วิ จั ย ใ น ชั้ น เ รี ย น การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณและการหารทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ประจ ำปีกำรศึกษำ ๒๕๖๕ โรงเรียนไพลอ ำนวยวิทย์ ส ำนักงำนเขตพื้นที่กำรศึกษำประถมศึกษำสุรินทร์ เขต ๓ ส ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน กระทรวงศึกษำธิกำร นำงสำวณัฐกำนต์ เสำวคนธ์ ต ำแหน่ง ครู
ความเป็ นมาและความส าคัญของปัญหา คณิตศาสตร์เป็นศาสตร์ที่เกี่ยวขอ้งกับการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ก ารแก้ปัญ ห าใน ด้าน ชีวิตประจ าวันและด้านอื่นๆ การใช้เหตุผลส่วนใหญ่จะตอ้งอาศยัคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐานส าคญัดงัน้ัน คณิ ตศาสตร์ย่อมมีบทบาทที่ส าคญัอย่างยิ่งต่อการพฒันาความคิดของมนุษย์ ท าให้มนุ ษ ย์ มีความคิดสร้างสรรค์คิดอย่างมีเหตุผล เป็ นระบบระเบียบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาและ สถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ จึงท าให้สามารถคาดการณ์ วางแผน ตัดสินใจ และแก้ปัญหาได้ อย่างถูกต้องและเหมาะสม คณิตศาสตร์เป็ นเครื่ องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ตลอดจนศาสตร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ต่อการด ารงชีวิตและช่วย พฒันาคุณภาพชีวิตให้ดีข้ึน นอกจากน้ีคณิตศาสตร์ยงัช่วยพฒันามนุษยใ์ห้สมบูรณ์มีความสมดุลท้งัทาง ร่างกายจิตใจสติปัญญาและอารมณ์ สามารถคิดเป็ นท าเป็ นแก้ปัญหาเป็ นและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. 2551 : 1) นอกจากน้ีคณิตศาสตร์เป็น วิชาที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการคิด และกระบวนการทางคณิตศาสตร์เป็ นการคิดที่มีแบบแผน มีความเป็ นเหตุ เป็นผลต่อกนัทุกข้นัตอน เป็นวิชาที่มีลกัษณะเป็นนามธรรมตอ้งใชค้วามคิดอย่างสมเหตุสมผล จึงจะเรียนรู้ และเข้าใจโครงสร้างทางคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์มีส่วนส าคัญในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็ นบุคคลที่มีคุณภาพ สามารถดา รงชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ส่งเสริมให้ผูเ้รียนมีความรู้พ้ืนฐานทักษะในการแก้ปัญหามี เหตุผลท างานร่วมกับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ ดังที่ กระทรวงศึกษาธิการ(2551 : 54) ได้ระบุไว้ว่า คณิตศาสตร์ มีบทบาทส าคญัยิ่งต่อการพฒันาความคิดมนุษยท์า ให้มนุษยม์ ีความคิดสร้างสรรค์คิดอย่างมีเหตุผล เป็ น ระบบ มีแบบแผน สามารถวิเคราะห์ปัญหาหรือสถานการณ์ได้อย่างถี่ถ้วนรอบคอบ ช่วยให้คาดการณ์ วางแผน ตัดสิ นใจ แก้ปัญหา และน าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม นอกจากน้ี คณิตศาสตร์ยังเป็ นเครื่องมือในการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและศาสตร์อื่นๆ คณิตศาสตร์จึง มีประโยชน์ต่อการด าเนินชีวิต ช่วยพฒันาคุณภาพชีวิตให้ดีข้ึน และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมี ความสุข การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เป็ นกระบวนการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ส่วนร่วมในช้นัเรียน สร้างปฏิสัมพนัธ์ระหว่างครูผูส้อนกบัผูเ้รียน มุ่งให้ผูเ้รียนลงมือปฏิบตัิโดยมีครู เป็ นผู้อ านวยความสะดวก สร้างแรงบันดาลใจ ให้ค าปรึกษา ดูแล แนะน า จัดวิธีการเรียนรู้และแหล่ง เรียนรู้ที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย สร้างองค์ความรู้ได้ มีความเข้าใจในตนเอง ใช้สติปัญญา คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ผลงาน มีสมรรถนะส าคัญ มีทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต บรรลุ เป้าหมายการเรียนรู้ตามระดบัช่วงวยั (สา นกังานคณะกรรมการการศึกษาข้นัพ้ืนฐาน. 2562 : 4)
ลกัษณะของการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning มีดงัน้ี 1. เป็ นการพัฒนาศักยภาพการคิด การแก้ปัญหา และการน าความรู้ไปประยุกต์ใช้ 2. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดระบบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้โดยมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกัน ในรูปแบบของความร่วมมือ 3. เปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้สูงสุด 4. เป็ นกิจกรรมที่ให้ผู้เรียนบูรณาการข้อมูล ข่าวสาร สารสนเทศ สู่ทักษะการคิด วิเคราะห์ 5. ผู้เรียนได้เรียนรู้ความมีวินัยในการท างานร่วมกับผู้อื่น 6. ความรู้เกิดจากประสบการณ์ และการสรุปของผู้เรียน 7. ผู้สอนเป็ นผู้อ านวยความสะดวกในการจัดการเรียนรู้ เพื่อให้ผู้เรียนเป็ นผู้ปฏิบัติด้วย ตนเอง (สา นกังานคณะกรรมการการศึกษาข้นัพ้ืนฐาน. 2562 : 5) ตัวอย่างเทคนิคการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สามารถสร้างใหเ้กิดข้ึนไดท้ ้งัในห้องเรียนและนอก หอ้งเรียน รวมท้งัสามารถใชไ้ดก้บันกัเรียนทุกระดบัท้งัการเรียนรู้เป็นรายบุคคลการเรียนรู้แบบกลุ่มเลก็ และการเรียนรู้แบบกลุ่มใหญ่ ตัวอย่างรูปแบบหรือเทคนิค การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จะช่วยให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้แบบ Active Learningไดด้ีไดแ้ก่ 1. การเรียนรู้แบบแลกเปลยี่นความคิด (Think-Pair-Share)คือการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนคิดเกี่ยวกับประเด็นที่ก าหนดแต่ละคน ประมาณ 2-3 นาที (Think)จากน้นั ใหแ้ลกเปลี่ยน ความคิดกับเพื่อนอีกคน 3-5 นาที (Pair)และนา เสนอความคิดเห็นต่อผเู้รียนท้งัหมด (Share) 2. การเรียนรู้แบบร่วมมือ(Collaborative learning group)คือการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ท างานร่วมกับผู้อื่น โดยจัดเป็ นกลุ่มๆ ละ 3-6คน 3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรียน (Student-led review sessions)คือการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ที่เปิ ดโอกาสให้ผู้เรียนได้ทบทวนความรู้และพิจารณาข้อสงสัยต่าง ๆ ในการปฏิบัติ กิจกรรมการเรียนรู้ โดยครูจะคอยช่วยเหลือกรณีที่มีปัญหา 4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games)คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ผู้สอนน าเกมเข้า บูรณาการในการเรียนการสอน ซ่ึงใชไ้ดท้ ้งัในข้นัการนา เขา้สู่บทเรียน การสอน การมอบหมายงาน และ หรือข้นัการประเมินผล 5. การเรียนรู้แบบวิเคราะห์วีดีโอ(Analysis or reactions to videos)คือการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้ดูวีดีโอ5-20 นาที แล้วให้ผู้เรียนแสดงความคิดเห็น หรือสะท้อน ความคิดเกี่ยวกบัสิ่งที่ไดดู้อาจโดยวิธีการพูดโตต้อบกนัการเขียน หรือการร่วมกนัสรุปเป็นรายกลุ่ม
