิดค้นขึ นโดยอำร์คิมิดิสซึ่งในเวลำนั นเขำยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มนอกจำกนี ในต้ำรำยังกล่ำวถึงหลัก กลศำสตร์ว่ำวัตถุใด ๆ ที่มีมวลย่อมสำมำรถขยับให้เคลื่อนที่ได้ ซึ่งอำร์คิมิดิสได้รับค้ำท้ำทำยจำก พระรำชำผู้เป็นเจ้ำของมงกุฎที่กล่ำวถึงเมื่อสักครู่ เขำพิสูจน์ให้เห็นด้วยกำรขยับเรือซึ่งมีน ้ำหนักถึง 75 ตันได้เป็นผลส้ำเร็จ กล่ำวกันว่ำอำร์คิมิดิสประยุกต์ใช้หลักกำรของเฟืองตัวหนอนในกำรแก้ปัญหำ ดังกล่ำว จึงเป็นที่มำของค้ำอธิบำยที่ว่ำเขำคือผู้ประดิษฐ์สกรูขึ นเป็นคนแรกนั่นเอง ส่วนประเทศญี่ปุ่นนั น ในปี ค.ศ. 1543 เมื่อครั งที่ชำวโปรตุเกสล่องเรือมำยังเกำะ Tanegashima ได้มี กำรน้ำปืนคำบชุดเข้ำมำเผยแพร่ในประเทศปืนคำบชุดนี ที่บริเวณตอนปลำยของตัวปืนจะมีส่วนปิด ท้ำยล้ำกล้องซึ่งมีกลไกของสกรูตัวผู้และสกรูตัวเมียอยู่ โครงสร้ำงนี เป็นส่วนส้ำคัญที่ใช้ในกำรจุดชนวน และป้องกันไม่ให้เกิดกำรจุดชนวนนั่นเอง มีเรื่องเล่ำว่ำ ช่ำงฝีมือผลิตปืนนำม Yaita Kinbei ซึ่งแต่เดิม เป็นช่ำงตีดำบนั น ถึงขั นบังคับให้ลูกสำวของตนเองนำมว่ำ Wakasa แต่งงำนกับชำวโปรตุเกสเพื่อ เรียนรู้กรรมวิธีในกำรผลิตสกรูนี เลยทีเดียว นั่นจึงท้ำให้เรำเข้ำใจว่ำสกรูนั นเป็นวิทยำกำรอันล ้ำค่ำมำก เพียงใด ค้าอธิบาย สกรูเป็นกำรรวมกันของเครื่องจักรที่เรียบง่ำยโดยพื นฐำนแล้วคือระนำบเอียงที่พันรอบเพลำกลำง แต่ ระนำบที่เอียง (ด้ำย) ยังมำถึงขอบคมรอบนอกซึ่งท้ำหน้ำที่เป็นลิ่มเมื่อมันดันเข้ำไปใน วัสดุยึดและ เพลำและเกลียวยังก่อตัวเป็นลิ่มในรูปแบบของจุด เกลียวสกรูบำงตัวได้รับกำรออกแบบมำเพื่อจับคู่กับ เกลียวเสริมที่เรียกว่ำเกลียวตัวเมีย ( เธรดภำยใน) ซึ่งมักอยู่ในรูปของน็อตหรือวัตถุที่มีเกลียวภำยใน เป็นเกลียว สกรูเกลียวอื่น ๆ ได้รับกำรออกแบบมำเพื่อตัดร่องเกลียวในวัสดุที่นิ่มกว่ำเมื่อใส่สกรูเข้ำไป กำรใช้สกรูโดยทั่วไปคือกำรยึดวัตถุเข้ำด้วยกันและเพื่อวำงต้ำแหน่งของวัตถุ สกรูไม้: a) หัว; b) ก้านที่ไม่มีเกลียว c) ก้านเกลียว; d) เคล็ดลับ โดยปกติสกรูจะมีหัวอยู่ที่ปลำยด้ำนหนึ่งซึ่งท้ำให้สำมำรถหมุนได้ด้วยเครื่องมือ เครื่องมือทั่วไปส้ำหรับ กำรขับรถสกรู ได้แก่ไขควงและประแจหัวมักจะมีขนำดใหญ่กว่ำร่ำงกำยของสกรูที่ช่วยให้สกรูจำกกำร ถูกขับเคลื่อนลึกกว่ำควำมยำวของสกรูและเพื่อให้พื นผิวแบริ่งมีข้อยกเว้น สลักเกลียวแคร่มีหัวโดมที่ ไม่ได้ออกแบบมำให้ขับเคลื่อน ชุดสกรูมักจะมีส่วนหัวที่เล็กกว่ำเส้นผ่ำนศูนย์กลำงภำยนอกของสกรู สกรูชุดหัวขำดเรียกอีกอย่ำงว่ำสกรูด้วง สลักเกลียว J มีหัวรูปตัว J ที่ไม่ได้ออกแบบมำให้ขับเคลื่อน


48 แต่มักจะจมลงในคอนกรีตเพื่อให้สำมำรถใช้เป็นสลักเกลียวยึดได้. ส่วนรูปทรงกระบอกของสกรูจำก ด้ำนล่ำงของหัวจรดปลำยเป็นที่รู้จักกันที่ก้ำน ; อำจเป็นเธรดทั งหมดหรือเธรดบำงส่วน [1]ระยะห่ำงระหว่ำงแต่ละเธรดเรียกว่ำ "ระยะห่ำง" [2] ส่วนใหญ่ของสกรูขันโดยเข็มนำฬิกำหมุนซึ่งจะเรียกว่ำด้ำยขวำมือ ; [3] [4]อุปกรณ์ช่วยจ้ำทั่วไป ส้ำหรับกำรจดจ้ำสิ่งนี เมื่อท้ำงำนกับสกรูหรือสลักเกลียวคือ "righty-tighty, lefty-loosey" หำกนิ ว ของมือขวำงอรอบเกลียวขวำมือจะเคลื่อนไปในทิศทำงของนิ วหัวแม่มือเมื่อหันไปในทิศทำงเดียวกับนิ ว ที่โค้งงอ ใช้สกรูที่มีเกลียวด้ำนซ้ำยในกรณีพิเศษซึ่งกำรรับน ้ำหนักจะท้ำให้ตัวยึดส้ำหรับคนถนัดขวำ คลำยตัวหรือเมื่อต้องใช้ตัวยึดด้ำนขวำมือที่ไม่สำมำรถเปลี่ยนแทนกันได้ ตัวอย่ำงเช่นเมื่อสกรูต้องรับ แรงบิดทวนเข็มนำฬิกำ (ซึ่งจะท้ำงำนเพื่อปลดเกลียวขวำ) สกรูเกลียวซ้ำยจะเป็นตัวเลือกที่เหมำะสม แป้นเหยียบด้ำนซ้ำยของจักรยำนมีด้ำยซ้ำย โดยทั่วไปแล้วสกรูอำจหมำยถึงอุปกรณ์แบบขดลวดเช่นแคลมป์ไมโครมิเตอร์ใบพัดของเรือหรือปั๊มน ้ำ แบบเกลียวของอำร์คิมิดีส ควำมแตกต่ำงระหว่ำงสลักเกลียวและสกรู สลักเกลียวแคร่พร้อมน็อตสี่เหลี่ยม สลักเกลียวโครงสร้ำงพร้อมน็อตหกเหลี่ยมและแหวนรอง ไม่มีควำมแตกต่ำงระหว่ำงสกรูและสลักเกลียวที่ยอมรับกันโดยทั่วไป ควำมแตกต่ำงง่ำยๆที่มักจะเป็น จริงแม้ว่ำจะไม่เสมอไปคือสลักเกลียวผ่ำนวัสดุพิมพ์และใช้น็อตอีกด้ำนหนึ่งในขณะที่สกรูไม่ต้องใช้น๊อต เนื่องจำกเกลียวเข้ำไปในวัสดุพิมพ์โดยตรง (กำรขันสกรูเข้ำกับบำงสิ่งบำงอย่ำง a กลอนกลอนหลำยสิ่ง หลำยอย่ำงร่วมกัน ) ดังนั นตำมกฎทั่วไปเมื่อซื อแพ็คเก็ต "สกรู" จะไม่คำดว่ำจะรวมถั่ว แต่มักจะ ขำยน็อตที่มีน็อตที่เข้ำกัน ส่วนหนึ่งของควำมสับสนในเรื่องนี น่ำจะเกิดจำกควำมแตกต่ำงในระดับ ภูมิภำคหรือวิภำษวิธีคู่มือเครื่องจักรอธิบำยควำมแตกต่ำงดังต่อไปนี : สลักเกลียวเป็นตัวยึดแบบเกลียวภำยนอกที่ออกแบบมำส้ำหรับกำรสอดผ่ำนรูในชิ นส่วนที่ประกอบ และโดยปกติจะมีจุดประสงค์เพื่อขันหรือคลำยออกโดยกำรบิดน็อต สกรูคือตัวยึดแบบเกลียวภำยนอก ที่สำมำรถสอดเข้ำไปในรูในชิ นส่วนที่ประกอบเข้ำด้วยกันกำรจับคู่กับเกลียวภำยในที่ขึ นรูปไว้ล่วงหน้ำ หรือกำรขึ นรูปเกลียวของตัวเองและกำรขันหรือคลำยออกโดยกำรบิดส่วนหัว ตัวยึดแบบเกลียว ภำยนอกซึ่งป้องกันไม่ให้หมุนระหว่ำงกำรประกอบและสำมำรถขันหรือคลำยออกได้โดยกำรขันน็อต เท่ำนั นที่เป็นสลักเกลียว (ตัวอย่ำง: สลักเกลียวหัวกลมสลักเกลียวแทร็กสลักเกลียว) สกรูเกลียวนอกที่ มีรูปแบบเกลียวซึ่งห้ำมไม่ให้ประกอบกับน็อตที่มีเกลียวตรงที่มีควำมยำวพิตช์หลำยเส้นเป็นสกรู (ตัวอย่ำง: สกรูไม้, สกรูเกลียวปล่อย) [5]


49 สกรูไม้ สกรูไม้ในยุคแรกถูกสร้ำงขึ นด้วยมือโดยมีชุดของตะไบสิ่วและเครื่องมือตัดอื่น ๆ ซึ่งสำมำรถมองเห็นได้ ง่ำยโดยสังเกตระยะห่ำงและรูปร่ำงของเกลียวที่ไม่สม่้ำเสมอรวมถึงรอยตะไบที่ยังคงอยู่บนหัวของสกรู และในพื นที่ระหว่ำงเธรด สกรูเหล่ำนี หลำยตัวมีปลำยทู่ขำดจุดเรียวแหลมบนสกรูไม้สมัยใหม่เกือบ ทั งหมด[12]ในที่สุดเครื่องกลึงก็ถูกน้ำมำใช้ในกำรผลิตสกรูไม้โดยมีกำรจดสิทธิบัตรที่เก่ำแก่ที่สุดในปี 1760 ในอังกฤษ[12]ในช่วงทศวรรษที่ 1850 ได้มีกำรพัฒนำเครื่องมือกำรเหวี่ยงเพื่อให้ด้ำยสม่้ำเสมอ และสม่้ำเสมอมำกขึ น สกรูที่ท้ำด้วยเครื่องมือเหล่ำนี มีหุบเขำโค้งมนที่มีเกลียวที่คมและหยำบ[13] [14]สกรูไม้บำงตัวท้ำด้วยแม่พิมพ์ตัดในช่วงปลำยทศวรรษที่ 1700 (อำจถึงก่อนปี 1678 เมื่อมีกำร ตีพิมพ์เนื อหำในหนังสือเป็นครั งแรก) เมื่อใช้เครื่องกลึงเกลียวทั่วไปแล้วสกรูไม้ที่มีจ้ำหน่ำยทั่วไปส่วนใหญ่ก็ผลิตด้วยวิธีนี สกรูไม้ที่ตัดแล้ว เหล่ำนี เกือบจะเรียวเสมอกันและแม้จะมองไม่เห็นก้ำนเรียว แต่ก็สำมำรถมองเห็นได้เนื่องจำกเกลียว ไม่ยำวเกินเส้นผ่ำนศูนย์กลำงของก้ำน สกรูดังกล่ำวได้รับกำรติดตั งอย่ำงดีที่สุดหลังจำกเจำะรูน้ำร่อง ด้วยดอกสว่ำนเรียว สกรูไม้ที่ทันสมัยส่วนใหญ่ยกเว้นที่ท้ำจำกทองเหลืองจะขึ นรูปด้วยเครื่องรีดเกลียว สกรูเหล่ำนี มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงคงที่เกลียวที่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงใหญ่กว่ำก้ำนและแข็งแรงกว่ำ เนื่องจำกกระบวนกำรรีดไม่ได้ตัดเกรนของโลหะ สกรูเครื่อง มำตรฐำนASMEระบุ "Machine Screws" [16] ที่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงตั งแต่ 0.75 นิ ว (19.05 มม.) ตัว ยึดเหล่ำนี มักใช้เป็นสลักเกลียวกับถั่ว แต่มักจะถูกเจำะเข้ำไปในรูเคำะ (โดยไม่ใช้น็อต) อำจถือได้ว่ำ เป็นสกรูหรือสลักเกลียวตำมควำมแตกต่ำงของคู่มือเครื่องจักร ในทำงปฏิบัติมักจะมีขนำดเล็กกว่ำและ ขนำดที่เล็กกว่ำจะเรียกว่ำสกรูหรือมีควำมคลุมเครือน้อยกว่ำว่ำเป็นสกรูเครื่องแม้ว่ำสกรูเครื่องจักร บำงชนิดจะเรียกว่ำสลักเกลียวเตำก็ตำม สกรูหัวหกเหลี่ยม ASME มำตรฐำน B18.2.1-1996 ระบุ Hex Cap สกรูที่มีขนำดช่วง 0.25-3 ใน (6.35-76.20 มิลลิเมตร) ขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงตัวยึดเหล่ำนี คล้ำยกับสลักเกลียวหกเหลี่ยมมำก ส่วนใหญ่แตกต่ำง กันตรงที่ผลิตขึ นเพื่อควำมคลำดเคลื่อนที่เข้มงวดกว่ำสลักเกลียวที่เกี่ยวข้อง คู่มือเครื่องจักรกล่ำวถึงตัว ยึดเหล่ำนี ในวงเล็บว่ำ "สลักเกลียว Hex แบบส้ำเร็จรูป" [17] ตำมสมควรแล้วตัวยึดเหล่ำนี อำจเรียกว่ำ สลักเกลียว แต่จำกเอกสำรของรัฐบำลสหรัฐฯกำรแยกแยะสลักเกลียวจำกสกรูรัฐบำลสหรัฐฯอำจจัด ว่ำเป็นสกรูเนื่องจำกมีควำมทนทำนที่เข้มงวดมำกขึ น[18]ในปีพ. ศ. 2534 ตอบสนองต่อกำรไหลบ่ำ เข้ำมำของกำรปลอมแปลงที่รัดเข็มขัดสภำคองเกรสผ่ำน PL 101-592 [19]"Fastener Quality Act"


50 ซึ่งส่งผลให้มีกำรเขียนข้อก้ำหนดใหม่โดยคณะกรรมกำร ASME B18 B18.2.1 [20]ถูกเขียนขึ นใหม่ และด้วยเหตุนี พวกเขำจึงก้ำจัด "สลักเกลียว Hex ส้ำเร็จรูป" และเปลี่ยนชื่อเป็น "Hex Cap Screw" ซึ่งเป็นค้ำที่มีอยู่ในกำรใช้งำนทั่วไปมำนำนก่อนหน้ำนี แต่ตอนนี ก็ถูกประมวลเป็น ชื่ออย่ำงเป็นทำงกำร ส้ำหรับมำตรฐำน ASME B18 สลักเกลียวและสลักเกลียวหัว ค้ำศัพท์เหล่ำนี หมำยถึงตัวยึดที่ออกแบบมำให้เกลียวเข้ำกับรูเคำะซึ่งอยู่ในส่วนหนึ่งของกำรประกอบ และอื่น ๆ ตำมควำมแตกต่ำงของคู่มือเครื่องจักรจะเป็นสกรู แง่ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ขัดกับเครื่องจักร คู่มือควำมแตกต่ำง [21] [22] Lag screw Lag screw เรียกอีกอย่ำงว่ำสลักเกลียว สกรูลำก (US) หรือสกรูโค้ช (สหรำชอำณำจักรออสเตรเลียและนิวซีแลนด์) (หรือเรียกอีกอย่ำงว่ำสลัก เกลียวหรือสลักเกลียวโค้ชแม้ว่ำจะเป็นกำรเรียกชื่อผิดก็ตำม) เป็นสกรูไม้ขนำดใหญ่ โดยทั่วไปหัวจะ เป็นฐำนสิบหกภำยนอก สกรูลำกหกหัวแบบเมตริกถูกปิดทับด้วย DIN 571 สกรูยึดแบบหัวเหลี่ยม และหัวหกเหลี่ยมถูกปิดทับด้วย ASME B18.2.1 สกรูล่ำช้ำทั่วไปสำมำรถหลำกหลำยในขนำด เส้นผ่ำศูนย์กลำง 4-20 มิลลิเมตรหรือ # 10-1.25 ใน (4.83-31.75 มิลลิเมตร) และควำมยำว 16-200 มิลลิเมตรหรือ1 / 4ที่จะ 6 (6.35-152.40 มิลลิเมตร) หรือนำนกว่ำนั นด้วย เกลียวหยำบของเกลียวไม้ หรือสกรูแผ่นโลหะ (แต่ใหญ่กว่ำ) วัสดุที่มักจะมีคำร์บอนพื นผิวเหล็กเคลือบสังกะสีชุบสังกะสี (ส้ำหรับควำมต้ำนทำนกำรกัดกร่อน) เคลือบสังกะสีอำจจะสดใส (electroplated), สีเหลือง (electroplated) หรือหมองคล ้ำสีเทำจุ่มร้อน ชุบสังกะสีสกรูลำกจะใช้เพื่อกันควำมล่ำช้ำในกำรท้ำโครงไม้เพื่อท้ำให้ขำของเครื่องจักรล่ำช้ำกับพื นไม้ และส้ำหรับงำนช่ำงไม้หนักอื่น ๆควำมล่ำช้ำของตัวปรับแต่งแอตทริบิวต์มำจำกกำรใช้ตัวยึดดังกล่ำวใน ช่วงแรก ๆ : กำรยึดควำมล่ำช้ำเช่นคำนหำมล้ำกล้องและชิ นส่วนอื่น ๆ ที่คล้ำยคลึงกัน[23] รัดเหล่ำนี เป็น "กรู" ตำมคู่มือเครื่องจักรของหลักเกณฑ์และระยะคร่้ำครึ "สำยฟ้ำล่ำช้ำ" ได้ถูกแทนที่ ด้วย "ควำมล่ำช้ำสกรู" ในคู่มือ [24]อย่ำงไรก็ตำมส้ำหรับพ่อค้ำหลำยคนพวกเขำเป็น "สลักเกลียว" เนื่องจำกมีขนำดใหญ่มีหัวหกเหลี่ยมหรือเหลี่ยม


