The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การจัดการภัยพิบัติ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้ สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kittiya.r, 2023-08-02 14:19:58

การจัดการภัยพิบัติ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้ สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรม

การจัดการภัยพิบัติ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้ สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรม

การจัดการภัยพิบัติ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ เเละสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม HS413602 การบริหารทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เสนอ ผศ.ดร.นิภาพรรณ เจนสันติสกุล


การจัดการภัยพิบัติ : มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม การระบาดของโรคมินามาตะ เป็นภัยพิบัติที่เกิดจากการกระทําของมนุษย์ จากการประกอบอุตสาหกรรมในปี 2475 บริษัทได้สร้างโรงงานผลิตสารอะซิทัลดีไฮด์ขึ้นมาซึ่งเป็นสารเคมีที่มีส่วนผสมของวัตถุระเบิดและผลิตภัณฑ์เคมีอื่นๆ จนกลาย เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของอุตสาหกรรมเคมี เนื่องจากรัฐบาลเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสนับสนุน การผลิตสารเคมี จนเกิดการละเลยปัญหาสิ่งแวดล้อมที่จะส่งผลกระทบต่อมนุษย์และระบบนิเวศจากการปล่อยน้ำ เสียปนเปื้อน สารปรอทสู่แหล่งน้ำ การจัดการภัยพิบัติที่เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมปล่อยน้ำ ปนเปื้อนสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำ โดยไม่ผ่านการบำ บัด สร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อระบบนิเวศจนเกิดการประท้วงเพื่อเรียกร้องความชอบธรรมให้โรงงานรับผิดชอบ ต่อผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมทั้งเหตุการณ์ครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความหย่อนยานในระบบการจัดการของภาครัฐ จนนำ ไปสู่การปฏิรูปกฎหมายใหม่เพื่อควบคุมขั้นตอนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม โดยกำ หนดให้ใช้สารเคมีที่เป็นพิษในปริมาณที่จำ กัดและนำ ไปสู่การลงนามอนุสัญญา "มินามาตะ"ว่าด้วยปรอทเพื่อปกป้องสุขภาพของผู้คนและสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรม ที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสารปรอทและสารประกอบของสารปรอท ซึ่งมีรัฐบาลจาก 128 ประเทศร่วมลงนามแล้ว


การจัดการภัยพิบัติ : มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ส่วนด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนั้นมีความเกี่ยวเนื่องมาจากการก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเคมีได้สด้ ร้างความเสียหายอย่างกว้างขวาง ต่อระบบนิเวศสภาพแวดล้อมและสภาพสังคมสุขภาพอนามัยและส่งผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรดิน เนื่องจากที่โที่ รงงานได้ กระทำ การปล่อยน้ำ เสียที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์เเละไหลออกมา โดยไม่ได้รับการบำ บัด เพราะน้ำ เสียที่กล่าวมานั้นได้ รับสารปนเปื้อน อาทิ สารหนู แมงกานีส แคดเมียม ซึ่งค้นพบสารอันตรายเหล่านั้นในแหล่งน้ำ ของชุมชนและกระจายรอบระบบนิเวศ ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับโรงงาน รวมถึงพบปรอทและไซยาไนด์ ในตัวอย่างเลือดของประชาชนที่ได้จากการดำ เนินงานอุตสาหกรรม ในลักษณะเดียวกัน ทั้งนี้ได้ส่งผลกระทบที่กลายเป็นปัญหาสาธารณะในระดับประเทศจนนำ ไปสู่การเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ คือ การปรับปรุงกฎหมาย สิ่งแวดล้อม การจัดการสิ่งแวดล้อมและมลพิษอุตสาหกรรมรวมไปถึงการปฏิรูปนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านอุตสาหกรรม โดยปัจจุบันได้มีอนุสัญญามินามาตะว่าด้วยปรอท คือ อนุสัญญาระหว่างประเทศที่มีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสุขภาพของผู้คน และสิ่งแวดล้อมจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสารปรอท และสารประกอบของสารปรอท และควบคุมการปล่อยปรอท สู่แหล่งน้ำ และดินให้เหลือปริมาณ ที่น้อยที่สุดจนไม่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมได้ในที่สุด เกิดขึ้นเมื่อ 10 ตุลาคม 2556 ภายใต้การดำ เนินงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) เป็นต้น


