ชั้น ชั้ มัธ มั ยมศึกษาปีที่ ปี ที่ ๑ ชนิดเเละหน้าที่ ของคำ ในภาษาไทย ครูผู้ รู สผู้ อน : ครูฮ รู าเซ็ม ซ็ อาดำ ๑
๑. คำ นาม ๒. คำ สรรพนาม ๓. คำ กริย ริ า ๔. คำ วิเ วิศษณ์ ๕. คำ บุพ บุ บท ๖. คำ สันธาน ๗. คำ อุท อุ าน ชนิดคำ ในภาษาไทย จำ เเนกได้ 7 ชนิด ๒
๑. ป ร ะธาน ๒. ข ย านประ ธ า น ๓. ก ริ ย า ๔. ขยายก ริ ย า ๕. กรรม/ ส่ ว น เ ติ ม ติ เ ต็ ม ต็ ๖. ขยายกรรม/ ข ย า ย ส่ วนเ ติ ม ติ เ ต็ ม ต็ หน้า ที่ ข อ ง คำ ๓
ภาคประธาน ภาคเเสดง โครงสร้ร้า ร้ร้ งของประโยค ประธาน + ขยายประธาน กริยา + ขยายกริยา กรรม + ขยายกรรม ส่วนเติมเต็ม + ขยายส่วนเติมเต็ม ๔
คำ นาม เป็นคำ ที่ใช้เรียกชื่อ คน สัตว์ สิ่งของ ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องได้ และนามที่เป็น นามธรรม เช่น ความรัก ความชั่ว ความสามัคคี ๑.คำ นาม ๑.๑ นามทั่วไป ๑.๒ นามเฉพาะ ๑.๓ อาการนาม ๑.๔ ลักษณะนาม คำ นาม เเบ่งออกเป็น ๔ ชนิด (วิสามานยนาม) (สามานยนาม) ๕ ๑.๔ สมุหนาม
๒. นามชื่อเฉพาะ (วิสามานยนาม) เป็น ป็ คำ นามที่ใช้เรีย รี กชื่อเฉพาะเจาะจง เป็น ป็ ชื่อที่ตั้งขึ้น ขึ้ เฉพาะสำ หรับเรียก ขาน เช่น สมร มริสา วุฒิพั ฒิ ฒ พั น์ฯลฯ ราตรี(ชื่อคน) น้ำ ฝน(ชื่อแมว) น้ำ ตกสาริกา โรงเรียนเบญจมราชาลัย เชียงใหม่ (ชื่อสถานที่) ๑. คำ นามทั่วไป (สามานยนาม) เป็น ป็ คำ นามที่ใช้เรีย รี กสิ่งต่างๆ โดยทั่วไป เช่น ความหมายกว้าง คน บ้า บ้ น วัด โรงเรีย รี น นักเรีย รี น ทุเรีย รี น มะม่ว ม่ ง ฯลฯ ความหมายเคบ ดอกมะลิ ทุเรีย รี นหมอนทอง มะม่ว ม่ งฟ้า ฟ้ ลั่น ๖
ได้แก่คำ ที่ขึ้น ขึ้ ต้นด้วย การ หรือ รื ความ แล้วมีคำ มีคำ กริยาหรือวิเศษณ์ อยู่หยู่ ลังคำ เช่น การเรียน การพูด พู การแข่ง ข่ ขัน ขั ความรู้ ความคิด ความจริง ข้อ ข้ ที่ควรระวัง คือถ้าคำ ที่อยู่หยู่ ลัง การ หรือ รื ความ เป็น ป็ คำ นาม คำ นั้นจะเป็น ป็ นามทั่วไป เช่น การบ้า บ้ น การประปา การคลัง การจราจร การเมือ มื ง การรถไฟ ๓. อาการนาม ๗
๔. ลักษณนาม กระเบื้อ บื้ ง ๑,๐๐๐ แผ่น ผ่ เขาสั่งน้ำ แข็ง ข็ เปล่า ๓ แก้ว เผื่อ ผื่ เพื่อ พื่ นอีก ๒ คน น้ำ แข็ง ข็ ๒ ก้อน ใส่กระติก ๑ ใบได้พอดี พระสงฆ์๙ รูป พระพุท พุ ธรูป ๙๙๙ องค์ ฯลฯ เป็น ป็ คำ ที่บอกลักษณะของนาม เช่น ๘ ๕. สมุหนาม เป็น ป็ นามที่เป็น ป็ กลุ่ม หมวดหมู่ เช่น โขลงช้าง ฝูง ฝู ผึ้ง ผึ้ กองลูกเสือ กองทอง หมู่บ้มู่ า บ้ น