51 มาตรฐานของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา รัฐบำลกลำงของสหรัฐอเมริกำท้ำให้ควำมพยำยำมที่จะท้ำพิธีแตกต่ำงระหว่ำงสำยฟ้ำและสกรูที่ที่ แตกต่ำงกันเพรำะอัตรำภำษีที่น้ำไปใช้กับแต่ละ[25]เอกสำรดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอย่ำงมีนัยส้ำคัญ ต่อกำรใช้งำนทั่วไปและไม่ได้ขจัดลักษณะที่คลุมเครือของควำมแตกต่ำงระหว่ำงสกรูและสลักเกลียว ส้ำหรับตัวยึดแบบเกลียวบำงตัว เอกสำรนี ยังสะท้อนให้เห็นถึงควำมสับสนอย่ำงมีนัยส้ำคัญเกี่ยวกับ กำรใช้ค้ำศัพท์ที่แตกต่ำงกันระหว่ำงชุมชนทำงกฎหมำย / ทำงกฎหมำย / ข้อบังคับและอุตสำหกรรม อุปกรณ์ยึด ข้อควำมตำมกฎหมำย / ตำมกฎหมำย / ข้อบังคับใช้ค้ำว่ำ "หยำบ" และ "ดี" เพื่ออ้ำงถึง ควำมเข้มงวดของกำรยอมรับrange โดยทั่วไปหมำยถึง "คุณภำพสูง" หรือ "คุณภำพต่้ำ" แต่นี่เป็น ตัวเลือกที่ไม่ดีนักเนื่องจำกค้ำศัพท์เหล่ำนั นในอุตสำหกรรมสปริงมีควำมหมำยที่แตกต่ำงกัน (หมำยถึง ควำมสูงชันของตะกั่วของเกลียว ) ปัญหาทางประวัติศาสตร์ มำตรฐำนUSSและSAE แบบเก่ำก้ำหนดให้สกรูหัวปิดเป็นตัวยึดที่มีก้ำนที่มีเกลียวเข้ำกับหัวและสลัก เกลียวเป็นตัวยึดที่มีก้ำนที่ไม่ได้รับเกลียวบำงส่วน[26]ควำมสัมพันธ์ของกฎนี ควำมคิดที่ว่ำสำยฟ้ำโดย นิยำมยิงถั่วเป็นที่ชัดเจน (เพรำะไม่มีเกลียวส่วนของก้ำนที่เรียกว่ำจับได้รับกำรคำดหวังว่ำจะผ่ำน พื นผิวได้โดยไม่ต้องเป็นมันเกลียว) ตอนนี เป็นควำมแตกต่ำงที่ล้ำสมัยแม้ว่ำสลักเกลียวขนำดใหญ่มักจะ มีส่วนของก้ำนที่ไม่ได้อ่ำน แม้ว่ำจะไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องพิจำรณำว่ำค้ำจ้ำกัดควำมนี ล้ำสมัยเนื่องจำกยังห่ำงไกลจำกควำม ชัดเจนว่ำ "สลักเกลียวตำมค้ำจ้ำกัดควำมจะใช้น๊อต" กำรใช้โค้ช "โบลต์" เป็นตัวอย่ำง (และเป็น 'โบลต์' มำนำนมำกแล้ว) เดิมทีมันไม่ได้มีไว้เพื่อรับน๊อต แต่มีก้ำน จุดประสงค์ของมันคือไม่ได้ผ่ำนวัสดุพิมพ์ ทั งหมด แต่มีเพียงชิ นเดียวในขณะที่ส่วนที่เป็นเกลียวเข้ำอีกด้ำนหนึ่งเพื่อวำดและยึดวัสดุเข้ำด้วยกัน สลักเกลียว 'แคร่' ได้มำจำกสิ่งนี และถูกใช้เพื่อเพิ่มควำมเร็วในกำรผลิตมำกกว่ำกำรท้ำงำนที่แตกต่ำง ออกไป สลักเกลียวลำกผ่ำนวัสดุทั งสองชิ นและใช้น็อตเพื่อให้แรงยึด อย่ำงไรก็ตำมทั งสองยังคงเป็น สลักเกลียว ค้าศัพท์ควบคุมเทียบกับภาษาธรรมชาติ ควำมแตกต่ำงดังกล่ำวข้ำงต้นมีผลบังคับใช้ในค้ำศัพท์ควบคุมขององค์กรมำตรฐำน อย่ำงไรก็ตำม บำงครั งมีควำมแตกต่ำงระหว่ำงค้ำศัพท์ที่ควบคุมและกำรใช้ภำษำตำมธรรมชำติของค้ำโดยช่ำงเครื่อง กลศำสตร์อัตโนมัติและอื่น ๆ ควำมแตกต่ำงเหล่ำนี สะท้อนให้เห็นถึงรูปวิวัฒนำกำรของภำษำโดยกำร เปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีกว่ำศตวรรษ ค้ำกลอนและสกรูมีทั งมำตั งแต่ก่อนที่จะผสมที่ทันสมัยใน ปัจจุบันประเภทสปริงตัวตนและกำรใช้งำนตำมธรรมชำติของค้ำเหล่ำนั นมีกำรพัฒนำretronymously


52 เพื่อตอบสนองต่อกำรเปลี่ยนแปลงทำงเทคโนโลยี (นั่นคือกำรใช้ค้ำเป็นชื่อของวัตถุจะเปลี่ยนไปเมื่อ วัตถุเปลี่ยนไป) ตัวยึดแบบไม่ใช้เกลียวได้รับกำรครอบง้ำจนกระทั่งกำรถือก้ำเนิดของกำรตัดสกรูที่ใช้ งำนได้จริงและรำคำไม่แพงในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ควำมหมำยพื นฐำนของค้ำว่ำสกรูได้มีส่วนร่วมยำว ควำมคิดของด้ำยสกรูลำน แต่ Archimedes สกรูและสกรูสว่ำน (เหมือนเกลียว) น้ำหน้ำกรูค้ำว่ำ โบลต์ยังเป็นค้ำที่เก่ำแก่มำกและถูกใช้มำนำนหลำยศตวรรษเพื่ออ้ำงถึงแท่งโลหะที่ผ่ำนวัสดุพิมพ์เพื่อ ยึดอีกด้ำนหนึ่งซึ่งมักใช้วิธีกำรที่ไม่ผ่ำนเกลียว (กำรจับกำรปลอมกำรเชื่อมกำรตรึงกำรตอกลิ่ม ฯลฯ ). กำรเชื่อมต่อของควำมรู้สึกนี กับควำมรู้สึกของกลอนประตูหรือสลักเกลียวหน้ำไม้นั นชัดเจน ใน ศตวรรษที่ 19, น็อตยึดสกรูเกลียวผ่ำนมักจะถูกเรียกว่ำน็อตสกรูในกำรขัดกลอนประตูย ้ำ ในกำรใช้งำนทั่วไปควำมแตกต่ำง (ไม่เข้มงวด) มักจะอยู่ที่สกรูมีขนำดเล็กกว่ำสลักเกลียวและโดยทั่วไป แล้วสกรูจะมีลักษณะเรียวเล็กในขณะที่สลักเกลียวไม่ใช่ ตัวอย่ำงเช่นสลักเกลียวฝำสูบเรียกว่ำ "สลัก เกลียว" (อย่ำงน้อยก็ในกำรใช้งำนในอเมริกำเหนือ) แม้ว่ำจะมีค้ำจ้ำกัดควำมบำงค้ำเรียกว่ำ "สกรู" ก็ ตำม ขนำดและควำมคล้ำยคลึงกันของพวกเขำกับสลักเกลียวที่จะใช้ถั่วดูเหมือนจะลบล้ำงปัจจัยอื่น ๆ ในกำรเลือกใช้ค้ำ ตำมธรรมชำตินี ความแตกต่างอื่น ๆ สลักเกลียวถูกก้ำหนดให้เป็นตัวยึดหัวที่มีเกลียวภำยนอกที่ตรงตำมข้อก้ำหนดของเกลียวโบลต์ที่ สม่้ำเสมอและสม่้ำเสมอ (เช่นสกรูเกลียวเมตริก ISO M, MJ, Unified Thread Standard UN, UNR และ UNJ) เพื่อให้สำมำรถรับน๊อตที่ไม่เรียวได้ . จำกนั นสกรูจะถูกก้ำหนดให้เป็นหัวยึดแบบเกลียว ภำยนอกที่ไม่ตรงตำมค้ำจ้ำกัดควำมข้ำงต้นของสลักเกลียว[ ต้องกำรอ้ำงอิง ]ค้ำจ้ำกัดควำมของสกรู และโบลต์เหล่ำนี ช่วยขจัดควำมคลุมเครือของควำมแตกต่ำงของคู่มือเครื่องจักรและด้วยเหตุนั นบำงที บำงคนจึงโปรดปรำนพวกเขำ อย่ำงไรก็ตำมไม่สอดคล้องกับกำรใช้งำนทั่วไปของทั งสองค้ำและไม่ สอดคล้องกับข้อก้ำหนดที่เป็นทำงกำร ควำมแตกต่ำงที่เป็นไปได้คือสกรูถูกออกแบบมำเพื่อตัดด้ำยของตัวเอง ไม่จ้ำเป็นต้องเข้ำถึงหรือสัมผัส กับด้ำนตรงข้ำมของส่วนประกอบที่ยึดอยู่ ค้ำจ้ำกัดควำมของสกรูนี ได้รับกำรเสริมเพิ่มเติมโดยกำร พิจำรณำกำรพัฒนำของตัวยึดเช่น Tek Screws ที่มีทั งหัวกลมหรือหัวหกเหลี่ยมส้ำหรับหุ้มหลังคำกำร เจำะตัวเองและสกรูเกลียวปล่อยส้ำหรับงำนยึดโลหะต่ำงๆสกรูยึดหลังคำเพื่อเสริมก้ำลัง กำรเชื่อมต่อ ระหว่ำงระแนงหลังคำกับขื่อสกรูพื นระเบียงเป็นต้นในทำงกลับกันสลักเกลียวเป็นส่วนชำยของระบบ ตัวยึดที่ออกแบบมำเพื่อให้ได้รับกำรยอมรับโดยซ็อกเก็ตที่ติดตั งไว้ล่วงหน้ำ (หรือน็อต) ที่มีกำร ออกแบบเกลียวเดียวกัน [ ต้องกำรอ้ำงอิง ]


53 ประเภทของสกรูและสลักเกลียว บทควำมนี เพื่อศึกษำเพิ่มเติมส้ำหรับกำรตรวจสอบโปรดช่วยปรับปรุงบทควำมนี โดยเพิ่มกำรอ้ำงอิงไป ยังแหล่งที่มำที่เชื่อถือได้ เนื อหำที่ไม่ได้รับกำรจัดหำอำจถูกท้ำทำยและน้ำออก ( ตุลำคม 2020 ) ( เรียนรู้วิธีและเวลำที่จะลบข้อควำมเทมเพลตนี ) ตัวยึดแบบเกลียวมีก้ำนเรียวหรือก้ำนไม่เรียว ตัวยึดที่มีก้ำนเรียวได้รับกำรออกแบบมำเพื่อให้ ขับเคลื่อนเข้ำไปในวัสดุพิมพ์โดยตรงหรือเข้ำไปในรูน้ำร่องในวัสดุพิมพ์ เกลียวส้ำหรับกำรผสมพันธุ์จะ เกิดขึ นในวัสดุพิมพ์เนื่องจำกตัวยึดเหล่ำนี ถูกดึงเข้ำมำโดยทั่วไปแล้วตัวยึดที่มีก้ำนไม่เรียวได้รับกำร ออกแบบมำเพื่อจับคู่กับน๊อตหรือเพื่อผลักเข้ำไปในรูที่เคำะ ไทเทน สกรูสแตนเลสหรือเหล็กกล้ำคำร์บอนส้ำหรับยึดไม้โลหะหรือวัสดุอื่น ๆ เข้ำกับคอนกรีตหรืออิฐ สกรู คอนกรีตมักมีสีฟ้ำโดยมีหรือไม่มีกำรเคลือบกันสนิม อำจมีหัวแบน Phillips หรือหัวเครื่องซักผ้ำหก เหลี่ยมแบบเจำะรู ขนำดที่ก้ำหนด (เกลียว) มีตั งแต่ 0.1875 ถึง 0.375 นิ ว (4.763 ถึง 9.525 มม.) และควำมยำวตั งแต่ 1.25 ถึง 5 นิ ว (32 ถึง 127 มม.) โดยทั่วไปแล้วผู้ติดตั งจะใช้สว่ำนเจำะกระแทก เพื่อสร้ำงรูน้ำร่องส้ำหรับสกรูคอนกรีตแต่ละตัวและตัวขับกระแทกแบบขับเคลื่อนเพื่อขับสกรู รูเจำะ ควรยำวกว่ำกำรเจำะลึกของสกรู 1/2 "สกรูเองควรเจำะอย่ำงน้อย 1" ลงในคอนกรีตเพื่อให้ยึดได้อย่ำง มีประสิทธิภำพและสูงสุด 1-3 / 4 "มิฉะนั นเกลียวจะสึกหรอ และจะสูญเสียก้ำลังในกำรจับยึดตำม อุดมคติ 1-1 / 4 "ถึง 1-1 / 2" ของสกรูเกลียวในคอนกรีต[27]ตัวอย่ำงเช่นถ้ำบอร์ด 1/2 "ถูกขันเข้ำ กับคอนกรีต a 1 ควรใช้สกรูคอนกรีต -3/4 "ถึง 2" สกรูดาดฟ้า คล้ำยกับสกรูdrywall ยกเว้นว่ำมีควำมต้ำนทำนกำรกัดกร่อนที่ดีขึ นและโดยทั่วไปแล้วจะมีมำตรวัด ขนำดใหญ่กว่ำ สกรูดำดฟ้ำส่วนใหญ่มีปลำยตัดด้ำย type-17 (ชนิดสว่ำน) ส้ำหรับติดตั งกับวัสดุพื น ระเบียง พวกเขำมีหัวแตรเดี่ยวที่ช่วยให้สกรูกดพื นผิวไม้ได้โดยไม่ท้ำให้แตกสิ นสุดวันที่คู่สกรู เดือยกรู ค้อนไดรฟ์สกรู ส่วนใหญ่ใช้ส้ำหรับติดแผ่นข้อมูลของผู้ผลิตกับอุปกรณ์ กลมเรียบหรือดอกเห็ดที่มีเกลียวหลำย จุดเริ่มต้นที่ก้ำนด้ำนล่ำงซึ่งเป็นก้ำนที่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงลดลงซึ่งท้ำหน้ำที่เป็นนักบิน สกรูยึดโดยกำร ตีหัวด้วยค้อนและไม่ได้มีไว้ส้ำหรับกำรถอดออก [28]


54 สกรูdrywall สกรูพิเศษพร้อมหัวแตรเดี่ยวที่ออกแบบมำเพื่อยึด drywall เข้ำกับหมุดไม้หรือโลหะอย่ำงไรก็ตำมมัน เป็นตัวยึดส้ำหรับกำรก่อสร้ำงที่หลำกหลำยและใช้งำนได้หลำกหลำย เส้นผ่ำนศูนย์กลำงของเกลียวสก รูdrywall มีขนำดใหญ่กว่ำเส้นผ่ำนศูนย์กลำงของด้ำมจับ สกรูหัวกลม ตำสกรู สกรูหัวแบบคล้อง ตัวใหญ่บำงครั งเรียกว่ำสกรูตำล้ำ ออกแบบมำเพื่อใช้เป็นจุดยึดโดยเฉพำะ อย่ำงยิ่งส้ำหรับสิ่งที่แขวนอยู่ ตำเถำวัลย์ (อย่ำงน้อยในสหรำชอำณำจักร) คล้ำยกับตำสกรูยกเว้นว่ำจะมีก้ำนที่ยำวกว่ำและมีห่วงเล็ก กว่ำ ตำมค้ำที่แนะน้ำว่ำตำเถำวัลย์มักใช้ส้ำหรับติดเส้นลวดบนพื นผิวของอำคำรเพื่อให้พืชปีนเขำ สำมำรถยึดติดกับตัวเองได้ สกรูสลักเกลียวล้าหลัง โค้ชสกรูคล้ำยกับสกรูไม้ยกเว้นว่ำโดยทั่วไปแล้วจะมีขนำดใหญ่กว่ำมำกโดยใช้ควำมยำวได้ถึง 15 นิ ว (381 มม.) โดยมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงตั งแต่ 0.25–0.5 นิ ว (6.35–12.70 มม.) ในขนำดที่มีจ้ำหน่ำยทั่วไป (ที่เก็บฮำร์ดแวร์) (ไม่นับกำรขุดที่ใหญ่ขึ นและ วิศวกรรมโยธำและสลักเกลียวล่ำช้ำ) และโดยทั่วไปจะมี หัวไดรฟ์หกเหลี่ยม สลักเกลียวถูกออกแบบมำส้ำหรับกำรยึดไม้หนักอย่ำงแน่นหนำ ( เสำและคำนไม้ ค ้ำยันรำงรถไฟและสะพำน) เข้ำด้วยกันหรือยึดไม้เข้ำกับวัสดุก่ออิฐหรือคอนกรีต มำตรฐำนเยอรมัน คือ DIN 571 สกรูไม้หัวหกเหลี่ยม สลักเกลียวมักจะใช้กับเม็ดมีดขยำยที่เรียกว่ำควำมล่ำช้ำในกำรก่ออิฐหรือผนังคอนกรีตควำมล่ำช้ำที่ ผลิตด้วยแจ็คเก็ตโลหะแข็งที่กัดเข้ำที่ด้ำนข้ำงของรูที่เจำะและโลหะด้ำนในที่ล้ำหลังเป็นโลหะผสมที่ อ่อนกว่ำของตะกั่ว หรือสังกะสีผสมเหล็กอ่อน ด้ำยหยำบของสลักเกลียวและตำข่ำยกันรอยและท้ำให้ เสียรูปเล็กน้อยท้ำให้มีควำมปลอดภัยใกล้กับน ้ำที่รัดแน่นป้องกันกำรสึกกร่อนกำรยึดด้วยกลไกที่ แข็งแรง สกรูกระจก นี่คือสกรูไม้หัวแบนที่มีรูเคำะที่หัวซึ่งได้รับฝำปิดชุบโครเมียมแบบสกรู โดยปกติจะใช้ใน กำรติดกระจก สกรูโลหะแผ่น มีเกลียวที่คมตัดเป็นวัสดุเช่นแผ่นโลหะพลำสติกหรือไม้ บำงครั งพวกเขำจะมีรอย บำกที่ปลำยเพื่อช่วยในกำรก้ำจัดเศษระหว่ำงกำรตัดด้ำย โดยปกติแล้วก้ำนจะมีเกลียวขึ นไปที่ส่วนหัว สกรูโลหะแผ่นเป็นตัวยึดที่ดีเยี่ยมส้ำหรับกำรยึดฮำร์ดแวร์โลหะเข้ำกับไม้เนื่องจำกก้ำนที่มีเกลียว ทั งหมดให้กำรยึดเกำะไม้ได้ดี สกรูTwinfast สกรูTwinfast คือสกรูชนิดหนึ่งที่มีเกลียวสองเกลียว (เช่นสกรูสตำร์ทคู่ ) เพื่อให้ สำมำรถขับเคลื่อนได้เร็วกว่ำสกรูธรรมดำ (เช่นสตำร์ทครั งเดียว) ถึงสองเท่ำด้วยระยะพิทช์เดียวกัน


55 สกรูไม้ สกรูโลหะที่มีปลำยแหลมออกแบบมำเพื่อยึดไม้สองชิ นเข้ำด้วยกัน สกรูไม้มักมีให้เลือกใช้กับ หัวแบนกระทะหรือวงรี โดยทั่วไปแล้วสกรูไม้จะมีก้ำนที่ไม่ได้รับเกลียวบำงส่วนอยู่ด้ำนล่ำงของหัว ส่วนที่ไม่ได้รับเกลียวของก้ำนถูกออกแบบมำให้เลื่อนผ่ำนบอร์ดด้ำนบน (ใกล้กับหัวสกรูมำกที่สุด) เพื่อให้สำมำรถดึงให้แน่นกับบอร์ดที่จะติดตั งได้ สกรูไม้ขนำดนิ วในสหรัฐอเมริกำถูกก้ำหนดโดย ANSIB18.6.1-1981 (R2003) ในขณะที่ในประเทศเยอรมนีมีกำรก้ำหนดโดย DIN 95 (สกรูไม้หัวกลมแบบ Slotted (วงรี)), DIN 96 (ไม้หัวกลมแบบ Slotted สกรู) และ DIN 97 (สกรูหัวไม้แบบหัวแบน (แบน) แบบเจำะรู) หัวสกรูสกรูเหล่ำนี ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในกำรรักษำควำมปลอดภัยและในกรณีที่มีกำรป่ำเถื่อนและ / หรือกำรโจรกรรม หัวของสกรูประเภทนี ไม่สำมำรถย้อนกลับได้ มันต้องใช้เครื่องมือหรือกลไกพิเศษ เช่นประแจสำมปีกทอร์กซี่ตัวขับสี่เหลี่ยม ฯลฯ ในสกรูบำงตัวสำมำรถถอดหัวออกได้โดยหักหลังจำก ติดตั งสกรู ตัวยึดที่มีก้านไม่เรียว สลักเกลียว สลักเกลียวชนิดพิเศษที่ติดตั งในคอนกรีตโดยมีเกลียวที่ยื่นออกมำเหนือพื นผิวคอนกรีต เพื่อรับน็อตสลักเกลียวเบรกอเวย์คือสลักเกลียวที่มีก้ำนเกลียวกลวงซึ่งออกแบบมำให้แตกออกเมื่อ ได้รับแรงกระแทก โดยทั่วไปจะใช้ในกำรยึดท่อดับเพลิงดังนั นพวกมันจะสลำยไปเมื่อถูกรถชน นอกจำกนี ยังใช้ในเครื่องบินเพื่อลดน ้ำหนัก ฝาเกลียว ค้ำว่ำฝำเกลียวหมำยถึงสิ่งต่ำงๆมำกมำยในเวลำและสถำนที่ต่ำงๆ ปัจจุบันส่วนใหญ่ หมำยถึงรูปแบบของศีรษะ (ดูแกลเลอรีด้ำนล่ำง) ในวงกว้ำงมำกขึ นและโดยทั่วไปหมำยถึงกลุ่มของสก รู: สกรูไหล่, หัวหกเหลี่ยม, หัวจมเคำน์เตอร์, หัวปุ่มและหัวฟิลลิสเตอร์ ในสหรัฐอเมริกำสกรูหัวปิดถูก ก้ำหนดโดย ASME B18.6.2 และ ASME B18.3 [32] [33]ในอดีตค้ำว่ำสกรูฝำโดยทั่วไปหมำยถึงสกรู ที่ควรจะใช้ในงำนที่ไม่ได้ใช้น๊อต อย่ำงไรก็ตำมลักษณะที่ท้ำให้เกิดควำมแตกต่ำงจำกสลักเกลียวนั น แตกต่ำงกันไปตำมช่วงเวลำ ในปีพ. ศ. 2453 แอนโธนีก้ำหนดให้เป็นสกรูที่มีหัวหกเหลี่ยมที่หนำกว่ำ หัวสลัก แต่ระยะทำงข้ำมแฟลตน้อยกว่ำสลักเกลียว[34]ในปี 1913 Woolley และเมเรดิ ธ ก้ำหนด พวกเขำเช่นแอนโธนี แต่ให้มิติต่อไปนี : สกรูหกเหลี่ยมหัวหมวกและรวมถึง7 / 16นิ ว (11.1125 มิลลิเมตร) มีหัวที่เป็น3 / 16นิ ว (4.7625 มิลลิเมตร) มีขนำดใหญ่กว่ำขำ เส้นผ่ำนศูนย์กลำง; สกรู มำกกว่ำ1 / 2นิ ว (12.7 มิลลิเมตร) มีขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงมีหัวที่เป็น1 / 4นิ ว (6.35 มิลลิเมตร) มี ขนำดใหญ่กว่ำขำ สกรูหัวหมวกสแควร์และรวมถึง3 / 4นิ ว (19.05 มิลลิเมตร) มีหัว1 / 8นิ ว (3.175 มิลลิเมตร) มีขนำดใหญ่กว่ำขำ; สกรูขนำดใหญ่กว่ำ3 / 4นิ ว (19.05 มิลลิเมตร) มีหัว1 / 4นิ ว (6.35 มิลลิเมตร) มีขนำดใหญ่กว่ำขำ [35]ในปีพ. ศ. 2462 Dyke ก้ำหนดให้เป็นสกรูที่มีเกลียวตลอดจนถึง ส่วนหัว [26]


