นาฏศิลป์นานาชาติ
สมุดเล่มเล็ก เรื่อง นาฏศิลป์นานาชาติ ประกอบด้วย นาฏศิลป์ของชาติ
ต่าง ๆ 5 ประเทศ พร้อมคำอธิบายลักษณะการแสดง การแต่งกาย ความ
เป็นมาของการแสดงและตัวอย่างการแสดง
จัดทำโดย
นางสาวเบญญภา ชัชวาลานนท์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6.1 เลขที่ 18
คำนำ
สมุดเล่มเล็ก เรื่องนาฏศิลป์นานาชาติ เป็นส่วน
หนึ่งของรายวิชาศิลปะ6 (ศ33102) จัดทำขึ้นเพื่อ
ศึกษาศิลปะการแสดงของประเทศอื่น ๆ ประกอบด้วย
นาฏศิลป์ของชาติต่าง ๆ 5 ประเทศ ศึกษาลักษณะ
การแสดงการแต่งกาย ความเป็นมาของการแสดง
และตัวอย่างการแสดง
ผู้จัดทำหวังว่า สมุดเล่มเล็ก เรื่อง นาฏศิลป์
นานาชาติ เล่มนี้จะมีประโยชน์แก่ผู้สนใจศึกษา หากมี
ข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขออภัยมา ณ ที่นี้
นางสาวเบญญภา ชัชวาลานนท์
ผู้จัดทำ
สารบัญ
นาฏศิลป์อินเดีย 1
นาฏศิลป์จีน 2
นาฏศิลป์อินโดนีเซีย 3
นาฏศิลป์เกาหลี 4
นาฏศิลป์สเปน 5
1 นาฏศิลป์อินเดีย
ข้อมูลเบื้องต้น ภารตะนาฏยัม
นาฏศิลป์อินเดียมีความผูกพันอยู่กับคติความ เป็นนาฏศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย มีส่วนสำคัญในพิธีของศาสนา
เชื่อ และศรัทธาในศาสนาฮินดู การแสดง ฮินดูสมัยโบราณ
นาฏศิลป์สะท้อนให้เห็นถึงการเกี่ยวข้องกับ
พิธีกรรมที่เน้นความลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ อินเดีย การแสดง ผู้แสดงต้องได้รับการฝึกฝนอย่างมี
ถือว่านาฏศิลป์เป็นทิพยกำเนิดตามคัมภีร์ภาร แบบแผน ด้วยระยะเวลายาวนานจนมีฝีมือยอด
ตะนาฏยศาสตร์ เยี่ยม สามารถเครื่องไหวร่างกายได้สอดคล้องกับ
จังหวะดนตรี เนื้อหาสาระของการแสดง สะท้อน
ประวัติความเป็นมา สัจธรรมที่ปลูกฝังยึดมั่นในคำสอนของศาสนา
แสดงได้ทุกสถานที่ ไม่เน้นเวที ฉาก เพราะความ
ตามคัมภีร์นาฏยศาสตร์ พระภารตะมุนีเป็นผู้รับ โดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์
พระราชทานนาฏลีลาจากพระพรหม และพระศิวะ เครื่องแต่งกาย ในยุคโบราณ จากหลักฐานที่
ชาวฮินดูจึงยกย่องพระศิวะเป็น “นาฏราชา” หมาย ปรากฏตามรูปปั้น รูปแกะสลัก ไม่สวมเสื้อ สวม
ถึง พระราชาแห่งการฟ้อนรำ แต่ผ้านุ่งยาวแค่เข่า ใส่เครื่องประดับ ปละเครื่อง
ประดับที่ศีรษะ ปัจจุบันสวมเสื้อ ยึดหลักการแต่ง
ยุคที่อินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ กายสตรีที่เป็นชุดประจำชาติของอินเดีย
อินเดียได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทางด้าน
