รายงาน เรื่อง การเขียนเรียงความ เสนอ นางสาวฐานิตย์ นาคศิริ จัดทำโดย นายศิวกร ควรหา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนสุนทรภู่พิทยา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
กิตติกรรมประกาศ โครงงานภาษาไทย เรื่องการเขียนเรียงความ นี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาช่วยเหลือ แนะนำ ให้คำปรึกษา ตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ด้วยความเอาใจใส่อย่างดียิ่งจาก ครูฐานิตย์ นาคศิริครูผู้สอนรายวิชาโครงงานภาษาไทย ท 30208 ผู้เขียนกราบขอบพระคุณ เป็นอย่างสูง ขอขอบพระคุณครูฐานิตย์ นาคศิริกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย โรงเรียนสุนทรภู่ พิทยา ที่กรุณาให้ผู้เขียนได้สัมภาษณ์เรื่องเกี่ยวกับคำพ้อง ขอขอบคุณครูบรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนสุนทรภู่พิทยาที่ให้ความอนุเคราะห์และ ความสะดวกในการค้นคว้าหาข้อมูล ขอขอบคุณนางสาวฐานิตย์ นาคศิริและญาติพี่น้องทุกคนที่ช่วยเหลือสนับสนุนทั้งด้าน กำลังใจและกำลังทรัพย์ด้วยดีตลอดมา นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ให้ความร่วมมือช่วยเหลืออีกหลายท่าน ซึ่ง ผู้เขียนไม่สามารถกล่าวนามในที่นี้ได้หมด จึงขอขอบคุณทุกท่านเหล่านั้นไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย คุณค่าทั้งหลายที่ได้รับจากรายงานการศึกษาความเรียงขั้นสูงฉบับนี้ ผู้เขียนขอมอบ เป็นกตัญญูกตเวทีแด่บิดามารดา และบูรพาจารย์ที่เคยอบรมส่งสอน รวมทั้งผู้มีพระคุณทุกท่าน ศิวกร ควรหา
บทคัดย่อ โครงงานภาษาไทย เรื่องการเขียนเรียงความ จัดทำขึ้นเพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้จักการเขียนเรียงความ วัตถุประสงค์ 1.เพื่อให้รู้จักและวิธีการเขียนเรียงความที่ถูกต้อง 2.เพื่อให้ทุกคนรู้หลักการเขียน เรียงความ
สารบัญ เรื่อง หน้า กิตติกรรมประกาศ ก บทคัดย่อ ข บทที่ 1 บทนำ 1-2 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง 3-6 บทที่ 3 วิธีดำเนินการศึกษา 7 บทที่ 4 ผลการศึกษา 8-11 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา 12 บรรณานุกรรม
1 บทที่ 1 บทนำ 1.ที่มาของโครงงาน เรียงความเรื่องหนึ่งประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ ส่วนนำ ส่วนเนื้อเรื่องและส่วนท้ายหรือสรุป ส่วนนำเรื่องจะเป็นส่วนที่แสดงประเด็นหลักหรือจุดประสงค์ของเรื่อง ส่วนเนื้อเรื่อง เป็นส่วนขยาย โครงเรื่องที่วางเอาไว้ส่วนนี้จะประกอบด้วยย่อหน้าหลายย่อหน้า ส่วนท้ายของเรื่องจะเป็นการเน้นย้ำ ประเด็นหลักหรือจุดประสงค์ จึงได้ทำโครงงานนี้เพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้จักรู้จักการเขียนเรียงความ 2.วัตถุประสงค์ -เพื่อให้รู้จักและวิธีการเขียนเรียงความที่ถูกต้อง -เพื่อให้ทุกคนรู้หลักการเขียนเรียงความ 3.ขอบเขตของโครงสร้าง การเขียนเรียงความ 4.วิธีดำเนินการ 1.คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ 2.ศึกษาค้นคว้าเอกสารและแหล่งข้อมูล 3.จัดทำเค้าโครงของโครงที่จะทำ 4.การลงมือทำโครงงาน 5.การเขียนรายงานและจัดทำคู่มือการใช้
2 5.ประโยชน์ที่ได้รับ เพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้จักวิธีการเขี ยนเรียงความ
