รายงานการสัมนา หัวข้อ SARCOPENIA in older adults โดย นางสาวจิราวรรณ วิทยานุกรณ์ รหัสนักศึกษา 6523004 นางสาวชนินทร เกลี้ยงดา รหัสนักศึกษา 6523006 นางสาวบุณยาพร กลิ่นเพ็ชร์ รหัสนักศึกษา 6523011 นางสาวสมปรารถนา วิจิตระกะ รหัสนักศึกษา 6523014 นักศึกษาหลักสูตรพยาบาลเฉพาะทาง สาขาเวชปฏิบัติผู้สูงอายุ รุ่นที่ 51 ปีการศึกษา 2565 คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (Sarcopenia) ความหมาย เป็นความผิดปกติของกล้ามเนื้อโครงร่างที่มักเกิดขึ้นสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น รวมถึงองค์ประกอบ ด้านสุขภาพ หลายประการ ในการปฏิบัติทางคลินิกนับเป็นเรื่องค ่อนข้างใหม่ แต ่มีความส าคัญเนื ่องจากมี ผลกระทบ ต่อสุขภาพ เดิมมีการให้นิยามไว้ว่า เป็นภาวะที่มีการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ ต่อมาได้มีการให้นิยาม ความหมายในเชิงปฏิบัติการเพิ่มเติม โดยพิจารณา 1. ความแข็งแรงของมวลกล้ามเนื้อต ่า (Low muscle strength) 2. มวลกล้ามเนื้อต ่า (Low muscle quantity or quality) 3. สมรรถภาพทางกายลดลง (Low physical performance) ซึ่งหากมีอาการในข้อ 1 ถือว่ามีความเป็นได้ในการเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย หากมีอาการในข้อ 1 และ 2 จะได้รับการวินิจฉัยว ่ามีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย และเมื่อมีอาการในข้อ 1, 2 และ 3 จะพิจารณาว่ามีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยอย่างรุนแรง (Cruz-Jentoft et al., 2019) ความชุก Asian Working Group for Sarcopenia (AWGS) ได้มีการรายงานความชุกของการเกิดภาวะมวล กล้ามเนื้อน้อยในชุมชนอยู่ที่ร้อยละ 1-30 การดูแลระยะยาว (long term care) ร้อยละ 14-33 และร้อยละ 60 ในหน่วยฟื้นฟูของโรงพยาบาล (Khongsri, N., Tongsuntud, S., Limampai, P. & Kuptniratsaikul, V., 2016) กลไกการเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย กลไกที ่เกี ่ยวข้องกับการเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ได้แก ่ การสร้างโปรตีน การสลายโปรตีน การท างานของระบบประสาท ปริมาณไขมันในกล้ามเนื้อ ปริมาณฮอร์โมนที ่ลดลง ปฏิกิริยาการอักเสบ การขาดสารอาหารโดยเฉพาะโปรตีน เป็นต้น สามารถแบ่งตามพยาธิสรีรวิทยา การเกิดได้ 2 ชนิด ดังนี้ 1. ชนิดปฐมภูมิซึ่งสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น โดยตรวจไม่พบสาเหตุอื่นร่วม 2. ชนิดทุติยภูมิ เกิดจากสาเหตุอื่น ได้แก่ ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ ท าให้ระดับฮอร์โมนผิดปกติ เช่น คอร์ติโคสเตียรอยด์ โกรทฮอร์โมน อินสุลิน ไทรอยด์ความเสื่อมของระบบประสาท เช่น โรคของระบบ ประสาทสั่งการ ภาวะผอมหนังหุ้มกระดูก (cachexia) ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือมีการดูดซึมผิดปกติ การมีกิจกรรมทางกายน้อย การไม่เคลื่อนไหว และการเคลื่อนไหวไม่ได้ (กระทรวงสาธารณสุข, 2558)
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง ด้วยสาเหตุที่วัยสูงอายุเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงของระบบการท างานภายในร่างกายมีการเสื่อม ของอวัยวะอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อและจ านวนเซลล์ของกล้ามเนื้อลดลงกว่า ร้อยละ 50 ท าให้กล้ามเนื้อลดลงประมาณร้อยละ 25 การเกิดมวลกล้ามเนื้อลดลง (sarcopenia) ท าให้ การท างานของกล้ามเนื้อมีประสิทธิภาพลดลง เกิดการไม่ประสานการท างานร่วมกันระหว่างกล้ามเนื้อและข้อ ความคล่องแคล่ว รวมถึงความยืดหยุ่นของร่างกายลดลง นอกจากนี้ยังพบว่ามีปัจจัยส่งเสริมให้เกิดภาวะมวล กล้ามเนื้อน้อยอีก ได้แก ่ ขาดการออกก าลังกาย มีพฤติกรรมเนือยนิ ่ง มีภาวะพร ่องโภชนาการ หรือ มีการใช้สารเสพติด เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอกอฮอล์ สูบบุหรี่ (วิทยา วาโย, จรรยา คนใหญ่, สายสุดา จันหัวนา, กัลยารัตน์ คาดสนิท, และรุ่งทิพย์ พรหมบุตร, 2565) ผลกระทบ Sarcopenia