56 สกรูซ็อกเก็ต สกรูฝำซ็อกเก็ตยังเป็นที่รู้จักcapscrew หัวซ็อกเก็ต , สกรูซ็อกเก็ตหรืออัลเลนสำยฟ้ำ เป็นชนิดของฝำเกลียวที่มีหัวทรงกระบอกและหลุมไดรฟ์หกเหลี่ยม ค้ำซ็อกเก็ตหัว capscrewมักจะ หมำยถึงประเภทของสกรูเกลียวที่มีขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงหัวเป็นนำม 1.5 เท่ำของก้ำนสกรู ( ใหญ่ ) ขนำดเส้นผ่ำศูนย์กลำงที่มีควำมสูงหัวเท่ำกับเส้นผ่ำศูนย์กลำงขำ (1960 ออกแบบชุด) โลหะผสมที่ผ่ำน กำรอบด้วยควำมร้อนปลอมแปลง ตัวอย่ำงคือตัวยึดที่มีควำมแข็งแรงสูงซึ่งออกแบบมำส้ำหรับกำรใช้ งำนเชิงกลที่มีควำมต้องกำรมำกที่สุดโดยมีสูตรโลหะผสมพิเศษที่สำมำรถรักษำควำมแข็งแรงที่ อุณหภูมิสูงกว่ำ 1,000 องศำ F (587 องศำเซลเซียส) นอกจำกนี ยังมีกำรออกแบบ 1960 ชุดกำรออกแบบหัวอื่น ๆ รวมถึงหัวต่้ำหัวปุ่มและหัวแบนหลังถูก ออกแบบมำให้นั่งลงในcountersunkหลุม ต้องใช้กุญแจหกเหลี่ยม (บำงครั งเรียกว่ำประแจอัลเลน หรือประแจอัลเลน ) หรือตัวขับฐำนสิบหกเพื่อขันหรือคลำยสกรูของซ็อกเก็ต โดยทั่วไปจะใช้แคปสกรู หัวจมในชุดประกอบที่ไม่มีระยะห่ำงเพียงพอส้ำหรับประแจหรือซ็อกเก็ตทั่วไป สลักเกลียว สลักเกลียวหัวถ้วย, สลักเกลียวโค้ช สลักเกลียวรถหรือที่เรียกว่ำโบลต์โค้ชมีหัวโดม หรือหัวจมท้ำยและก้ำนจะมีส่วนสี่เหลี่ยมสั น ๆ อยู่ใต้ศีรษะ ส่วนสี่เหลี่ยมจะยึดเข้ำกับชิ นส่วนที่ได้รับ กำรแก้ไข (โดยทั่วไปจะเป็นไม้) ป้องกันไม่ให้สลักเกลียวหมุนเมื่อขันน็อตให้แน่น สลักเกลียวแคร่ใช้ เพื่อให้ผิวด้ำนนอกของกันชนโลหะรถยนต์มีควำมเรียบเนียนส่วนสี่เหลี่ยมที่อยู่ในแนวเดียวกันกับรู สี่เหลี่ยมในกันชนเพื่อป้องกันกำรหมุน สลักเกลียวล้ำตัวคอซี่โครงมีซี่โครงตำมยำวหลำยซี่แทนที่จะ เป็นส่วนสี่เหลี่ยมเพื่อยึดเข้ำกับชิ นส่วนโลหะที่ได้รับกำรแก้ไข สลักเกลียวลิฟต์สลักเกลียวลิฟต์คล้ำยกับสลักเกลียวแคร่ยกเว้นหัว (หรือตีนผีขึ นอยู่กับกำรใช้งำน) จะบำงและแบน มีหลำกหลำยรูปแบบ [36] สลักเกลียวลิฟต์ถูกออกแบบมำเพื่อใช้ส้ำหรับปรับระดับ เครื่องใช้ไฟฟ้ำหรือเฟอร์นิเจอร์ สายฟ้าตา สลักเกลียวเป็นสลักเกลียวที่มีหัวคล้อง สลักเกลียวสกรูหกเหลี่ยม สกรูหัวหกเหลี่ยมคือสกรูหัวหกเหลี่ยมที่ออกแบบมำให้ขับเคลื่อนด้วย ประแจ (ประแจ) สกรูหัวปิดที่เข้ำกันได้กับ ASME B18.2.1 มีควำมคลำดเคลื่อนค่อนข้ำงเข้มงวดกว่ำ สลักเกลียวหกเหลี่ยมส้ำหรับควำมสูงของหัวและควำมยำวของก้ำน ลักษณะของควำมแตกต่ำงของค่ำ เผื่อช่วยให้สกรูฝำปิดฐำนสิบหก ASME B18.2.1 พอดีกับต้ำแหน่งที่ติดตั งสลักเกลียวหกเหลี่ยมอยู่ เสมอ แต่สลักเกลียวหกเหลี่ยมอำจมีขนำดใหญ่เกินไปเล็กน้อยที่จะใช้ในกรณีที่มีกำรออกแบบสกรูฝำ หกเหลี่ยม สกรูปรับละเอียด ค้ำว่ำสกรูปรับละเอียดโดยทั่วไปหมำยถึงสกรูที่มีเกลียวตั งแต่ 40–100 TPI (Threads Per Inch) (ระยะพิทช์ 0.5 มม. ถึง 0.2 มม.) และใช้สกรูปรับแบบละเอียดพิเศษเพื่ออ้ำงถึง


57 100–254 TPI (0.2 มม. ถึง 0.1 มม. สนำม). สกรูเหล่ำนี มักใช้ในกำรใช้งำนที่ใช้สกรูเพื่อควบคุมกำร เคลื่อนที่ของวัตถุอย่ำงละเอียด สกรูเครื่อง สกรูเครื่องโดยทั่วไปเป็นสปริงขนำดเล็ก (น้อยกว่ำ1 / 4นิ ว (6.35 มิลลิเมตร) เส้นผ่ำศูนย์กลำง) เกลียวตลอดควำมยำวของก้ำนที่มักจะมีชนิดไดรฟ์ปิดภำคเรียน (slotted, ฟิลลิป และอื่น ๆ ) สกรูเครื่องยังท้ำด้วยหัวซ็อกเก็ต (ดูด้ำนบน) ซึ่งในกรณีนี อำจเรียกว่ำสกรูหัวซ็อกเก็ต ไถสายฟ้า สลักเกลียวเป็นสลักเกลียวคล้ำยกับสลักเกลียวส้ำหรับแคร่ยกเว้นส่วนหัวจะแบนหรือเว้ำ และด้ำนล่ำงของหัวเป็นรูปกรวยที่ออกแบบมำเพื่อให้พอดีกับร่องด้ำนล่ำง สลักเกลียวให้พื นผิวเรียบ ส้ำหรับติดแผ่นแม่พิมพ์ไถเข้ำกับคำนซึ่งหัวที่ยกขึ นจะต้องทนทุกข์ทรมำนจำกกำรขัดถูของดิน มีหลำย รูปแบบโดยบำงแบบไม่ใช้ฐำนสี่เหลี่ยม แต่ใช้กุญแจช่องล็อคหรือวิธีอื่น ๆ ช่องในส่วนผสมพันธุ์ต้อง ได้รับกำรออกแบบให้รับสลักไถโดยเฉพำะ มำตรฐำน ASME B18.9 แนะน้ำให้ใช้สลักเกลียวไถส้ำหรับ กำรออกแบบใหม่ ขนำดที่จ้ำเป็นส้ำหรับรูปแบบส่วนหัวสำมำรถพบได้ในมำตรฐำน[37] [38] [39] สกรูเจำะตัวเองสกรู Tek คล้ำยกับสกรูโลหะแผ่น แต่มีจุดรูปดอกสว่ำนเพื่อตัดผ่ำนวัสดุพิมพ์เพื่อขจัดควำมจ้ำเป็นใน กำรเจำะรูน้ำร่อง ออกแบบมำเพื่อใช้กับเหล็กอ่อนหรือโลหะอื่น ๆ คะแนนจะนับตั งแต่ 1 ถึง 5 ยิ่ง จ้ำนวนมำกโลหะที่หนำขึ นก็สำมำรถผ่ำนได้โดยไม่ต้องมีรูน้ำร่อง ตัวอย่ำงเช่น 5 จุดสำมำรถเจำะทะลุ เหล็ก 0.5 นิ ว (12.7 มม.) สกรูเครื่องเคาะตัวเอง สกรูของเครื่องต๊ำปตัวเองคล้ำยกับสกรูของเครื่องจักรยกเว้นส่วนล่ำงของก้ำน ถูกออกแบบมำเพื่อตัดเกลียวเนื่องจำกสกรูถูกขับเคลื่อนเข้ำไปในรูที่ไม่ได้ใช้ ข้อดีของสกรูประเภทนี ที่ มีเหนือสกรูเจำะตัวเองคือหำกติดตั งสกรูใหม่เกลียวใหม่จะไม่ถูกตัดออกเมื่อสกรูขับเคลื่อน ตั งสำยฟ้ำ แตะสลักเกลียวsetscrew สลักเกลียวที่เกลียวตลอดทำงที่ศีรษะ ชุด / สลักเกลียวที่ เป็นไปตำมมำตรฐำน ASME B18.2.1 มีควำมคลำดเคลื่อนเช่นเดียวกับสกรูฝำปิดหกเหลี่ยมที่เข้ำกัน ได้กับ ASME B18.2.1 ตั งสกรูด้วงสกรูชุดสกรูโดยทั่วไปเป็นสกรูหัวขำด แต่สำมำรถสกรูใด ๆ ที่ใช้ในกำรแก้ไขปัญหำเป็น ส่วนหนึ่งที่จะหมุนเพลำเช่นเพลำเส้นหรือcountershaft สกรูชุดจะถูกขับเคลื่อนผ่ำนรูเกลียวในส่วนที่ หมุนจนแน่นกับเพลำ ประเภทที่ใช้บ่อยที่สุดคือสกรูชุดซ็อกเก็ตซึ่งขันหรือคลำยด้วยกุญแจหกเหลี่ยม ไหล่สำยฟ้ำ สกรูไหล่สลักเกลียว สกรูไหล่แตกต่ำงจำกสกรูของเครื่องจักรตรงที่ด้ำมจับยึดกับเส้นผ่ำนศูนย์กลำงที่ แม่นย้ำหรือที่เรียกว่ำหัวไหล่และส่วนที่เป็นเกลียวจะมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงเล็กกว่ำไหล่ ข้อมูลจ้ำเพำะ ของสกรูไหล่เรียกเส้นผ่ำนศูนย์กลำงไหล่ควำมยำวไหล่และเส้นผ่ำนศูนย์กลำงเกลียว ควำมยำวเกลียว ได้รับกำรแก้ไขตำมเส้นผ่ำนศูนย์กลำงของเกลียวและมักจะค่อนข้ำงสั น สกรูไหล่สำมำรถผลิตได้ใน วัสดุหลำยอย่ำงเช่นอัลลอย ได้รับควำมร้อน เหล็กเพื่อควำมแข็งแรงสูงสุดและควำมต้ำนทำนกำรสึก


58 หรอและสแตนเลสส้ำหรับคุณสมบัติกำรกัดกร่อนควำมต้ำนทำนและไม่ใช่แม่เหล็กของมัน กำรใช้งำน ทั่วไปส้ำหรับสกรูไหล่รวมถึงข้อต่อกลไกกำรหมุนจุดเชื่อมต่อและตัวกั นส้ำหรับแผ่นปอกของชุด แม่พิมพ์ขึ นรูปโลหะ ในแอปพลิเคชั่นหลังมักใช้ค้ำว่ำ stripper bolt แทน สกรูไหล่สแตนเลสใช้กับ อุปกรณ์เคลื่อนที่เชิงเส้นเช่นแบริ่งเป็นตัวน้ำทำงและเป็นเดือยในกำรใช้งำนทำงอิเล็กทรอนิกส์และ เชิงกลที่ส้ำคัญอื่น ๆ สลักเกลียวเตา รำงน ้ำกลอนสลักเกลียวเตำเป็นสกรูเครื่องจักรชนิดหนึ่งที่มีหัวกลมหรือแบนและมี เกลียวเข้ำกับหัว มักท้ำจำกเหล็กเกรดต่้ำมีช่องเสียบหรือไดรฟ์ฟิลลิปส์และใช้ในกำรเชื่อมต่อชิ นส่วน โลหะแผ่นโดยใช้น็อตหกเหลี่ยมหรือเหลี่ยม [40] สลักเกลียวควบคุมความตึง สลักเกลียวควบคุมแรงดึง (TC bolt) เป็นสลักเกลียวส้ำหรับงำนหนักที่ ใช้ในกำรก่อสร้ำงโครงเหล็ก ส่วนหัวมักเป็นโดมและไม่ได้ออกแบบมำให้ขับเคลื่อน ปลำยก้ำนมีหนำม แหลมซึ่งเกี่ยวกับประแจก้ำลังพิเศษซึ่งจะป้องกันไม่ให้สลักเกลียวหมุนในขณะที่ขันน็อตให้แน่น เมื่อถึง แรงบิดที่เหมำะสมกรรไกร spline ปิด สกรูเกลียว เหล่ำนี มีหน้ำตัดเป็นตุ้ม (มักเป็นรูปสำมเหลี่ยม) พวกเขำสร้ำงเธรดในรูที่มีอยู่แล้วใน ชิ นงำนผสมพันธุ์โดยดันวัสดุออกไปด้ำนนอกระหว่ำงกำรติดตั ง ในบำงกรณีหลุมที่เตรียมไว้อย่ำง ถูกต้องในแผ่นโลหะจะใช้รูอัด กำรอัดขึ นรูปเป็นแบบน้ำเข้ำและควำมยำวเกลียวพิเศษเพื่อกำรยึดเกำะ ที่ดีขึ น มักใช้สกรูรีดเกลียวในกรณีที่ไม่สำมำรถทนเศษหลวมที่เกิดจำกกำรตัดด้ำยได้ ตัวยึดพร้อมแหวนรองในตัว ตัวยึดแบบเกลียวอื่น ๆ Superbolt หรือ multi-jackbolt tensioner superbolt หรือmulti-jackbolt tensionerเป็นอีกทำงเลือกหนึ่งของตัวยึดที่ติดตั งเพิ่มเติมหรือ แทนที่น็อตสลักเกลียวหรือสตั๊ดที่มีอยู่ ควำมตึงเครียดในสลักเกลียวได้รับกำรพัฒนำโดยกำรบีบแจ็ค โบลต์แต่ละตัวซึ่งต่อเกลียวผ่ำนตัวน็อตและดันกับแหวนรองที่ชุบแข็ง ด้วยเหตุนี จ้ำนวนแรงบิดที่ต้อง ใช้เพื่อให้ได้พรีโหลดที่ก้ำหนดจึงลดลง กำรติดตั งและกำรถอดตัวปรับควำมตึงทุกขนำดท้ำได้ด้วย เครื่องมือช่ำงซึ่งอำจเป็นประโยชน์เมื่อต้องใช้งำนกับสลักเกลียวที่มีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงขนำดใหญ่


59 สกรูกระดูก สำขำของสกรูและฮำร์ดแวร์อื่น ๆ ส้ำหรับกำรยึดภำยในภำยในร่ำงกำยมีขนำดใหญ่และหลำกหลำย เช่นเดียวกับขำเทียมจะรวมเขตอุตสำหกรรมและ medicosurgical ก่อให้เกิดกำรผลิตเทคโนโลยี (เช่นเครื่องจักรกล , CAD / CAMและกำรพิมพ์ 3 มิติ) เพื่อตัดกับศิลปะและวิทยำศำสตร์ของ กำรแพทย์ เช่นเดียวกับกำรบินและอวกำศและพลังงำนนิวเคลียร์สำขำนี เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสูงสุด ส้ำหรับตัวยึดเช่นเดียวกับรำคำสูงสุดบำงส่วนด้วยเหตุผลง่ำยๆว่ำประสิทธิภำพกำรท้ำงำนอำยุกำรใช้ งำนและคุณภำพจะต้องดีเยี่ยมในกำรใช้งำนดังกล่ำว สกรูกระดูกมีแนวโน้มที่จะท้ำจำกสแตนเลสหรือ ไททำเนียมและพวกเขำมักจะมีระดับ high-end คุณสมบัติเช่นหัวข้อกรวยหัวข้อ multistart, cannulation (กลวง) และที่เป็นกรรมสิทธิ์ของสกรูไดรฟ์ประเภท (บำงคนออกไปข้ำงนอกไม่ได้เห็น กำรใช้งำนเหล่ำนี ) รายชื่อตัวย่อส้าหรับประเภทของสกรู ในส่วนนี ไม่ได้อ้ำงอิงใด ๆแหล่งโปรดช่วยปรับปรุงส่วนนี โดยเพิ่มกำรอ้ำงอิงไปยังแหล่งที่มำที่เชื่อถือได้ วัสดุUnsourced อำจจะท้ำทำยและลบออก ( พฤศจิกำยน 2017 ) ( เรียนรู้วิธีและเวลำที่จะลบ ข้อควำมเทมเพลตนี ) ค้ำย่อเหล่ำนี มีสกุลเงินที่เป็นศัพท์เฉพำะในหมู่ผู้เชี่ยวชำญด้ำนกำรยึด (ซึ่งท้ำงำนกับสกรูหลำยประเภท ตลอดทั งวันจ้ำเป็นต้องย่อกำรกล่ำวถึงซ ้ำ ๆ ) พื นฐำนที่เล็กกว่ำสำมำรถสร้ำงเป็นแบบยำวได้ ตัวอย่ำงเช่นเมื่อทรำบว่ำ "FH" หมำยถึง "หัวแบน" อำจเป็นไปได้ที่จะแยกวิเครำะห์ส่วนที่เหลือของตัว ย่อที่ยำวกว่ำซึ่งมี "FH" ค้ำย่อเหล่ำนี ไม่ได้เป็นมำตรฐำนสำกลในองค์กรต่ำงๆ แต่ละ บริษัท สำมำรถหยอดเหรียญของตนเอง ได้ คนที่คลุมเครือมำกขึ นอำจไม่อยู่ในรำยกำรที่นี่ กำรเว้นวรรคเพิ่มเติมระหว่ำงค้ำที่เชื่อมโยงด้ำนล่ำงช่วยให้ผู้อ่ำนเห็นกำรแยกวิเครำะห์ที่ถูกต้องได้ อย่ำงรวดเร็ว ตัวย่อ การขยาย BH หัวปุ่ม BHCS สกรูหัวปุ่ม BHMS สกรูหัวปุ่ม CS ฝำเกลียว FH หัวแบน FHCS สกรูหัวแบน


