ด่านกั้น (Barriers) ด่ำนกั้น หมำยถึง ด่ำนกั้นส ำหรับสกัดหรือยับยั้งกำรเข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์ สำรพิษหรือสถำนที่ที่ใช้ฆ่ำตัวตำย ส ำหรับอุบัติกำรฆ่ำตัวตำยในคนไทยวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ฆ่ำตัวตำยมำกที่สุดคือ เชือกหรือวัสดุที่ใช้ผูกคอ ยำสำมัญประจ ำ บ้ำนหรือยำที่ใช้อยู่ประจ ำ สำรพิษที่ใช้ในครัวเรือนหรือในงำนเกษตรกรรม รมควันในรถยนต์ ใช้ปืน กระโดดจำกที่สูงเช่นสะพำน หรือตึกอำคำร ซึ่งจะพบ ได้ แทบทุกอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำย ด่ำนกั้นที่จะสกัดหรือ ยับยั้งหรือขัดขวำงกำรเข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์สำรพิษหรือสถำนที่ที่ใช้ฆ่ำตัวตำย ไม่ มี หรือหละหลวมไม่เข้มแข็งพอ ท ำให้บุคคลที่มีควำมคิดและมีเจตนำตั้งใจจะ ฆ่ำตัวตำย มีวัสดุอุปกรณ์สำรพิษที่สำมำรถน ำมำใช้ได้สะดวก รวมถึงกำรเข้ำไป ยังสถำนที่ที่จะใช้ฆ่ำตัวตำยได้สะดวก อุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยจึงเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงมีงำนจ ำนวนมำกที่แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของกำรเข้ำถึง วิธีกำรที่เป็นอันตรำยถึงชีวิตในฐำนะปัจจัยพยำกรณ์ที่ส ำคัญของกำรฆ่ำตัว ตำย (Yip, 2012;Turecki, 2019) การเฝ้าระวังป้องกัน กำรเฝ้ำระวังป้องกันในที่นี้จะหมำยถึงกำรสังเกตเฝ้ำระวังสัญญำณเตือนฆ่ำ ตัวตำย โดยจะมีขั้นตอนปฏิบัติ ดังนี้ 1. เฝ้ำสังเกตสัญญำนเตือนฆ่ำตัวตำย 2. เข้ำหำ พูดคุยและรับฟัง เมื่อพบสัญญำณเตือนเพื่อส ำรวจควำมทุกข์ใจ และควำมตั้งใจฆ่ำตัวตำย 3. ประเมินสถำนกำรณ์วิกฤติ เร่งด่วน (ที่จะเกิดพฤติกรรมฆ่ำตัวตำย)และ ตอบสนองอย่ำงฉับไว
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 46 4. ให้ควำมช่วยเหลือทันที (รวมถึงกำรยับยั้งกำรกระท ำฆ่ำตัวตำย) และส่ง ต่อผู้เชี่ยวชำญ หำกวิธีปฏิบัติดังกล่ำวนี้ไม่เข้มแข็งพอจะน ำไปสู่กำรเกิดอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัว ตำยได้ในบุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยง มีปัจจัยกระตุ้น ปัจจัยปกป้องอ่อนแอ และ เข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์หรือสถำนที่ที่ใช้ฆ่ำตัวตำยได้ง่ำย 6.3 โมเดลการบูรณาการระหว่างแรงจูงใจกับความตั้งใจของพฤติกรรม ฆ่าตัวตาย (Integrated Motivational-Volitional model of suicidal behavior, IMV) Integrated Motivational-Volitional model of suicidal behavior, IMV model พัฒนำขึ้นโดย Rory O’Connor (O'Connor, 2011; O'Connor, 2018) เป็นแบบจ ำลองสำมระยะ ดังแสดงในภำพที่ 4 ที่ก ำหนดให้กำรฆ่ำตัวตำยและ กำรท ำร้ำยตนเองเป็นพฤติกรรมที่เฉพำะ ไม่ใช่เป็นเพียงผลพลอยได้หรืออำกำร ของโรคทำงจิตเท่ำนั้น โดยจะเสมือนแผนที่แสดงควำมสัมพันธ์ระหว่ำง ปัจจัยพื้นฐำนและเหตุกระตุ้นให้เกิดกำรพัฒนำควำมคิด/เจตนำฆ่ำตัวตำยไป จนถึงกำรกระท ำฆ่ำตัวตำย นอกจำกนั้นโมเดลนี้ยังให้สมมติฐำนที่ทดสอบได้c และชี้ให้เห็นโอกำสในกำรแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือแก้ไขและป้องกัน
ภาพที่4 Integrated Motivational-Volitional model of suicidal behavior, IMV model ระยะก่อนเกิดแรงจูงใจ (pre-motivational phase) จะอธิบำยบริบททำงชีวจิตสังคม(Biopsychosocial context) ซึ่งอำจท ำให้ ควำมคิดและพฤติกรรมกำรฆ่ำตัวตำยเกิดขึ้น ภำยใต้แนวคิด diathesis– environment – life events triad ควำมเสี่ยงหรือควำมโน้มเอียงของบุคคล (Diatheses) อยู่ในรูปแบบของปัจจัยเปรำะบำงทำงชีววิทยำ พันธุกรรม หรือ พุทธิปัญญำ (cognitive) หรือลักษณะควำมแตกต่ำงของแต่ละบุคคลที่เพิ่ม ควำมเสี่ยงในกำรฆ่ำตัวตำย เช่น กำรลดลงของสำรสื่อประสำทซีโรโทนินใน ระบบประสำทส่วนกลำง กำรเป็นคนนิยมควำมสมบูรณ์แบบ(Perfectionism) ซึ่งมีสมมุติฐำนว่ำควำมสมบูรณ์แบบจะเพิ่มโอกำสให้บุคคลรู้สึกพ่ำยแพ้ได้ง่ำย
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 48 เมื่อเกิดวิกฤติปัญหำเนื่องจำกจะไวต่อสัญญำณด้ำนลบจำกสังคมรอบข้ำงและ กำรเป็นคนนิยมควำมสมบูรณ์แบบจะไวต่อกำรเกิดควำมเจ็บปวดด้ำนอำรมณ์ (Emotional pain) กำรอยู่ในภำวะที่มีควำมเหลื่อมล ้ำทำงเศรษฐกิจสังคมสูง ช่วงเศรษฐกิจถดถอย กำรประสบควำมล ำบำกในวัยเด็ก หรือมีเหตุกำรณ์ด้ำน ลบในชีวิต เหล่ำนี้เป็นปัจจัยท ำให้บุคคลเปรำะบำงมีโอกำสสูงที่จะเกิดควำมคิด ฆ่ำตัวตำย ระยะเกิดแรงจูงใจ (motivational phase) อธิบำยถึงปัจจัยและตัวก ำกับต่ำงๆที่ส่งเสริมและขัดขวำงกำรเกิดขึ้นของ ควำมคิดฆ่ำตัวตำย ระยะนี้จะมุ่งไปที่กระบวนกำรทำงจิตวิทยำที่ท ำให้เกิด ควำมคิดและควำมตั้งใจฆ่ำตัวตำย โดยให้ควำม ส ำคัญกำรประเมินว่ำพ่ำยแพ้ (defeated)และ/หรืออับอำย(humiliation) ร่วมกับควำมรู้สึกของกำรติดกับดัก ไม่มีทำงออก(entrapment) ซึ่งควำมรู้สึกติดกับดักไม่มีทำงออกอับจนหนทำงนี้ สำมำรถจ ำแนกเป็น internal entrapment (เกี่ยวข้องกับกำรติดอยู่กับควำม เจ็บปวดที่เกิดจำกควำมควำมคิดและควำมรู้สึกภำยในภำยใน ) และ external entrapment (เกี่ ยวข้อง กับแรง จูง ใจ ที่ จ ะ หลีกหนีจ ำกเหตุกำรณ์ห รื อ ประสบกำรณ์ในโลกภำยนอก) ควำมคิดฆ่ำตัวตำย(Suicidal ideation) จะเป็น ผลลัพธ์ของกระบวนกำรที่เริ่มจำกควำมรู้สึกพ่ำยแพ้ และ อับอำย (อำจเป็น ลักษณะจำกกำรถูกปฏิเสธทำงสังคมหรือกำรสูญเสีย) ในระยะนี้จะมีตัวก ำกับ ที่เรียกว่ำ Threat to self- modulators (TSM) ซึ่งจะมีผลทั้งทำงส่งเสริมหรือ ยับยั้งควำมรู้สึกติดกับดักอับจนหนทำง ในบุคคลที่เกิดควำมรู้สึกพ่ำยแพ้และ/ หรืออับอำย (defeated -entrapment relationship) ได้แก่ ควำมสำมำรถใน กำรแก้ไขปั ญหำ กำรย ้ำคิดในด้ำนลบ (Rumination) กำรเผชิญปั ญหำ
(Coping) และอคติจำกควำมทรงจ ำ(memory biases) ส ำหรับกำรเปลี่ยน ผ่ำนจำก entrapment จนเกิดควำมคิด/ควำมตั้งใจฆ่ำตัวตำย จะมีตัวก ำกับที่ เรียกว่ำ motivational moderator (MM) ได้แก่ ควำมรู้สึกโดดเดี่ยวแปลกแยก ควำมรู้สึกว่ำเป็นภำระต่อผู้อื่น ควำมคิดต่ออนำคต เป้ำหมำย/เหตุผลที่มีชีวิต อยู่, ทัศนคติต่อกำรฆ่ำตัวตำย (Attitude toward suicide ) บรรทัดฐำนสังคม (norm) ควำมสำมำรถในกำรฟื้นตัว (resilience) กำรช่วยเหลือทำงสังคม ระยะตัดสินใจ (volitional phase) จำก suicidal ideation สู่ suicide attempt หรือ suicide จะมีตัวก ำกับที่ เรียกว่ำ volitional modulator (VM) จะส่งเสริมหรือยับยั้งกำรกระท ำฆ่ำตัวตำย ได้แก่ กำรทนเจ็บปวดทำงกำยได้สูงและไม่กลัวควำมตำยกำรจินตนำกำรฆ่ำตัว ตำย(mental imagery of suicide) ควำมหุนหันพลันแล่น(Impulsive), กำรมี แผนฆ่ำตัวตำย กำรเข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์ฆ่ำตัวตำย และกำรมีตัวอย่ำงหรือเคย กระท ำฆ่ำตัวตำย โดยสรุป IMV เสนอว่ำ พฤติกรรมฆ่ำตัวตำยเป็นผลมำจำกกำรมีปฏิสัมพันธ์ กันอย่ำงซับซ้อนของปัจจัยต่ำงๆ ท ำให้บุคคลเกิดควำมคิดฆ่ำตัวตำยมีควำม ตั้งใจ จนไปถึงกระท ำฆ่ำตัวตำยแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยระยะที่1 คือระยะก่อน เกิดแรงจูงใจ (pre-motivational phase) จะอธิบำยบริบททำงชีวจิตสังคม (Biopsychosocial context) ซึ่งอำจท ำให้ควำมคิดและพฤติกรรมกำรฆ่ำตัว ตำยเกิดขึ้น ระยะที่2คือ ระยะเกิดแรงจูงใจ (motivational phase) อธิบำยถึง ปัจจัยและตัวก ำกับต่ำงๆที่ส่งเสริมและขัดขวำงกำรเกิดขึ้นของควำมคิดฆ่ำตัว ตำย และระยะที่3 คือ ระยะตัดสินใจ (volitional phase) อธิบำยถึงปัจจัยและ ตัวก ำกับที่ ส่งเสริมและขัดขวำงกำรเปลี่ยนผ่ำนจำกควำมคิดฆ่ำตัวตำยไปสู่
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 50 กำรพยำยำมฆ่ำตัวตำยและกำรเสียชีวิตด้วยกำรฆ่ำตัวตำย โดยควำมตั้งใจ (Intention)ฆ่ำตัวตำยถูกก ำหนดโดยควำมรู้สึกติดกับดัก (entrapment) อับจน หนทำงไม่มีทำงออก กำรฆ่ำตัวตำยถูกมองเห็นว่ำเป็นวิธีแก้ปัญหำที่ส ำคัญ ส ำหรับสถำนกำรณ์ขณะนั้นของชีวิต ควำมรู้สึกติดกับดักอับจนหนทำงดังกล่ำว นี้ถูกกระตุ้นจำกกำรประเมินว่ำเกิดกำรพ่ำยแพ้(defeated) และ/หรือเกิดควำม อับอำย (Humiliation) ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ก่อควำมเครียด (Stressors) อย่ำงเฉียบพลันหรือเรื้อรัง กำรเปลี่ยนผ่ำนจำกระยะมีควำมพ่ำยแพ้/ควำมอับ อำยไปสู่กำรติดกับดักอับจนหนทำง และจำกกำรติดกับดักอับจนหนทำงไปสู่มี ควำมคิด/เจตนำฆ่ำตัวตำย และจำกมีควำมคิด/เจตนำจนไปสู่พฤติกรรมฆ่ำตัว ตำย จะถูกก ำหนดโดยตัวก ำกับ (modulators) ของแต่ละขั้นตอน ซึ่งจะเป็น ปัจจัยที่สนับสนุนหรือขัดขวำงกำรเปลี่ยนผ่ำนระหว่ำงขั้นตอน
เอกสารอ้างอิง อนุพงศ์ ค ำมำ. (2556). ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกำรฆ่ำตัวตำยส ำเร็จ: กรณีศึกษำจังหวัด สุโขทัย. วำรสำรสมำคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย, 58(1): 3-16 Bolton, J. (2014). Case formulation after Engel - The 4P model. Philosophy, Psychiatry and Psychology, 21(3), 179-189. Beale L. (2017). Human disease and health promotion. New Jersey: John Wiley & Sons, Inc., p.11. Favril, L., Yu, R., Uyar, A., Sharpe, M., & Fazel, S. (2022). Risk factors for suicide in adults: systematic review and meta-analysis of psychological autopsy studies. BMJ Ment Health, 25(4), 148-155. Fletcher, R. H. (2014). Clinical Epidemiology: the Essentials. In Clinical Epidemiology: the Essentials. pp. 255-255. Fletcher, G. S. (2019). Clinical epidemiology: the essentials. Lippincott Williams & Wilkins. Franklin, J. C., Ribeiro, J. D., Fox, K. R., Bentley, K. H., Kleiman, E. M., Huang, X., & Nock, M. K. (2017). Risk factors for suicidal thoughts and behaviors: A meta-analysis of 50 years of research. Psychological bulletin,143(2),187-232. Gobbi, G., Atkin, T., Zytynski, T., Wang, S., Askari, S., Boruff, J., ... & Mayo, N. (2019). Association of cannabis use in adolescence and risk of depression, anxiety, and suicidality in young adulthood: a systematic review and metaanalysis. JAMA psychiatry, 76(4), 426-434. Kavalidou, K., Smith, D. J., & O’Connor, R. C. (2017). The role of physical and mental health multimorbidity in suicidal ideation. Journal of affective disorders, 209, 80-85.
