The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้วิชา ฟิสิกส์5 ว30205 เรื่อง แม่เหล็กไฟฟ้า

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by giantgeo, 2021-09-23 03:10:49

แผนการจัดการเรียนรู้วิชา ฟิสิกส์

แผนการจัดการเรียนรู้วิชา ฟิสิกส์5 ว30205 เรื่อง แม่เหล็กไฟฟ้า

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

1

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

คำนำ

แผนจัดการเรียนรู้ เป็นส่ิงจำเป็นอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนการสอนเพราะเป็น
เอกสารหลักสูตร ที่ใช้ในการบริหารงานของครูผู้สอนให้ตรงตามนโยบายในการปฏิรูปการศึกษา กำหนดไว้ใน
แผนหลักคุณภาพการศึกษา สนองจุดประสงค์และคำอธิบายรายวิชาของหลักสูตร ในการบริหารงานวิชาการ
ถือว่า “แผนจัดการเรียนรู้” เป็นเอกสารทางวิชาการที่สำคัญที่สุดของครู เพราะในแผนจัดการเรียนรู้
ประกอบดว้ ย

1. การกำหนดเวลาเรยี น กำหนดการสอน กำหนดการสอบ
2. สาระสำคัญของเน้อื หาวิชาที่เรยี น
3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
4. กิจกรรมการเรยี นการสอน
5. สอ่ื และอปุ กรณ์
6. การวดั ผลประเมินผล
การจัดทำแผนจัดการเรียนรู้ ถือว่าเป็นการสร้างผลงานทางวิชาการ เป็นผลงานที่แสดงถึงความ
ชำนาญในการสอนของครู เพราะครูใช้ศาสตร์ทุกสาขาอาชีพของครู เช่นการออกแบบ การสอน การจัดการ
และการประเมินผล ในการจัดทำแผนจัดการเรียนรู้นั้นจะทำให้เกิดความมั่นใจในการสอน สอนได้ตรง
จุดประสงค์การเรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนในรายวิชาที่ รับผิดชอบสงู ขึ้น ทั้งยังเป็นข้อมลู
ในการนิเทศติดตามตรวจสอบและปรบั ปรงุ การเรยี นการสอนได้อย่างมีระบบและ ครบวงจร ยังผลใหค้ ุณภาพ
การศกึ ษาโดยส่วนรวมพัฒนาพฒั นาไปอยา่ งมีทิศทางบรรลเุ ป้าหมายของหลักสูตร

(นายจิระ บุญเสริม)
ครูผ้สู อน

2

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

สารบัญ หนา้
เรื่อง ก
คำนำ ข
สารบัญ 1
หลักสูตร
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 แม่เหล็กไฟฟา้ 24
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแม่เหล็ก 34
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 กระแสไฟฟ้าทำให้เกดิ สนามแมเ่ หลก็ 42
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 3 แรงกระทำต่อลวดตวั นำทม่ี กี ระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ใน
51
สนามแม่เหลก็
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 4 แรงระหวา่ งลวดตัวนำ 2 เส้นทขี่ นานกันและมีกระแสไฟฟ้าไหล 60

ผา่ น 69
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 5 แรงกระทำต่อขดลวดท่ีมีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นและอยู่ใน
78
สนามแมเ่ หลก็ 89
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 6 การประยุกต์ผลของสนามแม่เหลก็ ต่อขดลวดที่มีกระแสไฟฟ้าไหล 98
107
ผา่ น
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 7 กระแสไฟฟ้าเหน่ยี วนำและแรงเคลือ่ นไฟฟ้าเหน่ยี วน
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 แรงเคลอื่ นไฟฟ้าเหนยี่ วนำในมอเตอร์และเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า86c
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9 หม้อแปลง
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 คา่ ของปรมิ าณที่เก่ยี วข้องกบั ไฟฟา้ กระแสสลับ

3

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

หลกั สตู ร

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1

แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า

เวลา 32 ชั่วโมง

1. ผลการเรียนรู้

เข้าใจแรงไฟฟ้าและกฎของคูลอมบ์ สนามไฟฟ้า ศักย์ไฟฟ้า ความจุไฟฟ้า กระแสไฟฟ้า และกฎของ
โอห์ม วงจรไฟฟ้ากระแสตรง พลังงานไฟฟ้าและกำลังไฟฟ้า การเปลี่ยนพลังงานทดแทนเป็นพลังงานไฟฟ้า
สนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กที่กระทำกับประจุไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้า การเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้าและกฎ
ของฟาราเดย์ ไฟฟา้ กระแสสลับ คลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ และการสือ่ สาร รวมท้ังนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

1) สังเกต และอธิบายเส้นสนามแม่เหล็ก อธิบายและคำนวณฟลักซ์แม่เหล็กในบริเวณที่กำหนด
รวมท้งั สังเกตและอธิบายสนามแมเ่ หล็กท่ีเกิดจากกระแสไฟฟ้าในลวดตวั นำเส้นตรงและโซเลนอยด์
ได้

2) อธิบาย และคำนวณแรงแม่เหล็กที่กระทำต่ออนุภาคทีม่ ีประจุไฟฟ้าเคลื่อนทีใ่ นสนามแม่เหล็ก แรง
แม่เหล็กที่กระทำต่อเส้นลวดที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแมเ่ หล็ก รัศมีความโค้งของการ
เคลื่อนที่เมื่อประจุเคลื่อนที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก รวมทั้งอธิบายแรงระหว่างเส้นลวดตัวนำ
คู่ขนานท่ีมกี ระแสไฟฟ้าผา่ นได้

3) อธิบายหลักการทำงานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสตรง รวมทั้งคำนวณปริมาณ
ตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ียวขอ้ งได้

4) สงั เกต และอธบิ ายการเกิดอเี อ็มเอฟเหนีย่ วนำ กฎการเหน่ียวนำของฟาราเดย์ และคำนวณปริมาณ
ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งนำความรู้เรื่องอีเอ็มเอฟเหนี่ยวนำไปอธิบายการทำงานของ
เคร่อื งใชไ้ ฟฟ้าได้

5) อธิบาย และคำนวณความตา่ งศกั ย์อาร์เอ็มเอสและกระแสไฟฟ้าอารเ์ อ็มเอสได้
6) อธิบายหลักการทำงานและประโยชน์ของเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส การแปลงอีเอ็ม

เอฟของหมอ้ แปลง และคำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งได้

4

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรียนรู้เพ่มิ เตมิ

1) เส้นสนามแม่เหล็กเป็นเส้นสมมติที่ใช้แสดงบริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก โดยบริเวณที่มีเส้น

สนามแมเ่ หล็กหนาแนน่ มากแสดงวา่ เปน็ บรเิ วณที่สนามแมเ่ หลก็ มคี วามเขม้ มาก

2) ฟลักซ์แม่เหล็ก คือ จำนวนเส้นสนามแม่เหล็กที่ผ่านพื้นที่ที่พิจารณา และอัตราส่วนระหว่างฟลักซ์

แม่เหลก็ ต่อพ้นื ท่ีตัง้ ฉากกับสนามแม่เหลก็ คอื ขนาดของสนามแม่เหล็ก เขยี นแทนไดด้ ว้ ยสมการ = ∅


3) เม่ือมีกระแสไฟฟา้ ผ่านลวดตัวนำเสน้ ตรงหรือโซเลนอยดจ์ ะเกิดสนามแมเ่ หล็กข้นึ

4) อนภุ าคที่มีประจุไฟฟ้าเคล่ือนที่เข้าไปในสนามแม่เหล็ก จะเกิดแรงกระทำต่ออนุภาคน้ันคำนวณได้จาก

สมการ = sin

5) กรณีที่ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ตั้งฉากเข้าไปในสนามแม่เหล็ก จะทำให้ประจุเคลื่อนที่เปลี่ยนไปโดย

รศั มีความโค้งของการเคลอื่ นทีค่ ำนวณไดจ้ ากสมการ =


6) ลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก จะเกิดแรงกระทำต่อลวดตัวนำนั้น โดย

ทิศทางของแรงหาไดจ้ ากกฎมือขวา และคำนวณขนาดของแรงได้จากสมการ = sin

7) เม่อื วางเส้นลวดสองเส้นขนานกันและมีกระแสไฟฟา้ ผา่ นท้ังสองเสน้ จะเกดิ แรงกระทำระหว่างลวด

ตัวนำทงั้ สอง

8) เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่านขดลวดตัวนำที่อยู่ในสนามแม่เหล็กจะมีโมเมนต์ของแรงคู่ควบกระทำต่อ

ขดลวดทำให้ขดลวดหมุน ซึ่งนำไปใช้อธิบายการทำงานของแกลแวนอมิเตอร์และมอเตอร์ไฟฟ้า

กระแสตรง โดยโมเมนต์ของแรงค่คู วบคำนวณได้จากสมการ = sin

9) เม่อื มฟี ลกั ซ์แม่เหลก็ เปลย่ี นแปลงตดั ขดลวดตวั นำจะเกดิ อเี อม็ เอฟเหน่ียวนำในขดลวดตวั นำ

นนั้ อธบิ ำยไดโ้ ดยใชก้ ฎกำรเหน่ยี วนำของฟำรำเดยเ์ ขยี นแทนไดด้ ว้ ยสมกำร = − ∆∅


10) ทศิ ทางของกระแสไฟฟ้าเหนยี่ วนำหาได้โดยใช้กฎของเลนซ์

11) ความร้เู กีย่ วกับอเี อ็มเอฟเหน่ยี วนำไปใช้อธิบายการทำงานของเคร่ืองกำเนดิ ไฟฟา้ และการทำงาน

ของเครือ่ งใช้ไฟฟา้ ต่าง ๆ เช่น แบลลัสต์ แบบขดลวดของหลอดฟลูออเรสเซนต์ การเกดิ อีเอ็มเอฟก

ลับในมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอรไ์ ฟฟ้าเหน่ยี วนำ และกีตารไ์ ฟฟ้า

12) ไฟฟา้ กระแสสลับท่ีส่งไปตามบ้านเรือน มคี วามต่างศกั ยแ์ ละกระแสไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา

ในรปู ของฟังก์ชันแบบไซน์

13) การวัดความต่างศักย์และกระแสไฟฟ้าสลับใช้ค่ายังผลหรือค่ามิเตอร์ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยแบบรากท่ี

สองของกำลังสองเฉลยี่ คำนวณได้จากสมการ = 0 และ = 0
√2 √2
14) ไฟฟา้ กระแสสลบั ท่สี ่งไปตามบา้ นเรือนเป็นไฟฟ้ากระแสสลับทีต่ ้องเพมิ่ อเี อม็ เอฟจากโรงไฟฟ้าแล้ว

ลดอเี อม็ เอฟให้มีคา่ ที่ต้องการโดยใช้หม้อแปลง ซง่ึ ประกอบดว้ ยขดลวดปฐมภูมแิ ละขดลวดทตุ ิยภูมิ

5

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

15) ไฟฟ้ากระแสสลับที่ผ่านขดลวดปฐมภูมิของหม้อแปลงจะทำให้เกิดอีเอ็มเอฟเหนี่ยวนำในขดลวด
ทุติยภูมิของหม้อแปลง โดยอีเอ็มเอฟในขดลวดทุติยภูมิขึ้นกับอีเอ็มเอฟในขดลวดปฐมภูมิและ
จำนวนรอบของขดลวดท้ังสอง ตามสมการ 2 = 2

1 1

2.2 สาระการเรยี นรูท้ ้องถิ่น
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

แม่เหล็กประกอบด้วยขั้วเหนือและขั้วใต้ บริเวณที่มีอำนาจแม่เหล็ก เรียกว่า สนามแม่เหล็ก แรงของ
แรงแม่เหล็ก เรียกว่า เส้นแรงแม่เหล็ก บริเวณในสนามแม่เหล็กที่ไม่มีอำนาจแม่เหล็ก เรียกว่า จุดสะเทิน
ใต้พื้นโลกมีสนามแม่เหล็กโลกช่วยป้องกันอันตรายจากลมสุริยะ บริเวณใกล้ขั้วแม่เหล็กมีเส้น
สนามแม่เหล็กหนาแน่นมาก เรียกว่า ฟลักซ์แม่เหล็ก อัตราส่วนระหว่างฟลักซ์แม่เหล็กต่อพื้นท่ีตั้งฉากกบั
สนามหน่ึงตารางหนว่ ย เรียกวา่ ขนาดของสนามแม่เหลก็

กฎมือขวาใช้หาทิศของสนามแม่เหล็ก เมื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดที่เรียกว่า โซเลนอยด์ จะ
เกิดสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นรอบ ๆ ขดลวด เมื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดตัวนำ 2 เส้นที่ขนานกัน จะ
เกิดแรงดูดและแรงผลัก เมื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะเกิดโมเมนต์ของแรงคู่ควบ
ผลักใหข้ วดลวดหมนุ รอบแกนนำหลักการนไี้ ปสรา้ งมอเตอร์

เมื่อให้ฟลักซ์แม่เหล็กเคลื่อนที่ผ่านตัวนำจะเกิดกระแสไฟฟ้าในขดลวด เรียกว่า การเหนี่ยวนำ
แม่เหล็กไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าเรียกว่ากระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ แรงเคลื่อนที่เกิดขึ้นเรียกว่า แรงเคลื่อนไฟฟ้า
เหนีย่ วนำ (emf)

กฎการเหนี่ยวนำของฟาราเดย์ กล่าวว่า แรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในขดลวดจะเป็นสัดส่วน
กบั อัตราการเปลยี่ นแปลงของฟลักซแ์ ม่เหล็กที่ผ่านขดลวดนนั้ เม่ือเทยี บกบั เวลา

กฎของเลนส์ กลา่ วว่า แรงเคล่ือนไฟฟ้าเหนยี่ วนำในขดลวดจะทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหน่ยี วนำในทิศที่
จะทำให้เกิดฟลกั ซ์แมเ่ หล็กใหมข่ ึ้นมาต้านการเปล่ยี นแปลงของฟลักซ์แม่เหลก็ เดิมทีต่ ดั ผา่ นขดลวดนั้น

