The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยพื้นฐาน 63

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นิกร สระครบุรี, 2021-04-06 19:35:00

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยพื้นฐาน 63

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาไทยพื้นฐาน 63

แผนการสอน/การจดั การเรยี นรแู้ บบมุ่งเนน้ สมรรถนะอาชพี
และบรู ณาการตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง

รหสั วชิ า 20000 1101 รายวชิ าภาษาไทยพ้ืนฐาน หนว่ ยกิต(ชัว่ โมง)2/2
หลกั สูตรประกาศนียบตั รวิชาชพี พทุ ธศักราช 2563
ประจาภาคเรียนที่1 ปกี ารศกึ ษา 2563

ประเภทวชิ า ภาษาไทยพ้นื ฐาน

จดั ทาโดย

นายนกิ ร สระครบุรี
ตาแหนง่ ครพู เิ ศษสอน
แผนกวชิ า สามญั สัมพนั ธ์

ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563
วิทยาลยั เทคนิคสว่างแดนดิน

สานักงานคณะกรรมการการอาชีวศกึ ษา

แบบคำขออนมุ ัติใช้แผนกำรจัดกำรเรยี นรู้

รำยวิชำภำษำไทยพนื้ ฐำน รหสั วิชำ 2000-1101

ลงช่ือ...........................................
(นำยนกิ ร สระครบุร)ี
ครปู ระจำวชิ ำ

ควำมเห็นหัวหน้ำแผนกวชิ ำสำมัญสมั พนั ธ์ ควำมเหน็ หวั หน้ำงำนพัฒนำหลักสูตรฯ
.................................................................. ...............................................................

ลงชอ่ื ............................................... ลงชอ่ื ...............................................
(นำงมณกี ำนต์ โคตรโสภำ) (นำยคุมดวง พรมอนิ ทร)์

หัวหน้ำแผนกวิชำสำมัญสัมพันธ์ งำนพฒั นำหลกั สูตรกำรเรยี นกำรสอน

ควำมเห็นรองผอู้ ำนวยกำรฝำ่ ยวิชำกำร
………………………………………………

ลงชื่อ……………………………………...
(นำยทนิ กร พรหมอนิ ทร์)
รองผู้อำนวยกำรฝำ่ ยวชิ ำกำร

ควำมเหน็ ผอู้ ำนวยกำรวิทยำลยั เทคนคิ สวำ่ งแดนดิน
……………………………………………………….……….

ลงชื่อ...........................................
(นำงวรรณภำ พ่วงกลุ )

ผอู้ ำนวยกำรวิทยำลัยเทคนิคสวำ่ งแดนดิน

คานา

ภำษำไทยพื้นฐำน (รหัสวิชำ 20000- 1101) จัดทำข้ึนเพ่ืออำนวยควำมสะดวกสำหรับใช้เป็นแนวทำงใน
กำรออกแบบกิจกรรมกำรเรียนกำรสอนให้มีประสิทธิภำพและเกดิ ประสทิ ธิผลตำมหลักสตู รประกำศนยี บัตรวิชำชีพ
พุทธศักรำช 2556 สำนักคณะกรรมกำรอำชีวศึกษำ กระทรวงศึกษำธิกำร แนวคิดสำคัญในกำรจดั ทำแผนกำรเรียน
รำยวิชำภำษำไทยเพ่ืออำชีพ ได้ยึดแนวคิดเกี่ยวกับกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีเน้นผู้เรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติ สร้ำงควำมรู้
จำกกำรปฏิบัติ และนำควำมรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันจริงได้ โดยใช้กระบวนจัดกำรเรียนรู้แบบ GPAS 5
Steps และออกแบกำรเรียนรู้แบบ Backward design เน้นผู้เรียนและกำรแสดงออกและผลิตผลงำนตำมภำระ
งำน นำผลงำนและกำรแสดงออกของผู้เรียนมำใช้ประเมินผลกำรเรียนตำมจุดประสงค์รำยวิชำในแต่ละหน่วยกำร
เรียนร้ตู ลอดทงั้ รำยวชิ ำ เป็นกำรประเมนิ ตำมสภำพจริง สอดคล้องกบั บริบทและกำรเปลีย่ นแปลงของสังคม ผูเ้ รยี น
สำมำรถคิดวิเครำะห์ แก้ปัญหำกำรสื่อสำร และผลิตผลงำนด้วยทีมงำนที่ใช้สติปัญญำ ผ่ำนกำรประเมินควำมรู้
ควำมเขำ้ ใจ ทกั ษะ และค่ำนยิ มในทุกด้ำน จึงหวังเป็นอยำ่ งยิ่งว่ำหำกแผนกำรจัดกำรเรยี นรนู้ ี้สำมำรถตอบสนองต่อ
ผู้เรยี นจะชว่ ยใหผ้ ูเ้ รียนและผูส้ อนบรรลวุ ัตถปุ ระสงคต์ ำมทหี่ ลกั สตู รฯ กำหนดชว่ ยยกระดับกำรศึกษำไทยให้มีระดับ
ทัดเทียมกับประเทศอืน่

นกิ ร สระครบรุ ี
(นำยนิกร สระครบุรี)

สารบัญ

หนำ้

คานา................................................................................................................................... ........
สารบญั ................................................................................................................................. ........
ลกั ษณะรายวชิ า.................................................................................................................... ........
ตารางวิเคราะห์สมรรถนะการเรียนรู้.................................................................................... ........
ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สตู ร …………………………………………………........................ ........
ตารางวิเคราะห์สมรรถนะรายวชิ าโดยบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง .......
โครงการสอนหรอื โครงการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………... ........
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 1 การใช้ภาษาไทยเพ่ือการรับสารและส่งสาร ........
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 2 การใชถ้ อ้ ยคา สานวน ระดับภาษา ........
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 3 การรบั สารจากสอื่ ส่ิงพิมพ์และสือ่ อเิ ล็กทรอนิกส์ ........
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 การพูดในการเขา้ สงั คม ........
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 5 การพูดตดิ ตอ่ กจิ ธุระ ........
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6 การพดู สรุปความ ........
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 7 การพดู แสดงความคิดเหน็ ........
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 8 การเขียนบนั ทึกขอ้ ความตดิ ตอ่ กจิ ธุระ ........
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 9 การเขยี นขน้ั พนื้ ฐาน ........
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 10 การกรอกแบบฟอรม์ และการเขยี นประวตั ิยอ่ ........
แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 11 การเขยี นรายงานวิชาการ ........
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 12 การเขียนโครงการ ........

ลกั ษณะรายวชิ า

รหสั วิชำ 20000 1101 ช่อื วิชำ ภำษำไทยพ้นื ฐำน
จำนวนหน่วยกิต 1 หนว่ ยกิต จำนวนชว่ั โมงต่อสปั ดำห์ 2 ชั่วโมง รวม 36 ชัว่ โมงตอ่ ภำคเรยี น

จดุ ประสงค์รายวิชา

1. เพ่อื ใหม้ ีควำมรู้ควำมเข้ำใจในกำรใช้ภำษำไทย
2. เพ่ือให้สำมำรถใชภ้ ำษำไทยส่อื สำรในงำนอำชีพอยำ่ งถูกต้องตำมหลักกำรใชภ้ ำษำ
3. เพ่ือให้สำมำรถนำทกั ษะทำงภำษำไทยไปใช้พฒั นำตนเองและงำนอำชพี
4. เพ่ือใหเ้ ห็นคณุ ค่ำและควำมสำคัญของกำรใช้ภำษำไทย

สมรรถนะรายวิชา

1. แสดงควำมร้เู กี่ยวกบั หลกั กำรใชภ้ ำษำในงำนอำชีพ
2. วิเครำะห์ สงั เครำะห์และประเมินคำ่ สำรในงำนอำชีพ จำกกำรฟัง กำรดู กำรอำ่ นตำมหลกั กำร
3. พดู ตดิ ต่อกจิ ธรุ ะและพูดในงำนอำชัพตำมหลักกำร
4. เขียนเอกสำรในงำนอำชพี ตำมหลกั กำร

คาอธิบายรายวชิ า

ปฏิบัติเกี่ยวกับกำรใช้ภำษำไทยในงำนอำชีพ กำรฟังคำสั่งและข้อแนะนำในกำรปฏิบัติงำน กำรฟังและ
กำรดูสำรในงำนอำชีพจำกส่ือบุคคล ส่ือส่ิงพิมพ์ ส่ืออิเล็กทรอนิกส์และแหล่งเรียนรู้ในชมชน กำรอ่ำนคู่มือกำร
ปฏิบัติงำนคู่มือกำรใช้อุปกรณ์หรือรำยละเอียดของผลิตภัณฑ์ กำรนำเสนอผลงำน สำธิตข้ันตอนกำรปฏิบัติงำน
หรือกระบวนกำรผลิตชิ้นงำน กำรพูดติดต่อกิจธุระ สนทนำกิจธุระทำงโทรศัพท์ สัมภำษณ์งำน พูดเสนอ
ควำมเห็นในที่ประชุม กำรเขียนรำยงำน กำรปฏิบัติงำน เขียนจดหมำยกิจธุระ และเขียนโฆษณำประชำสัมพันธ์
ในงำนอำชีพ

ตารางวิเคราะหส์ มรรถนะการเรียนรู้

รหัสวิชำ 20000 1101 ชอื่ วชิ ำ ภำษำไทยพ้นื ฐำน
จำนวนหนว่ ยกิต 1 หน่วยกิต จำนวนชว่ั โมงตอ่ สัปดำห์ 2 ช่วั โมง รวม 36 ชว่ั โมงตอ่ ภำคเรียน

หนว่ ยการสอน สมรรถนะการเรียนรู้

แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 1 การใช้ภาษาไทยเพื่อ 1. ดำ้ นควำมรู้
การรับสารและสง่ สาร 1.1 กระบวนกำรสื่อสำร
1.2 ควำมสำคัญของภำษำไทยในงำนอำชีพ
หน่วยแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 การใช้ถอ้ ยคา 1.3 แนวปฏิบตั เิ ก่ยี วกบั กำรใช้ภำษำไทยในงำน
สานวน ระดับภาษา อำชพี

2. ด้ำนทักษะหรือกำรประยุกต์ใช้
2.1 กำรปฏิบตั ิงำนทีไ่ ดร้ ับมอบหมำยเสรจ็ ตำมเวลำ
ท่กี ำหนด
2.2 มีควำมระเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เรยี บรอ้ ย
สวยงำม ควำมสมบรู ณ์ของงำน
2.3 กำรปฏบิ ตั งิ ำนทำใหเ้ กดิ สมรรถนะแกผ่ เู้ รียน

3. ด้ำนคณุ ธรรม/ จริยธรรม/ และคณุ ลักษณะทพี่ ึง
ประสงคแ์ ละบรู ณำกำรตำมหลักปรชั ญำเศรษฐกจิ
พอเพยี ง
3.1 มคี วำมพอเพียงควำมพอประมำณ
3.2 มเี จตคติทดี่ ีในกำรปฏบิ ตั ิกิจกรรม
3.3 ประพฤตติ นดว้ ยควำมถกู ตอ้ งตำมศลี ธรรมอันดี
3.4 ควำมมวี ินยั ตรงต่อเวลำ

1. ดำ้ นควำมรู้
1.1 กำรใช้ถ้อยคำ สำนวน ระดบั ภำษำ
1.2 กำรฟงั และดสู ำรจำกส่อื บคุ คล
1.3 กำรใชถ้ ้อยคำ สำนวน ระดับภำษำ
1.4 กำรฟังและดสู ำรจำกสอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์
1.5 กำรฟังและกำรดสู ำรจำกแหล่งเรียนรชู้ มุ ชน

2. ด้ำนทักษะหรอื กำรประยุกต์ใช้
2.1 กำรปฏิบตั ิงำนทไี่ ดร้ บั มอบหมำยเสร็จตำมเวลำ
ทก่ี ำหนด
2.2 มีควำมระเอยี ดรอบคอบ ปลอดภัย เรยี บร้อย
สวยงำม ควำมสมบูรณข์ องงำน
2.3 กำรปฏิบตั งิ ำนทำใหเ้ กิดสมรรถนะแกผ่ เู้ รยี น

3. ด้ำนคุณธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลกั ษณะท่พี งึ
ประสงค์และบรู ณำกำรตำมหลักปรชั ญำเศรษฐกจิ
พอเพียง
3.1 มคี วำมพอเพียงควำมพอประมำณ
3.2 มเี จตคติทด่ี ีในกำรปฏิบัติกิจกรรม

