ธุรกิจ MICE
ความหมายและความเป็นมาของธุรกิจ
ไมซ์(MICE)
การท่องเที่ยวเป็ นอุตสาหกรรรมการปริการที่สำคัญต่อเศรษฐกิจของ
ประเทศไทยเนื่องจากการท่องเที่ยว เป็นภาคบริการที่สร้างรายได้
จำนวนมาก และยังกระจายรายได้ที่เกิดขึ้นไปยังภาคธุรกิจต่างๆ
อย่างกว้างขวาง ทั้งธัรกิจท่องเที่ยวโดยตรง อันได้แก่ ธุรกิจขนส่ง
ธุรกิจที่พัก ธุรกิจอาหารและบันเทิง ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
ธุรกิจจำหน่ายสินค้าที่ระลึก ธุรกิจพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจ
ต่างๆ ที่ต่อเนื่องทางอ้อมได้แก่ ธุรกิจการสื่อสาร ธุรกิจโฆษณาและ
ประชาสัมพันธ์ ธุรกิจธนาคาร เป็นต้น นอกจากนั้นยังก่อให้เกิด
ประโยชน์ทางเศรษฐกิจคือ การสร้างอาชีพให้คนในสังคมนั้น กินดี
อยู่ดี ซึ่งการท่องเที่ยวจะแบ่งตามวัตถูประสงค์ได้ 2ประเภทใหญ่คือ
1.การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ
(Leisure Travel)
หมายถึงการท่องเที่ยวที่มีวัตถุประสงค์
เพื่อพักผ่อน เช่น นันทนาการ ศึกษา
ธรรมชาติ ศึกษาศิลปวัฒนธรรม เยี่ยม
ญาติมิตร เป็นต้น
2.การท่องเที่ยวธุรกิจไมซ์
(MICE Business Travel)
หมายถึงการท่องเที่ยวขนาดใหญ่ 4 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจ
การจัดประชุมขององค์การ(Meeting) การท่องเที่ยวเพื่อ
รางวัล(Incentives) การจัดประชุม
นานาชาติ(Conventions) และการจัดแสดง
สินค้า(Exhibitions) ต่อไปจะเรียกธุรกิจทั้ง 4 นี้ว่าธุรกิจ
ไมซ์ หรือ (MICE Business)
ธุรกิจไมซ์ เป็ นธุรกิจการท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจที่มี
ความแตกต่างจากธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน
หย่อนใจอยู่ 6 ประการคือ
(ก) ผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบบ
ทั่วไปนั้นนักท่องเที่ยวจะเป็ นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
ท่องเที่ยวทั้งหมดเอง ส่วนการท่องเที่ยวแบบธุรกิจไมซ์ บริษัท หรือ
นายจ้างเป็ นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
(ข) เลือกสถานที่ท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบบทั่วไปนั้นนักท่อง
เที่ยวจะเป็นผู้กำหนดและตัดสินใจเลือกสถานที่ท่องเที่ยว โดย
พิจารณาให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ
(ค) ช่วงเวลาการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบบทั่วไปนั้นนักท่องเที่ยว
นิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และหยุดประจำปี
ส่วนการท่องเที่ยวแบบธุรกิจไมซ์ สามารถจัดได้ตลอดปี และนิยมจัด
ในช่วงวันทำงาน คือวันจันทร์ถึงวันศุกร์
(ง) ระยะเวลาสำรองการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบบทั่วไปนั้นนักท่องเที่่ย
วจะมีการสำรองการท่องเที่ยวล่วงหน้า ไม่วาจะเป็นการจองรายการนำ
เที่ยว การจองห้องพัก การจองอาหาร ฯลฯ โดยระยะเวลาสำรองการท่อง
เที่ยวจะยาวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการเดินทางท่องเที่ยว ถ้าหาก