ขณะที่มอเตอร์หมุน ฟลักซ์แม่เหล็กที่ผ่านขดลวดจะมีคา่ เปลี่ยนแปลง เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนี่ยวนำ
ในขดลวดในทิศตรงข้าม ทำให้กระแสไฟฟ้าที่ผ่านมอเตอร์ขณะหมุนด้วยอัตราเร็งคงตัวมีค่าน้อยกว่าขณะ
เรมิ่ หมนุ เรยี กวา่ แรงเคล่อื นไฟฟา้ ตา้ นกลบั

ไดนาโมที่ผลิตกระแสไฟฟ้าใช้ตามบ้านเป็นไดนาโม 3 เฟส โดยให้ขดลวด 3 ชุดทำมุมกัน 120 องศา
เพื่อความสะดวกในการใช้งานจึงนำสายหนึ่งของขดลวดแต่ละชุดต่อเข้าด้วยกัน เรียกว่า สายกลาง ข้อดี
ของการผลิตและการส่งไฟฟ้า 3 เฟส คือ การส่งไฟฟ้าจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ทำให้ไม่ต้องใช้สายไข
นาดใหญม่ าก

การทำให้แรงเคลือ่ นเปลี่ยนแปลงทำได้โดยใช้หลักการแรงเคลื่อนไฟฟ้าเหนีย่ วนำทีเ่ กิดขึ้นในขดลวดมี
ความสัมพันธ์กับอัตราส่วนของจำนวนรอบของขดลวดทั้งสอง โดยขดลวดที่ต่อกับแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
เรยี กว่า ขดลวดปฐมภมู ิ สว่ นอีกขดลวดหน่งึ ต่อเข้ากับเครอื่ งใช้ไฟฟ้า เรยี กวา่ ขดลวดทุตยิ ภมู ิ

6

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

ปริมาณตา่ ง ๆ ที่เก่ยี วข้องกับไฟฟ้ากระแสสลับ ได้แก่ ความต่างศักย์จากเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า อัตราเร็ว
เชิงมุม กระแสไฟฟ้า ความต่างศักย์ กำลังไฟฟ้า ค่าเฉลี่ยของกำลังสองกระแสไฟฟ้า กำลังไฟฟ้าเฉลี่ย ค่า
ยงั ผลหรอื คา่ มิเตอร์ ตัวต้านทานในวงจรไฟฟ้ากระแสสลบั กบั กระแสไฟฟ้ามีเฟสเดียวกัน ถ้ามีตัวเก็บประจุ
ในวงจร กระแสไฟฟ้าที่ผ่านตัวเก็บประจุจะมีเฟสนำความต่างศักย์ที่คร่อมตัวเก็บประจุ 90 องศา ถ้ามีตัว
เหนยี่ วนำในวงจร กระแสไฟฟ้าทผี่ า่ นตัวเหนยี่ วนำจะมเี ฟสตามความตา่ งศกั ย์ครอ่ มตัวเหนีย่ วนำ 90 องศา

4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการวิเคราะห์ 3. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต

2) ทักษะการสงั เกต 4. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

3) ทกั ษะการสอื่ สาร

4) ทักษะการทดลอง

5) ทักษะการทำงานร่วมกัน

6) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้

7) ทกั ษะการตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรุป

3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ

5. ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- ใบงานที่ 1.1 เรอื่ ง แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็
- ใบงานท่ี 1.2 เรื่อง กระแสไฟฟ้าทำให้เกิดสนามแมเ่ หลก็
- ใบงานที่ 1.3 เรอ่ื ง แรงกระทำต่อลวดตัวนำท่ีมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก
- ใบงานที่ 1.4 เรอื่ ง แรงระหวา่ งลวดตัวนำ 2 เส้นท่ีขนานกันและมกี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ น
- ใบงานท่ี 1.5 เรอ่ื ง แรงกระทำตอ่ ขดลวดทม่ี ีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นและอยู่ในสนามแม่เหล็ก
- ใบงานท่ี 1.6 เร่ือง การประยกุ ตผ์ ลของสนามแมเ่ หล็กต่อขดลวดท่มี กี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน
- ใบงานที่ 1.7 เรอื่ ง กระแสไฟฟา้ เหน่ยี วนำและแรงเคลอื่ นไฟฟ้าเหนย่ี วนำ
- ใบงานที่ 1.8 เร่อื ง แรงเคลอื่ นไฟฟ้าเหน่ียวนำในมอเตอร์และเคร่อื งกำเนิดไฟฟา้
- ใบงานที่ 1.9 เร่ือง หม้อแปลง
- ใบงานท่ี 1.10 เรอ่ื ง คา่ ของปรมิ าณท่เี กี่ยวข้องกบั ไฟฟา้ กระแสสลบั
- ผงั มโนทศั น์ เรอื่ ง แม่เหล็กและสนามแม่เหล็ก
- ผังมโนทัศน์ เร่อื ง กระแสไฟฟา้ ทำให้เกดิ สนามแม่เหล็ก

7

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

- ผังมโนทศั น์ เรือ่ ง การประยุกตผ์ ลของสนามแม่เหล็กต่อขดลวดทีม่ กี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน

- ผงั มโนทศั น์ เรื่อง กระแสไฟฟา้ เหนี่ยวนำและแรงเคล่ือนไฟฟา้ เหน่ยี วนำ

- ผงั มโนทัศน์ เรือ่ ง หม้อแปลง

6. การวดั และการประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ ีวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

6.1 การประเมินก่อนเรยี น ตรวจแบบทดสอบ แบบทดสอบกอ่ นเรียน ประเมนิ ตามสภาพจริง

- แบบทดสอบก่อน กอ่ นเรยี น

เรียน หน่วยการ

เรียนรู้ที่ 1 เร่ือง

แม่เหล็กไฟฟ้า

6.2 การประเมินระหว่าง

การจัดกจิ กรรม

1) แม่เหล็กและ - ตรวจใบงานที่ 1.1- - ใบงานที่ 1.1 - รอ้ ยละ 60 ผ่าน

สนามแม่เหลก็ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด เกณฑ์

- แบบประเมนิ ผังมโน - ร้อยละ 60 ผ่าน

ทัศน์ เกณฑ์

- ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ น

เกณฑ์

2) กระแสไฟฟ้าทำให้ - ตรวจใบงานท่ี 1.2 - ใบงานท่ี 1.2 - ร้อยละ 60 ผ่าน

เกิดสนามแม่เหลก็ - ตรวจแบบฝกึ หัด - แบบฝึกหัด เกณฑ์

- แบบประเมินผังมโน - รอ้ ยละ 60 ผา่ น

ทัศน์ เกณฑ์

- ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่าน

เกณฑ์

3) แรงกระทำต่อลวด - ตรวจใบงานท่ี 1.3 - ใบงานท่ี 1.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่าน

ตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้า - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด เกณฑ์

ไหลผ่านและอยู่ใน - ร้อยละ 60 ผ่าน

สนามแมเ่ หล็ก เกณฑ์

4) แรงระหว่างลวด - ตรวจใบงานท่ี 1.4 - ใบงานท่ี 1.4 - ร้อยละ 60 ผ่าน

ตัวนำ 2 เส้นท่ขี นานกนั - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบฝึกหดั เกณฑ์

และมีกระแสไฟฟ้าไหล - ร้อยละ 60 ผ่าน

ผา่ น เกณฑ์

8

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

รายการวดั วิธวี ัด เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- ใบงานที่ 1.5 - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
5) แรงกระทำต่อขดลวด - ตรวจใบงานท่ี 1.5 - แบบฝึกหดั เกณฑ์
- รอ้ ยละ 60 ผา่ น
ทีม่ ีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน - ตรวจแบบฝกึ หัด เกณฑ์
- รอ้ ยละ 60 ผ่าน
และอย่ใู นสนามแมเ่ หลก็ เกณฑ์
- ร้อยละ 60 ผา่ น
6) การประยุกต์ผลของ - ตรวจใบงานท่ี 1.6 - ใบงานท่ี 1.6 เกณฑ์
สนามแม ่ เหล ็ กต่ อ - ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด - ระดับคณุ ภาพ 2 ผา่ น
ขดลวดที่มีกระแสไฟฟ้า - แบบประเมินผังมโน เกณฑ์
ไหลผา่ น - ร้อยละ 60 ผ่าน
ทศั น์ เกณฑ์
- รอ้ ยละ 60 ผา่ น
7) กระแสไฟฟ้าเหน่ียวนำ - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ใบงานท่ี 1.7 เกณฑ์
- แบบฝกึ หัด
และแรงเคลื่อนไฟฟ้า - ตรวจแบบฝกึ หัด
เหน่ียวนำ

8) แรงเคลื่อนไฟฟ้า - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ใบงานที่ 1.7 - ร้อยละ 60 ผ่าน
เหนี่ยวนำในมอเตอร์และ - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หัด เกณฑ์
เคร่ืองกำเนดิ ไฟฟ้า - แบบประเมนิ ผงั มโน - รอ้ ยละ 60 ผา่ น
ทศั น์ เกณฑ์
- ระดบั คุณภาพ 2 ผ่าน
9) หมอ้ แปลง - ตรวจใบงานท่ี 1.7 - ใบงานท่ี 1.7 เกณฑ์
- ตรวจแบบฝึกหดั - แบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
- แบบประเมินผงั มโน เกณฑ์
ทัศน์ - ร้อยละ 60 ผ่าน
เกณฑ์
10) ค่าของปริมาณ - ตรวจใบงานที่ 1.7 - ใบงานที่ 1.7 - ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ น
ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า - ตรวจแบบฝกึ หดั - แบบฝกึ หดั เกณฑ์
กระแสสลบั - ร้อยละ 60 ผา่ น
เกณฑ์
- รอ้ ยละ 60 ผ่าน
เกณฑ์

9

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

รายการวดั วธิ วี ดั เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ
- ผลงานทน่ี ำเสนอ - ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ น
11) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ เกณฑ์
- แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดับคณุ ภาพ 2 ผ่าน
ผลงาน ผลงาน การทำงานรายบุคคล เกณฑ์

12) พฤติกรรม - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคุณภาพ 2 ผา่ น
การทำงานกลุ่ม เกณฑ์
การทำงาน การทำงาน - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2 ผา่ น
คณุ ลักษณะ เกณฑ์
รายบคุ คล รายบุคคล อนั พงึ ประสงค์
- แบบทดสอบหลังเรียน - รอ้ ยละ 60 ผ่าน
13) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม เกณฑ์

การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม

14) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมวี ินยั

อันพึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ัน

ในการทำงาน

6.3 การประเมนิ หลังเรียน - ตรวจแบบทดสอบ

- แบบทดสอบหลังเรียน หลงั เรยี น

หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื ง

แม่เหล็กไฟฟ้า

7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

• แผนที่ 1 : แมเ่ หล็กและสนามแม่เหล็ก

วิธกี ารสอนแบบเนน้ มโนทศั น์ (Concept Based Teaching) เวลา 4 ช่วั โมง

• แผนที่ 2 : กระแสไฟฟ้าทำให้เกดิ สนามแม่เหล็ก

วธิ ีการสอนแบบเนน้ มโนทัศน์ (Concept Based Teaching) เวลา 4 ช่ัวโมง

• แผนที่ 3 : แรงกระทำตอ่ ลวดตวั นำท่ีมกี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นและอยูใ่ นสนามแม่เหล็ก

วิธีการสอนแบบเนน้ มโนทัศน์ (Concept Based Teaching) เวลา 4 ช่ัวโมง

• แผนท่ี 4 : แรงระหว่างลวดตวั นำ 2 เสน้ ท่ขี นานกนั และมกี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน

วธิ กี ารสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) เวลา 2 ชั่วโมง

• แผนท่ี 5 : แรงกระทำตอ่ ขดลวดท่ีมกี ระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยใู่ นสนามแมเ่ หลก็

วิธีการสอนแบบเน้นมโนทศั น์ (Concept Based Teaching) เวลา 2 ชั่วโมง

• แผนที่ 6 : การประยกุ ต์ผลของสนามแมเ่ หล็กต่อขดลวดท่ีมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่าน

วิธกี ารสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) เวลา 4 ชั่วโมง

• แผนที่ 7 : กระแสไฟฟา้ เหนย่ี วนำและแรงเคล่ือนไฟฟา้ เหน่ียวนำ

วธิ สี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชัว่ โมง

• แผนที่ 8 : แรงเคล่ือนไฟฟ้าเหนี่ยวนำในมอเตอรแ์ ละเคร่ืองกำเนดิ ไฟฟา้

10

หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

วธิ กี ารสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) เวลา 2 ช่ัวโมง

• แผนที่ 9 : หม้อแปลง

วิธสี อนแบบสืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model) เวลา 4 ชั่วโมง

• แผนท่ี 10 : คา่ ของปริมาณท่เี ก่ียวขอ้ งกับไฟฟ้ากระแสสลับ

วิธีการสอนแบบบรรยาย (Lecture Method) เวลา 2 ช่ัวโมง

(รวม 32 ช่ัวโมง)

