The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นวัตกรรมบันได5ขั้น ล่าสุดด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-10-13 07:31:04

นวัตกรรมบันได5ขั้น ล่าสุดด

นวัตกรรมบันได5ขั้น ล่าสุดด

นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้

Learning Innovation Management

นวตั กรรม : กระบวนการการเรียนรู้บนั ได5ข้นั (QSCCS Model )

จดั ทาโดย นางสาวกมลวรรณ ชาวตั ร
ทปี่ รึกษา ผศ.ดร.สมหวงั นลิ พนั ธ์

คณะ ศึกษาศาสตร์ สาชาวชิ าการประถมศึกษา มหาวทิ ยาลยั ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ

Faculty of Education Elementary Education Northeastern University

คาชีแ้ จง

เอกสารนวตั กรรมการจัดการเรียนรู้ฉบับน้ีเป็ นส่วนหน่ึงจาก
นวตั กรรมของรายวชิ า ED13307 สื่อเทคโนโลยีและนวตั กรรมสาหรับครู
ประถมศึกษา ท่ีไดจ้ ดั ทาหรือพฒั นาข้ึนเพ่ือเป็ นคู่มือสาหรับบุคลากรทาง
การศึกษาในเรื่อง นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ ในระดบั ช้นั ประถมศึกษา
จากรูปแบบนวตั กรรมจานวน 18 นวตั กรรม ดงั น้ี

1.กระบวนการการเรียนรู้บนั ได5ขัน้ (QSCCS Model)
2.นวัตกรรมการเรียนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E
3. รูปแบบการสอนแบบมุ่งประสบการณ์ภาษา
4.Story board
5.รูปเเบบการเรียนรู้โดยใช้โครงงานเป็ นฐาน(Project Based Learning )
6.วฏั จักรการสบื เสาะหาความรู้7E Inquiry Cyele
7.รูปแบบการจดั การเรียนโดยใช้แผนภาพความคดิ อิสระ (Mind Mapping)
5. การสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5E
6. คอนสตรัคตวิ สิ ต์ Constructivist Theory
7.รูปแบบการสอนโรลเพลย์ ROLE PLKAYING
8.รูปแบบการสอนแบบแผนความคิดหรือมายแมพ Mind Mapping

1

9.รูปแบบการจดั การเรียนรู้โดยใช้ซิปปาโมเดล( CIPPA Model)
10 รูปแบบการสอนแบบ Rrole play
11.ทฤษฎคี อนสตรัคตวิ ิสต์ (Constructivist Theory)
12. หมวก6ใบ (Mind Mapping)
13.รูปแบบการจดั การเรียนรู้โดยใช้โพลยา
14.รูปแบบการจกั การเรียนรู้ Open Approach
15.รูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบ 4MAT
16.รูปแบบการจดั การเรียนรู้แบบ Mind Mapping
17.การจดั การเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็ นฐาน (Problem–based Learning :

PBL)

18.รูปแบบการจดั การเรียนรู้ Open Approach

2

คานา

การจดั ทารูปแบบการจดั การเรียนรู้ที่ใช้นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้แบบ
บนั ได 5 ข้นั เอกสารฉบบั เป็ นส่วนหน่ึงของรายวิชา ED13307 ส่ือเทคโนโลยีและ
นวตั กรรมสาหรับครูประถมศึกษา แลว้ จดั ทาเอกสารนวตั กรรมการเรียนรู้ฉบบั น้ี
ข้ึนมา เพื่อเป็ นคู่มือสาหรับบุคลากรทางการศึกษาในเรื่อง นวตั กรรมการจดั การ
เรียนรู้ ซ่ึงเป็ นนวตั กรรมท่ีได้ผา่ นการทดลองใช้ในรูปแบบงานวิจยั ส่งผลในเชิง
ประจกั ษ์ต่อนักเรียนอย่างเด่นชดั และเพื่อให้ครูผูส้ อนใช้เป็ นแนวทางในการทา
ความเขา้ ใจในเร่ืองการนานวตั กรรมทางการศึกษามาใช้ในการเรียนการสอนตาม
หลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน

คณะผูจ้ ดั ทาได้เรียบเรียงข้อมูลรูปแบบของนวตั กรรมโดยสรุปเพื่อ
สามารถนาไปใชไ้ ดง้ ่ายพร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งแผนการจดั การเรียนรู้โดยใชน้ วตั กรรม
ประกอบภายในเอกสารฉบบั น้ี เพ่ือให้ผูส้ นใจได้รับความรู้ความเขา้ ใจมากย่ิงข้ึน
เอกสารเล่มน้ีจะช่วยทบทวนความเขา้ ใจใหช้ ดั เจนยง่ิ ข้ึน จนสามารถนาไปใชใ้ นการ
พฒั นาการเรียนการสอนของตนเองได้ ผลท่ีได้จากเอกสารฉบบั น้ีย่อมเกิดผล
โดยตรงต่อตวั ผูเ้ รียนและผูส้ อนในการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อพฒั นาการจดั
การศึกษาตอ่ ไป

ผจู้ ดั ทา

นางสาวกมลวรรณ ชาวตั ร

3

สารบญั หน้า
1-2
คาชแี้ จง
คานา 3
สารบญั 4
นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้โดยใช้บนั ได 5 ขัน้
ขนั้ ตอนการจัดการเรียนรู้โดยใช้บันได 5 ขัน้ 5-6
ตวั อย่างแผนการจัดการเรียนรู้
7
-แบบบนั ทกึ ผลการเรียนรู้
-แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ 8-22
-แบบประเมนิ แผนการจัดการเรียนรู้
ตัวอย่างหน่วยการจัดการเรียนรู้ 23
แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการเรียนรู้บนั ได5ขนั้
(QSCCS) 24-35
เอกสารอ้างอิง
36

4

นวตั กรรมการจดั การเรียนรู้
โดยใช้บนั ได5ขัน้ QSCCS Model

บันได 5 ข้นั QSCCS Model เจ้าชองนวตั กรรมคอื มาสโลว์
สุภาณี เส้งสี,และวลพี ร ปันนา (2561) กล่าวว่า กระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั ตอน