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 52 Korczak, D. J., Canadian Paediatric Society, & Mental Health and Developmental Disabilities Committee. (2015). Suicidal ideation and behaviour. Paediatrics & child health, 20(5), 257-260. Leff JP. (1986). Transcultural Psychiatry: The epidemiology of mental illness across cultures. In: JL Cox (ed.), Croom Helm, London. Routledge, pp.25-39. McAuliffe, C., Corcoran, P., Keeley, H. S., Arensman, E., Bille-Brahe, U., de Leo, D., et al. (2006). Problem-solving ability and repetition of deliberate self-harm: A multicentre study. Psychological Medicine, 36(1), 45-55. Miola, A., Tondo, L., Pinna, M., Contu, M., & Baldessarini, R. J. (2023). Suicidal risk and protective factors in major affective disorders: a prospective cohort study of 4307 participants. Journal of affective disorders, 338, 189-198. O'Connor, R. C., & Kirtley, O. J. (2018). The integrated motivational–volitional model of suicidal behaviour. Philosophical Transactions of the Royal Society B: Biological Sciences, 373(1754), 20170268. O'Connor, R. (2011). The Integrated Motivational-Volitional Model of Suicidal Behavior.Crisis-The Journal of Crisis Intervention and Suicide Prevention,32(6),295-298. Rogerson, O., O'Connor, R. C., & O'Connor, D. B. (2024). The effects of childhood trauma on stress-related vulnerability factors and indicators of suicide risk: an ecological momentary assessment study. Journal of affective disorders, 352, 479-489. doi.org/10.1016/j.jad.2024.02.029 Shah A, Chandia M (2010). The relationship between suicide and Islam: a cross-national study. Journal of Injury and Violence Research, 2, 93-7. Turecki, G., Brent, D. A., Gunnell, D., O’Connor, R. C., Oquendo, M. A., Pirkis, J., & Stanley, B. H. (2019). Suicide and suicide risk. Nature reviews Disease primers, 5(1), 74. doi: 10.1038/s41572-019-0121-0)
Ullman, K., Landsteiner, A., Linskens, E., MacDonald, R., McKenzie, L., Murdoch, M., & Wilt, T. J. (2021). Risk and protective factors across socioecological levels of risk for suicide: An evidence map. Department of Veterans Affairs (US), Washington (DC): Evidence Synthesis Program, Health Services Research and Development Service, Office of Research and Development, Department of Veterans Affairs. VA ESP Project #09-009; https://www.hsrd.research.va.gov/publications/esp/reports.cfm U.S. Centers for Disease Control and Prevention. (2013). Promoting individual, family, and community connectedness to prevent suicidal behavior: strategic direction for the prevention of suicidal behavior.https://stacks.cdc.gov/view/cdc/5275 Vaz, F., Ferreira, J., Ribeiro, E., Rebouta, L., Lanceros-Mendez, S., Mendes, J. A., & De Rijk, J. (2005). Influence of nitrogen content on the structural, mechanical and electrical properties of TiN thin films. Surface and Coatings Technology, 191(2-3), 317- 323. World Health Organization (WHO) (2014). Preventing Suicide: A Global Imperative. Library Cataloguing-in-Publication Data World Health Organization, pp. 16–19. Wasserman, D. (Ed.). (2020). Oxford textbook of suicidology and suicide prevention. Oxford University Press, pp. 53-59. Yip, P. S., Caine, E., Yousuf, S., Chang, S. S., Wu, K. C. C., & Chen, Y. Y. (2012). Means restriction for suicide prevention. The Lancet, 379(9834), 2393-2399. Zhu, S., Li, X., & Wong, P. W. (2023). Risk and protective factors in suicidal behaviour among young people in Hong Kong: A comparison study between children and adolescents. Psychiatry research, 321, 115059.
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 54 บทที่7 ขั้นตอนการสอบสวนอุบัติการณฆ์ ่าตัวตายและพยายามฆ่าตัวตาย ขั้นตอนของกำรสอบสวนอุบัติกำรฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย ประยุกต์ใช้แนวทำงของกำรสอบสวนทำงระบำดวิทยำภำคสนำม (Field epidemiological investigation) ประกอบด้วย 9ขั้นตอน ดังต่อไปนี้ 1. เตรียมปฏิบัติกำร 2. ตรวจสอบยืนยันกำรฆ่ำตัวตำย 3. รวบรวมข้อมูลด้ำนระบำดวิทยำ 4. รวบรวมข้อมูลระบบบริกำรที่เกี่ยวข้อง 5. ค้นหำบ่งชี้ผู้ได้รับผลกระทบที่ต้องเยียวยำจิตใจและผู้ที่เสี่ยงต่อกำรฆ่ำตัว ตำยที่ต้องเฝ้ำระวังป้องกัน 6. สร้ำงสมมติฐำนกำรเกิดอุบัติกำรณ์ 7. ทดสอบสมมติฐำนจำกข้อมูลที่ได้หรือศึกษำเชิงวิเครำะห์ 8. วำงแผนให้กำรช่วยเหลือเยียวยำผู้ได้รับผลกระทบ และเฝ้ำระวังผู้ที่เสี่ยง 9. สรุปรำยงำน ให้ข้อเสนอแนะและเผยแพร่ ข้อมูลที่ส ำคัญในกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย กำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ ที่เป็นกำรกระท ำรุนแรงมุ่งต่อตนเอง (self-directed violence, SDV) ซึ่งอำจเป็นทั้งกำรฆ่ำตัวตำยส ำเร็จ กำรพยำยำมฆ่ำตัวตำย หรือกำรกระท ำรุนแรงมุ่งต่อตนเองที่ไม่ใช่กำรฆ่ำตัวตำย เมื่อได้รับข้อมูล เบื้องต้นทีมสอบสวนต้องให้กำรยืนยัน คัดแยก อุบัติกำรณ์กำรกระท ำรุนแรงมุ่ง ตัวตนเองที่ไม่ใช่กำรฆ่ำตัวตำยออกไป จึงท ำกำรรวบรวมข้อมูล และหลักฐำนที่ เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลที่ส ำคัญจะมีอยู่ทั้งหมด 3 ส่วน ได้แก่
1. ข้อมูลพืน้ฐานส่วนบุคคลและข้อมูลของเหตุการณ:์ ประกอบด้วย 1)ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด เช่น ชื่อนำมสกุล เพศ อำยุ สถำนภำพสมรส กำรศึกษำ อำชีพ กำรศึกษำ และอื่นๆตำมที่ระบุไว้ในแบบรำยงำนกำรสอบสวน อุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำย และ 2) ข้อมูลของเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นตำมเวลำ สถำนที่ รวมทั้งวิธีและกลไกที่ท ำให้เสียชีวิตหรือบำดเจ็บ ซึ่งรำยละเอียดของกำรบันทึก วิธี ใช้ฆ่ำตัวตำยจะอยู่ในแบบรำยงำนกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำย (มี แสดงในภำคผนวก) เช่นเดียวกัน 2.ข้อมูลสำเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง: เป็นข้อมูลและหลักฐำนที่เชื่อมโยงถึง สำเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้องน ำมำสู่กำรกระท ำฆ่ำตัวตำยในครั้งนี้ ข้อมูลใน หมวดนี้ควรจะครบถ้วนชัดเจนครอบคลุมปัจจัยดังต่อไปนี้ 1) ปัจจัยเสี่ยง 2) ปัจจัยกระตุ้น 3) ปัจจัยปกป้อง 4) กำรเฝ้ำระวัง และ 5) สภำพและประสิทธิ ภำพของด่ำนกั้นกำรเข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์สำรพิษและสถำนที่ที่ใช้ฆ่ำตัวตำย 3.ข้อมูลของระบบสุขภำพที่เกี่ยวข้อง: ข้อมูลที่จ ำเป็นในหมวดนี้จะเกี่ยวข้อง กับประสิทธิภำพและจุดบกพร่องของระบบสำธำรณสุขและระบบบริกำรสุขภำพ ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ได้แก่ 1) ระบบแจ้งเตือน และช่วยเหลือกรณีกระท ำรุนแรงมุ่งตนเองหรือฆ่ำตัวตำย 2) ระบบเฝ้ำระวัง ติดตำมกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่เคยพยำยำมฆ่ำตัวตำย 3) ระบบคัดกรองและบ ำบัด รักษำผู้ติดสุรำและผู้ติดสำรเสพติด 4) ระบบดูแลเฝ้ำระวังโรคซึมเศร้ำ และ 5) ระบบดูแลเฝ้ำระวังโรคจิตเภท แหล่งข้อมูลในกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย วัตถุประสงค์หลักของกำรสอบสวนอุบัติกำรฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย เพื่อรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องอย่ำงครอบคลุมจำกเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นแต่ละรำย ให้