60 FHP ฟิลลิปหัวแบน FHSCS สกรูฝำครอบซ็อกเก็ตหัวแบน FHPMS สกรูหัวแบนฟิลลิปส์ กท เธรดเต็ม HHCS สกรูหัวหกเหลี่ยม HSHCS สกรูหัวจมซ็อกเก็ตหกเหลี่ยม RH หัวกลม RHMS สกรูหัวกลม RHP หัวกลม ฟิลลิป RHPMS สกรูหัวกลมฟิลลิปส์ SBHCS สกรูฝำครอบหัวปุ่มซ็อกเก็ต SBHMS สกรูหัวปุ่ม ซ็อกเก็ต ช หัวซ็อกเก็ต แม้ว่ำ "หัวซ็อกเก็ต" สำมำรถอ้ำงถึงไดรฟ์ตัวเมียเกือบทุกตัวในทำง ตรรกะแต่ก็อ้ำงถึงตำมหลักกำรของหัวซ็อกเก็ต hexเว้นแต่จะระบุไว้เพิ่มเติม SHCS สกรูหัวปิดซ็อกเก็ต SHSS สกรูชุดหัวซ็อกเก็ต บำงครั งสกรูหัวไหล่ซ็อกเก็ต SS ตั งสกรู อักษรย่อ "เอสเอส" มำกขึ นมักจะหมำยถึงสแตนเลส ดังนั น "SS cap screw" จึงหมำยถึง "สกรูฝำสแตนเลส" แต่ "SHSS" หมำยถึง "สกรูหัวจม" เช่นเดียวกับค้ำย่อจ้ำนวน มำกผู้ใช้ต้องอำศัยบริบทเพื่อลดควำมคลุมเครือแม้ว่ำกำรพึ่งพำนี จะไม่สำมำรถขจัดออกไปได้ รพ.สต. สกรูเกลียวปล่อย วัสดุ ในส่วนนี ไม่ได้อ้ำงอิงใด ๆแหล่งโปรดช่วยปรับปรุงส่วนนี โดยเพิ่มกำรอ้ำงอิงไปยังแหล่งที่มำที่เชื่อถือได้ วัสดุUnsourced อำจจะท้ำทำยและลบออก ( ตุลำคม 2020 ) ( เรียนรู้วิธีและเวลำที่จะลบข้อควำม เทมเพลตนี ) สกรูและสลักเกลียวมักจะท้ำจำกเหล็กที่ทนต่อสภำพอำกำศที่ดีในกำรกัดกร่อนหรือเป็นสิ่งจ้ำเป็นเช่น สกรูขนำดเล็กมำกหรือแพทย์ศัลยกรรม, วัสดุเช่นสแตนเลส , ทองเหลือง , ไทเทเนียม , สีบรอนซ์, สี บรอนซ์ซิลิคอนหรือโมเนลอำจจะใช้ สำมำรถป้องกันกำรกัดกร่อนของกัลวำนิกของโลหะที่แตกต่ำงกันได้ (เช่นใช้สกรูอลูมิเนียมส้ำหรับรำง กระจกสองชั น) โดยกำรเลือกใช้วัสดุอย่ำงระมัดระวัง บำงชนิดของพลำสติกเช่นไนลอนหรือ polytetrafluoroethylene (PTFE) สำมำรถเกลียวและใช้ส้ำหรับ fastenings ก้ำหนดให้มีควำม


61 แข็งแรงในระดับปำนกลำงและควำมต้ำนทำนที่ดีต่อกำรกัดกร่อนหรือส้ำหรับวัตถุประสงค์ของกำร ไฟฟ้ำฉนวนกันควำมร้อน บ่อยครั งที่เคลือบผิวจะใช้ในกำรปกป้องกรูจำกกำรกัดกร่อน (เช่นชุบสังกะสีสดใสส้ำหรับสกรูเหล็ก) ที่ จะบอกเสร็จตกแต่ง (เช่นJapanning ) หรือปรับเปลี่ยนคุณสมบัติพื นผิวของวัสดุฐำน เกณฑ์กำรเลือกวัสดุของสกรู ได้แก่ ขนำดควำมแข็งแรงที่ต้องกำรควำมต้ำนทำนต่อกำรกัดกร่อนวัสดุ ร่วมต้นทุนและอุณหภูมิ การจ้าแนกประเภทของเครื่องจักรกล ตัวเลขที่ประทับบนหัวสลักจะอ้ำงอิงตำมระดับของสลักเกลียวที่ใช้ในงำนบำงประเภทที่มีควำม แข็งแรงของสลักเกลียว สลักเกลียวเหล็กที่มีควำมแข็งแรงสูงมักจะมีหัวหกเหลี่ยมที่มีค่ำควำมแข็งแรง ISO (เรียกว่ำระดับคุณสมบัติ ) ประทับอยู่ที่หัว และกำรไม่มีเครื่องหมำย / ตัวเลขแสดงว่ำสลักเกลียว เกรดต่้ำมีควำมแข็งแรงต่้ำ คลำสคุณสมบัติที่ใช้บ่อยที่สุดคือ 5.8, 8.8 และ 10.9 ตัวเลขก่อนจุดคือ ควำมต้ำนทำนแรงดึงสูงสุดในMPaหำรด้วย 100 จ้ำนวนหลังจุดคืออัตรำส่วนตัวคูณของควำมแข็งแรง ของผลผลิตต่อควำมต้ำนทำนแรงดึงสูงสุด ตัวอย่ำงเช่นสลักเกลียวคุณสมบัติระดับ 5.8 มีค่ำควำม ต้ำนทำนแรงดึงสูงสุดเล็กน้อย (ต่้ำสุด) ที่ 500 MPa และควำมต้ำนทำนแรงดึง 0.8 เท่ำของควำม ต้ำนทำนแรงดึงสูงสุดหรือ 0.8 (500) = 400 MPa ควำมต้ำนทำนแรงดึงสูงสุดคือควำมเค้นดึงที่สลักเกลียวล้มเหลว ควำมแข็งแรงผลผลิตแรงดึงคือ ควำมเครียดที่สำยฟ้ำจะให้ผลผลิตในควำมตึงเครียดทั่วทั งส่วนของสำยฟ้ำและได้รับชุดถำวร (เป็นกำร ยืดตัวจำกที่ที่มันจะไม่กู้คืนเมื่อมีผลบังคับใช้จะถูกลบออก) 0.2% ควำมเครียดชดเชยควำมแข็งแรงใน กำรพิสูจน์คือควำมแข็งแรงที่ใช้งำนได้ของตัวยึด กำรทดสอบแรงดึงของสลักเกลียวจนถึงโหลดกำร พิสูจน์ไม่ควรท้ำให้สลักเกลียวติดถำวรและควรด้ำเนินกำรกับตัวยึดจริงแทนที่จะค้ำนวณ[43]หำกสลัก เกลียวตึงเกินกว่ำโหลดพิสูจน์อักษรอำจท้ำงำนในลักษณะพลำสติกเนื่องจำกกำรยอมเข้ำเกลียวและ แรงดึงล่วงหน้ำอำจสูญเสียไปเนื่องจำกพลำสติกเสียรูปแบบถำวร เมื่อดึงตัวยึดออกก่อนที่จะถึงจุดให้ ผลผลิตสกรูจะถูกกล่ำวว่ำท้ำงำนในพื นที่ยืดหยุ่น ในขณะที่กำรยืดตัวเกินกว่ำจุดที่ให้ผลผลิตเรียกว่ำ กำรท้ำงำนในบริเวณพลำสติกของวัสดุสลักเกลียว หำกสลักเกลียวถูกโหลดด้วยควำมตึงเครียดเกินกว่ำ ควำมแข็งแรงในกำรพิสูจน์กำรให้ผลผลิตที่ส่วนรำกสุทธิของสลักเกลียวจะด้ำเนินต่อไปจนกว่ำส่วน ทั งหมดจะเริ่มให้ผลผลิตและเกินก้ำลังรับผลตอบแทน หำกควำมตึงเครียดเพิ่มขึ นสลักเกลียวจะหัก ด้วยควำมแข็งแรงสูงสุด


62 สลักเกลียวเหล็กอ่อนมีคุณสมบัติระดับ 4.6 ซึ่งมีควำมแข็งแรงสูงสุด 400 MPa และควำมแข็งแรงของ ผลผลิต 0.6 * 400 = 240 MPa สลักเกลียวเหล็กที่มีควำมแข็งแรงสูงมีคุณสมบัติระดับ 8.8 ซึ่งมีควำม แข็งแรงสูงสุด 800 MPa และ 0.8 * 800 = 640 MPa หรือสูงกว่ำ สกรูหรือโบลต์ประเภทเดียวกันสำมำรถผลิตได้ในวัสดุหลำยเกรด ส้ำหรับกำรใช้งำนที่มีควำมต้ำนทำน แรงดึงสูงที่ส้ำคัญสลักเกลียวเกรดต่้ำอำจล้มเหลวส่งผลให้เกิดควำมเสียหำยหรือบำดเจ็บ บนสลัก เกลียวมำตรฐำน SAE จะมีรูปแบบกำรท้ำเครื่องหมำยที่โดดเด่นบนหัวเพื่อให้สำมำรถตรวจสอบและ ตรวจสอบควำมแข็งแรงของสลักเกลียวได้ [44]อย่ำงไรก็ตำมตัวยึดปลอมรำคำประหยัดอำจพบได้จริง ซึ่งมีควำมแข็งแรงน้อยกว่ำที่ระบุไว้ในเครื่องหมำย ตัวยึดที่ด้อยคุณภำพดังกล่ำวเป็นอันตรำยต่อชีวิต และทรัพย์สินเมื่อใช้ในเครื่องบินรถยนต์รถบรรทุกหนักและกำรใช้งำนที่ส้ำคัญที่คล้ำยคลึงกัน [45] หัวประแจ(จมูกหมู) สกรูสมัยใหม่ใช้กำรออกแบบไดรฟ์ที่หลำกหลำยโดยแต่ละตัวต้องใช้เครื่องมือชนิดต่ำงๆในกำรขับเข้ำ หรือดึงออก สกรูไดรฟ์ที่พบมำกที่สุดคือ slotted และ Phillips ในสหรัฐอเมริกำ hex, Robertson และ Torx เป็นเรื่องปกติในบำงแอปพลิเคชันและ Pozidriv ได้แทนที่Phillips ในยุโรปเกือบทั งหมด ไดรฟ์บำงประเภทมีไว้ส้ำหรับกำรประกอบอัตโนมัติในกำรผลิตจ้ำนวนมำกเช่นรถยนต์ อำจใช้ประเภท สกรูไดรฟ์ที่แปลกใหม่มำกขึ นในสถำนกำรณ์ที่ไม่พึงปรำรถนำกำรงัดแงะเช่นในเครื่องใช้ไฟฟ้ำที่ช่ำง ซ่อมบ้ำนไม่ควรให้บริกำร เครื่องมือ ตัวขับไฟฟ้ำขันสกรูหัวฟิลลิปแบบแตะด้วยตัวเองเข้ำกับไม้ เครื่องมือมือที่ใช้ในกำรไดรฟ์สกรูมำกที่สุดเรียกว่ำไขควง เครื่องมือไฟฟ้ำที่ไม่งำนเดียวกันเป็นไขควง พลังงำน ; นอกจำกนี ยังอำจใช้สว่ำนไฟฟ้ำร่วมกับอุปกรณ์ยึดสกรู ในกรณีที่ก้ำลังจับของข้อต่อที่ขันสก รูเป็นสิ่งส้ำคัญจะใช้ไขควงวัดแรงบิดและไขควง จ้ำกัด แรงบิดเพื่อให้แน่ใจว่ำสกรูพัฒนำแรงเพียงพอ แต่ไม่มำกเกินไป เครื่องมือมือส้ำหรับกำรขับตัวยึดเกลียวหัวหกเหลี่ยมคือประแจ (กำรใช้งำนในส หรำชอำณำจักร) หรือประแจ (กำรใช้งำนในสหรัฐอเมริกำ) ในขณะที่ใช้ตัวตั งน๊อตกับตัวขับสกรูไฟฟ้ำ มาตรฐานของเธรด Accuracy dispute บทควำมนี ดูเหมือนจะขัดแย้งกับบทควำมด้ำยสกรู โปรดดูกำรอภิปรำยในกำรเชื่อมโยงหน้ำพูดคุย ( กุมภำพันธ์ 2010 ) ( เรียนรู้ว่ำจะลบข้อควำมเทมเพลตนี ได้อย่ำงไรและเมื่อใด ) บทควำมหลัก: สกรูเกลียว


63 มีหลำยระบบในกำรระบุขนำดของสกรู แต่ในโลกส่วนใหญ่ชุดเกลียวเมตริก ISOที่ต้องกำรได้แทนที่ ระบบรุ่นเก่ำจ้ำนวนมำก ระบบอื่น ๆ ทั่วไปค่อนข้ำงรวมถึงมำตรฐำนอังกฤษ Whitworth , ระบบ BA (บริติช Association)และสหพันธ์กระทู้มำตรฐำน เกลียวเกลียวเมตริก ISO บทควำมหลัก: สกรูเกลียวเมตริก ISO หลักกำรพื นฐำนของเกลียวเกลียวเมตริก ISO ถูกก้ำหนดไว้ในมำตรฐำน สำกล ISO 68-1และชุดค่ำ ผสมของเส้นผ่ำนศูนย์กลำงและระยะห่ำงที่ต้องกำรจะระบุไว้ใน ISO 261 ชุดค่ำผสมของเส้นผ่ำน ศูนย์กลำงและระยะพิทช์ที่เล็กกว่ำที่ใช้กันทั่วไปในสกรูน็อตและสลักเกลียวจะได้รับในISO 262 ค่ำ สนำมใช้กันมำกที่สุดส้ำหรับแต่ละเส้นผ่ำศูนย์กลำงเป็นสนำมหยำบส้ำหรับเส้นผ่ำนศูนย์กลำงบำงรุ่น จะมีกำรระบุตัวแปรพิทช์ละเอียดเพิ่มเติมหนึ่งหรือสองแบบส้ำหรับกำรใช้งำนพิเศษเช่นเธรดในท่อที่มี ผนังบำง สกรูเกลียวเมตริก ISO ก้ำหนดด้วยตัวอักษรMตำมด้วยเส้นผ่ำนศูนย์กลำงหลักของเกลียวใน หน่วยมิลลิเมตร (เช่นM8 ) หำกด้ำยไม่ได้ใช้งำนแบบปกติระยะพิทช์หยำบ (เช่น 1.25 มม. ในกรณี ของ M8) จำกนั นระยะพิทช์เป็นมิลลิเมตรจะต่อท้ำยด้วยเครื่องหมำยคูณ (เช่น "M8 × 1" หำกเกลียว เกลียวมีเส้นผ่ำนศูนย์กลำงภำยนอก 8 มม. และก้ำวหน้ำขึ น 1 มม. ต่อ 360 °กำรหมุน)


64 2.8 สว่าน สว่ำนเป็นเครื่องมือช่ำง ชิ นส้ำคัญในกำรท้ำวัสดุให้มีรูกลมเพื่อใช้ในกำรยึดกับวัสดุหนึ่งเข้ำกับ อีกวัสดุ โดยใช้วัสดุสิ นเปลืองคือ ดอกสว่ำน เป็นตัวกระทบวัตถุทั งนี สว่ำนเองยังมีหลำยประเภท รวมทั งซึ่งกำร ออกแบบนั นก็จะขึ นอยู่กับกำรใช้งำน บำงรุ่นสร้ำงมำเพื่อขันก็ยังมี บำงรุ่นทั งขันทั งตอกก็มี สว่ำนมี ลักษณะมำกมำยหลำยแบบและมีควำมแตกต่ำงทั งในเรื่องของ ควำมเร็ว ขนำด ก้ำลัง แต่ละแบบจะมี ตัวตนและ คำแรคเตอร์ที่แตกต่ำงกันไป ในขณะนี สว่ำนเป็นเครื่องมือช่ำงที่ส้ำคัญที่สุดเครื่องมือหนึ่ง โดยเฉพำะสว่ำนไร้สำยที่ได้รับควำมนิยมอย่ำงสูงในปัจจุบัน ซึ่งสวนทำงกับสว่ำนไฟฟ้ำที่ก้ำลังได้รับ นิยมลดลงไปเรื่อย ๆนั่นเอง โดยทั่วไป สว่ำนจะใช้ในงำนไม้ งำนเหล็ก งำนก่อสร้ำง งำนประกอบชิ นส่วน รวมไปถึงงำนที่พิเศษเช่น งำนอวกำศ และงำนด้ำนกำรแพทย์ อีกด้วย ประวัติศาสตร์ของ สว่าน ประวัติศำสตร์ของสว่ำนเกิดขึ นเมื่อ 35,000 ปีก่อน คริสตกำลโฮโมเซเปียนส์ มีกำรค้นพบประโยชน์ใน กำรเจำะจำกเครื่องมือที่สร้ำงด้วยหินรูปทรงปลำยแหลมที่สำมำรถหมุนได้ โดยใช้มือหมุนไปกลับเพื่อ เจำะรูทะลุ วัสดุอื่นๆ นี่คือบรรพบุรุษของสว่ำนอย่ำงแท้จริง โดยต่อมำได้ประยุคในกำรใช้งำนจำก วัฒนธรรมยุคโบรำณเรื่อยมำ โดยได้ท้ำกำรเปลี่ยนวัสดุต่ำงๆในกำรใช้งำนเช่น กระดูกงำช้ำง เขำกวำง ท้ำให้มีกำรใช้เทคนิคนี กันทั่วโลกในยุคโบรำณ รูปภาพที่2.38 สว่ำน


65 โดยหลังจำกนั น สว่ำนแบบ machine drills เครื่องแรกของโลกได้ถือก้ำเนิดขึ น จำก Bow drill เนื่องจำกว่ำเครื่องมือชนิดนี ได้ใช้กลไกลท้ำให้ดอกสว่ำนเคลื่อนที่แบบหมุนโดยสำยของเครื่องมือซึ่ง เป็นกลไกลที่ท้ำให้กำรเจำะวัสดุมีประสิทธิภำพดีขึ น โดยสว่ำนแบบ Bow drill ได้รับกำรพัฒนำ ให้ เป็นเครื่องมือในกำรจุดไฟในเวลำต่อมำ ในที่สุดเมื่อมำถึงยุค โรมัน สว่ำนก็ได้ถูกพัฒนำขึ นมำโดยสิ่งประดิษฐ์นี มีชื่อว่ำ Pump drill ตัวเครื่อง มือนี เอง เป็นสว่ำนที่หมุนในแนวตั งโดยควำมแม่นย้ำของสว่ำนนั นได้ถูกพฒนำขึ นจำกตัวมูเล่ที่มี ศูน ถ่วงกดลงมำนั่นเอง Pump drillPump drill ในรำวศตวรรษที่ 13 ได้มีกำรพฒนำรูปแบบของดอกสว่ำนให้มีลักษณะ ปลำยแบบ กลวงเพื่อกำรเจำะวัสดุเฉพำะส่วนนอกของมันท้ำให้เหลือส่วนที่เป็นวัสดุด้ำนในออกมำ ด้วยนี่คือต้นก้ำเนิดของดอกสว่ำน HOLE-SAW นั่นเอง ควำมเปลี่ยนแปลงครั งส้ำคัญเกิดขึ นเมื่อมีกำรค้นพบวิธีประดิษฐ์มอเตอร์ไฟฟ้ำ ท้ำให้สว่ำนติดกับ มอเตอร์ได้ก้ำเนิดขึ น เมื่อมีกำรคิดค้น สว่ำนไฟฟ้ำ ออกมำจำก Arthur James Arnot หลังจำกนั น สว่ำนไฟฟ้ำก็ได้รับกำรพัฒนำรูปทรงเรื่อยมำจนมีกำรปรับรูปทรงให้คล้ำยกับปืนพก โดยในช่วง ศตวรรษนี่เอง สว่ำนได้พัฒนำรูปแบบให้สร้ำงขึ นส้ำหรับงำนเฉพำะเจำะจงในหลำกหลำยมิติ สว่าน แบ่งรูปแบบได้ดังนี โดยในรูปแบบของสว่ำนอำจจะมีกำรต้องกำรพลังงำนที่แตกต่ำงกันเช่น สว่ำนไฟฟ้ำ สว่ำนลม หรือ สว่ำนเครื่องยนต์ที่ใช้ในงำนเจำะดิน ระบบสว่ำนกระแทกส่วนมำกจะใช้ในงำนเจำะวัสดุแข็ง เช่น ปูน อิฐ รวมไปถึงสว่ำนที่มีลักษณะใหญ่เช่นบ่อขุดเจำะน ้ำมัน โดยสว่ำนที่มือถือได้บำงจ้ำพวกยังสำมำรถ น้ำมำขันสกรูเพื่อวัสดุได้อีกด้วย - สว่ำนมือ - สว่ำนไฟฟ้ำ - สว่ำนไร้สำย - สว่ำนกระแทก - สว่ำนโรตำรี่ - สว่ำนแท่น โดยสว่ำนที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยในปัจจุบันมีหลำยยี่ห้อซึ่งแตกต่ำงกันไปอำทิ เช่น - สว่ำน bosch - สว่ำน makita