(QSCCS) เป็ นการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ท่ีส่งเสริมให้ผูเ้ รียน มีทกั ษะในการคน้ ควา้ แสวงหา
ความรู้ สามารถวิเคราะห์ ส่ือสาร ที่เนน้ ฝึ กให้ผูเ้ รียนต้งั คาถาม เพื่อสร้างความรู้สึกอยากรู้
อยากเรียนไดว้ างแผนการเรียนรู้ของตนเอง ลงมือศึกษาคน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มูล แสวงหา
ความรู้และค้นพบความรู้ด้วยตนเอง นาข้อมูลมาร่ วมวิเคราะห์ อธิปราย เชื่อมโยง
ความสัมพันธ์ ประเมินค่า สรุปความคิดรวบยอด ความสาคัญ แนวทางการปฏิบัติใน
ชีวติ ประจาวนั แลกเปล่ียนเรียนรู้ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั

ธนะพันธ์ุ การคนซื่อ(2560) กล่าวว่า การจดั การเรียนรู้แบบบนั ได 5 ข้นั (QSCCS) มี
ลาดบั ในการจดั การเรียนการสอน5ข้นั คือ

ข้ันท่ี1 การเรียนรู้ต้ังคาถาม (Learning to Question ) เป็ นการให้ผูเ้ รียนฝึ กสังเกต
สถานการณ์ต่างๆ จนเกิดความสงสัย จากน้ันฝึ กให้ผูเ้ รียนต้งั คาถามสาคญั ซ่ึงจะก่อให้เกิด
ความสามารถในการตีความ การคิดไตร่ตรอง การถ่ายทอดความคิด สามารถนาไปสู่การ
เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงการจดั การเรียนรู้ไดเ้ ป็ นอยา่ งดี

ข้ันท่ี2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ(Learning to Search) เป็ นข้นั ตอนการออกแบบ/
วางแผนเพอื่ รวบรวมขอ้ มูล สารสนเทศ จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆโดยผสู้ อนเป็ นผอู้ อกแบบการ
เรียนรู้ในหอ้ งเรียนใหส้ ่งเสริมกระบวนการคิดผา่ นรูปแบบกิจกรรมที่หลากหลาย

5

ข้ันท3่ี การเรียนรู้เพอ่ื สร้างองค์ความรู้(Learning to Contact) เป็ นข้นั ตอนที่ผเู้ รียนมีการ
คิดวเิ คราะห์ขอ้ มลู เชิงปริมาณและคุณภาพ การส่ือความหมายขอ้ มลู ดว้ ยแบบตา่ งๆ หรือดว้ ยผงั
กราฟิ ก การแปลผล จนถึงการสรุปผลหรือการสร้างคาอธิบาย

ข้ันท4่ี การเรียนรู้เพอื่ การส่ือสาร (learning to Communicate) เป็ นข้นั ตอนนาเสนอ
ความรู้ดว้ ยการใชภ้ าษาที่ถูกตอ้ ง ชดั เจนและเป็นที่เขา้ ใจ อาจเป็ นการนาเสนอภาษาและ
นาเสนอดว้ ยวาจา

ข้นั ท5ี่ การเรียนรู้เพอื่ ตอบแทนสังคมและจติ สาธารณะ (Learning to Service) เป็ น
ข้นั ตอนการฝึ กใหผ้ เู้ รียนนาความรู้ท่ีเขา้ ใจนาการเรียนรู้ไปใชป้ ระโยชนเ์ พอ่ื ส่วนรวม หรือเห็น
ต่อประโยชน์ส่วนรวมดว้ ยการทางานเป็นกล่มุ ร่วมสร้างผลงานท่ีไดจ้ ากการแกไ้ ขปัญหา
สงั คมอยา่ งสร้างสรรค์ ซ่ึงอาจเป็นความรู้ แนวทางสิ่งประดิษฐ์ ซ่ึงอาจเป็นนวตั กรรม ดว้ ย
ความรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม อนั เป็นการแสดงออกทางการเก้ือกลู และแบ่งปันใหส้ งั คมมีสนั ติ
อยา่ งยงั่ ยนื

6

นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
ขัน้ ตอนรูปแบบการสอนโดยใช้บันได5ขัน้

(QSCCS Model )

ข้นั ท1่ี การต้งั คาถาม/สมมตฐิ าน (Hypothesis Formulation)
เป็ นการฝึ กผเู้ รียนใหร้ ูจ้ กั คิด สงั เกตต้งั คาถามอยา่ งมีเหตุผลและสร้างสรรคซ์ ่ึงจะ

ส่งเสริมใหผ้ เู้ รียนเกิดการเรียนรู้ในการต้งั คาถาม (Learning to Question)

ข้นั ท2ี่ การสืบค้นความรู้และสารสนเทศ(Searching for Information)
เป็ นการฝึ กแสวงหาความรู้ขอ้ มลู และสารสนเทศ จากแหลง่ เรียนรูอ้ ยา่ งหลากหลายเช่น

หอ้ งสมดุ อินเทอร์เน็ตหรือจากการฝึ กปฏิบตั ิทดลอง เป็ นตน้ ซ่ึงจะส่งเสริมใหเ้ กิดการเรียนรู้ในการ
แสวงหาความรู้(Learning to Search)

ข้นั ท3่ี การสร้างองค์ความรู้ (Knowledge Formation)
เป็ นการฝึ กใหผ้ เู้ รียนนาความรู้และสารสนเทศที่ไดจ้ ากการแสวงหาความรู้มาถก

แถลง อภิปราย เพ่อื นาไปสู่การสรุปและสร้างองคค์ วามรู้(Learning to Construct)

ข้นั ท4่ี การส่ือสารและนาเสนออย่างมปี ระสิทธิภาพ (Effective Communication)
เป็ นการฝึ กใหผ้ เู้ รียนนาความรู้ที่ไดม้ าสื่อสารอยา่ งมีประสิทธิภาพซ่ึงจะส่งเสริมใหผ้ เู้ รียน