ต้องการทาองเที่ยวในเทศกาลหรือวันหยุดติดต่อกันหลายวัน อาจต้อง
สำรองการท่องเที่ยวยาวเป็นเดือน เนื่องจากเป็นช่วงระยะเวลาที่มีความ
ต้องการเดินทางท่องเที่ยวมาก ส่วนการท่องเที่ยวแบบธุรกิจไมซ์ ถ้า
เป็ นการจักธุรกิจระดับนานาชาติควรมีการจองล่วงหน้าเป็ นปี
(จ) ประเภทของผู้เดินทางท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบบ
ทั่วไปนั้นผู้เดินทางท่องเที่ยว ได้แก่ นักท่องเที่ยวทุกคนที่
ต้องการเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจคลาายเครียดจากการ
ทำงานประจำ ส่วนการท่องเที่ยวแบบธุรกิจไมซ์ ผู้เดินทาง
ท่องเที่ยวได้แก่ สมาชิกของหน่วยงานหรือลูกจ้างของบริษัท
ที่ได้รับการคัดเลืือกใหเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมไมซ์
(ฉ) ประเภทของสถานที่ท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแบบทั่วไปนั้น
สามารถเลือกสถานที่ท่องเที่ยวได้ทุกประเภทของแหล่งท่องเที่ยว
ทั้งแหล่งท่องเที่ยวประเภทธรรมชาติและประเภทวัฒนธรรมส่วน
การท่องเที่ยวแบบธุรกิจไมซ์ มัดเลือกแหล่งท่องเที่ยวตามเมือง
ใหญ่ในการจัดกิจกรรมเนื่องจากมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม
และมีระบบคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพ
จากลักษณะที่แตกต่างของการท่องเที่ยวแบบพักผ่อนกับ
ธุรกิจไมซ์ สามารถแสดงในตารางที่ 1.1 ดังนี้
ตารางที่ 1.1 การเปรียบเทียบระหว่างลักษณะของการท่อง
เที่ยวแบบพักผ่อน แบบธูรกิจไมซ์
ประเด็นเปรียบ การท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน การท่องเที่ยวเพื่อธุรกิจ
เทียบ (Leisure Travel) ไมซ์
(MICE Travel)
(1) สนับสนุนค่าใช้จ่ายใน นักท่องเที่ยวเป็ นผู็จ่ายเอง นายจ้าง/บริษัทเป็ นผู้จ่าย
การเดินทางท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวเป็ นผู้เลือกเอง ผู้จักการธุรกิจไมซ์ เป็ นผู้เลือก
(2) ผู้เลือกสถานที่ท่อง
เที่ยว
(3) ช่วงเวลาการท่องเที่ยว ระหว่างวันหยุดสุดสัปดาห์ และวัน ตลอดปี และจัดระหว่างวัน
หยุดประจำปี จันทร์ถึงวันศุกร์
(4) ระยะเวลาสำรองการ - วันหยุดติดต่อกันหลายวันควรจอง - การประชุมใหญ่ควรจองล่วง
ท่องเที่ยว ล่วงหน้าเป็ นเดือน หน้าเป็ นปี
- วันหยุดน้อยควรจองล่วงหน้า
2-3 วัน
(5) ประเภทของผู้เดินทาง ทุกคนที่ต้องการท่องเที่ยวเพื่อการ สมาชิกหน่วยงาน หรือ ลูกจ้าง
พักผ่อน บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้
เดินทางท่องเที่ยว
(6) ประเภทของสถานที่ ทุกประเภททั้งที่เป็ นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวตามเมืองใหญ่
ท่องเที่ยว ธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวที่ โดยเฉพาะในปะเทศ
มนุษย์สร้าง
อุตสาหกรรม
1 ความหมายของธุรกิจไมซ์
ธุรกิจไมซ์ 4 ตัวมีความสำคัญอย่างใกล้ชิด กล่าวคือเมื่อมี
การจัดประชุมไม่ว่าจะเป็นการขององค์กร (Meeting) หรือ
การจัดประชุมนานาชาติ (Conventions) ก็มักมีการจัด