๒.คำ สรรพนาม คำ สรรพนาม เป็นคำ ที่ใช้แทนคำ นาม เพื่อ ให้เนื่้อความในประโยคมีความสะสลวย ไม่ ต้องใช้คำ นามซ้ำ ๆ คำ เดิม คำ สรรพนาม แบ่งเป็น ๕ ชนิด ๒.๒ สรรพนามเเยกเป็นฝ่าย ๒.๑. บุรุษสรรพนาม ๒.๓ สรรพนามชี้เฉพาะ ๒.๔ สรรพนามไม่ชี้เฉพาะ ๒.๕ สรรพนามถาม ๙
ส ร ร พ น า ม บุ รุ บุ รุ ษ ที่ ๑ ใ ช้ แ ท น ผู้ พู ผู้ ด พู เ ช่ น ฉั น ข้ า ข้ พ เ จ้ า ดิ ฉั น ก ร ะ ผ ม ฯ ล ฯ ส ร ร พ น า มบุ รุ ษ ที่ ๒ ใ ช้ แ ท น ผู้ ฟั ง ฟั เ ช่ น เ ธ อ คุ ณ แ ก ฯ ล ฯ ส ร ร พ น า ม บุ รุ บุ รุ ษ ที่ ๓ ใ ช้ แ ท น ผู้ ที่ ผู้ ที่ เ ร า ก ล่ า ว ถึ ง เ ช่ น เ ข า ท่ า น มั นมั ฯ ล ฯ ๒.๑ บุ รุ บุ รุ ษ ส ร ร พ น า ม เ ป็ น ป็ ส ร ร พ น า ม ที่ ใ ช้ใ น ก า ร พู ด พู จ า เ ช่ น ฉั น เ ธ อ ท่ า น เ ข า มั นมั เ ร า แ บ่ งบ่ส ร ร พ น า ม ที่ ใ ช้ใ น ก า ร พู ด พู จ า อ อ ก เ ป็ น ป็ ๓ ช นิ ด ๑ ๐
เป็น ป็ สรรพนามบอกความชี้ซ้ำ ใช้แทนนามที่กล่าวไปแล้วอีกครั้ง รั้ หนึ่ง ให้ค ห้ วามหมายเเยกออกเป็น ป็ ส่วนๆ คนๆ หรือเป็น ป็ พวก เช่น ๒ นักกีฬาต่างก็ดีใจที่ได้รับ รั ชัยชนะ (ต่าง เเทน นักกีฬา ๑ นักมวยชกกันบนเวทีราชดำ เนิน (กัน แทน นักมวย) ๔. เด็กที่อยู่ใยู่ นสนาม บ้า บ้ งก็วิ่งล่น บ้า บ้ งก็จับกลุ่มคุยกัน (บ้า บ้ ง แทน เด็ก ) ๓. พี่น้ พี่ น้ องคุยกัน ๕.เด็กนักเรียนบ้า บ้ งก็อ่านหนังสือบ้า บ้ งก็ร้อ ร้ งเพลง ๒.๒ สรรพนามเเยกเป็น ป็ ฝ่า ฝ่ ย (วิภาคสรรพนาม) ๑๑
๒.๓ สรรพนามชี้เฉพาะ (นิยมสรรพนาม) เป็น ป็ สรรพนามชี้ระยะ ใช้แทนนามเพื่อ พื่ ให้รู้ ห้ รู้ กำ รู้ กำ หนดระยะของนามนั้น ๑ นี่ของใคร ๒ จอดรถตรงนั่นได้เลย ๓. คุณเเม่ดู ม่ ดู นี่สิ ๕.นี่เป็น ป็ กระเป๋า ป๋ ที่เธอซื้อให้ฉั ห้ ฉั น ๖. โน่นเป็น ป็ เทือกเขาบูโ บู ด ๔. หยิบ ยิ โน่นให้ฉั ห้ ฉั นด้วย ๑๒
คริสตอฟ เดลกาโด ๒.๔ สรรพนามไม่ชี้ ม่ ชี้ เฉพาะ (อนิยมสรรพนาม ) ๑. ใครจะไปกับคุณพ่อ พ่ ก็ได้ ๒. ฉันเป็น ป็ คนง่า ง่ ยๆ นอนไหนก็ได้ ๓. ใครๆ ก็อยากเรีย รี นเก่ง ๔. ผู้ใผู้ดเป็น ป็ คนชั่วเราก็ไม่ค ม่ บค้าสมาคมด้วย ข้อ ข้ สังเกต ไม่อ ม่ ยู่ใยู่ นรูปประโยคคำ ถาม เป็น ป็ สรรพนามบอกความไม่เ ม่ จาะจะใช้แทน นามที่ไม่เ ม่ จาะจงว่า ใคร ไหน อะไร ไหน ผู้ใด บางครั้ง รั้ เป็น ป็ คำ ซ้ำ เช่น ใครๆ อะไรๆ ไหนๆ ๒.