6. การเรียนรู้แบบโต้วาที(Student debates)คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่จัดให้ ผู้เรียนได้น าเสนอข้อมูลที่ได้จากประสบการณ์และการเรียนรู้ เพื่อยืนยันแนวคิดของตนเองหรือกลุ่ม 7. การเรียนรู้แบบผู้เรียนสร้างแบบทดสอบ (Student generated exam questions)คือ การจดักิจกรรมการเรียนรู้ที่ใหผ้เู้รียนสร้างแบบทดสอบจากสิ่งที่ไดเ้รียนรู้มาแลว้ 8. การเรียนรู้แบบกระบวนการวิจัย(Mini-research proposals or project) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่อิงกระบวนการวิจัย โดยให้ผู้เรียนก าหนดหัวข้อที่ต้องการเรียนรู้ วาง แผนการเรียน เรียนรู้ตามแผน สรุปความรู้หรือสร้างผลงาน และสะทอ้นความคิดในสิ่งที่ไดเ้รียนรู้หรือ อาจเรียกว่าการสอนแบบโครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใช้ปัญหาเป็ นฐาน (problem-based learning) 9. การเรียนรู้แบบกรณีศึกษา (Analyze case studies)คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ใหผ้เู้รียนไดอ้่านกรณีตวัอย่างที่ตอ้งการศึกษาจากน้นั ให้ผเู้รียนวิเคราะห์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือแนวทางแกป้ ัญหาภายในกลุ่ม แลว้นา เสนอความคิดเห็นต่อผเู้รียนท้งัหมด 10. การเรียนรู้แบบการเขียนบันทึก(Keeping journals or logs)คือการจัดกิจกรรม การเรียนรู้ที่ผูเ้รียนจดบนัทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ไดพ้บเห็น หรือเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในแต่ละวนัรวมท้งัเสนอ ความคิดเพิ่มเติมเกี่ยวกบับนัทึกที่เขียน 10. การเรียนรู้แบบการเขียนจดหมายข่าว(Write and produce a newsletter)คือ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนร่วมกันผลิตจดหมายข่าว อันประกอบด้วย บทความ ข้อมูล สารสนเทศข่าวสารและเหตุการณ์ที่เกิดข้ึน แลว้แจกจ่ายไปยงับุคคลอื่นๆ 11. การเรียนรู้แบบแผนผังความคิด (Concept mapping)คือการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ให้ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคิด เพื่อน าเสนอความคิดรวบยอด และความเชื่อมโยงกันของกรอบ ความคิด โดยการใช้เส้นเป็ นตัวเชื่อมโยง อาจจัดท าเป็ นรายบุคคลหรืองานกลุ่ม แล้วน าเสนอผลงานต่อ ผเู้รียนอื่นๆ จากน้นัเปิดโอกาสใหผ้เู้รียนคนอื่นไดซ้กัถามและแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม (สถาพร พฤฑฒิกุล, 2558) บทบาทของครูในการจัดกจิกรรมการเรียนรู้ตามแนวทางของ Active Learning ดงัน้ี 1. จัดให้ผู้เรียนเป็ นศูนย์กลางของการเรียนการสอน น าไปใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงของ ผู้เรียน 2. สร้างบรรยากาศของการมีส่วนร่วม และการเจรจาโต้ตอบที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนมี ปฏิสัมพนัธ์ที่ดีกบัผสู้อนและเพื่อนในช้นัเรียน 3. จดักิจกรรมการเรียนการสอนส่งเสริมใหผ้เู้รียนมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรม รวมท้งักระตุน้ ให้ผู้เรียนความส าเร็จในการเรียนรู้ 4. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนแบบร่วมมือ ส่งเสริมให้เกิดการร่วมมือในกลุ่มผู้เรียน 5. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ท้าทาย และให้โอกาสผู้เรียนได้รับวิธีการสอนที่
หลากหลาย 6. วางแผนเกี่ยวกบัเวลาในการจดัการเรียนการสอนอยา่งชดัเจน ท้งัในส่วนของเน้ือหา และกิจกรรม 7. ครูผู้สอนต้องใจกว้าง ยอมรับความสามารถในการแสดงออก และความคิดของผู้เรียน (ณัชนัน แก้วชัยเจริญกิจ, 2550) ความหมายของแบบฝึ กทักษะ อนงค์ศิริ วิชาลัย (2556 : 80) ให้ความหมายของแบบฝึ กทักษะว่า เป็ นสื่อการเรียนการสอนอย่าง หน่ึงที่สร้างข้ึน ประกอบดว้ยกิจกรรมที่หลากหลายน่าสนใจที่มุ่งให้นักเรียนไดน ามาใช้ฝึ กฝน ปฏิบัติ เพื่อ ้ ทบทวนเน้ือหาความรู้ต่าง ๆ ที่ได้เรียนไปแล้วด้วยตนเอง ทา ให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเรียนรู้ให้ คล่องแคล่วเกิดความชา นาญและความแม่นยา ซ่ึงเป็นไปโดยอตัโนมตัิรวมท้งัเกิดทกัษะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จนสามารถน าไปใช้ในชีวิตประจ าวันได้ ราชบัณฑิตยสถาน (2556 : 687) ได้ให้ความหมายของแบบฝึ กทักษะหรือแบบฝึ กหัด ว่าแบบตัวอย่าง ปัญหาหรือคา สั่งที่ต้งัข้ึนเพื่อใหน้กัเรียนฝึกตอบ จากความเห็นของนักการศึกษาดังกล่าวสรุปได้ว่าแบบฝึ กหมายถึง เครื่องมือทางการเรียนที่สร้าง ข้ึนสา หรับใหน้กัเรียนฝึกปฏิบตัิใหม้ีความรู้ความเขา้ใจประสบการณ์มีทกัษะเพิ่มข้ึน ลักษณะของแบบฝึ กทักษะที่ดี ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2558 : 467 - 468)ไดส้รุปลกัษณะของแบบฝึกที่สา คญั ไวด้งัน้ี 1. ตอ้งมีการฝึกนกัเรียนมากพอสมควรในเรื่องหน่ึง ๆ ก่อนที่จะมีการฝึกเรื่องอื่น ๆ ต่อไป ท้งัน้ี ทา ข้ึนเพื่อการสอนไม่ใช่เพื่อการสอบ 2.แต่ละบทควรฝึกโดยใชแ้บบประโยคเพียงหน่ึงแบบเท่าน้นั 3.ฝึกโครงสร้างใหม่กบัสิ่งที่เรียนรู้แลว้ 4. ประโยคที่ฝึกควรเป็นประโยคส้ัน ๆ 5. ประโยคและค าศัพท์ควรเป็ นแบบที่ใช้พูดกันในชีวิตประจ าวันที่นักเรียนรู้จักดีแล้ว 6. เป็ นแบบฝึ กที่นักเรียนใช้ความคิดด้วย 7. แบบฝึ กควรมีหลาย ๆ แบบ เพื่อไม่ให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย 8.ควรฝึกใหน้กัเรียนสามารถนา สิ่งที่เรียนไปแลว้ ไปใชใ้นชีวิตประจา วนัได้
ประโยชน์ของแบบฝึ กทักษะ วรนุช บุฟผา (2552 : 8)ไดก้ล่าวประโยชน์ของแบบฝึกไว้ดงัน้ี 1. เป็นส่วนเพิ่มเติมหรือเสริมหนังสือเรียนในการเรียนทกัษะ เป็นอุปกรณ์การสอนที่ช่วยลด ภาระครูไดม้ากเพราะแบบฝึกเป็นสิ่งที่จดัทา ข้ึนอยา่งเป็นระบบและมีระเบียบ 2. ช่วยเสริมทกัษะแบบฝึกหัดเป็นเครื่องมือที่ช่วยเด็กในการฝึกทกัษะแต่ท้งัน้ีจะตอ้งอาศยัการ ส่งเสริมและความเอาใจใส่จากครูผู้สอนด้วย 3. ช่วยเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล เนื่องจากเด็กมีความสามารถทางภาษาแตกต่างกันการให้ เด็กท าแบบฝึ กหัดที่เหมาะสมกับความสามารถของเขา จะช่วยให้เด็กประสบผลส าเร็จในด้านจิตใจมาก ข้ึน ดงัน้ันแบบฝึกหัดจึงไม่ใช่สมุดฝึกที่ครูจะให้เด็กลงมือทา หน้าต่อหน้า แต่เป็นแหล่งประสบการณ์ เฉพาะส าหรับเด็กที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ และเป็ นเครื่องมือช่วยที่มีค่าของครูที่สนองความ ตอ้งการเป็นรายบุคคลในช้นัเรียน 4. แบบฝึ ก ช่วยเสริมทักษะให้คงทน ลกัษณะการฝึกเพื่อช่วยให้เกิดผลดงักล่าวน้ัน ได้แก่ฝึก ทนัทีหลงัจากที่เด็กไดเ้รียนรู้ในเรื่องน้นัๆ ฝึกซ้า หลาย ๆ คร้ัง เนน้เฉพาะในเรื่องที่ผิด 5. แบบฝึกหดัที่ใชจ้ะเป็นเครื่องมือวดัผลการเรียนหลงัจากจบบทเรียนในแต่ละคร้ัง 6.แบบฝึกหัดที่จดัทา ข้ึนเป็นรูปเล่ม เด็กสามารถเก็บรักษาไวใ้ช้เป็นแนวทางเพื่อทบทวนดว้ย ตนเองได้ต่อไป 7. การให้เด็กท าแบบฝึ กหัด ช่วยให้ครูมองเห็นจุดเด่นหรือปัญหาต่าง ๆ ของเด็กได้ชัดเจน ซึ่งจะ ช่วยใหค้รูดา เนินการปรับปรุงแกไ้ขปัญหาน้นัๆ ไดท้นัท่วงที 8. แบบฝึกที่จดัข้ึนนอกเหนือจากที่มีอยใู่นหนงัสือเรียนจะช่วยใหเ้ด็กไดฝ้ึกฝนอยา่งเตม็ที่ 9.แบบฝึกที่จดัพิมพไ์วเ้รียบร้อยแลว้จะช่วยทา ให้ครูประหยดัท้งัแรงงานและเวลาในการที่จะต้อง เตรียมสร้างแบบฝึ กอยู่เสมอ ในด้านผู้เรียนก็ไม่ต้องเสียเวลาในการลอกแบบฝึ กหัดจากต าราเรียนหรือกระดาน ดา ทา ใหม้ีเวลาและโอกาสไดฝ้ึกฝนทกัษะต่าง ๆ มากข้ึน 10.แบบฝึกช่วยประหยดัค่าใชจ้่าย เพราะการจดัพิมพข์้ึนเป็นรูปเล่มที่แน่นอน ยอ่มลงทุนต่า กว่า การที่จะใชว้ิธีพิมพล์งในกระดาษไขทุกคร้ัง นอกจากน้ียงัมีประโยชน์ในการที่ผูเ้รียนสามารถบนัทึกและ มองเห็นความก้าวหน้าของตนเองได้อย่างมีระบบและเป็ นระเบียบ การสร้างแบบฝึ กทักษะ ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์ (2558 : 467 - 468)ไดใ้หข้อ้คิดเกี่ยวกบัการสร้างแบบฝึกที่ดีไวด้งัน้ี 1. ตอ้งสร้างแบบฝึกให้สอดคลอ้งกับหลกัจิตวิทยา และพฒันาการของเด็กตามลา ดับข้นัการ เรียนรู้ แบบฝึกเสริมทกัษะน้นัตอ้งอาศยัรูปภาพจูงใจนกัเรียน และควรจดัเรียงเน้ือหาตามลา ดบัจากง่ายไป ยากเพื่อให้นักเรียนมีก าลังใจท าแบบฝึ ก