แสดงสินค้าควบคู่กันไปด้วย เพื่อลดต้นทุนในการจัดประชุม
และให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ชมงานแสดงสินค้าหลังเสร็จการ
ประชุมแต่ละวัน หรืออาจมีการจัดการท่องเที่ยวเพื่อเปิ ด
โอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมได้ท่องเที่ยว และเรียนรู้เกี่ยวกับ
สถานที่ที่น่าสนใจของแหล่งที่จัดประชุมนั้นๆ เพื่อให้ผู้เข้า
ร่วมมีประสบการณ์ และสาระที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ใน
ขณะเดียวกันเมื่อมีการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล ก็มักมีการ
จัดประชุมแบบ Meetings ประชุมแบบ Meetings พื่อสร้าง
ความรักองค์กรและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันหรือจัด
นำแสดงสินค้าเพื่อแนะนำสินค้าใหม่ ธุรกิจไมซ์ ตามความ
หมายของสมาคมส่งเสริมการประชุมกลุ่มประเทศ
อาเซียน(Asin Association of Convention and Visitor
Bureaus-AACVB) ได้ให้คำนิยามไว้ว่า
ธุรกิจไมซ์ MICE หมายถึง ธุรกิจการท่องเที่ยวที่มี
วัตถุประสงค์เพื่อการจัดประชุมของท่องที่ยวเพื่อเป็ น
รางวัล การจัดประชุมนานาชาติ และการจัดงานแสดงสินค้า
เข้าด้วยกัน โดยมีการจัดการที่ดีและสมบูรณ์ อย่างมือ
อาชีพ ทั้งด้านการบริการ ด้านสถานที่ด้านการจัดประชุม
ด้านอาหารและเครื่องดื่ม ด้านเครื่องมืออุปกรณ์ อำนวย
ความสะดวก ด้านการรับส่งสินค้าที่จัดแสดง ด้านพิธีกร
ฯลฯ โดยธุรกิจไมซ์ ประกอบไปด้วยธุรกิจหลักอยู่ 4 กลุ่ม
ตามตัวอักษรย่อที่มีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน และมีความ
แตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่ ธุรกิจการจัดประชุมของ
องค์กร (Meeting หรือ M) การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล
(Incentive หรือ I) การจัดประชุมนานาชาติ(Convention
หรือ C) และการจัดงานแสดงสินค้า(Exhibitions หรือ E)
หรือที่รวมเรียกว่า ธุรกิจไมซ์ (MICE Business)
1.1 M = Meeting หมายถึง ธุรกิจการจัดประชุมขององค์กร
ซึ่งเป็ นการจัดประชุมของกลุ่มบุคคลในองค์กรเดียวกันหรือ
สมาคมเดียวกัน อาจจะจัดประชุมระดับนานาชาติ ระดับ
ภูมิภาค ระดับนานาชาติหรือระดับภายในประเทศก็ได้ โดย
เป็ นการประชุมเฉพาะกิจหรือ
วางแผนล่วงหน้าสามารถแบ่งออกเป็น 3ประเภทคือ
1.1.1 Association Meeting เป็นการประชุมเพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมูลขากกลุ่มบุคคลภายในองค์กรหรือสมาคมเดียวกันหรือ
กลุ่มอาชีพเดียวกันหรือกลุ่มศาสนาเดียวกัน โดยทั่วไปจะมี
การจัดสัมนาย่อยหรือจัดนิทรรศการนาคเล็ก โดยเฉลี่ยจะมีผู้
เข้าร่วมประมาณ 100 คน นอกจากนี้ยังอาจมีคำอื่นที่ใช้แทน
กันได้ เป็นต้นว่า
(1) Conference เป็นการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมประชุมมาถก
เถียงกันเพื่อหาข้อเท็จจริงหรือแก้ปัญหาหรือปรึกษาหรือแต่
จะขนาดเล็กกว่า Association Meeting
(2) Congress เป็นการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมประชุมหลายร้อย