เกิดการเรียนรู้และมีทกั ษะในการส่ือสาร(Learning to Communicate)
ข้นั ท5ี่ การบริการสังคมและจติ สาธารณะ (Public Service)
เป็ นการนาความรู้สู่การปฏิบตั ิซ่ึงผเู้ รียนจะตอ้ งเชื่อมโยงความรู้ไปสู่การทาประโยชน์
ใหก้ บั สงั คมและชุมชนรอบตวั ตามวฒุ ิภาวะของผเู้ รียนและจะส่งผลใหผ้ เู้ รียนมีจิตสาธารณะ
และบริการสงั คม(Learning to Serve)

7

ตวั อย่างแผนการจดั การเรียนรู้

แผนการจดั การเรียนรู้ทพ่ี ฒั นาโดยใช้นวตั กรรมMind Mapping

โรงเรียนนาคาพทิ ยาสรรพ์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี ๒

กล่มุ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๒๑๐๑ รายวชิ า ภาษาไทย ภาคเรียนที่ ๑/๒๕๖๕

หน่วยการเรียนรู้ท๑่ี เรื่อง คาศัพท์ยาก จานวน ๑๕ ชั่วโมง

แผนการเรียนรู้ท๑่ี เรื่อง คาศัพท์พาพฒั นาชีวติ เวลา๒ ชั่วโมง

ผู้สอน นางสาวกมลวรรณ ชาวตั ร รหสั นกั ศึกษา 6494 110070

อาจารย์ทป่ี รึกษา ผศ.สมหวงั นิลพนั ธ์

๑.มาตรฐาน/สาระการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั
สาระที่ ๔ หลกั การใชภ้ าษาไทย
มาตรฐาน ท.๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลง
ของภาษาและพลงั ของภาษา ผมู้ ีปัญญาทางภาษาและรักษาภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิ
ของชาติ
ตวั ชี้วดั ท.๔.๑ ป.๒/๒ เขียนสะกดคาและบอกความหมายของคา

๒.สาระสาคญั

8

การเขียน การบอกลกั ษณะและบอกความหมายของคาศพั ทไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง จะทา
ใหส้ ามารถสื่อสารกบั บุคคลตา่ งๆไดเ้ หมาะสม และสามารถนามาใชไ้ ดใ้ น
๓.จชุดีวปติ รปะรสะงจคา์กวานัรเรียนรู้
๓.๑ ด้านความรู้(K)
-สามารถอธิบายความหมายของคาศพั ทต์ ่างๆได้
-สามารถเขียนคาศพั ทต์ ่างๆไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเเละเหมาะสม

๓.๒ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ(P)
-นกั เรียนสามารถคิดแยกแยะและวเิ คราะห์คาศพั ทต์ า่ งๆได้

๓.๓ ด้านสมรรถนะสาคัญ
-ความสามารถในการส่ือสาร
-ความสามารถในการคิด
-ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
-ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

๓.๔ ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)
-มีวนิ ยั
-ใฝ่ เรียนรู้
-มุ่งมนั่ ในการทางาน
๔.สาระการเรียนรู้

9

-นกั เรียนสามารถเขียนสะกดคาศพั ทไ์ ดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและบอกความหมายของ
คาศพั ทต์ ่างๆไดร้ วมท้งั คิดแยกแยะวเิ คราะห์ลกั ษณะคาศพั ทต์ า่ งๆไดอ้ ยา่ งเหมาะสม
๕.กระบวนการจัดการเรียนรู้
ข้นั ที่ ๑ เตรียมความพร้อม

กิจกรรมกลุ่มสัมพนั ธ์โดยใชเ้ กมคาศพั ท์ แบ่งกลุ่มนกั เรียนออกเป็ นกลุ่มๆ
กลุ่มละ ๔-๕ คน และแนะนากติกาการเรียนและข้นั ตอนการทางานและแจก
เอกสารใบกิจกรรมท่ีไดก้ าหนดให้ เร่ืองคาศพั ทพ์ าพฒั นาชีวติ

ข้นั ท่ี๒ กาหนดสถานการณ์
ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มรับใบกิจกรรมท่ี ๑ แลว้ ร่วมกนั ทางานตามใบ

กิจกรรมท่ีไดก้ าหนดให้ตามลาดบั ข้นั ตอน

10

ข้นั ท่ี๓ แลกเปลย่ี นการเรียนรู้/กจิ กรรม
ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั แลกเปลี่ยนการเรียนรู้เร่ืองคาศพั ท์ ช่วยกนั

ระดมการคิดวเิ คราะห์สรุปสาระสาคญั ตามใบกิจกรรมที่ไดแ้ จกใหแ้ ต่ละกลุ่มโดย
ใชเ้ กณฑ์ หลกั และการใชภ้ าษาท่ีมีเหตุผลประกอบใหไ้ ดป้ ระเดน็ สาคญั มากท่ีสุด
และจะทาเป็ นแผนภาพความคิดแบบกลุ่ม

ข้นั ท๔่ี นาเสนอผลงานหน้าช้ันเรียน
ใหแ้ ต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานของกลุ่มตวั เองหนา้ ช้นั เรียนตามใบกิจกรรมท่ี

ไดร้ ับมอบหมาย

11

ข้นั ท๕ี่ อภปิ รายแลกเปลย่ี นการเรียนรู้ท้งั ช้ัน
โดยใหค้ รูและนกั เรียนช้ีแนะอภิปรายแสดงขอ้ คิดเห็นร่วมกนั และเพ่ิมเติม

ประเดน็ ความรู้เพอื่ แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ท้งั ช้นั เรียน ครูและนกั เรียนร่วมแสดง
ขอ้ คิดเห็นวพิ ากษว์ จิ ารณ์อยา่ งมีเหตุผลในแตล่ ะประเด็นใหไ้ ดจ้ านวนมากที่สุด

ข้นั ที่๖ ข้นั จัดทาเป็ นแผนภาพความคิดอสิ ระ Mind Mapping
นกั เรียนสรุปความคิดรวบยอด/สาระสาคญั ท่ีไดจ้ ากการทากิจกรรมแบบ