๕ สรรพนามถาม (ประพัน พั ธสรรพนาม) ๑. ใครจะไปกับคุณพ่อ พ่ ? ๒. ไหนคือบ้า บ้ นของเธอ ? ๓. ใครสอบผ่านบ้า บ้ ง ? ๔. ผู้ใผู้ดจะไปกับฉัน ? ๕. อะไรอยู่ใยู่ นตู้ ? เป็น ป็ สรรพนามที่ใช้เป็น ป็ คำ ถาม เช่น อะไร ผู้ ใด ไหน ๑๓
๓.คำ กริยา คำ กริยา เป็นคำ ที่เเสดงอาการของนาม หรือสรรพนาม เพื่อบอกว่านามหรือ สรรพนามนั้นทำ อะไร เป็นการเเสดง อาการกระทำ ของประธานในประโยค คำ กริยา แบ่งเป็น ๔ ชนิด ๓.๒ สกรรมกริยา ๓.๑. อกรรมกริยา ๑๔ ๓.๓ กริยาที่ต้องมีส่มีส่ วนเติมเต็ม ๓.๔ กริยาช่วย
สกรรมกริยา คือ คำ กริย ริ าที่มีก มี รรมตามหลัง เช่น กิน ฟัง ฟั อ่าน เล่น เช่น ๓.๑ สกรรมกริยา นักเรียนกินขนม ครูอ่านหนังสือ, พ่อ พ่ เลี้ยงลูก ชาวนาเกี่ยวข้า ข้ ว ๑๕ อกรรมกริยา คือ คำ กริย ริ าที่ไม่ต้ ม่ ต้ องมีก มี รรม เช่น หัว หั เราะ เสียใจ นอน ร้อ ร้ งไห้ ปวดท้อง ดีใจ วิ่ง นอน ๓.๒ อกรรมกริยา
๓.๓ คำ กริยาต้องเติมเต็ม ๑๖ คำ กริยาต้องเติมเต็ม หรือ รื วิกตรรถกริย ริ า คือ คำ กริย ริ าที่ต้องมีก มี รรมมาเติมตามหลังเสมอ ได้แก่ เป็น ป็ เหมือ มื น คล้าย คือ เป็น ป็ ต้น ๓.๒ กริยาช่วย เธอเป็น ป็ ครู เข้า ข้ คล้ายพ่อ พ่ เขาคือเเม่ข ม่ องฉัน เขาเป็น ป็ ตำ รวจ . คำ ช่วยกริยา หรือ กริยานุเคราะห์ คือ คำ ที่ไม่ใช่คำ กริยาและไม่ปรากฏตามลำ พัง จะอยู่ร่วมกับคำ กริยาหรืออยู่ หน้าคำ กริยาเสมอเพื่อบอกความหมายข องคำ กริยานั้น เช่น กำ ลัง จะ คง ต้อง เพิ่ง พิ่ ควร จวน ยัง ยั ถูก โดน เช่น - นาฬิกาเพิ่ง พิ่ ตาย - ผมกำ ลังอ่านหนังสือ - เขามักวิ่งออกไปวิ่งเสมอ - เย็น ย็ นี้ฝนคงตกอีก - เราจวนถึงบ้านแล้ว - ฉันจะไปเเล้ว - เมธียั ธี ง ยั รับ รั ราชการอยู่ - คุณต้องคืนเงิน งิ ให้ฉั ห้ ฉั น - สามารถถูกลงโทษ - เจ้าตูบโดนขัง ขั กรง ตัวอย่า ย่ งประโยค
๑๗ คำ กริยาคุณศัพท์ เป็น ป็ คำ กริย ริ าที่แสดงคุณสมบัติ บั ติ หรือ รื สภาพของคำ นาม หรือ รื บุรุ บุ รุ ษสรรพนาม ได้เเก่ เช่น สวย ว่องไว สูง ดี (เป็น ป็ คำ วิเศษณ์ที่ทำ หน้าที่เป็น ป็ กริย ริ า) นักกีฬาคนนี้ว่องไว เขาสูงขึ้น ขึ้ มาก บ้า บ้ นหลังนี้สวยมาก, เขาหน้าตาดีมาก เด็กคนนี้น่ารัก รั คำ กริยาคุณศัพท์