2. มีจุดมุ่งหมายที่แน่นอนว่าจะฝึกทักษะในด้านใด แล้วจัดเน้ือหาให้ตรงกับจุดมุ่งหมายที่ ก าหนดไว้ 3. ต้องค านึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลของนักเรียน ถ้าสามารถแบ่งนักเรียนเป็ นกลุ่มย่อย ตามความสามารถ แล้วจึงจัดท าแบบฝึ กเพื่อส่งเสริมนักเรียนแต่ละกลุ่ม 4.แบบฝึกที่ดีตอ้งมีคา ช้ีแจงง่าย ส้ัน ๆ ที่นกัเรียนอ่านเขา้ใจแบบฝึกไดด้ว้ยตนเอง 5. แบบฝึ กต้องมีความถูกต้อง ครูต้องพิจารณาให้รอบคอบ โดยการทดลองท าด้วยตนเอง เสียก่อน เพื่อไม่ใหม้ีขอ้ผิดพลาด 6.การใหน้กัเรียนทา แบบฝึกทุกคร้ัง เวลาตอ้งเหมาะสมกบัช่วงความสนใจของนกัเรียน 7. แบบฝึ กควรมีหลายรูปแบบ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้อย่างกว้างขวาง ส่งเสริมความคิด สร้างสรรค์และ เมื่อฝึกเรื่องเดียวซ้า ๆ กนัหลายคร้ัง เด็กไม่เบื่อแต่พอใจที่จะทา แบบฝึกน้นัดว้ยความเพลิดเพลิน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ โดยใช้แบบฝึ กทักษะ เป็ นสื่อการเรียนประเภทหนึ่ง ที่เป็นส่วนเพิ่มเติมหรือส่งเสริมให้นักเรียนฝึ กปฏิบัติเพื่อให้เกิดความรู้ความเขา้ใจและทกัษะเพิ่มข้ึน และ การสอนโดยใช้แบบฝึ กทักษะเป็นการสอนอีกวิธีหนึ่ง คือการให้นักเรียนได้ท าแบบฝึ กมากๆ เป็นสิ่งที่จะ ช่วยให้นักเรียนพฒันาการทางการเรียนรู้ในเน้ือหาวิชาไดด้ีข้ึน เพราะนักเรียนมีโอกาสน าความรู้ที่เรียน มาแล้ว มาฝึ กให้เกิดทักษะความเขา้ใจกวา้งขวางยงิ่ข้ึน โรงเรี ยนไพลอ านวยวิทย์ ส านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุ ริ นทร์ เขต 3 จาก ประสบการณ์ของผู้ศึกษาในการสอนคณิตศาสตร์ระดับ ช้นั ประถมศึกษาปีที่5 โรงเรียนไพลอ านวยวิทย์ ส านักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 จากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่ผ่านมา พบว่ายังไม่ประสบความส าเร็จเท่าที่ควร จึงท าให้ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนของนกัเรียนช้นั ประถมศึกษา ปี ที่5โรงเรียนไพลอ านวยวิทย์ในกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ต ่ากว่าเป้าหมายที่โรงเรียนก าหนด จากปัญหาดังกล่าว ผู้วิจัยจึงมุ่งเน้นการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยให้ผู้เรียนได้ฝึ กทักษะ การคิดค านวณ โดยจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะประกอบการจัดกิจกรรมการ เรียนรู้โดยเรียนรู้จากง่ายไปหายาก ดงัน้นัผูวิจัย ้ จึงได้มีความสนใจที่จะน าเอา แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ มาจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในเรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ส าหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่5 โรงเรียนไพลอ านวยวิทย์ เพื่อให้นักเรียนมีทักษะ กระบวนการทางคณิตศาสตร์ และมีพ้ืนฐานการเรียนรู้ดีข้ึนต่อไป
วัตถุประสงค์ของการวิจัย 1. เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องการบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ขอบเขตของการศึกษา 1. ขอบเขตด้านประชากร ประชากรที่ใชใ้นการศึกษาคร้ังน้ีไดแ้ก่นกัเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่5โรงเรียนไพลอ านวยวิทย์ สา นกังานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์เขต 3 ปี การศึกษา2565จ านวน 30 คน 2. ขอบเขตด้านเนื้อหา เน้ือหาที่ใชใ้นการศึกษาคร้ังน้ีไดแ้ก่เน้ือหาวิชาคณิตศาสตร์ช้นั ประถมศึกษาปีที่5 ปี การศึกษา 2565กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ซ่ึงเป็นไปตามหลกัสูตรการศึกษาข้นัพ้ืนฐาน พุทธศกัราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีเน้ือหารายละเอียดเกี่ยวกบัเรื่องการบวกการลบ การ คูณ และการหารทศนิยม น ามาจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม ของนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่5 โรงเรียนไพล อ านวยวิทย์สา นกังานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ประกอบด้วยแบบฝึ กทักษะ จ านวน 15 เล่ม ขอบเขตด้านเวลา ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา ด าเนินการทดลองในภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2565 จ านวน 17 ชวั่โมง ขอบเขตด้านตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรอิสระไดแ้ก่ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม ตัวแปรตาม ไดแ้ก่ ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องการบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
กรอบแนวคิดของการศึกษา ผู้ศึกษาได้วางกรอบแนวคิดในการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม โดยจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การ บวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม ดงัน้ี แผนภาพที่ 1 แสดงกรอบแนวคิดของการศึกษา ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. นักเรียนมีทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหาร ทศนิยม ที่ดีข้ึน 2.ได้แนวทางส าหรับครูผู้สอนคณิตศาสตร์ในการเลือกกิจกรรมการเรียนการสอน 3.ได้แนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอนการบวกการลบ การคูณ และการหาร ทศนิยม ในสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ในระดบัช้นั ประถมศึกษาปีที่5 นิยามศัพท์เฉพาะ 1.การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning หมายถึง กระบวนการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้ ผเู้รียนมีส่วนร่วมในช้นัเรียน สร้างปฏิสัมพนัธ์ระหว่างครูผูส้อนกบัผเู้รียน มุ่งให้ผเู้รียนลงมือปฏิบตัิโดย มีครูเป็ นผู้อ านวยความสะดวก สร้างแรงบันดาลใจ ให้ค าปรึกษา ดูแล แนะน า จัดวิธีการเรียนรู้และ แหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย สร้างองค์ความรู้ได้ มีความเข้าใจใน ตนเอง ใช้สติปัญญา คิด วิเคราะห์ สร้างสรรค์ผลงาน มีสมรรถนะส าคัญ มีทักษะวิชาการ ทักษะชีวิต บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้ตามระดับช่วงวัย 2. แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ หมายถึงการน าเอาแบบฝึ กทักษะใช้เป็ นกิจกรรมประกอบการสอนใน เน้ือหาวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม ช้นั ประถมศึกษาปีที่5 ซึ่ง ประกอบด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ จ านวน 15 เล่ม ดงัน้ี การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหาร ทศนิยม ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องการบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
แบบฝึ กทักษะ เรื่อง จ านวน (ชั่วโมง) เล่มที่ 1 การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง 1 เล่มที่ 2 การลบทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง 1 เล่มที่ 3 โจทย์ปัญหาการบวกทศนิยม 1 เล่มที่ 4 โจทย์ปัญหาการลบทศนิยม 1 เล่มที่ 5 ทบทวนการคูณทศนิยมที่ผลคูณเป็ นทศนิยมไม่เกินสองต าแหน่ง 1 เล่มที่ 6 การคูณทศนิยมสามต าแหน่งกับจ านวนนับ 1 เล่มที่ 7 การคูณทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งกับจ านวนนับที่เป็ นพหุคูณของ 10 100 1,000 1 เล่มที่ 8 การคูณทศนิยมหนึ่งต าแหน่งกับทศนิยมสองต าแหน่ง โดยใช้ความสัมพันธ์ของทศนิยมและเศษส่วน 1 เล่มที่ 9 การคูณทศนิยมหนึ่งต าแหน่งกับทศนิยมสองต าแหน่งโดยใช้วิธีลัด 1 เล่มที่ 10 การหารทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งด้วยจ านวนนับ โดยใช้ความสัมพันธ์ของทศนิยมและเศษส่วน 1 เล่มที่ 11 การหารทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งด้วยจ านวนนับ โดยใช้วิธีการหารยาว 1 เล่มที่ 12 การหารทศนิยม เมื่อตัวหารเป็ นจ านวนนับและต้องเติมศูนย์ ต่อทา้ยที่ตวัต้งั โดยตวัต้งัเป็นทศนิยมไม่เกินสามตา แหน่ง 1 เล่มที่ 13 การหารทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งด้วย 10 100 และ 1,000 1 เล่มที่ 14 โจทย์ปัญหาการคูณทศนิยม 1 เล่มที่ 15 โจทย์ปัญหาการหารทศนิยม 1 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความสามารถในการพัฒนาทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ช้นั ประถมศึกษาปีที่5 ที่ผศู้ึกษาสร้างข้ึน 4. นักเรียน หมายถึง นักเรียนช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรียนไพลอ านวยวิทย์ อ าเภอศรีณรงค์ จังหวัดสุรินทร์ ปี การศึกษา2565 จ านวน 30คน
