ประวัวัติติ วัวั โติติรงเรีรีย รีรี นอยุยุธ ยุยุ ยาวิวิทวิวิยาลัลัย ลัลั
ข้อมูลพื้น พื้ ฐาน โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย รหัสโรงเรียน 10 หลัก : 1014310399 รหัส Smis 8 หลัก : 14012001 รหัส Obec 6 หลัก : 310399 ชื่อสถานศึกษา(ไทย) : อยุธยาวิทยาลัย ชื่อสถานศึกษา(อังกฤษ) : AYUTTHAYA WITTAYALAI ที่อยู่ : 53 หมู่ที่ 2 ตำ บลประตูชัย อำ เภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รหัส ไปรษณีย์ 13000 โทรศัพท์ : 035243399 โทรสาร : 035323892 ระดับที่เปิดสอน : มัธยมศึกษาตอนต้น-มัธยมศึกษาตอน ปลาย วัน-เดือน-ปี ก่อตั้ง ตั้ : 2487 อีเมล์ : mail@ www.ayw.ac.th เว็บไซต์ : www.ayw.ac.th/web ข้อมูลพื้น พื้ ฐาน โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย รหัสโรงเรียน 10 หลัก : 1014310399 รหัส Smis 8 หลัก : 14012001 รหัส Obec 6 หลัก : 310399 ชื่อสถานศึกษา(ไทย) : อยุธยาวิทยาลัย ชื่อสถานศึกษา(อังกฤษ) : AYUTTHAYA WITTAYALAI ที่อยู่ : 53 หมู่ที่ 2 ตำ บลประตูชัย อำ เภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รหัส ไปรษณีย์ 13000 โทรศัพท์ : 035243399 โทรสาร : 035323892 ระดับที่เปิดสอน : มัธยมศึกษาตอนต้น-มัธยมศึกษาตอน ปลาย วัน-เดือน-ปี ก่อตั้ง ตั้ : 2487 อีเมล์ : mail@ www.ayw.ac.th เว็บไซต์ : www.ayw.ac.th/web
ข้อมูลทั่วไป จำจำจำจำจำจำนวนนันันั นันันั กเรีรีรี รี ย รี ย รี ยน 4,240 คน (ข้ข้ข้ ข้ อ ข้ อ ข้ อมูมูมู มู ล มู ล มู ล ณ วัวัวั วั น วั น วั นที่ที่ที่ที่ที่ที่30 พฤศจิจิจิ จิ ก จิ ก จิ กายน พ.ศ. 2563) ภาษา ภาษาที่ที่ที่ที่มีที่มีที่มี มี ก มี ก มี การเรีรีรี รี ย รี ย รี ยนการสอนในโรงเรีรีรี รี ย รี ย รี ยน -ไทย ภาษาไทย -สหราชอาณาจัจัจั จั ก จั ก จั กร ภาษาอัอัอั อั ง อั ง อั งกฤษ -ประเทศจีจีจี จี น จี น จี น ภาษาจีจีจี จี น จี น จี น -ญี่ญี่ญี่ญี่ปุ่ญี่ปุ่ญี่ปุ่ปุ่ปุ่ปุ่ ปุ่ น ปุ่ น ปุ่ น ภาษาญี่ญี่ญี่ญี่ปุ่ญี่ปุ่ญี่ปุ่ปุ่ปุ่ปุ่ ปุ่ น ปุ่ น ปุ่ น -เกาหลีลีลี ลีใลีลี ต้ต้ต้ ต้ต้ต้ ภาษาเกาหลีลีลี ลีลีลี -ฝรั่รั่รั่รั่รั่รั่ งรั่รั่ ง รั่ งเศส ภาษาฝรั่รั่รั่รั่รั่รั่ งรั่รั่ ง รั่ งเศส ครู/อาจารย์ 206 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562)
ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 ทางราชการได้ยุบเลิกมณฑลต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองอินทร์บุรีและเมืองพรหมบุรีเข้า กับเมืองสิงห์บุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา ซึ่งก็คือพระราชวังจันทรเกษม ในส่วนของตึกที่ทำ การภาค (อาคารมหาดไทย) และพระที่นั่งนั่พิมานรัตยา แต่อาคารหลังอื่น ๆ ในพระราชวัง ทางโรงเรียนก็ได้ขอใช้ทำ การเรียนการ สอนต่อ แต่ก็ส่งผลทำ ให้สถานที่เล่าเรียนของโรงเรียนมีพื้นที่น้อยลง และในปี พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจาก “มณฑลกรุงเก่า” เป็น “จังหวัด พระนครศรีอยุธยา” ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำ คัญทางการบริหารการปกครองมากขึ้น การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา[1] จนเมื่อยกเลิกการ ปกครองระบบเทศาภิบาลตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารส่วนอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2467 เปลี่ยนให้มณฑลต่าง ๆ นั้นเลื่อนฐานะเป็นจังหวัดแต่อยุธยายังคงเป็นมณฑลเทศาภิบาลอยู่ จนกระทั่งทั่ภาย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน และก็เป็นผลทำ ให้โรงเรียนตัวอย่างประจำ มณฑลกรุงเก่า เปลี่ยนชื่อมาเป็นโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ดัง ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 พระผู้ทรงพระราชทานกำ เนิดโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยในปัจจุบัน หลังจากที่เปลี่ยนชื่อโรงเรียนจากโรงเรียนตัวอย่างประจำ มณฑลกรุงเก่ามาเป็นโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยแล้วนั้น การเรียนการสอนก็เป็นไปอย่างราบรื่นและได้เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด นับจากปี พ.ศ. 2448 จนถึงปี พ.ศ. 2483 โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยมีอายุถึง 35 ปี ที่ใช้อาคารเรียนอยู่ด้านหลังพระราชวังจันทรเกษม จนประชาชน ชาวบ้านเรียกกันว่า โรงเรียนหลังวัง จนมีศิษย์เก่าสำ เร็จการศึกษาเป็นจำ นวนมาก และซึ่งศิษย์เก่ารุ่นแรก ๆ เหล่านี้เป็นบุคคลที่มีเกียรติอันควรคารวะ อาทิ ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรืออำ มาตย์ตรี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม รัฐบุรุษอาวุโส อดีตนายกรัฐมนตรี 3 สมัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และยังเป็นผู้สำ เร็จราชการแทนพระองค์ เข้าศึกษาใน ร.ศ. 131 หรือ พ.ศ. 2455 และสำ เร็จการศึกษาใน ร.ศ. 134 หรือ พ.ศ. 2458 เลขประจำ ตัว 791 พลตรี พลเรือตรี นาวาอากาศเอก ถวัลย์ ธำ รงนาวาสวัสดิ์ หรือหลวงธำ รงนาวาสวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าศึกษาใน ร.ศ. 131 หรือ พ.ศ. 2455 และสำ เร็จการศึกษาใน ร.ศ. 136 พ.ศ. 2460 เลขประจำ ตัว 640 สิ่งที่เป็น อนุสรณ์คือสร้างหอพระพุทธรูปและมอบทุนการศึกษา พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ หรือหม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์ อดีตองคมนตรี สิ่งที่เป็นอนุสรณ์ คือ ตั้งทุนถาวรมอบให้โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย วิโรจน์ กมลพันธ์ อดีตธรรมการจังหวัดและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เลขประจำ ตัว 684 ชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย รวมทั้งครู อาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิอีกมากมายหลายท่าน ทำ ให้ประชาชนในมณฑลกรุงเก่าขณะนั้น ให้การยอมรับและพร้อมใจกันส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษา เป็นจำ นวนมากยิ่งขึ้นทุก ๆ ปีจนสถานที่นั้นคับแคบลงทุกปี จนกระทั่งทั่เมื่อ ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ นักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ได้ขึ้นดำ รงตำ แหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2481 – พ.ศ. 2484) ได้ตั้งปณิธานที่จะใช้เครื่องมือทางการคลังสร้างความมั่นมั่คงให้แก่ชาติ สร้าง ความเป็นธรรมและความสุขสมบูรณ์แก่ราษฎร และได้มีแผนที่จะปรับปรุงเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา และได้เล็งเห็นว่า สถานที่ตั้งของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย แต่เดิมนั้นคับแคบ ไม่มีโอกาสขยายได้อีกเท่าที่ควร ซึ่งโดย ความหวังของท่านศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ นั้น มุ่งหวังที่จะให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีมหาวิทยาลัยด้วย ฉะนั้น เมื่อนายวิโรจน์ กมลพันธ์ นักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ซึ่งดำ รงตำ แหน่งธรรมการจังหวัดในขณะนั้นได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องการย้ายสถานที่ตั้งของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ มีความเห็นชอบด้วย จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (รัชกาลที่ 8) ซึ่งได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่าน บริจาค พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำ นวนเงิน 1 แสนบาท และได้มีพระราชดำ รัสตรัสสั่งสั่ให้จัดสร้างอาคารตึกถาวร 2 ชั้น 1 หลัง เป็นสถานศึกษาโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยที่แข็งแรง สง่างาม พร้อมกันนี้ยังได้จัดสร้างหอประชุม พระราชทานอีก 1 หลัง และบ้านพักครูอีก 20 หลัง” ต่อมาในปี พ.ศ. 2467 ทางราชการได้ยุบเลิกมณฑลต่าง ๆ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวมเมืองอินทร์บุรีและเมืองพรหมบุรีเข้า กับเมืองสิงห์บุรี ตั้งที่ว่าการมณฑลที่อยุธยา ซึ่งก็คือพระราชวังจันทรเกษม ในส่วนของตึกที่ทำ การภาค (อาคารมหาดไทย) และพระที่นั่งนั่พิมานรัตยา แต่อาคารหลังอื่น ๆ ในพระราชวัง ทางโรงเรียนก็ได้ขอใช้ทำ การเรียนการ สอนต่อ แต่ก็ส่งผลทำ ให้สถานที่เล่าเรียนของโรงเรียนมีพื้นที่น้อยลง และในปี พ.ศ. 2469 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนชื่อจาก “มณฑลกรุงเก่า” เป็น “จังหวัด พระนครศรีอยุธยา” ซึ่งจากการจัดตั้งมณฑลอยุธยามีผลให้อยุธยามีความสำ คัญทางการบริหารการปกครองมากขึ้น การสร้างสิ่งสาธารณูปโภคหลายอย่างมีผลต่อการพัฒนาเมืองอยุธยาในเวลาต่อมา[1] จนเมื่อยกเลิกการ ปกครองระบบเทศาภิบาลตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยระเบียบราชการบริหารส่วนอาณาจักรสยาม พุทธศักราช 2467 เปลี่ยนให้มณฑลต่าง ๆ นั้นเลื่อนฐานะเป็นจังหวัดแต่อยุธยายังคงเป็นมณฑลเทศาภิบาลอยู่ จนกระทั่งทั่ภาย หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 อยุธยาจึงเปลี่ยนฐานะเป็นจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน และก็เป็นผลทำ ให้โรงเรียนตัวอย่างประจำ มณฑลกรุงเก่า เปลี่ยนชื่อมาเป็นโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ดัง ปัจจุบันพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 พระผู้ทรงพระราชทานกำ เนิดโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยในปัจจุบัน หลังจากที่เปลี่ยนชื่อโรงเรียนจากโรงเรียนตัวอย่างประจำ มณฑลกรุงเก่ามาเป็นโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยแล้วนั้น การเรียนการสอนก็เป็นไปอย่างราบรื่นและได้เจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด นับจากปี พ.ศ. 2448 จนถึงปี พ.ศ. 2483 โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยมีอายุถึง 35 ปี ที่ใช้อาคารเรียนอยู่ด้านหลังพระราชวังจันทรเกษม จนประชาชน ชาวบ้านเรียกกันว่า โรงเรียนหลังวัง จนมีศิษย์เก่าสำ เร็จการศึกษาเป็นจำ นวนมาก และซึ่งศิษย์เก่ารุ่นแรก ๆ เหล่านี้เป็นบุคคลที่มีเกียรติอันควรคารวะ อาทิ ศาสตราจารย์ ดร. ปรีดี พนมยงค์ หรืออำ มาตย์ตรี หลวงประดิษฐ์มนูธรรม รัฐบุรุษอาวุโส อดีตนายกรัฐมนตรี 3 สมัย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และยังเป็นผู้สำ เร็จราชการแทนพระองค์ เข้าศึกษาใน ร.ศ. 131 หรือ พ.ศ. 2455 และสำ เร็จการศึกษาใน ร.