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 56 ทรำบเหตุปัจจัยอย่ำงครบถ้วน ดังนั้นแหล่งข้อมูลที่จะสำมำรถให้ข้อมูลที่ต้องกำร อย่ำงครบถ้วนถูกต้องจึงมีควำมส ำคัญอย่ำงยิ่ง แหล่งข้อมูลในกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยจัด แบ่งเป็น 2 ประเภท 1.แหล่งข้อมูลปฐมภูมิ อำจเป็นบุคคลกระท ำฆ่ำตัวตำยที่รอดชีวิตหรือเป็น บุคคลใกล้ชิด เช่น สำมีภรรยำ พี่น้อง ลูกหลำนหรือเพื่อนสนิท หัวหน้ำหรือ ผู้บังคับบัญชำ เพื่อนร่วมงำน แพทย์พยำบำลผู้รักษำ นักจิตวิทยำและนักสังคม สงเครำะห์ที่เคยให้กำรดูแลช่วยเหลือ หรือพระสงฆ์ที่ผู้กระท ำฆ่ำตัวตำยให้ ควำมเคำรพและเคยไปปรึกษำหำรือ แหล่งข้อมูลเหล่ำนี้จะสำมำรถให้ข้อมูลที่ เกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยกระตุ้น ปัจจัยปกป้องในส่วนควำมอบอุ่นใน ครอบครัวและควำมสัมพันธ์ในกลุ่มเพื่อน กำรเฝ้ำระวังป้องกันและรวมถึงสภำพ ของด่ำนกั้นกำรเข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในกำรฆ่ำตัวตำย นอกจำกนี้ยังมี แหล่งข้อมูลด้ำนบุคคลอื่นที่ส ำคัญเช่น ผู้น ำชุมชน พระสงฆ์ ก ำนันผู้ใหญ่บ้ำน ครูประจ ำของโรงเรียนในชุมชน อำสำสำธำรณสุขประจ ำหมู่บ้ำน แหล่งข้อมูล เหล่ำนี้จะสำมำรถให้ข้อมูลด้ำนปัจจัยปกป้องทั้งในระดับควำมคิดควำมเชื่อ เรื่องฆ่ำตัวตำยและควำมเข้มแข็งของชุมชน ควำมผูกพันหรือสัมพันธภำพของ คนในชุมชน และ สภำพและประสิทธิภำพของด่ำนกั้นที่เป็นสถำนที่หรือที่ สำธำรณะของชุมชนที่ใช้ในกำรฆ่ำตัวตำย กำรเลือกแหล่งข้อมูลและกำร ก ำหนดจ ำนวนมำกน้อยขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้มำว่ำมีควำมอิ่มตัว (Data saturation) แล้วหรือไม่ คือได้ข้อมูลครบถ้วนส่วนส ำคัญทั้ง 3ส่วนและสำมำรถ ตอบสมมุติฐำนอุบัติกำรณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ชัดเจนแล้ว
2.แหล่งข้อมูลทุติยภูมิ ได้แก่ แฟ้มประวัติผู้ป่ วย บันทึกส่วนตัว จดหมำยลำ ตำย บันทึกผลหรือประวัติกำรเรียนของนักเรียนนักศึกษำ ข้อควำมหรือค ำพูดใน สื่อโซเชียลมีเดีย Facebook, TikTok, LINE และเอกสำรที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มี ข้อมูลหลำยส่วนที่แหล่งข้อมูลทุติยภูมิให้รำยละเอียดและหลักฐำนที่น่ำเชื่อถือ อย่ำงครบถ้วนสมบูรณ์มำกกว่ำแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ เช่น ข้อมูลปัจจัยเสี่ยงที่ เกี่ยวข้องกับควำมเจ็บป่ วยทำงจิตเวช ควำมเจ็บป่ วยทำงกำย ข้อมูลกำรดูแล รักษำรวมถึงสภำวะของโรคในช่วงเวลำหรือในขณะที่กระท ำกำรฆ่ำตัวตำย และ ข้อมูลที่แสดงถึงประสิทธิภำพและจุดบกพร่องของระบบบริกำรสุขภำพที่ เกี่ยวข้องกับอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยในแต่ละครั้ง 7.1 ขั้นตอนเตรียมปฏิบัติการ ขั้นตอนนี้จะเกิดขึ้นหลังจำกที่ทีมสอบสวนได้รับรำยงำนจำกจุดรับแจ้งเหตุ ฆ่ำตัวตำยว่ำมีกำรท ำร้ำยตนเองหรือกำรฆ่ำตัวตำยหรือกำรพยำยำมฆ่ำตัวตำย เกิดขึ้น จุดรับแจ้งเหตุของจังหวัดอำจเป็น 191 หรือ 1669 ที่สำมำรถรับแจ้งเหตุ จำกประชำชนที่พบเห็นในชุมชนได้ตลอด 24ชั่วโมง ซึ่งควรจะใช้หมำยเลขเดียว ทั้งจังหวัด ไม่ควรมีจุดหรือหมำยเลขรับแจ้งรำยอ ำเภอเพรำะจะท ำให้เกิดควำม สับสนและหำกผู้พบเห็นเหตุกำรณ์เป็นผู้ที่มำจำกต่ำงจังหวัดอำจจะล ำบำกใน กำรแจ้งเหตุ ในกรณีที่ผู้พยำยำมฆ่ำตัวตำยถูกส่งตัว มำที่ห้องฉุกเฉินหรือห้อง ตรวจผู้ป่ วยนอกของโรงพยำบำล ผู้สอบสวนก็อำจจะได้รับกำรรับแจ้งหรือ รำยงำนจำกพยำบำล หรือเจ้ำหน้ำที่ของห้องฉุกเฉินหรือหน่วยงำนผู้ป่ วยนอก หลังจำกที่ทีมสอบสวนได้รับรำยงำน ควรยืนยันเบื้องต้นจำกข้อมูลที่ได้ทั้งจำก กำรแจ้งเหตุหรือบำงรำยมีกำรเสนอเรื่องรำวเป็นข่ำวตำมหน้ำหนังสือพิมพ์หรือ ในโซเชียลมีเดียต่ำงๆ ทีมสอบสวนควรน ำข้อมูลดังกล่ำวมำท ำกำรยืนยัน
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 58 เบื้องต้นว่ำเป็นกำรกระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเองประเภทไหนและใช่กำรฆ่ำตัวตำย หรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยหรือไม่ เพรำะกำรสอบสวนฯ ควรจะด ำเนินกำรเฉพำะ กำรกระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเองที่สงสัยหรือใช่พฤติกรรมฆ่ำตัวตำยเท่ำนั้น สิ่งที่ควรจะต้องเตรียมกำรก่อนลงปฏิบัติ ได้แก่ 1. เตรียมองค์ควำมรู้ทีมสอบสวนควรจะมีควำมรู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุกำรณ์ ยกตัวอย่ำงเช่น ในรำยที่พยำยำมฆ่ำตัวตำยด้วยกำรกินสำรพิษ ควรจะศึกษำ กำรออกฤทธิ์และผลของสำรพิษต่อร่ำงกำย รวมถึงกำรทบทวนองคค์วำมรูท้่ี เกี่ยวข้องกับกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำย หรือเทคนิคกำรให้กำรปรึกษำ 2. เตรียมทีมสอบสวน: กำรลงปฏิบัติกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยใน พื้นที่ไม่ว่ำจะเป็นที่ ชุมชน สถำนศึกษำ โรงงำน หรือสถำนประกอบกำรต่ำงๆ ควรไปในลักษณะของทีม ซึ่งควรมี 3-5 คน ผู้สอบสวนอำจมำจำกหน่วยงำน เดียวกัน หรือต่ำงหน่วยงำน หรือต่ำงอ ำเภอก็ได้ตำมควำมเหมำะสม โดยผู้น ำ ทีมต้องผ่ำนกำรอบรมหลักสูตรกำรสอบสวนกรณีฆ่ำตัวตำยและกำรกระท ำ รุนแรงต่อตนเองของกรมสุขภำพจิต และหลักสูตรกำรให้กำรปรึกษำขั้นพื้นฐำน (Basic Counseling) หรือ ผ่ำนกำรฝึกอบรมกำรบ ำบัดรักษำด้วยจิตบ ำบัด (Psychotherapy) เมื่อได้ทีมครบแล้ว ควรมีกำรประชุมวำงแผน (อำจเป็นกำร ประชุมออนไลน์) เพื่อน ำข้อมูลเบื้องต้นมำท ำควำมเข้ำใจ วำงแผนรวบรวมม ข้อมูล จำกแหล่งข้อมูลที่เหมำะสม รวมทั้งก ำหนดบทบำทหน้ำที่ของสมำชิกใน ทีม (ควรก ำหนดหัวหน้ำทีมและผู้จดบันทึก) และนัดวันเวลำเพื่อลงสัมภำษณ์ แหล่งข้อมูลในพื้นที่ 3. เตรียมนัดหมำยแหล่งข้อมูล: ในกำรประชุมเตรียมปฏิบัติกำรควรระบุ แหล่งข้อมูลทั้งแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและทุติยภูมิ โดยก ำหนดเบื้องต้นว่ำข้อมูล
ใดจะรวบรวมจำกกำรสัมภำษณ์บุคคลใดหรือจำกค้นหำจำกเอกสำรอะไร ทีม สอบสวนท่ำนใดจะเป็นผู้สัมภำษณ์หรือรวบรวมจำกแหล่งข้อมูลใด จะใช้วิธี โทรศัพท์หรือออนไลน์ หรือสัมภำษณ์ที่บ้ำน หรือ สัมภำษณ์ที่สถำนพยำบำล หรือที่โรงเรียน รวมทั้งวำงแผนกำรนัดหมำยแหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคล ให้ชัดเจน ในวันเวลำและสถำนที่ 4. เตรียมเครื่องมือวัสดุอุปกรณ์: ได้แก่ สมุดบันทึก ดินสอ ปำกกำ ยำงลบ กระดำษทิชชู คู่มือกำรสอบสวน ฯ แบบรำยงำนกำรสอบสวนกรณีฆ่ำตัวตำย และพยำยำมฆ่ำตัวตำย แบบประเมินสุขภำพจิตหรือโรคจิตเวชที่ส ำคัญส ำหรับ ประเมินผู้ได้รับผลกระทบจำกเหตุกำรณ์ ได้แก่ 2Qplus, 9Q, 8Q หรือ ST5 5. เตรียมกำรเดินทำง ได้แก่ กำรขออนุมัติกำรเดินทำง กำรประสำน เครือข่ำยในพื้นที่เพื่อที่จะน ำทำงเรำไปพบแหล่งข้อมูลที่ก ำหนดไว้เหล่ำนั้น 7.2 ขั้นตอนตรวจสอบยืนยันการฆ่าตัวตายและจา แนกประเภทของ อุบัติการณ์ เนื่องจำกกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย ต้องใช้ ทรัพยำกรพอสมควรทั้งทีมสอบสวนและเวลำที่ใช้กับแหล่งข้อมูลแต่ละรำยหรือ แต่ละประเภทรวมทั้งข้อมูลจำกกำรสอบสวนแต่ละอุบัติกำรณ์ จะต้องรวบรวม ในฐำนข้อมูลฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยของจังหวัดและของประเทศ ดังนั้นจึงมีควำมส ำคัญอย่ำงยิ่งว่ำข้อมูลที่รวบรวมในฐำนข้อมูลนั้นเป็นข้อมูล จำกอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยอย่ำงแท้จริงโดยไม่ได้ ปนเปื้อนจำกอุบัติกำรณ์ที่เกิดจำกอุบัติเหตุหรือฆำตกรรม ดังนั้นจึงจ ำเป็นต้องมี กำรตรวจสอบยืนยัน(Confirm)กำรฆ่ำตัวตำย ก่อนท ำกำรสอบสวนรวบรวม ข้อมูลเต็มรูปแบบ
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 60 กำรยืนยันกำรฆ่ำตัวตำยต้องอำศัยข้อมูลและหลักฐำนที่เกี่ยวข้องกับ เหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้นที่มำกพอและมีควำมชัดเจน ไม่ควรใช้ข้อมูลจำกกำร คำดคะเนสันนิษฐำน หลำยครั้งที่เกิดข้อสงสัยว่ำกำรเสียชีวิตหรือกำรบำดเจ็บ ของบุคคลเป็นกำรฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยหรือไม่? และหลำยกรณี เกิดข้อสรุปที่ขัดแย้งกันระหว่ำงต ำรวจฝ่ ำยปกครอง เจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุข และ ญำติ เช่น ญำติคิดว่ำ น่ำจะเป็นกำรฆำตกรรมแต่ต ำรวจอำจลงควำมเห็นว่ำเป็น กำรฆ่ำตัวตำย ส่วนเจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุขกลับสรุปว่ำน่ำจะเป็นอุบัติเหตุ หรือ บำงรำยต ำรวจลงควำมเห็นว่ำกำรฆ่ำตัวตำยแต่เจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุขมองว่ำ เป็ นกำรฆำตกรรม ด้วยเหตุนี้จึงจ ำเป็ นต้องมีเกณฑ์และแนวทำงในกำร พิจำรณำยืนยันบ่งชี้กำรฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยที่ชัดเจน โดยอำศัย ข้อมูลและหลักฐำนทั้งที่เห็นชัดเจนและเป็นนัยๆซึ่งสำมำรถดูได้จำกเหตุกำรณ์ที่ เกิดขึ้นแม้ว่ำยังไม่เกิดกำรบำดเจ็บ แนวทำงกำรพิจำรณำยืนยันบ่งชี้กำรฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยใน กำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ จะสอดคล้องกับกำรนิยำมค ำจ ำกัดควำมฆ่ำตัวตำย และพยำยำมฆ่ำตัวตำยที่ก ำหนดไว้โดยศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของ สหรัฐอเมริกำ (Crosby et al., 2011) รำยละเอียดอยู่ในบทที่ 3 ในขั้นตอนตรวจสอบยืนยันกำรฆ่ำตัวตำย จะมี 4ขั้นตอนย่อย ดังต่อไปนี้ 1. กำรพิจำรณำเป็น SDV หรือไม่? ถ้ำไม่ใช่ ไม่ต้องพิจำรณำต่อและไม่ต้อง สอบสวนฯ 2. กำรพิจำรณำ Suicidal intent ตำมเกณฑ์บ่งชี้ว่ำมีกี่ข้อ 3. กำรพิจำรณำผลของกำรกระท ำ จ ำแนกตำมลักษณะเป็น ตำย บำดเจ็บ และไม่บำดเจ็บ