เป็นหนึ่งในปัญหาทาง geriatric syndromes ที่มีความส าคัญเนื่องจากมีผลท าให้การท า หน้าที่ลดลง ความบกพร่องทางกาย หกล้ม เพิ่มอัตราการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น รวมถึงท าให้คุณภาพชีวิตลดลงและเพิ่มอัตราการตาย (Cruz-Jentoft, A. J. et al., 2010) การประเมินและเครื่องมือในการประเมิน ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ควรมีการคัดกรองเพื่อค้นหาความเสี่ยงหรือมีอาการของภาวะมวล กล้ามเนื้อน้อย ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเพื่อป้องกันการเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อและควรพิจารณาในการส่งต่อ เพื่อให้ ได้รับการวินิจฉัยและให้การจัดการ ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยน าไปสู่การเกิดไร้ความสามารถ ภาวะเปราะบาง และท าให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลสูงขึ้น จึงมีการจัดตั้ง International working group on Sarcopenia ขึ้นมา เพื่อวัตถุประสงค์ในการป้องกันและให้การดูแลภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยซึ่งเป็นภาวะที ่มีความซับซ้อน และ ความจ าเป็นในการดูแลรักษา (Chumlea, W.C., Cesari, M., Evans, W.J. & et al., 2011) ในส่วนของเอเชีย ได้มีการจัดตั้ง Asian Working Group for Sarcopenia (AWGS) ขึ้นมา เพื่อมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริม การวิจัยภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในเอเชียและท าข้อตกลงร่วมกันในวินิจฉัยภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย โดยได้มี การท าข้อตกลงร่วมและพัฒนาปรับปรุงล่าสุดในปี 2019 และในส่วนของประเทศไทยได้ใช้เกณฑ์ตาม AWGS เป็นมาตรฐานในการปฏิบัตติ (Liang-Kung Chen, Jean Woo, Prasert Assantachai, Tung-Wai Auyeung, Ming-Yueh Chou, Katsuya Iijima, Hak Chul Jang, Lin Kang, Miji Kim, Sunyoung Kim, Taro Kojima, Masafumi Kuzuya, Jenny S.W. Lee, Sang Yoon Lee, Wei-Ju Lee, Yunhwan Lee, Chih-Kuang Liang, Jae-Young Lim, Wee Shiong Lim, Li-Ning Peng, Ken Sugimoto, Tomoki Tanaka, Chang Won Won, Minoru Yamada, Teimei Zhang, Masahiro Akishita, Hidenori Arai., 2020) โดยมีการประเมินดังนี้
1. การประเมินมวลกล้ามเนื้อ เพื่อหาค่ามวลกล้ามเนื้อต ่า โดยใช้รังสีเทคนิคมีอยู่หลายวิธีการ ได้แก่ CT scanning, MRI, dual-energy X-ray absorptiometry (DXA) และ bioimpedance analysis (BIA) ทางปฏิบัติพบการท า BIA ถูกน ามาใช้มากที่สุด (Cruz-Jentoft A. J., Baeyens J. P., Bauer J. M., Boirie Y., Cederholm T., Landi F., & et al., 2010) AWGS แนะน าให้ใช้ DXA หรือ BIA หากมีค่าน้อยกว่าจุดตัด ถือว่ามีความผิดปกติ รายละเอียด แสดงดังตาราง ตารางที่ 1 เครื่องมือที่ใช้ในการวินิจฉัยภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยและจุดตัดตามค าแนะน าของ AWGS 2019 สิ่งที่วัด เครื่องมือ จุุดตัด เพศชาย เพศหญิง มวลกลุ้ามเนื้อ dual-energy X-ray absorptiometry (DXA) 7.0 กก./ ม2 5.4 กก./ ม2 bioimpedance analysis (BIA) 7.0 กก./ ม2 5.7 กก./ ม2 2. การประเมินความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพื ่อหาค ่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต ่า ประเมินได้ หลายวิธี เช่น การวัดแรงเหยียดเข่า (leg extension), การลุกจากเก้าอี้ (chair stand) ปัจจุบันเครื่องมือวัด แรงบีบมือ (handgrip strength) เป็นที่นิยมใช้และมีความเที่ยงตรง AWGS แนะน าให้ใช้การทดสอบการวัดแรงบีบมือ หากมีค ่าน้อยกว ่าจุดตัด ถือว ่ามีความผิดปกติ รายละเอียดแสดงดังตาราง ตารางที่ 2 เครื่องมือที่ใช้ในการวินิจฉัยภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยและจุดตัดตามค าแนะน าของ AWGS สิ่งที่วัด เครื่องมือ จุุดตัด เพศชาย เพศหญิง ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ Handgrip strength (HS) 28 กก. 18กก.