8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน รายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1
แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
2) แบบฝกึ หัด รายวชิ าเพ่มิ เตมิ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 1 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1
แม่เหล็กไฟฟ้า
3) ใบงานท่ี 1.1.1 เรื่อง แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก
4) ใบงานที่ 1.2.1 เรื่อง กระแสไฟฟา้ ทำให้เกดิ สนามแม่เหล็ก
5) ใบงานที่ 1.3.1 เรอ่ื ง แรงกระทำต่อลวดตวั นำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ นและอยู่ในสนามแม่เหล็ก
6) ใบงานท่ี 1.4.1 เรื่อง แรงระหวา่ งลวดตัวนำ 2 เสน้ ท่ีขนานกันและมีกระแสไฟฟ้าไหลผา่ น
7) ใบงานท่ี 1.5.1 เรอ่ื ง แรงกระทำตอ่ ขดลวดท่ีมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหลก็
8) ใบงานที่ 1.6.1 เรื่อง การประยกุ ต์ผลของสนามแม่เหลก็ ตอ่ ขดลวดที่มีกระแสไฟฟา้ ไหลผา่ น
9) ใบงานท่ี 1.7.1 เรอื่ ง กระแสไฟฟ้าเหนีย่ วนำและแรงเคล่ือนไฟฟ้าเหนีย่ วนำ
10) ใบงานที่ 1.8.1 เรื่อง แรงเคล่ือนไฟฟา้ เหนี่ยวนำในมอเตอร์และเคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า
11 ใบงานที่ 1.9.1 เรื่อง หม้อแปลง
12) ใบงานที่ 1.10.1 เรอ่ื ง ค่าของปริมาณที่เก่ยี วข้องกับไฟฟ้ากระแสสลับ
10) วัสดุ-อปุ กรณ์ที่ใชใ้ นการทำกิจกรรมการเคลื่อนทข่ี องอิเลก็ ตรอนในสนามแมเ่ หล็ก
11) วสั ดุ-อปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการทำกจิ กรรมสนามแม่เหล็กที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ
12) วัสดุ-อุปกรณท์ ใ่ี ช้ในการทำกจิ กรรมแรงกระทำต่อขดลวดที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน
13) วัสดุ-อุปกรณ์ทใ่ี ชใ้ นการทำกจิ กรรมกระแสไฟฟา้ เหนีย่ วนำในขดลวดตัวนำ
14) วสั ดุ-อุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการทำกจิ กรรมหม้อแปลง
15) PowerPoint เรอ่ื ง แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
16) QR code เรอ่ื ง ประโยขน์ของแมเ่ หล็ก
17) QR code เร่อื ง แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
18) QR code เรอ่ื ง ตวั นำในสนามแม่เหล็ก

11

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

19) QR code เรอ่ื ง สนามแมเ่ หลก็ โลก
8.2 แหล่งการเรียนรู้

1) หอ้ งเรียน
2) อนิ เทอรเ์ น็ต
3) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ

12

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1

คำชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบท่ีถกู ต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ถี ูกตอ้ ง

(ก) พลงั งำนจลน์ของประจไุ ฟฟ้ำสำมำรถเพม่ิ ขน้ึ ไดเ้ มอ่ื อยใู่ นสนำมแมเ่ หลก็

(ข) ประจไุ ฟฟ้ำสำมำรถเคลอ่ื นทผ่ี ำ่ นสนำมแม่เหลก็ โดยปรำศจำกอทิ ธพิ ลของสนำมแม่เหลก็

(ค) เสน้ สนำมแม่เหลก็ ทเ่ี กดิ จำกเสน้ ลวดตรงทม่ี กี ระแสไฟฟ้ำไหลผำ่ นจะมที ศิ ทำงพงุ่ ออกจำกเสน้ ลวด

1. ขอ้ (ก) เทำ่ นนั้ 2. ขอ้ (ข) เทำ่ นนั้

3. ขอ้ (ค) เท่ำนนั้ 4. ขอ้ (ก) และขอ้ (ข)

5. ขอ้ (ข) และขอ้ (ค)

2. แทง่ แมเ่ หลก็ รปู สเ่ี หลย่ี มลกู บำศก์ กวำ้ ง ยำว หนำ เท่ำกนั หมดทกุ ดำ้ น ถำ้ ตอ้ งกำรจะศกึ ษำขวั้ แม่เหลก็ ของแท่ง

แมเ่ หลก็ น้คี วรใชอ้ ปุ กรณ์ใด เพ่อื ใหท้ รำบตำแหน่งของขวั้ และชนดิ ของขวั้ ไดด้ ที ส่ี ุด

1. เขม็ ทศิ 2. ผงตะไบเหลก็

3. แผ่นโฟมลอยน้ำ 4. เมด็ พลำสตกิ

5. แทง่ แม่เหลก็ ชนิดเดยี วกนั

3. ขอ้ ใดกล่ำวถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั ขดลวดโซเลนอยด์
1. แรงเคล่อื นไฟฟ้ำเหน่ยี วนำจะขน้ึ อยกู่ บั จำนวนขดลวด
2. แรงเคล่อื นไฟฟ้ำเหน่ยี วนำจะขน้ึ อย่กู บั อตั รำกำรเปลย่ี นแปลงสนำมแม่เหลก็ ในพน้ื ทข่ี องขดลวดใน 1 หน่วยเวลำ
3. แรงเคลอ่ื นไฟฟ้ำเหน่ยี วนำจะขน้ึ อย่กู บั อตั รำกำรเปลย่ี นแปลงสนำมไฟฟ้ำในพน้ื ทข่ี องขดลวดใน 1 หน่วยเวลำ
4. แรงเคล่อื นไฟฟ้ำเหน่ยี วนำทเ่ี กดิ ขน้ึ จะชว่ ยเสรมิ กำรเปลย่ี นแปลงสนำมแมเ่ หลก็ ใน 1 หน่วยเวลำ
5. ขอ้ (ก) และขอ้ (ข) กลำ่ วถูกตอ้ ง

4. เม่อื นำแทง่ แม่เหลก็ ผ่ำนขดลวดตวั นำวงกลมจะมกี ระแสไฟฟ้ำเกดิ ขน้ึ ในขดลวดตวั นำวงกลมนนั้ เน่อื งจำกสำเหตใุ ด
1. แมเ่ หลก็ แทง่ นนั้ มกี ำลงั ขวั้ มำก
2. แม่เหลก็ ผ่ำนขดลวดดว้ ยควำมเรว็ สงู
3. แมเ่ หลก็ ผำ่ นขดลวดดว้ ยควำมเร่งสงู
4. เสน้ แรงแม่เหลก็ ทต่ี ดั ขดลวดมจี ำนวนมำกและสม่ำเสมอ
5. เสน้ แรงแมเ่ หลก็ ทต่ี ดั ขดลวดมกี ำรเปลย่ี นแปลงตลอดเวลำทผ่ี ำ่ นขดลวด

5. กำรทดลองขอ้ ใดทท่ี ำใหเ้ กดิ กระแสไฟฟ้ำ

(ก) หมนุ ขดลวดตดั สนำมแม่เหลก็ (ข) หมุนแม่เหลก็ ใหส้ นำมแม่เหลก็ ตดั ขดลวด

(ค) พ่นแกส๊ เขำ้ ไปในสนำมแม่เหลก็

1. ขอ้ (ก) เท่ำนนั้ 2. ขอ้ (ข) เทำ่ นนั้

3. ขอ้ (ค) เทำ่ นนั้ 4. ขอ้ (ก) และขอ้ (ข)

5. ขอ้ (ข) และขอ้ (ค)

6. อปุ กรณ์ทเ่ี ปลย่ี นพลงั งำนกลเป็นพลงั งำนไฟฟ้ำ คอื ขอ้ ใด

13

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

1. ไดนำโม 2. มอเตอร์
3. หมอ้ แปลง 4. แบตเตอร่ี
5. หมอ้ แปลงและมอเตอร์

7. ขอ้ ใดกล่ำวถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั ลวดตวั นำ
1. ควำมตำ้ นทำนแปรผนั ตรงกบั ควำมยำวของเสน้ ลวด
2. ควำมตำ้ นทำนแปรผกผนั กบั ควำมยำวของเสน้ ลวด
3. ควำมตำ้ นทำนแปรผนั ตรงกบั พน้ื ทภ่ี ำคตดั ขวำงของเสน้ ลวด
4. ควำมตำ้ นทำนแปรผกผนั กบั ควำมยำว แต่แปรผนั ตรงกบั พน้ื ทภ่ี ำคตดั ขวำงของเสน้ ลวด
5. ควำมตำ้ นทำนแปรผนั ตรงกบั ควำมยำว แตแ่ ปรผกผนั กบั พน้ื ทภ่ี ำคตดั ขวำงของเสน้ ลวด

8. อนุภำคทม่ี ปี ระจไุ ฟฟ้ำเคล่อื นทเ่ี ป็นวงกลมสมำ่ เสมอในสนำมแมเ่ หลก็ คงตวั ปัจจยั ในขอ้ ใดทท่ี ำใหร้ ศั มขี องวงกลม

ลดลง

1. เพมิ่ มวลของอนุภำค 2. เพม่ิ อตั รำเรว็ ของอนุภำค

3. ลดประจุไฟฟ้ำของอนุภำค 4. เพมิ่ ควำมเขม้ ของสนำมแม่เหลก็

5. ลดควำมเขม้ ของสนำมแม่เหลก็

9. เขม็ ทศิ ถูกวำงใกลล้ วดโซเลนอยด์ กระแสไฟฟ้ำไหลจำกซำ้ ยไปขวำ ดงั ภำพ ขวั้ เหนอื ของเขม็ ทศิ จะชไ้ี ปทำงใด

1. ชไ้ี ปทำงดำ้ นซำ้ ย 2. ชไ้ี ปทำงดำ้ นขวำ
3. ชไ้ี ปทำงดำ้ นล่ำง 4. ชไ้ี ปทำงดำ้ นบน
5. ไมม่ กี ำรเปลย่ี นแปลง

10. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้กี ลำ่ วถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั หน้ำทข่ี องวงแหวนผ่ำซกี ในมอเตอรไ์ ฟฟ้ำ

1. ทำใหข้ ดลวดหมนุ ในทศิ ทำงเดยี ว 2. ทำใหข้ ดลวดหมนุ ไดส้ องทศิ ทำง

3. ทำใหข้ ดลวดหมนุ ในทศิ ตำมเขม็ นำฬกิ ำ 4. ทำใหข้ ดลวดหมนุ ในทศิ ทวนเขม็ นำฬกิ ำ

5. ทำใหข้ ดลวดพลกิ กลบั ไป-กลบั มำ

เฉลย

1. 2 2. 1 3. 5 4. 5 5. 4 6. 1 7. 5 8. 4 9. 1 10. 1

14

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

แบบทดสอบหลังเรียน

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถกู ต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดต่อไปน้ถี ูกตอ้ ง

(ก) พลงั งำนจลน์ของประจไุ ฟฟ้ำสำมำรถเพม่ิ ขน้ึ ไดเ้ มอ่ื อยใู่ นสนำมแม่เหลก็

(ข) ประจุไฟฟ้ำสำมำรถเคลอ่ื นทผ่ี ำ่ นสนำมแมเ่ หลก็ โดยปรำศจำกอทิ ธพิ ลของสนำมแมเ่ หลก็

(ค) เสน้ สนำมแม่เหลก็ ทเ่ี กดิ จำกเสน้ ลวดตรงทม่ี กี ระแสไฟฟ้ำไหลผำ่ นจะมที ศิ ทำงพงุ่ ออกจำกเสน้ ลวด

1. ขอ้ (ก) เท่ำนนั้ 2. ขอ้ (ข) เท่ำนนั้

3. ขอ้ (ค) เทำ่ นนั้ 4. ขอ้ (ก) และขอ้ (ข)

5. ขอ้ (ข) และขอ้ (ค)

2. อนุภำคประจุไฟฟ้ำ +q เคล่ือนท่ีในสนำมแม่เหล็ก B และได้รับ
อทิ ธพิ ลของแรงแมเ่ หลก็ FB ดงั ภำพ อยำกทรำบวำ่ อนุภำคประจุไฟฟ้ำ
เคลอ่ื นทไ่ี ปทำงทศิ ใด
1. ทศิ เคลอ่ื นทเ่ี ขำ้ หำหน้ำกระดำษ
2. ทศิ เคลอ่ื นทอ่ี อกจำกหน้ำกระดำษ
3. ทศิ เคลอ่ื นทข่ี น้ึ ในระนำบของกระดำษ
4. ทศิ เคลอ่ื นทล่ี งในระนำบของกระดำษ
4. ทศิ เคลอ่ื นทไ่ี ดท้ กุ ทศิ ทกุ ทำง

3. แทง่ แม่เหลก็ สองอนั ถูกตดั ครง่ึ ดงั ภำพ (เสน้ ประแสดงแนวทแ่ี ทง่ แมเ่ หลก็ ถูกตดั ) อยำกทรำบวำ่ แทง่ แม่เหลก็ ทงั้ สอง
หลงั จำกทถ่ี ูกตดั แลว้ จะเป็นอยำ่ งไร

1. ครง่ึ ทงั้ สองของแตล่ ะแทง่ แมเ่ หลก็ จะผลกั กนั
2. ครง่ึ ทงั้ สองของแต่ละแทง่ แม่เหลก็ จะดงึ ดดู เขำ้ หำกนั
3. ครง่ึ ทงั้ สองของแทง่ แม่เหลก็ (ก) จะผลกั กนั แตค่ รง่ึ ทงั้ สองของแทง่ แมเ่ หลก็ (ข) จะดงึ ดดู กนั
4. ครง่ึ ทงั้ สองของแทง่ แม่เหลก็ (ก) จะดงึ ดดู กนั แต่ครง่ึ ทงั้ สองของแทง่ แมเ่ หลก็ (ข) จะผลกั กนั
5. ครง่ึ ทงั้ สองของแทง่ แมเ่ หลก็ (ก) จะดงึ ดดู กนั และครง่ึ ทงั้ สองของแทง่ แมเ่ หลก็ ไม่เกดิ กำรดงึ ดดู หรอื ผลกั

4. อนุภำคทม่ี ปี ระจไุ ฟฟ้ำเคล่อื นทเ่ี ป็นวงกลมสม่ำเสมอในสนำมแม่เหลก็ คงตวั ปัจจยั ในขอ้ ใดทท่ี ำใหร้ ศั มขี องวงกลม

ลดลง

1. เพม่ิ มวลของอนุภำค 2. เพม่ิ อตั รำเรว็ ของอนุภำค

3. ลดประจุไฟฟ้ำของอนุภำค 4. เพม่ิ ควำมเขม้ ของสนำมแม่เหลก็

5. ลดควำมเขม้ ของสนำมแม่เหลก็

15

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

5. กำรทดลองขอ้ ใดทท่ี ำใหเ้ กดิ กระแสไฟฟ้ำ

(ก) หมุนขดลวดตดั สนำมแม่เหลก็

(ข) หมุนแม่เหลก็ ใหส้ นำมแมเ่ หลก็ ตดั ขดลวด

(ค) พ่นแก๊สเขำ้ ไปในสนำมแมเ่ หลก็

1. ขอ้ (ก) เทำ่ นนั้ 2. ขอ้ (ข) เทำ่ นนั้

3. ขอ้ (ค) เท่ำนนั้ 4. ขอ้ (ก) และขอ้ (ข)