3.3 ประพฤติตนด้วยควำมถูกตอ้ งตำมศีลธรรมอันดี

3.4 ควำมมีวนิ ยั ตรงตอ่ เวลำ

1. ดำ้ นควำมรู้

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 3 การรับสารจากสอ่ื 1.1 ควำมสำคญั และประเภทของกำรอำ่ นสำรใน

สิ่งพมิ พ์และสอ่ื อิเล็กทรอนกิ ส์ งำนอำชพี

1.2 หลกั กำรอำ่ นสำรในงำนอำชพี

1.3 กำรอ่ำนคู่มอื ในกำรปฏบิ ัติงำน

1.4 กำรอ่ำนคู่มือกำรใช้อุปกรณ์หรอื รำยละเอียด

ของผลิตภัณฑ์

2. ด้ำนทักษะหรือกำรประยกุ ต์ใช้

2.1 กำรปฏบิ ตั งิ ำนทไ่ี ดร้ ับมอบหมำยเสร็จตำมเวลำ

ทก่ี ำหนด

2.2 มีควำมระเอยี ดรอบคอบ ปลอดภัย เรยี บรอ้ ย

สวยงำม ควำมสมบรู ณข์ องงำน

2.3 กำรปฏิบัติงำนทำให้เกดิ สมรรถนะแกผ่ ู้เรยี น

3. ดำ้ นคณุ ธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลักษณะทพี่ ึง

ประสงคแ์ ละบรู ณำกำรตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกจิ

พอเพยี ง

3.1 มคี วำมพอเพยี งควำมพอประมำณ

3.2 มีเจตคติทด่ี ใี นกำรปฏิบัติกจิ กรรม

3.3 ประพฤติตนดว้ ยควำมถกู ตอ้ งตำมศีลธรรมอนั ดี

3.4 ควำมมวี นิ ัยตรงตอ่ เวลำ

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 4 การพดู ในการเข้า 1. ด้ำนควำมรู้

สงั คม 1.1 ควำมสำคัญและหลักการพดู ในการเข้าสงั คม

1.2 กำรพูดทำงโทรศัพท์

1.3 กำรพดู ติดต่อกจิ ธรุ ะ

1.4 กำรพูดสำธิต

1.5 กำรสัมภำษณ์งำน

1.6 กำรพูดนำเสนอผลงำน

1.7 กำรพดู เสนอควำมคิดเห็นในทป่ี ระชุม

2. ด้ำนทกั ษะหรอื กำรประยกุ ต์ใช้

2.1 กำรปฏิบัติงำนท่ีไดร้ บั มอบหมำยเสร็จตำมเวลำ

ทก่ี ำหนด

2.2 มคี วำมระเอยี ดรอบคอบ ปลอดภยั เรียบร้อย

สวยงำม ควำมสมบรู ณข์ องงำน

2.3 กำรปฏบิ ตั ิงำนทำใหเ้ กดิ สมรรถนะแกผ่ ู้เรยี น

3. ดำ้ นคุณธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลักษณะทพี่ ึง

ประสงคแ์ ละบรู ณำกำรตำมหลักปรัชญำเศรษฐกิจ

พอเพียง

3.1 มคี วำมพอเพยี งควำมพอประมำณ

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 5 การพดู ติดตอ่ กจิ ธรุ ะ 3.2 มีเจตคตทิ ดี่ ีในกำรปฏิบัติกจิ กรรม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 การพูดสรปุ ความ 3.3 ประพฤตติ นด้วยควำมถกู ตอ้ งตำมศีลธรรมอันดี
3.4 ควำมมีวนิ ยั ตรงต่อเวลำ

1. ด้ำนควำมรู้
1.1 ควำมหมำยของกำรพูดติดตอ่ กจิ ธุระ
1.2 วตั ถุประสงค์ของกำรพดู ติดต่อกิจธุระ
1.3 ประเภทของกำรพูดติดต่อกิจธรุ ะ
1.4 สว่ นประกอบของกำรพดู ติดต่อกจิ ธรุ ะ
1.5 หลกั กำรเขยี นกำรพูดตดิ ต่อกิจธรุ ะ
1.6 ข้นั ตอนกำรเขียนกำรพูดตดิ ต่อกิจธรุ ะ

2. ดำ้ นทักษะหรอื กำรประยุกต์ใช้
2.1 กำรปฏิบตั ิงำนทีไ่ ดร้ บั มอบหมำยเสรจ็ ตำมเวลำ
ทีก่ ำหนด
2.2 มคี วำมระเอยี ดรอบคอบ ปลอดภยั เรียบรอ้ ย
สวยงำม ควำมสมบูรณ์ของงำน
2.3 กำรปฏบิ ัติงำนทำใหเ้ กิดสมรรถนะแกผ่ เู้ รยี น

3. ดำ้ นคุณธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคณุ ลกั ษณะทพี่ ึง
ประสงค์และบรู ณำกำรตำมหลกั ปรชั ญำเศรษฐกจิ
พอเพียง
3.1 มีควำมพอเพยี งควำมพอประมำณ
3.2 มเี จตคติทดี่ ีในกำรปฏบิ ัติกิจกรรม
3.3 ประพฤตติ นดว้ ยควำมถกู ต้องตำมศีลธรรมอนั ดี
3.4 ควำมมวี ินัยตรงต่อเวลำ

1.ดำ้ นควำมรู้
1.1 กำรพดู สรปุ ควำม
1.2 กลวธิ ใี นกำรพดู สรุปควำม
1.3 มำรยำทในกำรพดู สรุปควำม
1.4 ประเภทของกำรพูดสรปุ ควำม

2. ด้ำนทักษะหรอื กำรประยุกตใ์ ช้
2.1 กำรปฏิบัติงำนท่ไี ดร้ ับมอบหมำยเสร็จตำมเวลำ
ทกี่ ำหนด
2.2 มีควำมระเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เรยี บร้อย
สวยงำม ควำมสมบูรณ์ของงำน
2.3 กำรปฏบิ ัติงำนทำให้เกดิ สมรรถนะแกผ่ ้เู รยี น

3. ด้ำนคณุ ธรรม/ จริยธรรม/ และคณุ ลกั ษณะท่พี ึง
ประสงคแ์ ละบรู ณำกำรตำมหลักปรัชญำเศรษฐกิจ
พอเพียง

3.1 มีควำมพอเพยี งควำมพอประมำณ
3.2 มเี จตคตทิ ดี่ ใี นกำรปฏิบัติกิจกรรม
3.3 ประพฤตติ นดว้ ยควำมถูกต้องตำมศีลธรรมอันดี

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 7 การพูดแสดงความ 3.4 ควำมมวี ินัยตรงตอ่ เวลำ
คิดเหน็
1. ด้ำนควำมรู้
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 8 การเขยี นบนั ทึก 1.1 กำรพูดแสดงควำมคิดเห็น
ข้อความติดตอ่ กจิ ธุระ 1.2 โครงสร้ำงขอ้ ควำมกำรพูดแสดงควำมคดิ เห็น
1.3 ภำษำทีใ่ ช้เขยี นข้อควำมกำรพูดแสดงควำม
แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 9 การเขยี นขัน้ พนื้ ฐาน คดิ เห็น

2. ดำ้ นทกั ษะหรือกำรประยกุ ต์ใช้
2.1 กำรปฏิบตั ิงำนที่ไดร้ บั มอบหมำยเสรจ็ ตำมเวลำ
ทีก่ ำหนด
2.2 มีควำมระเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เรียบร้อย
สวยงำม ควำมสมบรู ณ์ของงำน
2.3 กำรปฏิบตั งิ ำนทำให้เกดิ สมรรถนะแกผ่ เู้ รียน

3. ด้ำนคณุ ธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์และบรู ณำกำรตำมหลักปรัชญำเศรษฐกจิ
พอเพยี ง

3.1 มีควำมพอเพียงควำมพอประมำณ
3.2 มีเจตคตทิ ดี่ ีในกำรปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
3.3 ประพฤติตนดว้ ยควำมถูกต้องตำมศลี ธรรมอนั ดี
3.4 ควำมมวี นิ ยั ตรงต่อเวลำ

1. ด้ำนควำมรู้
1.1 กำรเขยี นบนั ทกึ ขอ้ ควำมตดิ ต่อกจิ ธุระ
1.2 โครงสรำ้ งขอ้ ควำมกำรเขยี นบันทกึ ขอ้ ควำม
ติดต่อกจิ ธุระ
1.3 ภำษำทใ่ี ชเ้ ขยี นข้อควำมกำรเขียนบันทกึ
ข้อควำมติดต่อกจิ ธุระ

2. ดำ้ นทกั ษะหรอื กำรประยกุ ตใ์ ช้
2.1 กำรปฏบิ ตั ิงำนทีไ่ ดร้ บั มอบหมำยเสร็จตำมเวลำ
ทีก่ ำหนด
2.2 มคี วำมระเอยี ดรอบคอบ ปลอดภัย เรยี บร้อย
สวยงำม ควำมสมบูรณข์ องงำน
2.3 กำรปฏิบตั ิงำนทำให้เกดิ สมรรถนะแกผ่ ู้เรียน

3. ด้ำนคณุ ธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลกั ษณะทพ่ี ึง
ประสงค์และบรู ณำกำรตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกิจ
พอเพียง

3.1 มีควำมพอเพยี งควำมพอประมำณ
3.2 มเี จตคตทิ ดี่ ใี นกำรปฏิบัติกิจกรรม
3.3 ประพฤตติ นด้วยควำมถกู ต้องตำมศลี ธรรมอันดี
3.4 ควำมมีวินัยตรงตอ่ เวลำ

1. ด้ำนควำมรู้
1.1 กำรเขยี นขัน้ พ้ืนฐำน

1.2 โครงสร้ำงขอ้ ควำมกำรเขียนขัน้ พ้ืนฐำน

1.3 ภำษำทใี่ ชเ้ ขียนข้อควำมกำรเขยี นขน้ั พนื้ ฐำน

โฆษณำ

2. ด้ำนทักษะหรอื กำรประยุกตใ์ ช้

2.1 กำรปฏิบัติงำนท่ีไดร้ บั มอบหมำยเสร็จตำมเวลำ

ทีก่ ำหนด

2.2 มีควำมระเอยี ดรอบคอบ ปลอดภัย เรยี บรอ้ ย

สวยงำม ควำมสมบรู ณข์ องงำน

2.3 กำรปฏิบตั ิงำนทำให้เกิดสมรรถนะแกผ่ เู้ รียน

3. ด้ำนคุณธรรม/ จริยธรรม/ และคุณลกั ษณะท่พี งึ

ประสงคแ์ ละบรู ณำกำรตำมหลกั ปรัชญำเศรษฐกจิ

พอเพียง

3.1 มคี วำมพอเพียงควำมพอประมำณ

3.2 มเี จตคติทด่ี ีในกำรปฏิบัติกิจกรรม

3.3 ประพฤติตนดว้ ยควำมถกู ตอ้ งตำมศีลธรรมอนั ดี

3.4 ควำมมวี นิ ัยตรงตอ่ เวลำ

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 10 การกรอกแบบฟอรม์ 1. ด้ำนควำมรู้

และการเขียนประวตั ยิ ่อ 1.1 กำรกรอกแบบฟอรม์ และกำรเขยี นประวตั ยิ อ่

1.2 โครงสร้ำงข้อควำมกำรกรอกแบบฟอร์มและ

กำรเขยี นประวัติย่อ

1.3 ภำษำท่ใี ช้เขยี นขอ้ ควำมกำรกรอกแบบฟอร์ม

และกำรเขียนประวตั ยิ อ่

2. ด้ำนทักษะหรือกำรประยกุ ต์ใช้

2.1 กำรปฏิบัติงำนทไ่ี ด้รับมอบหมำยเสร็จตำมเวลำ

ทก่ี ำหนด

2.2 มคี วำมระเอียดรอบคอบ ปลอดภัย เรยี บร้อย

สวยงำม ควำมสมบูรณข์ องงำน

2.3 กำรปฏิบตั งิ ำนทำให้เกิดสมรรถนะแกผ่ เู้ รียน

3. ด้ำนคุณธรรม/ จริยธรรม/ และคุณลกั ษณะทพ่ี งึ

ประสงคแ์ ละบรู ณำกำรตำมหลักปรัชญำเศรษฐกจิ

พอเพียง

3.1 มีควำมพอเพยี งควำมพอประมำณ

3.2 มีเจตคติทดี่ ีในกำรปฏบิ ัติกจิ กรรม

3.3 ประพฤตติ นดว้ ยควำมถูกต้องตำมศลี ธรรมอันดี

3.4 ควำมมวี ินยั ตรงต่อเวลำ

แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 11 การเขียนรายงาน 1. ดำ้ นควำมรู้