66 - สว่ำน dewalt - สว่ำน milwaukee - ประวัติของ สว่ำนไฟฟ้ำ ในยุคปัจจุบัน สว่ำนไฟฟ้ำ เป็นของใช้ในบ้ำนและกำรก่อสร้ำงทั่วไป วันและเวลำของ สว่ำนไฟฟ้ำได้ ผ่ำนไปแล้วแม้ว่ำบำงครั งจะตอบสนองวัตถุประสงค์ที่เป็นประโยชน์อย่ำงมำก แต่ส่วนใหญ่ถูกแทนที่ ด้วยสว่ำนไฟฟ้ำรุ่นไร้สำย วัตถุประสงค์ดั งเดิมของสว่ำนไฟฟ้ำ คือกำรเจำะหิน โลหะ หรือไม้ ในช่วง หลำยปีที่ผ่ำนมำกำรใช้งำนนั นไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่ำงมีนัยส้ำคัญแต่กำรใช้งำนมันนั นมีกำรขยำยตัว มำกขึ น สว่ำนไฟฟ้ำ มีหลำยประเภท เช่น สว่ำนไฟฟ้ำประเภท Bore Drill ซึ่งใช้เฉพำะเจำะรูง่ำยๆ สว่ำนไฟฟ้ำประเภทนี ด้ำเนินกำรพัฒนำในประเทศอียิปต์ประมำณ 3,000 ปีก่อนคริสตกำล และสว่ำน ไฟฟ้ำประเภท Auger ยังคงใช้อยู่ในปัจจุบันถูกสร้ำงขึ นและใช้ในยุคโรมันและยุคกลำง อย่ำงไรก็ตำม ฉันจะมุ่งเน้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับสว่ำนไฟฟ้ำที่เรำคุ้นเคย สว่านไฟฟ้า การเชื่อมต่อมอเตอร์ไฟฟ้าเข้ากับ สว่านไฟฟ้า เรำให้เครดิตกับชำวออสเตรเลียคู่หนึ่ง คือ Arthur Arnot และ William Brain ส้ำหรับกำรเชื่อมต่อ และรวมสว่ำนไฟฟ้ำกับมอเตอร์ไฟฟ้ำ สิ่งนี เกิดขึ นครั งแรกใน ค.ศ. 1889 ท้ำให้สว่ำนไฟฟ้ำมีอำยุ มำกกว่ำ 125 ปี เพียงแค่ห้ำปีต่อมำมีบุคคลหนึ่งที่มีแนวคิดจะใช้สว่ำนไฟฟ้ำและออกแบบให้พอเหมำะ กับมือของผู้ใช้และท้ำให้สะดวกต่อกำรพกพำ Germans Wilhelm และ Carl Fein ประเทศเยอรมนี ได้รับเครดิตส้ำหรับแนวคิดวิวัฒนำกำรดังกล่ำว นอกจำกนี สวิตช์สั่งงำน (Trigger switch) และสว่ำน ไฟฟ้ำ ด้ำมปืนพกถูกสร้ำงขึ นใน ค.ศ. 1917 โดย Black& Decker ซึ่งอำจท้ำให้คุณประหลำดใจ มอเตอร์สว่านไฟฟ้า Black & Decker วิวัฒนำกำรของสว่ำนไฟฟ้ำ นี น้ำมำซึ่งกำรออกแบบจ้ำนวนมำกส้ำหรับสิ่งที่แนบมำที่สำมำรถใช้กับ สว่ำนไฟฟ้ำ สิ่งนี ปรับปรุงควำมเอนกประสงค์และฟังก์ชันกำรท้ำงำน ปัจจุบันนี ไม่เพียงแค่เจำะรูอีก ต่อไปสว่ำนไฟฟ้ำสำมำรถใช้เป็นเครื่องขัดกระดำษทรำย (Orbital sander) และเลื่อยไฟฟ้ำ (Power saw) และสว่ำนไฟฟ้ำแทนที่จะใช้งำนโดยช่ำงไม้ แต่ปัจจุบันช่ำงประปำและช่ำงไฟฟ้ำก็สำมำรถใช้งำน สว่ำนไฟฟ้ำได้เช่นกัน Black & Decker พัฒนำเทคโนโลยีของสว่ำนไฟฟ้ำอีกครั งโดยกำรสร้ำงสว่ำนไฟฟ้ำไร้สำยใน ค.ศ. 1961 เป้ำหมำยหลักส้ำหรับกำรใช้ คือ กำรใช้เกี่ยวกับด้ำนพำณิชย์และอุตสำหกรรม (มีผู้อ้ำงว่ำ Makita ผู้ผลิตเครื่องมือชำวญี่ปุ่นสร้ำงสว่ำนไฟฟ้ำไร้สำยเครื่องแรกใน ค.ศ. 1978 ซึ่งอำจเป็นควำม จริงเท่ำที่เกี่ยวข้องกับกำรเป็นเครื่องแรกที่เปิดเผยต่อประชำชนทั่วไป) แม้ว่ำนี่จะไม่ใช่สิ่งที่สร้ำงควำม ประทับใจให้กับเรำในปัจจุบัน แต่ส้ำหรับบุคคลกลุ่มอื่นๆเช่นผู้รับเหมำผู้ซึ่งท้ำงำนกับ สว่ำนไฟฟ้ำที่


67 หลำกหลำยเพื่อวัตถุประสงค์ที่หลำกหลำยเทคโนโลยีนี จึงเป็นสิ่งยิ่งใหญ่มำกในสถำนที่ก่อสร้ำงมี ปลั๊กไฟไม่มำกนักดังนั นเพื่อให้ช่ำงไม้มืออำชีพมีเครื่องมือช่ำงพร้อมใช้งำนทุกเมื่อที่ต้องกำรช่วย ประหยัดเวลำและค่ำใช้จ่ำย อีกปัจจัยหนึ่งที่เปลี่ยนวิธีกำรที่ผู้คนใช้สว่ำนไฟฟ้ำคือควำมก้ำวหน้ำของ แบตเตอรี่ส้ำรองไฟฟ้ำแบบพกพำ ก้ำลังไฟฟ้ำสว่ำนไฟฟ้ำที่มีอยู่เริ่มจำก 4.8 โวลต์ใน ค.ศ. 1960 เป็น 9.6 โวลต์ใน ค.ศ. 1980 และปัจจุบันเรำมีก้ำลังไฟฟ้ำ 36 โวลต์และสูงกว่ำ บริษัทรำยใหญ่ที่ผลิต สว่ำนไฟฟ้ำแม้ว่ำจะมีผู้คนและ บริษัท จ้ำนวนไม่น้อยที่ได้รับกำรคัดเลือก (โดยเฉพำะอย่ำงยิ่ง Black&Decker) ที่สร้ำงกำรเปลี่ยนแปลงครั งใหญ่ในกำรพัฒนำสว่ำนไฟฟ้ำ แต่ก็มี บริษัทอื่นๆ อีกหลำยแห่งที่พัฒนำสว่ำนไฟฟ้ำและวำงไว้ในมือของทุกคน Raymond DeWalt ก่อตั ง บริษัท DeWalt Power Tool ที่มีชื่อเสียงในเมืองบอลติมอร์ รัฐแมริแลนด์ใน ค.ศ. 1923 ซึ่งจ้ำหน่ำย ผลิตภัณฑ์ สว่ำนไฟฟ้ำ ที่ทนทำนและน่ำเชื่อถือมำกที่สุดในตลำด ในปีเดียวกันนั นบริษัท Milwaukee Electric Tool ถูกสร้ำงขึ นโดย A.F. Siebert ซึ่งเป็นผู้ผลิตสว่ำนไฟฟ้ำที่ขำยดีที่สุดอีกรำยหนึ่ง และใน ค.ศ. 1924 เรำเห็นบริษัท Michel Electric Hand Saw เข้ำสู่ตลำดด้วยชื่อแบรนด์Skil สว่ำนไฟฟ้ำไม่มีประวัติเครื่องมือไฟฟ้ำขนำดเล็กที่จะสมบูรณ์หำกไม่รวมแบรนด์Sears Craftsman ซึ่งเริ่มต้นใน ค.ศ. 1927 ในขณะที่ร้ำนค้ำปลีกแบรนด์นี ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่ำที่เคยมีมำ แต่แบรนด์นี ยังคง เป็นส่วนส้ำคัญของวิวัฒนำกำรของสว่ำนไฟฟ้ำ นี่คือจุดส้ำคัญบำงประกำรในกำรพัฒนำสว่ำนไฟฟ้ำในประวัติศำสตร์ มีเพียงบำงส่วนเท่ำนั นที่มี อิทธิพลต่อกำรออกแบบและกำรสร้ำงสว่ำนไฟฟ้ำที่เรำรู้จักในปัจจุบัน แต่กำรน้ำเข้ำสู่ตลำดและควำม นิยมเกิดขึ นจำกบริษัทหลำยแห่งที่เห็นว่ำมีประโยชน์ต่อประชำชนทั่วไป ไม่ว่ำใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อควำมก้ำวหน้ำของเทคโนโลยีสว่ำนไฟฟ้ำ ควำมก้ำวหน้ำเหล่ำนั นจะเป็นไปไม่ได้เลยหำกไม่มีกำรใช้ ไฟฟ้ำและพลังงำนแบตเตอรี่กับอุปกรณ์ สว่านไร้สาย คือสว่านใช้แบตเตอรี่ สว่ำนไร้สำย คือ สว่ำนที่ไม่ต้องอำศัยปลั๊กไฟ(ใช้แบตเตอรี่ในกำรให้พลังงำน) ส่วนใหญ่สว่ำนไร้สำยจะ มีหัวจับแบบไม่ใช้กุญแจในกำรขันหรือเรียกอีกอย่ำงว่ำจ้ำปำ แม้ว่ำช่วงแรกๆจะใช้ก็ตำมแต่ปัจจุบัน หำ ได้ค่อนข้ำงยำก คุณสมบัติ สว่านไร้สาย สว่ำนไร้สำย ยุคปัจจุบันมีให้เลือกแรงดันไฟฟ้ำหลำกหลำยรูปแบบ มักจะเริ่มต้นที่ 12 โวลต์ 18 โวลต์ โดยปัจจุบันนิยมใช้ แบตเตอรี่ ลิเธียมไอออน เป็นหลัก สว่ำนไร้สำยรุ่นที่ใหญ่กว่ำ อำจมีฟังก์ชั่น ที่ท้ำ ให้สว่ำนกระแทกได้นอกเหนือจำกกำรหมุน เดินหน้ำและเดินถอยหลัง สว่ำนรุ่นที่สูงขึ นไปอำจมีระบบ


68 ควบคุมควำมเร็วกำรหมุนของรอบสว่ำนจำกสวิทช์ และมีระบบคลัทช์ช่วยในกำรขันสกรู รวมทั ง มอเตอร์แบบไร้แปรงถ่ำน วัตถุประสงค์ของ สว่านไร้สาย หน้ำที่หลักของสว่ำนไร้สำย คือกำรหมุน “ ดอกสว่ำน” ที่เป็นอุปกรณ์เสริม โดยดอกสว่ำนจะมีหลำย รูปแบบเพื่อรองรับ กำรเจำะและตัดวัสดุที่ต่ำงกันไป อีกทั งดอกสว่ำนก็ยังมีอีกหลำยขนำด สิ่งที่ สำมำรถใช้ได้นอกเหนือดอกสว่ำนคือ ดอกขันสกรู หรือดอกไขควง สว่ำนไร้สำย ได้ถูกสร้ำงขึ นมำ เพื่อให้พกพำได้สะดวก และมีขนำดเล็กพอที่จะเข้ำไปในสถำนที่ยำกล้ำบำก รวมทั งสถำนที่ที่ไม่มีไฟฟ้ำ ประวัติ สว่านไร้สาย สว่ำนไร้สำยพัฒนำมำจำกสว่ำนไฟฟ้ำโดย บริษัท Black and Decker ในปี 1960 โดยเริ่มใช้ แบตเตอรี่ NI-Cad เป็นพลังงำนหลักในกำรขับมอเตอร์ หลังจำกนั นได้พัฒนำมำเป็นแบตเตอรี่ แบบ ลิ เธียม ไอออน และมอเตอร์แบบไร้แปรงถ่ำนเป็นล้ำดับ สว่ำน (Drill) เครื่องมือช่ำงไฟฟ้ำส้ำหรับเจำะรูบนวัสดุหลำกหลำยประเภท ถือเป็นเครื่องมือสำรพัด ประโยชน์ที่ไม่จ้ำกัดเฉพำะช่ำงมืออำชีพ และควรมีติดบ้ำนไว้ใช้งำนเพื่อควำมสะดวกสบำยในกำรต่อ เติมซ่อมแซมและตกแต่งบ้ำน ซึ่งในปัจจุบันกำรเลือกซื อสว่ำนที่มีหลำกหลำยประเภทอำจสร้ำงควำม สับสนให้ผู้ใช้งำนได้HomeGuru จึงอยำกชวนทุกคนมำท้ำควำมรู้จักว่ำสว่ำน คืออะไร มีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมำะกับงำนเจำะชนิดไหน มีวิธีเลือกซื อสว่ำนและวิธีกำรใช้สว่ำนให้ปลอดภัยอย่ำงไร ดอกสว่ำน คือ อะไร รวมทั งประเภทดอกสว่ำนชนิดต่ำงๆ ที่ส้ำคัญกว่ำที่คิด ซึ่งทั งหมดถูกรวบรวมมำ ไว้ในบทควำมนี แล้วครับ รูปภาพที่2.39 สว่ำนไร้สำย


69 ประเภทของสว่าน หำกแบ่งตำมกำรใช้งำนจริงๆ นั นมีหลำกหลำยมำก ตั งแต่แบบมือถือไปจนถึงแบบตั งโต๊ะขนำดใหญ่ แต่วันนี HomeGuru จะขอพูดถึงสว่ำนแบบมือถือที่หลำยคนคุ้นตำกันครับ สว่ำนไขควงไฟฟ้ำ มีก้ำลังไม่สูงมำกนัก มีทั งแบบไร้สำย ใช้แบตเตอรี่ และใช้ถ่ำน หน้ำที่หลักคือกำรไข สกรู จึงมีระบบควบคุมแรงบิดและรอบหมุน สำมำรถกลับทำงหมุนได้ เพื่อให้เหมำะกับทั งกำรไขสกรู และกำรคลำยสกรู สว่ำนไฟฟ้ำ มีก้ำลังประมำณ 300 – 550 วัตต์ เหมำะกับงำนเจำะไม้ เหล็ก และพลำสติก หรือวัสดุที่ ไม่หนำมำกนัก ข้อดีคือมีสำยไฟ จึงสำมำรถใช้งำนอย่ำงต่อเนื่องได้ สว่ำนกระแทกไฟฟ้ำ มีก้ำลังประมำณ 550 – 720 วัตต์ ใช้กำรท้ำงำน 2 ระบบ คือระบบธรรมดำ และ ระบบกระแทกที่ท้ำหน้ำที่เหมือนค้อน ช่วยในกำรเจำะปูนแบบก่อฉำบ สว่ำนโรตำรี่ มีก้ำลังตั งแต่ 650 วัตต์ ขึ นไป แบ่งออกเป็นแบบ 2 ระบบ คือระบบเจำะและระบบ กระแทก กับแบบ 3 ระบบ ที่มีทั งระบบเจำะ , ระบบกระแทก และระบบสกัด เพื่อช่วยสกัดหน้ำปูน เพิ่มขึ นมำ เรียกได้ว่ำเป็นสว่ำนเจำะปูนโดยเฉพำะ สว่ำนไร้สำย หรือสว่ำนแบตเตอรี่ เนื่องจำกไม่ใช้ไฟฟ้ำจึงสะดวกเมื่อต้องใช้งำนนอกสถำนที่ หรือบนที่ สูง เหมำะกับงำนเจำะไม้, เหล็ก หรือขันน๊อต แต่มีข้อจ้ำกัดที่ไม่สำมำรถใช้งำนได้ต่อเนื่อง เพรำะต้อง คอยชำร์จหรือเปลี่ยนแบตเตอรี่นั่นเอง ประเภทของดอกสว่าน อุปกรณ์ที่หลำยคนอำจมองข้ำม แต่รู้หรือไม่ว่ำ ชนิดดอกสว่ำนเจำะ มีผลต่อวัสดุที่ต้องกำรเจำะ และ อำยุกำรใช้งำนของอุปกรณ์มำกกว่ำที่คิด - ดอกสว่ำนไฮสปีด – ดอกสว่ำนเจำะเหล็ก , สแตนเลส ผลิตจำก Carbon Steel ผสมธำตุที่ให้ ควำมแข็ง เช่น โครเมียม มีคุณสมบัติแข็ง เหนียว ทนต่อกำรแตกร้ำว สำมำรถเจำะด้วย ควำมเร็วสูง สำมำรถเจำะไม้, กระเบื อง , เหล็ก , โลหะ , ทองแดง , อลูมิเนียม และ พลำสติก - ดอกสว่ำนคำร์ไบด์ – ดอกสว่ำนเจำะเหล็กแข็ง ผลิตจำกวัสดุที่มีควำมแข็งมำก จึงสำมำรถ เจำะวัสดุที่มีควำมแข็งได้แม่นย้ำและหลำกหลำย สำมำรถใช้เจำะปูน – คอนกรีตได้ วิธีการใช้สว่านให้ปลอดภัย แต่งกำยให้รัดกุม สวมอุปกรณ์ป้องกัน เช่น แว่นตำ , ถุงมือ , ผ้ำปิจมูก พับแขนเสื อให้เรียบร้อย งดใส่ เครื่องประดับบริเวณมือ


70 ตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนใช้งำน ทั งตัวอุปกรณ์และสำยไฟ เลือกประเภทอุปกรณ์ให้ตรงกับประเภทงำน ขันดอกสว่ำนให้แน่น ไม่แกว่งหรือเคลื่อนที่ขณะใช้งำน หำกต้องกำรเจำะวัสดุที่ต้องกำรให้ทะลุ ควรน้ำวัสดุมำรองรับเสมอ หำกต้องกำรเจำะวัสดุที่ขยับได้ ควรล็อควัสดุให้แน่นหนำก่อน ก่อนเจำะทุกครั งควรใช้เหล็กตอกน้ำศูนย์ตรงจุดที่ต้องกำรเจำะ จับอุปกรณ์ให้กระชับและตรงจุด ขณะเจำะควรออกแรงกดให้สัมพันธ์กับกำรหมุนของ อุปกรณ์ วิธีเลือกซื อสว่าน - เลือกซื อจำกก้ำลังไฟฟ้ำ จ้ำนวนวัตต์สูงๆ นอกจำกจะมีก้ำลังในกำรเจำะมำกแล้ว ยังสำมำรถ ใช้งำนต่อเนื่องได้มำกกว่ำ แต่ยิ่งจ้ำนวนวัตต์มำกก็จะยิ่งมีน ้ำหนักมำกกว่ำ และกินไฟมำกกว่ำ ด้วย - เลือกจำกควำมต้องกำรใช้งำน หำกไม่ต้องกำรใช้งำนหนัก สว่ำนไฟฟ้ำก็เพียงพอส้ำหรับซื อติด บ้ำนไว้ครับ แต่หำกใช้งำนหนัก สว่ำนกระแทกหรือโรตำรี่ก็ตอบโจทย์ - เลือกจำกพื นที่ในกำรใช้งำน หำกต้องใช้งำนในพื นที่ไม่มีไฟฟ้ำเป็นประจ้ำ หรืออยำกพกไว้ติด รถยำมฉุกเฉิน สว่ำนไร้สำยถือเป็นตัวเลือกที่ดี


71 2.8 มอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้ำ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้ำที่แปลงพลังงำนไฟฟ้ำเป็นพลังงำนกลกำรท้ำงำนปกติของมอเตอร์ ไฟฟ้ำส่วนใหญ่เกิดจำกกำรท้ำงำนร่วมกันระหว่ำงสนำมแม่เหล็กของแม่เหล็กในตัวมอเตอร์ และ สนำมแม่เหล็กที่เกิดจำกกระแสในขดลวดท้ำให้เกิดแรงดูดและแรงผลักของสนำมแม่เหล็กทั งสอง หลักการท้างานของมอเตอร์ เมื่อมีกระแสไหลในขดลวดตัวน้ำที่พันอยู่บนแกนอำร์เมเจอร์ จะเกิดสันแรงแม่เหล็กรอบ ๆ ตัวน้ำ และ ท้ำปฏิกิริยำกับเส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดจำกขั วแม่เหล็กของมอเตอร์ ท้ำให้เกิดแรงผลักขึ นบนตัวน้ำท้ำให้ อำร์เมเจอร์หมุนไปได้ขดลวดที่มีกระแสไฟฟ้ำไหลและวำงอยู่บนแกนของอำร์เมเจอร์ โดยวำงห่ำงจำก จุดศูนย์กลำงเป็นระยะ r ก้ำหนดให้กระแสไฟฟ้ำไหลเข้ำขดลวดที่ปลำย A และไหลออกที่ปลำย B จำกคุณสมบัติของเส้นแรงแม่เหล็กจะไม่ตัดผ่ำนซึ่งกันและกัน ดังนั นปริมำณของเส้นแรงแม่เหล็กจะมี จ้ำนวนมำกที่ด้ำนบนของปลำย A จึงท้ำให้เกิดแรง F1 กดตัวน้ำ A ลงด้ำนล่ำงและขณะเดียวกันที่ ปลำย B นั น เส้นแรงแม่เหล็กจะมีปริมำณมำกที่ด้ำนหน้ำท้ำให้เกิดแรง F2 ดันให้ตัวน้ำ B เคลื่อนที่ ด้ำนบนของแรง F1 และ F2 นี เองท้ำให้อำร์เมเจอร์ของมอเตอร์เกิดกำรเคลื่อนที่ไปได้ดังนั นกำร ท้ำงำนของมอเตอร์จึงขึ นอยู่กับหลักกำรที่ว่ำ เมื่อเอำตัวน้ำที่มีกระแสไฟฟ้ำไหลผ่ำนไปวำงใน สนำมแม่เหล็ก มันจึงพยำยำมท้ำให้ตัวน้ำเคลื่อนที่ไปในทิศทำงที่ตั งฉำกกับสนำมแม่เหล็กคุณสมบัติ ของมอเตอร์ไฟฟ้ำสำมำรถแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ คือ คุณสมบัติทั่วไปและคุณสมบัติทำงเทคนิค ดังนี รูปภาพที่2.40 มอเตอร์ไฟฟ้ำ