๕. คำ วิ เ ศ ษ ณ์ ใ ช้ ข ย า ย คำ น า ม เ เ ล ะ ส ร ร พ น า ม ไ ด้ เ พื่ อ พื่ บ อ ก สี ช นิ ด ข น า ด รู ป ท ร ง ก ลิ่ น ร ส ค ว า ม รู้ สึ รู้ สึ ก ๑ ๘ คำ วิ เ ศ ษ ณ์ คื อ คำ ที่ ช่ ว ย ข ย า ย คำ อื่ น ใ ห้ มี ห้ เ มี นื้ อ ค ว า ม ชั ด เ จ น ยิ่ ง ยิ่ ขึ้ น ขึ้ ห น้ า ที่ ข อ ง คำ วิ เ ศ ษ ณ์ มี ดั มี ดัง นี้
คำ วิเศษณ์สามัญ มั คือ คำ วิเศษณ์ที่ ขยายคำ กริยาหรือ รื ขยายวิเศษณ์โดยทั่วไป เช่น คำ วิเศษณ์ทั่วไป แจ๋วมาตรงเวลาทีเดียว น้องนอนแล้ว แม่ทำ ม่ ทำ กับข้า ข้ วเอง แก้วตาขยันที่สุด เธอขับ ขั รถอย่างระมัด มั ระวัง เพื่อ พื่ นมาก่อน ฯลฯ คนเเก่เดินช้า ๆ น้องเรีย รี นเก่ง วิเศษณ์ขยายกริยา ทีเดียว ขยาย เวลา เเล้ว ขยาย นอน เอง ขยาย ทำ ที่สุด ขยาย ขยัน ยั ระมัด มั ระวัง ขยาย ขับ ขั ก่อน ขยาย มา ช้าๆ ขยาย เดิน เก่ง ขยาย เรีย รี น น้องกินข้า ข้ วจุมาก น้องนอนนานแล้ว แม่ทำ ม่ ทำ กับข้า ข้ วเก่งมาก เธอใส่เสื้อสีเเดงเข้ม ข้ วิเศษณ์ขยายวิเศษณ์ มาก ขยาย จุ เเล้ว ขยาย นาน เก่ง ขยาย ทำ เข้ม ข้ ขยาย เเดง เธอเป็น ป็ คนสวย เมย์ก็ชอบดื่มน้ำ หวาน เขาวิ่งว่องไวกว่าเธอ เธอชอบคนตัวสูง เธอซื้อกระเป๋า ป๋ สีเเดง วิเศษณ์ขยายนาม/สรรพนาม ผู้หผู้ ญิง ญิ คนนั้นสวยมาก น้ำ ส้มหวานไปหน่อย นักกีฬาคนนี้ว่องไว ชายคนนี้ตัวสูง (กริย ริ าคุณศัพท์) ๑๙
คำ วิเศษณ์ขยายเฉพาะ คือ คำ วิเศษณ์ที่ใช้ขยายคำ ใดคำ หนึ่ง โดยเฉพาะ เช่น แดงแจ๋ เปีย ปี กซ่ก ยาวเฟื้อ ฟื้ ย แบนแต๊ดแต๋ ดำ ปี๋ เหลืองอ๋อย ยาวเฟื้อ ฟื้ ย กลมดิ๊ก แหลมเปี๊ย ปี๊ บ คลานกระดื๊บๆ แพงหูฉี่ สั้นจุ๊ดจู๋ คมกริบ ริ คำ วิเศษณ์ขยายเฉพาะ ทำ ไมสัตว์ป่า ป่ บางชนิดสูญพัน พั ธ์, ธ์ เหตุไฉนจึงเกิดความเสียหายร้า ร้ ยแรงปานนี้ เหตุใดเธอจึงไม่ม ม่ าตามนัด เมื่อ มื่ ไหร่เ ร่ ธอจะรัก รั ฉัน เมื่อ มื่ คืนงานเลี้ยงเป็น ป็ อย่า ย่ งไรบ้า บ้ ง ไยเธอถึงทำ กับฉันเเบบนี้ คำ วิเศษณ์แสดงคำ ถาม คือ คำ วิเศษณที่ใช้ แสดงคำ ถามเกี่ยวกับการกระทำ เช่น ทำ ไม เหตุใด เพราะอะไร ไย ไฉน เมื่อ มื่ ไร อย่า ย่ งไร เช่น คำ วิเศษณ์แสดงคำ ถาม คำ วิเศษณ์บอกเวลา คือ คำ วิเศษณ์ที่ใช้เพื่อ พื่ บอกเวลา เช่น เช้า สาย บ่า บ่ ย ค่ำ ดึก วันนี้ พรุ่ง รุ่ นี้ มะรืน รื นี้ ปีที่ ปี ที่ แล้ว ปีนี้ ปี นี้ ปีห ปี น้า คำ วิเศษณ์บอกเวลา ๒๐