12

กลุ่มเขียนเป็นแผนภาพความคิดเป็นของตนเองโดยสงั เคราะห์องคค์ วามรู้ที่ไดจ้ าก
การสรุปการคิดวเิ คราะห์ของเร่ืองคาศพั ท์

๖.ส่ือ/อปุ กรณ์/แหล่งการเรียนรู้

-ใบกิจกรรมที่ 1
-หอ้ งสมุดโรงเรียน
-หอ้ งคอมพวิ เตอร์โรงเรียน
-อุปกรณ์ท่ีนาเสนอกระดาษชาร์ท
-เอกสารเร่ืองคาศพั ทย์ าก

๗.การวดั และประเมนิ ผล

สิ่งทตี่ ้องการวดั วธิ ีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ าร
ประเมิน
ดา้ นความรู้(K) -การทางานระหวา่ งเรียน -สงั เกตการทางานกลุ่ม
-สามารถอธิบายความหมายของ -การสรุปความรู้เป็ น -สงั เกตพฤติกรรมใน -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
คาศพั ทไ์ ด้ แผนภาพความคิดเดี่ยว ช้นั เรียน
-สามารถเขียนสะกดคาศพั ทต์ ่างๆได้ -ตรวจผลงานการทางาน -แบบประเมินใบ -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
อยา่ งถูกตอ้ ง แบบกลุ่ม กิจกรรม
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สงั เกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม

13

-นกั เรียนสามารถคิดแยกแยะ ทางานกลุ่มและเด่ียว การทางานกลุ่มและ -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
วิเคราะห์คาศพั ทต์ า่ งๆได้ รายบคุ คล
สงั เกตจากสมรรถนะและ แบบสงั เกตพฤติกรรม
ดา้ นสมรรถนะสาคญั พฤติกรรมตา่ งๆของ รายบคุ คล
-ความสามารถในการคิด ผเู้ รียน
-ความสามารถในการสื่อสาร
-ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ สงั เกตคุณลกั ษณะอนั พงึ แบบสงั เกตคุณลกั ษณะ -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
-ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ประสงคข์ องผเู้ รียน อนั พึงประสงค์
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) รายบุคคล
-มีวนิ ยั
-ใฝ่ เรี ยนรู้
-มงุ่ มนั่ ในการทางาน

๘. ประเมินหลงั การสอน

๑. ประเมินนกั เรียน--------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------------------------

๒ ประเมินครู----------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------

14

กลุ่มสาระภาษาไทย ป.๒

แบบบันทกึ การเรียนรู้ของ นกั เรียน ครู

วนั ที่ เดอื น พ.ศ. ๒๕…

๑.ข้นั ตอนการทางาน---------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๒. ความรู้ที่ไดร้ ับ-------------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๓.ทกั ษะที่ไดร้ บั ---------------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๔.คุณลกั ษณะที่ดี/ค่านิยม/คุณธรรม/จริยธรรม--------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๕.สื่อและแหลง่ การเรียนรู้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๖.ผลงาน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

15

กลมุ่ ที่…………………………………………………………….
สมาชิก ๑……………………………………………………….เลขท…ี่ ………………

๒ ………………………………………………………เลขท…ี่ ………………
๓………………………………………………………เลขท…่ี ………………
๔………………………………………………………เลขท…ี่ ………………
๕………………………………………………………เลขท…่ี …………………

คาชแี้ จง ใบงานท่ี ๑
ให้นักเรียนแต่ละกล่มุ ทากจิ กรรมตามข้นั ตอนต่อไปนี้

๑.คาส่ัง ใหน้ กั เรียนศึกษาเอกสารเรื่องคาศพั ทแ์ ละความหมายท่ีแจกใหแ้ ลว้ ให้
นกั เรียนทุกคนในแต่ละกลุ่มอธิบายแสดงความคิดเห็นวเิ คราะห์แยกแยะประเด็น
สาระสาคญั ของเร่ืองท่ีไดอ้ ่าน ใหไ้ ดม้ ากที่สุดอยา่ งนอ้ ย10คา โดยคุณครูจะ
ยกตวั อยา่ งของคาศพั ทม์ า และเขียนเหตุผลประกอบของแตล่ ะประเดน็ ลงใน
กระดาษที่คุณครูแจก

16

๒.ใหแ้ ต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานตามข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี
๒.๑ อธิบายข้นั ตอนของกระบวนการทางานแบบกลุ่ม
๒.๒ ใหส้ รุปประเดน็ สาระสาคญั ของเร่ืองจากขอ้ ท่ี ๑

๓.ใหส้ มาชิกในแตล่ ะกลุ่มเขียนสรุปประเด็นสาระสาคญั ของเร่ืองท่ีไดจ้ ากขอ้ ท่ี ๑
โดยการเขียนเป็ นแผนภาพความคิดของตนเอง

ใบความรู้

เร่ือง คาศพั ท์พาพฒั นาชวี ิต

ความหมายของคา 17
เสยี งท่เี ปลง่ ออกมาครงั้ หนง่ึ ๆ เสยี งพดู หรือตวั หนงั สอื ที่เขยี นขนึ ้ มี
ความหมายในตวั ไมว่ า่ จะมกี ี่พยางค์ ก็ตาม เช่น มะละกอ ทะเล
กบ พภิ พ ใช้ประกอบหน้าคาอน่ื เพื่อระบปุ ระเภท หรือชนดิ ของคา

ตวั อย่างคาศพั ท์และความหมายในการทาใบงาน

ขัดเคอื ง หมายถึง โกรธเพราะถูกขดั ใจ
ไฉน หมายถึง ฉนั ใด เช่นไรอยา่ งไร

ตวี ง หมายถึง ลอ้ มวง,ขยายวง
ทศั นศึกษา หมายถึง ท่องเที่ยวเพอ่ื แสวงหาความรู้
ปรานี หมายถึง เอน้ ดูดว้ ยความสงสาร
ราศี หมายถึง ความสง่า,ลกั ษณะความดีงามของคน

ทะมนึ หมายถึง มีลกั ษณะดามืดสูงใหญน่ ่าใเบกรกงจิขากมรรมท่ี๑

เทพ หมายถึง เทวดา

คาชแี้ จง ให้นกั เรียนเขียนความหมายของคาศพั ท์ดงั ตอ่ ไปนี ้แล้วเติมลงในชอ่ งวา่ งให้ถกู ต้อง

ตม พภิ พ ประเสริฐ
หมายถงึ ………………… หมายถงึ ………………… หมายถงึ ………………

…………………………… …………………………… ……………………………
…………………….. …………………….. ………………………..