4. ระบุประเภทของ SDV จำกผลของกำรกระท ำและSuicidal intent ตำม ตำรำงจ ำแนกประเภท Self-directed violence 7.2.1 การพิจารณาว่าเป็นการกระทา รุนแรงทมีุ่่งตนเอง (Self -directed violence; SDV) หรือไม่? กำรพิจำรณำว่ำอุบัติกำรณ์ใดเป็นกำรกระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเอง (Self-directed violence) ต้องครบเกณฑ์บ่งชี้ 2ข้อ ดังนี้ 1. เป็นพฤติกรรมที่มุ่งต่อตนเอง (self-directed behavior) และกระท ำโดย ตนเอง เช่น ใช้เชือกผูกคอตนเองโดยไม่ได้ให้ใครช่วยผูกหรือมีใครมำผูกให้ ใช้ ปืนยิงตัวเองไม่ใช่ยิงไปที่อื่นแล้วลูกกระสุนกระเด็นมำถูกตัวเอง ดื่มสำรพิษ ด้วยตนเองไม่ได้ไหว้วำนให้คนอื่นเอำให้ดื่ม กระโดดลงมำจำกตึกสูงเองไม่ได้ มีใครผลัก กระแทกหรือดึง 2.จงใจให้เกิดกำรบำดเจ็บหรือมีโอกำสเกิดบำดเจ็บ (deliberately results in injury or the potential for injury) ข้อมูลและหลักฐำนที่น ำมำประกอบ พิจำรณำอำจได้มำจำกกำรสัมภำษณ์โดยตรงกับผู้กระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเอง กรณีที่รอดชีวิต และคนใกล้ชิดที่ทรำบหรือเห็นเหตุกำรณ์ หรือเป็นข้อมูลจำก กำรสังเกตสถำนที่วัสดุอุปกรณ์และวิธีกระท ำ 7.2.2 การพิจารณา Suicidal intent กำรพิจำรณำว่ำบุคคลมีเจตนำหรือตั้งใจฆ่ำตัวตำย(Suicidal intent or intent to die)หรือไม่? ต้องครบเกณฑ์บ่งชี้ 3ข้อ ดังนี้ 1. บุคคลนั้นปรำรถนำที่จะตำย (wish to die) 2. บุคคลนั้นเจตนำฆ่ำตนเองให้ตำย (means to kill him/herself) สำมำรถดู จำกวิธีที่ใช้
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 62 3. บุคคลนั้นเข้ำใจถึงผลที่จะเกิดขึ้นจำกกำรกระท ำ (understand the probable consequence of his/her action) เช่น บำดเจ็บหรือตำย Suicidal intent ให้พิจำรณำจำกหลักฐำนทำงที่เห็นชัดเจน (เช่น ข้อควำมใน จดหมำยลำตำย) และเป็นนัยๆ (เช่น สัญญำนเตือนฆ่ำตัวตำย) ซึ่งสำมำรถดูได้ จำกเหตุกำรณ์ก่อนหน้ำแม้ว่ำยังไม่เกิดกำรกระท ำและสิ่งที่พบในระหว่ำงกำร กระท ำ กำรบ่งชี้ว่ำ อุบัติกำรณ์ที่เกิดขึ้นเป็นกำรฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำย หรือไม่? นั้นให้พิจำรณำว่ำเป็นกำรกระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเองและมีเจตนำฆ่ำตัว ตำย ดังแสดงในภำพที่ 5 หำกผลของกำรกระท ำคือเสียชีวิต ก็จะเป็น ฆ่ำตัวตำย (Suicide) และถ้ำบำดเจ็บหรือไม่บำดเจ็บ ก็จะเป็นกำรพยำยำมฆ่ำตัวตำย (Suicide attempt) กำรฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำย ต้องมีครบ 2องค์ประกอบดังต่อไปนี้ 1. เป็นกำรกระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเอง (Self-directed violence) 2. มีเจตนำหรือตั้งใจฆ่ำตัวตำย (Suicidal intent or intent to die) 7.2.3 การพิจารณาผลของการกระท า ผลของกำรกระท ำ (Results) แบ่งเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. ตำย หมำยถึง เสียชีวิตทันทีหรือภำยใน 24ชั่วโมงหลังกระท ำ 2. บำดเจ็บ หมำยถึง มีบำดแผลชัดเจน หรือมีภำพถ่ำยรังสีหรือคอมพิวเตอร์ แสดงกำรแตก หัก ฉีกขำดของกระดูกหรืออวัยวะ หรือ ผลLab พบค่ำผิดปกติใน กำรท ำงำนของอวัยวะภำยใน 3. ไม่บำดเจ็บ
องคป์ระกอบและเกณฑบ์ ่งชี้suicide และ suicide attempt ภาพที่5องค์ประกอบและเกณฑ์บ่งชี้ suicide และ suicide attempt 7.2.4 การระบุประเภทของความรุนแรงที่มุ่งตนเอง(Self-directed violence, SDV) แนวทางในการระบุประเภท Self-directed violence, SDV ให้นำข้อมูลและ หลักฐานที่ได้ มาพิจารณา 2 ประเด็น เพื่อประกอบการตัดสินใจ คือ 1. เจตนาหรือความตั้งใจฆ่าตัวตาย (Suicidal intent) 2. ผลของการกระทำ (Results)
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 64 เจตนาหรือความตั้งใจฆ่าตัวตาย (suicidal intent) เพื่อความชัดเจนในการจำแนกประเภทของ Self-directed violence จะแบ่ง Suicidal intent ออกเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ 1. ตั้งใจ: หมายถึง ครบเกณฑ์บ่งชี้suicidal intent ทั้ง 3ข้อ 2. ไม่แน่ใจ: หมายถึง ข้อมูลและหลักฐานที่มีอยู่สอดคล้องกับเกณฑ์บ่งชี้1 หรือ 2 ข้อเท่านั้น 3. ไม่มี: หมายถึง ไม่มีหลักฐานสนับสนุนเกณฑ์บ่งชี้suicidal intent ทั้ง 3ข้อ คือ การกระทำนั้นผู้กระทำไม่ปรารถนาที่จะตาย วิธีการที่ใช้ไม่แสดงถึงเจตนาฆ่าตัวตาย และไม่เข้าใจถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำ ประเภทของความรุนแรงที่มุ่งตนเอง (Self directed violence,SDV) (Crosby et al., 2011) ประเภทของความรุนแรงที่มุ่งตนเอง ดังแสดงในภาพที่ 6 จำแนกตามเจตนาหรือ ความตั้งใจฆ่าตัวตาย (sucidal intent) และผลของการกระทำ ได้ 3 กลุ่ม 9 ประเภท ดังนี้ 1. suicidal SDV เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยมีเจตนาฆ่าตัวตายครบทั้ง 3 ข้อ บ่งชี้ มี3ประเภทตามผลของการกระทำ คือ 1.1 suicidal SDV, fatal เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยมีเจตนาฆ่าตัวตาย และมีผลการกระทำคือเสียชีวิต 1.2 Suicidal SDV, with injury เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยมีเจตนาฆ่า ตัวตายและมีผลการกระทำคือบาดเจ็บ 1.3 Suicidal SDV, without injury เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยมีเจตนา ฆ่าตัวตายและมีผลการกระทำคือไม่บาดเจ็บ 2. Undetermined SDV เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยเจตนาฆ่าตัวตายยังไม่ ชัดเจนหรือยังไม่ครบตามเกณฑ์บ่งชี้ มี 3 ประเภทตามผลของการกระทำ คือ
2.1 Undetermined SDV, fatal เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยเจตนาฆ่าตัว ตายยังไม่ชัดเจนหรือยังไม่ครบตามเกณฑ์บ่งชี้ และผลการกระทำคือ เสียชีวิต 2.2 Undetermined SDV, with injury เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยเจตนา ฆ่าตัวตายยังไม่ชัดเจนหรือยังไม่ครบตามเกณฑ์บ่งชี้ และผลการกระทำคือ บาดเจ็บ 2.3 Undetermined SDV, without เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยเจตนาฆ่า ตัวตายยังไม่ชัดเจนหรือยังไม่ครบตามเกณฑ์บ่งชี้ และผลการกระทำคือ ไม่บาดเจ็บ 3. Non-suicidal SDV เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยไม่มีเจตนาฆ่าตัวตาย มี 3 ประเภทตามผลของการกระทำ คือ 3.1 Non-suicidal SDV, fatal เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยไม่มีเจตนาฆ่าตัว ตาย ผลการกระทำคือ เสียชีวิต 3.2 Non-suicidal SDV, with injury เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยไม่มีเจตนา ฆ่าตัวตาย ผลการกระทำคือ บาดเจ็บ 3.3 Non-suicidal SDV, without injury เป็นความรุนแรงที่มุ่งตนเองโดยไม่มี เจตนาฆ่าตัวตาย ผลการกระทำคือ ไม่บาดเจ็บ ภาพที่6 ตำรำงแสดงประเภทของควำมรุนแรงที่มุ่งตนเอง
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 66 การสอบสวนอุบัติการณ์จะดำเนินการในรายที่ได้รับการยืนยันและระบุประเภท ของความรุนแรงที่มุ่งตนเอง (Self- directed violence) เฉพาะสองกลุ่มแรก คือ Suicidal SDV และ Undetermined SDV (ดังแสดงในตาราง) ทีมสอบสวน ให้ ระลึกไว้เสมอว่า ประเภทของความรุนแรงที่มุ่งตนเอง (SDV) อาจมีการปรับเปลี่ยน ประเภทหลังจากที่ได้รับข้อมูลหรือหลักฐานเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะในกลุ่ม Undetermined SDV ในสุดท้ายอาจเปลี่ยนเป็น Suicidal SDV หากเราได้ข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า suicidal intent ชัดเจนและครบถ้วน หรือปรับเป็น Non-suicidal SDV ถ้าได้ข้อมูลชัดเจนว่าการกระทำครั้งนั้นไม่มี suicidal intent ตัวอย่าง กรณีศึกษาการยืนยันการฆ่าตัวตาย ทีมสอบสวนได้รับแจ้งจากพยาบาลคลินิกจิตเวชของโรงพยาบาลชุมชน และได้ ข้อมูลเบื้องต้น ดังนี้ ชายอายุ51 ปีป่วยเป็นโรคซึมเศร้ารักษาไม่ต่อเนื่อง ถูกเลิกจ้างงาน มา 1 สัปดาห์2 วันที่แล้ว รู้สึกซึมเศร้าอย่างมาก อยากตาย จึงปีนไปบนหลังคาเพื่อ กระโดดฆ่าตัวตาย แต่ระหว่างนั้นเกิดเปลี่ยนใจ จึงปีนกลับลงมา ทีมสอบสวนเมื่อได้รับแจ้ง ต้องยืนยันการฆ่าตัวตายก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะ สอบสวนอุบัติการณ์หรือไม่? สำหรับการยืนยันการฆ่าตัวตายในรายนี้ พิจารณาจากพฤติกรรมและข้อมูลที่ให้ มา โดยดำเนินการตามลำดับ 4 ขั้นตอน ดังแสดงในภาพที่ 7 ดังนี้ 1. พิจารณาว่าเป็น SDV หรือไม่? พบว่า พฤติกรรมของรายนี้ที่ปีนขึ้นไปบน หลังคาบ้านด้วยตนเอง ถือว่าเป็นการกระทำที่จงใจมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บได้สูง หากกระโดดหรือพลัดตกลงมา เข้าได้กับเกณฑ์บ่งชี้ SDV ทั้ง 2 ข้อ 2. พิจารณา Suicidal intent ตามเกณฑ์บ่งชี้ว่ามีกี่ข้อ รายนี้มี wish to die จาก หลักฐานพูดว่าอยากตาย และวิธีการที่ใช้คือปีนไปบนหลังคาเพื่อกระโดด แสดงถึง
ความตั้งใจที่จะทำให้ตนเองตายไป และผู้กระทำน่าจะรู้ถึงผลที่จะเกิดขึ้นจากการ กระโดดจากหลังคา ดังนั้นรายนี้จึงมีsuicidal intent. ครบถ้วน ชัดเจน 1. พิจารณาผลของการกระทำ: เนื่องจากเปลี่ยนใจไม่กระทำ เป็นการยับยั้งด้วย ตนเอง ผลคือ ไม่บาดเจ็บ 2. ระบุประเภทของ SDV จากผลของการกระทำ(ไม่บาดเจ็บ) และSuicidal intentครบเกณฑ์ทั้ง3ข้อ จึงสรุปได้ว่า เป็น Suicidal SDV, without injury หรือ suicide attempt นั่นเอง รายนี้จำเป็นต้องสอบสวนการพยายามฆ่าตัวตาย เพื่อให้ ได้เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดอุบัติการณ์ในครั้งนี้ ซึ่งมีประโยชน์สำหรับกำหนดมาตรการ ช่วยเหลือและป้องกันการกระทำซ้ำ ภาพที่7แนวทำงปฏิบัติหลังกำรยืนยัน