3. การประเมินสมรรถภาพทางกาย เพื่อหาค่าสมรรถภาพทางกายต ่า มีหลายวิธี ได้แก่ 3.1 การประเมินความสามารถทางกายฉบับย่อ (short physical performance battery; SPPB) เป็นการประเมินการทรงตัว การเดิน ความแข็งแรงและความอดทน มี 3 ขั้นตอน คือ 3.1.1. เวลาที่ใช้ในการเดิน (gait speed) ที่ระยะทาง 6 เมตร 3.1.2. เวลาที่ใช้ในการลุกนั่งจากเก้าอี้ 5 ครั้ง (5 time chair stands test) ใช้ เก้าอี้มาตรฐาน ไม่มีพนักพิงแขนความสูง 41-48 เซ็นติเมตร 3.1.3. ดูเวลาในการทรงตัว (Balance) 3 อย่าง ได้แก่ การยืนเท้าชิด การยืนเท้า แบบเฉียง และการยืนต่อเท้า 3.2 การวัดความเร็วในการเดิน (gait speed) AWGS แนะน าให้ใช้ระยะ 6 เมตร และ จับเวลา ในการเดิน ค านวณเป็น เมตรต่อวินาที (m/s) 3.3 การทดสอบความสามารถในการทรงตัวขณะเดิน (Time up and go) ทดสอบ ความคล่องแคล่ว และการทรงตัวเมื่อมีการเคลื่อนไหว หากใช้เวลาน้อยกว่า 10 วินาทีแสดงว่ามีความปกติใน การเคลื่อนไหวร่างกาย และหากใช้เวลามากกว่า 20 วินาที แสดงว่ามีความเสี่ยงในการหกล้ม AWGS แนะน าให้ใช้การทดสอบการวัดความเร็วในการเดิน หรือ เวลาที่ใช้ในการลุกนั่งจากเก้าอี้ 5 ครั้ง หรือ ความสามารถทางกายฉบับย่อ หากมีค่าความเร็วในการเดิน หรือ ความสามารถทางกายฉบับย่อ น้อยกว ่าจุดตัด หรือ เวลาที ่ใช้ในการลุกนั ่งจากเก้าอี้ 5 ครั้ง มากกว ่าจุดตัด ถือว ่ามีความผิดปกติ รายละเอียดแสดงดังตาราง ตารางที่ 3 เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินสมรรถภาพทางกายและจุดตัดตามค าแนะน าของ AWGS สิ่งที่วัด เครื่องมือ จุุดตัด การประเมิน. สมรรถภาพทางกาย การวัดความเร็วในการเดิน (gait speed) ที่ระยะทาง 6 เมตร น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 เมตร/ วินาที เวลาที่ใช้ในการลุกนั่งจากเก้าอี้ 5 ครั้ง (5 time chair stands test) มากกว่าหรือเท่ากับ 12 วินาที ความสามารถทางกายฉบับย่อ (SPPB) น้อยกว่าหรือเท่ากับ 9 คะแนน นอกจากนั้น AWGS ได้มีการจัดกลุ ่มความรุนแรงของการเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยออกเป็น โอกาสเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (possible sarcopenia) ภาวะก่อนมวลกล้ามเนื้อน้อย (presarcopenia) ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (sarcopenia) และ ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยรุนแรง (severe sarcopenia) รายละเอียดังตาราง
ตารางที่ 4 แสดงการแบ่งความรุนแรงของภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (Chen, L. K. et al., 2020) ความรุนแรง มวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ สมรรถภาพทางกาย Possible sarcopenia - ลดลง หรือ ลดลง Presarcopenia ลดลง - - Sarcopenia ลดลง ลดลง หรือ ลดลง Severe sarcopenia ลดลง ลดลง และ ลดลง ในส ่วนของการดูแลแบบปฐมภูมิหรือการป้องกันในส ่วนของชุมชน ตามค าแนะน าของ AWGS ให้เน้นคัดกรองและส่งต่อยังหน่วยบริการที่มีศักยภาพที่สูงกว่าเพื่อวินิจฉัยภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ในส่วน ของเครื ่องมือคัดกรองในการประเมินเพื ่อหาสัญญาณของภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยหรือกลุ ่มเสี ่ยงให้ใช้ calf circumference (CC) หรือ the