คุณค่า หวั ข้อ………. ลาธาร
หมายถงึ ………………… หมายถงึ ………………1…8

……………………………

กมล กตัญญ
หมายถงึ …………………………… หมายถงึ ………………………………

……………………………………….. ……………………………………..

พินิจ พากเพียร ไพศาล
หมายถงึ …………………… หมายถงึ …………………… หมายถงึ ……………………

……………………………… ……………………………… ………………………………
……………….. ……………….. ………………..

ช่ือสมาชิกในกลุ่ม
ชื่อ…………………………………………..นามสกุล………………………เลขที่………………
ช่ือ…………………………………………..นามสกุล………………………เลขท่ี………………
ช่ือ…………………………………………..นามสกลุ ………………………เลขที่………………
ชื่อ…………………………………………..นามสกลุ ………………………เลขที่………………

19

ช่ือ……………………………………….....นามสกุล………………………เลขท่ี………………
ช่ือ…………………………………………..นามสกุล………………………เลขท่ี………………

ช้ันประถมศึกษาปี ท…่ี …………………..

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ สาหรับนกั เรียน

รายการ ปฏิบตั ิ ไม่ปฏิบตั ิ ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เติม
ครูจดั กิจกรรมการเรียนการสอนให้ผเู้ รียนไดค้ ิดตามอยา่ ง 20

หลากหลาย
ครูเสนอ/จดั แหล่งความรู้เพ่ือให้ผเู้ รียนไดฝ้ ึกการคน้ ควา้ รวบรวม
ขอ้ มูล
ครูจดั กิจกรรมและสถานการณ์ให้ผเู้ รียนแลกเปล่ียนความคิดและ
ประสบการณ์
ครูเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดน้ าเสนอผลงานของตวั เอง/ในรูปแบบ
ตา่ งๆ
ครูจดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนไดล้ งมือปฏิบตั ิ
ครูเปิ ดโอกาส
ใหน้ กั เรียนไดแ้ สดงความคิดเห็นและยอมรับเก่ียวกบั ผลงานและ
ความสามารถของตนเองและผอู้ ื่น
ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการเช่ือมโยงความรู้เดิมกบั ความรู้ใหม่
ให้กบั ผเู้ รียน
ครูมีการใช่ส่ือการเรียนรู้อยา่ งหลากหลาย
ครูใหก้ ารเสริมแรงนกั เรียนอยา่ งเหมาะสม
ครูจดั กิจกรรมการเรียนรู้ใหเ้ อ้ือต่อการฝึกความรับผดิ ชอบของ
นกั เรียน

ช่ือผเู้ รียน……………………………………………ช้นั ……………………………
กลุ่มสาระการเรียนรู้………………………………….เร่ือง……………………………..
วนั ที่………………………เดือน……………………พ.ศ…………………เวลา………………
ตาช้ีแจง:ใหน้ ิเทศสงั เกตพฤติกรรมการสอนของตรูและโปรดทาเคร่ืองหมาย/ลงในช่องพฤติกรรมการสอนตาม
รายการ ต่อไปน้ี

ลงชื่อ…………………………………………………

(…………………………………)ผปู้ ระเมิน

แบบประเมนิ แผนการจดั การเรียนรู้

โดยใช้แผนภาพความคดิ อิสระ สาหรับครู

โรงเรียนนาคาพิทยาสรรพ์

21

รายการ มากที่สุด มาก3 พอใช2้ ปรับปรุง
4 1
1.สาระสาคญั แสดงความคิดรวบยอดของสาระการเรียนรู้
ที่สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียน
2.จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ควบคุมพฤติกรรมการเรียนรู้
หลายดา้ น(พทุ ธิพสิ ัย/ทกั ษะพิสยั /จิตพิสยั และระบุ
พฤติกรรมที่สามารถวดั ได)้
3.สาระการเรียนรู้ถูกตอ้ งครบถว้ นชดั เจนตามหลกั
วิชาการ

4.กระบวนการเรียนรู้
4.1สอดคลอ้ งกบั จุดประสงคก์ ารเรียนรู้
4.2 จดั กิจกรรมเตรียมความพร้อมและทบทวนความรู้เดิม
4.3 จดั กิจกรรมหรือกาหนดสถานการณ์ที่เป็นประเด็น
ปัญหาใหน้ กั เรียนคิด
4.4 จากกิจกรรมใหน้ กั เรียนไดแ้ ลกเปล่ียนการเรียนรู้
4.5 จดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนไดน้ าเสนอผลงาน
4.6 จากกิจกรรมช้ีแนะความรู้เพิม่ เติมอภิปรายแสดง
ขอ้ คิดเห็น
4.7 จดั กิจกรรมทาแผนภาพความคิดอิสระโดยสรุป
สาระสาคญั และองคป์ ระกอบความรู้เป็นของตนเอง

5.สื่อ อุปกรณ์และแหล่งการเรียนรู้ท่ีเหมาะสมตาม
ความสามารถของผเู้ รียน
6.มีการวดั และประเมินผลที่หลากหลายสอดคลอ้ งกบั
พฤติกรรมที่กาหนดในจดุ ประสงคก์ บั ธรรมชาติของ
สาระการเรียนรู้

ตวั อย่างหน่วยการจดั การเรียนรู้

22

แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้บันได ๕ ขัน้ (QSCCS Model)

โรงเรียนนาคาพทิ ยาสรรพ์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปี ท่ี ๕