5. ขอ้ (ข) และขอ้ (ค)

6. แท่งแม่เหลก็ ถกู ดงึ ขน้ึ ดว้ ยควำมเรว็ คงตวั ผ่ำนขดลวดวงแหวน ดงั ภำพ ขอ้ ใดตอ่ ไปน้อี ธบิ ำยทศิ ทำงกระแสไฟฟ้ำทถ่ี กู
เหน่ียวนำในขดลวด (เมอ่ื มองลงไปทว่ี งแหวนจำกมุมบน) ไดอ้ ยำ่ งถกู ตอ้ ง

1. มที ศิ ตำมเขม็ นำฬกิ ำเสมอ
2. มที ศิ ทวนเขม็ นำฬกิ ำเสมอ
3. ในตอนแรกจะมที ศิ ตำมเขม็ นำฬกิ ำ แต่ต่อมำจะมที ศิ ทวนเขม็ นำฬกิ ำ
4. ในตอนแรกจะมที ศิ ทวนเขม็ นำฬกิ ำ แต่ตอ่ มำจะมที ศิ ตำมเขม็ นำฬกิ ำ
5. มที ศิ ไมแ่ น่นอน

7. ขดลวดโลหะถูกเช่อื มต่อกบั หลอดไฟและดำ้ มจบั ท่เี ป็นฉนวน วำงอยู่เหนือขดลวดอกี อนั หน่ึงทม่ี กี ระแสไฟฟ้ำไหล
ผำ่ นจำกแหลง่ จำ่ ยไฟฟ้ำและถูกควบคุมโดยตวั ตำ้ นทำนแปรค่ำได้ ดงั ภำพ ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ที ำใหห้ ลอดไฟไมส่ วำ่ ง

1. เพมิ่ คำ่ ควำมตำ้ นทำนในวงจร
2. ลดคำ่ ควำมตำ้ นทำนในวงจร
3. ยกดำ้ มจบั ขน้ึ ออกจำกขดลวดดำ้ นลำ่ ง
4. หมุนดำ้ มจบั 90 องศำ โดยทร่ี ะนำบของขดลวดดำ้ นบนตงั้ ฉำกกบั ขดลวดดำ้ นลำ่ ง
5. หมนุ ดำ้ มจบั 90 องศำ ขณะทใ่ี หร้ ะนำบของขดลวดดำ้ นบนขนำนกบั ขดลวดดำ้ นลำ่ ง

16

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

8. แท่งตวั นำยำว 5.00 เซนตเิ มตร มวล 200 กรมั จดั เรยี งตวั อย่บู นแกน x ซ่งึ มกี ระแสไฟฟ้ำ 20.0 แอมแปร์ ไหลผ่ำน

ในทศิ ทำง +x เม่อื นำไปไวใ้ นบรเิ วณทม่ี สี นำมแมเ่ หลก็ ขนำดสม่ำเสมอ ปรำกฏว่ำแท่งตวั นำน้สี ำมำรถลอยนิ่ง (บนแกน

z) อย่ใู นสนำมแม่เหลก็ จงหำขนำดและทศิ ทำงของสนำมแม่เหลก็

1. 1.00 เทสลำ ในทศิ ทำง +y 2. 1.00 เทสลำ ในทศิ ทำง −y

3. 2.00 เทสลำ ในทศิ ทำง +y 4. 2.00 เทสลำ ในทศิ ทำง −y

5. 3.00 เทสลำ ในทศิ ทำง +y

9. เขม็ ทศิ ถกู วำงใกลล้ วดโซเลนอยด์ กระแสไฟฟ้ำไหลจำกซำ้ ยไปขวำ ดงั ภำพ ขวั้ เหนอื ของเขม็ ทศิ จะชไ้ี ปทำงใด

1. ชไ้ี ปทำงดำ้ นซำ้ ย 2. ชไ้ี ปทำงดำ้ นขวำ
3. ชไ้ี ปทำงดำ้ นลำ่ ง 4. ชไ้ี ปทำงดำ้ นบน
5. ไมม่ กี ำรเปลย่ี นแปลง

10. ขอ้ ใดตอ่ ไปน้กี ล่ำวถกู ตอ้ งเกย่ี วกบั หน้ำทข่ี องวงแหวนผ่ำซกี ในมอเตอรไ์ ฟฟ้ำ

1. ทำใหข้ ดลวดหมนุ ในทศิ ทำงเดยี ว 2. ทำใหข้ ดลวดหมนุ ไดส้ องทศิ ทำง

3. ทำใหข้ ดลวดหมุนในทศิ ตำมเขม็ นำฬกิ ำ 4. ทำใหข้ ดลวดหมนุ ในทศิ ทวนเขม็ นำฬกิ ำ

5. ทำใหข้ ดลวดพลกิ กลบั ไป-กลบั มำ

เฉลย

1. 2 2. 1 3. 4 4. 4 5. 4 6. 3 7. 4 8. 3 9. 1 10. 1

17

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ ผลงานแผนผงั มโนทัศน์

คำชแี้ จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงาน/ชิ้นงานของนักเรียนตามรายการที่กำหนด แลว้ ขดี ✓ลงในช่องที่ตรงกบั

ระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดับคณุ ภาพ
4 3 21

1 ความสอดคล้องกบั จดุ ประสงค์ที่กำหนด

2 ความถูกต้องของเนอ้ื หา

3 ความคิดสรา้ งสรรค์

4 ความเปน็ ระเบียบ

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
............../................./................

18

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

เกณฑป์ ระเมนิ แผนผงั มโนทัศน์

ประเด็นทปี่ ระเมิน 4 ระดับคะแนน 1
32

1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานไม่สอดคล้อง

จุดประสงคท์ ีก่ ำหนด จุดประสงคท์ ุกประเดน็ จุดประสงค์เปน็ ส่วนใหญ่ จดุ ประสงค์บางประเด็น กบั จดุ ประสงค์

2. ผลงานมคี วาม เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน

ถูกต้องของเนอื้ หา ถกู ตอ้ งครบถ้วน ถูกตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ถูกต้องเป็นบางประเดน็ ไมถ่ กู ต้องเป็นสว่ นใหญ่

3. ผลงานมีความคิด ผลงานแสดงออกถึง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่แสดงแนวคิด
สร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่

แ ป ล ก ใ ห ม ่ แ ล ะ เ ป็ น ใหม่

ระบบ

4. ผลงานมคี วามเปน็ ผ ล ง า น ม ี ค ว า ม เ ป็ น ผลงานส่วนใหญ่มีความ ผ ล ง า น ม ี ค ว า ม เ ป็ น ผลงานส่วนใหญ่ไม่เป็น
ระเบียบ
ระเบียบแสดงออกถึง เป็นระเบียบแต่ยังมี ระเบยี บแตม่ ขี อ้ บกพรอ่ ง ร ะ เ บ ี ย บ แ ล ะ ม ี ข้ อ

ความประณตี ข้อบกพรอ่ งเลก็ น้อย บางส่วน บกพร่องมาก

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

51-60 ดีมาก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง

19

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

แบบประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรม

คำชแี้ จง : ใหผ้ ู้สอนประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรมของนกั เรยี นตามรายการที่กำหนด แล้วขดี ✓ ลงในชอ่ งทต่ี รง
กับระดับคะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1
32

1 การปฏิบัตกิ ารทำกจิ กรรม
2 ความคล่องแคลว่ ในขณะปฏบิ ัตกิ จิ กรรม
3 การบนั ทึก สรปุ และนำเสนอผลการทำกจิ กรรม

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผูป้ ระเมนิ
................./................../..................

20

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

เกณฑก์ ารประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรม

ประเด็นทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน

1. การปฏบิ ตั ิ 432 1
กจิ กรรม ตอ้ งให้ความช่วยเหลอื
ทำกิจกรรมตามขน้ั ตอน ทำกจิ กรรมตามข้ันตอน ต้องให้ความช่วยเหลือ อย่างมากในการทำ
2. ความ และใช้อปุ กรณไ์ ดอ้ ย่าง และใช้อปุ กรณไ์ ดอ้ ยา่ ง บ้างในการทำกิจกรรม กิจกรรม และการใช้
คล่องแคล่ว ถูกต้อง ถกู ตอ้ ง แต่อาจตอ้ ง และการใช้อปุ กรณ์ อุปกรณ์
ในขณะปฏิบตั ิ ไดร้ ับคำแนะนำบ้าง ทำกิจกรรมเสรจ็ ไม่
กิจกรรม ทนั เวลา และทำ
มคี วามคลอ่ งแคลว่ มีความคล่องแคลว่ ขาดความคล่องแคล่ว อุปกรณ์เสียหาย
3. การบนั ทึก สรปุ
และนำเสนอผล ในขณะทำกจิ กรรมโดย ในขณะทำกิจกรรมแต่ ในขณะทำกจิ กรรมจึง ต้องให้ความช่วยเหลือ
การปฏิบตั ิ ไม่ต้องไดร้ บั คำชแ้ี นะ ตอ้ งไดร้ บั คำแนะนำบ้าง ทำกิจกรรมเสร็จไม่ อยา่ งมากในการบันทกึ
กจิ กรรม และทำกิจกรรมเสรจ็ และทำกิจกรรมเสรจ็ ทนั เวลา สรุป และนำเสนอผล
ทันเวลา ทันเวลา การทำกิจกรรม

บันทกึ และสรปุ ผลการ บนั ทกึ และสรุปผลการ ตอ้ งใหค้ ำแนะนำในการ

ทำกิจกรรมได้ถูกต้อง ทำกจิ กรรมไดถ้ ูกตอ้ ง บันทกึ สรปุ และ

รัดกมุ นำเสนอผลการ แต่การนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทำ

ทำกจิ กรรมเป็นขั้นตอน ทำกิจกรรมยังไมเ่ ปน็ กจิ กรรม

ชัดเจน ข้ันตอน

เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

10-12 ดีมาก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรบั ปรุง

21

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

แบบประเมินการนำเสนอผลงาน

คำช้แี จง : ใหผ้ ู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถูกตอ้ งของเนอื้ หา  

2 ความคิดสร้างสรรค์  

3 วิธกี ารนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใช้ประโยชน์  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงช่ือ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
............/................./...................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ บางสว่ น

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรงุ

22

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

คำชแ้ี จง : ใหผ้ ูส้ อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในช่องที่

ตรงกับระดับคะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดับคะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเหน็  

2 การยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผอู้ น่ื  

3 การทำงานตามหน้าที่ทไี่ ด้รบั มอบหมาย  

4 ความมีน้ำใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงช่ือ ................................................... ผปู้ ระเมิน
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............/.................../................
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้งั
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครงั้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกวา่ 8 ปรับปรุง

23

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชแ้ี จง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

การมี

ลำดบั ที่ ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรบั การทำงาน ความมี สว่ นร่วมใน รวม
ของนักเรยี น ความ ฟังคนอื่น ตามทไ่ี ดร้ บั น้ำใจ การ 15
คดิ เหน็ มอบหมาย คะแนน
ปรับปรุง
ผลงานกลุ่ม

321321321321321

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอ่ื ................................................... ผูป้ ระเมนิ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่ำเสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครง้ั
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง

24

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

คำชแี้ จง : ใหผ้ ้สู อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกับระดบั คะแนน

คณุ ลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อันพงึ ประสงค์ดา้ น 321

1. รักชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และรอ้ งเพลงชาตไิ ด้

กษัตรยิ ์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมทสี่ ร้างความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์

ต่อโรงเรียน

1.3 เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาท่ีตนนับถือ ปฏิบตั ิตามหลกั ศาสนา

1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบนั พระมหากษัตรยิ ต์ ามที่โรงเรียนจัด

ข้นึ

2. ซอ่ื สตั ย์ สุจรติ 2.1 ใหข้ ้อมลู ท่ถี กู ตอ้ งและเป็นจรงิ

2.2 ปฏิบัตใิ นส่ิงทีถ่ ูกต้อง

3. มวี ินยั รับผิดชอบ 3.1 ปฏิบตั ิตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคบั ของครอบครวั

มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏิบัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวัน

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รู้จกั ใชเ้ วลาว่างใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัติได้

4.2 รจู้ กั จดั สรรเวลาให้เหมาะสม

4.3 เชือ่ ฟังคำส่งั สอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แย้ง

4.4 ตงั้ ใจเรยี น

5. อยูอ่ ย่างพอเพยี ง 5.1 ใชท้ รพั ย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยัด

5.2 ใชอ้ ุปกรณก์ ารเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงิน

6. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 6.1 มีความตงั้ ใจและพยายามในการทำงานท่ีได้รบั มอบหมาย

6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อุปสรรคเพอ่ื ใหง้ านสำเรจ็

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ สำนกึ ในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย

7.2 เห็นคณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 ร้จู กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน

8.2 รู้จักการดแู ลรักษาทรพั ย์สมบตั ิและส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรียนและ

โรงเรยี น

ลงชื่อ .................................................. ผู้ประเมนิ
............/.................../................

25

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ

พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั ิชัดเจนและสมำ่ เสมอ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

พฤติกรรมที่ปฏิบตั ชิ ดั เจนและบอ่ ยคร้ัง ให้ 2 คะแนน 51-60 ดีมาก

พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิบางคร้งั ให้ 1 คะแนน 41-50 ดี

30-40 พอใช้

ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง

26

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1

แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

เวลา 4 ชว่ั โมง

1. ผลการเรยี นรู้

สังเกต และอธิบายเส้นสนามแม่เหล็ก อธิบายและคำนวณฟลักซ์แม่เหล็กในบริเวณที่กำหนด รวมทั้ง

สังเกตและอธิบายสนามแมเ่ หล็กท่เี กิดจากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำเสน้ ตรงและโซเลนอยด์ได้

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายความหมายของสนามแม่เหล็ก และฟลกั ซ์แมเ่ หล็กได้ (K)
2. อธบิ ายความสัมพันธร์ ะหว่างกระแสไฟฟ้าและสนามแมเ่ หลก็ ได้ (K)
3. ปฏิบัตกิ ิจกรรมการเคล่ือนที่ของอิเล็กตรอนในสนามแมเ่ หลก็ ได้อย่างถูกต้อง (P)
4. นำความรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกับความสมั พันธร์ ะหวา่ งกระแสไฟฟ้าและสนามแม่เหลก็ ไปใช้ประโยชนใ์ น
ชวี ติ ประจำวันได้ (P)
5. ความเป็นคนช่างสังเกต ช่างคิด ช่างสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ันในการเสาะแสวงหาความรู้ ( A)

3. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้เพิ่มเติ่ม สาระการเรยี นรทู้ อ้ งถ่นิ

- เส้นสนามแม่เหล็กเป็นเส้นสมมติที่ใช้แสดง พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา

บริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก โดยบริเวณที่มีเส้น

สนามแม่เหล็กหนาแน่นมากแสดงว่าเป็น

บรเิ วณที่สนามแมเ่ หลก็ มคี วามเขม้ มาก

- ฟลักซ์แม่เหล็ก คือ จำนวนเส้นสนามแม่เหล็กท่ี

ผ่านพื้นที่ที่พิจารณา และอัตราส่วนระหว่างฟ

ลักซ์แม่เหล็กต่อพื้นที่ตั้งฉากกับสนามแม่เหล็ก

คือ ขนาดของสนามแม่เหล็ก เขียนแทนได้ด้วย

สมการ = ∅


- กรณีที่ประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ตั้งฉากเข้าไปใน

สนามแม่เหล็ก จะทำให้ประจุเคลื่อนท่ี

เปลี่ยนไปโดยรัศมีความโค้งของการเคลื่อนท่ี

คำนวณไดจ้ ากสมการ =


27

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

แม่เหล็กประกอบด้วยขั้วเหนือและขั้วใต้ บริเวณที่มีอำนาจแม่เหล็ก เรียกว่า สนามแม่เหล็ก แรงของ
แรงแม่เหล็ก เรยี กวา่ เสน้ แรงแมเ่ หล็ก บริเวณในสนามแมเ่ หล็กที่ไม่มอี ำนาจแมเ่ หล็ก เรยี กว่า จุดสะเทิน ใตพ้ ้ืน
โลกมีสนามแมเ่ หลก็ โลกชว่ ยป้องกันอันตรายจากลมสรุ ยิ ะ บรเิ วณใกล้ขวั้ แม่เหลก็ มีเส้นสนามแมเ่ หล็กหนาแน่น
มาก เรียกว่า ฟลักซ์แม่เหล็ก อัตราส่วนระหว่างฟลักซ์แม่เหล็กต่อพื้นที่ตั้งฉากกับสนามหนึ่งตารางหน่วย
เรียกว่า ขนาดของสนามแม่เหลก็

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวนิ ยั รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. ซือ่ สตั ย์ สจุ ริต

2) ทักษะการสอื่ สาร 4. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน

3) ทักษะการทดลอง

4) ทักษะการวเิ คราะห์

5) ทกั ษะการทำงานร่วมกัน

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต

6. กิจกรรมการเรียนรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธสี อน/เทคนิค : การสอนแบบเนน้ มโนทศั น์ (Concept Based Teaching)

ช่วั โมงที่ 1-2

ขัน้ นำ

ขนั้ การใช้ความรูเ้ ดิมเช่ือมโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge)
1. ครูแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบ จากนั้นครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนของ
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 แม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อตรวจสอบความรู้เดิมของนักเรียนเป็นรายบุคคลก่อนเข้าสู่
กิจกรรม
2. ครเู ข้าสู่กจิ กรรมการเรยี นการสอนโดยการสาธิตการเรียงตัวของผงตะไบเหล็ก ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการ
สาธติ ประกอบดว้ ย กระดาษแข็งสขี าว 1 แผ่น แทง่ แม่เหลก็ 1 แท่ง และผงตะไบเหล็ก

28

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

3. ครูเรม่ิ การสาธิต โดยวางแผน่ กระดาษบนโต๊ะ โรยผงตะไบเหลก็ ลงบนแผน่ กระดาษมหม้ ีบริเวณกว้าง
กวา่ ขนาดของแทง่ แม่เหล็กเล้กน้อย (การโรยผงตะไบเหล็กควรโรยบาง ๆ และสมำ่ เสมอ) จากนั้นครู
ถือแท่งแม่เหล็กให้อยู่เหนือผงตะไบเหล็ก แล้วเคลื่อนแท่งแม่เหล็กลงไปแตะผงตะไบเหล็ก โดย
พยายามให้ทุกส่วนของแท่งแม่เหล็กแตะผงตะไบเหล็กพร้อม ๆ กัน เมื่อครูยกแท่งแม่เหล็กขึ้นแล้ว
ให้นักเรยี นสังเกตผลท่เี กดิ ข้ึนของผงตะไบเหล็กที่ติดตามส่วนตา่ ง ๆ ของแท่งแมเ่ หล็ก

ขน้ั สอน

ขั้นรู้ (Knowing)
1. ครูให้ความร้เู กยี่ วกบั ขว้ั ของแท่งแม่เหล็กตามรายละเอยี ดในหนงั สือเรียน
2. ครูชใ้ี หน้ กั เรียนเห็นวา่ แรงทเ่ี กิดจากแทง่ แม่เหล็กมี 2 ชนดิ คอื แรงดดู และแรงผลัก
3. ครใู ห้ความรูเ้ พ่ิมเติมเรื่องขวั้ เหนือ-ใต้ของแท่งแม่เหล็กโดยอาจสาธิตตามสถานการณ์ในหนังสือเรียน
จากนนั้ ใหค้ วามร้เู ก่ยี วกับเข็มทิศ สนามแมเ่ หลก็ สนามแม่เหล็กโลก เส้นแรงแม่เหล็ก ฟลักซ์แม่เหล็ก
และความหนาแนน่ ฟลักซ์ ตามรายละเอียดในหนงั สอื เรียน

ขั้นเข้าใจ (Understanding)
1. ครูให้ตัวแทนนักเรียนออกมาสาธิตเพื่อหาเส้นแรงแม่เหล็กตามรายละเอียดในหนังสือเรียน ซึ่งถ้า
ต้องการหาเส้นแรงหลาย ๆ เส้น จะต้องใช้เวลานาน ครูอาจแนะให้นักเรียนทดลองนอกเวลาเรียน
เสน้ แรงแม่เหลก็ ที่ทดลองไดอ้ าจเปน็ ดังภาพ

ภาพ แสดงเสน้ แรงแม่เหล็กของแทง่ แมเ่ หล็ก

2. ครูสาธิตเกี่ยวกับจุดสะเทิน อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบด้วยแท่งแม่เหล็ก 2 แท่ง และเข็มทิศ 1 อัน วาง
แท่งแม่เหล็กในแนวเส้นตรงเดียวกัน โดยให้ขั้วเหมือนกันหันเข้าหากันและอยู่ห่างกันประมาณ 15
เซนติเมตร วางเข็มทิศชิดกับข้วั แม่เหล็กแท่งหน่ึง แล้วคอ่ ย ๆ เลื่อนเข็มทิศในแนวเส้นตรงไปอีกแท่ง
หนง่ึ ขณะเล่อื นเข็มทิศครูใหน้ กั เรยี นสงั เกตแนวการวางตวั ของเข็มทิศ ในเส้นทางของการเคลื่อนเข็ม
ทิศนนั้ จะมีตำแหนง่ หน่งึ ทเี่ ขม็ ทิศหมนุ ได้โดยรอบ ตำแหนง่ นีเ้ รยี กวา่ จุดสะเทนิ

3. ครูอธิบายเกี่ยวกับฟลักซแ์ ม่เหลก็ วา่ เป็นปริมาณเส้นแรงแม่เหล็กหรือจำนวนของเส้นแรงแมเ่ หลก็ ที่
พุ่งจากขั้วหนึ่งไปยังขั้วหนึ่งของแท่งแม่เหล็ก มีหน่วยเป็นเวเบอร์ (Weber) และความหนาแน่น
ฟลักซ์แม่เหล็ก หรือความเข้มของสนามแม่เหล็ก คือ จำนวนเส้นแรงแม่เหล็กต่อหน่วยพื้นที่ที่เส้น

29

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

แรงแม่เหล็กตกตั้งฉากเป็นปริมาณเวกเตอร์ มีหน่วยเป็นเทสลา (Tesla) สามารถเขียนเป็นสมการ
ความสัมพันธ์ได้ดังสมการ 1.1 และถ้าสนามแม่เหล็กไม่ตั้งฉากกับพื้นที่ ทำให้ทิศสนามแม่เหล็กกับ
ทิศของเวกเตอร์หนึ่งหน่วยพื้นที่ทำมุม ต่อกัน การหาฟลักซ์แม่เหล็ก หาได้จากความสัมพันธ์
ระหว่างฟลักซแ์ ม่เหล็กและความเข้มสนามแมเ่ หลก็ ไดด้ ังสมการ 1.2
5. ครูให้นกั เรยี นศกึ ษาตัวอยา่ งการคำนวณจากโจทยป์ ญั หาในตัวอย่างท่ี 1.1 จากหนังสอื เรยี น

ชั่วโมงท่ี 2-4

ข้นั เขา้ ใจ (Understanding) (ต่อ)
6. ครอู ธบิ ายทบทวนเก่ียวกับแรงที่กระทำต่ออนภุ าคท่ีประจุไฟฟา้ ซ่ึงอย่ใู นบรเิ วณท่ีมีสนามไฟฟ้าว่า
แรงที่กระทำต่อประจุไฟฟ้ามีขนาดเท่ากับ จากนั้นอธิบายถึงอนุภาคที่ประจุไฟฟ้า ซึ่งอยู่ใน
บริเวณที่มีสนามแม่เหล็กตามละเอียดในหนังสือเรียน ว่าเมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในบริเวณที่มี
สนามแม่เหล็กจะถูกแรงกระทำ โดยทิศของแรงจะตั้งฉากกับทิศของความเร็วและตั้งฉากกับทิศของ
สนามแมเ่ หล็ก
7. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า อนุภาคในที่มปี ระจแุ ละเคล่ือนที่ในบริเวณสนามแม่เหล็ก จะสามารถหาขนาด
ของแรงไดด้ ังสมการท่ี 1.3 ในกรณีท่คี วามเร็วของอนุภาคที่มีอระจุไม่ต้ังฉากกบั สนามแมเ่ หล็ก แรงท่ี
เกดิ ขน้ึ จะมีขนาดลดลง และถา้ อนุภาคน้นั อยู่นงิ่ ในบริเวณสนามแม่เหลก็ จะไมม่ ีแรงกระทำ

ข้นั ลงมือทำ (Doing)
1. ครูให้นักเรียนศึกษาวิธีการหาทิศของแรง ที่กระทำต่ออนุภาคที่มีประจุซึ่งเคล่ือนท่ีในบริเวณ
ที่มีสนามแม่เหล็ก ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน
2. ครใู หค้ วามรู้เพม่ิ เติมเกยี่ วกับการหาขนาดของแรงท่ีกระทำต่ออนุภาคที่มีประจุ เคลอื่ นทใ่ี นบริเวณ
ที่มีสนามแม่เหล็ก โดยมีความเร็ว ตั้งฉากกับ ขนาดของแรง ที่กระทำต่ออนุภาคนั้นจะ
เป็นไปดังสมการ = ถ้า และขนาดของ คงตัว จะได้ขนาดของแรง คงตัวด้วย
และเนอ่ื งจาก ตง้ั ฉากกับ ดงั น้ัน อนุภาคน้จี ะเคลือ่ นที่เปน็ วงกลม
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายสรุปว่า เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่ในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กโดย
ความเร็วของอิเล็กตรอนตั้งฉากกับสนามแม่เหล็กจะมีแรงกระทำต่ออิเล็กตรอนในทิศตั้งฉากกับ
ความเร็วตลอดเวลาโดยขนาดของความเร็วคงตัว แรงนึ้จึงเป็นแรงสู่ศูนย์กลาง ทำให้อิเล็กตรอน
เคล่อื นทีใ่ นแนววงกลมภายในบริเวณท่ีมีสนามแมเ่ หล็ก
4. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 6 คน ตามความสมัครใจของนักเรียน จากนั้นให้แต่ละกลุ่ม
ร่วมกันศึกษากิจกรรม การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในสนามแม่เหล็ก จากหนังสือเรียน โดยครูใช้
รูปแบบการเรียนรแู้ บบร่วมมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนภายในกลุ่มมี
บทบาทหน้าทข่ี องตนเอง ดังนี้

30

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

• สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหน้าที่ เตรียมวสั ดอุ ปุ กรณใ์ ชใ้ นการทำกิจกรรม
• สมาชกิ คนท่ี 3-4 ทำหน้าท่ี อ่านวธิ กี ารทำกจิ กรรม และนำมาอธบิ ายใหส้ มาชกิ ภายในกล่มุ ฟงั
• สมาชกิ คนที่ 5-6 ทำหน้าท่ี บนั ทกึ ผลการทำกิจกรรม
(หมายเหตุ: ครเู ร่ิมประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินปฏบิ ตั กิ ิจกรรม)
5. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วร่วมกัน
อภปิ รายผลร่วมกัน
6. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม ในระหว่างที่นักเรียนนำเสนอครู
คอยใหข้ ้อเสนอแนะเพมิ่ เติม เพือ่ ให้นักเรียนมีความเขา้ ใจท่ถี ูกตอ้ ง
7. นักเรียนร่วมกันตอบคำถามท้ายกิจกรรม การเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอนในสนามแม่เหล็ก โดยให้
นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกันอภิปรายเพอื่ หาคำตอบร่วมกนั
8. นักเรยี นท้ังหมดรว่ มกนั สรุปผลจากการศกึ ษาการเคลอ่ื นท่ีของอเิ ล็กตรอนในสนามแมเ่ หล็ก
9. ครใู หน้ กั เรยี นทุกคนทำใบงาน เรื่อง แม่เหล็กและสนามแม่เหล็ก พร้อมท้งั สังเกตคำตอบของนักเรียน
เพื่อประเมนิ พฤตกิ รรมนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล พร้อมใหค้ ำแนะนำเพม่ิ เตมิ
(หมายเหตุ: ครเู ริม่ ประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานรายบุคคล)