72 คุณสมบัติทั่วไป เป็นคุณสมบัติประจ้ำตัวของมอเตอร์ ไฟฟ้ำแต่ละประเภทที่ควรจะทรำบอย่ำงกว้ำง ๆ โดยมิได้เจำะลึก เข้ำไปในเนื อหำเชิงวิชำกำรแต่อย่ำงใด ได้แก่ ลักษณะโครงสร้ำง ลักษณะงำน ลักษณะของวงจรเช่น คุณสมบัติ ของมอเตอร์อนุกรม คือ ลักษณะโครงสร้ำง ประกอบด้วยลวดหนำมแม่เหล็กที่มีควำม ต้ำนทำนต่้ำมำก (พันด้วยลวดทองแดงเส้นใหญ่น้อยรอบแกนขั วแม่เหล็ก) ต่อเป็นอนุกรมกับอำร์ เมเจอร์และต่อโดยตรงกับแรงดันเมน ลักษณะวงจร A1 – A2 เป็นอำร์เมเจอร์ต่อเป็นอนุกรมกับ ขดลวดสนำมแม่เหล็กชุดอนุกรม D1 – D2 และต่อโดยตรงกับสำยเมน L+, L- และลักษณะ สนำมแม่เหล็กท้ำให้ควำมเร็วสูงเมื่อโหลดลง จึงเป็นมอเตอร์ที่หมุนไม่คงที่ควำมเร็วเปลี่ยนแปลงไป ตำมโหลดจะเหมำะสมอย่ำงยิ่งที่จะใช้เป็นมอเตอร์สตำร์ทเครื่องพ่นน ้ำคุณสมบัติทำงเทคนิคเป็น คุณสมบัติประจ้ำเครื่องกลไฟฟ้ำแต่ละประเภทเช่นเดียวกัน ที่ให้รำยละเอียดซึ่งเจำะลึกเข้ำไปในเชิง วิชำกำร สำมำรถทดสอบและวัดด้วยเครื่องวัดได้ด้วยวิธีทดลองในห้องปฏิบัติกำรทดลอง ส่วนใหญ่จะ แสดงด้วยกรำฟเพื่อแสดงให้เห็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำงค่ำหนึ่งกับอีกค่ำหนึ่ง เช่น สมรรถในกำรก้ำเนิด แรงเคลื่อนไฟฟ้ำของเครื่องก้ำเนิดไฟฟ้ำแสดงด้วย “กรำฟแม่เหล็กอิ่มตัว (Saturation หรือ Magnetization curve)” สมรรถนะในกำรจ่ำยโหลดของเครื่องก้ำเนิดไฟฟ้ำแสดงด้วย External Characteristic ส่วนคุณสมบัติทำงเทคนิคของมอเตอร์จะแสดงด้วย Performance Curve ซึ่งได้แก่ สมรรถนะในกำรหมุนขับโหลด (Speed load Curves หรือ Speed/load Characteristic) แสดงให้ เห็นควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมเร็วรอบกับกระแสมอเตอร์ (n = ควำมเร็วรอบให้อยู่บนแกน Y หรือ Ordinate และ Ia = กระแสอำร์เมเจอร์ให้อยู่บนแกน X หรือ abscissae) หรืออำจให้แสดง ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมเร็วรอบ(n เ เป็น ordinate หรือ แกน Y) กับทอร์ค หรือก้ำลังที่หมุนขับ งำน ( T= ทอร์ด, P=ก้ำลังวัตต์หรือกิโลวัตต์ ให้อยู่บนแกน x หรือ abscissae ) จุดประสงค์เพื่อ ต้องกำรแสดงให้เห็นถึงควำมเปลี่ยนแปลงของควำมเร็วรอบของมอเตอร์ที่หมุนขับโหลดว่ำจะมีกำร เปลี่ยนแปลงไปอย่ำงไรเมื่อโหลดเปลี่ยนแปลงไป ประเภทของมอเตอร์ 1.มอเตอร์กระแสตรง 2.มอเตอร์กระแสสลับ 1. มอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสตรงที่ส่วนประกอบที่ส้ำคัญ 2 ส่วนดังนี 1) ส่วนที่อยู่กับที่หรือที่เรียกว่ำสเตเตอร์ (Stator) ประกอบด้วย เหนื อไปขั วใต้ให้ครบวงจรและยึดส่วนประกอบอื่นๆให้แข็งแรงท้ำด้วยเหล็กหล่อหรือเหล็กแผ่นหนำ ม้วนเป็นรูปทรงกระบอก


73 2) ตัวหมุน (Rotor) ตัวหมุนหรือเรียกว่ำโรเตอร์ตัวหมุนนี ท้ำให้เกิดก้ำลังงำนมีแกนวำงอยู่ในตลับ ลูกปืน (Ball Bearing) ซึ่งประกอบอยู่ในแผ่นปิดหัวท้ำย (End Plate) ของมอเตอร์ ตัวโรเตอร์ประกอบด้วย 4 ส่วนด้วยกัน คือ 2.1 แกนเพลำ (Shaft) 2.2 แกนเหล็กอำร์มำเจอร์ (Armature Core) 2.3 คอมมิวเตอร์ (Commutator) 2.4 ขอลวดอำร์มำเจอร์ (Armature Widing) 3) แกนเหล็กอำร์มำเจอร์ (Armature Core) ท้ำด้วยแผ่นเหล็กบำงอำบฉนวน (Laminated Sheet Steel) เป็นที่ส้ำหรับพันขดลวดอำร์มำเจอร์ซึ่งสร้ำงแรงบิด (Torque) 4) คอมมิวเตเตอร์ (Commutator) ท้ำด้วยทองแดงออกแบบเป็นซี่แต่ละซี่มีฉนวนไมก้ำ (mica) คั่น ระหว่ำงซี่ของคอมมิวเตเตอร์ ส่วนหัวซี่ของคอมมิวเตเตอร์ จะมีร่องส้ำหรับใส่ปลำยสำย ของขดลวด อำร์มำเจอร์ ตัวคอมมิวเตเตอร์นี อัดแน่นติดกับแกนเพลำ เป็นรูปกลมทรงกระบอก มีหน้ำที่สัมผัสกับ แปรงถ่ำน (Carbon Brushes) เพื่อรับกระแสจำกสำยป้อนเข้ำไปยัง ขดลวดอำร์มำเจอร์เพื่อสร้ำงเส้น แรงแม่เหล็กอีกส่วนหนึ่งให้เกิดกำรหักล้ำงและเสริมกันกับเส้นแรงแม่เหล็กอีกส่วน ซึ่งเกิดจำกขดลวด ขั วแม่เหล็ก ดังกล่ำวมำแล้วเรียกว่ำปฏิกิริยำมอเตอร์ (Motor action) 5) ขดลวดอำร์มำเจอร์ (Armature Winding) เป็นขดลวดพันอยู่ในร่องสลอท (Slot) ของแกนอำร์มำ เจอร์ ขนำดของลวดจะเล็กหรือใหญ่และจ้ำนวนรอบจะมำกหรือน้อยนั นขึ นอยู่กับกำรออกแบบของตัว โรเตอร์ชนิดนั นๆ เพื่อที่จะให้เหมำะสมกับงำนต่ำงๆ ที่ต้องกำร ควรศึกษำต่อไปในเรื่องกำรพันอำร์มำ เจอร์ (Armature Winding) ในโอกำสต่อไป แปรงถ่าน (Brushes) มอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสตรง เป็นต้นก้ำลังขับเคลื่อนที่ส้ำคัญอย่ำงหนึ่งในโรงงำนอุตสำหกรรมเพรำะมี คุณสมบัติที่ดีเด่นในด้ำนกำรปรับควำมเร็วได้ตั งแต่ควำมเร็วต่้ำสุดจนถึงสูงสุด นิยมใช้กันมำกในโรงงำน อุตสำหกรรม เช่นโรงงำนทอผ้ำ โรงงำนเส้นใยโพลีเอสเตอร์ โรงงำนถลุงโลหะหรือให้ เป็นต้นก้ำลังใน กำรขับเคลื่อนรถไฟฟ้ำ เป็นต้นในกำรศึกษำเกี่ยวกับมอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสตรงจึงควรรู้จัก อุปกรณ์ต่ำง ๆ ของมอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสตรงและเข้ำใจถึงหลักกำรท้ำงำนของมอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสตรงแบบต่ำง ๆ


74 ส่วนประกอบของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง 1.เฟรมหรือโยค (Frame Or Yoke) เป็นโครงภำยนอกท้ำหน้ำที่เป็นทำงเดินของเส้นแรง แม่เหล็กจำกขั ว ขั วแม่เหล็ก (Pole) ประกอบด้วย 2 ส่วนคือแกนขั วแม่เหล็กและขดลวด แรกแกนขั ว (Pole Core) ท้ำด้วยแผ่นเหล็กบำงๆ กั นด้วยฉนวนประกอบกันเป็นแท่งยึดติดกับเฟรม ส่วนปลำยที่ท้ำเป็นรูปโค้งนั นเพื่อโค้งรับรูปกลมของตัวโรเตอร์เรียกว่ำขั วแม่เหล็ก (Pole Shoes) มี วัตถุประสงค์ให้ขั วแม่เหล็กและโรเตอร์ใกล้ชิดกันมำกที่สุดเพื่อให้เกิดช่องอำกำศน้อยที่สุด เพื่อให้เกิด ช่องอำกำศน้อยที่สุดจะมีผลให้เส้นแรงแม่เหล็กจำกขั วแม่เหล็กจำกขั วแม่เหล็กผ่ำนไปยังโรเตอร์มำก ที่สุดแล้วท้ำให้เกิดแรงบิดหรือก้ำลังบิดของโรเตอร์มำกเป็นกำรท้ำให้มอเตอร์ ์่มีก้ำลังหมุน (Torque) ส่วนที่สอง ขดลวดสนำมแม่เหล็ก (Field Coil) จะพันอยู่รอบๆแกนขั วแม่เหล็กขดลวดนี ท้ำหน้ำที่รับ กระแสจำกภำยนอกเพื่อสร้ำงเส้นแรงแม่เหล็กให้เกิดขึ น และเส้นแรงแม่เหล็กนี จะเกิดกำรหักล้ำงและ เสริมกันกับสนำมแม่เหล็กของอำเมเจอร์ท้ำให้เกิดแรงบิดขึ น แกนเพลำ (Shaft) เป็นตัวส้ำหรับยืดคอมมิวเตเตอร์ และยึดแกนเหล็กอำร์มำเจอร์ (Armature Croe) ประกอบเป็นตัวโรเตอร์แกนเพลำนี จะวำงอยู่บนแบริ่ง เพื่อบังคับให้หมุนอยู่ในแนวนิ่งไม่มีกำร สั่นสะเทือนได้ แปรงถ่าน ท้ำด้วยคำร์บอนมีรูปร่ำงเป็นแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ่ในซองแปรงมีสปิงกดอยู่ด้ำนบนเพื่อให้ ถ่ำนนี สัมผัสกับซี่คอมมิวเตเตอร์ตลอดเวลำเพื่อรับกระแส และส่งกระแสไฟฟ้ำระหว่ำงขดลวดอำร์มำ เจอร์ กับวงจรไฟฟ้ำจำกภำยนอก คือถ้ำเป็นมอเตอร์กระแสไฟฟ้ำตรงจะท้ำหน้ำที่รับกระแสจำก ภำยนอกเข้ำไปยังคอมมิวเตเตอร ์ให้ลวดอำร์มำเจอร์เกดแรงบิดท้ำให้มอเตอร์หมุนได้ หลักการของมอเตอร์กระแสไฟฟ้าตรง หลักกำรของมอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสตรง (Motor Action) เมื่อเป็นแรงดันกระแสไฟฟ้ำตรงเข้ำไปใน มอเตอร์ ส่วนหนึ่งจะ แปรงถ่ำนผ่ำนคอมมิวเตเตอร์เข้ำไปในขดลวดอำร์มำเจอร์สร้ำงสนำมแม่เหล็กขึ น และกระแสไฟฟ้ำอีกส่วนหนึ่งจะไหลเข้ำไปในขดลวดสนำมแม่เหล็ก (Field coil) สร้ำงขั วเหนือ-ใต้ขึ น จะเกิดสนำมแม่เหล็ก 2 สนำม ในขณะเดียวกัน ตำมคุณสมบัติของเส้นแรง แม่เหล็ก จะไม่ตัดกันทิศ ทำงตรงข้ำมจะหักล้ำงกัน และทิศทำงเดียวจะเสริมแรงกัน ท้ำให้เกิดแรงบิดในตัวอำร์มำเจอร์ ซึ่งวำง แกนเพลำและแกนเพลำนี สวมอยู่กับตลับลุกปืนของมอเตอร์ ท้ำให้อำร์มำเจอร์นี หมุนได้ ขณะที่ตัว อำร์มำเจอร์ท้ำหน้ำที่หมุนได้นี เรียกว่ำ โรเตอร์ (Rotor) ซึ่งหมำยควำมว่ำตัวหมุน กำรที่อ้ำนำจเส้นแรง


75 แม่เหล็กทั งสองมีปฏิกิริยำต่อกัน ท้ำให้ขดลวดอำร์มำเจอร์ หรือโรเตอร์หมุนไปนั นเป็นไปตำมกฎซ้ำย ของเฟลมมิ่ง (Fleming’left hand rule) มอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ มอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสสลับ หมำยถึง มอเตอร์ที่ใช้กับระบบไฟฟ้ำกระแสสลับ เป็น เครื่องกลไฟฟ้ำที่ท้ำหน้ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ำให้เป็นพลังงำนกล ส่วนที่ท้ำหน้ำที่เปลี่ยนพลังงำน ไฟฟ้ำคือขดลวดในสเตเตอรืและส่วนที่ท้ำหน้ำที่ให้พลังงำนกล คือ ตัวหมุนหรือโรเตอร์ ซึ่งเมื่อขดลวด ในสเตเตอร์ได้รับพลังงำนไฟฟ้ำก็จะสร้ำงสนำมแม่เหล็กขึ นมำในตัวทที่อยู่กับที่หรือสเตเตอร์ ซึ่ง สนำมแม่เหล็กที่เกิดขึ นนี จะมีกำรเคลื่อนที่หรือหมุนไปรอบ ๆ สเตเตอร์ เนื่องจำกกำรต่ำงเฟสของ กระแสไฟฟ้ำในขดลวดและกำรเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้ำ ในขณะที่สนำมแม่เหล็กเคลื่อนที่ไป สนำมแม่เหล็กจำกขั วเหนือก็จะพุ่งเข้ำหำขั วใต้ ซึ่งจะไปตัดกับตัวน้ำที่เป็นวงจรปิดหรือขดลวดกรง กระรอกของตัวหมุนหรือโรเตอร์ ท้ำให้เกิดกำรเหนี่ยวน้ำของกระแสไฟฟ้ำขึ นในขดลวดของโรเตอร์ ซึ่งสนำมแม่เหล็กของโรเตอร์นี จะเคลื่อนที่ตำมทิศทำงกำรเคลื่อนที่จองสนำมแม่เหล็กที่สเตเตอร์ ก็จะ ท้ำให้โรเตอร์ของมอเตอร์เกิดจะพลังงำนกลสำมำรถน้ำไปขับภำระที่ต้องกำรหมุนได้ ชนิดของมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ มอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสสลับแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ ๆ คือ มอเตอร์อะซิงโครนัสและ มอเตอร์ซิงโครนัส ซึ่งที่กล่ำวในบทนี จะเป็นมอเตอร์อะซิงโครนัส ที่เรียกว่ำมอเตอร์ชนิดเหนี่ยวน้ำ ซึ่งจะมีขนำดตั งแต่เล็ก ๆไปจนถึงขนำดหลำยร้อยแรงม้ำ มอเตอร์ชนิดเหนี่ยวน้ำมีทั งที่เป็นมอเตอร์ ชนิด 1 เฟสและชนิดที่เป็นมอเตอร์ 3 เฟส มอเตอร์ชนิดเหนี่ยวน้ำนั นส่วนมำกแล้วจะหมุนด้วย ควำมเร็วคงที่แต่ก็มีบำงชนิดที่สำมำรถเปลี่ยนแปลงควำมเร็วได้ เช่น มอเตอร์สลิปริงหรือมอเตอร์ชนิด ขดลวดพัน ซึ่งจะเป็นมอเตอร์ชนิด 3 เฟส มอเตอร์ไฟฟ้ำกระแสสลับชนิดเหนี่ยวน้ำเป็นเครื่องกล ไฟฟ้ำที่เปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ำให้เป็นพลังงำนกล ในกำรเปลี่ยนพลังงำนไฟฟ้ำให้เป็นพลังงำนกลนี โร เตอร์ไม่ได้รับพลังงำนไฟฟ้ำโดยตรงแต่จะได้จำกกำรเหนี่ยวน้ำ ดังนั นจึงเรียกว่ำมอเตอร์ชนิด เหนี่ยวน้ำซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1. มอเตอร์ชนิดกรงกระรอก ซึ่งมีทั งที่เป็นมอเตอร์ 1 เฟสและชนิดที่เป็น 3 เฟส 2. มอเตอร์ชนิดขดลวดพันหรือชนิดวำวนด์หรือมอเตอร์สลิปริง ซึ่งจะเป็นมอเตอร์ชนิด 3 เฟส โดยทั่วไปมอเตอร์ทุกประเภทจะมีส่วนประกอบหลัก หรือส่วนประกอบเบื องต้น คล้ำยกันคือสเตเตอร์หรือตัวที่อยู่กับที่และโรเตอร์หรือตัวหมุน แต่จะแตกต่ำงกันในเรื่องของ รำยละเอียดของส่วนประกอบปลีกย่อยอื่นๆ


76 2.10 ไม้แผ่น ไม้เป็นวัสดุที่มีเสน่ห์ผิวสัมผัสและลวดลำยมีเอกลักษณ์เฉพำะตัว ให้ควำมรู้สึกอบอุ่นและเป็น ธรรมชำติบ้ำนเรำนิยมใช้ไม้ก่อสร้ำงอำคำรบ้ำนเรือนต่ำงๆ เช่น เป็นส่วนโครงสร้ำง เสำ ฝำ คำน พื น บันได ฯลฯ และตกแต่งภำยใน เช่น ปูพื น กรุผนัง ท้ำเฟอร์นิเจอร์ ประตู หน้ำต่ำง เป็นต้น ในประเทศไทยจ้ำแนกประเภทของไม้ตำมลักษณะควำมแข็งแรงดังนี ไม้เนื ออ่อน เป็นไม้ที่มีวงปีกว้ำงมำก เนื่องจำกเป็นไม้โตเร็ว ล้ำต้นใหญ่ เนื อค่อนข้ำงเหนียว แต่ท้ำงำน ได้ง่ำย เนื อไม้มีสีจำงหรือค่อนข้ำงซีด อำทิ ไม้กระบำก ไม้ยำง ไม้ฉ้ำฉำ ไม้เหียง ไม้โมก ไม้กระท้อน ไม้ ยมหอม ไม้จ้ำปำป่ำ ไม้สนต่ำงประเทศ เป็นต้น เหมำะกับงำนในที่ร่มหรืองำนชั่วครำว งำนตกแต่ง และเครื่องมือเครื่องใช้ ไม้เนื อแข็ง เป็นไม้ที่มีวงปีมำกกว่ำไม้เนื ออ่อน เพรำะเจริญเติบโตช้ำกว่ำ คือต้องมีอำยุหลำยสิบปีจึงจะ น้ำมำใช้งำนได้ ลักษณะทั่วไปของไม้คือ มีเนื อมัน ลำยละเอียด เนื อแน่น สีเข็ม (แดงถึงด้ำ) มีน ้ำหนัก มำก แข็งแรงทนทำน เช่น ไม้สัก ไม้ตะแบก ไม้ประดู่ ไม้มะเกลือ เป็นต้น เหมำะส้ำหรับงำน เฟอร์นิเจอร์ งำนก่อสร้ำงบ้ำน และเครื่องมือ ไม้เนื อแกร่ง เป็นไม้ที่เจริญเติบโตช้ำมำก จึงท้ำให้วงปีถี่มำกกว่ำไม้สองชนิดแรก คือ ต้องมีอำยุไม่น้อย กว่ำ 60-70 ปีจึงจะน้ำมำใช้งำนได้ เนื อไม้มีสีเข้มค่อนข้ำงแดง น ้ำหนักมำก และแข็งกว่ำไม้เนื อแข็ง ไม้ ที่จัดอยู่ในกลุ่มนี ส่วนใหญ่เป็นไม้ที่ใช้ในกำรก่อสร้ำงหรือเป็นโครงสร้ำง อำทิ คำน ตง เสำ ได้แก่ ไม้แดง ไม้ชิงชัน ไม้ตะเคียน ไม้มะค่ำโมง ไม้พยุง ไม้เต็ง เป็นต้น จำกข้ำงต้น มีชนิดของไม้ที่นิยมใช้กันอย่ำงแพร่หลำยอยู่ไม่กี่ชนิด เช่น ไม้สัก ไม้ยำง ไม้เต็ง ไม้แดง ไม้ ตะแบก ไม้มะค่ำโมง ไม้ยำงพำรำ ไม้ประดู่ ส่วนไม้ต่ำงประเทศที่นิยมใช้ได้แก่ ไม้โอ๊ก ไม้ไวท์แอช ไม้ รูปภาพที่2.41 ไม้แผ่น