3 บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง โครงงานภาษาไทยเรื่องการเขียนเรียงความ ได้ศึกษาและรวบรวมเอกสารดังนี้ ✯ความหมายของเรียงความ เรียงความ เป็นงานเขียน ร้อยแก้ว ชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนมุ่งถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด และทัศนคติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียบเรียงอย่างมีลำดับขั้นและสละสลวย ✯องค์ประกอบของเรียงความ มี ๓ ส่วนใหญ่ ๆ คือ คำนำ เป็นส่วนแรกของเรียงความ ทำหน้าที่เปิดประเด็น ดึงดูดความสนใจ พิถีพิถัน คำนึงถึงเรื่องที่ตน จะเขียน เน้นศิลปะในการใช้ภาษา การเขียนคำนำ ควรยึดแนวทางต่อไปนี้ ไม่ยืดยาด เยิ่นเย้อ ไม่ควรกล่าวถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ไม่ควรซ้ำกับส่วนสรุปหรือความลงท้าย อาจหาคำคม สำนวน สุภาษิต หรือบทกวีที่ไพเราะและเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมาเป็นคำนำก็ได้
4 เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสำคัญและยาวที่สุดของเรียงความ ประกอบด้วย ความรู้ ความคิด และข้อมูลที่ผู้เขียนค้นคว้า และเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ ระเบียบ การเขียนเนื้อเรื่องเป็นการขยายความในประเด็นต่าง ๆ ตาม โครงเรื่องที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว ในการเขียนอาจมีการยกตัวอย่าง การอธิบาย การพรรณนา หรือยก โวหารต่าง ๆ มาประกอบด้วย โดยอาจจะมีย่อหน้าหลายย่อหน้าก็ได้ การเขียนเนื้อเรื่องควรยึดแนวทางต่อไปนี้ ความถูกต้อง แจ่มแจ้งสมบูรณ์ ผู้อ่านสามารถเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรียกว่ามี สารัตถภาพ ใจความสำคัญแต่ละย่อหน้า จะต้องมีเพียงใจความเดียว ไม่ออกนอกเรื่อง สับสน วกวน ซึ่งเรียกว่ามี เอกภาพ เนื้อหาในแต่ละย่อหน้าจะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันโดยตลอด ย่อหน้าที่มาหลังจะต้อง เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับย่อหน้าที่มาก่อน ซึ่งเรียกว่ามีสัมพันธภาพ สรุป เป็นส่วนสุดท้าย หรือย่อหน้าสุดท้ายในเรียงความแต่ละเรื่อง ผู้เขียนจะทิ้งท้ายให้ผู้อ่านเกิด ความประทับใจ สอดคล้องกับเรื่องที่เขียน กระชับรัดกุม ซึ่งการเขียนสรุปมีหลายวิธี เช่น ฝากข้อคิด และความประทับใจให้ผู้อ่านย้ำความคิดสำคัญของเรื่อง ชักชวนให้ปฏิบัติตาม ให้กำลังใจแก่ผู้อ่าน ตั้ง คำถามที่ชวนให้ผผู้อ่านคิดหาคำตอบ และยกคำพูด คำคม สุภาษิต หรือบทกวีที่น่าประทับใจ เป็นต้น การเขียนสรุปควรยึดแนวทางต่อไปนี้ เขียนสั้น ๆ ไม่เยิ่นเย้อ (ความยาวควรจะเท่า ๆ กับคำนำ) อาจสรุปโดยการอ้อนวอน เชิญชวนหรือแสดงความคิดเห็น ควรหลีกเลี่ยงคำขออภัย หรือคำออกตัวว่าผู้เขียนไม่มีความรู้
5 ไม่ควรเสนอประเด็นใหม่เข้ามาอีก ✯ขั้นตอนการเขียนเรียงความ การเลือกเรื่อง หากจะต้องเป็นผู้เลือกเรื่องเองแล้ว ควรเลือกตามความชอบ หรือความถนัดของตนเอง การค้นคว้าหาข้อมูล อาจทำได้โดยการค้นคว้าจากหนังสือ นิตยสาร วารสาร อินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่น วางโครงเรื่อง เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้ว ต้องวางโครงเรื่อง โดยคำนึงถึงการจัดการ จัดลำดับหัวข้อเรื่องที่จะเขียน ให้สัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่น จัดลำดับหัวข้อตามเวลาที่เกิด จัดลำดับหัวข้อจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่ จัดลำดับตามความนิยม โครงเรื่องของงานเขียนควรจัดหมวดหมู่ของแนวคิดสำคัญเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน โครง เรื่องเปรียบเสมือนแปลนบ้าน ผู้สร้างบ้านจะต้องใช้แปลนบ้านเป็นแนวทางในการสร้างบ้าน การเขียน โครงเรื่องจึงมีความสำคัญทำให้ผู้เขียนเรียงความเขียนได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ถ้าไม่เขียนโครง เรื่องหรือไม่วางโครงเรื่อง เรียงความอาจจะออกมาไม่ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ การเรียบเรียง ตามรูปแบบของเรียงความ ตามองค์ประกอบ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป (บางคนอาจเขียนคำนำ หลังสุดก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน)