คือคำ ที่หมายถึงจำ นวน ปริม ริ าณ เช่น 1 2 3 , ครึ่ง รึ่ , หลาย, หมด, น้อย, นิด, บรรดา, ล้วน, เป็น ป็ ต้น ตัวอย่า ย่ ง ไก่ย่า ย่ งครึ่งตัว วัวจำ นวน 5 ตัว ฉันเอาทั้งหมดนี้เลย เเต่อีกอันฉันเอานิดเดียว บรรดาคนที่มางานนี้ทั้งหลาย คำ วิเศษณ์ที่บอกจำ นวน/บอกลำ ดับ คำ วิเศษณ์ที่บอกลลำ ดับ คือคำ ที่แสดงลำ ดับที่ เช่น แรก, หน้า, หลัง, กลาง, ที่โหล่, บ๊ว บ๊ ย, รั้ง รั้ ท้าย, ที่ ๑, ที่ ๑๐, ตัวอย่า ย่ ง เจอกันครั้ง รั้ เเรก ขนมอยู่บยู่ นชั้นวางเเถวหน้า ที่สอบได้ที่ 1 เธอเข้า ข้ เส้นชัยคนท้ายจากฉัน หน้า,กลาง,หลัง จะต้องหมายถึงการ บอกลำ ดับ เเต่ถ้าบอกสถานที่จะเป็น ป็ คำ บุพ บุ บท เช่น หน้าห้อ ห้ ง หลังบ้า บ้ น กลาง ทุ่งนา ข้อควรระวัง ๒๑
คำ บอกกำ หนดไม่ชี้ ม่ ชี้ เฉพาะ หรือ รื อนิยมวิเศษณ์ คือ คำ ขยายนามที่ ไม่เ ม่ จาะจง ระบุร บุ ะยะใกล้-ไกล เช่น อื่นๆ ต่างๆ นานา ใด ไหน กี่ อะไร ตัวอย่า ย่ งประโยค - หนังสืออื่นๆ มีจำ มีจำ นวนมาก - บ้า บ้ นไหนถูกโจรขึ้น ขึ้ - ธัญ ธั พืชพื ต่างๆ ล้วนมีปมี ระโยชน์ ฯ - เธอพูด พู อย่า ย่ งไรคนอื่น ๆ ก็เชื่อเธอ - ในบึง บึ เเห่ง ห่ นี้มีสัมีสั ตว์น้ำ นานาชนิด - เธออ่านหนังสือเล่มไหนก็ได้ คำ วิเศษณ์ชี้เฉพาะ (นิยมวิเศษณ์ ) คำ บอกกำ หนดชี้เฉพาะ คือคำ ขยาย นามเพื่อ พื่ กำ หนดชี้เฉพาะว่าคำ นามนั้นอยู่ใยู่ กล้ หรือ รืไกล เช่น นี่ นั่น โน่น นู่น, นี้ นั้น โน้น นู้น ตัวอย่า ย่ งประโยค - นวนิยายนี่ใครแต่ง - หนังสือโน้นน่าสนใจ - รถคันนู้นสีสวย - กระเป๋า ป๋ ใบนี้ - ผู้หญิง ญิ คนนั้น - บ้า บ้ นนั้นไม่มี ม่ ค มี นอยู่ คำ วิเศษณ์ไม่ชี้ ม่ ชี้ เฉพาะ (อนิยม วิเศษณ์ ) ข้อ ข้ สังเกต คำ บอกกำ หนดจะทำ หน้าที่ขยายคำ นามเเละมัก มั ตามหลังคำ นามเสมอ ๒๒
ได้แก่ ซิ นะ เถอะ ล่ะ ครับ รั ค่ะ ย่ะ ย่ ขอรับ รั ขา จ้า จ๋า เดินเข้า ข้ มาซิ, เราไปด้วยกันนะ คืนนี้อยู่ต่ยู่ ต่ อเถอะ เงิน งิ ทอนล่ะ คำ วิเศษณ์ที่เป็น ป็ คำ ลงท้าย คือ คำ ที่ปรากฏอยู่ท้ยู่ ท้ ายสุดของประโยค ๒๓ คำ ปฏิเสธข้อ ข้ ความ เช่น หามิไมิ ด้ มิไมิ ด้ เปล่า มัก มั ใช้ ตอบปฏิเสธคำ ถาม เช่น คำ ปฏิเสธกริย ริ า มีคำ มีคำ ว่า มิ ไม่ หาไม่ ผมมิใมิช่คนดีอะไร เขาเดินไม่ร ม่ ะวัง เธอจะสำ นึกผิดก็หาไม่ ถาม-คุณมากับภรรยาหรือ รื ตอบ-หามิไมิ ด้, ถาม- ถ้าอย่า ย่ งนั้นคงมากับเพื่อ พื่ น ตอบ-มิไมิ ด้, ถาม -คุณดูท่าทางเหนื่อยนะ ตอบ- เปล่ คำ วิเศษณ์ปฏิเสธ