77 บีช ไม้เชอร์รี่ ไม้วอลนัท ไม้ตระกูลสน ซึ่งจะเรียกชื่อตำมแหล่งผลิต เช่น ไม้สนสวีเดน ไม้สนแคนำดำ ไม้สนลำวหรือไม้สนขำว เป็นต้น ขนำดมำตรฐำนของไม้ แบ่งเป็น 2 แบบ คือ หน้ำตัดเป็นนิ ว ควำมยำวเป็นเมตร จ้ำหน่ำยเป็นคิวบิก เมตร ไม้ส่วนใหญ่ที่ใช้มำตรฐำนนี ได้แก่ ไม้ยำง ไม้เต็ง ไม้ตะแบก ไม้แปรรูปจำกต่ำงประเทศ เช่น ไม้ แอช เมเปิ้ล เชอร์รี่ บีช โอ๊ก ฯลฯ ขนำดหน้ำตัด คือ ควำมหนำ x ควำมกว้ำง เช่น 1×1 ,1 x 1 1/2, 1×2, 1 1/2 x 3 , 2×4 นิ ว เป็นต้น ขนำดหน้ำตัดจะเพิ่มขึ นทุกๆ ครึ่งนิ ว ส่วนควำมยำวใช้หน่วยเป็น เมตร เพิ่มขึ นทุกๆ 0.50 เมตร (ครึ่งเมตร) เช่น 1.00, 1.50, 2.00 เป็นต้น ไม้เบญจพรรณที่แปรรูปแล้ว มีขนำดเท่ำกันหรือต่้ำกว่ำขนำดจริงด้ำนละประมำณ 1/8-1/4 นิ ว กำรใช้ งำนต้องกะขนำดไม้ที่จะใช้ก่อนสั่ง หน้ำตัดเป็นนิ ว ควำมยำวเป็นฟุต จ้ำหน่ำยเป็นคิวบิกฟุต มำตรฐำนนี ใช้กับไม้สัก ขนำดหน้ำตัดมี ต่ำงกันไป เช่น 1 x 1 , 1 x 1 1/4, 1 x 1 1/2 , 1 1/2 x 1 1/2 นิ ว เป็นต้น ขนำดหน้ำตัดเพิ่มทุกๆ 1/4 นิ ว ส่วนควำมยำวเพิ่มทุกๆ ครึ่งฟุต เช่น 1, 1 1/2, 2, 2 1/2 ฟุต ไม้สักที่แปรรูปแล้ว มีขนำดใหญ่กว่ำขนำดมำตรฐำน เมื่อไสเรียบจึงได้ขนำดตำมมำตรฐำน ซึ่งเป็นข้อดี ส้ำหรับผู้ใช้งำน คือไม่ต้องกังวลว่ำจะได้ไม้ที่ไม่ได้ขนำด


78 2.11 เหล็กกล่อง เป็นแร่ธำตุที่มีบทบำทกับกำรน้ำมำใช้งำนในชีวิตประจ้ำวันมำกที่สุด และเป็นที่รู้จักกันอย่ำงแพร่หลำย โดยเหล็กจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือเหล็ก (iron) และ เหล็กกล้ำ (steel) ซึ่งทั งสอง ประเภทนี มีคุณสมบัติที่ต่ำงกันหลำยประกำร แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะถูกเรียกอย่ำงเหมำรวมกันว่ำ “เหล็ก” นั่นเอง ลักษณะทั่วไปของเหล็กและเหล็กกล้า เหล็ก จะมีสัญลักษณ์ทำงวิทยำศำสตร์ คือ Fe มักพบได้มำกในธรรมชำติ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นสีแดงอม น ้ำตำล เมื่อน้ำเข้ำใกล้กับแม่เหล็ก จะดูดติดกัน ส่วนพื นที่ที่ค้นพบเหล็กได้มำกที่สุด ก็คือ ตำมชั นหิน ใต้ดินที่อยู่บริเวณที่รำบสูงและภูเขำ โดยจะอยู่ในรูปของสินแร่เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งก็ต้องใช้วิธีถลุงออกมำ เพื่อให้ได้เป็นแร่เหล็กบริสุทธิ์และสำมำรถน้ำมำใช้ประโยชน์ได้ เหล็กกล้ำ เป็นโลหะผสม ที่มีกำรผสมระหว่ำง เหล็ก ซิลิคอน แมงกำนีส คำร์บอนและธำตุอื่นๆ อีก เล็กน้อย ท้ำให้มีคุณสมบัติในกำรยืดหยุ่นสูง ทั งมีควำมทนทำน แข็งแรง และสำมำรถต้ำนทำนต่อแรง กระแทกและภำวะทำงธรรมชำติได้อย่ำงดีเยี่ยม ที่ส้ำคัญคือเหล็กกล้ำไม่สำมำรถค้นพบได้ตำม ธรรมชำติเหมือนกับเหล็ก เนื่องจำกเป็นเหล็กที่สร้ำงขึ นมำโดยกำรประยุกต์ของมนุษย์ แต่ในปัจจุบัน ก็มีกำรน้ำเหล็กกล้ำมำใช้งำนอย่ำงแพร่หลำย เพรำะมีต้นทุนต่้ำ จึงช่วยลดต้นทุนได้เป็นอย่ำงมำก และ มีคุณสมบัติที่โดดเด่นไม่แพ้เหล็ก เหล็กกล้ำ เป็นเหล็กที่มีควำมเหนียวแน่นมำกกว่ำเหล็กหล่อ ทั งสำมำรถขึ นรูปด้วยวิธีทำงกลได้ จึงท้ำ ให้เหล็กชนิดนี นิยมถูกน้ำมำใช้อย่ำงแพร่หลำยและกว้ำงขวำงมำกขึ น ตัวอย่ำงเหล็กกล้ำที่มักจะพบ ได้บ่อยๆ ในชีวิตประจ้ำวัน คือ เหล็กแผ่น เหล็กโครงรถยนต์หรือเหล็กเส้น เป็นต้น นอกจำกนี คำร์บอนก็สำมำรถแบ่งได้เป็นกลุ่มย่อยๆ ดังนี รูปภาพที่2.42 เหล็กกล่อง


79 เหล็กกล้ำคำร์บอน จะมีส่วนผสมหลักเป็นคำร์บอนและมีส่วนผสมอื่นๆ ปนอยู่บ้ำงเล็กน้อย ทั งนี ก็ ขึ นอยู่กับจะมีธำตุอะไรติดมำในขั นตอนกำรถลุงบ้ำง ดังนั นเหล็กกล้ำคำร์บอน จึงสำมำรถแบ่งเป็น ย่อยๆ ได้อีก ตำมปริมำณธำตุที่ผสมดังนี - เหล็กคำร์บอนต่้ำ มีคำร์บอนต่้ำกว่ำ 0.2% และมีควำมแข็งแรงต่้ำมำก จึงน้ำมำรีดเป็นแผ่นได้ ง่ำย เช่น เหล็กเส้น เหล็กแผ่น เป็นต้น - เหล็กกล้ำคำร์บอนปำนกลำง จะมีคำร์บอนอยู่ประมำณ 0.2-0.5% มีควำมแข็งแรงสูงขึ นมำ หน่อย สำมำรถน้ำมำใช้เป็นชิ นส่วนของเครื่องจักรกลได้ - เหล็กกล้ำคำร์บอนสูง มีคำร์บอนสูงกว่ำ 0.5% มีควำมแข็งแรงสูงมำก นิยมน้ำมำอบชุบควำม ร้อนเพื่อเพิ่มควำมแข็งแกร่งมำกขึ น และสำมำรถต้ำนทำนต่อกำรสึกหรอได้ดี จึงนิยมน้ำมำ ท้ำเครื่องมือเครื่องใช้ที่ต้องกำรผิวแข็ง - เหล็กกล้ำผสม เป็นเหล็ก ที่มีกำรผสมธำตุอื่นๆ เข้ำไปโดยเจำะจง เพื่อให้คุณสมบัติของเหล็ก เป็นไปตำมที่ต้องกำร โดยเหล็กประเภทนี มักจะมีควำมสำมำรถในกำรต้ำนทำนต่อกำรกัด กร่อนและสำมำรถน้ำไฟฟ้ำได้ รวมถึงมีคุณสมบัติทำงแม่เหล็กอีกด้วย ซึ่งก็จะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ เหล็กกล้ำผสมต่้ำและเหล็กกล้ำผสมสูง นั่นเอง โดยเหล็กกล้ำผสมต่้ำ จะเป็น เหล็กกล้ำที่มีกำรผสมด้วยธำตุอื่นๆ น้อยกว่ำ 10% และเหล็กกล้ำผสมสูง จะเป็นเหล็กกล้ำที่ มีกำรผสมด้วยธำตุอื่นๆ มำกกว่ำ 10% เหล็ก เป็นแร่ธำตุที่ถูกน้ำมำใช้ในชีวิตประจ้ำวันมำกที่สุด และเป็นที่รู้จักอย่ำงแพร่หลำย เนื่องจำกมี คุณสมบัติที่เหมำะกับกำรน้ำมำใช้งำนในหลำยๆ ด้ำน แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้ำง คือมีน ้ำหนักมำก ท้ำให้ เคลื่อนย้ำยได้ไม่ค่อยสะดวกมำกนัก อย่ำงไรก็ตำม เหล็ก ก็ยังคงเป็นที่นิยมและมีกำรน้ำมำใช้งำนใน อุตสำหกรรมหรือกำรผลิตเครื่องจักรกลต่ำงๆ รวมทั งใช้ในกำรสร้ำงบ้ำนด้วย เพรำะเป็นโลหะที่มีควำม แข็งแรงและทนทำนมำก เหล็ก (iron) สัญลักษณ์ทำงวิทยำศำสตร์Fe คือแร่ธำตุโลหะชนิดหนึ่งที่มีอยู่ในธรรมชำติ ส่วนใหญ่มีสี แดงอมน ้ำตำล โดยปกติสำมำรถดูดติดแม่เหล็กได้ พบมำกในชั นหินใต้ดินบริเวณที่รำบสูงและภูเขำ อยู่ ในรูปก้อนสินแร่เหล็ก (iron ore) ปะปนกับโลหะชนิดอื่นๆ และหิน เมื่อน้ำมำใช้ประโยชน์จะต้องผ่ำน กำรท้ำให้บริสุทธิ์ด้วยกรรมวิธีกำร "ถลุง" (ใช้ควำมร้อนสูงเผำให้สินแร่เหล็กกลำยเป็นของเหลวใน ขณะที่ก้ำจัดแร่อื่นที่ไม่ต้องกำรออกไป) นอกจำกนี ธำตุเหล็กยังเป็นสำรอำหำรที่ร่ำงกำยคนเรำต้องกำร เนื่องจำกเป็นองค์ประกอบส้ำคัญในเม็ดเลือดแดงของเรำอีกด้วย กล่ำวคือ คนที่ขำดธำตุเหล็กจะเป็น โรคโลหิตจำงได้ง่ำย


80 คุณสมบัติของเหล็ก คุณสมบัติของเหล็กที่ผ่ำนกำรแปรรูปแล้วที่สำมำรถน้ำไปใช้ในงำนได้หลักๆ คือควำมทนทำนทั งต่อ กำรใช้งำนและสภำพแวดล้อม พร้อมทั งต้องมีควำมยืดหยุ่นที่ดี สำมำรถน้ำไฟฟ้ำและน้ำควำมร้อนได้ หลังจำกนั นในกระบวนกำรเลือกใช้เหล็กให้เหมำะสมกับงำนนั นก็ขึ นอยู่กับดุลพินิจของวิศวกรผู้ ควบคุมงำน ที่ต้องคิดและค้ำนวณดูปัจจัยในเรื่องต่ำงๆ ทั งปัจจัยภำยในและภำยนอกเพื่อให้เกิดควำม ปลอดภัยต่อผู้ใช้งำนมำกที่สุด ซึ่งคุณสมบัติของเหล็กก็มีดังนี 1. สภาพยืดหยุ่น (Elasticity) เป็นคุณสมบัติที่ของแข็งหรือเหล็กสำมำรถเปลี่ยนรูปร่ำงรูปทรงได้ เมื่อมีแรงกระท้ำที่พอดี สำมำรถ แบ่งออกได้อีก 2 ประเภท สภำพยืดหยุ่น (elasticity) คือ คุณสมบัติที่วัตถุหรือของแข็งเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงไปเมื่อได้รับแรง กระท้ำที่เพียงพอและสำมำรถคืนกลับสู่สภำพปกติได้เมื่อไม่มีแรงมำกระท้ำ สภำพพลำสติก (plasticity) คือ คุณสมบัติที่วัตถุเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงไปอย่ำงถำวรเมื่อได้รับแรงกระท้ำ ที่เพียงพอ โดยที่พื นผิวภำยนอกไม่แตกหักหรือฉีกขำด 2. ความเค้น (Stress) เป็นคุณสมบัติทำงฟิสิกส์ สำมำรถอธิบำยได้ว่ำ เป็นควำมเข้มข้นของแรงกระท้ำระหว่ำงอนุภำคภำยใน ของวัตถุหรือของแข็งชิ นนั นๆ ต่อแรงภำยนอกที่กระท้ำเพิ่มเข้ำไป โดยในกระบวนกำรทดสอบ มำตรฐำนของเหล็กนั น จะใช้กำรวัดควำมเข้มข้นของแรงกระท้ำภำยในเฉลี่ยต่อหนึ่งหน่วยพื นที่ผิว ภำยใน 3. ความเครียด (Strain) เป็นคุณสมบัติที่เกิดจำกกำรเปลี่ยนแปลงรูปร่ำงของวัตถุเมื่อได้รับแรงภำยนอกมำกระท้ำ หรือกล่ำว ง่ำยๆ คือ อัตรำส่วนของรูปร่ำงที่เปลี่ยนไปต่อรูปร่ำงเดิม กำรวัดและค้ำนวณหำควำมเครียดสำมำรถ ท้ำได้ 2 ลักษณะ คือ แบบเส้นตรง (แรงที่มีกระท้ำมีละกษณะเป็นแรงกด แรงดึง) และแบบเฉือน (แรง ที่มีกระท้ำเป็นแรงแบบเฉือน) 4. การดึงเป็นเส้น (Ductile) เป็นคุณสมบัติของวัตถุหรือเหล็กที่สำมำรถท้ำให้เพิ่มควำมยำว ขึ นรูป หรือดึงออกมำเป็นเส้นได้ โดยง่ำย ถึงแม้ว่ำจะได้รับแรงกระท้ำเข้ำไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งเหล็กที่มีคุณสมบัติเหล่ำนี จะมีคุณสมบัติ ควำมยืดหยุ่นแบบพลำสติก ที่เป็นกำรแปรรูปอย่ำงถำวรสำมำรถคืนสภำพเดิมได้ยำก ตัวอย่ำงของ เหล็กและโลหะแปรรูปที่มีคุณสมบัตินี คือ ตะกั่ว และทองแดง เป็นต้น


81 5. ความเปราะ (Brittle) เป็นคุณสมบัติของวัตถุทุกชนิดที่จะมีขีดก้ำจัดของควำมยืดหยุ่นเป็นของตนเอง เมื่อวัตถุชิ นนั นๆ ได้รับ แรงกระท้ำที่มำกเกิดขีดจ้ำกัดก็จะท้ำให้เกิดกำรเปรำะแตกได้ ซึ่งวัตถุที่มีควำมเปรำะสูงไม่ได้ หมำยควำมว่ำเป็นวัตถุที่ไม่ทนทำน ยกตัวอย่ำงเช่น แก้วหรือเซรำมิกที่มีควำมเปรำะสูงแต่สำมำรถทน แรงดึงได้มำกกว่ำโลหะบำงชนิด ดังนั นคุณสมบัติข้อนี นั นใช้เป็นตัวเลือกที่ใช้ในกำรพิจำรณำเลือกใช้ให้ เหมำะสมกับงำน ประเภทของเหล็กแปรรูปที่ใช้เป็นเหล็กเสริมในคอนกรีตนั นมีอยู่ด้วยกันทั งหมด 2 ประเภท ได้แก่ เหล็กเส้นกลมและเหล็กข้ออ้อย ที่เป็นเหล็กกล้ำที่มีกำรผสมของคำร์บอนต่้ำท้ำให้เหล็กเหล็กหนำแน่น ละเอียดมำกกว่ำเหล็กประเภทอื่นๆ และเพื่อควำมปลอดภัยในกำรใช้งำนก่อนน้ำเหล็กเหล่ำนี ออกมำ ใช้ ทำงผู้ผลิตจะต้องท้ำกำรทดสอบคุณสมบัติของเหล็กกล้ำทั งคุณสมบัติทำงกำยภำพ และคุณสมบัติ ทำงกลของเหล็กก่อนเสมอ จึงสำมำรถสรุปได้แล้วว่ำเหล็กนั นถือว่ำเป็นวัสดุแปรรูปจำกธรรมชำติที่มีควำมส้ำคัญมำกในสังคม ปัจจุบัน ทั งช่วยในเรื่องเพิ่มควำมแข็งแรง ป้องกันอันตรำยจำกภัยพิบัติและสร้ำงควำมปลอดภัยใน ชีวิตประจ้ำวัน ส่วนในเรื่องของกำรเลือกใช้งำนให้เหมำะสมนั นควรอยู่ในดุลพินิจของผู้เชี่ยวชำญ เพื่อให้เกิดควำมปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ใช้งำน


82 2.12 คัตเตอร์ตัดอะคริลิค คุณสมบัติ - ด้ำมผลิตจำกสเตนเลสหุ้มพลำสติกอย่ำงดี พร้อมยำงกันลื่น จับกระชับมือ - ใบมีดแข็งแรงไม่หักง่ำย ท้ำมุมเฉียง 45 องศำ ตัดได้เรียบคม - มำพร้อมอะไหล่ใบมีดจ้ำนวน 2 ใบ - เหมำะส้ำหรับตัดแผ่นพลำสติก อะคริลิคและแผ่นลำมิเนต - รองรับใบมีดขนำดมำตรฐำน 8 มม. - ใช้งำนร่วมกับใบมีด โอฟ่ำ รุ่น PB-450 - แนะน้ำใบมีดรุ่น PB-450 (2091220) - ขนำดสินค้ำ (กว้ำงxยำวxหนำ) 2.7x13.6x8 ซม. วิธีการใช้งาน - ใช้ส้ำหรับตัดแผ่นพลำสติก อะคริลิค และแผ่นลำมิเนต รูปภาพที่2.43 คัตเตอร์ตัดอะคริลิค


83 2.13 น ้ายาประสานอะคริลิค น ้ำยำที่ได้จำกกำรน้ำเอำสำรเคมีมำผสมกัน จนเกิดเป็นสำรที่มีองค์ประกอบใหม่ โดยสำมำรถน้ำไปใช้ ในกำรประกอบชิ นงำนกำรแปรรูปจำกแผ่นAcrylic ที่ต้องกำรควำมประณีตของชิ นงำนให้เกิดควำม สวยงำมเป็นพิเศษ โดยมีคุณสมบัติดังนี - ไม่ท้ำให้ชิ นงำนเกิดฟองอำกำศ ครำบฝ้ำขำว ท้ำให้แนวเชื่อมต่อของชื นงำนโปร่งใสสวยงำม - ชะลอกำรแห้งตัวของน ้ำยำอย่ำงฉับพลัน จีงสำมำรถขยับปรับแต่งชิ นงำนขณะเชื่อมต่อได้ และแนวเชื่อมต่อจะติดแน่นหลังจำกน ้ำยำแห้งตัวดีแล้ว - ใช้Acrylic Mate ตกแต่งชิ นงำนที่มีต้ำหนิหรือมีเครื่องขัดขัดเงำเข้ำไปไม่ถึง จะท้ำให้ผิวหน้ำ ชิ นงำนมีควำมมันวำวมำกขึ น - แนวเชื่อมรอยต่อของชิ นงำนแข็งแรง มีควำมใส เหมำะกับกำรน้ำไปใช้งำนที่ต้องกำรควำม ละเอียดสวยงำมเพิ่มคุณค่ำให้กับชิ นงำน - ไม่มีกลิ่นเหม็นและไม่เป็นอันตรำยต่อผิวหนัง รูปภาพที่2.44 น ้ำยำประสำนอะคริลิค