6 ✯ ลักษณะของเรียงความที่ดี นอกจากต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง ๓ ส่วน คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป แล้วยังต้องมีลักษณะ ดังนี้อีกด้วย เอกภาพ คือ ในแต่ละย่อหน้า ความคิดสำคัญต้องมีเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันกับหัวข้อเรื่อง สัมพันธภาพ คือ ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันตลอดทั้งเรื่อง โดยจะต้องมีการวางโครงเรื่องที่ดี จัดลำดับ ย่อหน้าอย่างมีระบบระเบียบ เรียบเรียงด้วยคำเชื่อมที่เหมาะสม สารัตถภาพ คือ มีเนื้อหาสาระที่สมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องโดยในแต่ละย่อหน้า ประโยคสำคัญต้องชัดเจน ประโยคขยายมีน้ำหนักเชื่อถือได้ ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเน้นย้ำให้ประโยคใจความสำคัญมี ความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
7 บทที่ 3 วิธีการดำเนินการโครงงาน ผู้จัดทำโครงงานมีวิธีดำเนินงานโครงงานตามขั้นตอนดังนี้ -ศึกษาจาก http://www.panyathai.or.th/ ขั้นตอนการดำเนินโครงงาน 1.ขั้นเตรียมการ ศึกษาและค้นคว้าหาการเขียนเรียงความ 2.ขั้นวางแผนดำเนินการ เรียบเรียงข้อมูลที่หามา 3.ขั้นดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ จัดทำหนังสืออิเล็กทรอนิก 4.ขั้นติดตามและประเมินผล คาดหวังว่าจะตรงตามวัตถุประสงค์
8 บทที่ 4 ผลการดำเนินงาน จากการศึกษาการเขียนเรียงความนั้น สามารถรวบรวมคำพ้อง ได้ดังนี้ ✯ความหมายของเรียงความ เรียงความ เป็นงานเขียน ร้อยแก้ว ชนิดหนึ่งที่ผู้เขียนมุ่งถ่ายทอดเรื่องราว ความรู้ ความคิด และทัศนคติในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ด้วยถ้อยคำสำนวนที่เรียบเรียงอย่างมีลำดับขั้นและสละสลวย ✯องค์ประกอบของเรียงความ มี ๓ ส่วนใหญ่ ๆ คือ คำนำ เป็นส่วนแรกของเรียงความ ทำหน้าที่เปิดประเด็น ดึงดูดความสนใจ พิถีพิถัน คำนึงถึงเรื่องที่ตน จะเขียน เน้นศิลปะในการใช้ภาษา การเขียนคำนำ ควรยึดแนวทางต่อไปนี้ ไม่ยืดยาด เยิ่นเย้อ ไม่ควรกล่าวถึงสิ่งที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ไม่ควรซ้ำกับส่วนสรุปหรือความลงท้าย อาจหาคำคม สำนวน สุภาษิต หรือบทกวีที่ไพเราะและเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมาเป็นคำนำก็ได้
9 เนื้อเรื่อง เป็นส่วนสำคัญและยาวที่สุดของเรียงความ ประกอบด้วย ความรู้ ความคิด และข้อมูลที่ผู้เขียนค้นคว้า และเรียบเรียงอย่างเป็นระบบ ระเบียบ การเขียนเนื้อเรื่องเป็นการขยายความในประเด็นต่าง ๆ ตาม โครงเรื่องที่วางไว้ล่วงหน้าแล้ว ในการเขียนอาจมีการยกตัวอย่าง การอธิบาย การพรรณนา หรือยก โวหารต่าง ๆ มาประกอบด้วย โดยอาจจะมีย่อหน้าหลายย่อหน้าก็ได้ การเขียนเนื้อเรื่องควรยึดแนวทางต่อไปนี้ ความถูกต้อง แจ่มแจ้งสมบูรณ์ ผู้อ่านสามารถเข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรียกว่ามี สารัตถภาพ ใจความสำคัญแต่ละย่อหน้า จะต้องมีเพียงใจความเดียว ไม่ออกนอกเรื่อง สับสน วกวน ซึ่งเรียกว่ามี เอกภาพ เนื้อหาในแต่ละย่อหน้าจะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันโดยตลอด ย่อหน้าที่มาหลังจะต้อง เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับย่อหน้าที่มาก่อน ซึ่งเรียกว่ามีสัมพันธภาพ สรุป เป็นส่วนสุดท้าย หรือย่อหน้าสุดท้ายในเรียงความแต่ละเรื่อง ผู้เขียนจะทิ้งท้ายให้ผู้อ่านเกิด ความประทับใจ สอดคล้องกับเรื่องที่เขียน กระชับรัดกุม ซึ่งการเขียนสรุปมีหลายวิธี เช่น ฝากข้อคิด และความประทับใจให้ผู้อ่านย้ำความคิดสำคัญของเรื่อง ชักชวนให้ปฏิบัติตาม ให้กำลังใจแก่ผู้อ่าน ตั้ง คำถามที่ชวนให้ผผู้อ่านคิดหาคำตอบ และยกคำพูด คำคม สุภาษิต หรือบทกวีที่น่าประทับใจ เป็นต้น การเขียนสรุปควรยึดแนวทางต่อไปนี้ เขียนสั้น ๆ ไม่เยิ่นเย้อ (ความยาวควรจะเท่า ๆ กับคำนำ) อาจสรุปโดยการอ้อนวอน เชิญชวนหรือแสดงความคิดเห็น ควรหลีกเลี่ยงคำขออภัย หรือคำออกตัวว่าผู้เขียนไม่มีความรู้
10 ไม่ควรเสนอประเด็นใหม่เข้ามาอีก ✯ขั้นตอนการเขียนเรียงความ การเลือกเรื่อง หากจะต้องเป็นผู้เลือกเรื่องเองแล้ว ควรเลือกตามความชอบ หรือความถนัดของตนเอง การค้นคว้าหาข้อมูล อาจทำได้โดยการค้นคว้าจากหนังสือ นิตยสาร วารสาร อินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่น วางโครงเรื่อง เมื่อได้หัวข้อเรื่องแล้ว ต้องวางโครงเรื่อง โดยคำนึงถึงการจัดการ จัดลำดับหัวข้อเรื่องที่จะเขียน ให้สัมพันธ์ ต่อเนื่องกัน เช่น จัดลำดับหัวข้อตามเวลาที่เกิด จัดลำดับหัวข้อจากหน่วยเล็กไปสู่หน่วยใหญ่ จัดลำดับตามความนิยม โครงเรื่องของงานเขียนควรจัดหมวดหมู่ของแนวคิดสำคัญเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน โครง เรื่องเปรียบเสมือนแปลนบ้าน ผู้สร้างบ้านจะต้องใช้แปลนบ้านเป็นแนวทางในการสร้างบ้าน การเขียน โครงเรื่องจึงมีความสำคัญทำให้ผู้เขียนเรียงความเขียนได้ตรงตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ถ้าไม่เขียนโครง เรื่องหรือไม่วางโครงเรื่อง เรียงความอาจจะออกมาไม่ตรงตามที่ผู้เขียนต้องการ การเรียบเรียง ตามรูปแบบของเรียงความ ตามองค์ประกอบ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป (บางคนอาจเขียนคำนำ หลังสุดก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ซ้ำซ้อน)
11 ✯ ลักษณะของเรียงความที่ดี นอกจากต้องมีองค์ประกอบครบทั้ง ๓ ส่วน คือ คำนำ เนื้อเรื่อง และสรุป แล้วยังต้องมีลักษณะ ดังนี้อีกด้วย เอกภาพ คือ ในแต่ละย่อหน้า ความคิดสำคัญต้องมีเนื้อหาไปในทิศทางเดียวกันกับหัวข้อเรื่อง สัมพันธภาพ คือ ต้องมีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันตลอดทั้งเรื่อง โดยจะต้องมีการวางโครงเรื่องที่ดี จัดลำดับ ย่อหน้าอย่างมีระบบระเบียบ เรียบเรียงด้วยคำเชื่อมที่เหมาะสม สารัตถภาพ คือ มีเนื้อหาสาระที่สมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องโดยในแต่ละย่อหน้า ประโยคสำคัญต้องชัดเจน ประโยคขยายมีน้ำหนักเชื่อถือได้ ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเน้นย้ำให้ประโยคใจความสำคัญมี ความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
12 บทที่ 5 สรุปผลการศึกษา 1.ประโยชน์ที่ได้รับจากการทำโครงงาน เพื่ออยากให้ทุกคนได้รู้จักการเขียนเรียงความ 2.การนำผลการศึกษาไปใช้ ใช้ในการเรียนรู้และศึกษาการเขียนเรียงความ 3.ข้อเสนอแนะ ทำโครงงานเรื่องนี้ต่อไป รวบรวมข้อมูลการเขียนเรียงความให้ได้มากที่สุด
บรรณานุกรม https://docs.google.com/document/d/1r8FW7lWVeiODQJZRIwQVJYoidzbhEWMAlwn0lS2-vE/preview?hgd=1