ศ. 134 หรือ พ.ศ. 2458 เลขประจำ ตัว 791 พลตรี พลเรือตรี นาวาอากาศเอก ถวัลย์ ธำ รงนาวาสวัสดิ์ หรือหลวงธำ รงนาวาสวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าศึกษาใน ร.ศ. 131 หรือ พ.ศ. 2455 และสำ เร็จการศึกษาใน ร.ศ. 136 พ.ศ. 2460 เลขประจำ ตัว 640 สิ่งที่เป็น อนุสรณ์คือสร้างหอพระพุทธรูปและมอบทุนการศึกษา พลตรี หม่อมทวีวงศ์ถวัลยศักดิ์ หรือหม่อมราชวงศ์เฉลิมลาภ ทวีวงศ์ อดีตองคมนตรี สิ่งที่เป็นอนุสรณ์ คือ ตั้งทุนถาวรมอบให้โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย วิโรจน์ กมลพันธ์ อดีตธรรมการจังหวัดและอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เลขประจำ ตัว 684 ชื่อเสียงและประวัติศาสตร์อันยาวนานของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย รวมทั้งครู อาจารย์ที่ทรงคุณวุฒิอีกมากมายหลายท่าน ทำ ให้ประชาชนในมณฑลกรุงเก่าขณะนั้น ให้การยอมรับและพร้อมใจกันส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษา เป็นจำ นวนมากยิ่งขึ้นทุก ๆ ปีจนสถานที่นั้นคับแคบลงทุกปี จนกระทั่งทั่เมื่อ ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ นักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ได้ขึ้นดำ รงตำ แหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (พ.ศ. 2481 – พ.ศ. 2484) ได้ตั้งปณิธานที่จะใช้เครื่องมือทางการคลังสร้างความมั่นมั่คงให้แก่ชาติ สร้าง ความเป็นธรรมและความสุขสมบูรณ์แก่ราษฎร และได้มีแผนที่จะปรับปรุงเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา และได้เล็งเห็นว่า สถานที่ตั้งของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย แต่เดิมนั้นคับแคบ ไม่มีโอกาสขยายได้อีกเท่าที่ควร ซึ่งโดย ความหวังของท่านศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ นั้น มุ่งหวังที่จะให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยามีมหาวิทยาลัยด้วย ฉะนั้น เมื่อนายวิโรจน์ กมลพันธ์ นักเรียนเก่าอยุธยาวิทยาลัย ซึ่งดำ รงตำ แหน่งธรรมการจังหวัดในขณะนั้นได้ปรึกษาหารือกันในเรื่องการย้ายสถานที่ตั้งของโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย ศ.ดร.ปรีดี พนมยงค์ มีความเห็นชอบด้วย จึงได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ จากพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร (รัชกาลที่ 8) ซึ่งได้รับพระราชทานพระมหากรุณาธิคุณจากพระองค์ท่าน บริจาค พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นจำ นวนเงิน 1 แสนบาท และได้มีพระราชดำ รัสตรัสสั่งสั่ให้จัดสร้างอาคารตึกถาวร 2 ชั้น 1 หลัง เป็นสถานศึกษาโรงเรียนอยุธยาวิทยาลัยที่แข็งแรง สง่างาม พร้อมกันนี้ยังได้จัดสร้างหอประชุม พระราชทานอีก 1 หลัง และบ้านพักครูอีก 20 หลัง”
จากนั้น ศ.ดร.ปรีดี รีดี พนมยงค์ ได้มอบหมายให้ หลวงบริห ริ ารชนบท ข้าหลวงประจำ จังหวัด วั พระนครศรีอ รี ยุธยา เป็นผู้พิจารณาเลือกสถาน ที่ ซึ่งนับได้ว่าเป็นโชคดีของโรงเรีย รี นที่จะได้ไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมมาก โดยหลวงบริห ริ ารชนบทได้เสนอแผนการก่อสร้างสนองความ ประสงค์ของท่านรัฐมนตรีว่รี าการกระทรวงการคลัง และได้รับการเห็นชอบ เพราะเห็นว่าว่อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม เป็นโรงเรีย รี นรัฐบาล ของจังหวัด วั นอกจากนี้ยังสามารถขยายบริเ ริ วณออกไปให้กว้า ว้ งขวางได้อีก ซึ่งความหวัง วั ของท่าน ศ.