84 2.14 เลื่อยลันดา ( Hand Saw ) เรำจะเห็นเลื่อยชนิดนี กันบ่อยที่สุด เพรำะสำมำรถใช้ได้ทั งตัดและงำนโกรกไม้ (ขึ นอยู่กับคมฟันของ เลื่อย)โดยฟันเลื่อยที่ค่อนข้ำงถี่ ( 10-12 ซี่ ต่อ 1 นิ ว )ใช้ส้ำหรับตัดขวำงเนื อไม้เพื่อให้เกิดรอยตัดที่ เรียบ ส่วนฟันเลื่อยหยำบหรือฟันห่ำง ( 5-6 ซี่ ต่อ 1 นิ ว ) สำมำรถตัดไม้ได้อย่ำงรวดเร็ว เหมำะกับ งำนตัดตำมแนวยำวของเนื อไม้ โดยมีควำมยำวของใบเลื่อยให้เลือกใช้งำนตั งแต่ 14-28 นิ ว ตำมขนำด ของหน้ำตัดของไม้ 2.15 เลื่อยตัดเหล็ก เลื่อยตัดเหล็ก คือ เครื่องมือที่ใช้ในกำรตัดเหล็ก ใบเลื่อยมีลักษณะเป็นแถบยำว ปลำยใบเลื่อยทั ง ๒ ข้ำงติดกับปลำยและโคนคันเลื่อย ท้ำด้วยเหล็กทั่วไป เลื่อยที่ผลิตจำกเหล็ก HSS Steel ถือว่ำเป็น เหล็กชนิดที่แข็งกว่ำเหล็กธรรมดำ และ Bi-metal steel เป็นเหล็กผสม 2 ชนิดคือ เหล็กสปริงและ รูปภาพที่2.45 เลื่อยลันดำ ( Hand Saw ) รูปภาพที่2.46 เลื่อยตัดเหล็ก


85 HSS steel เพื่อให้เลื่อยมีควำมยืดหยุ่นมำกขึ น Bi-metal saw เป็นเหล็กที่ผสมจำก spring steel และ HSS steel เพื่อให้เลื่อยมีควำมยืดหยุ่นมำก ขึ น ควำมยืดหยุ่นของใบเลื่อยจะสูงมำกแตกหักยำก เหมำะกับกำรใช้งำนในที่แคบๆ หรือโค้ง เมื่อ แตกหักจะแตกเป็น 2 ชิ นเท่ำนั น ไม่แตกกระจำยแบบใบเลื่อยจำก HSS จึงท้ำให้ปลอดภัยส้ำหรับ ผู้ใช้งำน แต่มีรำคำสูงกว่ำใบเลื่อย HSS ทั่วไปอำจจะ 2-3 เท่ำหรือประมำณ 35-70 บำทส้ำหรับเลื่อย มือ ยี่ห้อที่เป็นอันดับหนึ่งในประเทศไทยคือ Bahco Sanflex หรือใบเลื่อยปลำเบ็ดสีส้มจำกประเทศ สวีเดน มีทั งแบบ 18, 24, 32 ฟัน HSS Saw หรือ High-Speed Steel Saw เป็นวัสดุที่ใช้ในกำรผลิตเครื่องมือต่ำงๆมำกมำย เช่น งำน กลึง และใบเลื่อย ข้อดีของ HSS Saw คือ อำยุกำรใช้งำนนำน ฟันแข็งแรง ใช้งำนได้แพร่หลำย รำคำ ถูกประมำณ 20 – 40 บำท ยี่ห้อที่เป็นอันดับ 1 ของใบเลื่อยไฮสปีดคือ ใบเลื่อย Eclipse อยู่ในตลำด มำนำนกว่ำ 50 ปี หำซื อง่ำย รำคำไม่แพงคุณภำพดีeclipse มีผลิตสินค้ำมำกมำยไม่ใช่เพียงแต่ใบ เลื่อยเท่ำนั น สำมำรถดูได้ตำมร้ำน hardware ทั่วไป 2.16 ไขควง คืออุปกรณ์ชนิดหนึ่งซึ่งออกแบบมำเพื่อขันสกรูให้แน่นหรือคลำยสกรูออก ไขควงทั่วไปประกอบด้วย แท่งโลหะ ส่วนปลำยใช้ส้ำหรับยึดกับสกรู ซึ่งมีรูปร่ำงแตกต่ำงกันเพื่อให้ใช้ได้กับสกรูชนิดต่ำง ๆ และมี แท่งส้ำหรับจับคล้ำยทรงกระบอกอยู่อีกด้ำนหนึ่งส้ำหรับกำรไขด้วยมือ หรือไขควงบำงชนิดอำจจะ หมุนด้วยมอเตอร์ก็ได้ ไขควงท้ำงำนโดยกำรส่งทอร์ก (torque) จำกกำรหมุนไปที่ปลำย ท้ำให้สกรู หมุนตำมเกลียวเข้ำหรือออกจำกวัสดุอื่น รูปภาพที่2.47 ไขควง


86 ไขควงเป็นเครื่องมือส้ำหรับขันและคลำย สกรูชนิดหัวผ่ำ ขนำดและรูปทรงของไขควงถูกออกแบบให้ เป็นไปตำมลักษณะกำร ใช้งำน เช่น ไขควงที่ใช้ส้ำหรับงำนของช่ำงอัญมณี (Jeweler's Screw Driver) จะออกแบบมำให้เป็นไขควงที่ใช้ส้ำหรับงำนละเอียดเที่ยงตรง ส่วนไขควงที่ใช้ในงำนหนักของ ช่ำงเครื่องกลจะออกแบบให้ก้ำนใบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเพื่อให้ใช้ประแจหรือคีมจับขัน เพื่อเพิ่มแรง ในกำรบิดของไขควงให้มำกกว่ำเดิมได้ นอกจำกนี ไขควงยังมีควำมจ้ำเป็นกับชีวิตประจ้ำวัน เพรำะในชีวิตปัจจุบัน เครื่องใช้ไฟฟ้ำหรือ เครื่องจักรรอบตัวเรำก็มีน้อตเป็นส่วนประกอบ ซึ่งไขควงมีหน้ำที่ถอดออก และขันเข้ำ ไขควงประกอบด้วย ส่วนประกอบหลัก 3 ส่วนคือ - ด้ำมไขควง (Handle) - ก้ำนไขควง (Blade or Ferule) - ปำกไขควง (Tip) ด้ามไขควง ออกแบบให้มีรูปทรงที่สำมำรถจับได้ถนัดมือ และสำมำรถบิดไขควงไป-มำ ได้แรงมำก ที่สุด ไขควงจะท้ำจำกวัสดุต่ำง ๆ เช่น ไม้ พลำสติก หรือ โลหะบำงชนิดตำมประเภทกำรใช้งำน ปากไขควง จะท้ำจำกเหล็กล้ำเกรดดี ทรงกลมหรือสี่เหลี่ยม จัตุรัส ตีขึ นรูปให้ลำดแบน และ ชุบแข็ง ด้วยควำมร้อน ในส่วนที่ไม่ได้ตีขึ นรูปจะเป็นก้ำนไขควง ถ้ำเป็นไขควงที่ใช้ส้ำหรับงำนเบำจะเป็น เหล็กกล้ำทรงกลม ถ้ำเป็นไขควงส้ำหรับใช้งำนหนักจะเป็นเหล็กกล้ำทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อให้ สำมำรถใช้ประแจหรือคีมจับเพิ่มแรงบิดงำนได้ ก้านไขควง ส่วนที่ต่อกับด้ำมจะตีเป็นเหลี่ยมลำด เพื่อให้สวมได้สนิทกับด้ำม เพื่อให้ด้ำมจับก้ำนไขควง ได้สนิทและไม่หมุนเมื่อใช้งำนไขควง ในปัจจุบันมีกำรออกแบบให้ก้ำนไขควงทะลุตลอดด้ำมที่เป็น พลำสติกหรือไฟเบอร์ และท้ำเป็นแท่นรับแรงสำมำรถใช้ค้อนเคำะตอกเพื่อกำรท้ำงำนบำงประเภทได้ ขนำดควำมกว้ำงของปำกไขควง จะมีสัดส่วนมำตรฐำนสัมพันธ์กับขนำดควำมยำวทั งหมดของไขควง ซึ่งเป็นข้อส้ำคัญอย่ำงยิ่งส้ำหรับกำรเลือกใช้ไขควงเพรำะแรงบิดที่กระท้ำต่อตัวสกรูจะเป็นผลส่วนหนึ่ง มำจำกควำมยำวนี และอีกประกำรหนึ่งไขควงขนำดยำว ปำกไขควงจะกว้ำงกว่ำปำกไขควงขนำดสั น ควำมหนำของปำกไขควงจะขึ นอยู่กับควำมกว้ำงของปำก ปำกกว้ำงมำกก็จะยิ่งมีควำมหนำมำกขึ น ควำมหนำของปำกไขควงมีผลโดยตรงกับกำรออกแรงบิดตัวสกรูเพรำะถ้ำขนำดของปำกไขควงไม่พอดี กับร่องผ่ำของหัวสกรูจะท้ำให้กำรขันพลำดท้ำให้หัวสกรูเยินหรือต้องสูญเสียแรงงำนส่วนหนึ่งในกำร ประคองปำกไขควงให้อยู่บนร่องหัวสกรู แทนกำรหมุนสกรู


87 ก่อนกำรน้ำไขควงไปใช้งำน ต้องตรวจสอบปำกไขควงให้อยู่ในสภำพพร้อมที่จะใช้งำน คือ ปำกต้อง เรียบ ไม่มีรอยบิด และเมื่อพิจำรณำดูจำกด้ำนล่ำงต้องมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ำ ไขควงที่ปำกช้ำรุด สึกหรอไม่เรียบตรงหรือปำกแตกร้ำวจะเป็นอันตรำยต่อกำรใช้งำนมำก เพรำะเมื่อใช้งำนปำกไขควงจะ ไม่สัมผัสกับร่องบนหัวสกรูเต็มที่ เมื่อออกแรงบิดจะท้ำให้พลำดจำกร่องซึ่งท้ำให้หัวสกรูบิ่นหรือลื่นจำก หัวสกรู ท้ำให้ผู้ขันได้รับอันตรำยได้ ไขควงแฉก (Phillips) หรือไขควงหัวลูกศร เป็นไขควงที่ออกแบบมำส้ำหรับใช้กับ สกรูชนิดร่องหัวผ่ำ ไขว้กัน กำรออกแบบ ขนำด และกำรเลือกใช้งำนก็เช่นเดียวกับไขควงปำกแบน ข้อส้ำคัญที่สุดคือต้อง เลือกใช้ไขควงที่ปำกแนบสนิทกับร่องผ่ำบนหัวสกรู จึงใช้งำนได้เต็มตำมประสิทธิภำพของไขควง ไขควงเยื องศูนย์ (Offset Screw Driver) เป็นไขควงที่ออกแบบมำส้ำหรับกำรงำนพิเศษที่ไขควง แบบปกติใช้งำนไม่ได้ เช่นตำมซอกมุมต่ำง ๆ ไขควงชนิดนี ท้ำปำกไขควงอยู่ที่ปลำยทั งสองด้ำน อำจ หันปำกไปในต้ำแหน่งตำมกันหรือเยื องกันก็ได้ ส่วน ก้ำนใบไขควงอยู่ตรงกลำงและท้ำหน้ำที่เป็นด้ำม ไขควงด้วย 2.17 ตลับเมตร (Tape Measure) เครื่องมือช่ำงที่ใช้ส้ำหรับวัดขนำดชิ นงำนหรือวัดระยะทำงได้สะดวกและแม่นย้ำ โดยทั่วไปแล้วตลับ เมตรจะมีลักษณะเป็นตลับสี่เหลี่ยมหรือตลับวงกลมที่บรรจุเทปสำยวัดไว้ด้ำนใน และที่ปลำยสำยวัด จะมีตะขอเล็กๆ ยื่นออกมำใช้ส้ำหรับเกี่ยววัตถุ ช่วยให้สะดวกต่อกำรหำระยะและอ่ำนค่ำได้อย่ำง รวดเร็ว ส่วนบนตลับมีปุ่มล็อกมีหน้ำที่ในกำรหยุดสำยวัดให้ค้ำงอยู่ในระยะที่ต้องกำรได้ เพื่อให้กำร ก้ำหนดต้ำแหน่งในระยะเดิมได้หลำยครั งโดยไม่จ้ำเป็นต้องดึงสำยวัดออกมำใหม่ ท้ำให้ประหยัดเวลำ ในกำรท้ำงำนได้เป็นอย่ำงดี ซึ่งสเกลบนสำยวัดมีคุณสมบัติที่สำมำรถใช้บ่งบอกขนำดควำมกว้ำง ควำม รูปภาพที่2.48 ตลับเมตร


88 ยำว ควำมสูง หรือควำมหนำให้เป็นหน่วยวัดได้ทั ง 2 ระบบ ได้แก่ ระบบเมตริก คือ มิลลิเมตร เซนติเมตร เมตร และระบบอิมพีเรียล คือ นิ ว ฟุต นอกจำกนี ตลับเมตรยังมีอีกหลำยรูปแบบให้เลือกใช้ งำน เช่น ตลับเมตรขนำดเล็ก/ขนำดใหญ่ หรือตลับเมตรสำยวัดไฟเบอร์กลำส สำยวัดสแตนเลส เป็น ต้น ซึ่งแต่ละแบบมีคุณสมบัติในกำรใช้งำนได้ดีแตกต่ำงกัน ดังนั นจึงควรเลือกรูปแบบตลับเมตรให้ เหมำะกับกำรใช้งำน 2.18 ลูกยางรองขาโต๊ะ ประเภทของลูกยางรองขาโต๊ะหรือขาเก้าอี หำกจ้ำแนกลูกยำงรองขำโต๊ะออกมำเป็นประเภท เรำจะสำมำรถจ้ำแนกตำมลักษณะรูปร่ำงและ วิธีกำรใช้งำนออกมำได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน นั นคือ - ลูกยำงรองขำโต๊ะสี่เหลี่ยมสวมด้ำนใน - จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม และกำรใช้งำนเรำจะน้ำลูก ยำงไปเสียบเข้ำที่รูด้ำนในของขำโต๊ะหรือขำเก้ำอี - ลูกยำงรองขำโต๊ะสี่เหลี่ยมสวมด้ำนนอก - จะมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม และกำรใช้งำนเรำจะน้ำ ลูกยำงไปสวมครอบด้ำนนอกของขำโต๊ะหรือขำเก้ำอี - ลูกยำงรองขำโต๊ะวงกลมสวมด้ำนนอก - จะมีลักษณะเป็นวงกลม และกำรใช้งำนเรำจะน้ำลูก ยำงไปสวมครอบด้ำนนอกของขำโต๊ะหรือขำเก้ำอี รูปภาพที่2.49 ลูกยำงรองขำโต๊ะ


89 วิธีการเลือกซื อลูกยางรองขาโต๊ะหรือรองขาเก้าอี กำรเลือกซื อลูกยำงนั นเรำจะเลือกจำกรูปร่ำงและลักษณะของขำโต๊ะหรือขำเก้ำอี หำกขำโต๊ะหรือขำ เก้ำอี เป็นสี่เหลี่ยมเรำก็จะเลือกลูกยำงที่เป็นแบบสี่เหลี่ยม และหำกขำโต๊ะหรือขำเก้ำอี เป็นวงกลมเรำก็ จะใช้ลูกยำงแบบวงกลม ส่วนใหญ่แล้วถ้ำขำโต๊ะท้ำจำกโลหะ เช่น เหล็ก สแตนเลส ไทเทเนียม อลูมิเนียม ส่วนใหญ่ขำโต๊ะ เหล่ำนี จะมีลักษณะเป็นรูกลวง เพื่อให้น ้ำหนักไม่มำกจนเกินไป ดังนั นหำกต้องเลือกลูกยำงส้ำหรับใช้ กับขำโต๊ะประเภทนี เรำสำมำรถเลือกลูกยำงแบบสวมด้ำนในหรือด้ำนนอกก็ได้ คุณสมบัติยางรองขาโต๊ะขาเก้าอี ที่ดี - เหนียวทนทำน ไม่แตกหักง่ำย - ไม่ท้ำพื นเป็นรอย - เพิ่มกำรยึดเกำะระหว่ำงโต๊ะ เก้ำอี เพื่อไม่ให้เกิดกำรลื่น - ไม่แข็งกระด้ำง 2.19 สีทาไม้ เป็นสีส้ำหรับเคลือบเงำทำไม้ และโลหะ เป็นสีประเภทอัลขีตเรซิน (Alkyd Resin Enamel) มีฟิล์มสี แบบทึบแสง (Opque) ที่จะปกปิดเนื อไม้ และลำยไม้ มีฟิล์มสีเงำมัน (บำงยี่ห้อมีชนิดกึ่งเงำให้เลือก) สี รูปภาพที่2.50 สีทำไม้


90 ประเภทนี โดยทั่วไปจะมีกลิ่นฉุนทั งขณะที่ทำ และทิ งกลิ่นตกค้ำงอีกหลำยวัน ฟิล์มสีจะแห้งช้ำ ประมำณ 6-8 ชม. คุณสมบัติเด่นของสีทำไม้ 1. เหมำะส้ำหรับผิวไม้และโลหะต่ำงๆ 2. ปกปิดพื นผิวเดิม ใช้ได้ทั งภำยในและภำยนอก ทนทำนต่อสภำพลมฟ้ำอำกำศได้ดีเยี่ยม 3. รักษำควำมเงำงำมและคงควำมสวยสดของสีได้ยำวนำน ช่วยป้องกันกำรเกิดเชื อรำและตะไคร่น ้ำ สูตรสีทาไม้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสูตรน ้ำมัน แม้ว่ำจะมีสูตรน ้ำอยู่บ้ำง ก็จะเป็น Acrylic Resin กลิ่นอ่อน แห้ง เร็ว ฟิล์มสีไม่เหลืองตัวเหมือนสีทำไม้สูตรน ้ำมัน ข้อควรรู้เกี่ยวกับสีทาไม้ สีทำไม้สูตรน ้ำมันจะมีอำกำรฟิล์มสีเหลืองตัว (สังเกตได้ง่ำยหำกเป็นสีขำว หรือสีโทนอ่อนๆ) กำรใช้กับงำนไม้ภำยนอก เมื่อถูกแดดและฝนจะมีอำยุกำรใช้งำนไม่ยำวนัก ด้วยไม้มีกำรยืดหดตัว และ ฟิล์มสีแบบทึบไม่สำมำรถยืดหดตัวตำมได้ ก่อนทำสีทำไม้ ควรจะต้องทำสีรองพื นไม้กันเชื อรำเสียก่อน "สีทำไม้" เมื่อทำแล้วจะปกปิดพื นผิวเดิม "สีทำไม้" เมื่อทำแล้วจะปกปิดพื นผิวเดิม ทั งนี สิ่งส้ำคัญอีกประกำรในกำรเลือกใช้งำนไม่ว่ำจะเป็นสีทำไม้ หรือ สีย้อมไม้ ก็คือคุณภำพของ ผลิตภัณฑ์ ที่แตกต่ำงกันไปตำมเกรดและรำคำ แต่ส้ำหรับผลิตภัณฑ์สีย้อมไม้ (สูตรน ้ำมัน) "Solignum Timbertone" นั นได้รับกำรออกแบบมำอย่ำงดี ด้วยสูตรอณูละเอียด microporous ท้ำ ให้สีซึมเข้ำไปในเนื อไม้ และไม่ท้ำให้พื นผิวของฟิล์มสีแตกร่อน ป้องกันรังสียูวี ใช้ทำย้อมไม้เพื่อให้ได้ เฉดสีที่ต้องกำร และยังคงลวดลำยที่สวยงำมของไม้ตำมธรรมชำติไว้ได้ดังเดิม


91 บทที่ 3 วิธีการด้าเนินงาน ในกำรด้ำเนินโครงกำร ต้องน้ำควำมรู้จำกทฤษฎีต่ำง ๆ ดังกล่ำวในบทที่ 2 มำใช้ในกำร ปฏิบัติงำน เพื่อให้ส้ำเร็จตำมวัตถุประสงค์ที่วำงไว้ตำมขั นตอนดังต่อไปนี 3.1 ขั นตอนการด้าเนินงาน 3.1.1 ศึกษำข้อมูลเบื องต้น 3.1.2 ออกแบบ 3.1.1 ศึกษำข้อมูลเบื องต้น 3.1.1.1 ศึกษำข้อมูลพื นฐำน ซึ่งผู้จัดท้ำโครงกำรได้ศึกษำข้อมูลที่จ้ำเป็นและจ้ำเป็นเพื่อ ออกแบบซิงค์ล้ำงเอนกประสงค์ ให้สำมำรถใช้งำนได้ดีและทนทำนมำกที่สุด 3.1.1.2 ศึกษำทฤษฎีหลักกำรออกแบบกังหันน ้ำ (Hydraulic Bench) ให้ใช้งำนได้ดี ประหยัดงบและทนทำนต่อกำรใช้งำนมำกที่สุด 3.1.1.3 ศึกษำข้อมูลของวัสดุ/อุปกรณ์ที่น้ำน้ำมำใช้ในกระประกอบกังหันน ้ำ (Hydraulic Bench) 3.1.1.4 จัดหำสถำนที่และอุปกรณ์ในกำรประกอบกังหันน ้ำ (Hydraulic Bench) 3.1.2 ออกแบบกังหันน ้ำ (Hydraulic Bench) 3.1.2.1 ออกแบบกังหันน ้ำ (Hydraulic Bench) วำงและน้ำวัสดุปุปกรณ์มำประกอบให้ เป็นตำมที่ได้วำงแผนไว้ รูปภาพที่3.1 แสดงแบบภำพกังหันน ้ำ


Click to View FlipBook Version