วชิ าการ 1.1 เขียนรำยงำนวชิ ำกำร

1.2 โครงสร้ำงข้อควำมเขยี นรำยงำนวิชำกำร

1.3 ภำษำที่ใชเ้ ขียนข้อควำมเขียนรำยงำนวิชำกำร

2. ด้ำนทักษะหรอื กำรประยุกต์ใช้

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 12 การเขยี นโครงการ 2.1 กำรปฏบิ ัตงิ ำนท่ีไดร้ ับมอบหมำยเสร็จตำมเวลำ
ท่ีกำหนด
2.2 มีควำมระเอียดรอบคอบ ปลอดภยั เรยี บร้อย
สวยงำม ควำมสมบรู ณข์ องงำน
2.3 กำรปฏิบัตงิ ำนทำให้เกดิ สมรรถนะแกผ่ ูเ้ รียน
3. ด้ำนคุณธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคณุ ลกั ษณะที่พึง
ประสงค์และบรู ณำกำรตำมหลักปรชั ญำเศรษฐกจิ
พอเพยี ง
3.1 มคี วำมพอเพียงควำมพอประมำณ
3.2 มีเจตคติทด่ี ใี นกำรปฏิบตั ิกจิ กรรม
3.3 ประพฤตติ นดว้ ยควำมถกู ตอ้ งตำมศีลธรรมอันดี
3.4 ควำมมวี ินยั ตรงตอ่ เวลำ

1. ดำ้ นควำมรู้
1.1 กำรเขียนโครงกำร
1.2 โครงสรำ้ งขอ้ ควำมกำรเขยี นโครงกำร
1.3 ภำษำท่ีใช้เขียนขอ้ ควำมกำรเขียนโครงกำร

2. ด้ำนทกั ษะหรอื กำรประยุกต์ใช้
2.1 กำรปฏบิ ัตงิ ำนที่ได้รับมอบหมำยเสร็จตำมเวลำ
ทก่ี ำหนด
2.2 มีควำมระเอียดรอบคอบ ปลอดภยั เรยี บร้อย
สวยงำม ควำมสมบูรณ์ของงำน
2.3 กำรปฏิบตั ิงำนทำให้เกดิ สมรรถนะแกผ่ เู้ รียน

3. ดำ้ นคุณธรรม/ จรยิ ธรรม/ และคุณลกั ษณะท่พี ึง
ประสงคแ์ ละบรู ณำกำรตำมหลักปรัชญำเศรษฐกิจ
พอเพียง

3.1 มีควำมพอเพยี งควำมพอประมำณ
3.2 มีเจตคติทด่ี ีในกำรปฏิบตั ิกจิ กรรม
3.3 ประพฤติตนด้วยควำมถกู ตอ้ งตำมศีลธรรมอันดี
3.4 ควำมมีวินยั ตรงตอ่ เวลำ

ตารางวเิ คราะหห์ ลกั สูตร

รหัส20000 1102. วชิ าภำษำไทยเพื่ออำชพี . หนว่ ยกิต 1 หนว่ ย
ระดบั ชนั้ ปวช. 2 สาขาวิชา ภำษำไทย

ด้านพทุ ธพิ สิ ยั
ความ ้รู (5)
พฤติกรรม ความ ้ขาใจ(5)
นาไปใช้(5)
การเรยี นรู้ วิเคราะ ์ห(5)
สังเคราะ ์ห(5)
ช่อื หนว่ ยการสอน/การเรยี นรู้ ประเมิน ่คา(5)
ด้าน ัทกษะ ิพ ัสย(5)
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 การใชภ้ าษาไทย ด้าน ิจต ิพสัย(5)
เพอ่ื การรับสารและส่งสาร รวม(40)
ลาดับความสา ัคญ
จานวน ่ัชวโมง

แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 การใช้ถ้อยคา
สานวน ระดับภาษา

แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 3 การรบั สารจาก
สอ่ื สง่ิ พิมพ์และส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 4 การพูดในการ
เขา้ สังคม
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 5 การพดู ติดต่อกจิ
ธุระ

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 6 การพูดสรุป
ความ

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 7 การพดู แสดง
ความคิดเหน็

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 8 การเขยี นบนั ทึก
ขอ้ ความติดตอ่ กจิ ธุระ

แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 9 การเขียนขั้น
พ้นื ฐาน

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 10 การกรอก
แบบฟอรม์ และการเขยี นประวัตยิ ่อ

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 11 การเขียน
รายงานวชิ าการ

แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 12 การเขียน
โครงการ

รวมคะแนน
ลาดบั ความสาคญั

คาอธบิ าย 5 หมำยถงึ ระดบั ควำมสำคญั ของแตล่ ะรำยกำรมี 5 ระดับ คอื 1, 2, 3, 4, 5

ตารางวิเคราะหส์ มรรถนะรายวิชา

โดยบูรณาการหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

รหัส20000 1102. วชิ าภำษำไทยเพือ่ อำชพี . หน่วยกิต 1 หน่วย

ระดับชั้น ปวช. 2 สาขาวชิ า ภำษำไทย

ทางสายกลาง

3ห่วง 2 เงอ่ื นไข
ความรู้ คุณธรรม
ช่อื หนว่ ยการสอน/
พอประมาณ(5)
สมรรถนะรายวชิ า มีเหตุผล(5)
ีมภูมิ ุค้ม ักน(5)
รอบ ู้ร(5)
รอบคอบ(5)
ระ ัมดระวัง(5)
ื่ซอสัตย์สุจ ิรต(5)
ข ัยนอดทน(5)
มีสติปัญญา(5)
แบ่งปัน(5)
รวม(50)
ลาดับความสา ัคญ

หน่วยการสอนท่ี 1
ชื่อหน่วยการสอน การใชภ้ าษาไทยในงาน

อาชีพ

สมรรถนะประจำหนว่ ยกำรสอน

1. แสดงควำมรเู้ ก่ยี วกบั หลกั กำรใช้
ภำษำไทยในงำนอำชีพ

2. ประยกุ ตใ์ ช้ภำษำไทยในงำนอำชพี
ไดอ้ ย่ำงถูกตอ้ งและเหมำะสม

หนว่ ยการสอนท่ี 2
ชือ่ หนว่ ยการสอน กำรฟงั และกำรดูสำร
ในงำนอำชีพ
สมรรถนะประจำหน่วยกำรสอน
3. แสดงควำมรู้เกยี่ วกับหลกั กำรฟัง

และกำรดสู ำรในงำนอำชพี ในงำน
อำชพี

4. กำรฟังและกำรดสู ำรในงำนอำชพี
ในงำนอำชีพไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ งและ
เหมำะสม

หน่วยการสอนที่ 3
ชื่อหนว่ ยการสอน กำรอำ่ นสำรในงำน
อำชพี
สมรรถนะประจำหน่วยกำรสอน

5. แสดงควำมรู้เกี่ยวกบั กำรอ่ำนสำรใน
งำนอำชีพ

6. ประยกุ ต์กำรอ่ำนสำรในงำนอำชีพ
ได้อยำ่ งถูกตอ้ งและเหมำะสม

หนว่ ยการสอนท่ี 4
ชอ่ื หนว่ ยการสอน กำรพูดในงำนอำชีพ
สมรรถนะประจำหนว่ ยกำรสอน
7. แสดงควำมรู้เก่ยี วกับกำรพดู ในงำน

อำชพี ในงำนอำชีพ
8. ประยกุ ตใ์ ช้กำรพดู ในงำนอำชพี

ได้อย่ำงถูกตอ้ งและเหมำะสม
หนว่ ยการสอนที่ 5
ช่อื หนว่ ยการสอน กำรเขยี นรำยงำน
กำรปฏบิ ตั งิ ำน
สมรรถนะประจำหนว่ ยกำรสอน
9. แสดงควำมรู้เกีย่ วกับกำรเขยี น

รำยงำนกำรปฏิบัติงำน
10. ประยุกต์ใช้ภำษำไทยในงำนอำชพี

ไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ งและเหมำะสม
หนว่ ยการสอนท่ี 6
ชื่อหน่วยการสอน การใชภ้ าษาไทยในงาน

อาชีพ

สมรรถนะประจำหน่วยกำรสอน
11. แสดงควำมรู้เกี่ยวกบั หลักกำรใช้

ภำษำไทยในงำนอำชพี
12. ประยุกต์ใช้ภำษำไทยในงำนอำชีพ

ไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ งและเหมำะสม
หน่วยการสอนท่ี 7
ช่ือหนว่ ยการสอน การใชภ้ าษาไทยในงาน

อาชีพ

สมรรถนะประจำหนว่ ยกำรสอน
13. แสดงควำมรู้เกย่ี วกับหลักกำรใช้

ภำษำไทยในงำนอำชพี
14. ประยกุ ตใ์ ช้ภำษำไทยในงำนอำชพี

ไดอ้ ยำ่ งถูกตอ้ งและเหมำะสม

รวม

ลาดับความสาคญั

แผนการจดั การเรียนรูห้ นว่ ยท่ี 1

วชิ า ภาษาไทยพน้ื ฐาน รหัสวิชา 20000-1101

ระดบั ประกาศนียบัตรวิชาชพี ชนั้ ปที ี่ 1 ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2562

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง การใชภ้ าษาไทยเพ่อื การสง่ สารและรบั สาร เวลาเรียน 2 ชวั่ โมง

ผสู้ อน นายนกิ ร สระครบุรี วทิ ยาลยั การอาชีพสวา่ งแดนดิน

1. จุดประสงค์รายวิชา
1. บอกความหมายของการรับสารและสง่ สารได้

2. บอกองค์ประกอบของการรับสารและส่งสารได้
3. บอกจดุ หมายของการรบั สารและสง่ สารได้
4. บรรยายความสาคัญของการใชภ้ าษาไทยในการสือ่ สารได้

5. อธบิ ายหลกั การใช้ภาษาไทยในการรับสารและส่งสารได้

2. สมรรถนะรายวชิ า
- รับสารและสง่ สารในสถานการณ์ที่กาหนดให้

3. สาระสาคัญ
ภาษากับการส่ือสารเป็นส่ิงท่ีมีความสอดคล้องและดาเนินควบคู่กันไป เพราะภาษาเป็น

เคร่ืองมือในการส่อื สารของมนษุ ย์ เมื่อมีการรับสาร และส่งสารตอ่ กัน ทั้งสองฝ่ายจะต้องพยายามทา
ความเข้าใจให้ตรงกนั ความสาเร็จในการสือ่ สารจึงจะเกดิ ข้ึน

4. จดุ ประสงค์

ด้านพทุ ธพิ ิสัย ดา้ นทักษะพิสัย ดา้ นจิตพิสัย

พทุ ธพิสยั (K) ทกั ษะพสิ ัย(P) จิตพสิ ยั (A)

1. บอกความหมายของการรับ 1. สังเกตการใชภ้ าษาภาษา 1.1 ด้านคุณธรรม จริยธรรม

สารและสง่ สารได้ เพื่อการส่งสารและรบั สาร และจรรยาบรรณวชิ าชีพ

2. บอกองค์ประกอบของการ 2. เตรยี มความพรอ้ ม 1. ความเสยี สละ

รบั สารและส่งสารได้ เกย่ี วกับการการใช้ภาษาไทย 2. ความซ่อื สัตย์สุจริต

3. บอกจดุ หมายของการรบั เพอื่ การรบั สารและสง่ สาร โดย 3. ความกตญั ญกู ตเวที

สารและส่งสารได้ มีการศึกษาเกยี่ วกบั ลกั ษณะ 4. ความอดกล้ัน

4. บรรยายความสาคญั ของ ขององคป์ ระกอบของการรับ 5. การละเว้นส่ิงเสพตดิ และ

การใช้ภาษาไทยในการส่อื สาร สารและส่งสาร การพนนั

ได้ 3. ข้ันตอนในการปฏิบัติ/ 6. เจตคตทิ ี่ดีต่อวชิ าชีพและตอ่

ดาเนินการใช้ภาษาไทยเพ่ือ สงั คม

การรับสารและสง่ สาร

5. อธิบายหลักการใช้ 4. การแก้ไขและปรับปรุง 7. ภูมใิ จและรักษาเอกลกั ษณ์
ของชาตไิ ทย
ภาษาไทยในการรับสารและสง่ การใช้ภาษาไทยเพื่อการรับ 8. เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิ
ของผ้อู น่ื
สารได้ สารและสง่ สาร 9. มคี วามจงรักภักดตี ่อชาติ
ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์
5. ความรวดเร็วในการ 10. มจี ติ สาธารณะ
11. จติ สานึกรักษ์สง่ิ แวดลอ้ ม
ทางาน/ประสทิ ธิภาพในการ
1.2 ด้านคณุ ลักษณะท่ีพงึ
ทางาน ประสงค์
1. ความมีวินยั
7. การทางานร่วมกบั 2. ความรับผิดชอบ
3. มีมนุษยสัมพันธ์
ผ้อู ื่น/เพอ่ื น 4. ความเชอ่ื มนั่ ในตนเอง
5. สนใจใฝร่ ู้
8. การเรียบเรียงเน้ือหา 6. มคี วามคิดริเร่ิมสร้างสรรค์
7. ขยนั ประหยัด อดทน
เกีย่ วกบั การใช้ภาษาไทยเพอ่ื 8. พง่ึ ตนเองตอ่ ต้านความ
รนุ แรงและการทุจริต
การรบั สารและส่งสาร 9. ยดึ หลักปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
9. ประสทิ ธิภาพของการ 10. ความปลอดภยั
อาชีวอนามัย การอนุรกั ษ์
ใชภ้ าษาไทยเพ่ือการรบั สาร พลังงานและสิง่ แวดล้อม