ดร.ปรีดี รีดี พนมยงค์ นั้น มุ่งหวัง วั ที่จะ ให้มีมหาวิท วิ ยาลัยเกิดขึ้นด้วยในจังหวัดพระนครศรีอ รี ยุธยาในอนาคต หลวงบริห ริ ารชนบทได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่า “สถานที่ตั้งของโรงเรีย รี นนี้เหมาะสมมาก โดยอยู่จุดกึ่งกลางของเกาะเมืองและมีบริเ ริ วณสภาพ แวดล้อมที่สวยงาม มีปูช ปู นียสถาน ซึ่งเหมาะสมกับสถานศึกษา ด้านหน้าของโรงเรีย รี นก็เป็นที่ตั้งของ สวนสาธารณะบึงพระราม ด้าน หลังก็เป็นถนนที่ตัดตรงมาจากกรุงเทพฯ มีสถานที่ราชการสองฝั่งถนน ซึ่งเหมาะสมในทุกๆด้าน” งานก่อสร้างได้เริ่ม ริ่ ขึ้นเมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2482 แล้วเสร็จเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2483 โดยมีหลวงบริห ริ ารชนบท เป็น กรรมการควบคุมการก่อสร้าง พร้อมกันนี้ยังได้ควบคุมงานก่อสร้างหอประชุมพระราชทานอีก 1 หลัง และบ้านพักครูอีก 20 หลังด้วย และอาคารเรีย รี นนั้นได้ทำ พิธีเปิดอาคารเมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2484 และเนื่องจากอาคารหลังนี้สร้างขึ้นจากพระราชทรัพย์ส่วน พระองค์ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ทีได้ทรงพระราชทานให้จัดสร้าง ครู อาจารย์ และ นักเรีย รี นตั้งแต่บัดนั้นจึงเรีย รี กว่า “อาคารพระราชทาน”
ต่อมา เมื่อวัน วั ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสิรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีน รี าถ เสด็จพระราชดำ เนินมาทรงเป็นประธานมอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินแก่ราษฎรชาวจังหวัด วั พระนครศรีอ รี ยุธยา ณ หอประชุมพระราชทาน รัชกาลที่ 8 ก่อนเสด็จพระราชดำ เนินกลับ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสิรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปลูกต้นพะยอม และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีน รี าถทรงปลูกต้นประดู่กิ่งอ่อนไว้ด้ ว้ ด้ านหน้าหอประชุมพระราชทาน รัชกาลที่ 8 อีกด้วย เพื่อเป็นที่ระลึกในการเสด็จพระราชดำ เนินมายัง โรงเรีย รี นอยุธยาวิทวิยาลัย ด้วยพระบารมีปกเกล้าฯ ของพระบาทสมเด็จปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ที่ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์นั้น นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง กว่าว่จะหาที่เปรีย รี บได้ สร้างความปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่งแก่พวกเราชาวอยุธยาวิทวิยาลัยและชาวจังหวัด วั พระนครศรีอ รี ยุธยา รวมถึงทำ ให้การเรีย รี นการสอนของโรงเรีย รี นอยุธยา วิทวิยาลัยดำ เนินไปได้อย่างราบรื่น รื่ และก้าวหน้าขึ้นตามลำ ดับ ครั้นถึงปี พ.ศ. 2486 – 2487 ประเทศไทยต้องประสบปัญหาภัยคุกคามจากสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น และผลกระทบจากภัยสงครามก็ทำ ให้โรงเรีย รี นอยุธยา วิทวิยาลัยจำ เป็นต้องรับภาระด้วย กล่าวคือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทวิยาลัย ขออาศัยใช้สถานที่เรีย รี นเป็นการลี้ภัยชั่วคราว จึงทำ ให้นักเรีย รี นโรงเรีย รี นอยุธยาวิทวิยาลัยมีการเรีย รี นกันอย่าง กระท่อนกระแท่น ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ครู อาจารย์ และนักเรีย รี นก็เต็มใจและยินดี เพราะถือได้ว่าว่ ได้ให้ความช่วยเหลือเอื้ออารีที่ รีที่ ยิ่งใหญ่แก่เพื่อนร่วมชาติและแก่สถาบัน อุดมศึกษาแห่งแรกของไทยอันสูงส่ง