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 68 7.3 ขั้นตอนรวบรวมข้อมูลทางระบาดวิทยา หลังจำกผ่ำนกำรยืนยันกำรฆ่ำตัวตำยแล้ว ทีมสอบสวนก็จะด ำเนินกำร รวบรวมข้อมูลจำกแหล่งข้อมูลต่ำงๆ ในขั้นตอนนี้จะมุ่งไปที่ข้อมูลทำงระบำด วิทยำ อำจได้ข้อมูลโดยกำรสัมภำษณ์ กำรสอบถำม กำรสังเกต หรือรวบรวมจำก แหล่งข้อมูลทุติยภูมิต่ำงๆ ข้อมูลที่จ ำเป็น ได้แก่ 1. ข้อมูลส่วนบุคคล (person) เช่น เลขประจ ำตัวประชำชน เพศ อำยุ(วันเดือน ปีเกิด) เชื้อชำติ สัญชำติ สถำนะสมรส ภูมิล ำเนำ กำรศึกษำ อำชีพ รำยได้ 2. ข้อมูลเกี่ยวกับสถำนที่ที่เกิดเหตุ (Place) เช่น สถำนที่เกิดเหตุ(บ้ำน โรงเรียน ที่ท ำงำน ทุ่งนำ ถนน สวนสำธำรณะ ศูนย์กำรค้ำ) ต ำแหน่งที่อยู่ที่เกิดเหตุ(จังหวัด อ ำเภอ ต ำบล หมู่บ้ำน) 3. ข้อมูลเกี่ยวกับเวลำที่เกิดเหตุ (Time) เช่น วันเวลำที่ได้รับบำดเจ็บหรือเกิด เหตุ 4. ข้อมูลรำยละเอียดของเหตุกำรณ์ เช่น วิธีที่ใช้/กลไกที่ท ำให้บำดเจ็บ, ลักษณะกำรบำดเจ็บ, ควำมรุนแรงของกำรบำดเจ็บ, Suicidal intent, 5. ข้อมูลที่เกี่ยวข้องปัจจัยกระตุ้น เช่น ปัญหำชีวิตหรือเหตุกำรณ์วิกฤติที่คิดว่ำ พ่ำยแพ้ล้มเหลวและรู้สึกอับอำยขำยหน้ำ, อำกำรของโรคจิตเวชก ำเริบ, พิษหรือ ฤทธิ์ของสำรเสพติด หรือกำรทรำบข่ำวกำรฆ่ำตวัตำยของคนท่ีรกัคนใกลช้ิด หรือ คนที่ชื่นชอบศรัทธำ 6. ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด่ำนกั้น เช่น กำรป้องกันกำรเข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ท ำ ร้ำยตนเองและกำรป้องกันอำคำรสถำนที่ที่ใช้ฆ่ำตัวตำย รวมถึงวิธีกำรได้มำซึ่ง วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ท ำร้ำยตนเอง
7. ข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยเสี่ยงและปัจจัยปกป้อง: ปัจจัยเสี่ยงส ำคัญที่ทีม สอบสวนโรคต้องหำข้อมูลและหลักฐำนประกอบ ได้แก่ 1)ประวัติกำรเจ็บป่ วยด้วย โรคจิตเวช 2)ประวัติกำรติดสุรำหรือสำรเสพติด 3)ประวัติกำรป่ วยโรคทำงกำย รุนแรงเรื้อรัง 4)บุคลิกภำพหุนหันพลันแล่นหรือนิยมควำมสมบูรณ์แบบ 5)ประวัติ ตนเองและคนในครอบครัวเคยพยำยำมฆ่ำตัวตำย และ6)ข้อมูลกำรถูกล่วงละเมิด หรือถูกทำรุณทำงกำย จิตใจ ทำงเพศ หรือถูกละเลยทอดทิ้งในวัยเด็ก ปัจจัย ปกป้องที่ส ำคัญ ได้แก่ 1) ควำมคิดควำมเชื่อทำงศำสนำที่ยึดถือหรือวัฒนธรรมถิ่น ที่อยู่อำศัยปลูกฝังเรื่องกำรฆ่ำตัวตำยเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้องไม่ควรกระท ำ 2) ควำมเข้มแข็งและกำรเขื่อมโยงควำมสัมพันธ์ที่ดีของชุมชนและที่ท ำงำน 3) สัมพันธภำพและควำมผูกพันในครอบครัวและกลุ่มเพื่อน และ4) ทักษะกำรแก้ไข ปัญหำและกำรเผชิญปัญหำของผู้มีพฤติกรรมฆ่ำตัวตำย 7.4 ขั้นตอนรวบรวมข้อมูลระบบสุขภาพทเี่กี่ยวข้อง โดยกำรสัมภำษณ์แหล่งข้อมูลที่เป็นผู้รับผิดขอบดูแลระบบและผู้ปฏิบัติงำนใน ระบบ สังเกตกำรปฏิบัติงำนขั้นตอนต่ำงๆในจุดบริกำรของระบบบริกำรที่เกี่ยวข้อง หรือรวบรวมข้อมูลจำกแหล่งทุติยภูมิต่ำงๆ เพื่อประเมินจุดบกพร่องของระบบที่ อำจส่งผลให้เกิดอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย ซึ่งระบบบริกำร สุขภำพหรือระบบสำธำรณสุขที่ควรต้องประเมิน ได้แก่ 1. ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือผู้กระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเองหรือฆ่ำตัวตำย 2. ระบบเฝ้ำระวังและติดตำมกลุ่มเสี่ยงและผู้พยำยำมฆ่ำตัวตำย 3. ระบบดูแลเฝ้ำระวังโรคติดสุรำและสำรเสพติด 4. ระบบดูแลเฝ้ำระวังโรคซึมเศร้ำและโรคจิตเภท
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 70 ในกำรรวบรวมข้อมูลและหลักฐำนส ำหรับประเมินหำจุดบกพร่องของระบบ เพื่อเป็นโอกำสพัฒนำวำงแผนปรับปรุงระบบในปีต่อๆไป ทีมสอบสวนควรได้ ทบทวนมำตรฐำนและวิธีปฏิบัติที่เป็นมำตรฐำนของระบบดังกล่ำว และเพื่อเป็น แนวทำงให้กับทีมสอบสวนในกำรประเมินระบบที่เกี่ยวข้องนี้ จะขอสรุป... สรุปมาตรฐานการด าเนินงานของแต่ละระบบ ในเบื้องต้น ดังต่อไปนี้ 1. ระบบแจ้งเตือนและช่วยเหลือกรณีกระท ำรุนแรงที่มุ่งตนเองหรือฆ่ำตัวตำย: แต่ละจังหวัดควรมีจุดแจ้งเหตุให้ผู้พบเห็นกำรกำรกระท ำรุนแรงต่อตนเองและ ญำติที่พบสัญญำณเตือนฆ่ำตัวตำยสำมำรถติดต่อแจ้งได้ 24ชม และมีทีม ช่วยเหลือฉุกเฉิน เช่น ทีมกู้ชีพ EMS หรือ hope task force ที่พร้อมช่วยชีวิตหำก รับแจ้ง 2. ระบบเฝ้ำระวังและติดตำมกลุ่มเสี่ยงและผู้ที่เคยพยำยำมฆ่ำตัวตำย: แต่ละ จังหวัดหรือพื้นที่ควรบ่งชี้กลุ่มเสี่ยงในจังหวัดของตนแล้วประเมินควำมเสี่ยงและ แนวโน้มฆ่ำตัวตำยของกลุ่มเสี่ยงอย่ำงสม ่ำเสมอเพื่อให้กำรดูแลช่วยเหลืออย่ำง เหมำะสมทันท่วงที และอบรมญำติให้สำมำรถสังเกตสัญญำณเตือนฆ่ำตัวตำย รวมทั้งมีช่องทำงให้ญำติติดต่อกับทีมสุขภำพจิตที่สะดวกรวดเร็วตลอดเวลำ ส ำหรับผู้ที่เคยพยำยำมฆ่ำตัวตำยอย่ำงน้อยหนึ่งครั้งในปีที่ผ่ำนมำควรได้รับกำร เฝ้ำระวังและติดตำม ในรูปแบบเดียวกันกับกลุ่มเสี่ยง 3. ระบบคัดกรองและบ ำบัดรักษำผู้ติดสุรำและผู้ติดสำรเสพติด: ผู้ที่ใช้สุรำ/ยำ เสพติดในพื้นที่ควรได้รับกำรประเมินด้วย AUDIT หรือ ASSIT เพื่อประเมินว่ำถึง ขั้น abuse หรือ dependence หรือไม่ แล้วน ำเข้ำสู่กระบวนกำรรักษำ ในรำยที่ รักษำหำยแล้วก็ต้องมีกำรติดตำมป้องกันกำรกลับไปติดซ ้ำ
4. ระบบดูแลเฝ้ำระวังโรคซึมเศร้ำและโรคจิตเภท: จังกวัดหรือพื้นที่ควรมี นโยบำยให้ปฏิบัติคัดกรองกลุ่มเสี่ยงโรคซึมเศร้ำ 7กลุ่มทุกครั้งที่มำรับบริกำร ด้วย 2Q,9Q,8Qตำมแนวทำงของกรมสุขภำพจิต หำกพบว่ำมีอำกำรซึมเศร้ำต้องได้รับ กำรวินิจฉัยและรักษำจำกแพทย์ตำมแนวทำงมำตรฐำน และหำกมีแนวโน้มฆ่ำตัว ตำยก็ควรจะได้รับกำรดูแลช่วยเหลือตำมควำมเหมำะสม ส่วนโรคจิตเภทต้อง ได้รับกำรวินิจฉัยรักษำจำกจิตแพทย์ตำมแนวทำงมำตรฐำนและติดตำมต่อเนื่อง เพื่อเฝ้ำระวังกำรขำดยำและกำรกลับซ ้ำ 7.5 ขั้นตอนค้นหาบ่งชี้ผู้ได้รับผลกระทบที่ต้องเยียวยาจิตใจและผู้ที่เสี่ยง ต่อการฆ่าตัวตายทตี่้องเฝ้าระวังป้องกัน กิจกรรมของทีมสอบสวนในขั้นตอนนี้จะประกอบด้วย 1. กำรค้นหำบ่งชี้ผู้ได้รับผลกระทบและผู้ที่เสี่ยงต่อกำรฆ่ำตัวตำยจำก เหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้น โดยทั่วไปเมื่อเกิดเหตุกำรณ์ควำมรุนแรงที่มุ่งต่อตนเอง (Self directed violence) หรือฆ่ำตัวตำยย่อมจะมีผู้ได้รับผลกระทบเสมอ ได้แก่บุคคล ที่กระท ำและรอดชีวิต บุคคลใกล้ชิด ญำติหรือคนในครอบครัว เพื่อนร่วมงำน เพื่อนร่วมชั้นเรียน ผู้บังคับบัญชำ ครู ฯลฯ ซึ่งจะมีจ ำนวนมำกหรือน้อยขึ้นกับ ลักษณะของเหตุกำรณ์ที่เกิดขึ้น เช่น นักเรียนกระโดดตึกฆ่ำตัวตำยในโรงเรียน ผู้รับผลกระทบย่อมมีมำก นอกจำกพ่อแม่พี่น้องแล้วยังมีเพื่อนสนิท เพื่อนร่วมชั้น เรียน นักเรียนที่เห็นเหตุกำรณ์ ครูประจ ำชั้น เป็นต้น 2. กำรประเมินสภำพจิตใจและร่ำงกำยของผู้ได้รับผลกระทบจำกเหตุกำรณ์ที่ เกิดขึ้น โดยทุกรำยที่ได้รับผลกระทบควรได้รับกำรประเมินด้ำนจิตใจอำจด้วยกำร สัมภำษณ์ประเมินสภำพจิตและ/หรือใช้เครื่องมือเครื่องมือประเมิน ได้แก่ 2Q, 9Q, 8Q, ST5 หรือ แบบประเมินสุขภำพจิต ที่จ ำเป็นอื่นๆ
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 72 3. กำรจัดท ำรำยชื่อ ทีมสอบสวนควรจัดท ำรำยชื่อผู้ได้รับผลกระทบ พร้อมผล จำกกำรประเมิน เช่น อำกำร อำกำรแสดง และผลคะแนนของเครื่องมือ เพื่อ วำงแผนช่วยเหลือ เยียวยำจิตใจ บ ำบัดรักษำ และป้องกันในรำยที่มีควำมเสี่ยงฆ่ำ ตัวตำยซึ่งพบได้บ่อยในญำติและคนใกล้ชิด ซึ่งในแบบรำยงำนกำรสอบสวนกรณี ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยจะมีหัวข้อให้รำยงำนรำยละเอียดของผู้ได้รับ ผลกระทบ 7.6 สร้างสมมุติฐานการเกิดอุบัติการณ์ เมื่อทีมสอบสวนรวบรวมข้อมูลมำได้ในระดับหนึ่งแล้ว ควรจะตั้งสมมุติฐำน กำรเกิดอุบัติกำรณ์ โดยสมมุติฐำนนั้นอธิบำยถึงเหตุปัจจัยต่ำงๆที่มีควำมสัมพันธ์ น ำไปสู่กำรเกิดกำรฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยในครั้ง ทีมสอบสวนควร พิจำรณำให้ควำมเห็นร่วมกัน ตั้งสมมุติฐำนจำกค ำถำมเหล่ำนี้ 1. อะไรท ำให้บุคคลนี้เสี่ยงสูงที่จะเกิดพฤติกรรมฆ่ำตัวตำยหรือบุคคลนี้มี ปัจจัยเสี่ยงต่อกำรฆ่ำตัวตำยอะไรบ้ำง? 2. อะไรเป็นสิ่งกระตุ้นให้บุคคลรำยนี้คิดฆ่ำตัวตำยและตัดสินใจฆ่ำตัวตำยใน ครั้งนี้? 3. บุคคลรำยนี้ ครอบครัวนี้ ชุมชนนี้ มีปัจจัยปกป้องอะไรบ้ำงที่ขำดหำยไปหรือ มีน้อยกว่ำที่ควร? 4. กำรเฝ้ำระวังป้องกันฆ่ำตัวตำยในครอบครัวและในชุมชนมีหรือไม่ ถ้ำมีแล้ว เกิดช่องโหว่อย่ำงไรถึงเกิดกำรฆ่ำตัวตำยในครั้งนี้? 5. ด่ำนกั้นอะไรที่ควรมีหรือมีแต่ไม่เข้มแข็งไม่สำมำรถสกัดกั้นกำรฆ่ำตัวตำย ครั้งนี้ได้?
