ไพล
ไพล เป็นพืชชตระกูลเดียวกับขิง มีเหง้าเป็นแหล่งสะสมอาหาร และนาไปใช้
ประโยชน์ทางยา ควบคู่กับการดารงชีวิตของคนไทยมาแต่โบราณ ในตาราแพทย์แผนไทยได้จารึกการใช้ไพล
รักษาหืด ใช้ทาแก้ฟกช้า เคล็ดขัดยอก ข้อเท้าแพลง แก้ผื่นคัน เป็นต้น สามารถนาไปใช้ท้ังเป็นสมุนไพรเดี่ยว
และประกอบอยู่ในตารับยาผสม การศึกษาองค์ความรู้ด้านสรรพคุณของน้ามันไพลด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์
พบว่า น้ามันไพล มีฤทธิ์ต้านเช้ือจุลินทรีย์ก่อโรคผิวหนัง มีฤทธ์ิต้านการอักเสบ ไม่ก่อให้เกิดความระคายเคือง
ตอ่ ผิวหนัง
ตระกลู Zingiberaceae
ชอ่ื สามญั Phlai, Cassumunar ginger, Bengal root
ชอื่ วิทยาศาสตร์ Zingiber cassumunar Roxb.
ช่อื ทอ้ งถ่นิ ปูลอย ปูเลย(ภาคเหนือ) ปูขมิ้น มิ้นสะล่าง(ไทยใหญ่-แม่ฮ่องสอน) ว่านไฟ
(ภาคกลาง) วา่ นปอบ(ภาคอีสาน) ปันเลย (อสี านใต)้
สำนกั งำนวัฒนธรรมจังหวดั สรุ นิ ทร์
สนับสนนุ ขอ้ มลู องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลนอกเมอื ง อาเภอเมือง จังหวัดสรุ นิ ทร์
-๒-
ลักษณะทัว่ ไป
ต้นไพล ลักษณะไพลเป็นไม้ล้มลุกมีความสูงประมาณ 0.7-1.5 เมตร มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เปลือกมีสี
นา้ ตาลแกมเหลือง เน้ือด้านในมีสเี หลืองถึงสีเหลืองแกมเขยี ว แทงหน่อหรือลาต้นเทียมข้ึนเปน็ กอ โดย
จะประกอบไปด้วยกาบหรือโคนใบหุ้มซ้อนกันอยู่ เหง้าไพลสดฉ่าน้า รสฝาด เอียด ร้อนซ่า มีกลิ่น
เฉพาะ ส่วนเหง้าไพลแก่สดและแห้งจะมีรสเผ็ดเล็กน้อย ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด แง่ง หรือเหง้า
แต่โดยทั่วไปแล้วจะใช้ส่วนของเหง้าเป็นท่อนพันธุ์ในการเพาะปลูก พรรณไม้ชนิดน้ีมีถ่ินกาเนิดอยู่ใน
เอเชียแถบประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ปลูกกันมากในจังหวัดกาญจนบุรี
สพุ รรณบุรี ปราจนี บรุ ี และสระแกว้
ใบไพล ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก ใบเป็นใบเด่ียวเรียงสลับ กว้างประมาณ 3.5-
5.5 เซนตเิ มตรและยาวประมาณ 18-35 เซนติเมตร
ดอกไพล ออกดอกเปน็ ช่อ แทงจากเหง้าใตด้ ิน กลีบดอกมีสีนวล มีใบประดบั สีมว่ ง
ผลไพล ลกั ษณะของผลเป็นผลแห้งรูปกลม
สว่ นทีใ่ ช้ เหงา้ หรือแงง่
ส่วนประกอบทางเคมี
น้ า มั น ระ เห ย ง่าย มี ส าร ส า คั ญ ที่ เป็ น อ งค์ ป ร ะ ก อ บ ได้ แ ก่ terpinen-4-ol, sabinene,
caryophyllene, cineol, alpha-pinene, beta-pinene, myrcene, terpinene, limonene, p-
cymene, terpinolene, eugenol, farneraol, alflabene, 3,4 dimethoxy benzaldehyde
สารสเี หลอื ง curcumin, cassumunarins A, B, C
สารกลุ่มฟีนิลบิวทานอยด์ หลายชนิด เช่น (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl) butadiene (DMPBD)
ท่ีมีฤทธิ์ลดการอักเสบ และสารอ่ืนๆ ได้แก่ 4-(4-hydroxyl-1-butenyl)-veratrole, naphthoquinone
derivative, vanillin, vanillic acid, veratric acid, β-sitosterol
Terpinene-4-ol Sabinene
-๓-
คุณประโยชน์ของไพล
ไพลใช้รกั ษากลุ่มอาการทางกลา้ มเน้ือตามกรรมวิธีทางการแพทย์แผนไทย 2 รูปแบบ คือ การนาเหง้า
มาฝนหรือคั้นน้า มีสรรพคุณในการแก้ปวดเม่ือย แก้ฟกบวม เคล็ดขัดยอก ทาถูนวดแก้เหน็บชา เส้น
ตงึ (Temsiririrkkul, 2007)
เหง้าไพลเม่ือนามาทอดด้วยนา้ มันพืช มีสรรพคุณทาแกแ้ ผล้ชา้ แก้เคล็ด้ช้าบวม ปวดชา เมื่อยขบ และ
ขดั ยอก (Pitiporn, 2012)
สาร DMPBD ในไพลมีฤทธิ์ลดอาการปวดและอักเสบของขอ้ เท้าไดด้ ีกว่ายาแก้ปวด แก้ อักเสบในกลุ่ม