และส่งสาร

10. มารยาทของการใช้

ภาษาไทยเพือ่ การรบั สารและ

ส่งสาร

11. การนาไปปฏบิ ัติ

ประยกุ ต์ใช้ในชีวติ ประจาวนั

5. สาระการเรยี นรู้

ดา้ นพุทธิพสิ ัย ด้านทกั ษะพิสยั ดา้ นจิตพิสัย

1. ความหมายของการรบั สาร 1. สังเกตการใช้ภาษาไทย จติ พิสัย(A)

และสง่ สาร เพื่อการรับสารและส่งสาร 1.1 ด้านคุณธรรม จริยธรรม

2.องคป์ ระกอบของการรบั สาร 2. เตรียมความพรอ้ ม และจรรยาบรรณวชิ าชพี

และสง่ สาร เกีย่ วกบั การใชภ้ าษาไทยเพอื่ 1. ความเสียสละ

การรับสารและสง่ สาร โดยมี 2. ความซ่อื สัตย์สจุ ริต

3. จดุ หมายของการรับสาร การศกึ ษาเกย่ี วกับความหมาย 3. ความกตัญญูกตเวที

และสง่ สาร ของการรบั สารและสง่ สาร 4. ความอดกล้นั

4. ความสาคัญของการใช้ องค์ประกอบการรับสารและสง่ 5. การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และ

ภาษาไทยในการสอื่ สาร สาร หลักของการใชภ้ าษาไทย การพนนั

5. หลักการใช้ภาษาไทยในการ เพ่ือการรับสารและสง่ สาร 6. เจตคตทิ ี่ดีตอ่ วชิ าชีพและต่อ

รบั สารและส่งสาร 3. ข้ันตอนในการปฏิบัติ/ สงั คม

ดาเนินการใช้ภาษาไทยเพ่ือ 7. ภูมิใจและรักษาเอกลักษณ์

การรบั สารและส่งสาร ของชาติไทย

4. การแก้ไขและปรับปรุง 8. เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิ

การใช้ภาษาไทยเพื่อการรับ ของผอู้ ื่น

สารและสง่ สาร 9. มคี วามจงรักภกั ดีตอ่ ชาติ

5. ความรวดเร็วในการ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์

ทางาน/ประสทิ ธภิ าพในการ 10. มจี ติ สาธารณะ

ทางาน 11. จติ สานึกรกั ษส์ ิ่งแวดลอ้ ม

7. การทางานรว่ มกบั 1.2 ด้านคณุ ลกั ษณะท่พี งึ

ผู้อ่ืน/เพ่ือน ประสงค์

8. การเรยี บเรียงเนอ้ื หา 1. ความมีวนิ ยั

เก่ียวกบั การใชภ้ าษาไทยเพอื่ 2. ความรับผิดชอบ

การรับสารและสง่ สาร 3. มีมนษุ ยสมั พนั ธ์

9. ประสทิ ธิภาพของการ 4. ความเชื่อมัน่ ในตนเอง

ใชภ้ าษาไทยเพอ่ื การรบั สาร 5. สนใจใฝร่ ู้

และสง่ สาร 6. มคี วามคิดริเริม่ สร้างสรรค์

10. มารยาทของการใช้ 7. ขยัน ประหยัด อดทน

ภาษาไทยเพอื่ การรับสารและ 8. พ่ึงตนเองตอ่ ตา้ นความ

สง่ สาร รนุ แรงและการทุจริต

11. การนาไปปฏิบัติ 9. ยดึ หลกั ปรชั ญาของ

ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั เศรษฐกิจพอเพียง

10. ความปลอดภยั

อาชวี อนามยั การอนรุ กั ษ์

พลังงานและสง่ิ แวดล้อม

6.กจิ กรรมการเรียนการสอน

1. ขั้นนาเข้าสบู่ ทเรียน
- ครูผสู้ อนชี้ให้ผู้เรียนได้เหน็ จุดประสงค์ การใชภ้ าษาไทยเพอ่ื การรับสารและสง่ สารที่มี

ประสทิ ธิภาพ
ของการใช้ภาษาไทยเพอื่ การรับสารและส่งสารองคป์ ระ กอบของการใช้ภาษาไทยเพื่อการรับสารและ
สง่ สารมารยาทของการใช้ภาษาไทยเพือ่ การรับสารและสง่ สาร

- ครูทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง ของการใชภ้ าษาไทยเพอ่ื การรับสารและส่งสารสง่ คาตอบและ
ให้คะแนน

- ครูแจง้ จุดประสงค์ของหน่วยท่ี 2 เรอื่ ง การใชภ้ าษาไทยเพอ่ื การรบั สารและส่งสาร

2. ขั้นสอน
- ครูผสู้ อนบรรยาย
- ให้ผเู้ รียนปฏิบัตกิ ิจกรรม

กิจกรรมท่ี 1 คือ ให้นกั เรียนแยกความรู้เกย่ี วกับการใช้ภาษาไทยเพ่ือการรบั สารและส่งสาร(งาน
เด่ยี ว)
กิจกรรมท่ี 2 คอื
ใหน้ ักเรยี นศึกษาเกยี่ วกับการใช้ภาษาไทยเพือ่ การรับสารและสง่ สาร(งานคู่)
กิจกรรมที่ 3 คอื
ใหน้ กั เรียนรว่ มกนั ระดมความคดิ เกยี่ วกบั การใช้ระดับภาษาของการใช้ภาษาไทยเพ่อื การรบั สารและ
ส่งสาร
(งานกลุ่ม)
วธิ ดี าเนนิ การลกั ษณะของกิจกรรม

- กิจกรรมเดยี่ ว แบบประเมินผลการเรยี นรูห้ น่วยที่ 1 และใบงาน
- กจิ กรรมกลุม่ แบ่งกลมุ่ และให้แต่ละกลุ่มออกมาศกึ ษาค้นคว้าทางอนิ เตอรเ์ น็ตและเอกสาร
ประกอบการเรียนในรายวชิ าคาบรรยายของครผู ูส้ อนอภิปรายหน้าชนั้ เรยี นเรอื่ ง แนวทางในการ
พัฒนาลกั ษณะเกีย่ วกับการใชภ้ าษาไทยเพ่ือการรบั สารและสง่ สาร
- กจิ กรรมเดย่ี วทาแบบทดสอบประจาหนว่ ยที่ 1 และใบงาน
- รว่ มกันอภิปรายเน้ือหา
- สรปุ เนือ้ หาของหน่วยท่ี 1 ร่วมกนั
4. ขัน้ สรุปและประเมินผล
กิจกรรมเสนอแนะ
- นาเสนอ
- สรุปองค์ความรู้เกย่ี วกบั การใช้ภาษาไทยเพอื่ การรับสารและส่งสาร
- ร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกับการใช้ภาษาไทยเพอ่ื การรบั สารและสง่ สาร
7. ส่ือการเรยี นการสอน
1.หนงั สอื เรยี น ภาษาไทยพนื้ ฐานสานกั พิมพ์ศูนยส์ ง่ เสรมิ วชิ าการ
- แบบประเมินผลการเรยี นรู้ประจาหน่วย

- ใบงาน
-ใบความรูเ้ กยี่ วกบั สถานการณ์ การใชภ้ าษาไทยเพ่ือการรบั สารและสง่ สาร

8.การวัดและประเมนิ ผล

พฤติกรรมการศึกษา วิธวี ดั ผล เครื่องมอื วดั ผล เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 60
ด้านพุทธิพสิ ัย ใชแ้ บบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรยี น
ประจาหน่วยท่ี 1
1. บอกความหมาย - แบบทดสอบหลงั เรียน
ประจาหน่วยที่ 1/
ของการรับสารและส่ง (10 คะแนน)

สารได้

2. บอกองคป์ ระกอบ

ของการรับสารและสง่

สารได้

3. บอกจดุ หมายของ

การรับสารและสง่ สาร

ได้

4. บรรยาย

ความสาคญั ของการใช้

ภาษาไทยในการ

ส่ือสารได้

5. อธบิ ายหลกั การใช้

ภาษาไทยในการรบั

สารและส่งสารได้

ด้านทกั ษะพิสยั ใช้แบบสงั เกต แบบประเมนิ ดา้ นทกั ษะ รอ้ ยละ 70
1. เขยี นเก่ยี วกบั การ พิสัย
ใชภ้ าษาไทยเพอ่ื การ (20คะแนน)
รับสารและส่งสารที่ดี

ในอาชพี
2. ศึกษาเก่ียวลกั ษณะ

ประเภทของการใช้
ภาษาไทยเพื่อการรับ
สารและสง่ สารที่ดใี น

งานอาชพี
3. ปรับปรุง/พฒั นา

เก่ียวกบั การใช้

ภาษาไทยเพอ่ื การรับ

สารและสง่ สารใน

อาชพี

ดา้ นจิตพสิ ยั ใช้แบบสงั เกต แบบประเมนิ ดา้ นจติ พสิ ัย ร้อยละ 80
(20คะแนน)
1.1 ด้านคณุ ธรรม

จรยิ ธรรมและ

จรรยาบรรณวชิ าชพี

1)ความเสียสละ

2)ความซอ่ื สตั ย์สุจรติ

3)ความกตัญญกู ตเวที

4)ความอดกล้นั

5)การละเวน้ สง่ิ เสพติด

และการพนัน

6) เจตคติท่ีดีต่อ

วิชาชีพและต่อสงั คม

7)ภูมิใจและรักษา

เอกลักษณข์ องชาติ

ไทย

8)เคารพกฎหมาย

เคารพสทิ ธขิ องผู้อ่นื

9)มคี วามจงรกั ภักดตี อ่

ชาติ ศาสนา

พระมหากษตั ริย์

10)มีจติ สาธารณะ

11)จิตสานกึ รกั ษ์

สิง่ แวดล้อม

1.2 ดา้ นคุณลกั ษณะ
ทีพ่ งึ ประสงค์

1). ความมวี นิ ยั
2)ความรบั ผดิ ชอบ
3)มีมนษุ ยสัมพันธ์

4)ความเชื่อม่ันใน
ตนเอง

5)สนใจใฝร่ ู้

6)มีความคดิ ริเรม่ิ
สรา้ งสรรค์
7)ขยนั ประหยัด
อดทน
8)พึ่งตนเองต่อตา้ น
ความรุนแรงและการ
ทุจรติ
9)ยดึ หลกั ปรัชญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
10)ความปลอดภัย อา
ชวี อนามยั การอนุรักษ์
พลงั งานและ
สง่ิ แวดล้อม

9. แหล่งอ้างอิง/เอกสารอ้างอิง

ฟ้อน เปรมพนั ธแุ์ ละคณะ. ภาษาไทยพ้ืนฐาน. กรงุ เทพฯ : ศนู ยส์ ง่ เสริมวิชาการ. 2562.
10. บนั ทึกผลหลังสอน ชวั่ โมงท่ี ……....ผลการเรียนรู้
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ปญั หาและอปุ สรรค
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอ่ื ..................................................ผสู้ อน
(............................................................)
วันที่........เดือน...................................พ.ศ.................

11. ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชือ่ .................................................รองผอู้ านวยการฝา่ ยวิชาการ
(............................................................)

วนั ที.่ .......เดือน...................................พ.ศ...............

12. ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารหรือผู้ท่ไี ด้รบั มอบหมาย
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ลงช่ือ.................................................ผอู้ านวยการ
(............................................................)

วันท่.ี .......เดือน...................................พ.ศ...............