นาฏศิลป์ การละคร วัฒนธรรม ตะวันตกได้เข้ามา
ผสมผสานทำให้นาฏศิลป์ที่เป็นแบบฉบับในราช
สำนักกลายเป็นสิ่งไร้ค่า ขาดการดูแลรักษา จน
เกือบจะสูญ ต่อมาเมื่ออินเดียเป็นเอกราช จึงฟื้นฟู
นาฏศิลป์ประจำชาติขึ้นมาใหม่ อันได้แก่ ภารตะ
นาฏยัม กถักกฬิ และมณีปุรี
ภารตะนาฏยัม เป็นนาฏศิลป์ที่เก่าแก่ที่สุด
ในอินเดีย มีส่วนสำคัญในพิธีของศาสนาฮินดู
สมัยโบราณ สตรีฮินดูจะถวายตัวรับใช้ศาสนา
เป็น “เทวทาสี” ร่ายรำขับร้อง บูชาเทพใน
เทวาลัย ซึ่งจะเริ่มฝึกตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ศึกษา
พระเวท วรรณกรรม ดนตรี การขับร้องของเทว
ทาสีเปรียบประดุจนางอัปสรที่ทำหน้าที่ร่ายรำบน
สวรรค์
2 นาฏศิลป์จีน
ข้อมูลเบื้องต้น อุปรากรจีน
นาฏศิลป์จีน กิดจากการประกอบพิธีทาง เทคนิคการแสดง แสดงตามทฤษฎีการเคลื่อนไหวทุก
ไสยศาสตร์ จนพัฒนามาเป็นละครแบบต่างๆ ส่วนของร่างกาย มีจังหวะสง่างาม การเคลื่อนไหวของ
ในราชสำนัก จนท้ายที่สุดเกิดเป็นอุปรากรจีน มือ เท้า การเดิน การเคลื่อนไหวของหนวดเครา ชาย
(งิ้ว) นับเป็นศิลปะที่มีแบบแผนระดับชาติที่ชาว เสื้อ ขนนกที่ประดับอยู่บนศีรษะจะคล้ายกับละครใบ้
จีนได้พัฒนา และอนุรักษ์มาเป็นเวลาหลายร้อย ใช้สัญลักษณ์แทนความหมาย เช่น การยกทัพใช้คน
ปี จนมีลักษณะเป็นศิลปะประจำชาติ ถือธงเพียงคนเดียว เดินนำหน้าแม่ทัพ กิริยาอายของ
สตรีจะแสดงโดยการยกแขนเสื้อมาบังใบหน้า และ
ประวัติความเป็นมา การแสดงว่ากำลังนอนก็แสดงโดยวางแขนไว้บนโต๊ะ
แล้วนอนหนุนแขน เป็นต้น
นาฏศิลป์จีนเกิดจากระบำทรงเจ้าในพิธีทาง เครื่องแต่งกาย แต่งตามชุดประจำชาติ มีชุดจักรพรรดิ
ศาสนาหรือเรียกว่า "รามาอู๋อู" นับเป็นศิลปะที่เก่า ชุดขุนนาง เครื่องทรงเสื้อเกราะ มงกุฎจักรพรรดิ
แก่มากที่สุด จุดประสงค์ในการแสดง เพื่อบำบัดภัย หมวกขุนนาง นักรบ รองเท้าเป็นรองเท้าผ้าพื้นเรียบ ผู้
อันตรายจากธรรมชาติ บำบัดความเจ็บไข้ และความ แสดงแต่งหน้าเองตามบทบาทที่แสดง
ทุกข์ทั้งปวง
ในสมัยราชวงศ์โจวศิลปะทางนาฏศิลป์ของจีนมี
หลากหลาย แต่เจริญสูงสุดในราชวงศ์ถัง โดยจักร
พรรณ "มิ่งฮวง" ทรงเชี่ยวชาญนาฏศิลป์ และการ
ดนตรีเป็นอย่างยิ่ง ทรงจัดตั้งวิทยาลัยการละครใน
พระราชอุทยานสวนสน นครเชียงอาน ทรงอุปถัมภ์
ค้ำจุนนาฏศิลป์ทุกแขนง ชาวนาฏศิลป์จีนยกย่องท่า
เป็นบิดาแห่งการละคร
ต่อมาจนถึงสมัยจักรพรรดิเฉียนหลง ได้ทรงปรับปรุง
ลีลาท่ารำของการแสดงให้นุ่มนวล ผสมกลมกลืน
กับศิลปะหลายแขนง ได้แก่ ดนตรี ขับร้อง นาฏลีลา
การแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ซึ่งปัจจุบันจะหาชมได้
จากอุปรากรจีน (งิ้ว)
อุปรากรจีนที่เป็นแบบมาตรฐาน และนับเป็น
ศิลปะประจำชาติ คือ อุปรากรปักกิ่ง ซึ่งการแสดง
จะเน้นศิลปะด้านดนตรี การขับร้อง นาฏลีลา
การแสดงอารมณ์ ศิลปะการต่อสู้กายกรรม ผู้
แสดงจะต้องมีพรสวรรค์ น้ำเสียงมีคุณภาพ
3 นาฏศิลป์อินโดนีเซีย
ข้อมูลเบื้องต้น นาฏศิลป์บาหลี
นาฏศิลป์ของประเทศอินโดนีเซียมี
ความหลากหลาย เนื่องจากมีเกาะ
มากมายและแต่ละเกาะก็มีการแสดง
ของตนเอง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดด
เด่น ศิลปะการแสดงที่เก่าแก่ที่สุด คือ
การเชิดหุ่น วายัง นอกจากนี้ยังมีศิลปะ
ประจำชาติ คือนาฏศิลป์สุมาตรา
นาฏศิลป์ชวา และนาฏศิลป์บาหลี
ประวัติความเป็นมา นาฏศิลป์บาหลี การร่ายรำเพื่อบวงสรวงและ
บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนใหญ่ มีการแสดง
นาฏศิลป์ของบาหลี หรือละครรำ ละครเป็นเรื่องราว ลักษณะการแสดงมีชีวิต
ดั้งเดิมในบาหลี มีรูปแบบการเล่าเรื่อง ชีวา จุดเด่นคือการยักย้ายสะโพก การใช้
ที่มักจะมีขึ้นเพื่อเป็นวิธีอย่างหนึ่งที่ ดวงตา เครื่องดนตรีจะคล้ายคลึงกับดนตรีชวา
ทำให้ผู้คนได้เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ เช่น เช่น มหาภารตะ รามายนะ และละครพื้นบ้าน
รามายณะ มหาภารตะ เป็นต้น มักจะ
มีขึ้นในพิธี โอดาลัน หรืองานสมโภช การแต่งกาย ผู้หญิง นุ่งผ้าถุงพันตัว ตัวเอกจะ
วันครบรอบของวัด เพื่อมอบความ พันผ้าถุงชายยาว จากพื้นปัดไปด้านหลัง มี
บันเทิงให้แก่ทั้งเทพและมนุษย์ เครื่องประดับศีรษะลวดลายทอง หรือกระ
บังหน้า ถ้าเป็นการแสดงพื้นบ้านก็จะเกล้าผม
มวยต่ำประดับด้วยดอกลั่นทม
4 นาฏศิลป์เกาหลี
ข้อมูลเบื้องต้น ระบำหน้ากากเกาหลีทัลชุม
นาฏศิลป์เกาหลีเริ่มมีการ ในปัจจุบันการแสดงระบำหน้ากากทัลชุมจะเป็น
เปลี่ยนแปลงในราวศตวรรษที่ 3 ไปแนวทางการแสดงที่สนุกสนาน และเน้นความ
นาฏศิลป์เกาหลีในสมัยโบราณใช้แสดง ตลกเฮฮา การแสดงระบำหน้ากากเกาหลีมีการ
ในพิธีทางศาสนา เพื่อบวงสรวงเทพยดา แพร่กระจายไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ โอกาส
อารักษ์ จัดแสดงปีละ 2 ครั้ง คือ ใน ในการจัดแสดงมีทั้งในพิธีทางศาสนา รวมไปถึง
เดือนพฤษภาคมซึ่งเป็นฤดูหว่าน และ มักถูกจัดให้เป็นการแสดงประจำตามสถานที่
ในเดือนตุลาคมฤดูเก็บเกี่ยว ต่างๆ ไว้สำหรับเชิญชวนนักท่องเที่ยว
หน้ากากที่ใช้แสดงจะทำจากไม้ กระดาษ ผลน้ำ