ขน้ั สรุป

1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาที่ได้ศึกษาผ่านมาแล้วว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ แล้วให้
ความรเู้ พม่ิ เติมในสว่ นนั้น โดยทีค่ รอู าจจะใช้ PowerPoint เรื่อง แมเ่ หล็กและสนามแมเ่ หลก็ มาช่วย
ในการอธบิ าย

2. ครูมอบหมายให้นกั เรียนฝึกทำแบบฝกึ หดั Topic Question เรื่อง แม่เหล็กและสนามแมเ่ หลก็ จาก
หนังสือเรียนฯ ลงในสมุดประจำตัว เพื่อนำส่งครูทา้ ยช่วั โมง

3. ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปทำแบบฝึกเสรมิ ประสบการณ์จาก Unit Question 1 เรื่อง แมเ่ หล็กและ
สนามแม่เหล็ก จากหนังสือเรียนฯ ลงในสมุดประจำตัว และศึกษาเนื้อหา เรื่อง กระแสไฟฟ้าทำให้
เกดิ สนามแม่เหลก็ ซ่งึ จะเรยี นในคาบตอ่ ไปมาลว่ งหน้า

ขนั้ ประเมนิ

1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับเร่ือง แม่เหล็กและสนามแม่เหล็ก โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การ
ทำแบบฝกึ หัด ใบงาน และการสรปุ สาระสำคัญ

2. ประเมนิ ทักษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จากโดยสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม การปฏิบตั ิ
กิจกรรม และการนำความรูท้ ่ีได้ไปใช้ประโยชน์

3. ประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงคโ์ ดยสงั เกตพฤติกรรมจากการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรม
การอภปิ ราย และการทำแบบฝึกหัด

31

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

7. การวดั และประเมินผล

รายการวดั วิธีวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การประเมนิ

7.1 การประเมนิ ก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบ - แ บ บ ท ด ส อ บ ก ่ อ น - ประเมินตามสภาพจรงิ

- แบบทดสอบกอ่ นเรียน กอ่ นเรียน เรียน

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1

เรอ่ื ง แมเ่ หล็กไฟฟ้า

7.2 การประเมินระหว่าง

การจดั กิจกรรม - ตรวจใบงานท่ี 1.1 - ใบงานที่ 1.1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

1) แมเ่ หลก็ และ - ตรวจแบบฝกึ หดั - ตรวจแบบฝกึ หัด - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

สนามแม่เหลก็ - ตรวจ Topic - Topic Question - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

Question

2) การปฏบิ ตั กิ าร - ประเมิน - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2

การปฏิบัติการ การปฏบิ ตั กิ าร ผ่านเกณฑ์

3) พฤติกรรม - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกต - ระดับคุณภาพ 2

การทำงาน การทำงาน พฤตกิ รรม ผา่ นเกณฑ์

รายบคุ คล รายบุคคล การทำงานรายบคุ คล

4) พฤตกิ รรม - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต - ระดับคณุ ภาพ 2

การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม พฤติกรรม ผ่านเกณฑ์

การทำงานกลุม่

5) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมนิ - ระดบั คุณภาพ 2

อนั พึงประสงค์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น คณุ ลักษณะ ผ่านเกณฑ์

ในการทำงาน อันพึงประสงค์

32

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

8. สอื่ /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรียน รายวชิ าเพิ่มเตมิ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 1
2) แบบฝกึ หดั รายวชิ าเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟสิ ิกส์ ม.6 เล่ม 1
3) ใบงานท่ี 1.1 เร่ือง แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หล็ก
4) PowerPoint เรอ่ื ง แมเ่ หลก็ และสนามแม่เหลก็
5) สมดุ ประจำตวั

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมุด
3) แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ

33

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

ใบงานที่ 1.1

เรือ่ ง แมเ่ หลก็ และสนามแม่เหลก็

คำช้ีแจง : แสดงวิธีคำนวณหาผลลัพธ์

1. จงหาฟลกั ซแ์ มเ่ หล็กที่ผ่านขดลวดส่เี หล่ียมผืนผ้า abcd ถ้ามสี นามแมเ่ หล็ก B ขนาดสมํ่าเสมอ 4 เทสลา ใน
ทศิ ท่ีขนานแกน x ดังภาพ

2. โปรตอนตัวหนึ่งเคลื่อนทีเ่ ข้าสู่สนามแม่เหล็กในทศิ ทำมุม 30 องศา กับทิศทางสนามแม่เหล็กด้วยความเร็ว
107 เมตรต่อวินาที เมื่อความเข้มสนามแม่เหล็กมีค่า 3 เทสลา และโปรตอนมีมวล 1.67 × 10-27 กิโลกรัม จง
คำนวณหารศั มขี องเกลยี วทเ่ี คล่อื นท่ี

34

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

ใบงานท่ี 1.1 เฉลย

เร่ือง แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

คำชี้แจง : แสดงวิธคี ำนวณหาผลลพั ธ์

1. จงหาฟลกั ซแ์ ม่เหลก็ ที่ผ่านขดลวดสี่เหลย่ี มผืนผา้ abcd ถ้ามสี นามแมเ่ หล็ก B ขนาดสมํ่าเสมอ 4 เทสลา ใน
ทศิ ทข่ี นานแกน x ดงั ภาพ

จากสมการ ∅ =

∅ = (4)(3 × 10−2)(3 × 10−2)
∅ = 3.6 × 10−3Wb

ดังนน้ั ฟลักซ์แม่เหล็กทีผ่ ่านขดลวดสี่เหลี่ยมผนื ผา้ abcd เท่ากบั 3.6 × 10-3 เวเบอร์

2. โปรตอนตัวหนึ่งเคลื่อนทีเ่ ข้าสู่สนามแม่เหล็กในทศิ ทำมุม 30 องศา กับทิศทางสนามแม่เหล็กด้วยความเร็ว

107 เมตรต่อวินาที เมื่อความเข้มสนามแม่เหล็กมีค่า 3 เทสลา และโปรตอนมีมวล 1.67 × 10-27 กิโลกรัม จง

คำนวณหารศั มีของเกลียวที่เคลอ่ื นที่

เม่อื โปรตอนเคลอ่ื นทเ่ี ข้าสสู่ นามแมเ่ หลก็ สม่ำเสมอโดยที่ความเร็วทำมุมกบั สนามแมเ่ หล็ก ประจุไฟฟ้า

จะเคล่อื นทเ่ี ป็นเสน้ ทางรปู เกลยี ว ซึง่ สามารถคำนวณหารัศมีของเกลียวท่ีเคล่ือนที่ได้

จากสมการ = sin


= sin 30°


= (1.67×10−7)(107)(12)
(1.6×10−19)(3)
= 1.7 × 10−2 m = 1.7 cm
ดังนั้น รัศมีของเกลียวทเ่ี คลือ่ นที่เท่ากับ 1.7 เซนติเมตร

35

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

9. ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผ้ทู ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงช่อื .................................
( นายนยิ ม รักพรม )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอำนาจเจริญ

10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น

 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

36

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2

กระแสไฟฟา้ ทำให้เกิดสนามแมเ่ หล็ก

เวลา 4 ช่วั โมง

1. ผลการเรียนรู้

สังเกต และอธิบายเส้นสนามแม่เหล็ก อธิบายและคำนวณฟลักซ์แม่เหล็กในบริเวณที่กำหนด รวมทั้ง
สังเกตและอธบิ ายสนามแมเ่ หลก็ ที่เกิดจากกระแสไฟฟา้ ในลวดตัวนำเสน้ ตรงและโซเลนอยด์ได้

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. สบื ค้นและอภิปรายเก่ียวกบั กระแสไฟฟ้าทำให้เกดิ สนามแม่เหล็กได้ (K)
2. ปฏบิ ัติกิจกรรมสนามแม่เหล็กทีเ่ กิดจากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง (P)
3. ความเป็นคนช่างสังเกต ช่างคิด ช่างสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการเสาะแสวงหาความรู้ ( A)

3. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรยี นรู้เพ่มิ เต่ิม สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่

- เมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำเส้นตรงหรือ พจิ ารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา

โซเลนอยด์จะเกดิ สนามแม่เหลก็ ข้นึ

4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

กฎมือขวาใช้หาทศิ ของสนามแม่เหล็ก เมือ่ ใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดท่เี รยี กวา่ โซเลนอยด์ จะเกิด
สนามแม่เหล็กไฟฟา้ ข้ึนรอบ ๆ ขดลวด เมือ่ ใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดตัวนำ 2 เสน้ ที่ขนานกัน จะเกิดแรงดูด
และแรงผลัก เมื่อให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านขดลวดสี่เหลี่ยมผืนผ้าจะเกิดโมเมนต์ของแรงคู่ควบผลักให้ขวดลวด
หมุนรอบแกนนำหลกั การนีไ้ ปสร้างมอเตอร์

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี ินยั รับผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. ซ่อื สตั ย์ สุจริต

2) ทักษะการสือ่ สาร 4. มงุ่ ม่นั ในการทำงาน

3) ทักษะการทดลอง

37

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
4) ทักษะการวิเคราะห์
5) ทักษะการทำงานร่วมกัน
3. ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ สี อน/เทคนิค : การสอนแบบเนน้ มโนทศั น์ (Concept Based Teaching)

ช่วั โมงท่ี 1-2

ขัน้ นำ

ขั้นการใช้ความรู้เดมิ เชื่อมโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge)
1. ครูทบทวนเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กว่า แม่เหล็กประกอบด้วยขั้วเหนือและขั้วใต้ บริเวณที่มีอำนาจ
แม่เหล็กเรียกว่า สนามแม่เหล็ก เส้นที่แสดงทิศของสนามแม่เหล็กรอบๆ แท่งแม่เหล็ก เรียกว่า เส้น
แรงแม่เหล็ก บริเวณในสนามแม่เหล็กที่ไม่มีอำนาจแม่เหล็ก เรียกว่า จุดสะเทิน ใต้พื้นโลกมี
สนามแม่เหล็กโลกช่วยป้องกันอันตรายจากลมสุริยะ บริเวณใกล้ขั้วแม่เหล็กมีเส้นสนามแม่เหล็ก
หนาแน่นมาก เรยี กวา่ ฟลักซแ์ มเ่ หล็ก อตั ราสว่ นระหว่างฟลกั ซ์แมเ่ หล็กต่อพ้นื ท่ตี ั้งฉากกับสนามหน่ึง
ตารางหนว่ ย เรียกวา่ ขนาดของสนามแม่เหล็ก
2. ครูเข้าสู่บทเรียนโดยตั้งคำถามว่า ลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านจะมีสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นรอบ ๆ
ลวดตัวนำนัน้ หรือไม่
3. ครูให้นักเรียนร่วมแสดงความคิดเห็นกับคำถามที่ครูถาม โดยให้นักเรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปราย
และแสดงความคิดเหน็ อยา่ งอสิ ระโดยไมม่ ีการเฉลยวา่ ถูกหรือผิด
4. ครูถามคำถาม Prior Knowledge จากหนังสือเรียนเพื่อเป็นการนำเข้าสู่บทเรียนว่า “เข็มทิศจะมี
การวางตัวอย่างไร เมื่อนำไปวางใกล้ลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่าน” จากนั้นครูกล่าวเชื่อมโยง
เข้าส่กู จิ กรรมการเรยี นการสอน

ข้นั สอน

ขนั้ รู้ (Knowing)
1. นกั เรียนแบ่งกลุม่ ออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 3 คน ตามความสมัครใจของนักเรียน แลว้ ให้แตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั
ศกึ ษาคน้ ควา้ ข้อมูลตามหัวข้อเรอ่ื ง ดังต่อไปน้ี
• สนามแมเ่ หลก็ จากกระแสไฟฟ้าทผี่ า่ นลวดตวั นำตรง
• สนามแม่เหลก็ จากกระแสไฟฟา้ ทีผ่ า่ นลวดวงกลม

38

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

• สนามแมเ่ หล็กจากกระแสไฟฟา้ ที่ผ่านโซเลนอยด์
โดยศึกษาจากหนังสอื เรยี น หรือแหลง่ การเรยี นร้ตู า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุป
ความร้ทู ไ่ี ด้จากการศกึ ษาคน้ ควา้ ลงในสมุดประจำตวั เพ่อื นำส่งครทู ้ายชวั่ โมง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)
ข้ันเข้าใจ (Understanding)
1. ครูอธิบายเพม่ิ เติมให้นักเรยี นเข้าใจเกย่ี วกับสนามแมเ่ หล็กจากกระแสไฟฟา้ ทผี่ ่านลวดตวั นำ ดงั น้ี

• เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำตรงที่วางตวั ในแนวดิง่ สนามแม่เหลก็ ที่เกดิ ขึ้นจะวนเป็น
วงกลมแนวระดับรอบลวดตัวนำโดยมีลวดตัวนำอยู่ที่จุดศูนย์กลาง (เส้นแรงแม่เหล็กเป็น
วงกลม) ซึ่งสงั เกตไดจ้ ากการวางตัวของผงตะไบเหล็กหรือเขม็ ทศิ

สนามแม่เหล็กจากกระแสไฟฟ้าที่ผ่านลวดตัวนำตรงเป็นสนามไม่สม่ำเสมอโดยมีขนาดเป็น
สัดส่วนกลับกับระยะห่างจากลวดตัวนำ (ระยะตามแนวรัศมีของวงกลม) ส่วนทิศทางของ
สนามแมเ่ หล็กหาได้จากกฎมอื ขวา
• เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านลวดวงกลม ลักษณะเส้นแรงแม่เหล็กของสนามแม่เหล็กในระนาบ
ทต่ี ั้งฉากกับระนาบของลวดวงกลมและผา่ นกึง่ กลางของลวดวงกลมพิจารณาได้จากการวางตัว
ของผงตะไบเหล็ก ซึ่งมลี ักษณะคล้ายกบั สนามแม่เหล็กของแท่งแมเ่ หล็กส้ัน ๆ