กลุ่มสาระวชิ าภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ รายวิชา ภาษาไทย ภาคเรียนท่ี ๑/๒๕๖๕

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๔ ภาษาพฒั นาชีวติ เร่ืองภาษาพาเพลิน เวลา ๒ ช่ัวโมง

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี๑ เร่ือง ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่นิ

สอนโดย นางสาวกมลวรรณ ชาวัตร 23

1.มาตรฐานการเรียนรู้

สาระที่ ๔หลกั การใช้ภาษาไทย
มาตรฐาน ท.๔.๑ เขา้ ใจธรรมชาติของภาษาและหลกั ภาษาไทย การเปล่ียนแปลง
ของภาษาและพลงั งานของ ผมู้ ีปัญญาทางภาษาและรักภาษาไทยไวเ้ ป็นสมบตั ิของ
ชาติ
ตัวชี้วดั ท.๔.๑ ป.๕/๓ เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่น

2.สาระสาคัญ/ความคดิ

ภาษาไทยมีท้งั ภาษาท่ีเป็นมาตรฐานซ่ึงใชเ้ ป็นภาษาราชการและมีภาษาถ่ินตามแต่
ละภมู ิภาคต่างๆที่มีความแตกตา่ งกนั ตามลกั ษณะของทอ้ งถ่ินน้นั ๆเราควรเรียนรู้ให้
เขา้ ใจและนาความรู้เกี่ยวกนั ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั ใหม้ ีความเหมาะสมกบั
โอกาสและกาลเทศะ

3.จุดประสงค์การเรียนรู้

24

3.1 ด้านความรู้ (K)
-นกั เรียนสามารถบอกลกั ษณะของภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่นได้
3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ( P)
-เปรียบเทียบภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินได้
3.3 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์(A)
-รักความเป็ นไทย
-ใฝ่ เรียนรู้
-มุ่งมนั่ ในการทางาน
-มีจิตสาธารณะ
3.4 ด้านสมรรถนะสาคญั
-ความสามารถในการแกป้ ัญหา
-ความสามารถในการคิด
-ความสามารถในการส่ือสาร
- ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต
-ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

4.สาระการเรียนรู้

นกั เรียนสามารถบอกลกั ษณะและความหมายของภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถ่ิน
ได้

25

5.กจิ กรรมการจัดการเรียนรู้ตามบันได 5 ข้นั (QSCCS Model)

ข้นั ที่ 1 การต้ังคาถาม/สมมติฐาน(Learning to Question)

1.ครูแจกใบกิจกรรมความรู้เรื่องภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินแลว้ บอกข้นั ตอน
การดาเนินกิจกรรมการเรียนรู้ใหแ้ ก่นกั เรียน
2.ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั ศึกษาเร่ืองภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถิ่นในใบ
กิจกรรมท่ี 1
3.ใหน้ กั เรียนสงั เกตคาในใบกิจกรรมวา่ มีลกั ษณะและความหมายของคา
4.ครูเปิ ดโอกาสให้นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น เพ่ือกระตุ้นให้นักเรียนแสดง
ความรู้เดิมออกมา

ขัน้ ท่ี 2 การเรียนรู้แสวงหาสารสนเทศ (Learning to Search)

1.แบ่งกลุ่มนักเรียนออกเป็ นกลุ่มๆกลุ่มละ 4-5 คน ให้แต่ละคนจบั ฉลากศึกษาใบ
ความรู้ที่ 1 เร่ืองภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ิน ตามหวั ขอ้

กลุ่มท่ี1-2 ศึกษาเรื่องความหมายของภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น
กลุ่มที่3-4 ศึกษาเร่ือง ลกั ษณะของภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถ่ิน
2.ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มจากฉลากได้เร่ืองไหนให้รวมกลุ่มศึกษาด้วยกนั โดยการ
อภิปราย ซักถามแลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมกนั ระดมความคิดเห็นให้ครบทุกคน
จากใบกิจกรรมท่ีไดก้ าหนดให้
3.ใหน้ กั เรียนแต่ละกลุ่มถ่ายทอดส่ิงที่ไดจ้ ากการศึกษาใบความรู้ใหก้ บั เพื่อนในกลุ่ม

26

ฟังจนครบทุกคน ครูจะส่งถามเพ่ือทดสอบความเขา้ ใจรายกลุ่ม
4.ครูยกตัวอย่างข้อความที่เป็ นภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถิ่น โดยเขียนบน
กระดาน ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกชนิดของขอ้ ความว่าเป็ นภาษาไทยมาตรฐานหรือ
เป็นภาษาถิ่น ครูและนกั เรียนร่วมกนั ตรวจสอบความถูกตอ้ ง

ข้นั ท่ี 3 การเรียนรู้เพอื่ สร้างองค์ความรู้(Learning to Construct)

1. นกั เรียนทาใบงานกิจกรรมท่ี 1 เรื่องภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถ่ิน
2.ให้นกั เรียนแต่ละกลุ่มทางานตามใบกิจกรรมโดยครูแจกใบงานให้กบั นกั เรียน
ภายในเวลาที่กาหนด
3.ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปองคค์ วามรู้เรื่องภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่น จาก
การอธิปรายราบกลุ่ม แล้วให้นักเรี ยนเขียนลงในสมุดจดบันทึกของตนเอง
4.ให้นักเรี ยนลงมือทาใบงานที่ 1 เรื่ องภาษาไทยมาตรฐานกับภาษาถ่ิน
5.ครูและนักเรียนร่วมกนั เฉลยใบงานที่ 1 เรื่องภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่น
โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลุ่มเปล่ียนการตรวจ พร้อมรวมคะแนน

ข้ันที่ 4 การเรียนรู้เพอื่ สื่อสาร (Learning to Communicate)

1.ใหน้ กั เรียนรวบรวมกลุ่มคาท่ีไดจ้ ากใบงานที่1เร่ืองภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถ่ิน
2.ใหต้ วั แทนนกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานาเสนอผลงานการทากิจกรรมหนา้ ช้นั เรียน
3.คู่และนกั เรียนร่วมกนั สนทนาเกี่ยวกบั คาท่ีไดจ้ ากเรื่องภาษาไทยมาตรฐานกบั
ภาษาถ่ิน

