ดาวฤกษ์ ด ษ์าวฤกษ์
สรุปได้ว่า ปัจจัยที่มีผลต่อความสว่างของดาวฤกษ์ คือ กำ ลังส่องสว่างเเละระยะห่างจากผู้สังเกตุ ถึงดาวฤกษ์ กำ ลังไฟฟ้า (W) ความสว่าง (lx) 25 340 60 362 100 602 ความส่องสว่างและโชติมาตรของดาวฤกษ์ ความส่องสว่าง คือ สมบัติหนึ่งของดาวฤกษ์ที่สามารถสังเกตได้ การที่เรามองเห็น ดาวฤกษ์บนท้องฟ้ามีความส่องสว่างเเตกต่างกัน เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสว่าง กรณีที่ 1 ความสว่างของหลอดไฟที่มีกำ ลังไฟฟ้าเเเตกต่างกัน กำ ลังไฟฟ้ามีผลต่อความสว่าง โดยกำ ลังไฟมากจะมีความสว่างมากเเละกำ ลังไฟฟ้า ที่น้อยจะมีความสว่างน้อย กรณีที่ 2 ความสว่างของหลอดไฟที่มีกำ ลังไฟฟ้าเท่ากันที่ระยะห่างต่างกัน กำ ลังไฟฟ้า (W) ระยะห่าง (cm) ความส่องสว่าง (lx) 60 50 75 100 125 362 207 159 122 ระยะทางมีผลต่อความสว่าง โดยเมื่อกำ ลังไฟฟ้าเท่ากัน ระยะห่างน้อยจะมีความ สว่างมากเเละระยะห่างมากจะมีความสว่างน้อย
โชติมาตร คือ การเปรียบเทียบความสว่างของดาวฤกษ์ ณ ตำ เเหน่งของผู้สังเกตหรืออันดับ ความสว่าง ซึ่งไม่มีหน่วย โดยดาวที่มีค่าโชติมาตรน้อยกว่าดาวฤกษ์ที่มีความส่องสว่างน้อย โชติมาตรปรากฏ คือ อันดับความส่องสว่างของดาวฤกษ์ที่สังเกตได้จากโลก โดยดาวที่มีค่า โชติมาตรปรากฎน้อยกว่าจะมีความส่องสว่างบนท้องฟ้ามากกว่าดาวที่มีค่าโชติมาตรปรากฎ มากกว่า สมการคำ นวณโชติมาตรปรากฏ m1 - m2 = -2.5log f1 f2 = 2.5log ^(m2-m1) f1 f2 m คือ อันดับความสว่าง f คือ ฟลักช์ของการส่องสว่าง โชติมาตรสัมบูรณ์ คือ อันดับความส่องสว่างของดาวฤกษ์ เมื่อพิจารณาให้ดาวฤกษ์ทุก ดวงอยู่ห่างจากโลก 10 pc เท่ากัน (ประมาณ 32.6 ปีเเสง) สมการคำ นวณโชติมาตรสัมบูรณ์ m1 - m2 = -2.5log d2 d1 2 m1 = m2 - 5logd2+5 m1 คือ ความส่องสว่างสัมบูรณ์ m2 คือ ความส่องสว่างปรากฏ d1 คือ ระยะห่างมาตรฐาน (10 pc) d2 คือ ระยะห่างระหว่างโลกกับดาวฤกษ์ (pc) เมื่อ เมื่อ
ดาว สี อุณหภูมิผิว โดยประมาณ (K) ชนิดสเปกตรัม ดาวเบเทลจุส ดาวปาริชาต (Antares) ดาวคาเพลลา (Capella) ดวงอาทิตย์ ดาวโพซิออน A (Procyon A) ดาวเวกา ดาวซิริอัส ดาวหัวใจสิงห์ ดาวไรเจล ดาวรวงข้าว ดาวอัลนีแทค (Alnitak) แดง แดง เหลือง เหลือง น้ำ เงินแกมเหลือง ขาว ขาว น้ำ เงินแกมขาว น้ำ เงินแกมขาว น้ำ เงินแกมขาว น้ำ เงิน 3,500 3,570 4,940 5,780 6,530 9,600 9,940 10,300 11,000 22,400 30,000 M M G G F A A B B B O สี อุณหภูมิผิวและชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์ จากตารางพบว่า ดาวฤกษ์ที่มีอุณหภูมิผิวมากที่สุด คือ ดาวฤกษ์ที่มีสีน้ำ เงินและมีสเปกตรัม ชนิด O ซึ่งอุณหภูมิผิวเป็นผลมากจากการผลิตพลังงานที่แก่นของดาวฤกษ์ โดยดาวฤกษ์ที่ผลิต พลังงานได้มากกว่าจะมีอุณหภูมิที่ผิวสูงกว่าดาวฤกษ์ที่ผลิตพลังงานได้น้อยกว่า และสีของ ดาวฤกษ์แต่ละดวงนั้นจะมีสีที่แตกต่างกัน โดยสีของดาวฤกษ์นั้นสัมพันธ์กับอุณหภูมิและ ชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์ จึงทำ ให้ดาวฤกษ์แต่ละดวงมีสี อุณหภูมิผิวและชนิดสเปกตรัม แตกต่างกัน