สนามแมเ่ หล็กจากกระแสไฟฟา้ ทีผ่ า่ นลวดวงกลมเป็นสนามไม่สมำ่ เสมอ ขนาดของ
สนามแมเ่ หลก็ มีค่าสูงสดุ บรเิ วณระนาบของลวดวงกลมและมีค่าลดลงเม่ืออยสู่ งู หรือต่ำกวา่
ระนาบของลวดวงกลม สว่ นทิศทางของสนามแม่เหล็กหาได้จากกฎมือขวา

39

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

• เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านโซเลนอยด์จะเกิดสนามแม่เหล็กทั้งบริเวณภายในและภายนอกโซ
เลนอยด์ โดยสนามแม่เหล็กภายในโซเลนอยด์บริเวณแกนกลางของโซเลนอยด์ จะเป็นสนาม
สม่ำเสมอซึ่งสังเกตได้จากการเรยี งตวั เปน็ เส้นตรงของผงตะไบเหล็ก

จากภาพ จะสังเกตพบว่าบริเวณแกนกลางของโซเลนอยด์จะมีผงตะไบเหล็กเรียงตัวกัน
หนาแน่นกว่าบริเวณภายนอกโซเลนอยด์ (ด้านข้างและปลายทั้งสองของขดลวด)
สนามแม่เหล็กจากกระแสไฟฟ้าที่ผ่านโซเลนอยด์จึงมีค่าสูงสุดที่บริเวณแกนกลางของโซ
เลนอยด์ ซึ่งขนาดของสนามแม่เหล็กจากกระแสไฟฟ้าที่ผ่านโซเลนอยด์มีค่าเพิ่มขึ้นตามค่า
กระแสไฟฟา้ และจำนวนรอบตอ่ ความยาวของขดลวด
2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสนามแม่เหล็กจากกระแสไฟฟ้าที่ผ่านทอรอยด์ว่า ทอรอยด์มีลักษณะ
เหมือนโซเลนอยด์ที่นำมาขดเป็นวงกลม เมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าผ่านทอรอยด์ สำหรับทอรอยด์ท่ี
ขดลวดพันชิดกันหรือแกน เป็นสารแม่เหล็กเฟอโรจะเกิดสนามแม่เหล็กเฉพาะบริเวณภายในแกน
ของทอรอยด์เท่านั้น โดยสนามแม่เหล็กจะวนเป็นวงกลมไปตามความโค้งของแกน สนามแม่เหล็ก
ภายในทอรอยด์เป็นสนามไม่สม่ำเสมอ โดยสนามแม่เหล็กบริเวณขอบในของแกนมีค่าสูงกว่า
สนามแม่เหล็กบริเวณขอบนอกของแกน ซึ่งขนาดของสนามแม่เหล็กมีค่าลดลงตามระยะห่างจากจดุ
ศนู ยก์ ลางของทอรอยด์

ชั่วโมงที่ 3-4

ขนั้ ลงมือทำ (Doing)
1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม (กลุ่มละ 6 คน) เพื่อร่วมกันศึกษากิจกรรม สนามแม่เหล็กที่เกิดจาก
กระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ จากหนังสือเรียน โดยครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือมาจัด
กระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแต่ละคนภายในกลุ่มมีบทบาทหน้าที่ของตนเอง ดังน้ี
• สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหน้าท่ี เตรยี มวสั ดอุ ปุ กรณ์
• สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหนา้ ท่ี อา่ นวธิ ีการทำกิจกรรม และนำมาอธิบายใหส้ มาชกิ ภายในกลมุ่
• สมาชกิ คนที่ 5-6 ทำหนา้ ท่ี บันทกึ ผลการทดลอง

40

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

2. ครแู จ้งจดุ ประสงค์ของกิจกรรม สนามแม่เหล็กทเี่ กิดจากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ ใหน้ ักเรียนทราบ
เพื่อเป็นแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง จากนั้นให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทำกิจกรรมตามขั้นตอน จาก
หนังสอื เรียน

3. ครูเน้นให้นักเรียนทราบว่า กระแสไฟฟ้าที่ผ่านลวดตัวนำต้องเป็นไฟฟ้ากระแสตรง ดังนั้น จึงต้องใช้
เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า และตำแหน่งต่าง ๆ ของเข็มทิศที่วางบนกระดาษแข็งควรห่างจาก
เส้นลวดตัวนำไม่เกิน 2 เซนติเมตร ควรจะขยับเข็มทิศไปทีละน้อยในรอบเส้นลวดตัวนำพร้อมทั้ง
สังเกตแนวการวางตัวของเข็มทศิ ซึ่งควรเวลาไม่เกิน 1 นาที และในขณะทำการทดลองไม่ควรมสี าร
แม่เหล็กและแท่งแม่เหลก็ อยู่ในบรเิ วณน้ัน

4. นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันแลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภิปรายผล
ร่วมกนั จากนั้นส่งตวั แทนออกมานำเสนอผลการทำกิจกรรม ในระหวา่ งท่นี กั เรยี นนำเสนอครูคอยให้
ข้อเสนอแนะเพม่ิ เติมเพื่อให้นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจที่ถูกต้อง และร่วมกนั ตอบคำถามท้ายกิจกรรม โดย
ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันอภปิ รายเพ่อื หาคำตอบ

5. ครูสุ่มเลือกนักเรียน 2-3 กลุ่ม ให้ออกมานำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเอง เมื่อนักเรียนแต่ละกลุ่ม
นำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองเรยี บรอ้ ยแล้ว จากนั้นครูเฉลยคำถามทา้ ยกิจกรรม

6. นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายผลท้ายกจิ กรรมสนามแมเ่ หล็กท่ีเกดิ จากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำว่า
ขณะมีกระแสไฟฟ้าเข้าไปในลวดตัวนำตรงจะเกิดสนามแม่เหล็กขึ้นรอบ ๆ ตัวนำนั้น ทิศของ
สนามแม่เหลก็ น้ีจะข้นึ กับทิศของกระแสไฟฟ้า เมื่อทศิ ของกระแสไฟฟ้าเปลย่ี น ทศิ ของสนามแม่เหล็ก
ก็จะเปลี่ยนด้วย สำหรับลวดตัวนำวงกลม พบว่ามีลักษณะคล้ายกัน แสดงว่าเมื่อมีกระแสไฟฟ้าผ่าน
ลวดตัวนำทีข่ ดเปน็ วงกลมจะทำให้เกิดสนามแม่เหลก็ ขึ้นในลักษณะเดยี วกบั สนามแม่เหล็กท่ีเกิดจาก
แท่งแม่เหล็ก และเมื่อให้กระแสไฟฟ้าผ่านโซเลนอยด์จะมีเส้นสนามแม่เหล็กเกิดขึ้น สนามแม่เหล็ก
ในบริเวณแกนกลางโซเลนอยด์จะมีค่าเพิ่มขึ้น เม่ือจำนวนรอบของขดลวดเพิ่มขึ้น

7. ครูให้นักเรียนทุกคนทำแบบฝึกหัด เรื่อง กระแสไฟฟ้าทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก จากแบบฝึกหัด
รายวชิ าเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ ม.6 เลม่ 1 เปน็ การบา้ นส่งในช่วั โมงถัดไป

ขน้ั สรปุ

1. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาที่ได้ศึกษาผ่านมาแล้วว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ แล้วให้
ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น โดยที่ครูอาจจะใช้ PowerPoint เรื่อง กระแสไฟฟ้าทำให้เกิด
สนามแม่เหล็ก มาชว่ ยในการอธิบาย

2. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับแม่เหล็กไฟฟ้าและการนำแม่เหล็กไฟฟ้าไปใช้งานด้านต่าง ๆ เช่น สวิตซ์
อตั โนมตั ชิ นิดแมเ่ หล็กไฟฟา้ สวิตซร์ เี ลย์

3. ครูมอบหมายให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด Topic Question เรื่อง กระแสไฟฟ้าทำให้เกิด
สนามแม่เหลก็ จากหนงั สอื เรยี นฯ ลงในสมดุ ประจำตัว

41

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

4. ครมู อบหมายให้นักเรียนไปทำแบบฝึกเสริมประสบการณจ์ าก Unit Question 1 เร่ือง กระแสไฟฟ้า
ทำใหเ้ กิดสนามแม่เหล็ก จากหนังสอื เรียนฯ ลงในสมุดประจำตัว และศึกษาเนื้อหา เร่อื ง แรงกระทำ
ต่อลวดตวั นำตรงท่ีมกี ระแสไฟฟา้ ผา่ นและอยู่ในสนามแม่เหลก็ ซ่ึงจะเรียนในคาบตอ่ ไปมาลว่ งหน้า

ขั้นประเมนิ

1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับเรื่อง กระแสไฟฟ้าทำให้เกิดสนามแม่เหล็ก โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบ
คำถาม การทำแบบฝกึ หดั และการสรปุ สาระสำคัญ

2. ประเมินทกั ษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตรจ์ ากโดยสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ การปฏบิ ัติ
กจิ กรรม สนามแมเ่ หล็กท่ีเกดิ จากกระแสไฟฟ้าในลวดตัวนำ และการนำความรทู้ ่ีไดไ้ ปใช้ประโยชน์

3. ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงคโ์ ดยสังเกตพฤติกรรมจากการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรม
การอภปิ ราย และการทำแบบฝึกหัด

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ ีวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การประเมิน

7.1 การประเมินระหว่าง

การจดั กิจกรรม - ตรวจแบบฝึกหดั - ตรวจแบบฝึกหดั - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- Topic Question - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
1) กระแสไฟฟา้ ทำให้ - ตรวจ Topic - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

เกดิ สนามแมเ่ หล็ก Question

2) การปฏบิ ัตกิ าร - ประเมนิ - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
3) พฤตกิ รรม การปฏบิ ตั กิ าร การปฏิบตั กิ าร
การทำงาน - ระดับคุณภาพ 2
รายบคุ คล - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกต ผ่านเกณฑ์

4) พฤตกิ รรม การทำงาน พฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
การทำงานกลุ่ม ผา่ นเกณฑ์
รายบุคคล การทำงานรายบคุ คล
5) คณุ ลักษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
อันพงึ ประสงค์ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์

การทำงานกลมุ่ พฤตกิ รรม

การทำงานกลมุ่

- สงั เกตความมีวนิ ัย - แบบประเมนิ

ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ัน คณุ ลักษณะ

ในการทำงาน อนั พึงประสงค์

42

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

8. ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้

8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียน รายวิชาเพมิ่ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 1
2) แบบฝกึ หัด รายวิชาเพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เล่ม 1
3) PowerPoint เรอื่ ง กระแสไฟฟ้าทำใหเ้ กิดสนามแมเ่ หล็ก
4) สมุดประจำตวั

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) หอ้ งสมดุ
3) แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ

43

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

9. ความเหน็ ของผู้บรหิ ารสถานศึกษาหรอื ผ้ทู ไ่ี ดร้ ับมอบหมาย

ขอ้ เสนอแนะ

ลงช่อื .................................
( นายนยิ ม รักพรม )

ผอู้ ำนวยการโรงเรยี นอำนาจเจริญ

10. บนั ทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น

 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวิทยาศาสตร์

 ดา้ นอืน่ ๆ (พฤติกรรมเดน่ หรือพฤติกรรมที่มีปญั หาของนักเรยี นเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปญั หา/อปุ สรรค
 แนวทางการแกไ้ ข

44

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟา้
แผนฯ ท่ี 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 3

แรงกระทำตอ่ ลวดตวั นำท่มี กี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ นและอยู่ในสนามแมเ่ หลก็

เวลา 4 ชั่วโมง

1. ผลการเรยี นรู้

อธิบาย และคำนวณแรงแม่เหล็กที่กระทำต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแม่เหล็ก แรง

แมเ่ หล็กที่กระทำต่อเส้นลวดที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและวางในสนามแม่เหล็ก รศั มคี วามโค้งของการเคลื่อนที่เมื่อ

ประจุเคลื่อนทตี่ ้ังฉากกับสนามแม่เหล็ก รวมทง้ั อธิบายแรงระหว่างเส้นลวดตวั นำคู่ขนานท่มี กี ระแสไฟฟา้ ผา่ นได้

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบาย สืบค้น และอภิปรายเกี่ยวกับแรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ใน
สนามแม่เหล็กได้ (K)

2. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวา่ งทิศของกระแสไฟฟา้ ทิศของสนามแม่เหลก็ และทิศการเคล่อื นท่ีของลวดตวั นำได้ (K)
3. ปฏิบัติกจิ กรรมแรงทกี่ ระทำต่อลวดตวั นำทม่ี ีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็กไดอ้ ยา่ งถูกต้อง (P)
4. ความเป็นคนช่างสังเกต ช่างคิด ช่างสงสัย ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการเสาะแสวงหาความรู้ (A)

3. สาระการเรยี นรู้

สาระการเรียนรู้เพ่มิ เตม่ิ สาระการเรยี นรู้ท้องถิ่น

- อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่เข้าไปใน พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา

สนามแม่เหล็ก จะเกิดแรงกระทำต่ออนุภาคนั้น

คำนวณไดจ้ ากสมการ = sin

- ลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านและอยู่ใน

สนามแม่เหล็ก จะเกิดแรงกระทำต่อลวดตัวนำ

นั้น โดยทิศทางของแรงหาได้จากกฎมือขวา

และคำนวณขนาดของแรงได้จากสมการ

= sin

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

เม่อื อนุภาคที่มปี ระจุไฟฟ้าเคลื่อนที่ในสนามแมเ่ หล็กจะมีแรงแม่เหล็กกระทำต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้า
นั้น และเม่อื มีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านลวดตวั นำใด แสดงวา่ มปี ระจุไฟฟา้ เคลื่อนผ่านลวดตวั นำนั้น หากลวดตัวนำ
ที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านอยู่ในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก แรงแม่เหล็กท่ีกระทำต่ออนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าจะ
ส่งผลใหเ้ กิดแรงแมเ่ หลก็ กระทำตอ่ ลวดตัวนำน้ันด้วย