หรือหลายพันคนจากกลุ่มคนประเภทเดียวกัน เช่น กลุ่ม
อาชีพ กลุ่มศาสนาเดียวกัน เป็นต้น จะพิจารณาในหัวข้อการ
ประชุมที่มาจากการสนับสนุนของสมาชิกหรือองค์กรเท่านั้น
จึงมักเป็ นการประชุมนานาชาติหรือระดับโลก
(3) Seminar เป็นการประชุมที่มีผู้ชำนาญการโดยเฉพาะทาง
และมีทักษะที่แตกต่างกัน แต่มีความสนใจเฉพาะทาง และมา
ร่วมกันเพื่ออบรมหรือเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์นั้นๆ
(4) symposium เป็นการประชุมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
โดยการเสนอผลงานจากผู้เชี่ยวชาญในหัวข้อนั้นๆ เพื่อให้ที่
ประชุมพิจารณาให้ความเห็น
1.1.2 Corporate Meetings เป็นการประชุมของกลุ่มบุคคล
ที่มาจากองค์กรเดียวกันหรือเครือเดียวกัน อาจมาจากประเทศ
เดียวกัน ๓ูมิภาคเดียวกัน หรือหลายประเทศทั่วโลก มักเป็นการ
ขัดโดยบริษัท จึงสามารถเลือกสถานที่จัดได้ด้วยการสอบถาม
จากสมาชิก และไม่ต้องมีการประชาสัมพันธ์มาก เนื่องจาก
เป็นการประชุมของบริษัทเท่านั้น และมีขนาดงานเล็กกว่า
ประเภท Association Meeting โดยเฉลี่ยจะมีผู้เข้าร่วมประชุม
ประมาณ 80 คน
1.1.3 Government Meetings เป็นการประชุมของกลุ่มบุคคล
หรือผู้แทนจากหน่วยงานราชการที่รัฐบาลประเทศนั้นเป็ นผู็
ดำเนินการ จึงสามารถลือกสถานที่จัดได้โดยไม่ต้องสอบถาม
สมาชิกสำหรับการจัดประชุมขององค์กร (Meeting) นี้
สามารถแบ่งออกได้เป็ น 4 ลักษณะคือ
(1) การจัดประชุมองค์กรระดับนานาชาติ (International
Meetings) หมายถึง การประชุมที่มีผู้เข้าร่วมจากกิจการ
เดียวกันเดินทางมาจากประเทศต่างๆในทวีปต่างๆ ตั้งแต่ 2
ทวีปขึ้นไป
(2) การประชุมขององค์กรระดับภูมิภาค (Regional
Meetings) หมายถึง การประชุมที่มีผู้เข้าร่วมประชุมจาก
กิจการเดียวกันเดินทางมาจากประเทศต่างๆในทวีปเดียวกัน
ตั้งแต่ 2 ประเทศขึ้นไป
(3) การประชุมขององค์ระดับชาติ (National Offshore
Meeting) หมายถึง การประชุมที่มีผู้เข้าร่วมประชุมจากกิจการ
เดียวกันเดินทางมาจากประเทศใดประทศหนึ่งในทวีปต่างๆมา
ประชุมร่วมกัน และมีความเป็นไปได้ที่จะประชุมในต่างประเทศ
หรือมาประชุมร่วมกันกับประเทศเจ้าภาพ
(4) การประชุมขององค์กรภายในประเทศ (Domestic
Meetings) หมายถึง การประชุมภายในประเทศที่มีผู้เข้าร่วม
ประชุมจากกิจการเดียวกันทุกสัญชาติที่มีถิ่นพำนักถาวรอยู่
ภายในประเทศนั้น
1.2 I=Incentives หมายถึง การจัดนำเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลแก่
พนักงานหรือบุคคลที่สามารถดำเนินงานตามเป้ าหมายที่
บริษัทวางใจ โดยบริษัทผู้ให้รางวัลจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้
จ่ายในการท่องเที่ยวทั้งหมด อาจใช้คำว่า Event แทนก็ได้
ซึ่งการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท
คือ 1.2.1 Individual Incentive หมายถึง การจัดนำเที่ยวเพื่อ
เป็นรางวัลแก่พนักงานรายบุคคล ซึ่งพนักงานแต่ละคนมี
อิสระในการเลือกสถานที่ท่องเที่ยวได้ แต่มักจำกัดขอบเขต