ใบความรู้
หน่วยที่ ๑ การใช้ภาษาไทย เพอื่ การรบั สารและส่งสาร

๑.ความรู้เก่ียวกบั การรบั สาร
๑.๑ การรับสาร คอื การท่ีผู้รบั สารเกดิ การรบั รู้และเข้าใจเนือ้ หาสาระของสารท่ผี สู้ งสาร

ส่งผา่ นชอ่ งทางผา่ นส่อื ต่างๆ มายงั ผู้รับ

๑.๒ การสง่ สาร คือ การถ่ายทอดสิ่งที่เป็น ความรู้ ความคิด ประสบการณ์ ทศั นคติ
ประสบการณ์ จากผูส้ ง่ สารไปยังผรู้ บั สาร

๑.๓ ความสาคญั ของการรับสารและส่งสาร
- ทาให้เกดิ ความเจริญก้าวหนา้ ในวิทยาการด้านต่าง ๆ ได้
- ในการดาเนินชีวติ ประจาวันและในการปฏิบัติงานทกุ ๆ ด้าน ทง้ั ด้านศาสนา

การศึกษา เศรษฐกจิ สังคม และเมือง
- สร้างความรัก ความสามัคคี สรา้ งความร่วมมอื และความเขา้ ใจอนั ดี

- ความสาคญั ต่อการประกอบอาชพี
๑.๔ องคป์ ระกอบของการรับสารและสง่ สาร

๑. ผู้ส่งสาร เป็นผ้ทู ี่สือ่ สาร ถา่ ยทอดความรู้ ความคิด อารมณ์ ทัศนคติ

ประสบการณข์ องตนไปยังผฟู้ งั
๒. สาร เปน็ เร่ืองราวหรอื ขอ้ มูลท่ปี ระกอบด้วยความรู้ ความคิด อารมณ์ ทัศนคติ

ประสบการณ์ โดยผ่านส่ือต่าง ๆ มาส่กู ารฟัง
๓. ส่ือ เป็นส่ิงที่ชว่ ยผพู้ ูดถ่ายทอดสารไปยังผฟู้ ังได้
๔. ผู้รบั สาร เป็นผู้ท่ที าหน้าทรี่ ับสารที่ถา่ ยทอดจากผู้พดู ไดแ้ ก่ ความรู้ ความคิด

อารมณ์ ทัศนคติ ประสบการณ์ โดยผา่ นสอ่ื ต่าง ๆ มาสู่ผ้ฟู ัง
๕. สถานการณแ์ วดลอ้ ม เป็นสภาพเหตกุ ารณ์อันประกอบด้วย เวลา โอกาส

สถานที่ สภาพแวดลอ้ ม
๑.๕ จุดม่งุ หมายของการรับสารและสง่ สาร มีดังนี้
๑. สนทนาแลกเปลย่ี นความรู้และประสบการณซงึ่ กันและกัน

๒. สื่อสารพดู คุยเพื่อสร้างมิตรภาพที่ดีตอ่ กัน
๓. สือ่ สารถ่ายทอดเร่ืองราว

๔. การตดิ ตอ่ สอบถาม
๕. ตอบข้อซักถาม
๖. แสดงความคดิ เห็นทีเ่ ปน็ ประโยชน์ต่อบคุ คล

๑.๖ หลกั การส่งสาร
๑. กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ในการรับสาร

๒. วิเคราะหเ์ น้ือหาของสาร
๓. จดั สรรเวลาและโอกาสใหเ้ หมาะสม

๔. เลอื กชอ่ งทางในการรบั สาร
๕. คานงึ ถึงมารยาทในการรบั สาร

๑.๗ หลักการสง่ สาร
๑. กาหนดวตั ถปุ ระสงค์ในการส่งสาร

๒. วิเคราะห์เนอื้ หาของสาร
๓. พิจารณาโอกาสและสถานทีใ่ นการพดู
๔. กาหนดรูปแบบในการส่งสาร

๕. คานงึ ถึงมารยาทในการรบั สาร
๑.๘ ประเภทของการรับสารและสง่ สาร

-การรับสารและส่งสารผ่านสอื่ บุคคล
-การรับสารและสง่ สารผ่านส่ือตา่ ง ๆ
๑.๙.อุปสรรคของการรบั สารและส่งสาร

-ผสู้ ง่ สารขาดความรเู้ รือ่ งที่จะสือ่ สาร
-สารมีความซับซอ้ นเกนิ ไป

-ภาษาที่ใช้ในการส่ือสารมีลกั ษณะเขา้ ใจอยาก
-ผู้รับสารอยู่ในสภาวะที่ไมเ่ หมาะสมแก่การรบั สาร
-ส่อื ขดั ขอ้ งอยู่ในสภาพท่ีไม่พรอ้ มในการใช้งาน

-สภาพแวดลอ้ มไมเ่ หมาะสม
๒. ความร้เู กย่ี วกบั การใช้ภาษาไทย

๒.๑ ความสาคญั ของการใชภ้ าษาไทยในการสื่อสาร
ภาษาไทยเปน็ เอกลกั ษณข์ องชาตกิ อ่ ใหเ้ กิดความเป็นเอกภาพ ทงั้ ยงั เปน็ เคร่อื งมอื ใน

การติดตอ่ สื่อสารเพ่ือสรา้ งความเข้าใจในการดารงอย่ขู องสังคมอยา่ งราบรื่นต่อไป

๒.๒ ลักษณะสาคญั ของภาษาไทย
๑. ภาษาไทยเป็นคาโดด คอื คาไทยแต่ละคาจะมีความหมายสมบรู ณใ์ นตวั เอง เชน่

พ่อ แม่ ยาย ย่า ปา้ ลงุ
๒. คาไทยแท้ส่วนใหญม่ พี ยางคเ์ ดียว มคี วามหมายทีไ่ ด้ทันที เช่นนัง่ ยืน กิน นอน

บา้ น เมอื ง

๓. คาไทยแทม้ ีตวั สะกดตรงตามมาตรา เช่น ตัวอยา่ งคาทเี่ กี่ยวกับอาการเคลอ่ื นไหว
๔. ภาษาไทยเป็นภาษาท่ีมีเสียงวรรณยุกต์

๕. ภาษาไทยมีการสร้างคาเพอื่ เพม่ิ ความหมายให้มากข้ึน ได้ แก่ คาประสม คาซอ้ น
คาซ้า คาสมาส คาทับศพั ท์ ศัพท์บัญญัติ

๖. ภาษาไทยมีหลกั ในการเรยี งคาเข้าประโยค เช่น

น้องสง่ แกว้ ให้พ่อ ให้นอ้ งแกว้ สง่ พอ่ แกว้ สง่ นอ้ งใหพ้ ่อ ส่งใหพ้ ่อนอ้ งแกว้
๗. ภาษาไทยมีหลกั ในการเรยี งคาขยาย เชน่

แมไ่ กส่ ขี าวกกไขอ่ ยู่ในเล้า
๘. ภาษาไทยมหี ลักใชค้ าสรรพนาม เช่น

นกั เรยี น ๑๐ คน
นก ๒ ตวั

๙. ใช้ตามหลังคานามเพอื่ บอกลักษณะของคานามทีอ่ ยขู่ ้างหน้า เช่น
หนังสอื เลม่ น้ันฉนั ซอ้ื มา

๑๐. ภาษาไทยมวี รรคตอนในการเขียนและการพูด เพ่อื กาหนดความหมายท่ี
ต้องการสื่อสารหากแบ่งวรรคตอนการเขียนผิด

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การใชภ้ าษาไทยเพอ่ื การสง่ สารและรับสาร

๑. ข้อใดจัดเป็นการสง่ สาร

ก. การถ่ายทอดความรู้ ไปยังผู้รับสารใหเ้ ขา้ ใจ
ข. การถา่ ยทอดทศั นคตไิ ปยังผู้รบั สารให้เขา้ ใจ
ค. การถ่ายทอดประสบการณ์ไปยงั ผ้รู บั สารใหเ้ ข้าใจ

ง. การถ่ายทอดความรู้สกึ นกึ คิดไปยงั ผู้รบั สารใหเ้ ข้าใจ
จ. ถกู ทุกข้อ
๒. ข้อใดจัดเป็นการรับสาร
ก. การรบั รเู้ นอื้ หาสาระของสาร

ข. ความเข้าใจในเน้ือหาสาระของสาร
ค. การรบั รแู้ ละเขา้ ใจสารจากผูส้ ่งสาร

ง. การรบั รแู้ ละเขา้ ใจเน้ือหาสาระของสาร
จ. ถกู ทกุ ขอ้
๓. สถานการณใ์ นขอ้ ใดจัดเป็นการส่งสาร
ก. นงนุชนอนหลับแต่เปิดเพลงฟัง

ข. นภิ าบอกกบั เพอื่ นวา่ จะไปเทีย่ ว
ค. นมุ่ นิม่ เดินไปส่งนอ้ งไปโรงเรียน

ง. แนง่ น้อยช่ืนชมธรรมชาติยามเช้า
จ. นกน้อยเรยี นทาอาหารทางโทรทศั น์
๔. สถานการณใ์ นขอ้ ใดจัดเปน็ การรับสาร
ก. สม้ จุกนั่งเลน่ ริมหนา้ ตา่ ง

ข. สม้ ฉนุ เดินไปซ้ือกว๋ ยเตย๋ี ว
ค. สม้ ซา่ อา่ นจดหมายจากพอ่
ง. สม้ เชง้ รดน้าตน้ ไม้ตอนเย็น

จ. ส้มเกลีย้ งไดร้ ับเงนิ จากยาย
๕. ขอ้ ใดคอื อุปสรรคของการรับสาร

ก. วิทยาสอบเนติบัณฑิตได้
ข. นงรามไมม่ ีเวลาไปไปรษณยี ์

ค. จิตราไม่เข้าใจภาษาท่ีนงรามพูด
ง. บณั ฑิตไมเ่ คยไปทะเลเลยเล่าไม่ถกู

จ. รงุ่ เรืองไปตอ้ นรับแขกตามทแี่ ม่บอก
๖. ข้อใดไมใ่ ชค่ าไทยแท้ทุกคา
ก. น่งั ยนื เดนิ นอน

ข. เณร รัฐ นอ้ ง นบั

ค. นอต โน้ต นดิ นอ้ ย

ง. ศอก ศึก เศร้า โศก
จ. ถกู ทั้งขอ้ ข. และข้อ ค.
๗. ข้อใดใช้ภาษาท่ีสุภาพและแสดงความมีมารยาท

ก. ดิฉนั ไม่มเี วลาวา่ งสาหรบั คณุ
ข. พวกคุณฟังไม่เข้าใจกนั หรืออย่างไร
ค. บอกใหอ้ อกไปก่อนคนกาลงั ทางาน

ง. น่ังรอก่อนได้ไหมอยา่ เพ่ิงมายุ่งตอนน้ี
จ. กรุณาคนื แบบสอบถามกอ่ นเท่ยี งนะคะ
๘. ข้อใดใชภ้ าษาพูดเข้าไปปะปนกับภาษาเขยี น
ก. ผขู้ ับขม่ี อเตอร์ไซคต์ ้องใส่หมวกกันนอ็ ก

ข. เมอื่ ไฟดบั ควรรบี เชก็ ดวู า่ ฟิวสข์ าดหรอื ไม่
ค. นกั หวดลกู สักหลาดสาวไทยคว้าเหรยี ญทอง

ง. โชเฟอร์แท็กซ่คี นน้คี งจะแวะด่มื เหลา้ มากอ่ น
จ. ถกู ทุกขอ้
๙. ขอ้ ใดเลอื กใช้ถ้อยคาที่สื่อความหมายเดียว

ก. น้าร้อนหมดแล้ว

ข. วันนี้เปน็ วนั เสาร์
ค. ใครชอบขา้ วเยน็

ง. คนเกบ็ จานไปแล้ว
จ. ลกู ไม่สวยเหมือนแม่
๑๐. ข้อใดใชค้ าให้ถกู ตอ้ งตรงตามความหมาย
ก. อย่าจอดรถขดั ขวางการจราจร

ข. ตารวจสบื สวนคนรา้ ยทจ่ี ับได้
ค. เธอไมค่ วรผลดั วนั ประกนั พรุง่
ง. ดนิ ริมเขอื่ นพังทะลายลงมาแลว้

จ. ตารวจตงั้ ดา่ นตรวจเข็มงวดมาก

ตอนท่ี 2 จงเติมคาหรือขอ้ ความลงในช่องว่างต่อไปน้ใี ห้ถูกตอ้ ง

1 การรับสาร หมายถงึ
…………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………
2 การส่งสาร หมายถึง
…………………………………………………………………………………………………………………………………

…………………………………………………………………………………………………………………………………
3 ประเภทของการรับสารและสง่ สาร แบ่งออกเปน็ ๒ ประเภท คือ

…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
4 คาไทยแท้มีลกั ษณะ คอื

……………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

5. จงเรยี งคาในประโยค “พ่อใหเ้ งินฉันใช้” ใหม้ คี วามหมายท่ีแตกต่างกนั ออกไป ๕ ประโยค