SARC-F หรือ SARC-CalF questionnaires โดยมีรายละเอียดใน การคัดกรอง ดังนี้ 1. Calf circumference ท าการวัดโดยวัดที ่น ่องในต าแหน ่งที ่กว้างที ่สุดของน ่อง เส้นรอบวงน่อง มีจุดตัดของเพศชาย 34 ซม. หญิง 33 ซม. หากค่าที่วัดได้มีค่าน้อยกว่าจุดตัดแสดงว่ามีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย 2. แบบสอบถามเพื่อคัดกรองภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ชนิด SARC-F คะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 4 คะแนน แสดงว่ามีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย
3. แบบสอบถามเพื่อคัดกรองภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย ชนิด SARC-CalF เป็นการน าแบบสอบถามเพื่อ คัดกรองภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยชนิด SARC-F มารวมกับการวัดเส้นรอบวงน่อง (CC) หากค ่าที่วัดได้มีค่า มากกว่าจุดตัดให้คะแนน = 0 คะแนน และ น้อยกว่าหรือเท่ากับจุดตัด = 10 คะแนน น าคะแนนทั้งสอง แบบมารวมกัน หากพบว่าคะแนนมากกว่าหรือเท่ากับ 11 แสดงว่ามีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย แนวทางการป้องกันและรักษา 1. การออกก าลังกาย ชนิดที่เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ (resistance exercise) จะช่วยท าให้ กล้ามเนื้อแข็งแรง และมีมวลกล้ามเนื้อมากขึ้น เพิ่มความสามารถในการเดิน การขึ้นบันได การทรงตัว และ การออกก าลังกายชนิดเพิ ่มความทนทาน (aerobic exercise) จะช ่วยเพิ ่มพื้นที ่หน้าตัดของใยกล้ามเนื้อ ท าให้มีการสร้างโปรตีนของกล้ามเนื้อมากขึ้น และช่วยลดไขมันในกล้ามเนื้อ 2. การรับประทานอาหารให้ได้พลังงานรวมถึงวิตามินและแร ่ธาตุให้เพียงพอ โดยเฉพาะโปรตีน วิตามินดี และสารต้านอนุมูลอิสระ 3. การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี ่ยง เช่น การเพิ่มการมีกิจกรรมทางกาย การหลีกเลี ่ยง การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอร์และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ 4. การใช้ยาหรือฮอร์โมน เช่น เทสโทสเตอโรนฮอร์โมน โกรทฮอร์โมน สารตั้งต้นของฮอร์โมนเพศ (Dehydroepiandrosterone: DHEA) ยาต้านการท างานของ angiotension-converting enzyme inhibitor Creatine เป็นต้น (กระทรวงสาธารณสุข, 2558; Cruz-Jentoft et al., 2019) บทบาทพยาบาลในการป้องกันและดูแลภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยในผู้สูงอายุ พยาบาลมีบทบาทหน้าที่หลักในการประเมิน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย รวมถึงให้ การดูแลช่วยเหลือเมื่อเจ็บป่วย ตลอดจนการฟื้นฟูสภาพภายหลังการเจ็บป่วย โดยครอบคลุมประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้ 1. การประเมิน สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ระยะ คือ 1.1 ระยะก่อนเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย จะประเมินเพื่อค้นหา สาเหตุ และลดปัจจัยเสี่ยง ที่ท าให้เกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย เช่น การประเมินการท ากิจกรรมทางกาย ประเมินความสามารถในการท า กิจวัตรประจ าวันของผู้สูงอายุ ประเมินพฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม เช่น การมีพฤติกรรมเนือยนิ่งมากเกิน ไป (sedentary lifestyle) การประเมินภาวะทุพโภชนาการ และการประเมินสมรรถภาพทางกาย 1.2 ระยะหลังการเกิดภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย จะประเมินเพื ่อค้นหาความเสี ่ยง หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย เช่น การพลัดตกหกล้ม หรือความเสี่ยงในการเกิด โรคเรื้อรัง เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะทุพพลภาพหรือความเสื่อมจากการไม่ใช้งาน เป็นต้น การส่งเสริมการท ากิจกรรมทางกาย และการออกก าลังกาย เพื ่อส่งเสริมมวลกล้ามเนื้อความแข็งแรงและ สมรรถภาพทางกาย
2. การส ่งเสริมการท ากิจกรรมทางกายและการออกก าลังกาย เพื ่อส ่งเสริมมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงและสมรรถภาพทางกาย คือ 2.1 การส่งเสริมกิจกรรมทางกายหรือการออกก าลังกาย เพื่อป้องกันภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย มีหลักส าคัญ 2 ประการคือ ต้องเป็นกิจกรรมที่มีแรงต้าน (resistance exercise) และกิจกรรมแบบแอโรบิก (aerobic exercise) โดยมีการวางแผนและฝึกปฏิบัติเป็นประจ า เพื่อท าให้ร่างกายท าหน้าที่ได้ดีขึ้น อาจเริ่ม จากการลุกนั ่งบนเก้าอี้การเดินขึ้นบันได เป็นต้น นอกจากนี้พยาบาลจะต้องแนะน าผู้สูงอายุให้ระวังการมี พฤติกรรมเนือยนิ่ง (sedentary lifestyle) คือ การท ากิจกรรมที่อยู่กับที่เป็นเวลานาน เช่น ดูทีวีนานๆ จะท า ให้เกิดการสูญเสียมวลของกล้ามเนื้อและกระบวนการเผาผลาญในร่างกายลดลง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะมวล กล้ามเนื้อน้อย 2.2 การออกก าลังกายในผู้สูงอายุที่มีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย พยาบาลควรประเมินระดับ ความรุนแรงของภาวะกล้ามเนื้อน้อยก่อน โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจ าตัว และพยาบาลควรวางแผน การออกก าลังกายร่วมกับครอบครัวของผู้สูงอายุเพื่อให้เกิดความปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้สูงอายุ การส่งเสริมภาวะโภชนาการ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร และพลังงานที่เหมาะสมกับความต้องการของ ร่างกาย อาหารในกลุ่มโปรตีนและวิตามิน ได้แก่ ถั่วเหลือง งา เนื้อวัว และเนื้อปลา จะมีลิวซีน (leucine) ในปริมาณที ่สูงซึ ่งเป็นกรดอะมิโนที ่จ าเป็น ที ่ช ่วยเพิ ่มการสร้างโปรตีน และรักษาสมดุลของไนโตรเจน (nitrogen balance) โดยทั ่วไปถ้าไม่มีข้อห้าม แนะน าให้ผู้สูงอายุรับประทานอาหารที ่มีโปรตีนได้ถึง 1.5 กรัม/กิโลกรัม/วัน หรือประมาณ 25-30 กรัมต่อมื้ออาหาร นอกจากนี้อาหารที่มีวิตามินดียังช่วยในการรักษา ใยกล้ามเนื้อและเพิ่มมวลกระดูก อาหารที่มีวิตามินดีพบในปลาทู ปลาทูน่า นม โยเกิร์ต หรือไข่ เป็นต้น แต่ควร ระมัดระวังในรายที ่มีความเสี่ยงต ่อการเกิดนิ ่วที ่ไตและภาวะแคลเซี ่ยมในเลือดสูง การลด/งดสูบบุหรี ่และ ดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อรักษามวลกล้ามเนื้อและคงความแข็งแรงของกล้ามเนื้อไม่ให้ลดลง การสูบบุหรี่ท าให้เกิด การเปลี ่ยนแปลงโครงสร้างของกล้ามเนื้อลายและกระบวนการเผาผลาญในร่างกายโดยการเปลี ่ยนแปลงที่ กล้ามเนื้อลายจะไปลดพื้นที่ของเส้นใยกล้ามเนื้อ นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังลดการสร้างโปรตีน