1. เส้นเวลา มีการนำ เอาเส้นเวลามาเป็นเครื่องมือในการเรียงลำ ดับเหตุการณ์ของโรคมินามาตะตั้งเเต่การก่อตั้งบริษัทชิสโสะที่เมืองมินามาตะ จนถึงการที่ประเทศไทยเข้าร่วมภาคีอนุสัญญามินามาตะเพื่อทำ การศึกษาถึงลำ ดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน 2. การสนทนากลุ่ม เมื่อเริ่มมีความผิดปกติของระบบนิเวศ มีการป่วยเกิดขึ้น คนในพื้นที่ได้ทำ การหาสาเหตุของปัญหาจนทราบแล้วว่าปัญหามาจากบริษัทชิสโสะ ผู้ป่วยจึงได้มีการรวมกลุ่มเพื่อเจรจาต่อรองไกล่เกลี่ยเพื่อให้บริษัทจ่ายเงินชดเชย และบางส่วนได้ทำ การฟ้องศาล 3. การสัมภาษณ์ ได้มีการเข้าไปสัมภาษณ์บุคคลที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์การระบาดของโรคมินามาตะ ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์แบบไม่มีการกำ หนด คำ ถามที่ชัดเจนไว้ โดยเป็นการให้ผู้ถูกสัมภาษณ์เล่าประสบการณ์ที่เจอมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ 4. การสังเกต จากบทความบุคคลสำ คัญได้มีการใช้เครื่องมือการสังเกต กล่าวคือ ได้มีการเข้าไปลงพื้นที่และมีส่วนร่วม โดย (1) นายแพทย์มาซาซูมิ ฮาราดะ เป็นนักวิจัยที่เข้าไปเก็บข้อมูลของโรคระบาดและจัดตั้งศูนย์วิจัยมินามาตะ (2) โยอิจิ ทานิ ก็ได้เข้าร่วมขบวนการชุมนุมประท้วงหน้าบริษัทที่เป็นต้นเหตุของโรคมินามาตะ (3) ฟูจี ซาคาโมโต เป็นผู้ป่วยจากโรคมินามาตะ (4) ชิโนบุ ซาคาโมโต เป็นผู้ป่วยจากโรคมินามาตะ ซึ่งทั้ง 4 ท่านนี้เป็นบุคคลที่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ ได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ และได้ออกมาให้สัมภาษณ์นั่นเอง การจัดการภัยพิบัติ : มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม จากการควบคุมนำ มาสู่การเปลี่ยนแปลงโดยมีเครื่องมือสำ หรับการจัดการที่ได้วิเคราะห์สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ “ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ” ดังนี้ WHAT เพราะอะไรแม่น้ำ ถึงเน่าเสีย ทะเลสกปรก? WHY ทำ ไมระบบนิเวศถึงผิดปกติ เกี่ยวข้องกับการปล่อยน้ำ เสียของบริษัทผลิตสารเคมีหรือไม่? WHO ใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในเมืองที่ป่วยด้วยอาการประหลาด? WHEN เมื่อไหร่ที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น และเมื่อไหร่ที่ทีมแพทย์ได้ค้นพบสาเหตุจึงได้มีการต่อสู้ และให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ? WHERE บริเวณใดบ้างที่เกิดปัญหา ใช่บริเวณบริษัทชิสโสะมาตั้งที่เมืองมินามิตะหรือไม่? HOW มีวิธีการแก้ปัญหาอย่างไร เเก้ไขโดยการปรับปรุงกฎหมายสิ่งแวดล้อม ปฏิรูปนโยบายส่งเสริมการลงทุนด้าน อุตสาหกรรมอย่างไร? เป็นต้น 5. 5W1H จากบทความที่ศึกษา มีการนำ เครื่องมือ 5W1H มาวิเคราะห์ค้นหาสาเหตุของปัญหาจากเหตุการณ์มินามาตะดังนี้