…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………

6 ข้อดีของการสอ่ื สารโดยยึดหลักความกระชบั รดั กมุ คอื
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………

การอ่าน ช่วยในการสรปุ ความใหเ้ ข้าใจไดง้ า่ ยขน้ึ
7 วิธีการสรา้ งคาในภาษาไทย ไดแ้ ก่

…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
8 ขอ้ ดีของการใช้คาให้เหมาะสมกบั สถานการณ์ คอื

…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………

9 การออกเสียงผดิ มผี ลต่อการรบั สาร-ส่งสาร คอื
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………

10 การใช้แนวเทยี บผิดในการเขียน หมายถงึ
…………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………

ตอนท่ี 3 จงตอบคาถามต่อไปนใี้ หไ้ ด้ใจความสมบูรณ์ (ทาลงในสมดุ )
1 จงอธบิ ายลกั ษณะสาคัญของภาษาไทยมา ๓ ประการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
2 การใช้ภาษากระชบั รัดกุมในการส่ือสารมีลกั ษณะอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
3 จงอธบิ ายความสาคัญของภาษาไทย พร้อมทง้ั ยกตวั อย่างประกอบ
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
4.จงทาแผนผงั ความคิดเรอื่ งหลกั การใชภ้ าษาไทยในการรับสารและส่งสาร

5 จงบอกปญั หาอุปสรรคในการสือ่ สารมา ๓ ประการและเสนอแนะวิธีแกป้ ัญหา
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………

แบบทดสอบหลังเรยี น

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 การใชภ้ าษาไทยเพอ่ื การสง่ สารและรับสาร
๑.ข้อใดไม่ใช่คาไทยแท้ทุกคา

ก. นั่ง ยืน เดนิ นอน
ข.เณร รัฐ น้อง นับ
ค.นอต โน้ต นดิ นอ้ ย

ง.ศอก ศึก เศรา้ โศก
จ.ถูกทงั้ ข้อ ข. และขอ้ ค.

๒.ข้อใดใชภ้ าษาที่สภุ าพและแสดงความมีมารยาท
ก.ดิฉนั ไมม่ ีเวลาวา่ งสาหรับคุณ
ข.พวกคุณฟงั ไมเ่ ข้าใจกันหรืออย่างไร

ค.บอกให้ออกไปกอ่ นคนกาลังทางาน
ง.นั่งรอก่อนไดไ้ หมอยา่ เพิ่งมายุ่งตอนนี้

จ.กรณุ าคืนแบบสอบถามกอ่ นเท่ยี งนะคะ
๓.ขอ้ ใดใช้ภาษาพดู เขา้ ไปปะปนกับภาษาเขียน

ก.ผู้ขับขม่ี อเตอรไ์ ซคต์ ้องใส่หมวกกนั นอ็ ก

ข.เมือ่ ไฟดบั ควรรบี เช็กดูวา่ ฟวิ สข์ าดหรือไม่
ค.นกั หวดลกู สักหลาดสาวไทยควา้ เหรยี ญทอง

ง.โชเฟอร์แท็กซค่ี นนี้คงจะแวะดมื่ เหล้ามาก่อน
จ.ถกู ทกุ ข้อ
๔.ข้อใดเลือกใช้ถ้อยคาที่สอ่ื ความหมายเดยี ว

ก.นา้ รอ้ นหมดแลว้
ข.วนั น้เี ป็นวนั เสาร์

ค.ใครชอบข้าวเย็น
ง.คนเก็บจานไปแลว้
จ.ลูกไมส่ วยเหมือนแม่

๕.ข้อใดใช้คาใหถ้ ูกต้องตรงตามความหมาย
ก.อยา่ จอดรถขัดขวางการจราจร

ข.ตารวจสบื สวนคนรา้ ยทจี่ บั ได้
ค.เธอไมค่ วรผลัดวันประกนั พรงุ่
ง.ดินรมิ เข่อื นพงั ทะลายลงมาแล้ว

จ.ตารวจตั้งดา่ นตรวจเข็มงวดมาก
๖.ข้อใดจดั เป็นการสง่ สาร

ก.การถ่ายทอดความรู้ ไปยงั ผูร้ บั สารให้เข้าใจ
ข.การถ่ายทอดทัศนคตไิ ปยงั ผู้รับสารให้เข้าใจ

ค.การถ่ายทอดประสบการณไ์ ปยงั ผรู้ บั สารให้เข้าใจ
ง.การถา่ ยทอดความรสู้ กึ นกึ คิดไปยงั ผูร้ ับสารใหเ้ ข้าใจ

จ.ถกู ทกุ ขอ้
๗.ขอ้ ใดจัดเป็นการรับสาร

ก.การรับรเู้ น้ือหาสาระของสาร
ข.ความเข้าใจในเน้ือหาสาระของสาร
ค.การรับร้แู ละเขา้ ใจสารจากผู้ส่งสาร

ง.การรบั รู้และเขา้ ใจเนื้อหาสาระของสาร
จ.ถกู ทุกข้อ

๘สถานการณใ์ นขอ้ ใดจัดเปน็ การส่งสาร
ก.นงนชุ นอนหลับแต่เปดิ เพลงฟงั
ข.นภาบอกกับเพ่ือนวา่ จะไปเที่ยว

ค.น่มุ น่มิ เดินไปสง่ น้องไปโรงเรยี น
ง.แนง่ น้อยช่ืนชมธรรมชาติยามเช้า

จ.นกนอ้ ยเรียนทาอาหารทางโทรทศั น์
๙สถานการณใ์ นขอ้ ใดจัดเปน็ การรับสาร

ก.สม้ จกุ นง่ั เลน่ ริมหน้าต่าง

ข.สม้ ฉุนเดนิ ไปซ้ือก๋วยเตย๋ี ว
ค.ส้มซ่าอ่านจดหมายจากพ่อ

ง.ส้มเช้งรดนา้ ต้นไมต้ อนเย็น
จ.สม้ เกล้ยี งได้รับเงินจากยาย
๑๐ขอ้ ใดคืออุปสรรคของการรับสาร

ก.วิทยาสอบเนตบิ ัณฑติ ได้
ข.นงรามไมม่ เี วลาไปไปรษณยี ์

ค.จิตราไม่เข้าใจภาษาทน่ี งรามพดู
ง.บัณฑิตไมเ่ คยไปทะเลเลยเล่าไมถ่ กู
จ.รงุ่ เรืองไปต้อนรับแขกตามที่แม่บอก

เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น

เฉลย ๑ จ ๒ จ ๓ ข ๔ ค ๕ ค
๖ จ ๗ จ ๘ จ ๙ ข ๑๐ จ

เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น

เฉลย ๑ จ ๒ จ ๓ จ ๔ ข ๕ จ
๖ จ ๗ จ ๘ ข ๙ ค ๑๐ ค

เฉลย

ตอนท่ี ๒ จงเตมิ คำหรือข้อควำมลงในช่องว่ำงต่อไปนีใ้ ห้ถูกต้อง
๑. การรับสาร หมายถึง การท่ีผรู้ ับสารเกิดการรับรู้และเขา้ ใจในเน้ือหาสาระของสารตามท่ีผสู้ ่งสารต้งั ใจ

ส่ือสารน้นั ๆ โดยอาศยั ช่องทางผา่ นสื่อต่าง ๆ ไปยงั ผรู้ ับสาร

๒.การส่งสาร หมายถึง การถ่ายทอดสิ่งท่ีเป็นความรู้ ความคิด อารมณ์ ทศั นคติ ประสบการณ์ จากผสู้ ่ง

สาร ไปยงั ผรู้ ับสารโดยใชว้ ิธีการต่าง ๆ

๓. ประเภทของการรับสารและส่งสาร แบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท คือ
๑) การส่งสารและรับสารผา่ นบุคคล
๒) การส่งสารและรับสารผา่ นสื่อต่าง ๆ

๔. คาไทยแทม้ ีลกั ษณะ คือ
๑) ภาษาไทยเป็นคาโดด
๒) คาไทยแทส้ ่วนมากมีพยางคเ์ ดียว
๓) คาไทยแทม้ ตี วั สะกดตรงตามมาตรา
๔) ภาษาไทยเป็นภาษาท่มี ีเสียงวรรณยกุ ต์
๕) ภาษาไทยมีหลกั ในการเรียงคาเขา้ ประโยค

๕. จงเรียงคาในประโยค “พ่อให้เงินฉนั ใช”้ ใหม้ คี วามหมายท่ีแตกต่างกนั ออกไป ๕ ประโยค

พอ่ ใหเ้ งินฉนั ใช้ ฉนั ให้เงินพ่อใช้ ฉนั ใชเ้ งินให้พ่อ พ่อใชเ้ งินให้ฉนั ใหพ้ ่อใชเ้ งินฉนั

๖. ขอ้ ดีของการสื่อสารโดยยดึ หลกั ความกระชบั รัดกมุ คือ ทาใหป้ ระหยดั เวลาในการเขียนและ

การอ่าน ช่วยในการสรุปความใหเ้ ขา้ ใจไดง้ ่ายข้ึน

๗. วธิ ีการสร้างคาในภาษาไทย ไดแ้ ก่ คาประสม คาซ้า คาซอ้ น คาสมาส คาทบั ศพั ท์ คาศพั ทบ์ ญั ญตั ิ

๘. ข้อดีของการใช้คาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ คือ ช่วยทาให้ใช้ภาษาเกิดความเหมาะสมและ

สละสลวยมากยง่ิ ข้ึน

๙. การออกเสียงผดิ มีผลต่อการรับสาร-ส่งสาร คือ
๑) ทาให้คามีความหมายท่ตี ่างกนั ออกไป
๒) เป็นปัจจยั หน่ึงท่ีทาใหเ้ ขียนสะกดคาผดิ

๑๐.การใชแ้ นวเทียบผดิ ในการเขียน หมายถึง

การสะกดคาผดิ เพราะมีแนวคิดในกานาไปเทยี บกบั คาทีมีลกั ษณะคลา้ ยกนั

เฉลย

ตอนท่ี ๓ จงตอบคำถำมต่อไปนีใ้ ห้ได้ใจควำมสมบูรณ์ (ทำลงในสมดุ )

๑. จงอธิบายลกั ษณะสาคญั ของภาษาไทยมา ๓ ประการ

๑) นาไปใชใ้ นการแลกเปล่ียนความรู้ และประสบการณ์ ทาให้เกิดความเจริญกา้ วหนา้ ใน

วทิ ยาการดา้ นต่าง ๆ ได้

๒) นาไปใชส้ ร้างความรักความสามคั คี สร้างความร่วมมือและความเขา้ ใจอนั ดี
๓) สามารถยดึ เป็นอาชีพในดา้ นต่าง ๆ ได้

๒. การใชภ้ าษากระชบั รัดกุมในการสื่อสารมีลกั ษณะอยา่ งไร
เลือกใชค้ าท่ีส้ันและง่าย แทนขอ้ ความยาว ๆ ทีใ่ ชค้ าฟ่มุ เฟือย

๓. จงอธิบายความสาคญั ของภาษาไทย พร้อมท้งั ยกตวั อยา่ งประกอบ
ภาษาไทยเป็นเอกลกั ษณข์ องชาติอนั ก่อใหเ้ กิดความเป็นเอกภาพของคนในชาติใหม้ ีความเป็น

ไทย เช่น ภาษาไทยเป็นภาษาทีม่ ีเสียงวรรณยกุ ตซ์ ่ึงเป็นเอกลกั ษณท์ ่โี ดดเด่น ซ่ึงทาใหค้ าหรือ
พยางคเ์ ปลี่ยนความหมายไปตามเสียงวรรณยกุ ตไ์ ด้
๔. จงทาแผนผงั ความคิดเร่ืองหลกั การใชภ้ าษาไทยในการรับสารและส่งสาร

ใช้ภาษาให้ถูกต้องตามแบบ ใช้คาให้เหมาะสมกบั ระดบั
แผน บุคคล

ใช้คาให้ความเหมาะสมกับสถานการณ์ หลกั การใช้ ใช้ภาษาในการส่อื สารให้เป็ นระบบ
ภาษาไทยใน
การรับสาร
และส่งสาร

ใช้ภาษากระชับรัดกุมในการส่อื สาร ใช้ภาษาท่สี ุภาพและแสดงความมมี ารยาท

๕. จงบอกปัญหาอุปสรรคในการส่ือสารมา ๓ ประการและเสนอแนะวิธีแกป้ ัญหา

ปัญหาอุปสรรคในการสื่อสารผสู้ ่งสาร

๑)ขาดพ้ืนความรู้และ ประสบการณ์ในเรื่องท่สี ่งสาร
๒)สาร มีความซบั ซอ้ นเกินไป ลึกซ้ึงหรือยากเกินไป
๓)ภาษาทใี่ ชใ้ นการสื่อสารมีลกั ษณะเขา้ ใจยาก