คำ บุ พ บุ บ ท คื อ คำ ที่ ป ร า ก ฏ อ ยู่ ห ยู่ น้ า น า ม เ พื่ อ พื่ บ อ ก ตำ แ ห น่ ง ห น้ า ที่ ค ว า ม เ กี่ ย ว ข้ อ ข้ ง ข อ ง คำ ใ น ป ร ะ โ ย ค เ ช่ น กั บ แ ก่ แ ด่ ต่ อ เ พื่ อ พื่ เ ผื่ อ ผื่ สำ หรับ บ น ใ น ใ ต้ ล่ า ง เ ห นื อ ด้ ว ย โ ด ย ต า ม ข อ ง ๕. คำ บุ พ บ ท ฉั น ม า โ ร ง เ รี ย รี น กั บ น้ อ ง พ่ อพ่ทำ ง า น เ พื่ อ พื่ ลู ก เ ข า น อ น บ น เ ตี ย ง แ ม่ คม่รั วรั ป รุ ง อ า ห า ร สำ ห รั บรั เ ด็ ก ๆ ป า ก ก า แ ด ง ข อ ง ฉั น แ ม ว ข อ ง คุ ณ แ ด ง ห า ย ไ ป เ ธ อ เ ก็ บ ข อ ง ไ ว้ ใ ต้ บั นบั ใ ด ค น ใ น เ มื อ ง ด า ว บ น ท้ อ ง ฟ้ า ห นั ง สื อ สำ ห รั บ อ่ า น เ ล่ น เ ดิ น ท า ง โ ด ย เ ค รื่ อ ง บิ น ผ้ า นี้ ทำ ด้ ว ยฝ้ า ย เ ร า เ ดิ น ไ ป ต า ม ถ น น เ ข า ร้ อ ง ต่ อ ศ า ล เ ข า อ ยู่ ซ้ า ย มื อ บ้ า บ้ น ข อ ง เ ธ อ อ ยู่ ท ยู่ า งใ ต้ เ ข า เ ขี ย ขี น ด้ ว ย มื อ มื ซ้ า ย มื อ มื ข ว า ข อ ง เ ธ อ เ ป็ น ป็ เ เ ผ ล คำ ตั ว ห น า เ ป็ น คำ วิ เ ศ ษ ณ์ ๒ ๔
แมวนอนบนโซฟา นักสำ รวจค้นพบลำ ธารใต้หุบ หุ เขา การ์ตู ร์ ตู นของเธอมีสีมีสีสันสวยงาม ครูกำ ลังอ่านพระราชบัญ บั ญัติ ญั ติ การศึกษาแห่ง ห่ ชาติ รูปมอบพวงมาลัยแด่แม่ นายกทุ่มเททำ งานเพื่อ พื่ ประชาชน เเฮรี่ พอตเตอร์ต่ ร์ ต่ อสู้กับกับโวลเดอร์มิ ร์ น มิ พี่ไพี่ ปเข้า ข้ ค่ายจริย ริ ธรรมเมื่อ มื่ วันศุกร์ ศิษย์ดี ย์ ดี เพราะครู บน บอกตำ แหน่ง ที่ตั้ง สถานที่ ใต้ บอกตำ แหน่ง ที่ตั้ง สถานที่ ของ บอกความเป็นเจ้าของ แห่ง ห่ บอกความเป็นเจ้าของ แด่ บอกผู้รัผู้ บ รั ผล เพื่อ พื่ บอกความมุ่งมุ่ หมาย กับ บอกความเกี่ยวข้อ ข้ ง เมื่อ มื่ บอกเวลา เพราะ บอกสาเหตุ ตำตำ ตำตำ เเหน่ น่ง หน้น้า น้ า น้ ที่ที่ ที่ ข ที่ ของคำคำ คำคำ บุบุ บุ พ บุ พบทในประโยค คำ บางคำ เป็น ป็ ได้ทั้งคำ สันธานและคำ บุพ บุ บท เช่น คำ ว่า "เมื่อ มื่ " ให้พิ ห้ จ พิ ารณาว่าถ้าสามารถแยกเป็น ป็ 2 ประโยคได้ก็เป็น ป็ คำ สันธาน เช่น " - เมื่อ มื่ 16 นาฬิกา อาร์ท ร์ ได้ออกจากโรงเรีย รี นไปแล้ว" ( เป็น ป็ คำ บุพ บุ บท ) มัก มั จะมีคำ มีคำบอกเวลาตามหลัง - เมื่อ มื่ เราได้ยิน ยิ เสียงระฆัง ฆั หมวยได้ออกจากโรงเรีย รี นไปแล้ว" ( เป็น ป็ คำ สันธาน ) ๒๕