วิธีด าเนินการวิจัย 1. ประชากร ประชากรเป็นนกัเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่5 โรงเรียนไพลอ านวยวิทย์ สังกดัสา นกังานเขตพ้ืนที่การศึกษาประถมศึกษาสุรินทร์ เขต 3 ส านักงานคณะกรรมการการศึกษา ข้นัพ้ืนฐาน 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 2.1 แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงัเรียน 2.2 แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม 3. ข้นัตอนการสร้างเครื่องมือ 3.1 ศึกษาเอกสารหลักสูตรสถานศึกษา แนวคิดทฤษฎีการเรียนการสอน 3.2 ศึกษาปัญหาของนักเรียน วิเคราะห์ข้อมูลที่พบในการจัดการเรียนการสอน 3.3 ศึกษาเทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning 3.4 ศึกษาเทคนิคการจัดท าแบบฝึ กทักษะ เพื่อใหเ้หมาะสมกบัเน้ือหาและผเู้รียน 3.5 สร้างแบบทดสอบก่อนเรียนและหลงัเรียน 3.6 ประเมินผลนักเรียนโดยใช้แบบทดสอบก่อนใชแบบฝึ กทักษะ ้ คณิตศาสตร์ 3.67 ด าเนินการจัดกิจกรรมตามแผนการจัดการเรียนรู้ 3.8 ประเมินผลนักเรียนโดยใช้แบบทดสอบ หลังใช้ แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ การเกบ็รวบรวมข้อมูล ใชก้ารเก็บรวบรวมขอ้มูลในสถานการณ์จริงในช้นัเรียน โดยใชแบบทดสอบวัดผล ้ สัมฤทธิ์ ทางการเรียน ก่อนและหลงัการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะ คณิตศาสตร์เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม และสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียน ระหว่างจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การวิเคราะห์ข้อมูล ขอ้มูลที่รวบรวมไดจ้ากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน น ามาวิเคราะห์ หาค่าเฉลี่ย( )และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) แล้วเปรียบเทียบคะแนนความก้าวหน้าของนักเรียน แต่ละคน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ขอ้มูลทวั่ ไปของกลุ่มที่ศึกษา คือ เป็นนกัเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่5 ท้งัหมดรวม 30 คน มีการทดสอบวดัผลสัมฤทธ์ิก่อนเรียน แลว้จึงดา เนินการสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้โดยการ จัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม หลงัจากน้นัจึงทา การทดสอบวดัผลสัมฤทธ์ิหลงัเรียน แลว้จึงนา ผลมาเก็บรวบรวม ขอ้มูลก่อนเรียนและหลงัเรียนที่รวบรวมไดจ้ากเครื่องมือที่ผวู้ิจยัสร้างข้ึนมาจา แนกผลการเรียนรู้ดงัน้ี ตารางที่ แสดงค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของนักเรียนในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม การฝึก จำนวน นักเรียน ผลรวม X ค่าเฉลี่ย X ร้อยละ ค่า S.D ก่อนเรียน 30 คน 416 13.87 46.22 5.10 หลังเรียน 30 คน 638 21.27 70.89 5.21 จากตาราง สรุปได้ว่าการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ก่อนเรียนมี ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 13.87 หลังเรียนมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 21.27 จะเห็นได้ว่าคะแนนของค่าเฉลี่ยหลังเรียน มีค่ามากกวา่คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของก่อนเรียนมีค่าเท่ากบั5.10 ส่วนค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 5.21 แสดงว่าข้อมูลมีค่าคะแนนใกล้เคียงกัน สรุปผลการวิจัย การวิจยัคร้ังน้ีมีวตัถุประสงคเ์พื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่องการบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม โดยการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม สา หรับนกัเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่5 โรงเรียนไพล อ านวยวิทย์ พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหาร ทศนิยม ดีข้ึน
อภิปรายผล ผลการศึกษาคน้ควา้ในคร้ังน้ีปรากฏวา่ผลสัมฤทธ์ิการเรียนรู้ของนกัเรียนหลงัการจัดการเรียนรู้ แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหาร ทศนิยม มีคุณภาพและประสิทธิภาพอยา่งดียงิ่ดว้ยเหตุผลดงัต่อไปน้ี 1. แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม เป็ นแบบฝึกที่มี คุณภาพและประสิทธิภาพตามผลของการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว 2. แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม ชุดน้ี สร้างข้ึนอย่างถูกวิธีไดผ้่านข้นัตอนการสร้างและพัฒนาอย่างเป็นระบบ เริ่มต้งัแต่เอกสารหลักสูตรและ เอกสารที่เกี่ยวข้องในการใช้หลักสูตร และยังได้รับการแนะน า ข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญและมี ประสบการณ์ดา้นเน้ือหาการจดักิจกรรมการเรียนรู้ความเหมาะสมของเน้ือหา 3. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ส่งผลใหผ้เู้รียนเกิดการเรียนรู้ไดอ้ยา่งเหมาะสมกบัเน้ือหา 4. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ได้เรียงล าดับความยากง่ายสอดคล้องตามธรรมชาติการเรียนรู้ ท าให้เรียนรู้สึกว่าตนเองประสบความส าเร็จในการเรียนรู้ จึงสรุปได้ว่า การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม มีประสิทธิภาพอยา่งยงิ่สามารถนา ไปใชในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ้ ส่งผลให้ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนสูงข้ึน ข้อเสนอแนะ จากผลการศึกษาคน้ควา้คร้ังน้ีมีขอ้เสนอแนะเพื่อประโยชน์ต่อวงการศึกษาดงัน้ี 1. ก่อนนา แบบฝึ กทักษะไปใช้ประกอบการสอน ผู้สอนควรศึกษารายละเอียดของทุกกิจกรรม ก่อนนา ไปใช้ 2. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เรื่อง การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม ความสมบูรณ์ครูผู้สอนต้องใช้ควบคู่ไปกับแผนการจัดการเรียนรู้ที่ ผวู้ิจยัจดัทา ข้ึน จดักิจกรรมใหค้รบทุกข้นัตอน ตอ้งตรวจแบบฝึกอยา่งเป็นปัจจุบนั ให้ผเู้รียนรู้ผลทนัที พร้อมกบัเฉลยคา ตอบที่ถูกตอ้งใหผ้เู้รียนไดรู้้ทุกคร้ัง
ภาคผนวก
แบบบันทึกคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียน – หลังเรียน เรื่อง การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม นักเรียนชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 โรงเรียนไพลอ านวยวิทย์ เลขที่ ชื่อ - สกุล ก่อนเรียน หลังเรียน 30 คะแนน 30 คะแนน 1 เด็กชายกฤษฎา บุตรงาม 24 30 2 เด็กชายชลกร ทาจันทร์ 8 15 3 เด็กชายทวีทรัพย์ เอละกานุ 4 14 4 เด็กชายธนวัฒน์ อาสานอก 12 16 5 เด็กชายวีรวฒัน์ดาพวั่ 13 15 6 เด็กชายสุประกิจ ทองภู 16 20 7 เด็กชายสุเมธ เขื่องสตุ่ง 6 15 8 เด็กชายสุวัฒน์ อุบลเผื่อน 8 17 9 เด็กหญิงกนกกาญจน์ มุมทอง 21 26 10 เด็กหญิงณิชมล บุญจิ 19 29 11 เด็กหญิงธันยารัตน์ ตึดงาม 18 28 12 เด็กหญิงธัญพิชชา สวยรูป 13 17 13 เด็กหญิงปณิดา ขันทอง 13 18 14 เด็กหญิงปาริชาติ มุมทอง 14 20 15 เด็กหญิงพิดาทอง กระสังข์ 15 20 16 เด็กหญิงพิมพ์พิชชา เสนาะเสียง 5 18 17 เด็กหญิงพีชณิกา ม่วงวงค์ 16 25 18 เด็กหญิงพัชริดา บุญแน่น 22 27 19 เด็กหญิงเพ็ญพิชชา ชาวนา 9 15 20 เด็กหญิงมินตรา อุดมดัน 14 19 21 เด็กหญิงรจนา ธรรมดา 16 26 22 เด็กหญิงรัตนสุดา นานวล 17 25 23 เด็กหญิงรัชวินทร์ กระสังข์ 17 25 24 เด็กหญิงวรงค์พัทธ์ โยทาจันทร์ 16 27 25 เด็กหญิงศิริลักษณ์ ตึดงาม 17 26