หำกยังได้ข้อมูลไม่เพียงพอที่จะตอบในค ำถำมใด ทีมสอบสวนอำจจะวำงแผน รวบรวมข้อมูลจำกแหล่งข้อมูลอื่นๆที่แตกต่ำงและเพิ่มขึ้นจำกเดิม 7.7 ขั้นตอนทดสอบสมมุติฐาน เมื่อตั้งสมมุติฐำนของกำรเกิดอุบัติกำรณ์แล้ว ทีมสอบสวนควรน ำข้อมูลที่ได้ ทั้งหมดจำกกำรรวบรวมในขั้นตอนที่3และ4 มำวิเครำะห์โดยพิจำรณำจำกควำม น่ำเชื่อถือของแหล่งข้อมูล และควำมอิ่มตัวของข้อมูล แล้วพิจำรณำควำม สอดคล้องกับโมเดลอธิบำยพฤติกรรมกำรฆ่ำตัวตำยที่น่ำเชื่อถือ เช่น กรณีที่พบว่ำ ปัจจัยกระตุ้นหรือตัวกระตุ้นเป็นเหตุวิกฤติในชีวิต เหตุดังกล่ำวควรที่จะสำมำรถ อธิบำยผลกระทบต่อบุคคลนั้นจนน ำไปสู่กำรเกิดควำมคิดฆ่ำตัวตำย และ ตัดสินใจฆ่ำตัวตำย ถ้ำอ้ำงตำม IMV model (O’Connor,2018) จำกเหตุกำรณ์ วิกฤตินั้นผู้ที่ฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยจะประเมินว่ำเป็นควำมพ่ำยแพ้ หรือและ/หรือเกิดควำมอับอำยขำยหน้ำ รู้สึกอัปยศอดสู หำกร่วมกับขำดทักษะ แก้ไขปัญหำที่ดี บุคคลนั้นจะรู้สึกไม่มีทำงออก อับจนหนทำง และหำกขำดกำร ช่วยเหลือทำงสังคม รู้สึกโดดเดี่ยวแปลกแยก อนำคต ขึ้นไปในทำงลบ เป้ำหมำย หรือเหตุผลที่มีชีวิตอยู่ ควำมคิดฆ่ำตัวตำยก็จะเกิดขึ้น นี่เป็นตัวอย่ำงของกำรใช้ ประโยชน์จำก IMV model มำท ำควำมเข้ำใจและอธิบำยกำรเกิดอุบัติกำรณ์ อย่ำงไรก็ตำมกำรอธิบำยเชื่อมโยงควำมเป็นเหตุเป็นผลของสิ่งต่ำงๆที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเกิดกำรกระท ำฆ่ำตัวตำย ย่อมต้องอำศัยข้อมูลและหลักฐำน จำกแหล่งข้อมูลต่ำงๆที่ทีมสอบสวนท ำกำรรวบรวมอย่ำงรอบคอบและครอบคลุม
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 74 7.8 ขั้นตอนวางแผนให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบและเฝ้า ระวังผู้ทเี่สี่ยง โดยทั่วไปในทำงปฏิบัติขั้นตอนนี้จะด ำเนินกำรไปพร้อมพร้อมกับขั้นตอนที่5 ซึ่งเป็นขั้นตอนกำรค้นหำบ่งชี้ผู้ได้รับผลกระทบและประเมินกลุ่มคนเหล่ำนั้นเพื่อ วำงแผนให้กำรช่วยเหลือ ส ำหรับในกำรวำงแผนช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบและผู้ ที่เสี่ยงฆ่ำตัวตำยที่เกิดจำกกำรรับรู้หรือเกี่ยวข้องกับเหตุกำรณ์ฆ่ำตัวตำยที่เกิดขึ้น จะมีแนวทำงดังต่อไปนี้ สา หรับผู้ทฆี่่าตัวตาย กรณีทรี่อดชีวิต: ผู้ที่กระท ำรุนแรงต่อตนเอง หำกไม่เสียชีวิต ควรได้รับกำรประเมินควำมรุนแรง ของกำรบำดเจ็บและระดับควำมเสี่ยงฆ่ำตัวตำย เพื่อพิจำรณำให้ช่วยเหลือที่ เฉพำะต่อไป ส ำหรับกำรบำดเจ็บให้พิจำรณำส่งต่อเพื่อรักษำที่โรงพยำบำล (ER, OPD, IPD, ICU, special unit) กำรช่วยเหลืออย่ำงถูกต้องเหมำะสมจะประกอบด้วย 7 กิจกรรม ดังต่อไปนี้ 1. ได้รับกำรช่วยชีวิตและยับยั้งพฤติกรรมฆ่ำตัวตำยรวมทั้งส่งต่อหน่วยบริกำร สำธำรณสุขได้ทันท่วงที 2. ได้รับกำรวินิจฉัยตำมเกณฑ์วินิจฉัยโรคหมวด Intentional self-harm (X60- X84) และรักษำหำกมีกำรบำดเจ็บ 3. ได้รับกำรสอบสวนโรคกรณีฆ่ำตัวตำยและกระท ำรุนแรงต่อตนเองเพื่อค้นหำ และรวบรวมข้อมูลปัจจัยกระตุ้น ปัจจัยเสี่ยง ปัจจัยปกป้อง และด่ำนกั้น รวมทั้ง ประเมินกำรเฝ้ำระวังกำรฆ่ำตัวตำยในครอบครัวและชุมชน 4. ได้รับกำรช่วยเหลือขจัดหรือบรรเทำปัจจัยกระตุ้น ปัจจัยเสี่ยง
5. ได้รับกำรสร้ำงเสริมปัจจัยปกป้อง และด่ำนกั้นกำรเข้ำถึงวัสดุอุปกรณ์หรือ สำรพิษที่ใช้ฆ่ำตัวตำย 6. พัฒนำญำติหรือผู้ดูแลใกล้ชิดให้มีทักษะสังเกตสัญญำณเตือนและจัดให้มี ช่องทำงติดต่อที่สะดวกกับเจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุขที่รับผิดชอบเฝ้ำระวังกำรฆ่ำตัว ตำยในพื้นที่ 7. ได้รับกำรติดตำมเฝ้ำระวังประเมินควำมคิดและกำรกระท ำฆ่ำตัวตำยอย่ำง สม ่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้กระท ำซ ้ำ สา หรับผู้ได้รับผลกระทบ: ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่พบควำมผิดปกติของจิตใจจำกกำรประเมินในระดับน้อย ควรได้รับ Psychosocial intervention ที่เหมำะสม เช่น psycho education หรือ counseling หรือ supportive therapy ในรำยที่ระดับปำนกลำง อำจต้องได้รับ pharmacotherapy ร่วมด้วย ส่วนในรำยที่ระดับรุนแรงควรต้องได้รับกำรวินิจฉัย จำกแพทย์และอำจต้องรับไว้รักษำในโรงพยำบำล สา หรับผู้ทเี่สี่ยงฆ่าตัวตาย: ผู้ที่เสี่ยงฆ่ำตัวตำย ควรถูกยืนยันด้วยแบบประเมินมำตรฐำน เช่น 8Q แล้วให้ กำรดูแลช่วยเหลือตำม ระดับควำมรุนแรง รวมถึงให้แพทย์ตรวจวินิจฉัยโรคจิตเวช เพิ่มเติม และติดตำมดูแลช่วยเหลือเพื่อป้องกันกำรฆ่ำตัวตำย 7.9 ขั้นตอนการเขียนรายงานพร้อมข้อเสนอแนะ และเผยแพร่ เป็นขั้นตอนที่ส ำคัญเมื่อทีมสอบสวนได้รวบรวมข้อมูลจำกแหล่งข้อมูลอย่ำง ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว สำมำรถอธิบำยเหตุปัจจัยที่น ำไปสู่กำรเกิดอุบัติกำรฆ่ำตัว ตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำย ได้ดีพอแล้ว จึงสรุปข้อมูลเพื่อเขียนรำยงำนซึ่งจะ รำยงำนด้วยแบบรำยงำนกำรสอบสวนกรณีฆ่ำตัวตำยหรือกำรกระท ำรุนแรงต่อ
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 76 ตนเอง สำมำรถดำวน์โหลดได้จำกเว็บไซต์ศูนย์เฝ้ำระวังฆ่ำตัวตำย โรงพยำบำล จิตเวชขอนแก่นรำชนครินทร์ หรือในเว็บไซต์suicide.dmh.go.th ส ำหรับ รำยงำน กำรสอบสวนฯ นอกจำกจะต้องบันทึกเก็บไว้ในฐำนข้อมูล รง. 506s แบบออนไลน์ ผ่ำนเวบไซต์แล้วควรมีศูนย์รวบรวมของจังหวัด เพื่อสะดวกในกำรน ำมำวิเครำะห์ ข้อมูลของจังหวัดใช้ประโยชน์ในกำรก ำหนดนโยบำยและมำตรกำรแก้ไขป้องกัน ต่อไป
เอกสารอ้างอิง Crosby, A., Ortega, L., & Melanson, C. (2011). Self-directed violence: Uniform definitions and recommended data elements (Version 1.0). Atlanta, GA: Centers for Disease Control and Prevention. O'Connor, R. C., & Kirtley, O. J. (2018). The integrated motivational–volitional model of suicidal behaviour. Philosophical Transactions of the Royal Society B: Biological Sciences, 373(1754), 20170268.