เมื่อชาติบ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติในยุคต่อ ๆ มา การเรีย รี นการสอน การศึกษาของโรงเรีย รี นอยุธยาวิทวิยาลัยได้ขยายตัวอย่ารวดเร็ว มีอาคารเรีย รี นถาวรเพิ่มขึ้นอีกหลายอาคาร ภายใต้การบริหริารของผู้อำ นวยการโรงเรีย รี น ครูใหญ่ อาจารย์ใหญ่อีกหลายท่านที่ล้วนเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถมาก จำ นวนครูและนักเรีย รี นก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เทคนิคและวิธีวิธี การสอนรูปแบบต่าง ๆ ตลอดจนเทคโนโลยีที่ทันสมัยจึงได้ถูกนำ มาบรรจุเข้าไว้เ ว้ พื่อพัฒนาการเรีย รี นการสอน อย่างค่อนข้างพร้อมมูลในโรงเรีย รี นอยุธยาวิทวิยาลัย ปัจจุบัน โรงเรีย รี นอยุธยาวิทวิยาลัย จัดการเรีย รี นการสอนแบบสหศึกษา สังกัดสำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 โรงเรีย รี นอยุธยาวิทวิยาลัยมีการพัฒนาทุกด้านมาอย่าง ต่อเนื่อง ทำ ให้โรงเรีย รี นได้รับเกียรติบัตรรางวัล วั พระราชทาน จำ นวน 5 ครั้งด้วยกัน ดังนี้ พ.ศ. 2522, 2537, 2546, 2557, 2561 และยังมีนักเรีย รี นของโรงเรีย รี นที่ได้รับเกียรติบัตรรางวัล วั พระราชทานเช่นกัน ซึ่งได้รับในปี พ.ศ. 2526, 2527, 2546, 2549, 2551, 2557 ลำ ดับการเปลี่ยนชื่อโรงเรีย รี น โรงเรีย รี นตัวอย่างประจำ มณฑลกรุงเก่า พ.ศ. 2448 – 2469 โรงเรีย รี นตัวอย่างประจำ มณฑลอยุธยา พ.ศ. 2469 – 2476 โรงเรีย รี นอยุธยาวิทวิยาลัย พ.ศ. 2476 – ปัจจุบัน ข้อสังเกต โรงเรีย รี นประจำ มณฑลส่วนใหญ่จะมีคำ สร้อย “วิทวิยาลัย” ต่อท้าย อาทิ ราชสีมาวิทวิยาลัย (โรงเรีย รี นประจำ มณฑลนครราชสีมา), ยุพราชวิทวิยาลัย (โรงเรีย รี นหลวงประจำ มณฑลพายัพ), ภูเก็ตวิทวิยาลัย (โรงเรีย รี นตัวอย่างมณฑลภูเก็ต), ร้อยเอ็ดวิทวิยาลัย (โรงเรีย รี นประจำ มณฑลร้อยเอ็ด) และอยุธยาวิทวิยาลัย เป็นต้น เกียรติบัตรรางวัล วั พระราชทาน
รางวัลพระราชทานสำ หรับนักเรียรีน นักศึกษาและสถานศึกษา เกิดขึ้นจากน้ำ พระทัยอันเปี่ยมด้วยเมตตาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีพระ ราชปรารภแก่รัฐมนตรีว่รีาการกระทรวงศึกษาธิการ (ม.ล. ปิ่น มาลากุล) ในปี พ.ศ. 2506 เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำ เนินทรงเปิดงานแสดงศิลปหัตถกรรมนักเรียรีน การศึกษา 2506 ใจความของพระราชปรารภ มีว่า “มีนักเรียรีนจำ นวนมากซึ่งมีความประพฤติดีและมีความมานะพยายามศึกษาเล่าเรียรีนได้ผลดี รวมทั้งมีโรงเรียรีนซึ่งจัดการศึกษาดี จนนักเรียรีนได้รับการเรียรีนดีเป็นส่วนรวม นักเรียรีนและโรงเรียรีนที่มี คุณสมบัติดังกล่าวสมควรจะได้รับรางวัลวัพระราชทาน และทรงยินดีจะพระราชทานรางวัลวัให้” ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการ (โดยกรมวิชวิาการ) ได้รับพระราชปรารภมาพิจารณาดำ เนินการด้วยความสำ นึกใน พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น และถือเป็นภารกิจที่สำ คัญที่ปฏิบัติสืบต่อมา เพราะนอกจากจะเป็นโอกาสอันดีในการทำ กิจกรรมที่สนองพระราชปรารภของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว รางวัล พระราชทานยังเป็นเครื่อรื่งกระตุ้นให้เกิดการพัฒนามาตรฐานคุณภาพการศึกษาของชาติให้ดียิ่งขึ้นด้วย จึงเป็นที่ตระหนักชัดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชนั้นทรงมีวิสัวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรง เล็งเห็นความสำ คัญในการส่งเสริมริการศึกษาแห่งชาติ พระราชทานขวัญกำ ลังใจแก่นักเรียรีน นักศึกษาที่มีความประพฤติดี มีผลการเรียรีนดี ตลอดจนผู้บริหริารสถานศึกษาที่จัดการศึกษาได้มาตรฐานดีเด่นด้วย การพระราชทานรางวัลให้ ซึ่งในระยะแรกทรงพระราชทานด้วยพระองค์เองจวบจนบัดนี้เป็นเวลาเกือบ 40 ปี กระทรวงศึกษาธิการดำ เนินการและพัฒนางานมาโดยตลอด จนถึงปัจจุบันมีนักเรียรีน นักศึกษาได้ รับรางวัลพระราชทานไปแล้วกว่าว่ 3,000 คน มีสถานศึกษาที่เป็นผู้นำ ทางวิชวิาการประมาณกว่า 2,000 แห่ง โรงเรียรีนอยุธยาวิทวิยาลัยได้สมัครเข้ารับการพิจารณาเพื่อเข้ารับรางวัลพระราชทานทั้งของนักเรียรีนและสถานศึกษา โดยเข้ารับคัดเลือกในระดับจังหวัดได้เป็นลำ ดับที่ 1 แล้วจึงเข้ารับการพิจารณาได้ระดับเขต การศึกษา และเขตตรวจราชการ โดยนำ เสนอการพัฒนาระบบทั้งองค์กร 6 ประการคือ 1. มุ่งพัฒนาการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน 12 ปีให้มีคุณภาพ สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 นโยบายปัญจปฏิรูปของ กระทรวงศึกษาธิการและยุทธศาสตร์ 10 ประการของกรม สามัญศึกษา 2. เร่งพัฒนาการจัดการกระบวนการเรียรีนการสอนที่เน้นนักเรียรีนเป็นสำ คัญ มีกระบวนการคิดที่เป็นระบบ มีความคิดสร้างสรรค์ มีนิสัยรักการอ่าน และวิธีวิธีการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองจากแหล่งเรียรีนรู้ต่าง ๆ 3. พัฒนาโรงเรียรีนให้มีบรรยากาศแห่งการเรียรีนรู้มีสภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นรื่สวยงาม น่าอยู่เพื่อให้นักเรียรีนมีนิสัยที่อ่อนโยน ภูมิใจและรักโรงเรียรีน 4. ส่งเสริมริ สนับสนุนให้ครู อาจารย์ ได้พัฒนาความรู้ความสามารถ สร้างสรรค์ผลงานดีเด่นตามมาตรฐานวิชวิาชีพครู 5. สนับสนุนให้ชุมชนองค์กรท้องถิ่น สมาคมศิษย์เก่า สมาคมผู้ปกครองฯเครือรืข่าย ฯลฯ ได้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาของโรงเรียรีน 6. มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียรีนให้อยู่ในระดับดีเยี่ยม มีการแลกเปลี่ยนเรียรีนรู้เพื่อขยายผล และพัฒนาแนวทางให้เกิดเป็นระยะที่ยั่งยืน นอกจากนี้ยังได้นำ โครงการและกิจกรรมดีเด่นของโรงเรียรีน ได้แก่ การจัดการเรียรีนการสอน การพัฒนาองค์กร การจัดสิ่งแวดล้อมภายในโรงเรียรีน โครงการส่งเสริมริแหล่งเรียรีนรู้ และระบบดูแลช่วยเหลือ นักเรียรีน คณะกรรมการประเมินโรงเรียรีนอยุธยาวิทวิยาลัย คณะกรรมการการประเมินเพื่อรับรางวัลวัพระราชทาน เข้ามายังโรงเรียรีนอยุธยาวิทวิยาลัย เพื่อประเมินโรงเรียรีนอยุธยาวิทวิยาลัยในทุกด้าน โดยเริ่มริ่ประเมินตั้งแต่นักเรียรีนเริ่มริ่มาโรงเรียรีน จนถึงกลับบ้านในตอน เลิกเรียรีน การประเมินคณะกรรมการได้ทำ การประเมินทุกรูปแบบ อาทิ ดูจากเอกสารร่องรอยของการดำ เนินการ การสัมภาษณ์บุคลากรตั้งแต่ผู้อำ นวยการโรงเรียรีน รองผู้อำ นวยการโรงเรียรีน คณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียรีนเก่า ครู อาจารย์ และที่สำ คัญที่สุดคือการสัมภาษณ์นักเรียรีน ทั้งนักเรียรีนที่นัดหมายหรือรืนักเรียรีนที่ได้จากการสุ่มตัวอย่างของคณะกรรมการเอง สถานศึกษารางวัลพระราชทานและนักเรียรีนรางวัลพระราชทาน โรงเรียรีนอยุธยาวิทวิยาลัยได้รับการคัดเลือกให้เข้ารับพระราชทานเกียรติบัตรรางวัลพระราชทานถึง 5 ครั้ง โดยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2522 นายเจริญริลัดดาพงศ์ เป็นผู้อำ นวยการโรงเรียรีน ครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2537 นายจักรกฤษณ์ ธีระอรรถ เป็นผู้อำ นวยการโรงเรียรีน ครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2546 นายอำ นาจ ศรีชัรีชัย เป็นผู้อำ นวยการโรงเรียรีน ครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2557 นายเฉลิมศักดิ์ ภาระธัญญา เป็นผู้อำ นวยการ โรงเรียรีน และครั้งที่ 5 ในปี พ.