๖.คำ เ ชื่ อ ม. คำ เชื่อม คือ คำ ที่ใช้เชื่อ ม คำ ก ลุ่ ม คำ ห รื อ รื ป ร ะ โ ย ค เ ข้ า ข้ ด้ ว ย กั น ( คำ สั น ธ า น ) พ่ อพ่แ ล ะ แ ม่ ใม่ห้ กำ ห้ กำ เ นิ ด ลู ก เ ก ล้ า กั บ เ จ ต ต์ ร่ วร่ม กั น ตั้ ง บ ริ ษั ริ ทษั เ พ ลิ น จ ะ ดู ห นั ง ห รื อ จ ะ ฟั ง ฟั เ พ ล ง,น้องชอบฟุตฟุบอลแต่พี่ชพี่อบตะก ร้ อ ร้ ฯ ล ฯ เ ห ตุ ใ ด จึ ง ม า นั่ ง เ ศ ร้ า ร้ อ ยู่ ค ยู่ น เ ดี ย ว ทำ ไ ม่ บ่ม่าบ่ย ป่ าป่น นี้ ถึ ง ยั งยั ไ ม่ กิม่ กิ น ข้ า ข้ ว ก็ ถู ก ข อ ง คุ ณ ฉั น น อ น ดึ ก เ ล ย ตื่ น ส า ย ๒ ๖
๗. คำ อุทาน คำ อุทาน คือ คำ ที่ปล่งออกมาเพื่อ พื่ แสดงอารมณ์ความรู้สึ รู้ สึ ก และจะมี เครื่องหมายอัศเจรีย์ รี ต ย์ ามหลัง ( ! ) สะเทือนใจ – ตายจริง ริ ! ดีใจ – ไชโย ! , สงสัย – เอ่ะ ! ฮึ ! ประหลาดใจ- โอ้โฮ ! สวยจัง! เจ็บปวด –โอ้ย ! ตกใจ – ว้าย ! เห็น ห็ ใจ – โถ ! ไม่น่ ม่ น่ าเลย ๒๗
เเม่ ของฉัน ทำ อยู่ใยู่ นครัว รั กับข้า ข้ ว - ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ๑. เเม่ข ม่ องฉันทำ กับข้า ข้ วอยู่ใยู่ นครัว รั วิเคราะห์หน้าที่ของคำ ในประโยค ภาคประธาน เเม่ข ม่ องฉัน ภาคเเสดง ทำ กับข้า ข้ วอยู่ใยู่ นครัว รั ๒. ฝูงนกบิน บิ อพยพจข้า ข้ มทวีป ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ภาคประธาน ฝูงนก ภาคเเสดง บิน บิ อพยพข้า ข้ มทวีป ฝูงนก - บิน บิ อพยพข้า ข้ ม - ข้า ข้ มทวีป - ๒๘
....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ๓. พ่อ พ่ กำ ลังอ่านหนังสือพิม พิ พ์ วิเคราะห์หน้าที่ของคำ ในประโยค ภาคประธาน .......................................................... ภาคเเสดง ........................................................ ๒. น้องของเธอไม่ช ม่ อบดื่มน้ำ เย็น ย็ ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ภาคประธาน .......................................................... ภาคเเสดง ........................................................ ๒๙