27

4.ใหน้ กั เรียนประเมินผลงานของตนเองและผลงานกลุ่ม โดยระดบั การประเมินมี 4
ระดบั คือปรับปรุง พอใช้ ดี และดีมาก ตามลาดบั

5.ใหน้ กั เรียนเขียนสะทอ้ นเกี่ยวกบั ส่ิงท่ีไดเ้ รียนรู้และความรู้สึกในการเรียนใน
ชวั่ โมงน้ี

ข้ันที่ 5 การเรียนรู้เพอื่ ตอบแทนสังคม(Learning to Service)

1.ใหน้ กั เรียนร่วมกนั สรุปเร่ืองภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินและการนา
ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถ่ินไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั ของนกั เรียน
2.ครูประเมินการเรียนรู้ของนกั เรียนดงั น้ี สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนขณะทางาน
ร่วมกนั และสงั เกตการตอบคาถามของนกั เรียน
3.ใหน้ กั เรียนประเมินความรู้ที่ไดใ้ นเร่ืองภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่นเพอ่ื นามา
สรุปความรู้ท่ีไดแ้ ลว้ นามาใชใ้ นชีวติ ประจาวนั และนามาเผยแพร่โดยการนาไปจดั
มุมความรู้หนา้ หอ้ งเรียน เพ่อื ใหน้ กั เรียนหอ้ งอื่นๆที่สนใจไดร้ ่วมแลกเปลี่ยนการ
เรียนรู

6.สื่อการเรียนรู้

-ใบกิจกรรมที่ 1 เร่ืองภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถิ่น
-ใบความรู้ท่ี 1
-แบบประเมินผลงานและสะทอ้ นผล
-กระดาษ A4

28

7.การวดั และการประเมนิ

สิ่งทตี่ ้องการวดั วธิ ีการวดั เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน

ดา้ นความรู้(K) -การทางานระหวา่ งเรียน -สงั เกตการทางานกลุ่ม -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
-สามารถอธิบายความหมาย -การสรุปความรู้เป็ น -สงั เกตพฤติกรรมในช้นั -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
ของคาศพั ทไ์ ด้ -ตรวจผลงานการทางาน เรียน -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
-สามารถเขียนสะกดคาศพั ท์ แบบกลุ่ม -แบบประเมินใบ
ต่างๆไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง กิจกรรม -มากกวา่ ร้อยละ๘๐
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P) สงั เกตพฤติกรรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม
-นกั เรียนสามารถเปรียบเทียบ ทางานแบบกลุ่ม การทางานกลุ่มและ
ภาษาไทยมาตรฐานและภาษา รายบุคคล
ถ่ินได้ สงั เกตจากสมรรถนะ
ดา้ นสมรรถนะสาคญั และพฤติกรรมต่างๆของ แบบสงั เกตพฤติกรรม
-ความสามารถในการคิด ผเู้ รียน รายบคุ คล
-ความสามารถในการ
แกป้ ัญหา สงั เกตคุณลกั ษณะอนั พึง แบบสงั เกตคุณลกั ษณะ
-ความสามารถในการสื่อสาร ประสงคข์ องผเู้ รียน อนั พึงประสงคร์ ายบคุ คล
-ความสามารถในการใช้
ทกั ษะชีวิต
-ความสามารถในการใช้
เทคโนโลยี

ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึง
ประสงค์ (A)
-รักความเป็ นไทย
-ใฝ่ เรี ยนรู้
-มุ่งมนั่ ในการทางาน
-มีจิตสาธารณะ

29

๘. ประเมินหลงั การสอน
๑. ประเมินนกั เรียน--------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
-------------------------------------------------------------------------------------------------
๒ ประเมินครู----------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------

30

ใบความรู้ท่ี 1

เร่ือง ภาษาไทยมาตรฐานและภาษาถน่ิ

ความหมายและลกั ษณะของภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถน่ิ

ภาษาไทยมาตรฐาน หมายถึง ภาษาไทยซงึ่ เป็ นท่ียอมรับให้ใช้เป็ นภาษากลางในการตดิ ตอ่ สอ่ื สาร
ทางราชการและในการศกึ ษาทว่ั ประเทศ
ลกั ษณะของภาษาไทยมาตรฐาน
๑.ใช้เป็ นภาษาราชการ ใช้ในโอกาสท่ีเป็ นทางการตา่ งๆ
๒.ใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียน
๓.เป็ นภาษาทส่ี อ่ื สารมวลชนต่างๆใช้กนั
๔.มคี วามแตกตา่ งไปจากภาษาพดู
ภาษาถ่นิ หมายถงึ ภาษายอ่ ยของภาษาไทยท่ใี ช้สอ่ื สารกนั ในท้องถ่ินตา่ งๆซง่ึ จะแตกตา่ งกนั ไปตาม
ท้องถิ่นและแตกตา่ งไปจากภาษามาตรฐานหรือภาษาทคี่ นสว่ นใหญ่ของประเทศใช้
ลักษณะภาษาถ่นิ
ภาษาถ่ินมีความเฉพาะคือ ทางถ้อยคาและสาเนยี งแสดงถึงเอกลกั ษณ์ ลกั ษณะความเป็ นอยแู่ ละวถิ ี
ชีวิตของผ้คู นในท้องถ่ินของแตล่ ะภาคของประเทศไทย
ลกั ษณะภาษาถ่นิ ภาษาถ่ินเป็ นภาษาทีส่ าคญั ในสงั คมไทยเป็ นภาษาทบ่ี นั ทกึ เรื่องราว
ประสบการณ์ และวฒั นธรรมทกุ แขนงของท้องถิ่น เราจงึ ควรรกั ษาภาษาถิ่นทกุ ถิ่นไว้ใช้ให้ถกู ต้อง
เพอื่ เป็ นสมบตั มิ รดกของชาตติ อ่ ไป