การจัดการภัยพิบัติ : มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม บทความจะมุ่งเน้นการดำ เนินการทำ งานของรัฐและอุตสาหกรรม ซึ่งจากบทความข้างต้นกล่าวถึงโรงงานผลิตสารอะซิทัลดีไฮล์จากบริษัทชิสโสะในปี 2475 จนกระทั่งปี 2484 เกิดปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ เน่าเสีย ผลกระทบต่อสุขภาพของคนในชุมชนและพื้นที่บริเวณรอบโรงงาน ซึ่งจากการก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นของเอกชน โดยอยู่ในยุคที่รัฐบาล ไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือภาคประชาชนจนประชาชนมีปัญหา เมื่อรัฐบาล เอซะกุ ซะโต นายกรัฐมนตรี ที่กำ ลังดำ รงตำ แหน่งอยู่ ณ ช่วงเวลานั้นยอมรับในปี 2511 จึงทำ ให้ผู้ป่วยหรือคนที่ได้ รับผลกระทบรวมกลุ่มกันเจรจาต่อรองไกล่เกลี่ยเรื่องเงิน ชดเชยกับบริษัท และบางส่วนยื่นฟ้องต่อศาลคดีความที่เกิดขึ้นทำ ให้เกิดการรวมตัวของภาคประชาชน จากสหสาขาวิชาชีพ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย โดยปัญหาสำ คัญคือ ระบบการรับรองผู้ป่วยที่ดำ เนินการโดยรัฐบาล เป็นการกีดกันผู้ป่วยรายใหม่ ทำ ให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการชดเชยหรือการช่วยเหลือ จนชาวบ้านหรือผู้ที่ได้รับ ผลกระทบจึงต้องไปขอความช่วยเหลือจากสื่อนอกเพื่อให้สื่อนอกมาช่วยเหลือโดยการตีแผ่เรื่องราวนี้กระจายออกไป ด้วยวิธีคิดที่หากดำ เนินการปล่อยให้ประชาชนรับทราบอาจจะเกิดความโกลาหลและแตกตื่น และเมื่อมีการแตกตื่น ก็จะเกิดความโกลาหลที่ไม่สามารถควบคุมได้ และนำ ไปสู่บรรยากาศที่ไม่ดีต่อการลงทุนและสั่นคลอนศักยภาพของ รัฐบาลรวมทั้งอุตสาหกรรมและรัฐบาลไทยก็คิดเช่นเดียวกัน เป็นความคล้ายคลึงกันตรงวิธีคิดการมองปัญหาการปกปิดข้อ เท็จจริง ดังนั้นการเสนอปัญหาจากที่บริษัทชิสโสะก่อตั้งโรงงานอุตสาหกรรมเคมีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและพัฒนาด้านอุตสาหกรรม ของประเทศ แต่ในทางตรงข้ามกลับสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อ ระบบนิเวศ สภาพสิ่งแวดล้อมและสภาพสังคม สุขภาพอนามัยและผลกระทบทางจิตใจ อาทิ โรงงานผลิตสารอะซิทัลดีไฮด์และได้ปล่อยของเสียออกสู่แม่น้ำ ทำ ให้เกิดปัญหาน้ำ ในแม่น้ำ เกิดเน่าเสีย และทะเลสกปรก และเกิดผลกระทบทางสุขภาพประชากรภายในประเทศ เริ่มป่วยเป็นโรคมินามาตะ หรือโรคพิษจากสารปรอท และทำ ให้เกิดปัญหาตามมา คือ ระบบการรับรองผู้ป่วยเป็นการ กีดกันผู้ป่วยรายใหม่ ทำ ให้ผู้ป่วยไม่ได้รับการชดเชยหรือการช่วยเหลือ