45

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี นและคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มีวนิ ัย รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. ซื่อสัตย์ สุจรติ

2) ทกั ษะการสอ่ื สาร 4. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน

3) ทักษะการทดลอง

4) ทกั ษะการวเิ คราะห์

5) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั

6) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป

3. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต

6. กิจกรรมการเรียนรู้

 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ สี อน/เทคนิค : การสอนแบบเนน้ มโนทศั น์ (Concept Based Teaching)

ชั่วโมงท่ี 1-2

ขนั้ นำ

ข้นั การใช้ความร้เู ดิมเช่ือมโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge)
1. ครูทบทวนเกี่ยวกับสนามแม่เหลก็ ที่เกิดจากกระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำ จากนั้นตั้งคำถามว่า ถ้าวาง
ลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไว้ในบริเวณที่มีสนามแม่เหล็ก จะเกิดแรงกระทำต่อลวดตัวนำนั้นหรือไม่
อย่างไร ขนาดของแรงที่กระทำต่อลวดตัวนำตรงขึ้นอยู่กับปริมาณใดบ้าง และจะหาทิศของแรง
แม่เหล็กไดอ้ ยา่ งไร
2. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรือผิด ซ่ึง
นักเรียนจะไดค้ ำตอบทถี่ ูกต้องจากการเรียนต่อไป

ข้นั สอน

ขัน้ รู้ (Knowing)
1. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม ๆ ละ 3-4 คน ตามความสมัครใจของนักเรียน โดยใหแ้ ต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้า
ข้อมูล เรื่อง แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก จากหนังสือ
เรียน หรือแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็ แล้วร่วมกันสรปุ ความรูท้ ศี่ ึกษาลงในสมุดประจำตวั
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนักเรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

46

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แมเ่ หลก็ และสนามแมเ่ หลก็

2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายเรื่องที่ได้ศึกษา จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนเขียนสรุป
ความรูท้ ี่ไดจ้ ากการศกึ ษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตวั เพอ่ื นำสง่ ครูทา้ ยชัว่ โมง

3. ครูแสดงภาพหรอื นำภาพในหนังสือเรยี นเกี่ยวกับแรงแม่เหล็กบนลวดตวั นำตรงทีม่ ีกระแสไฟฟ้าผ่าน
และอยู่ในสนามแมเ่ หล็กสมำ่ เสมอ

4. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ลวดตวั นำตรงยำว พน้ื ทห่ี น้ำตดั A ทม่ี กี ระแสไฟฟ้ำ I ผ่ำและ
อยู่ในสนำมแม่เหล็กสม่ำเสมอ B ดงั ภำพ เน่ืองจำกกระแสไฟฟ้ำในลวดตวั นำเกิดจำกกำร
เคล่ือนท่ีของอิเล็กตรอนอิสระซ่ึงเป็ นอนุ ภำคท่ีมีประจุไฟฟ้ ำจึงเกิดแรงแม่เหล็กกระทำต่อ
อเิ ลก็ ตรอนอสิ ระภำยในตวั นำ สง่ ผลใหเ้ กดิ แรงแมเ่ หลก็ กระทำตอ่ ลวดตวั นำ โดยแรงแม่เหลก็ ท่ี
กระทำตอ่ ลวดตวั นำมคี ่ำเท่ำกบั แรงแม่เหลก็ ลพั ธท์ ก่ี ระทำต่ออเิ ลก็ ตรอนอสิ ระในตวั นำ

5. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า อเิ ลก็ ตรอนอสิ ระเคล่อื นทด่ี ว้ ยควำมเรว็ เท่ำกบั ควำมเรว็ ลอยเล่อื น vd ใน
ทศิ ตรงขำ้ มกบั ทศิ ของกระแสไฟฟ้ำ แรงแม่เหลก็ ทก่ี ระทำตอ่ อเิ ลก็ ตรอนอสิ ระแตล่ ะอนุภำคจงึ มี
ค่ำเป็น −e(vd  B) คอื มขี นำดเป็น evd Bsin(180 −) = evd Bsin ทศิ พุง่ เขำ้ และตงั้ ฉำก
กบั ระนำบหน้ำกระดำษ เม่อื e คอื ปริมำณประจุของอิเล็กตรอนแต่ละอนุภำค ถ้ำจำนวน
อเิ ลก็ ตรอนอสิ ระตอ่ หน่วยปรมิ ำตรในลวดตวั นำมคี ำ่ เป็น n จำนวนอนุภำคไฟฟ้ำทงั้ หมดในลวด
ตัว น ำ จ ะ มีค่ ำ เ ป็ น nA แ ร ง แ ม่ เ ห ล็ก บ น ล ว ด ตัว น ำ ต ร ง จึง มีข น ำ ด เ ป็ น ค่ ำ เ ป็ น

FB = nA (evd Bsin ) = nevd A( Bsin )

แต่ nevd A = I คอื กระแสไฟฟ้ำทผ่ี ำ่ นลวดตวั นำ จงึ สมกำร FB = I Bsin
ขั้นเขา้ ใจ (Understanding)

1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนศึกษาสมการที่ใช้ในการคำนวณเกี่ยวกับขนาดของแรงแม่เหล็กที่กระทำต่อ
ลวดตัวนำตามรายละเอียดในหนังสือเรียน และศึกษาตัวอย่างที่ 1.5 เพื่อให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ
มากย่งิ ขนึ้

2. ครูอาจสุ่มนักเรียนให้ออกมานำเสนอวิธีการแก้ปัญหาโจทย์ตัวอย่าง โดยที่ครูคอยแนะนำและเสริม
ข้อมูลทถี่ กู ตอ้ งให้นักเรียน

3. นักเรียนจับคู่กับเพื่อนในชั้นเรียน ตามความสมัครใจของนักเรียน จากนั้นร่วมกันทำใบงานที่ 1.2
เรอื่ ง แรงกระทำตอ่ ลวดตวั นำท่ีมีกระแสไฟฟา้ ไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก

47

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ท่ี 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หล็ก

4. ครูสุ่มนักเรียนจำนวน 2 คู่ ออกมาเฉลยใบงาน โดยนักเรียนร่วมกันพิจารณาว่าคำตอบใดถูกต้อง
จากน้ันครเู ฉลยคำตอบที่ถูกต้องใหน้ กั เรียน

ช่วั โมงท่ี 3-4

ขน้ั สอน

ข้ันลงมือทำ (Doing)
1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน ปฏิบัติกิจกรรม แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มี
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก โดยให้นักเรียนแบ่งบทบาทหน้าที่ของสมาชิก
ภายในกลุ่มว่าใครมีบทบาทหน้าท่ีอย่างไร
2. นักเรียนทำกิจกรรมโดยครูกำหนดเวลาในการทำกิจกรรม ขณะที่นักเรียนทำกิจกรรม ครูคอยตรวจ
พฤตกิ รรมของนกั เรยี นและจดบนั ทึกในแบบบนั ทึกพฤติกรรม
(หมายเหตุ: ครูเรมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมนิ การปฏบิ ัตกิ จิ กรรม)
3. ครูอาจให้คำแนะนำก่อนทำกิจกรรม ดังนี้
• ในการทดลองนี้ ต้องให้กระแสไฟฟ้าผ่านลวดตัวนำในทิศที่แน่นอน อาจใช้ถ่ายไฟฉายเป็น
แหลง่ กำเนิดไฟฟา้ หรอื ใชเ้ ครื่องแปลงกระแสไฟฟา้ ก็ได้
• ก่อนทำการทดลองควรนำเข็มทิศมาตรวจสอบขั้วแม่เหล็กรูปตัวยู เพื่อได้ทราบว่า ด้านล่าง
ของแม่เหล็กแท่งบนเป็นขวั้ เหนือ และดา้ นบนของแม่เหล็กแท่งลา่ งเปน็ ข้วั ใต้ กรณถี ้าต้องการ
ให้ทิศของสนามแมเ่ หล็กขนึ้ ตามแนวดง่ิ ให้พลกิ แผน่ เหล็กรูปตัวยูกลับขา้ งบนลงล่าง และเม่ือ
ทำการทดลองแต่ละครง้ั ควรปิดสวิซ์ทันที

ขั้นสรปุ

1. ครูให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมารายงานผลที่ได้จากการทำกิจกรรมหน้าช้ันเรยี น แล้วครูสอบถาม
นักเรียนกลุ่มอื่นว่าได้ผลของทิศการเคลื่อนที่ของความเหมือนหรือต่างกันหรือไม่ อย่างไร ถ้าไม่
ตรงกันให้ช่วยกันวิเคราะห์และสรุปว่าผลทีถ่ ูกต้องเป็นอย่างไร จากนั้นครูเปน็ ผูเ้ ฉลยผลที่ได้จากการ
ทำกจิ กรรมทีถ่ ูกตอ้ ง

2. นักเรียนแต่ละกล่มุ วเิ คราะหผ์ ลทไี่ ด้จากการทำกจิ กรรมตามคำถาม ดงั นี้
• สนามแมเ่ หล็กมผี ลตอ่ การเคล่ือนทข่ี องลวดตัวนำทีม่ กี ระแสไฟฟ้าผา่ นหรอื ไม่ อยา่ งไร
• ทศิ ของกระแสไฟฟ้ามีผลต่อทิศการเคล่ือนท่ีของเส้นลวดตวั นำหรือไม่ อย่างไร
• เพราะเหตใุ ดลวดตัวนำจงึ เคล่อื นท่ไี ด้

3. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกิจกรรม แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและ
อยู่ในสนามแม่เหล็ก เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า ลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลและอยู่ในบริเวณที่มี

48

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 แมเ่ หลก็ ไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

สนามแม่เหล็ก จะมีแรงกระทำทำให้ลวดตัวนำเคลื่อนที่ ซึ่งการเคลื่อนที่จะขึ้นอยู่กับทิศทางของ
กระแสไฟฟา้ และทิศทางของสนามแม่เหล้ก
5. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนสอบถามเนื้อหาที่ได้ศึกษาผ่านมาแล้วว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ แล้วให้
ความรู้เพิ่มเติมในส่วนนั้น โดยที่ครูอาจจะใช้ PowerPoint เรื่อง แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มี
กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นและอยใู่ นสนามแมเ่ หล็ก มาช่วยในการอธิบาย
6. ครูมอบหมายให้นักเรียนฝึกทำแบบฝึกหัด Topic Question เรื่อง แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มี
กระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยใู่ นสนามแม่เหลก็ จากหนังสือเรยี นฯ ลงในสมดุ ประจำตัว
7. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัด เรื่อง แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ใน
สนามแม่เหล็ก เป็นการบ้านแล้วนำส่งครู และศึกษาเนื้อหา เรื่อง แรงระหว่างลวดตัวนำ 2 เส้นท่ี
ขนานกนั และมกี ระแสไฟฟ้าไหลผา่ น ซึง่ จะเรียนในคาบตอ่ ไปมาลว่ งหนา้

ขน้ั ประเมนิ

1. ประเมินความรู้เกี่ยวกับเรื่อง แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ใน
สนามแม่เหล็ก โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม การทำแบบฝึกหัด ใบงาน และการสรุป
สาระสำคัญ

2. ประเมินทักษะและกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์จากโดยสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลมุ่ การปฏบิ ัติ
กิจกรรม แรงกระทำต่อลวดตัวนำที่มีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ในสนามแม่เหล็ก และการนำ
ความรู้ทไ่ี ดไ้ ปใช้ประโยชน์

3. ประเมินคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์โดยสงั เกตพฤติกรรมจากการสังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติกิจกรรม
การอภิปราย และการทำแบบฝกึ หดั

7. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วธิ วี ัด เครือ่ งมอื เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 การประเมินระหว่าง - ใบงานท่ี 1.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ตรวจแบบฝกึ หัด - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
การจดั กิจกรรม - ตรวจใบงานที่ 1.2 - Topic Question - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

1) แรงกระทำต่อลวด - ตรวจแบบฝึกหัด - แบบประเมนิ - ระดับคุณภาพ 2
การปฏิบัตกิ าร ผ่านเกณฑ์
ตวั นำท่มี ีกระแสไฟฟ้า - ตรวจ Topic

ไหลผ่านและอยใู่ น Question

สนามแม่เหลก็

2) การปฏิบัตกิ าร - ประเมิน

การปฏบิ ตั ิการ

49

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 แมเ่ หล็กไฟฟ้า
แผนฯ ที่ 1 แม่เหลก็ และสนามแมเ่ หลก็

3) พฤติกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต - ระดบั คณุ ภาพ 2
การทำงาน ผ่านเกณฑ์
รายบคุ คล การทำงาน พฤตกิ รรม
- ระดับคุณภาพ 2
4) พฤติกรรม รายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
การทำงานกลมุ่
- สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกต - ระดับคุณภาพ 2
5) คุณลกั ษณะ ผ่านเกณฑ์
อันพงึ ประสงค์ การทำงานกลมุ่ พฤตกิ รรม

การทำงานกลมุ่

- สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมิน

ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งม่ัน คุณลักษณะ

ในการทำงาน อนั พงึ ประสงค์

8. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เตมิ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ฟิสกิ ส์ ม.6 เลม่ 1
2) แบบฝึกหดั รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฟิสิกส์ ม.6 เล่ม 1
3) ใบงานท่ี 1.2 เร่อื ง แรงกระทำต่อลวดตัวนำท่มี ีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านและอยู่ในสนามแมเ่ หล็ก
4) PowerPoint เร่ือง แรงกระทำต่อลวดตัวนำท่มี กี ระแสไฟฟา้ ไหลผ่านและอยใู่ นสนามแมเ่ หลก็
5) สมุดประจำตัว

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรียน
2) ห้องสมดุ
3) แหล่งขอ้ มูลสารสนเทศ

50


Click to View FlipBook Version