และเพิ่มจ านวน ตัวรับสัญญาณของสารพันธุกรรม(up-regulating genes) ที ่เกี ่ยวข้องกับการคงสภาพกล้ามเนื้อบกพร่อง ส่วนการดื่มแอลกอฮอล์มีผลท าให้มวลและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง มีอาการปวดกล้ามเนื้อเป็นตะคริว มีความยากล าบากในการเดินและเสี ่ยงต ่อการพลัดตกหกล้ม โดยเมื ่อมีการหยุดดื ่มแอลกอฮอล์ 6-12 เดือนจะท าให้กล้ามเนื้อกลับมาปกติ(สิชล ทองมา, นงลักษณ์ กลิ ่นพุดตาล, ศิริพร สว ่างจิตร, จุฑารัตน์ บันดาลสิน และวีรยุทธ ศรีทุมสุข, 2564)
เอกสารอ้างอิง 1. วิทยา วาโย, จรรยา คนใหญ่, สายสุดา จันหัวนา, กัลยารัตน์ คาดสนิท, และ รุ่งทิพย์ พรหมบุตร. (2565). การป้องกันภาวะมวลกล้ามเนื้้อน้อยในผู้สูงอายุที่อยู่ในชุมชน: บทบาทพยาบาล.วารสารศูนย์การศึกษา แพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า, 39(3), 375-380. 2. สิชล ทองมา,นงลักษณ์ กลิ่นพุดตาล, ศิริพร สว่างจิตร,จุฑารัตน์ บันดาลสินและวีรยุทธ ศรีทุมสุข.(2564). บทบาทพยาบาลในการดูแลผู้สูงอายุที่บ้านที่มีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย.วารสารพยาบาลทหารบก, 22(1), 65-73. 3. Chen, L. K., Woo, J., Assantachai, P., Auyeung, T. W., Chou, M. Y., Iijima, K.,Jang, H. C., Kang, L., Kim, M., Kim, S., Kojima, T., Kuzuya, M., Lee, Jenny S.W., Lee, S. Y., Lee, W. J., Lee, Y., … Arai, H. (2020). Asian Working Group for Sarcopenia: 2019 Consensus Update on Sarcopenia Diagnosis and Treatment, Journal of the American Medical Directors Association, 21(3), 300-307.e2. 4. Chumlea, W.C., Cesari, M., Evans, W.J., Ferrucci, L., Fielding, R. A., Pahor, M., Studenski, S., Vellas, B. (2011). Sarcopenia: designing phase IIb trials: International working group on Sarcopenia. The journal of nutrition, health & aging, 15(6), 450–455. 5. Cruz-Jentoft AJ, Baeyens JP, Bauer JM, Boirie Y, Cederholm T, Landi F., & Zamboni, M. (2010). Sarcopenia: European Working Group on Sarcopenia in Older People. Age and Ageing, 39(4), 412–423. 6. Cruz-Jentoft, A. J., Bahat, G., Bauer, J., Boirie, Y., Bruyère, O., Cederholm, T., & Zamboni, M. (2019). Sarcopenia: revised European consensus on definition and diagnosis. Age and Ageing, 48(1), 16-31. 7. Dennison, E. M., Sayer, A. A., & Cooper, C. (2017). Epidemiology of sarcopenia and insight into possible therapeutic targets. Nature Reviews Rheumatology, 13(6), 340-347. 8. Fielding RA, Vellas B, Evans WJ, Bhasin S, Morley JE, Newman AB, ... & Zamboni, M. (2011). Sarcopenia: an undiagnosed condition in older adults. Current consensus definition: prevalence, etiology, and consequences, International working group on sarcopenia. Journal of the American Medical Directors Association, 12(4), 249-56. 9. Khongsri, N., Tongsuntud, S., Limampai, P., & Kuptniratsaikul, V. (2016). The prevalence of sarcopenia and related factors in a community-dwelling elders Thai population. Osteoporosis and Sarcopenia, 2(2), 110–115.