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 78 บทที่8 กระบวนการและวิธีการสัมภาษณเ์พื่อสอบสวนรวมรวมข้อมูล การฆ่าตัวตาย เนื่องจำกอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยเป็นเหตุกำรณ์ที่มี ปัจจัยต่ำงๆ เกี่ยวข้องกันอย่ำงซับซ้อน บำงปัจจัยเป็นสิ่งที่ไม่อยำกเปิดเผย เช่น ปัจจัยกระตุ้นที่เป็นเหตุวิกฤติในชีวิตอำจเป็นเรื่องที่สะเทือนใจหรือเป็นควำมลับ ไม่อยำกเปิดเผยให้เกิดควำมอับอำย จึงเป็นกำรยำกที่จะได้ข้อมูลเหล่ำนี้ด้วยวิธี สอบถำมหรือพูดคุยตำมปกติ หรือหำกสอบถำมไปบุคคลที่เป็นแหล่งข้อมูลอำจ สะเทือนใจจนร้องไห้ ผู้ถำมอำจรู้สึกผิดไม่อยำกจะสอบถำมต่อไป ดังนั้น ในกำร ไปรวบรวมข้อมูลจำกแหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคล ผู้สอบสวนจ ำเป็นต้องใช้เทคนิคกำร ให้กำรปรึกษำ ในกำรสนทนำหรือสัมภำษณ์ กระบวนกำรสัมภำษณ์แหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคลเพื่อรวบรวมข้อมูลที่gกี่ยวข้อง กับอุบัติกำรฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยในแต่ละครั้งทีมสอบสวนควร จะต้องด ำเนินกำร โดยอำศัยเทคนิคและทักษะของกำรให้กำรปรึกษำ (Counseling) โดยมี 4 ขั้นตอน ดังนี้ ดังแสดงในภำพที่ 8 1. กำรสร้ำงสัมพันธภำพ 2. กำรตกลงบริกำร 3. กำรรวมข้อมูล 4. กำรยุติบริกำร
ภาพที่8 กระบวนกำรและทักษะกำรให้กำรปรึกษำ 8.1 ขั้นตอนการสร้างสัมพัทธภาพ เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญจะส่งผลต่อขั้นตอนลำดับถัดไปตามสถานการณ์โดย ทั่วไปทีมสอบสวนถือเป็นคนแปลกหน้า ของผู้ถูกสัมภาษณ์ที่เป็นแหล่งข้อมูล หรือ หากมีการรู้จักกันก็มักไม่ได้สนิทใกล้ชิดกันมากนัก ดังนั้นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีจึง มีความจำเป็นเพื่อให้เกิดความไว้วางใจ มีความรู้สึกที่ดีต่อผู้สัมภาษณ์ รวมถึงเกิด ความเชื่อใจ ผู้ถูกสัมภาษณ์ยินดีที่จะให้ความร่วมมือและเปิดเผยเล่าเรื่องราวที่ เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ตามที่ทีมสอบสวนต้องการทราบแม้ว่าจะเป็นเรื่องสะเทือนใจ หรือเป็นเรื่องที่น่าอาย สัมพันธภาพที่ดีจะเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะพฤติกรรม กิริยาท่าทาง คำพูด แลเการแสดงออกของทีมสอบสวน ส่งผลอย่างมากต่อสัมพันธภาพ
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 80 ทักษะที่ช่วยสร้างสัมพันธภาพ 1. Greeting: การทักทายหรือการกล่าวต้อนรับ และแนะนำตัว 2. Small talk: เป็นการพูดคุยเรื่องทั่วๆไปโดยยังไม่มุ่งประเด็นเรื่องราวที่เป็น ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์เหตุการณ์เป็นการสร้างความรู้จักคุ้นเคยลดความเครียด คลายความวิตกกังวลทั้งของทีมสอบสวนและแหล่งข้อมูล 3. Attending: คือทักษะการใส่ใจ เป็นการแสดงท่าทีที่สนใจผู้ถูกสัมภาษณ์ สามารถแสดงออกผ่านภาษาพูด ซึ่งควรเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย และแสดงออกผ่าน ภาษาท่าทาง เช่น นั่งโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ประสาน สายตาหรือสบตาในขณะที่พูดตลอดเวลา น้ำเสียงและจังหวะในการพูดไม่เร็วหรือช้า จนเกินไป การสร้างบรรยากาศที่เป็นกันเอง เปิดใจรับเรื่องราวโดยไม่ตัดสิน ไม่ตำหนิ หรือวิพากษ์วิจารณ์รวมถึงการจัดสถานที่ในการพบปะพูดคุยที่เป็นสัดส่วน การนั่ง ควรนั่งแบบมุมฉากไม่ประจันหน้ากัน ในการสร้างสมรรถภาพ ทักษะที่ใช้ไม่จำเป็นจะต้องเรียงจากข้อ 1-2-3 ขึ้นอยู่กับ สถานการณ์ของแหล่งข้อมูลหรือผู้ถูกสัมภาษณ์เช่นหากผู้ถูกสัมภาษณ์สามารถเล่า เรื่องราวได้ในทันทีโดยไม่ลังเลอาจเนื่องจากเป็นการพบกันครั้งที่ 2 ทีมสอบสวนก็ ไม่จำเป็นต้อง small talk ชักชวนพูดคุยในเรื่องทั่วๆไปมากมายนัก 8.2 ขั้นตอนการลงบริการ (Structuring) การตกลงบริการเป็นการสร้างความเข้าใจกับผู้ถูกสัมภาษณ์หรือแหล่งข้อมูล ประเภทบุคคลได้รู้ถึงวัตถุประสงค์การพูดคุย รู้บทบาทของทั้งผู้สัมภาษณ์และผู้ถูก สัมภาษณ์ รวมทั้งทำให้แหล่งข้อมูลประเภทบุคคลนั้นเกิดความพร้อมที่จะร่วมมือให้ รายละเอียดของเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ประเด็นที่จะตกลงบริการ 1. วัตถุประสงค์ของการสนทนาหรือสัมภาษณ์ และประโยชน์ที่ผู้ถูกสัมภาษณ์จะ ได้รับ (ดังแสดงในตัวอย่าง) 2. บทบาทของผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์ 3. การรักษาความลับ 4. ประเด็นที่ sensitive หรือ สะเทือนใจ 5. เวลาที่เหมาะสมในการสนทนาหรือสัมภาษณ์ โดยสรุป การตกลงบริการไม่จำเป็นต้องตกลงบริการโดยเรียงหัวข้อตามลำดับ ใน ครั้งแรกที่พบกับผู้ถูกสัมภาษณ์ที่เป็นแหล่งข้อมูลควรจะตกลงบริการให้ครบทุก หัวข้อ และอาจตกลงบริการในหัวข้อเดิมที่สำคัญซ้ำได้อีกถ้าทีมสอบสวนพิจารณา แล้วเห็นว่าจำเป็นและอาจตกลงบริการได้ในทุกขั้นตอนของการสัมภาษณ์ เช่น ประเด็นการรักษาความลับอาจพูดซ้ำได้อีกในขั้นตอนการสำรวจปัญหา ถ้าสังเกตุ เห็นว่าผู้ถูกสัมภาษณ์มีท่าทีไม่ไว้วางใจ ตัวอย่างของการตกลงบริการ เพื่อสัมภาษณ์รวบรวมข้อมูลกรณีฆ่าตัวตาย ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์… “คุณป้าครับ พวกผมมาวันนี้อยากจะพูดคุยกับคุณป้าถึงเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ เหตุการณ์เสียชีวิตของลูกชายคุณป้า ข้อมูลที่จะได้จากคุณป้าเกี่ยวกับเรื่องราวที่ เกิดขึ้นจะมีประโยชน์กับพวกผมมาก พวกผมจะนำไปวิเคราะห์รวมกับข้อมูลที่ได้จาก รายอื่นๆ เพื่อหาสาเหตุของการฆ่าตัวตายในอำเภอและจังหวัดของเราจะได้วางแผน ป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอีกกับครอบครัวหรือคนอื่นๆ” (เป็นการ ตกลงบริการในประเด็นวัตถุประสงค์และประโยชน์ที่จะได้รับ) ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์… “คุณป้าครับพวกผมอาจจะมีคำถามในหลายประเด็น หากคุณป้า ทราบเรื่องราว นั้นและสามารถตอบได้ขอให้คุณป้าให้ข้อมูลรายละเอียดและตอบได้อย่างเต็มที่”
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 82 (การตกลงบริการบทบาทหน้าที่ของผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์) ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์… “คุณป้าครับเรื่องที่เราจะคุยกัน ข้อมูลและเรื่องราวที่คุณป้าเล่าถึงเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้น รวมทั้งเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวข้องพวกผมจะ เก็บเป็นความลับถึงแม้จะมีการ นำเสนอเผยแพร่ก็จะ ไม่ระบุชื่อและ ไม่ให้เชื่อมโยงถึงคุณป้า” (เป็นการตกลงบริการ ประเด็นความลับ) ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์… “คุณป้าครับ บางคำถามของพวกผม อาจจะเป็นเรื่องราวที่คุณป้ารู้สึกสะเทือนใจ ผมต้องขออภัยล่วงหน้า หากคุณป้ารู้สึกไม่ดียังไม่อยากตอบในตอนนี้ก็ไม่เป็นไรนะ ครับ” (เป็นการตกลงบริการในประเด็นที่ sensitive) ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์… “คุณป้าครับ พวกผมจะพูดคุยกับคุณป้า 30-45 นาที ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณ ป้าสะดวกไหมครับ“ (เป็นการตกลงบริการเรื่องเวลา) 8.3 ขั้นตอนการรวบรวมข้อมูล การรวบรวมข้อมูลจะเริ่มขึ้นหลังจาก มีสัมพันธภาพที่ดี และตกลงบริการอย่าง ครบถ้วนจนเกิดความเข้าใจในวัตถุประสงค์ บทบาทหน้าที่ รวมถึงประเด็นอื่นๆที่ สำคัญ ทักษะที่ใช้ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล 1. คำถามปลายเปิด (open question) 2. การทวนความ (paraphrasing) 3. การสะท้อนความรู้สึก (feeling reflection) 4. การสรุปความ(summarizing) 5. การแกะรอย (Tracking) and Exploring
6. การฟังอย่างตั้งใจ (Active listening) วิธีการการสัมภาษณ์เพื่อรวบรวมให้ได้ข้อมูลที่สำคัญอย่างครบถ้วนในเวลาที่ จำกัด ได้แสดงไว้ในหัวข้อ “Tricks สำหรับการสัมภาษณ์ให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่ สำคัญได้ในระยะเวลาอันสั้น” 8.4 ขั้นตอนยุติบริการ เป็นการยุติการสัมภาษณ์แต่ละครั้ง หัวใจสำคัญของขั้นตอนนี้คือการตรวจสอบ ความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์ในสิ่งที่ได้พูดคุยกัน การ ขอบคุณผู้ถูกสัมภาษณ์ที่เสียสละเวลาและให้ความร่วมมือให้รายละเอียดของ เรื่องราวที่เกิดขึ้น รวมทั้งการนัดหมายครั้งต่อไป (หากมี) ทักษะที่ใช้ในขั้นตอนยุติบริการ 1. การสรุปความ 2. การขอบคุณ 3. การนัดหมายครั้งต่อไป (ถ้ามี) การสัมภาษณ์ที่ใช้ระยะเวลา 30 ถึง 45 นาที ข้อมูลที่ได้จะมากหรือน้อย ขึ้นอยู่ กับความสามารถในการใช้ทักษะของผู้สัมภาษณ์และความเกี่ยวข้องใกล้ชิด เหตุการณ์ของผู้ถูกสัมภาษณ์ การสรุปความจึงมีความจำเป็น เพื่อตรวจสอบความ เข้าใจที่ตรงกันระหว่างผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์ในเนื้อหาและ ข้อมูลที่ผู้ถูก สัมภาษณ์ได้เล่าหรือบอกกล่าว หลายครั้งที่ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์จะสรุปเรื่องราว ตามความคิดเห็นของตนจากประสบการณ์ที่เคยรับทราบจากเหตุการณ์ฆ่าตัวตาย รายอื่นๆ หรือเติมประเด็น เรื่องราวจากทฤษฎีหรือความรู้เดิม ซึ่งจะทำให้ข้อมูลที่ได้ จากการสัมภาษณ์ผิดเพี้ยนไปจากข้อเท็จจริง
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 84 ตัวอย่างของการยุติบริการ ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์… “คุณป้าครับ ถึงตอนนี้เราได้คุยกันมาครบ 30 นาทีแล้ว ผมขอขอบคุณคุณป้า มากนะครับที่เสียสละเวลาพูดคุยเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พวกผมได้ฟัง สิ่งที่ได้เป็น ประโยชน์กับพวกผมมากครับ ผมขออนุญาตสรุปในสิ่งที่เราคุยกันในวันนี้ หากว่า เนื้อหาที่ผมสรุปผิดไปจากสิ่งที่คุณป้าเล่าขอรบกวนให้คุณป้าได้บอกผมเพื่อแก้ไขให้ เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องด้วยนะครับ ผมขออนุญาตสรุปดังนี้ …………” ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์…“ คุณป้ามีข้อแก้ไขมั้ยครับ” ผู้ถูกสัมภาษณ์… “ ไม่มี สิ่งที่สรุปมาถูกต้องแล้ว” ทีมสอบสวนผู้สัมภาษณ์… “คุณป้าครับ ผมยังมีอีกบางประเด็นที่อยากจะสอบถาม พอดีเวลาที่เราตกลงกัน หมดแล้ว คุณป้าพอจะมีเวลาให้พวกผมนัดพบครั้งต่อไปเมื่อไหร่ครับ” Tricks สำหรับการสัมภาษณ์ให้สามารถรวบรวมข้อมูลที่สำคัญได้ในระยะเวลา อันสั้น จากประสบการณ์ที่ได้จากการสัมภาษณ์ประวัติและดูแลผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมฆ่า ตัวตายรวมถึงการสัมภาษณ์ญาติและคนใกล้ชิด สรุปเป็นแนวทางที่จะทำให้ได้ข้อมูล ที่สำคัญจากแหล่งข้อมูลที่เป็นบุคคลผู้ใกล้ชิดหรือผู้ที่ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ควร ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ 1. ควรเริ่มต้นสร้างสัมพันธภาพด้วยการ ทักทาย แล้วพูดคุยเล็กน้อยเพื่อให้ บรรยากาศผ่อนคลาย ก่อนแนะนำตัวตามหลักการ counseling จากนั้นตกลง บริการให้ครบทุกประเด็นโดยเฉพาะวัตถุประสงค์ที่มาพบในครั้งนี้ให้ชัดเจนและไม่ อ้อมค้อม