วิธีแกไ้ ข หมนั่ ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้เพ่ิมเติมบ่อย ๆ ฟังและดูในส่ิงที่เป็ นประโยชน์และให้
ความรู้

แผนการจดั การเรียนรูห้ นว่ ยท่ี 2

วชิ า ภาษาไทยพน้ื ฐาน รหัสวิชา 20000-1101

ระดับประกาศนียบตั รวิชาชีพ ช้ันปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2562

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง การใชถ้ ้อยคา สานวน ระดบั ภาษา เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง

ผู้สอน นายนิกร สระครบรุ ี วิทยาลยั การอาชพี สว่างแดนดนิ

1. จดุ ประสงคร์ ายวชิ า
1. บอกความหมายและความสาคัญของการใชถ้ อ้ ยคาได้

2. บอกความหมายความสาคัญของสานวนได้
3. บอกความหมายและความสาคัญของการใช้ระดับภาษาได้
4. อธิบายหลกั การใชถ้ อ้ ยคา สานวน ระดับภาษาได้

5. อธบิ ายลกั ษณะการฟงั ดู และอ่านสารในชวี ิตประจาวันไดอ้ ย่างมหี ลักการ
6. สามารถนาไปใช้ในการประกอบอาชีพ

2. สมรรถนะรายวิชา
-ใช้ถอยคา สานวน ระดับภาษาอย่างมหี ลกั การ

3. สาระสาคัญ

การใช้ถ้อยคา สานวน ระดบั ภาษา เป็นส่วนสาคัญอยา่ งหน่ึงของการใช้ภาษาในการสื่อสารผู้
ที่ใช้ภาษาได้ดจี ะต้องมีความรู้เรื่องคา สานวน และระดับภาษาเปน็ อย่างดี จึงจะสามารถส่อื สารกันได้
ตรงตามจุดประสงค์และเกิดผลสัมฤทธิ์อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

4. จดุ ประสงค์

ด้านพุทธิพิสยั ดา้ นทักษะพสิ ัย ด้านจิตพสิ ัย

พทุ ธพสิ ัย(K) ทักษะพิสยั (P) จติ พสิ ัย(A)

1. บอกความหมายและ ทกั ษะพิสยั (P) 1.1 ด้านคุณธรรม จริยธรรม

ความสาคัญของการใชถ้ ้อยคา 1. สัง เก ตก าร ใช้ก าร ใช้ และจรรยาบรรณวิชาชีพ

ได้ ถ้อยคา สานวน ระดับภาษา 1. ความเสยี สละ

2. บอกความหมาย 2. เ ต รี ย ม ค ว า ม พ ร้ อ ม 2. ความซอื่ สตั ย์สจุ รติ

ความสาคญั ของสานวนได้ เกี่ยวกับการใช้ถ้อยคา สานวน 3. ความกตัญญูกตเวที

3. บอกความหมายและ ระดับภาษาโดยมีการศึกษา 4. ความอดกลน้ั

ความสาคัญของการใช้ระดบั เกี่ยวกับลักษณะของการใช้ 5. การละเว้นสิ่งเสพติดและ

ภาษาได้ ถอ้ ยคา สานวน ระดบั ภาษา การพนนั

4. อธิบายหลักการใช้ถ้อยคา 6. เจตคติทดี่ ีต่อวิชาชพี และต่อ

สานวน ระดบั ภาษาได้ สังคม

5. อธิบายลกั ษณะการฟัง ดู 3. ขั้นตอนในการปฏิบัติ/ 7. ภูมใิ จและรกั ษาเอกลกั ษณ์
และอ่านสารในชวี ิตประจาวัน
ไดอ้ ย่างมหี ลกั การ ดาเนินการใช้ถ้อยคา สานวน ของชาติไทย

6. สามารถนาไปใช้ในการ ระดบั ภาษา 8. เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิ
ประกอบอาชพี
4. การแกไ้ ขและปรับปรุง ของผอู้ ่ืน

การใชถ้ ้อยคา สานวน ระดบั 9. มีความจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ

ภาษา 5. ความรวดเรว็ ใน ศาสนา พระมหากษัตริย์

การทางาน/ประสทิ ธิภาพใน 10. มจี ิตสาธารณะ

การทางาน 11. จติ สานกึ รกั ษ์สง่ิ แวดล้อม

7. การทางานรว่ มกับ

ผอู้ นื่ /เพื่อน 1.2 ดา้ นคณุ ลักษณะทพี่ งึ

8. การเรยี บเรยี งเนื้อหา ประสงค์

เกีย่ วกบั การใช้ถอ้ ยคา สานวน 1. ความมวี ินยั

ระดบั ภาษา 2. ความรับผิดชอบ

9. ประสทิ ธภิ าพของการ 3. มมี นษุ ยสัมพนั ธ์

ใช้ถอ้ ยคา สานวน ระดับภาษา 4. ความเชอื่ ม่ันในตนเอง

10. มารยาทของการใช้ 5. สนใจใฝ่รู้

ถอ้ ยคา สานวน ระดบั ภาษา 6. มีความคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์

11. การนาไปปฏบิ ตั ิ 7. ขยนั ประหยดั อดทน

ประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั 8. พง่ึ ตนเองต่อต้านความ

รนุ แรงและการทจุ รติ

9. ยดึ หลักปรชั ญาของ

เศรษฐกิจพอเพียง

10. ความปลอดภัย

อาชีวอนามยั การอนุรักษ์

พลงั งานและสิง่ แวดลอ้ ม

5. สาระการเรียนรู้ ด้านทักษะพสิ ยั ด้านจติ พสิ ัย

ดา้ นพทุ ธิพิสัย 1. สงั เกตการใช้ภาษา จิตพสิ ยั (A)

1. สามารถนาไปใช้ในการใช้ การใชถ้ ้อยคา สานวน ระดบั 1.1 ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรม
ถอ้ ยคา สานวน ระดับภาษา
2. แสดงความรู้ ความคิด ภาษา และจรรยาบรรณวิชาชีพ
ความรูส้ ึก
3. วดั ความเจรญิ 2. เตรียมความพร้อม 1. ความเสยี สละ
4. ถา่ ยทอดมรดกดา้ น
สติปัญญา เก่ียวกบั การใชถ้ อ้ ยคา สานวน 2. ความซอ่ื สตั ย์สจุ ริต
5. เป็นบนั ทกึ ทางสังคม
6. สามารถนาไปใช้ในการ ระดับภาษา โดยมกี ารศกึ ษา 3. ความกตัญญูกตเวที
ประกอบอาชีพ
เกี่ยวกับลกั ษณะของการใช้ 4. ความอดกลั้น

ถอ้ ยคา สานวน ระดับภาษา 5. การละเวน้ สิ่งเสพตดิ และ

3. ขั้นตอนในการปฏิบัติ/ การพนัน

ดาเนินการใช้ถ้อยคา สานวน 6. เจตคติทดี่ ีต่อวชิ าชพี และตอ่

ระดับภาษา สงั คม

4. การแก้ไขและปรับปรุง 7. ภมู ิใจและรกั ษาเอกลกั ษณ์

การใช้ถ้อยคา สานวน ระดับ ของชาติไทย

ภาษา 8. เคารพกฎหมาย เคารพสิทธิ

5. ความรวดเร็วในการ ของผู้อน่ื

ทางาน/ประสิทธภิ าพในการ 9. มคี วามจงรักภักดตี ่อชาติ

ทางาน ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์

7. การทางานร่วมกับ 10. มีจติ สาธารณะ

ผู้อนื่ /เพ่ือน 11. จิตสานกึ รกั ษ์สิ่งแวดล้อม

8. การเรยี บเรียงเนื้อหา 1.2 ดา้ นคณุ ลักษณะทีพ่ ึง

เก่ยี วกับการใชถ้ ้อยคา สานวน ประสงค์

ระดับภาษา 1. ความมีวนิ ยั

9. ประสทิ ธิภาพของการ 2. ความรบั ผดิ ชอบ

ใช้ถอ้ ยคา สานวน ระดับภาษา 3. มมี นุษยสมั พนั ธ์

10. มารยาทของการใช้ 4. ความเช่ือม่นั ในตนเอง

ถ้อยคา สานวน ระดับภาษา 5. สนใจใฝ่รู้

11. การนาไปปฏบิ ตั ิ 6. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์

ประยุกตใ์ ช้ในชวี ิตประจาวัน 7. ขยัน ประหยัด อดทน

8. พง่ึ ตนเองตอ่ ตา้ นความ

รนุ แรงและการทุจริต

9. ยดึ หลักปรชั ญาของ

เศรษฐกจิ พอเพียง

10. ความปลอดภัย

อาชวี อนามัย การอนรุ กั ษ์
พลงั งานและสิง่ แวดล้อม

6.กจิ กรรมการเรียนการสอน
1. ข้นั นาเข้าสูบ่ ทเรยี น

- ครผู สู้ อนชใี้ ห้ผูเ้ รยี นไดเ้ หน็ จดุ ประสงค์ การใช้ถ้อยคา สานวน ระดับภาษาทม่ี ปี ระสิทธภิ าพ
ของการใช้ถ้อยคา สานวน ระดบั ภาษา องคป์ ระ กอบของการใช้ถ้อยคา สานวน ระดับภาษา มารยาท
ของการใชถ้ อ้ ยคา สานวน ระดับภาษา

- ครูทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง ของการใชถ้ อ้ ยคา สานวน ระดับภาษาสง่ คาตอบและให้
คะแนน

- ครูแจ้งจดุ ประสงค์ของหนว่ ยท่ี 2 เรอ่ื ง การใช้ถ้อยคา สานวน ระดับภาษา

2. ขัน้ สอน
- ครูผสู้ อนบรรยาย
- ใหผ้ เู้ รียนปฏิบัตกิ ิจกรรม

กิจกรรมท่ี 1 คอื ใหน้ กั เรียนแยกความรเู้ กีย่ วกบั กการใช้ถอ้ ยคา สานวน ระดับภาษา(งานเด่ยี ว)
กจิ กรรมที่ 2 คือ
ให้นักเรยี นศกึ ษาเกี่ยวกบั การใช้สานวนของการใชถ้ ้อยคา สานวน ระดับภาษา (งานค)ู่
กจิ กรรมที่ 3 คือ
ให้นกั เรยี นร่วมกันระดมความคิดเกี่ยวกับการใชร้ ะดับภาษาของการใช้ถ้อยคา สานวน ระดับภาษา
(งานกลุ่ม)
วิธีดาเนนิ การลกั ษณะของกจิ กรรม

- กิจกรรมเด่ยี ว แบบประเมนิ ผลการเรียนรู้หนว่ ยท่ี 2 และใบงาน
- กิจกรรมกลุ่ม แบง่ กลมุ่ และให้แต่ละกล่มุ ออกมาศึกษาค้นคว้าทางอนิ เตอรเ์ นต็ และเอกสาร
ประกอบการเรียนในรายวิชาคาบรรยายของครูผสู้ อนอภิปรายหน้าชน้ั เรยี นเรือ่ ง แนวทางในการ
พฒั นาลกั ษณะเกยี่ วกับการการใช้ถอ้ ยคา สานวน ระดบั ภาษา
- กจิ กรรมเดย่ี วทาแบบทดสอบประจาหนว่ ยที่ 2 และใบงาน
- ร่วมกันอภปิ รายเนอ้ื หา
- สรปุ เนื้อหาของหน่วยท่ี 2 ร่วมกนั

4. ขัน้ สรปุ และประเมินผล
กจิ กรรมเสนอแนะ

- นาเสนอ
- สรุปองคค์ วามรเู้ กย่ี วกบั การใช้ถ้อยคา สานวน ระดบั ภาษา

- ร่วมกนั อภิปรายเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคา สานวน ระดับภาษา
7. สือ่ การเรยี นการสอน

1.หนังสือเรียน ภาษาไทยเพือ่ อาชีพของสานักพิมพ์บรษิ ัทพัฒนาคุณภาพวิชาการ (พว.) จากดั
- แบบประเมนิ ผลการเรยี นร้ปู ระจาหนว่ ย