NSAD เช่น Diclofenac, Phenidone เป็นต้น (Jeenapongsa et al, 2003)
เหง้าไพลมีน้ามันหอมระเหยประมาณ 0.8 เปอร์เซ็นต์ ซ่ึงประกอบด้วยสารสาคัญที่มีฤทธ์ิต้านการ
อกั เสบ ต้นนฮสี ตามนี แก้ภมู แิ พ้ (ศิรภิ รณ์, ๒๕๖๑)
แพทย์แผนไทยใช้ไพลประกอบตารับยาไทยเพ่ือรักษาอาการปวดท้อง ลมจุกเสียด ท้องเดินและบิด
ฟกช้า บวม เคลด็ ขัดยอก (ศิริภรณ์, ๒๕๖๑)
ไพล เป็นส่วนประกอบท่ีสาคัญในลูกประคบ และไพลได้ถูกนาไปใช้ในข้ันตอนต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์
สปา เช่น นวดหน้าขัดผิว พอกตัว นวดตัวด้วยน้ามันไพล และการนวดด้วยลูกประคบ ทาให้มีการ
พัฒนาผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิด ที่จาหน่ายในท้องตลาด เช่น น้ามันนวด ขี้ผ้ึง ครีมนวด ลูกประคบ
สบู่ครีมนวดหน้าครีมขัดผิว เป็นตน้ (ศิริภรณ์, ๒๕๖๑)
การขยายพนั ธุไ์ พล มหี ลายรปู แบบดังน้ี
การเพาะเมล็ด
การเพาะเมล็ดเช่นเดียวกับเพาะเมล็ดของพืชขนาดกลางท่ัวไป นาเมล็ดมาเพาะในกระบะบรรจุทราย
ผสมถ่านแกลบ อัตราสว่ น ๑:๑ โดยให้เมล็ดจมในวัสดุปลกู ประมาณ ๐.๕-๑.๐ เซนตเิ มตร
การแยกเหงา้
โดยการขุดเหง้าจากกอเดิม ตัดลาตัดท้ิงและนาไปปลูกลงหลุมท่ีเตรียมไว้ ใช้ฟางแห้งคลุมดินเพ่ือช่วย
รักษาความชื้น และป้องกันวัชพืช ในหน่ึงฤดูปลูกเหง้า ๑ เหง้า เกิดเป็นลาต้นเทียมซ่ึงจะแตกหน่อ ในหน่ึงฤดู
ปลูกได้ประมาณ ๒-๒๐ หน่อ เมื่อส้ินฤดูปลกู แลว้ แต่ละกอจะมีเหง้าหลายเหง้าเช่ือมติดกัน แต่สามารถหกั กลุ่ม
ของเหง้าออกเป็นเหงา้ เดีย่ ว ๆไดง้ า่ ย
การผ่าเหง้า
วธิ ีน้ีเป็นการนาเหง้าที่ได้จากการแยกเหงา้ มาผ่า แบ่งตามยาวเป็น ๒ ส่วนเท่าๆกัน ชิ้นเหง้าท่ีได้ควรมี
ตาทส่ี มบูรณ์ ไมน่ ้อยกวา่ ๑ ตา และมรี ากสะสมอาหารติดมาด้วยอย่างนอ้ ย ๑ ราก
-๔-
การเพาะเลย้ี งเนือ้ เยอ่ื
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อสามารถทาได้สาเร็จ จากการนาเอาส่วนใดส่วนหน่ึงของพืชไม่ว่าจะเป็นอวัยวะ
เน้ือเยื่อ หรือโปรโตพลาสต์ (ส่วนที่ไมม่ ีผนงั เซลล)์ โดยใช้ส่วนประกอบของอาหาร สารควบคุมการเจรญิ เติบโต
(Growth regulator) และการปรับสภาพแวดล้อมของการเลี้ยงจนชิ้นส่วนของพืชสามารถเจริญเติบโต และ
พฒั นาเปน็ ต้นพืชๆได้
การแปรรปู ไพลเบอ้ื งต้น จะมี 3 รูปแบบคอื
1) ไพลแห้ง นาเหง้ามาหน่ั เป็นชิ้นแล้วตากแดดหรืออบด้วยตูอ้ บ
2) ไพลผง นาไพลแห้งมาบดให้ละเอยี ดโดยการตาหรือเคร่อื งบดผง แล้วรอ่ นเอาเฉพาะผง
3) น้ามนั หอมระเหย นาไพลสดมาสกัดน้ามนั สามารถทาได้หลายวธิ เี ชน่ การทอด การกล่ันแบบไอนา้ เปน็ ตน้
ตวั อยา่ งการแปรรปู และพฒั นาผลิตภณั ฑ์จากไพล
นำ้ มันนวดและข้ีผงึ้ ไพล ลูกประคบ
ยำครมี ไพล สครบั ขดั ผิว
-๕-
เอกสารอา้ งอิง
ศิริภรณ์ แก้วคูณ. (๒๕๖๑). พฤติกรรมผู้บริโภคผลิตภัณฑ์สมุนไพรท่ีมีส่วนผสมของไพล. การศึกษาค้นคว้า
อสิ ระ บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.
Pitiporn, S. ( 2012). The Record of the Earth 5 Herbal Compresses, Hot Baths, Massage.
Bangkok, Paramut.
Temsiririrkkul, R. (2007). Knowledge from Research on 10 Thai Herbs. Bangkok, 21 Century.
https://www.disthai.com/16488307/%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5
https://medthai.com/%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A5/
http://www.thaicrudedrug.com/main.php?action=viewpage&pid=96
https://www.tistr.or.th/tistr/code/tistrorg/news_letter/newsletterjune-08.pdf