2. หลังจากสร้างสัมพันธภาพ และตกลงบริการแล้ว เริ่มสืบหาข้อมูลเหตุปัจจัย ด้วยคำถามปลายเปิด (ตัวอย่างคำถาม “พอจะเล่าให้ฟังได้ไหมครับในช่วงที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นที่ทำให้ทุกข์ใจ จนคิดทำร้ายตนเองและตัดสินใจกระทำในครั้งนี้?”) โดย ให้แหล่งข้อมูล เช่น ผู้ที่พยายามฆ่าตัวตาย หรือ ญาติใกล้ชิด เล่าเหตุการณ์ก่อน หน้าที่จะเกิดการฆ่าตัวตาย ทีมสอบสวน ต้องใช้ทักษะการฟังอย่างตั้งใจ เพื่อจับ ประเด็นให้ได้ว่าอะไรคือ trigger ที่กระตุ้นให้บุคคลนั้นเกิดความคิดฆ่าตัวตายและ ตัดสินใจกระทำ (Trigger อาจจะเป็น เหตุวิกฤติชีวิต อาการทางจิตกำเริบ ผลของยา เสพติด หรือการรับข่าวฆ่าตัวตาย) ทุกเหตุวิกฤติชีวิตไม่นำไปสู่การฆ่าตัวตายทั้งหมด แต่เหตุวิกฤติชีวิตที่เป็น Trigger มักจะกระตุ้น case ให้เกิดความคิดความรู้สึกว่า “ฉันพ่ายแพ้ล้มเหลวหรืออับอายขายหน้าและอับจนหนทาง” ดังนั้นการบ่งชี้ว่า วิกฤติชีวิตใดเป็น Trigger ทีมสอบสวนควร confirm ว่า case เกิดความรู้สึกพ่ายแพ้ หรืออับอายและคิดว่าไม่มีทางออกกับวิกฤติชีวิตนี้ 3. จากนั้นสำรวจด่านกั้น โดยสอบถามว่า ผู้ฆ่าตัวตายได้วัสดุอุปกรณ์หรือสารพิษ ที่ใช้ฆ่าตัวตายอย่างไร ตามปกติมีการเก็บรักษาอย่างไร หากฆ่าตัวตายโดยกระโดด ตึกหรือสะพานให้รวบรวมข้อมูลการป้องกันในสถานที่นั้นๆด้วย 4. ตามด้วยหาข้อมูลของการเฝ้าระวัง เช่น ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ญาติหรือคน ใกล้ชิดสังเกตพบสัญญาณเตือนหรือไม่ หากพบมีสัญญาณเตือนญาติหรือคนใกล้ชิด ได้ทำอย่างไรบ้าง ญาติเฝ้าระวังหรือไม่อย่างไร หากเคยฆ่าตัวตายมาก่อนให้สอบถาม ถึงว่ามีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทราบเรื่องราวหรือไม่และได้ดูแลช่วยเหลืออย่างไร มี การติดตามเฝ้าระวังหรือไม่อย่างไร 5. ต่อด้วยการสำรวจปัจจัยเสี่ยง โดยใช้ทักษะการถาม เคยเข้ารับการรักษาโรค จิตเวชหรือโรคทางกายใดหรือไม่ และรักษาที่โรงพยาบาลใด (เมื่อได้คำตอบทีม สอบสวนควรจะไปดูรายละเอียดในแฟ้มประวัติ) …บุคลิกภาพอุปนิสัยเป็นอย่างไร
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 86 (หุนหันพลันแล่น impulsive หรือไม่) ให้สอบถามถึงปฏิกิริยาหรือพฤติกรรม ตอบสนองต่อความเครียดหรือสถานการณ์ที่เกิดความเครียดในอดีต 6. ประเมินปัจจัยปกป้อง: ระดับบุคคลให้ประเมินทักษะการแก้ไขปัญหาและการ เผชิญปัญหาของผู้มีพฤติกรรมฆ่าตัวตาย โดยสำรวจการเผชิญปัญหาและการแก้ไข ปัญหาในอดีตด้วยคำถามปลายเปิดให้ผู้มีพฤติกรรมฆ่าตัวตาย หรือญาติหรือเพื่อน ใกล้ชิดเล่าเรื่องราว จากนั้นสำรวจปัจจัยปกป้องอื่น ได้แก่ มีเพื่อนสนิทที่ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันได้หรือไม่ แล้วประเมินความผูกพันในครอบครัวโดยการสอบถามและ สังเกตและประเมินชุมชนโดยสอบถามผู้นำชุมชนถึงกิจกรรมช่วยเหลือกันหรือการ แก้ไขปัญหาส่วนรวมของชุมชน
เอกสารอ้างอิง George, R. L. & Cristiani, T. S. (1995). Counseling: Theory and Practice. 4th ed. Boston: Allyn and Bacon. Patterson, L. E. & Welfel, E. R. (2000). The Counseling Practice. 5th ed. Australia: Brooks/Cole.
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 88 บทที่9 การบริหารจัดการทีมสอบสวนและความเชื่อมโยงกับระบบที่เกี่ยวข้อง กำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย ควรปฏิบัติกำร เป็นทีม อย่ำงน้อย 3-5คนในแต่ละทีม ตำมเป้ำหมำยที่ก ำหนดไว้แต่ละอ ำเภอ ควรมีผู้ผ่ำนกำรอบรมหลักสูตรกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำย ที่สำมำรถ ด ำเนินกำรสอบสวนรวบรวมข้อมูลตำมแนวทำงได้อย่ำงน้อย 3คน และในแต่ ละจังหวัดผู้รับผิดชอบงำนป้องกันแก้ไขปัญหำฆ่ำตัวตำยของจังหวัดควรจัดท ำ บัญชีรำยชื่อทีมสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำย ว่ำกระจำยอยู่ที่อยู่โรงพยำบำล ใดบ้ำง และมีเบอร์โทรศัพท์หรือช่องทำงติดต่อที่สะดวก ในบำงจังหวัดจะจัดท ำ LINE กลุ่มของผู้ผ่ำนกำรอบรมหลักสูตรกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำย หำกมีกำรแจ้งเหตุกำรณ์ฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยในพื้นที่ ก็จะ สำมำรถติดต่อหัวหน้ำทีมแต่ละอ ำเภอได้โดยสะดวก กำรลงปฎิบัติงำนสอบสวนภำคสนำม ควรมีกำรเตรียมทีมนัดหมำยกันเป็น อย่ำงดีหำกทีมในอ ำเภอนั้นติดภำรกิจ ควรมีกำรติดต่อขอควำมช่วยเหลือจำก ทีมของอ ำเภออื่นให้ส่งผู้สอบสวนมำเพิ่มเติมให้ครบ 3 คน ในทีม กำร ปฏิบัติกำรสอบสวนในอุบัติกำรณ์หนึ่งๆ อำจลงพื้นที่ 3-5 ครั้งเพื่อรวบรวม ข้อมูลทั้งจำกแหล่งข้อมูลปฐมภูมิ(สัมภำษณ์บุคคล) และแหล่งข้อมูลทุติยภูมิ (สืบค้นในเอกสำรแฟ้มประวัติหรือฐำนข้อมูลต่ำงๆ)
คุณลักษณะของผู้สอบสวน เนื่องจำกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกำรฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยจะมี ข้อมูลที่อำจเป็นควำมลับหรือเป็นข้อมูลที่เปิดเผยแล้วจะรู้สึกสะเทือนใจส่งผล ต่อสภำพจิตใจของผู้เกี่ยวข้องดังนั้น ผู้ที่ที่จะท ำหน้ำที่รวบรวมข้อมูลด้วยวิธี สอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยต้องมีควำมรู้พื้นฐำน เกี่ยวกับพฤติกรรมกำรฆ่ำตัวตำยและต้องมีทักษะของกำรให้กำรปรึกษำ โดยผู้ สอบสวนควรมีคุณลักษณะดังต่อไปนี้ 1. ผ่ำนกำรอบรมหลักสูตรกำรสอบสวนอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยแนวใหม่ ของ ศูนย์เฝ้ำระวังป้องกันฆ่ำตัวตำย กรมสุขภำพจิต 2. หัวหน้ำทีมสอบสวนควรเป็นผู้ผ่ำนกำรอบรมหลักสูตรพื้นฐำนกำรให้กำร ปรึกษำ (Basic counseling) หรือจิตบ ำบัด (Psychotherapy) แบบใดแบบ หนึ่ง ระยะเวลาที่เหมาะสมส าหรับสอบสวนอุบัติการฆ่าตัวตายและพยายาม ฆ่าตัวตาย กำรสอบสวนอุบัติกำรฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำยจะด ำเนินกำร หลังจำกกำรช่วยชีวิตและปฐมพยำบำลจิตใจเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำรปฏิบัติกำร สอบสวนไม่ควรด ำเนินกำรเร็วเกินไปและช้ำเกินไป ระยะเวลำที่ดีจะอยู่ในช่วง 1-2 สัปดำห์แรกหลังเกิดอุบัติกำรณ์ ยกเว้นในรำยที่รอดชีวิตจำกกำรฆ่ำตัวตำย แล้วเข้ำรับกำรรักษำในโรงพยำบำล ทีมสอบสวนสำมำรถด ำเนินกำรได้ภำยใน 2-3 วัน หลังรับไว้รักษำในโรงพยำบำล
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 90 ระบบการจัดการเมื่อเกิดอุบัติการณฆ์ ่าตัวตายหรือพยายามฆ่าตัวตาย ในจังหวัด กำรฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัวตำยถือเป็นภำวะฉุกเฉินอย่ำงหนึ่งในทำง กำรแพทย์ จึงจ ำเป็นที่จะต้องมีระบบกำรจัดกำรที่เชื่อมโยงกับระบบฉุกเฉินทำง กำรแพทย์ เพื่อช่วยชีวิตและช่วยปฐมพยำบำลจิตใจ รวมถึงกำรประเมินและ ช่วยเหลือเยียวยำจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจำกเหตุกำรณ์ จึงมีข้อแนะน ำ ดังต่อไปนี้ ดังแสดงในภำพที่ 9 1. จังหวัดควรจัดให้มีศูนย์หรือจุดรับแจ้งเหตุฆ่ำตัวตำยหรือพยำยำมฆ่ำตัว ตำย แต่ละจังหวัดควรมี 1จุด โดยจัดเป็นโทรศัพท์สำยด่วน 24 ชั่วโมง อำจเป็น 1669 หรือ 191 หรือโทรศัพท์มือถือที่สำมำรถฝำกข้อควำมในกรณีไม่ได้รับสำย ซึ่งเจ้ำหน้ำที่ที่รับผิดชอบสำมำรถโทรแจ้งทีมกู้ภัยหรือทีม MCATT และทีม สอบสวนได้ทันที (พนักงำนประจ ำจุดรับแจ้งเหตุต้องมีหมำยเลขโทรศัพท์หรือ ช่องทำงติดต่อทีม MCATT และ ทีมสอบสวน) 2. เมื่อจังหวัดก ำหนดศูนย์รับแจ้งเหตุแล้ว ควรประชำสัมพันธ์แก่ประชำชน ทั่วไปและสถำนบริกำรสำธำรณสุขทุกแห่งในจังหวัดทรำบเมื่อเกิดเหตุกำร กระท ำรุนแรงต่อตนเองหรือฆ่ำตัวตำยในชุมชนหรือในโรงพยำบำล ผู้พบเห็น เจ้ำหน้ำที่สำธำรณสุข อสม หรือญำติสำมำรถโทรแจ้งเหตุได้ทันที 3. เมื่อเจ้ำหน้ำที่ศูนย์รับแจ้งเหตุฯ รับทรำบก็ให้ประสำนงำนไปยังหน่วยกู้ภัย หรือทีม MCATT เพื่อลงพื้นที่ไปช่วยชีวิตและช่วยเหลือจิตใจในเบื้องต้น และ แจ้งทีมสอบสวนโรคเพื่อลงพื้นที่รวบรวมข้อมูลส ำคัญรวมถึงเหตุปัจจัยของกำร ฆ่ำตัวตำย (ซึ่งทีมสอบสวนควรเริ่มปฏิบัติกำรในสัปดำห์แรกหลังเกิดเหตุ)
4. เมื่อสอบสวนได้ข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้บันทึกลงในแบบฟอร์มรำยงำน กำรสอบสวน ส่งไปยังทีมสุขภำพจิตระดับอ ำเภอและระดับจังหวัด(เพื่อให้กำร ดูแลช่วยเหลือผู้รอดชีวิตและผู้ได้รับผลกระทบ) และศูนย์เฝ้ำระวังฆ่ำตัวตำย ของ โรงพยำบำลจิตเวชขอนแก่นรำชนครินทร์ (เพื่อน ำไปวิเครำะห์ภำพรวมของ ประเทศ) ภาพที่9 ระบบกำรจัดกำรเมื่อเกิดอุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย ในจังหวัด
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 92 ภาคผนวก 1. QR code link สไลด์ เอกสำรประกอบและคลิปวิดีโอบรรยำยกำรสอบสวน อุบัติกำรณ์ฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย 2. แบบฝึกหัดส ำหรับยืนยันกำรฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย 3. แบบรำยงำนกำรสอบสวนกรณีฆ่ำตัวตำยและพยำยำมฆ่ำตัวตำย 4. แบบคัดกรองโรคซึมเศร้ำและฆ่ำตัวตำย 2Qplus 5. แบบประเมินฆ่ำตัวตำย 8Q 6. แบบประเมินโรคซึมเศร้ำ 9Q ฉบับปรับปรุง คลิปวิดีโอบรรยาย เอกสารประกอบฝึ กอบรมฯ
แบบฝึ กหัดส าหรับยืนยันการฆ่าตัวตายและพยายามฆ่าตัวตาย
Suicide and Suicide attempt incident investigation, new approach. 94