เลขที่ ชื่อ - สกุล ก่อนเรียน หลังเรียน 30 คะแนน 30 คะแนน 26 เด็กหญิงสุวสา มะโนศรี 9 29 27 เด็กหญิงอรปรียา นานวน 8 14 28 เด็กหญิงอภิญญา บุตรดี 20 23 29 เด็กชายศุภากร สิงห์โตทอง 15 21 30 เด็กชายทยากร เนินทอง 11 18 เฉลี่ย 13.87 21.27 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 5.10 5.21 ร้อยละ 46.22 70.89
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ก่อนเรียน) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ช้ันประถมศึกษาปีที่5 หน่วยการเรียนรู้การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม *************************************************************************** ค าชี้แจง 1. ข้อสอบมีทั้งหมด 30 ข้อ (เวลา 30 นาที) 2. ให้ท าเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวเลือกที่ถูกที่สุดเพยีงข้อเดียว *************************************************************************** 1. 0.528 เขียนในรูปข้อความได้อย่างไร ก. 528 ส่วนใน 10 ส่วนเท่าๆ กัน ข. 528 ส่วนใน 100 ส่วนเท่าๆ กัน ค. 528 ส่วนใน 1,000 ส่วนเท่าๆ กัน ง. 0.528 ส่วนใน 1,000 ส่วนเท่าๆ กัน 2. 13.246 อ่านให้ถูกต้องว่าอย่างไร ก. หนึ่งสามจุดสองสี่หก ข. สิบสามจุดสองร้อยสี่สิบหก ค. สิบสามจุดสองสี่หก ง. หนึ่งสามจุดสองร้อยสี่สิบหก 3. 1,000 83 เขียนในรูปทศนิยมได้อย่างไร ก. 0.83 ข. 0.0083 ค. 0.083 ง. 0.00083 4. 164.052 เลขโดดที่ขีดเส้นใต้อยู่ในหลักใด ก. หลักหน่วย ข. หลักส่วนสิบ ค. หลักส่วนร้อย ง. หลักส่วนพัน 5. 92.998 เลขโดดที่ขีดเส้นใต้มีค่าเท่าใด ก. 2 ข. 0.2 ค. 0.02 ง. 0.002
6. 428.152 เลขโดดที่ขีดเส้นใต้อยู่ในหลักใดและมีค่าเท่าใด ก. 1 อยู่ในหลักหน่วย มีค่า 1 ข. 1 อยู่ในหลักส่วนร้อย มีค่า 0.01 ค. 1 อยู่ในหลักส่วนสิบ มีค่า 0.1 ง. 1 อยู่ในหลักส่วนพัน มีค่า 0.001 7. จากจ านวนที่ก าหนดให้ 425.769 เลข 5 มีค่าเท่าใด ก. 5 ข. 0.5 ค. 50 ง. 0.05 8. 10 + 9 + 0.9 + 0.04 คือข้อใด ก. 1.94 ข. 1.994 ค. 19.04 ง. 19.94 9. 32.986 เขียนในรูปกระจายได้ตามข้อใด ก. 30 + 2 + 0.9+ 0.8 + 0.06 ข. 30 + 0.2 + 9+ 0.08 + 0.006 ค. 30 + 2 + 0.9+ 0.08 + 0.006 ง. 30 + 2 + 0.9+ 0.06 + 0.008 10. 4.2358 ค่าประมาณทศนิยมสามต าแหน่งคือในข้อใด ก. 4.236 ข. 4.235 ค. 4.234 ง. 4.233 11. ข้อใดเรียงล าดับจากค่ามากที่สุดไปหาน้อยที่สุดได้ถูกต้อง ก. 0.001 0.102 0.021 0.012 ข. 0.021 0.102 0.012 0.001 ค. 0.012 0.001 0.102 0.021 ง. 0.102 0.021 0.012 0.001 12. 0.23 0.023 ควรเติมเครื่องหมายในข้อใด ก. < ข. > ค. = ง. ≠ ......
13. 8.098 เขียนในรูปเศษส่วนได้ตามข้อใด ก. 1,000 98 ข. 1,000 809 ค. 1,000 8,098 ง. 1,000 898 14. 1,000 11 5 เขียนในรูปทศนิยมได้ตามข้อใด ก. 5.110 ข. 5.111 ค. 5.101 ง. 5.011 15. 1,000 879 เขียนในรูปทศนิยมได้ตามข้อใด ก. 0.789 ข. 0.978 ค. 0.879 ง. 0.897 16. 4.556 คือค าตอบของผลบวกทศนิยมข้อใด ก. 1.930 + 2.623 ข. 1.930 + 2.624 ค. 1.930 + 2.625 ง. 1.930 + 2.626 17. 2.467 + 2.48 = ก. 3.947 ข. 3.974 ค. 4.947 ง. 4.974 18. 9.115 – 0.327 = ก. 8.786 ข. 8.787 ค. 8.788 ง. 8.789 19. 6.93 0.33 = ก. 20 ข. 21 ค. 22 ง. 23
20. 642.09 2.7 = ก. 1,733.643 ข. 1,733.644 ค. 1,733.645 ง. 1,733.646 21. 283.29 คือค าตอบของผลคูณทศนิยมข้อใด ก. 39.9 7.2 ข. 38.9 7.2 ค. 39.9 7.1 ง. 38.9 7.1 22. 0.583 เขียนในรูปเศษส่วนได้ตามข้อใด ก. 100 583 ข. 100 385 ค. 1,000 583 ง. 1,000 385 23. 6.452 เขียนในรูปเศษส่วนได้ตามข้อใด ก. 100 425 6 ข. 100 452 6 ค. 1,000 425 6 ง. 1,000 452 6 24. (18.19 2.6) – (46.44 7.2) = ก. 39.834 ข. 40.844 ค. 41.844 ง. 42.844 25. 1.345 + (0.367 46) = ก. 15.277 ข. 16.277 ค. 17.277 ง. 18.277 26. (4.69 1.2) – 3.96 = ก. 1.668 ข. 1.669 ค. 1.670 ง. 1.672
27. รถวิ่งไดร้ะยะทาง 645.5 กิโลเมตร ในเวลา 5 ชวั่โมงแสดงวา่รถจะวิ่งดว้ยความเร็ว ชวั่โมงละกี่กิโลเมตร ก. 645.5 – 5 = ข. 645.5 + 5 = ค. 645.5 5 = ง. 645.5 5 = 28. สมศรีสมรักษ์และสมใจ ชงั่น้า หนกัรวมกนัได้184.4 กิโลกรัม สมรักษ์หนักเป็ น 2 เท่า ของสมศรี สมศรีหนัก 42.6 กิโลกรัม สมใจจะมีน้า หนกัเท่าไร ก. 56.4 กิโลกรัม ข. 56.5 กิโลกรัม ค. 56.6 กิโลกรัม ง. 56.7 กิโลกรัม 29. ริบบิ้นสีแดงยาว0.83 เมตรริบบิ้นสีขาวยาวเป็น 4 เท่าของสีแดงริบบิ้นสีชมพูยาวเป็น 0.75 เท่า ของสีขาวริบบิ้นสีชมพูยาวกี่เมตร ก. 2.29 เมตร ข. 2.39 เมตร ค. 2.49 เมตร ง. 2.59 เมตร 30. แม่คา้มีถวั่ลิสง 76 กิโลกรัม แบ่งเป็ นกองๆ ละ 4 กิโลกรัม แล้วน าไปขาย กองละ 30.75 บาท ถ้าขายหมดจะได้เงินกี่บาท ก. 584.25 บาท ข. 584.50 บาท ค. 548.50 บาท ง. 554.25 บาท ***************************************************************************
เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ช้ันประถมศึกษาปีที่5 หน่วยการเรียนรู้การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม ข้อที่ ตอบ ข้อที่ ตอบ 1 ค 16 ง 2 ค 17 ค 3 ค 18 ค 4 ข 19 ข 5 ก 20 ก 6 ค 21 ค 7 ก 22 ค 8 ง 23 ง 9 ค 24 ข 10 ก 25 ง 11 ง 26 ก 12 ข 27 ง 13 ค 28 ค 14 ง 29 ค 15 ค 30 ก
แบบทดสอบหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ช้ันประถมศึกษาปีที่5 หน่วยการเรียนรู้การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม *************************************************************************** ค าชี้แจง 1. ข้อสอบมีทั้งหมด 30 ข้อ (เวลา 30 นาที) 2. ให้ท าเครื่องหมายกากบาท (X) ทับตัวเลือกที่ถูกที่สุดเพยีงข้อเดียว *************************************************************************** 1. จากจ านวนที่ก าหนดให้ 425.769 เลข 5 มีค่าเท่าใด ก. 5 ข. 0.5 ค. 50 ง. 0.05 2. 10 + 9 + 0.9 + 0.04 คือข้อใด ก. 1.94 ข. 1.994 ค. 19.04 ง. 19.94 3. 32.986 เขียนในรูปกระจายได้ตามข้อใด ก. 30 + 2 + 0.9+ 0.8 + 0.06 ข. 30 + 0.2 + 9+ 0.08 + 0.006 ค. 30 + 2 + 0.9+ 0.08 + 0.006 ง. 30 + 2 + 0.9+ 0.06 + 0.008 4. 4.2358 ค่าประมาณทศนิยมสามต าแหน่งคือในข้อใด ก. 4.236 ข. 4.235 ค. 4.234 ง. 4.233 5. ข้อใดเรียงล าดับจากค่ามากที่สุดไปหาน้อยที่สุดได้ถูกต้อง ก. 0.001 0.102 0.021 0.012 ข. 0.021 0.102 0.012 0.001 ค. 0.012 0.001 0.102 0.021 ง. 0.102 0.021 0.012 0.001
6. 0.23 0.023 ควรเติมเครื่องหมายในข้อใด ก. < ข. > ค. = ง. ≠ 7. 8.098 เขียนในรูปเศษส่วนได้ตามข้อใด ก. 1,000 98 ข. 1,000 809 ค. 1,000 8,098 ง. 1,000 898 8. 1,000 11 5 เขียนในรูปทศนิยมได้ตามข้อใด ก. 5.110 ข. 5.111 ค. 5.101 ง. 5.011 9. 1,000 879 เขียนในรูปทศนิยมได้ตามข้อใด ก. 0.789 ข. 0.978 ค. 0.879 ง. 0.897 10. 4.556 คือค าตอบของผลบวกทศนิยมข้อใด ก. 1.930 + 2.623 ข. 1.930 + 2.624 ค. 1.930 + 2.625 ง. 1.930 + 2.626 11. 2.467 + 2.48 = ก. 3.947 ข. 3.974 ค. 4.947 ง. 4.974 12. 9.115 – 0.327 = ก. 8.786 ข. 8.787 ค. 8.788 ง. 8.789 ......