การจัดการภัยพิบัติ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ซึ่งสาเหตุที่โรงงานก่อปัญหาเป็นเนื่องมาจากความต้องการใช้สารเคมีจำ นวนมาก ในทศวรรษ 2460 เพราะบริษัทต้องการกลายเป็นโรงงานปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุด จนละเลยปัญหาระบบนิเวศ สิ่งแวดล้อมและสิทธิมนุษยชนของแรงงานโดยมีวิ มีวิ ธีการแก้ไขปัญหามาตรการการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ดังนี้ ประเด็นแรก มาตรการของรัฐบาลสำ หรับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม มีการกำ หนดเกณฑ์มาตรฐานสารปรอทในสัตว์นํ้า ให้มีสารปรอททั้งหมด (TOTAL HG) ไม่เกิน 0.4 มก./กก. และสารประกอบเมทิลของปรอทไม่เกิน 0.3 มก./กก. และรัฐบาลของจังหวัดคุมะโมะโตะได้ติดตั้งตาข่ายที่บริเวณปากแม่นํ้า ในอ่าวมินามาตะเพื่อแยกปลาที่ปนเปื้อนและห้ามจับปลาในบริเวณที่มีการกั้นตาข่าย หลังจากที่พบว่าปลาในบริเวณนั้นยังคงมีสารปรอทอยู่ในระดับที่สูงกว่าเกณฑ์ทีปลอดภัย รัฐบาลจึงได้ริเริ่มดำ เนินโครงการป้องกันมลพิษ ในอ่าวมินามา ขึ้นใน พ.ศ. 2520 เพื่อจัดการทำ ความสะอาดตะกอนที่ปนเปื้อน สารปรอทในอ่าวมินามาตะที่มีปริมาณปรอทสูงกว่า 25 มก./ลิตร ต่อมาโครงการนี้ เสร็จสิ้นลงอย่างสมบูรณ์ ซึ่งปัจจุบันสิ่งแวดล้อมในอ่าวมินามาตะในอยู่ในสภาพปลอดภัย มีการตรวจวัดปริมาณปรอทในอ่าวมินามาตะเป็นประจำ ทุกเดือนและมีนโยบายในการ พัฒนาเมืองมินามาตะให้เป็นเมืองต้นแบบเพื่อสิ่งแวดล้อมและมุ่งมั่นที่จะส่งผ่านบทเรียน ที่เมืองมินามาตะเคยเผชิญกับสภาพมลพิษจากอุตสาหกรรมขั้นวิกฤติมาก่อนเพื่อไม่ให้ เหตุการณ์เลวร้ายเช่นนั้นเกิดขึ้นอีกครั้ง ประเด็นที่สอง พิพิธภัณฑ์และสถาบันวิจัยในมินามาตะ สร้างโซชิชะ (SOSHISHA) ซึ่งเป็นสถานที่ที่พักพิงใจให้กับผู้ป่วย และครอบครัวของผู้ป่วยโรคมินามาตะได้มารวมกลุ่มกันเพื่อพูดคุยและคลายทุกข์ จากอคติ ที่เผชิญจากคนอื่นๆ และสร้างพิพิธภัณฑ์โรคมินามาตะเพื่อเผยแพร่ความ รู้และลดอคติเกี่ยวกับโรคมินามาตะและสร้างสถาบันวิจัยโรคมินามาตะแห่งชาติ มีหน้าที่ดำ เนินการวิจัยเกี่ยวกับสารปรอทในสิ่งแวดล้อม โดยหาปริมาณสารปรอท ในตัวอย่างนํ้าทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมและตัวอย่างนํ้าจากแหล่งนํ้าสาธารณะ อาทิ แม่นํ้าชายฝั่ง ทะเลสาบ รวมถึงการสะสมและผลกระทบของเมทิลปรอทใน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพื่อนำ ไปสู่วิธีการรักษาความเจ็บป่วยจากพิษของปรอท เป็นต้น


การจัดการภัยพิบัติ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม ประเด็นที่สาม การจัดการขยะของเสียในเมืองมินามาตะ มีมาตรการให้ประชาชนในมินามาตะ เริ่มแยกประเภทขยะจากบ้านเรือน เป็น 24 ประเภท ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 ต่อมาใน พ.ศ. 2545 เทศบาลเริ่มจัด จำ หน่ายถุงขยะสำ หรับบรรจุขยะสดหรือเศษอาหารจากห้องครัวโดยเทศบาลจะเก็บ ขยะสดที่บรรจุในถุงที่เทศบาลจำ หน่ายนี้เท่านั้นเพื่อรณรงค์ให้ประชาชนแยกนํ้าออก จากขยะสดหรืออีกนัยหนึ่งคือ ให้ประชาชนทำ ขยะให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำ ได้ก่อนนำ มาทิ้ง ซึ่งข้อดีคือ การลดนํ้าหนักขยะที่เทศบาลต้องจัดเก็บทำ ให้ปริมาณขยะโดย รวมลดลงและเมืองมินามาตะยังรวบรวมขยะเข้าสู่ระบบอีกทั้งเมืองมินามาตะมีการ รวบรวมขยะอันตรายที่มีปรอท อาทิซากหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์และซากถ่าน ไฟฉายส่งต่อให้โรงงานรีไซเคิลอีกด้วย ประเด็นที่สี่ สนธิสัญญามินามาตะว่าด้วยสารปรอท สร้างสนธิสัญญามินามาตะว่าด้วยสารปรอทมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดการและควบคุม เส้นทางของสารปรอทตั้งแต่แหล่งผลิต การค้า ผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอท การควบคุม การปลดปล่อยปรอทสู่สิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดการของเสียที่มีปรอท และพื้นที่ปน เปื้อนสำ หรับผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทมีการกำ หนดให้ลดปริมาณสารปรอทใผลิตภัณฑ์ และเลิกการนำ เข้าส่งออกผลิตภัณฑ์ที่เติมปรอทบางรายการหลังปีพ.ศ. 2563 อาทิ แบตเตอรี่ยกเว้นแบตเตอรี่กระดุม,หลอดฟลูออเรสเซนต์ ชนิดคอมแพกต์ขนาด 30 วัตต์หรือน้อยกว่า และมีปรอทมากกว่า 5 มิลลิกรัมต่อหลอด,เครื่องสำ อางที่มี ปรอทมากกว่า 1 มิลลิกรัมต่อกิโลและปัจจุบันยังคงมีการเจรจาเพื่อหาข้อตกลงใน แต่ละหมวดของร่างสนธิสัญญา โดยมีคณะทำ งานประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญที่จัดตั้ง โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติเพื่อดำ เนินการร่างแนวทางด้านเทคนิคที่ ดีที่สุด และแนวการปฏิบัติด้านสิ่งแวดล้อมที่ดีในหัวข้อการจัดการซากผลิตภัณฑ์ และของเสียที่มีปรอทอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมการควบคุมการปลดปล่อยปรอท สู่สิ่งแวดล้อม และการฟื้นฟูพื้นที่ปนเปื้อนปรอท ดังนั้น การเข้าร่วมหลักสูตรนี้ทำ ให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพิษของสารเมทิลปรอทที่ เกิดจากกิจกรรมอุตสาหกรรมและผลกระทบร้ายแรงต่อระบบนิเวศสุขภาพของปชช. และนำ ไปสู่ผลกระทบในเชิงสังคมศาสตร์ อีกทั้งได้เห็นความร่วมมือร่วมใจในการ บรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้นทำ ให้มินามาตะวันนี้มีสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยและกำ ลังพัฒนา เชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เป็นต้น