๓. เเม่น ม่ กกำ ลังป้อ ป้ นอาหารให้ลู ห้ ลู ก วิเคราะห์ชนิดเเละหน้าที่ของคำ ในประโยค ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... หน้าที่ของคำ ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ภาคประธาน .......................................................... ภาคเเสดง ........................................................ ชนิดของคำ ๑. เเม่น ม่ ก ๒. กำ ลัง ๓. ป้อ ป้ น ๔. อาหาร ๕. ให้ ๖. ลูก ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ๓๐
๑. ปลาฉลามตัวนั้นกำ ลังจู่โจมชาวประมง วิเคราะห์ชนิดเเละหน้าที่ของคำ ในประโยค ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... หน้าที่ของคำ ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ภาคประธาน .......................................................... ภาคเเสดง ........................................................ ชนิดของคำ ๑. ปลาฉลาม ๒. ตัว ๓. นั้น ๔. กำ ลัง ๕. จู่โจม ๖. ชาวประมง ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ๓๑
เขาสองคนกำ ลังจะมีลู มี ลู กด้วยกัน วิเคราะห์ชนิดเเละหน้าที่ของคำ ในประโยค ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... หน้าที่ของคำ ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ภาคประธาน .......................................................... ภาคเเสดง ........................................................ ชนิดของคำ ๑. เขา ๒. สอง ๓. คน ๔. กำ ลัง ๕. จะ ๖. มี ๗. ลูก ๘. ด้วย ๙. กัน ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ๓๒
เมื่อ มื่ เช้าพ่อ พ่ กับเเม่ไม่ ปหาหมอที่โรงพยาบาล วิเคราะห์ชนิดเเละหน้าที่ของคำ ในประโยค ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... หน้าที่ของคำ ๑. ประธาน ๒. ขยานประธาน ๓. กริยา ๔. ขยายกริยา ๕. กรรม/ส่วนเติมเต็ม ๖. ขยายกรรม/ขยายส่วนเติมเต็ม ภาคประธาน .......................................................... ภาคเเสดง ........................................................ ชนิดของคำ ๑. เมื่อ มื่ ๒. เช้า ๓. พ่อ ๔. กับ ๕. เเม่ ๖. ไป ๗. หา ๘. หมอ ๙. ที่ ๑๐. โรงพยาบาล ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ....................... ๓๓