31

ภาษาถ่นิ และภาษาไทยมาตรฐานมลี กั ษณะท่แี ตกต่างกนั 2 ประเภทดังนี้
๑.ความแตกต่างด้านระบบเสยี ง
ภาษาถิ่นตา่ งๆมหี นว่ ยเสยี งพยญั ชนะสระและวรรณยกุ ต์ไมเ่ ทา่ กบั หนว่ ยเสยี งของภาษาไทย
มาตรฐาน
๒.ความแตกต่างด้านระบบเสยี ง
เช่นภาษาถ่ินเหนอื ภาษาถิ่นอสี าน ภาษาถิ่นใต้บางจงั หวดั ร การออกเสยี งคาทม่ี ีตวั ร เป็ น
พยญั ชนะต้น จงึ ออกเสยี งเป็ นหนว่ ยเสยี งพยญั ชนะตวั อื่น

เปรียบเทยี บภาษาไทยมาตรฐานกบั ภาษาถนิ่

ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาอีสาน ภาษาใต้
ภาษาไทยมาตรฐาน ภาษาเหนือ
หยบิ
โกรธ เกีย้ ด สนู กิน
รับประทาน กิ๋น ก๋ิน แล
ผอ่ เบงิ่ เถ่ียว
ดู แอว่ เถี่ยว หวดั ดี
เทยี่ ว สวสั ดีเจ้า สวสั ดี หลบบ้าน
สวสั ดี ปิ๊ กบ้าน เมือบ้าน หรอยจงั หู้
กลบั บ้าน ลาแด้ๆ แซบอีหลี กลางวนั
อร่อยมาก แมว่ นั กางวนั กลางคนื
กลางวนั แมค่ นื กางคืน เช้า
กลางคนื เจ๊า เส้า
เช้า

32

ใบงานท่ี 1

คาชีแ้ จง ให้นกั เรียนเลอื กคาทกี่ าหนดให้ แล้วเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งให้ตรงกบั ภาษาถ่ิน

เบ่ิง จ๊าง เรือน หลาก โคมไฟ
เว้า มะละกอ อู้คาเมอื ง แหลง บักหุ่ง หรอย

ภาษาไทยถ่นิ เหนือ ภาษาไทยถ่นิ อีสาน

ภาษาไทยถ่นิ ใต้ ภาษาไทยถ่นิ มาตรฐาน

33

แบบประเมินผลงานและสะท้อนผล
ช่ือ-นามสกลุ .....................................ช้ัน.........เลขท.ี่ ........
คาชีแ้ จง:ให้นักเรียนประเมนิ ผลงานของตนเอง ผลงานกลุ่ม และเขยี นสะท้อนผลเกณฑ์การ
ประเมนิ ๔ ระดบั ได้แก่
-ปรับปรุง มคี ะแนน ๑ หมายถงึ ต้องแก้ไขผลงานของตนเองใหม่
-พอใช้ มคี ะแนน ๒ หมายถงึ พอรับได้มจี ุดทตี่ ้องแก้ไขบ้างเลก็ น้อย
-ดี มคี ะแนน ๓ หมายถงึ ผลงานมคี ณุ ภาพ มจี ดุ ทส่ี ามารถพฒั นาให้ดขี ึน้ อกี
-ดมี าก มคี ะแนน ๔ หมายถงึ ผลงานมคี วามสมบูรณ์ มคี ณุ ภาพดเี ยยี่ ม
การประเมนิ ผลงานของตนเอง อยใู่ นระดบั .............................
เพราะ...................................................................................................................................................
การประเมนิ ผลงานกล่มุ อยใู่ นระดบั ................
เพราะ....................................................................................................................................................
การสะท้อนผล
๑.สิ่งท่ีไดเ้ รียนรู้........................................................................................................................................
๒.ปัญหาและอปุ สรรคในการเรียน…………………………………………………………………….
๓.ความรู้สกึ ในการเรียน.............................................................. ............

34

กลุ่มสาระภาษาไทย ป.๕

แบบบนั ทกึ การเรียนรู้ของ นกั เรียน ครู

วนั ท่ี เดอื น พ.ศ. ๒๕…

๑.ข้นั ตอนการทางาน---------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๒. ความรู้ที่ไดร้ ับ-------------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๓.ทกั ษะที่ไดร้ บั ---------------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๔.คุณลกั ษณะที่ดี/ค่านิยม/คุณธรรม/จริยธรรม--------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๕.ส่ือและแหลง่ การเรียนรู้

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

๖.ผลงาน

---------------------------------------------------------------------------------------------------------

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กลมุ่ ที่…………………………………………………………….

สมาชิก ๑……………………………………………………….เลขท…่ี ………………

๒ ………………………………………………………เลขท…่ี ………………

๓………………………………………………………เลขท…ี่ ………………

๔………………………………………………………เลขท…ี่ ………………

๕………………………………………………………เลขท…ี่ …………………

35

อ้างองิ
ผศ.ดร.สมหวงั นิลพนั ธ์ .หน่วยการเรียนรู้วชิ าภาษาไทย,นวตั กรรมแผนภาพความคิดอิสระและ

การเขียนแผนภาพความคิดอิสระ Mid Mapping

มาสโลว์ .กระบวนการเรียนรู้แบบบันได 5 ข้นั (QSCCS)

สุภาณี เส้งสี,และวลพี ร ปันนา (2561). แนวคดิ กระบวนการเรียนรู้ 5 ข้นั ตอน (QSCCS)

ธนะพนั ธ์ุ การคนซ่อื (2560).ข้นั ตอนของกระบวนการเรียนรู้แบบบนั ได 5 ข้นั (QSCCS)

https://www.google.com/url?sa=t&source=web&rct=j&url=http://wilawanbl
ogs.blogspot.com/2015/11/5-
qsccs.html%3Fm%3D1&ved=2ahUKEwjHur2H1aj6AhXoTGwGHb6_CKoQFnoE
CBwQAQ&usg=AOvVaw1WJ1HtGpe90VpQn-HFdHg6

36

37

38


Click to View FlipBook Version