การจัดการภัยพิบัติ มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม จากบทความบทวิจารณ์หนังสือ การจัดการภัยพิบัติ : มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม และอุตสาหกรรม ทางกลุ่มมีความเห็นหรือเสนอแนวทางการพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขปัญหาดังนี้ ทางกลุ่มเห็นด้วย เนื่องจากมาตรการการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในอ่าวมินามาตะแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาโดยวิธีนี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหา ได้จริง แม้ต้องใช้ระยะเวลานานและยังสามารถเปลี่ยนพื้นที่บริเวณที่ถมอ่าวให้เป็นเมืองต้นแบบสิ่งแวดล้อมได้ด้วยและการสร้างพิพิธภัณฑ์ และสถาบันวิจัยในมินามาตะนั้นทำ ให้นักเรียนนักศึกษาและประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้บทเรียนสำ คัญที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชนโดยตรง ทำ ให้ประชาชนเกิดความตระหนักถึงความสำ คัญในการช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ของตนและยังสามารถช่วยส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ทราบ และป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นซ้ำ ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังเห็นด้วยในเรื่องการแก้ไขปัญหาโดยการจัดทำ อนุสัญญามินามาตะ ว่าด้วยสารปรอทเพราะอนุสัญญานี้จะทำ ให้ปริมาณการปลดปล่อยสารปรอทสู่สิ่งแวดล้อม ลดจำ นวนลงไม่มากก็น้อยจากการออกกฎหมายควบคุมโดยภาครัฐ ซึ่งจะทำ ให้ประชาชนมี คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมและเป็นแบบอย่างสะท้อนให้เห็นถึง ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปล่อยสารปรอทลงสู่สิ่งแวดล้อมเพื่อที่นานาประเทศจะได้หันมา ให้ความสำ คัญกับเรื่องการปล่อยของเสียลงสู่แหล่งน้ำ โดยไม่ผ่านการบำ บัดรวมทั้งเรื่อง การแก้ปัญหาการจัดการขยะและของเสียในเมืองมินามาตะจะทำ ให้ประชาชนรับรู้และ ตระหนักถึงปริมาณขยะที่มีมากขึ้น รวมทั้งปริมาณขยะที่ปนเปื้อนสารปรอทอันจะส่งผลต่อ คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ ดังนั้นการแก้ปัญหาการจัดการขยะและของเสียดังกล่าวจะทำ ให้คนในพื้นที่เห็น ถึงคุณค่าและความสำ คัญของการจัดการขยะทำ ให้ประชาชนรู้สึกว่าจะต้องดูแลรักษา ทรัพยากรหรือประโยชน์ที่พึงได้รับจากความเป็นเจ้าของนั้น โดยผ่านการมีส่วนร่วม ในการขับเคลื่อนการจัดการขยะในพื้นที่มากขึ้น ทำ ให้สุขภาพของประชากรดีขึ้นและเกิด การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ เป็นต้น กวินธร เสถียร และ ธนภัทร วงศ์ประทุม. (2562). มินามาตะ โศกนาฏกรรมและการต่อสู้สู่การเปลี่ยนแปลง ประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม MINAMATA: TRAGEDY AND THE HISTORY OF THE ENVIRONMENT AND THE INDUSTRY. วารสารการจัดการสิ่งแวดล้อม. 15(1) หน้า 122-131. เอกสารอ้างอิง


Click to View FlipBook Version