13. 6.93 0.33 = ก. 20 ข. 21 ค. 22 ง. 23 14. 642.09 2.7 = ก. 1,733.643 ข. 1,733.644 ค. 1,733.645 ง. 1,733.646 15. 13.246 อ่านให้ถูกต้องว่าอย่างไร ก. หนึ่งสามจุดสองสี่หก ข. สิบสามจุดสองร้อยสี่สิบหก ค. สิบสามจุดสองสี่หก ง. หนึ่งสามจุดสองร้อยสี่สิบหก 16. 0.528 เขียนในรูปข้อความได้อย่างไร ก. 528 ส่วนใน 10 ส่วนเท่าๆ กัน ข. 528 ส่วนใน 100 ส่วนเท่าๆ กัน ค. 528 ส่วนใน 1,000 ส่วนเท่าๆ กัน ง. 0.528 ส่วนใน 1,000 ส่วนเท่าๆ กัน 17. 1,000 83 เขียนในรูปทศนิยมได้อย่างไร ก. 0.83 ข. 0.0083 ค. 0.083 ง. 0.00083 18. 164.052 เลขโดดที่ขีดเส้นใต้อยู่ในหลักใด ก. หลักหน่วย ข. หลักส่วนสิบ ค. หลักส่วนร้อย ง. หลักส่วนพัน 19. 92.998 เลขโดดที่ขีดเส้นใต้มีค่าเท่าใด ก. 2 ข. 0.2 ค. 0.02 ง. 0.002
20. 428.152 เลขโดดที่ขีดเส้นใต้อยู่ในหลักใดและมีค่าเท่าใด ก. 1 อยู่ในหลักหน่วย มีค่า 1 ข. 1 อยู่ในหลักส่วนร้อย มีค่า 0.01 ค. 1 อยู่ในหลักส่วนสิบ มีค่า 0.1 ง. 1 อยู่ในหลักส่วนพัน มีค่า 0.001 21. 283.29 คือค าตอบของผลคูณทศนิยมข้อใด ก. 39.9 7.2 ข. 38.9 7.2 ค. 39.9 7.1 ง. 38.9 7.1 22. 0.583 เขียนในรูปเศษส่วนได้ตามข้อใด ก. 100 583 ข. 100 385 ค. 1,000 583 ง. 1,000 385 23. 6.452 เขียนในรูปเศษส่วนได้ตามข้อใด ก. 100 425 6 ข. 100 452 6 ค. 1,000 425 6 ง. 1,000 452 6 24. (18.19 2.6) – (46.44 7.2) = ก. 39.834 ข. 40.844 ค. 41.844 ง. 42.844 25. 1.345 + (0.367 46) = ก. 15.277 ข. 16.277 ค. 17.277 ง. 18.277 26. (4.69 1.2) – 3.96 = ก. 1.668 ข. 1.669 ค. 1.670 ง. 1.672
27. สมศรีสมรักษ์และสมใจ ชงั่น้า หนกัรวมกนัได้184.4 กิโลกรัม สมรักษ์หนักเป็ น 2 เท่า ของสมศรี สมศรีหนัก 42.6 กิโลกรัม สมใจจะมีน้า หนกัเท่าไร ก. 56.4 กิโลกรัม ข. 56.5 กิโลกรัม ค. 56.6 กิโลกรัม ง. 56.7 กิโลกรัม 28. ริบบิ้นสีแดงยาว0.83 เมตรริบบิ้นสีขาวยาวเป็น 4 เท่าของสีแดงริบบิ้นสีชมพูยาวเป็น 0.75 เท่า ของสีขาวริบบิ้นสีชมพูยาวกี่เมตร ก. 2.29 เมตร ข. 2.39 เมตร ค. 2.49 เมตร ง. 2.59 เมตร 29. แม่คา้มีถวั่ลิสง 76 กิโลกรัม แบ่งเป็นกองๆ ละ4กิโลกรัม แลว้นา ไปขายกองละ30.75 บาท ถ้าขายหมดจะได้เงินกี่บาท ก. 584.25 บาท ข. 584.50 บาท ค. 548.50 บาท ง. 554.25 บาท 30. รถวิ่งไดร้ะยะทาง 645.5 กิโลเมตร ในเวลา 5 ชวั่โมงแสดงวา่รถจะวิ่งดว้ยความเร็วชวั่โมงละ กี่กิโลเมตร ก. 645.5 – 5 = ข. 645.5 +5 = ค. 645.5 5 = ง. 645.5 5 = ***************************************************************************
เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ช้ันประถมศึกษาปีที่5 หน่วยการเรียนรู้การบวกการลบ การคูณ และการหารทศนิยม ข้อที่ ตอบ ข้อที่ ตอบ 1 ก 16 ค 2 ง 17 ค 3 ค 18 ข 4 ก 19 ก 5 ง 20 ค 6 ข 21 ค 7 ค 22 ค 8 ง 23 ง 9 ค 24 ข 10 ง 25 ง 11 ค 26 ก 12 ค 27 ค 13 ข 28 ค 14 ก 29 ก 15 ค 30 ง
ตัวอย่างแบบฝึกทักษะ เล่มที่ 1
ตัวอย่างแผนการจัดการเรียนรู้แผนที่ 1
แผนการจัดการเรียนรู้ที่1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 5 หน่วยการเรียนรู้ การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม เวลา 17 ชั่วโมง เรื่อง การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง เวลา 2 ชั่วโมง --------------------------------------------------------------------------------------------------------------- 1. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจ านวนระบบจ านวนการด าเนินการของ จา นวนผลที่เกิดข้ึนจากการดา เนินการสมบตัิของการดา เนินการและนา ไปใช้ ตัวชี้วัด ค 1.1 ป.5/6 หาผลคูณของทศนิยมที่ผลคูณเป็ นทศนิยมไม่เกิน 3 ต าแหน่ง ค 1.1 ป.5/7 หาผลหารที่ตวัต้งัเป็นจา นวนนบัหรือทศนิยมไม่เกิน 3 ตา แหน่ง และตวัหารเป็น จ านวนนับ ผลหารเป็ นทศนิยมไม่เกิน 3 ต าแหน่ง ค 1.1 ป.5/8 แสดงวิธีหาค าตอบของโจทย์ปัญหาการบวก การลบ การคูณการหารทศนิยม 2 ข้นัตอน 2. สาระส าคัญ การบวกทศนิยมสามต าแหน่ง ใช้หลักการเดียวกับการบวกทศนิยมสองต าแหน่ง คือบวกจ านวนในหลักเดียวกันเข้าด้วยกัน 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ เมื่อก าหนดโจทย์การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งให้ นักเรียนสามารถแสดงวิธีท าและหา ค าตอบได้ 3.2 ด้านทักษะ/กระบวนการ เมื่อก าหนดโจทย์การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งให้ นักเรียนสามารถอธิบายเหตุผลใน การหาค าตอบได้ 3.3 ด้านคุณลกัษณะอนัพงึประสงค์ นักเรียนมีความซื่อสัตย์ สุจริตในการท างาน 4. สมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ความสามารถในการคิด 5. สาระการเรียนรู้ การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง
เช่น 22.102 + 4.325 = วิธีท า 22.102 4.325 26.427 6. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 นกัเรียนทา แบบทดสอบวดัผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน (ก่อนเรียน) ชั่วโมงที่ 2 6.1 ขั้นน า 1. ครูแนะน าการใช้แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เล่มที่ 1 “การบวกทศนิยมไม่เกิน สามตา แหน่ง” ตามลา ดบัข้นัตอน ดงัน้ี 1. อ่านคา ช้ีแจง 2. อ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ให้เข้าใจ 3. ศึกษาคา อธิบายเน้ือหา และตวัอยา่งของแบบฝึกทกัษะอยา่งต้งัใจ 4. ท าแบบฝึ กทักษะตามล าดับให้ครบทุกแบบฝึ ก 5. ท าแบบทดสอบหลังเรียน 2. ครูติดบัตรทศนิยมสองต าแหน่งบนกระดาน 1 บัตร เช่น 7.53 ให้นักเรียนสร้างโจทย์การบวกทศนิยมที่ได้ค าตอบเท่ากับจ านวนที่ครูติดบนกระดานคนละ 1 ข้อ โดยเขียนในกระดาษที่ครูแจกให้จากน้นั ใหน้กัเรียนที่สร้างโจทยเ์สร็จเรียบร้อยนา กระดาษออกมาติดบน กระดาน จ านวน 10 คน โดยเรียงตามล าดับความรวดเร็ว นักเรียนและครูร่วมกันตรวจสอบความ ถูกต้อง ร่วมกันกล่าวค าชมเชยนักเรียนที่สร้างโจทย์การบวกได้ถูกต้อง 6.2 ขั้นสอน 1. ครูติดบตัรโจทยก์ารบวกทศนิยมสามตา แหน่งที่ไม่มีการทดบนกระดาน ดงัน้ี 2. ครูต้งัคา ถามวา่“นกัเรียนจะสามารถหาผลบวกไดอ้ยา่งไร” ใหน้กัเรียนร่วมกนัแสดง ความคิดเห็น โดยยกมือข้ึนตอบทีละคน เช่น เขียนตวัเลขใหห้ลกัตรงกนัและจุดทศนิยมตรงกนั จากน้นับวกจา นวนที่อยใู่นหลกัเดียวกนัเขา้ดว้ยกนัและใส่จุดทศนิยมใหต้รงกบัตา แหน่งในแนวเดิม 2.154 + 3.521 = +