กำ เนิดดาวฤกษ์ 1) ภายในเนบิวบิลาประกอบด้วด้ยแก๊สก๊ซึ่ง ซึ่ กระจายตัวตัอยู่อยู่ ย่าย่งไม่สม่ม่ำ เสมอ มักมัรวมกลุ่มลุ่ อย่าย่ง หนาแน่นน่ทำ ให้มีห้แ มี รงโนมถ่วถ่งดึง ดึ ดูด ดู สสารที่อ ที่ ยู่โยู่ดยรอบเข้าข้มารวมกันกัและหมุนมุรอบตัวตัเอง ดาวฤกษ์ก่ ษ์ อก่นเกิดกิเป็น ป็ กลุ่มลุ่ สสารที่เ ที่ กิดกิการยุบยุตัวตัเป็น ป็ แผ่นผ่จาน ทำ ให้บห้ริเริวณดังดักล่าล่วมีค มี วาม หนาแน่นน่ความดันดัและอุณอุหภูมิ ภู สูมิง สู ขึ้น ขึ้ จนถึง ถึประมาณ 100,000 เคลวินวิ ดวงอาทิตทิย์ก่ ย์ อก่นเกิดกิมีต้ มี นต้กำ เนิดนิมาจากสสารยุบยุตัวตัลงบริเริวณใจกลางของเนบิวบิลาสุริสุยริะ 2) ดาวฤกษ์ก่ ษ์ อก่นเกิดกิมีก มี ารยุบยุตัวตัด้วด้ยแรงโน้มน้ถ่วถ่ง ทำ ให้แห้ก่นก่ของดาวมีค มี วามหนาแน่นน่ ความดันดัและอุณอุหภูมิ ภู สูมิง สู ขึ้น ขึ้ จนอุณอุหภูมิ ภู สูมิง สู ถึง ถึประมาณ 15,000,000 เคลวินวิทำ ให้เห้กิดกิ ปฏิกิฏิริกิยริาเทอร์ม ร์ อนิวนิเคลีย ลี ร์ เกิดกิการหลอมนิวนิเคลีย ลี สของไฮโดรเจนเป็น ป็ นิวนิเคลีย ลี สของฮีเ ฮี ลีย ลี ม โดยมวลสารบางส่วส่นของไฮโดรเจนกลายเป็น ป็ พลังลังานตามสมการ E = mc 2 พลังลังานนี้อ นี้ ยู่ใยู่ นรูป รู ของความร้อร้น คลื่น ลื่ แม่เม่หล็ก ล็ ไฟฟ้าฟ้และอนุภนุาคต่าต่ง ๆ ดังดันั้น นั้ ดาวฤกษ์ก่ ษ์ อก่นเกิดกิจึง จึ กลายเป็น ป็ ดาวฤกษ์ ซึ่ง ซึ่ ดาวฤกษ์แ ษ์ ต่ลต่ะดวงจะมีม มี วล แตกต่าต่งกันกัขึ้น ขึ้ อยู่กัยู่ บกัมวลของดาวฤกษ์ 3) ดาวฤกษ์ที่ ษ์ เ ที่ กิดกิขึ้น ขึ้ จะมีรู มีป รู ทรงกลมเพราะอยู่ใยู่ นสภาพสมดุลดุระหว่าว่งแรงดันดัเนื่อ นื่ งจาก ปฏิกิฏิริกิยริาเทอร์ม ร์ อนิวนิเคลีย ลี ร์กั ร์ บกัแรงดึง ดึ ดูด ดู เนื่อ นื่ งจากแรงโน้มน้ถ่วถ่งของมวลที่ปที่ ระกอบเป็น ป็ ดาวฤกษ์ ซึ่ง ซึ่ เรีย รี กสภาพสมดุลดุนี้ว่ นี้ าว่สมดุล ดุ อุท อุ กสถิตถิ (Hydrostatic equilibrium) ทำ ให้ดห้าวฤกษ์มี ษ์ มี เสถีย ถี รภาพ และปลดปล่อล่ยพลังลังานอย่าย่งต่อต่เนื่อ นื่ งเป็น ป็ เวลานานตลอดอายุขัยุยขัของดาวฤกษ์นั้ ษ์ น นั้
ดาวฤกษ์ (star) ดาวฤกษ์มวลน้อย (Low mass star) ดาวฤกษ์มวลมาก (High mass star) ดาวยักษ์แดง (red giant) เนบิวลาดาวเคราะห์ ดาวแคระขาว (white dwarf) ดาวยักษ์ใหญ่ระเบิด กะทันหันและรุนแรง ดาวนิวตรอน (neutron star) พลังงานความร้อนและ ส่วนสว่างจะถ่ายเทออก จากใจกลางสู่อากาศ เผาผลาญไฮโดรเจน มากชีวิตสั้น เผาผลาญอย่าง ช้าๆชีวิตยาวนาน ใจกลางของดาวหด ตัว ส่วนนอกขยาย ขึ้นและเย็นลง วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ เนบิวลา (nebula) เริ่มจากฝุ่นและก๊าซใน อากาศรวมตัวกันบริเวณที่ มีฝุ่นและก๊าซอยู่หนาแน่น ดาวยักษ์ใหญ่ (super giant) ซุปเปอรโนวา หลุมดำ (black hole) ดาวแคระดำ (black hole) ก๊าซและฝุ่นระเบิด ส่วนที่เหลือจะอัด รวมกันแน่น แรงอัดที่ใจกลางดาวทำ ให้ เกิดบริเวณที่มีแรงโน้มถ่วง มหาศาลดึงดูดทุกสิ่งที่ผ่าน เข้าไป ส่วนนอกของดาวเคราะห์จะค่อยๆแผ่ขยายกลืน เข้าไปในอวกาศ ส่วนแกนกลางที่ยัง ร้อนอยู่จะยุบลง ดาวเคราะห์ขาวเย็น ตัวลงจนมืดมิด
รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม ม.5/4 น.ส.จิราพร เก่งกสิวิทย์ น.ส.สุพรรณษา เกิดปาน น.ส.หทัยรัตน์ คงไทย น.ส.เอรวัณ นิธิรัตนาไพศาล เลขที่ 26 เลขที่ 36 เลขที่ 38 เลขที่ 41