ศ. 2561 นายวรากร รื่นรื่กมล เป็นผู้อำ นวยการโรงเรียรีน รวมถึงนักเรียรีนโรงเรียรีนอยุธยาวิทวิยาลัยยังได้รับเกียรติรางวัลพระราชทานถึง 6 ครั้งอีกด้วย อาทิ นายวีรวีะ ขันธชัย, นาย ณัฐพล อัศวสงคราม, นายอรรถพงษ์ รักขธรรม, นายต้นตระการ ทรัพย์ภักดี สมาคมนักเรียรีนเก่าอยุธยาวิทวิยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นความมงคลสำ หรับชาวอยุธยาวิทวิยาลัยเป็นอย่างยิ่งที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมรับ สมาคมนักเรียรีน อยุธยาวิทวิยาลัย ไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ เมื่อปีพุทธศักราช 2527
แผนที่ที่ ที่โที่ รงเรีรี รี ยรี ยนอยุยุยุ ธ ยุ ธยาวิวิ วิ ทวิ ทลัลั ลั ยลั ย
คำ ขวัญประจำ โรงเรียน ตั้งตั้ ใจเรียน เพียรทำ ดี มีวินัย รับ ใช้สังคม อัตลักษณ์ของโรงเรียน คือ ชาติเสือ หมายถึง ผู้ที่มี กำ เนิดมาจากบรรพบุรุษที่มีแต่คนเก่ง กล้าหาญ เอกลักษณ์โรงเรียน ภูมิใจสถาบัน มุ่งมั่นมั่ความเป็นเลิศ เทิดองค์อานันท์ สีประจำ โรงเรียน คือ สีขาวและสีแดง สีขาว ความหมายของสีขาว คือ น้ำ ใจอันบริสุทธิ์ ของชาวอยุธยาวิทยาลัย และชาวจังหวัด พระนครศรีอยุธยา สีแดง เป็นสีประจำ วันพระราชสมภพของพระบาท สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิ บดินทร ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ความหมายของสีแดง คือ โลหิตแห่งความเสียสละ โลหิตที่บรรพบุรุษได้อุทิศไว้ใน ดินแดนแห่งสยาม คำ ขวัญประจำ โรงเรียน ตั้งตั้ ใจเรียน เพียรทำ ดี มีวินัย รับ ใช้สังคม อัตลักษณ์ของโรงเรียน คือ ชาติเสือ หมายถึง ผู้ที่มี กำ เนิดมาจากบรรพบุรุษที่มีแต่คนเก่ง กล้าหาญ เอกลักษณ์โรงเรียน ภูมิใจสถาบัน มุ่งมั่นมั่ความเป็นเลิศ เทิดองค์อานันท์ สีประจำ โรงเรียน คือ สีขาวและสีแดง สีขาว ความหมายของสีขาว คือ น้ำ ใจอันบริสุทธิ์ ของชาวอยุธยาวิทยาลัย และชาวจังหวัด พระนครศรีอยุธยา สีแดง เป็นสีประจำ วันพระราชสมภพของพระบาท สมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิ บดินทร ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ความหมายของสีแดง คือ โลหิตแห่งความเสียสละ โลหิตที่บรรพบุรุษได้อุทิศไว้ใน ดินแดนแห่งสยาม เพลงประจำ สถาบัน เพลงธง เพลงธง ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง เรียบเรียงทำ นองใหม่ โดยสุนทราภรณ์ ขาวแดงแสงส่องมองตระการ คู่สถานอยุธยาวิทยาลัย ขาวแดงสุกสกาววับวาวสดใส สีขาวนั้นนั้ ไซร้คือน้ำ ใจอยุธยา ขาวแดงแสงโอภา สีแดงนั้นนั้หนาคือว่าโลหิต อุทิศติดเอาไว้ในแดนสยาม ขาวแดงแสงส่องมองงาม คือว่านามอยุธยาวิทยาลัย เรารักนามนี้ไซร้ประหนึ่งชีวิต ทุกหยาดโลหิตบริสุทธิ์อ ธิ์ ยุธยา เพลงประจำ สถาบัน เพลงธง เพลงธง ไม่ปรากฏชื่อผู้แต่ง เรียบเรียงทำ นองใหม่ โดยสุนทราภรณ์ ขาวแดงแสงส่องมองตระการ คู่สถานอยุธยาวิทยาลัย ขาวแดงสุกสกาววับวาวสดใส สีขาวนั้นนั้ ไซร้คือน้ำ ใจอยุธยา ขาวแดงแสงโอภา สีแดงนั้นนั้หนาคือว่าโลหิต อุทิศติดเอาไว้ในแดนสยาม ขาวแดงแสงส่องมองงาม คือว่านามอยุธยาวิทยาลัย เรารักนามนี้ไซร้ประหนึ่งชีวิต ทุกหยาดโลหิตบริสุทธิ์อ ธิ์ ยุธยา