เช่น ต้องเป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศเท่านั้น หรือการ
ท่องเที่ยวเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
1.2.2 Group Incentive หมายถึง การจัดนำเที่ยวเพื่อเป็น
รางวัลแก่พนักงานเป็ นกลุ่มซึ่งเป็ นรูปแบบของการให้รางวัล
ที่นิยมกันมาก โดยมีการวางแผนและเตรียมการมากกว่า
ประเภท Individual Incentive และมักไม่จำกัดขอบเขตใน
การเลือกสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นการให้บริการแก่
พนักงานกลุ่มใหญ่ จึงสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับ
การจัดนำเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลประเภทนี้ สามารถแยกออก
ได้เป็น 3 กลุ่มย่อยคือ
สามารถแยกออกได้เป็น 3 กลุ่มย่อยคือ
(1) User Incentives เป็นการเชิญผู้ใช้บริการหรือลูกค้าไปท่อง
เที่ยวฟรีเพื่อสร้างภาพลักษณ์ ของบริษัทและสร้างความจงรัก
ภักดีต่อบริษัท
(2) Channel Incentives เป็นการให้รางวัลเพพื่อการท่องเที่ยว
แก่ตัวแทนจำหน่ายที่ทำยอดขายได้ตามเป้ าหมายที่กำหนดไว้
(3) Inner Incentives เป็นการให้รางวัลเพื่อการท่องเที่ยวแก่
พนักงานภายในบริษัทเอง
1.3 C=Conventions หมายถึง การประชุมนานาชาติของกลุ่ม
บุคคลต่างองค์กรในสายอาชีพหรือใกล้เคียงกัน เพื่อแลกเปลี่ยน
ข้อมูลและความคิดเห็นโดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 800 คน ส่วน
ใหญ่จะเป็นการจัดของสมาคมระดับนานาชาติ และมี
รูปแบบการจัดใน 2 ลักษณะ คือ
1.3.1 ลักษณะการจัดประชุมแบบหมุนเวียนตามประเทศ
สมาชิกมักใช้วิธีการเวียนตามตัวอักษรและตามภูมิภาค
1.3.2 ลักษณะการประมูลเพื่อเป็นประเทศเจ้าภาพในการจัด
งานประเทศสมาชิกที่ต้องการเป็ นเจ้าภาพจะส่งตัวแทนเข้า
ร่วมประมูลในสมาคม จึงต้องมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง และมี
ระยะเวลาเตรียมงานนานสำหรับความแตกต่างระหว่าง
Conventions กับ Meetings อยู่ที่ตัวแปรหลัก 2 ตัวแปรคือ
(1) จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม โดย Conventions จะมีผู้เข้า
ร่วมประชุมในระดับร้อยคนขึ้นไปจนถึงระดับหมื่นคน ส่วน
Meetings จะมีผู้เข้าร่วมประชุมตั้งแต่ 10 คนจนถึงหลาย
ร้อยคน
(2) รายได้จากการประชุม โดย Conventions จะมีรายได้
จากการจัดประชุมสูงกว่า Meeting เพราะมีจำนวนผู้เข้าร่วม
ประชุมที่มากกว่านั่นเอง
1.4 E=Exhibitions หมายถึง การจัดแสดงสินค้าหรือ
บริการเพื่อขายให้แก่อุตสาหกรรมร้านค้าและผู้ซื้อ อาจจัด
ในระดับนานาชาติ หรือระดับภูมิภาคหรือระดับชาติก็ได้
สามารถแบ่งออกเป็น 3ประเภท คือ
1.4.1 Trade Show เป็นการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับผู้
ประกอบการ
1.4.2 Consumer Show เป็นการจัดงานแสดงสินค้าสำหรับ
ผู้บริโภคอาจมีการจัดประชุมในหัวข้อเดียวกันหรือเกี่ยวกับ
การแสดงสินค้าหรือนิทรรศการนั้น
1.4.3 Trade and Consumer Show เป็นการจัดงานแสดง
สินค้าสำหรับผู็ประกอบการและผู้บริโภครวมเข้าด้วยกัน