3. นกัเรียนและครูร่วมกนัแสดงวิธีการหาผลบวกบนกระดาน โดยครูอธิบายประกอบ ดงัน้ี ขั้นที่ 1 เขียนตวัเลขใหห้ลกัตรงกนัและจุดทศนิยมตรงกนัดงัน้ี 2.154 3.521 ขั้นที่ 2 บวกจ านวนที่อยู่ในหลักเดียวกันเข้าด้วยกันและใส่จุดทศนิยมให้ตรงกับต าแหน่งใน แนวเดิม 2.154 3.521 5.675 ดงัน้นั 2.154 + 3.521 = 5.675 4. นกัเรียนและครูร่วมกนัตรวจสอบผลบวกที่ไดว้า่สมเหตุสมผลหรือไม่ดงัน้ี “เพราะ 2 + 3 = 5 และ 0.154 + 0.521 มีค่าน้อยกว่า 1 ดงัน้นัผลบวกที่ไดค้วรมากกวา่ 5 แต่ น้อยกว่า 6” เป็ นต้น 5. ครูติดบัตรโจทย์การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งที่มีการทดบนกระดาน เช่น 6.851 + 2.862 = นักเรียนช่วยกันอภิปรายวิธีหาผลบวก โดยอาสาสมัครนักเรียนออกมา เขียนแสดงวิธีการหาผลบวกบนกระดาน 2 -3 คน ครูให้ค าแนะน าอย่างใกล้ชิด 6. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกบัวิธีการหาผลบวกทศนิยมไม่เกินสามตา แหน่งที่มีการทด พร้อมกบั ยกตวัอยา่งประกอบบนกระดาน ดงัน้ี ข้นัที่ 1 เขียนตัวเลขให้หลักตรงกันและจุดทศนิยมตรงกัน ข้นัที่ 2 บวกจา นวนที่อยใู่นหลกัเดียวกนัเขา้ดว้ยกนั โดยบวกทีละหลกัเริ่มจากหลกั ส่วนพัน ส่วนร้อยและส่วนสิบตามล าดับ ข้นัที่ 3 ถ้าผลบวกในหลักในครบสิบ ให้ทดจ านวนที่ครบสิบไปหลักถัดไปทางซ้าย เช่นเดียวกับการบวกจ านวนนับ ตัวอย่าง วิธีท า 3.954 3.708 7.662 ตอบ ๗.๖๖๒ + 1 1 1 3.954 + 3.708 = + 1 1 1 +
7. นกัเรียนและครูร่วมกนัตรวจสอบความสมเหตุสมผลของผลบวกที่ได้ดงัน้ี “เพราะ 3 + 3 = 6 และ 0.954 + 0.708 มีค่ามากกว่า 1 ดงัน้นัผลบวกที่ไดค้วรมากกวา่ 7 แต่ น้อยกว่า 8” เป็ นต้น 8. นักเรียนร่วมกันศึกษาตัวอย่าง การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง ในแบบฝึ กทักษะ คณิตศาสตร์ เล่มที่ 3 การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง หน้า 6 -9 9. ครูยกตัวอย่างการบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งที่มีการทด อีก 2 - 3 ตัวอย่าง ให้นักเรียนช่วยกันแสดงวิธีหาผลบวก เช่น 6.3 ข้ันสรุป 1. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปว่า การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง ใช้หลัก การเดียวกับการบวกทศนิยมสองต าแหน่ง คือบวกจ านวนในหลักเดียวกันเข้าด้วยกัน ถ้าผลบวกในหลัก ใดครบสิบ ให้ทดจ านวนที่ครบสิบไปหลักถัดไปทางซ้าย เช่นเดียวกับการบวกจ านวนนับ 6.4 ขั้นฝึ กทักษะ / ภาระงาน / ชิ้นงาน 1. นักเรียนท าแบบฝึ กทักษะที่ 1 และแบบฝึ กทักษะที่ 2 ในแบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์ เล่มที่ 1 การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง ขณะที่นักเรียนท าแบบฝึ กทักษะครูคอยดูแล ให้ค าแนะน า ช่วยเหลือ สังเกตพฤติกรรม เพื่อประเมินด้านทักษะกระบวนการด้านคุณลักษณะ อันพึงประสงค์และสมรรถนะที่ส าคัญของผู้เรียน 2. นักเรียนท าแบบทดสอบหลังเรียน เล่มที่ 1 การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง 3. ขณะที่นักเรียนท าแบบฝึ กทักษะ ครูสังเกตความซื่อสัตย์ สุจริตในการท างาน 4. เมื่อนักเรียนท าแบบฝึ กทักษะเสร็จเรียบร้อยแล้วให้น าส่งครูเพื่อตรวจและบันทึกคะแนน 7. สื่อ/อุปกรณ์/เครื่องมือและแหล่งเรียนรู้ 1. บัตรโจทย์การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง 2. แบบฝึ กทักษะคณิตศาสตร์เล่มที่ 1 การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง 12.068 + 5.528 = 4.274 + 2.19 = 27.38 + 2.265 =
8. การวัดและประเมินผล ประเด็นที่ต้องวัดและ ประเมินผล วิธีวัด เครื่องมือวัด เกณฑ์การผ่าน 1. ด้านความรู้ เมื่อก าหนดโจทย์การบวก ทศนิยมไม่เกินสาม ต าแหน่งให้ นักเรียน สามารถแสดงวิธีท าและ หาค าตอบได้ 1.ตรวจแบบฝึ กทักษะ ที่ 1 - 2 2.ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน 1.แบบฝึ กทักษะ ที่ 1 - 2 2.แบบทดสอบหลัง หลังเรียน นักเรียนได้คะแนนจาก การท าแบบฝึ กทักษะ และแบบทดสอบ หลังเรียนโดยเฉลี่ย ร้อยละ 80 ข้ึนไป 2. ด้านทักษะ/กระบวนการ เมื่อก าหนดโจทย์การบวก ทศนิยมไม่เกินสาม ต าแหน่งให้ นักเรียน สามารถอธิบายเหตุผลใน การหาค าตอบได้ ประเมินการให้เหตุผล แบบประเมิน การให้เหตุผล ได้ระดับคุณภาพ 2 ข้ึนไป 3. ด้านคุณลกัษณะอนัพงึ ประสงค์ นักเรียนมีความซื่อสัตย์ สุจริต ในการท างาน สังเกตพฤติกรรม ความซื่อสัตย์ สุจริต ในการท างาน แบบสังเกต พฤติกรรม ความซื่อสัตย์ สุจริตใน การท างาน ได้ระดับคุณภาพ 2 ข้ึนไป 4. ด้านสมรรถนะส าคัญ ของผู้เรียน นักเรียนมีความสามารถ ในการคิด ประเมินความสามารถ ในการคิด แบบประเมิน ความสามารถ ในการคิด ได้ระดับคุณภาพ 2 ข้ึนไป
9. ความคิดเห็นของผู้บริหาร ได้ตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ หน่วยการเรียนรู้ การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม มีความเห็นดงัน้ี 1. องค์ประกอบของแผนการจัดการเรียนรู้ครบถ้วน ( ✓ ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ควรปรับปรุง 2. สอดคลอ้งกบัมาตรฐานการเรียนรู้/ ตวัช้ีวดั ( ✓ ) สอดคล้องครอบคุลม ( ) ไม่สอดคล้องไม่ครอบคลุม 3. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ได้เหมาะสม เน้นผู้เรียนเป็ นส าคัญ ( ✓ ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ควรปรับปรุง 4. การใช้สื่อและนวัตกรรมที่หลากหลายและเหมาะสม ( ✓ ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ควรปรับปรุง 5. การวัดผลประเมินผลเหมาะสม ( ✓ ) ดีมาก ( ) ดี ( ) พอใช้ ( ) ควรปรับปรุง ข้อเสนอแนะอื่นๆ ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ลงชื่อ (นายทิศ ซ่อนจันทร์) ผู้อ านวยการโรงเรียนไพลอ านวยวิทย์
10. บันทึกผลหลังสอน 10.1 ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ นักเรียนมีความรู้เกี่ยวกับการบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง สามารถท าแบบฝึ กทักษะ ได้คะแนนโดยเฉลี่ยร้อยละ 87.01 และแบบทดสอบหลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 83.33 ด้านทักษะกระบวนการ นักเรียนมีทักษะกระบวนการโดยรวมอยู่ในระดับคุณภาพ 3 ด้านคุณลกัษณะอนัพงึประสงค์ นักเรียนมีความซื่อสัตย์ สุจริตในการท างานโดยรวมอยู่ในระดับคุณภาพ 3 ด้านสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน นักเรียนมีความความสามารถในการคิดโดยรวมอยู่ในระดับคุณภาพ 3 10.2 ปัญหา/อุปสรรคและแนวทางแก้ไข ……………………………………...……………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………...…… ……………………………………...……………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………... ลงชื่อ................................................... ครูผู้สอน (นางสาวณัฐกานต์ เสาวคนธ์) ต าแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูช านาญการพิเศษ
ผลการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การบวก การลบ การคูณและการหารทศนิยม เลขที่ ชื่อ - สกุล รายการ แบบฝึ กทักษะ ทดสอบหลังเรียน ระดับ ค ณุภาพ การให้เห ต ผุล ระดับ ค ณุภาพ ค วาม ซื่อ สัต ย์ส จุริ ต ความสามารถในด้าน การคิด ( 29 ) ( 10 ) 3 3 3 1 เด็กชายกฤษฎา บุตรงาม 29 10 3 3 3 2 เด็กชายชลกร ทาจันทร์ 25 7 3 3 3 3 เด็กชายทวีทรัพย์ เอละกานุ 24 7 3 3 3 4 เด็กชายธนวัฒน์ อาสานอก 22 9 3 3 3 5 เด็กชายวีรวฒัน์ดาพวั่ 23 8 3 3 3 6 เด็กชายสุประกิจ ทองภู 26 7 3 3 3 7 เด็กชายสุเมธ เขื่องสตุ่ง 26 7 3 3 3 8 เด็กชายสุวัฒน์ อุบลเผื่อน 28 7 3 3 3 9 เด็กหญิงกนกกาญจน์ มุมทอง 21 8 3 3 3 10 เด็กหญิงณิชมล บุญจิ 26 10 3 3 3 11 เด็กหญิงธันยารัตน์ ตึดงาม 28 10 3 3 3 12 เด็กหญิงธัญพิชชา สวยรูป 23 7 3 3 3 13 เด็กหญิงปณิดา ขันทอง 23 8 3 3 3 14 เด็กหญิงปาริชาติ มุมทอง 24 8 3 3 3 15 เด็กหญิงพิดาทอง กระสังข์ 25 8 3 3 3 16 เด็กหญิงพิมพ์พิชชา เสนาะเสียง 25 9 3 3 3 17 เด็กหญิงพีชณิกา ม่วงวงค์ 26 10 3 3 3 18 เด็กหญิงพัชริดา บุญแน่น 25 9 3 3 3 19 เด็กหญิงเพ็ญพิชชา ชาวนา 26 8 3 3 3 20 เด็กหญิงมินตรา อุดมดัน 27 9 3 3 3 21 เด็กหญิงรจนา ธรรมดา 28 9 3 3 3
เลขที่ ชื่อ - สกุล รายการ แบบฝึ กทักษะ ทดสอบหลังเรียน ระดับ ค ณุภาพ การให้เห ต ผุล ระดับ ค ณุภาพ ค วาม ซื่อ สัต ย์ส จุริ ต ความสามารถในด้าน การคิด ( 29 ) ( 10 ) 3 3 3 22 เด็กหญิงรัตนสุดา นานวล 27 9 3 3 3 23 เด็กหญิงรัชวินทร์ กระสังข์ 27 9 3 3 3 24 เด็กหญิงวรงค์พัทธ์ โยทาจันทร์ 26 9 3 3 3 25 เด็กหญิงศิริลักษณ์ ตึดงาม 27 10 3 3 3 26 เด็กหญิงสุวสา มะโนศรี 25 7 3 3 3 27 เด็กหญิงอรปรียา นานวน 23 8 3 3 3 28 เด็กหญิงอภิญญา บุตรดี 25 8 3 3 3 29 เด็กชายศุภากร สิงห์โตทอง 24 7 3 3 3 30 เด็กชายทยากร เนินทอง 23 8 3 3 3 รวม 757 250 90 90 90 เฉลี่ยร้อยละ 87.01 83.33 100.00 100.00 100.00 เกณฑ์การประเมิน นักเรียนได้คะแนนจากการท าแบบฝึ กทักษะและแบบทดสอบหลังเรียนโดยเฉลี่ย ร้อยละ 80 ข้ึนไป ถือวา่ผา่นเกณฑ์ นักเรียนได้ระดับคุณภาพการให้เหตุผล ความซื่อสัตย์ สุจริตในการท างาน ความสามารถใน ด้านการคิดและสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ระดับ 2 ข้ึนไป ถือวา่ผา่นเกณฑ์
เกณฑ์การประเมิน ด้านทักษะกระบวนการ ให้เหตุผลในการหาค าตอบของการบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่ง ระดับคุณภาพ คุณลกัษณะที่ปรากฏให้เห็น 3 ดีมาก แสดงวิธีการหาคา ตอบเป็นข้นัตอนไดอ้ยา่งสมเหตุสมผล และค าตอบเกี่ยวกับการบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งถูกต้อง 2 ดี แสดงวิธีการหาคา ตอบเป็นข้นัตอนไดถู้กตอ้ง แต่คา ตอบเกี่ยวกบั การบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งไม่ถูกต้อง 1 พอใช้ แสดงวิธีการคิดและหาค าตอบเกี่ยวกับการบวกทศนิยมไม่เกิน สามต าแหน่งไม่ถูกต้อง ด้านคุณลกัษณะอนัพงึประสงค์ความซื่อสัตย์สุจริตในการท างาน ระดับคุณภาพ คุณลกัษณะที่ปรากฏให้เห็น 3 ดีมาก ปฏิบตัิตนต่อตนเองและผอู้ื่นดว้ยความซื่อตรง ท้งักาย วาจาและใจ มีความละอาย และเกรงกลัวต่อการกระท าผิดอยู่เสมอ 2 ดี ปฏิบตัิตนต่อตนเองและผอู้ื่นดว้ยความซื่อตรง ท้งักาย วาจาและใจ มีความละอาย และเกรงกลัวต่อการกระท าผิดเป็ นส่วนใหญ่ 1 พอใช้ ปฏิบตัิตนต่อตนเองและผอู้ื่นดว้ยความซื่อตรง ท้งักาย วาจาและใจ มีความละอาย และเกรงกลวัต่อการกระทา ผิดอยเู่ป็นบางคร้ัง ต้องอาศัยการแนะน า
ด้านสมรรถนะส าคัญของผู้เรียน ความสามารถในด้านการคิด ระดับคุณภาพ คุณลกัษณะที่ปรากฏให้เห็น 3 ดีมาก แสดงวิธีการคิดหาคา ตอบเป็นข้นัตอนและคา ตอบเกี่ยวกบัการบวก ทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งถูกต้อง 2 ดี แสดงวิธีการคิดหาคา ตอบเป็นข้นัตอนได้แต่คา ตอบเกี่ยวกบัการบวก ทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งไม่ถูกต้อง 1 พอใช้ แสดงวิธีการคิดเกี่ยวกับการบวกทศนิยมไม่เกินสามต าแหน่งไม่ได้ และค าตอบไม่ถูกต้อง เกณฑ์การประเมิน นักเรียนได้ระดับคุณภาพ 2 ข้ึนไป ถือวา่ผา่นเกณฑ์
บัตรโจทย์การบวกทศนิยม 2.154 + 3.521 = 3.954 + 3.708 = 12.068 + 5.528 = 4.274 + 2.19 = 27.38 + 2.265 =
ภาพกิจกรรม
บรรณานุกรม จ ารัส น้อยแสงสรี. คู่มือการศึกษาเทคนิคและวิธีสอนของครู.กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ ประสานมิตร, 2540. ไชยยศ เรืองสุวรรณ. Active Learning. ข่าวสารวิชาการ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประจ าเดือนพฤศจิกายน, ๒๕๕๓. ชัยวัฒน์ สุทธิรัตน์. 80 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ. พิษณุโลก : โปรแกรม 2550 ชัยพร รูปน้อย. คู่มือเกม.กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์, 2540. ณัชนัน แก้วชัยเจริญกิจ. บทบาทของครูผู้สอนในการจัดกจิกรรมและวิธีการปฏิบัติตาม แนวทางของ Active Learning. สืบค้นจาก http//www.kroobannok.com เมื่อ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๔. ดวงมน ปริปุณณะ. เทคนิคและวิธีสอนในระดับประถมศึกษา.กรุงเทพมหานคร : ไทยวัฒนาพานิช, 2547 ธีระพัฒน์ฤทธิ์ ทอง. 30 รูปแบบการจัดกจิกรรมโดยยึดผู้เรียนเป็นส าคัญ. กรุงเทพฯ : เฟื่ องฟ้า พริ้นติ้ง, 2545. นิรมล ชยุดลาหกิจ. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยยึดผู้เรียนเป็นส าคัญ.กรุงเทพมหานคร : ต้นอ้อ, 2544. ราชบัณฑิตยสถาน. พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2554. พิมพค์ร้ังที่2.กรุงเทพฯ : นานมีบุ๊คส์พบัลิเคชนั่, 2556. วรนุช บุปผา. แนวคิดในการสร้างแบบฝึ กทักษะ. กรุงเทพฯ :ธีรฟิ ล์ม และไซเท็กซ์, 2552. สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์(ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ัน พื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศ ไทยจ ากัด, 2560 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่5 ตามมาตรฐานและตัวชี้วัด กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลกัสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (พิมพ์ครั้งที่ 1). กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว, 2562
วิ จั ย ใ น ชั้ น เ รี ย น ประจ ำปีกำรศึกษำ ๒๕๖๕ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning โดยใช้แบบฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การบวก การลบ การคูณและการหารทศนิยม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5