ระบำหน้ากากเกาหลี (Korean เต้าหรือขนสัตว์ การออกแบบหน้ากากรูปแบบจะ
Mask Dance) ที่เรียกว่า “ทัลชุม” มีทั้งมนุษย์ เทพเจ้า รวมไปถึงอมนุษย์ที่มีรูป
(Talchum) เป็นการแสดงที่สืบทอดกัน ลักษณ์ผิดธรรมชาติ ทั้งนี้เพื่อให้เห็นสีหน้าใน
มาตั้งแต่สมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน อิริยาบถการแสดงอารมณ์ของตัวละคร ได้ชัดเจน
ซึ่งยังสามารถหาชมกันได้ในงาน ขึ้นเพราะในสมัยก่อนการแสดงทัลชุมนั้นจะแสดง
เทศกาลหรือการแสดงในแต่ละเมือง ในตอนกลางคืนโดยใช้แสงสว่างจากกองไฟ และ
ในสมัยก่อนการระบำหน้ากากเกาหลี คบไฟโดยรอบเพียงเท่านั้น
นั้นเป็นการแสดงของชนชั้นล่าง ที่มีการ
คับข้องใจจากการถูกกดขี่จากชนชั้นที่สูง
กว่า เนื้อหาที่ใช้แสดงจึงจะเกี่ยวกับการ
เสียดสีสังคม การเกิดความเหลื่อมล้ำ
ระหว่างชนชั้น และเรื่องราวในวังต่างๆ
ซึ่งขณะแสดงผู้แสดงจะสวมหน้ากาก
เพื่อปกปิดตัวตน และว่ากันว่าเสมือน
ได้ปลดปล่อยความอึดอัดใจภายใต้
หน้ากากอีกด้วย
5 นาฏศิลป์สเปน
ข้อมูลเบื้องต้น ระบำฟลาเมงโก
ระบำสเปน เป็นการเต้นที่เน้น ระบำฟลาเมงโก ผสมผสานระหว่างการร้อง
ความสง่างามของท่วงท่า และความ เพลง การเล่นกีตาร์ เต้นรำ การจับนิ้วมือและ
ชัดเจนของ Footwork โดยมีการใช้ การปรบมือไปพร้อมกับจังหวะ ทั้งยังได้รับ
อุปกรณ์ ซึ่งการเต้นระบำสเปนสามารถ ความนิยมอย่างแพร่หลายไปยังประเทศต่างๆ
แบ่งได้หลายประเภท เช่น Flamenco, ด้วยจังหวะการเต้นที่เร้าใจและสนุกสนาน
Regional และ Escuela Bolera รวมไปถึงเครื่องแต่งกายสีสันจัดจ้านสวยงาม
เป็นต้น โดยผู้แสดงจะแต่งกายด้วย ของเหล่านักเต้นทำให้เกิดเป็นเสน่ห์ของระบำ
เสื้อผ้าสีสันสดใส จัดจ้าน ซึ่งการเต้น ฟลาเมงโกที่ชวนหลงใหล
ระบำฟลามิงโก เริ่มต้นจากท้องถิ่นทาง ชุดของผู้หญิงจะเป็นกระโปรงยาว พองฟู
ตอนใต้ในแคว้น อันดาลูเซีย เป็นชั้น ๆ ตัวเสื้อรัดรูป ทั้งนี้เพื่อเน้นรูปร่าง
(Andalusia) ปัจจุบันการเต้นแบบฟลา สัดส่วนของผู้สวมใส่ ส่วนผู้ชายจะใส่เสื้อ
มิงโกได้แพร่หลายไปทั่วโลก และนำชื่อ เชิ้ตทับด้วยเสื้อกั๊ก สวมกางเกงขายาว คาด
เสียงมาสู่ประเทศสเปน เอวด้วยผ้า
ระบำฟลาเมงโก (Flamenco) มีมา
ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบแปด การเต้นที่แสน
โดดเด่นและมีชื่อเสียงของ ประเทศสเปน
แต่เดิมได้รับอิทธิพลมาจากชาวยิปซี
นอกจากนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็น
หนึ่งในมรดกโลกด้านวัฒนธรรมอีกด้วย