- ใบงาน
-ใบความรู้เก่ยี วกับ
สถานการณ์ การใช้ถอ้ ยคา สานวน ระดบั ภาษา

8.การวัดและประเมนิ ผล

พฤตกิ รรมการศึกษา วธิ ีวดั ผล เครอื่ งมือวัดผล เกณฑก์ ารประเมิน
ร้อยละ 60
ดา้ นพุทธพิ สิ ยั ใชแ้ บบทดสอบ - แบบทดสอบกอ่ นเรยี น
ประจาหน่วยท่ี 1
1. บอกความหมาย - แบบทดสอบหลงั เรียน
ประจาหนว่ ยท่ี 1/
และความสาคัญของ (10 คะแนน)

การใชถ้ ้อยคาได้

2. บอกความหมาย

ความสาคญั ของ

สานวนได้

3. บอกความหมาย

และความสาคญั ของ

การใชร้ ะดบั ภาษาได้

4. อธิบายหลักการใช้

ถ้อยคา สานวน ระดับ

ภาษาได้

5. อธิบายลักษณะการ

ฟัง ดู และอา่ นสารใน

ชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ ง

มหี ลักการ

6. สามารถนาไปใช้ใน

การประกอบอาชพี

1. บอกความหมาย

และความสาคญั ของ

การใช้ถอ้ ยคาได้

2. บอกความหมาย

ความสาคญั ของ

สานวนได้

3. บอกความหมาย
และความสาคญั ของ
การใชร้ ะดบั ภาษาได้

4. อธิบายหลักการใช้
ถ้อยคา สานวน ระดับ

ภาษาได้
5. อธบิ ายลกั ษณะการ
ฟงั ดู และอา่ นสารใน

ชีวิตประจาวันไดอ้ ย่าง
มหี ลกั การ

6. สามารถนาไปใชใ้ น
การประกอบอาชพี

ดา้ นทกั ษะพิสัย ใชแ้ บบสังเกต แบบประเมนิ ดา้ นทักษะ ร้อยละ 70
พสิ ยั
1. เขียนเก่ียวกับการ (20คะแนน)

ใชถ้ ้อยคา สานวน แบบประเมนิ ด้านจติ พสิ ยั รอ้ ยละ 80
(20คะแนน)
ระดับภาษาทดี่ ใี น

อาชพี

2. ศกึ ษาเก่ียวการใช้

ถ้อยคา สานวน ระดบั

ภาษาท่ีดีในงานอาชพี

3. ปรบั ปรุง/พฒั นา

เกย่ี วกับการใชถ้ ้อยคา

สานวน ระดบั ภาษาใน

อาชพี

ดา้ นจติ พสิ ยั ใชแ้ บบสังเกต

1.1 ด้านคุณธรรม

จริยธรรมและ

จรรยาบรรณวชิ าชีพ

1)ความเสยี สละ

2)ความซือ่ สตั ย์สุจรติ

3)ความกตญั ญูกตเวที

4)ความอดกลนั้

5)การละเวน้ สิ่งเสพติด

และการพนัน

6) เจตคติท่ีดตี อ่
วชิ าชพี และตอ่ สังคม
7)ภูมิใจและรักษา
เอกลกั ษณข์ องชาติ
ไทย
8)เคารพกฎหมาย
เคารพสิทธิของผูอ้ ่นื
9)มคี วามจงรกั ภกั ดีตอ่
ชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์
10)มีจิตสาธารณะ
11)จิตสานึกรกั ษ์
สิ่งแวดลอ้ ม
1.2 ดา้ นคุณลักษณะ
ที่พงึ ประสงค์
1). ความมีวินัย
2)ความรับผดิ ชอบ
3)มีมนุษยสัมพันธ์
4)ความเชอ่ื มั่นใน
ตนเอง
5)สนใจใฝร่ ู้
6)มีความคิดรเิ ร่มิ
สร้างสรรค์
7)ขยนั ประหยดั
อดทน
8)พ่ึงตนเองต่อต้าน
ความรนุ แรงและการ
ทจุ รติ
9)ยดึ หลกั ปรชั ญาของ
เศรษฐกจิ พอเพยี ง
10)ความปลอดภยั อา
ชีวอนามัย การอนุรกั ษ์
พลงั งานและ
ส่ิงแวดล้อม

9. แหลง่ อ้างอิง/เอกสารอา้ งองิ

ฟอ้ น เปรมพันธุ์และคณะ. ภาษาไทยพน้ื ฐาน. กรุงเทพฯ : ศนู ย์สง่ เสริมวิชาการ. 2562.
10. บนั ทึกผลหลังสอน ช่วั โมงที่ ……....ผลการเรียนรู้
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ปญั หาและอุปสรรค
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชอื่ ..................................................ผู้สอน
(............................................................)
วันท.ี่ .......เดือน...................................พ.ศ.................

11. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารหรอื ผูท้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.................................................รองผู้อานวยการฝ่ายวิชาการ
(............................................................)

วนั ท่ี........เดือน...................................พ.ศ...............

12. ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรอื ผ้ทู ่ไี ด้รับมอบหมาย
................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................

ลงชื่อ.................................................ผู้อานวยการ
(............................................................)

วนั ท.่ี .......เดอื น...................................พ.ศ.............

ใบความรู้
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๒ เร่อื ง การใช้ถ้อยคา สานวน และระดบั ภาษา
การส่อื สารดว้ ยการพดู การเขียน การฟงั หรือการอ่าน ผ่านส่อื ทกุ ระบบ จาเปน็ จะตอ้ งใช้
ถอ้ ยคา รูจ้ ักความหมายของคา รจู้ ักเลือกใช้ถอ้ ยคาใหต้ รงความหมายให้เหมาะสมกบั กาลเทศะ และ
บคุ คล การสื่อสารก็จะไมเ่ กดิ ปญั หา และจะสง่ เสริมให้เรามีบคุ ลกิ ภาพท่ีดี มีความเช่ือมั่นในการใช้
ภาษาอกี ดว้ ย การเลอื กใช้ถ้อยคาควรคานงึ ถงึ สิง่ ตอ่ ไปนี้
ความหมายของคา
ลกั ษณะของความหมายของคาในภาษาไทยมีหลายลกั ษณะ ซง่ึ ตอ้ งศึกษาให้เข้าใจ คือ
1. ความหมายกวา้ งและความหมายแคบ คามคี วามหมายกวา้ ง แคบต่างกันดังตวั อยา่ ง ดอกไม้
กหุ ลาบ กุหลาบหนูดอกไม้ มคี วามหมายกวา้ ง หมายถึง ส่วนหน่งึ ของพรรณไมท้ ี่ผลิออกจากตน้ หรือกง่ิ
มีหนา้ ท่ีทาให้เกิดผลและเมล็ดเพอ่ื สบื พนั ธ์ุ ทง้ั ยงั หมายรวมถึงดอกไมท้ ุกชนดิ ท่ีตา่ งสีตา่ งลกั ษณะ
กหุ ลาบ มีความหมายแคบลง หมายถึงดอกไมช้ นิดหนงึ่ มหี ลายสี และมกี ลน่ิ หอม
กหุ ลาบหนู มีความหมายแคบกว่า กหุ ลาบ หมายถงึ กหุ ลาบชนดิ หนง่ึ มีดอกเล็ก หลายสี กลน่ิ
หอม
2. คามคี วามหมายโดยตรงและความหมายโดยนยั
ความหมายโดยตรง หมายถงึ คาทีม่ คี วามหมายตรงตามพจนานกุ รม
ความหมายโดยนยั หมายถงึ คาท่ีมคี วามหมายทช่ี ักนาความคิดให้เกยี่ วโยงกับสง่ิ อน่ื เปน็ ความหมาย
เชิงเปรียบเทียบ เช่น
เด็กเลี้ยงแกะคนนีน้ า่ สงสารมาก
เดก็ เลย้ี งแกะมีความหมายตรง หมายถึง เลี้ยงดูแลแกะจริง ๆ
ฉันคบเธอมาต้งั นาน เพิง่ รวู้ นั น้เี องวา่ เธอเป็นเด็กเล้ียงแกะ เดก็ เล้ยี งแกะ ในประโยคนม้ี ี
ความหมายโดยนัย หมายความว่าพดู โกหก
3. คาท่มี ีความหมายใกล้เคยี งกัน คาในภาษาไทยมจี านวนมากทม่ี คี วามหมายใกลเ้ คยี งกนั ดู
เหมอื นจะใช้แทนกนั ได้ แตใ่ นความถกู ต้องจะใช้แทนกนั ไมไ่ ด้ เชน่ คาวา่ ปิง้ กับ ยา่ ง ซึ่งหมายถงึ ใช้ไฟ
ทาให้อาหารสุก แต่การใช้จะตา่ งกันเล็กนอ้ ย
ป้ิง จะใช้กบั อาหารสกุ แล้วสว่ นหน่ึง
แม่ปง้ิ ปลาแห้งหอมจงั
ฉันชอบลูกชิ้นปิ้ง
ยา่ ง เป็นการนาของสด ๆ มาวางเหนือไฟเพอ่ื ทาให้สกุ
ย่างเน้ือนา้ ตก
ไกย่ ่างหา้ ดาว

4. คาท่ีมีความหมายเหมือนกันหรือคาไวพจน์
คาที่มีความหมายว่า ผู้หญิง ไดแ้ ก่ สตรี นุข นงนุช เยาวลักษณ์ อนงค์ ฯลฯ
คาทม่ี ีความหมายวา่ ป่า ได้แก่ พนา วนาลี ไพร ไพรสณฑ์ เถ่อื น ฯลฯ
คาทม่ี ีความหมายว่า สวย ได้แก่ วไิ ล อร่าม รุจี แฉลม้ อันแถ้ง สิงคลง้ิ ฯลฯ

คาทม่ี ีความหมายวา่ ตาย ได้แก่ ส้นิ เสีย ถึงแก่กรรม มรณภาพ สวรรคต ฯลฯ
คามากมายท่ีมคี วามหมายเหมอื นกนั แตบ่ างคร้ังจะใชแ้ ทนกันไมไ่ ด้ ตอ้ งคานึงถึงกาลเทศะ
และบุคคลดว้ ย
5. คาทมี่ ีความหมายตรงขา้ มกัน
เช่น บุรุษ - สตรี กว้าง - แคบ สุภาพ – หยาบคาย เหนยี ว - เปราะ
ขม – หวาน ยม้ิ แยม้ - บงึ้ ตึ คดโกง - ซ่ื หนา - บาง
เข้ม - จาง ดา - ขาว
การเลือกใชถ้ อ้ ยคา
ดงั ได้กล่าวมาแลว้ ขา้ งต้นวา่ การเลือกใชถ้ ้อยคาน้ัน ต้องคานึงถึงปจั จัยหลายอยา่ ง ซึ่งจะได้
นามาเสนอเฉพาะที่สาคญั ๆ ดังต่อไปนี้ คือ
1. เลือกใช้ให้ตรงความหมาย ไมก่ ากวม ประโยคทใ่ี ช้คากากวม เช่น
เขาเสร็จหรอื ยงั เขากนิ ทกุ อย่าง ตั้งแต่ไปอยู่ต่างจังหวดั
ประโยคแรก เสร็จ มีความหมายว่า จบ, สน้ิ อาจจะหมายความวา่ ตาย ไดต้ อ้ งพดู ใหช้ ัดเจนว่า เขา
ทางานเสรจ็ หรือยงั และพูดวา่ เขาสนิ้ ชวี ิตหรอื ยังประโยคท่สี อง กิน มคี วามหมายนัยตรงวา่ การ
รบั ประทาน มคี วามหมายโดยนัยว่า คดโกง ควรพูดให้ชัดเจนว่า เขากนิ อาหารไดท้ ุกอย่าง
2. เลือกใช้คาให้ตรงตามความมุ่งหมาย
คาบางคามีเสยี งใกล้เคยี งกัน เช่น สูจบิ ัตร - สูตบิ ัตร, ครอบครอง - คุ้มครอง, กรวดนา้ - ตรวดนา้ ,
ทดลอง - ทดรอง ฯลฯ คาแต่ละคามีความหมายไม่เหมือนกัน ก่อนจะใช้ควรตรวจดูความหมายจาก
พจนานกุ รมให้ดี
3. เลือกใช้ให้เหมาะสมกบั กาลเทศะและบคุ คล
ภาษาเปน็ เครื่องหมายแสดงวฒั นธรรมอย่างหนึ่ง ผ้เู รียนควรรู้จกั เลือกใช้คาให้เหมาะสมกับ
สถานท่ี โอกาส และฐานะของบุคคล เช่น พดู ในท่ีประชมุ ชนจะแตกต่างจากพดู ในบา้ นกบั คนใกล้ชดิ
พดู กับฆราวาสจะแตกต่างจากพดู กับพระสงฆ์ การกลา่ วปราศรัยกล่าวเปดิ งาน กลา่ วอวยพรคู่บา่ วสาว
ในงานมงคลสมรสจะแตกตา่ งจากกล่าวอวยพรวนั เกดิ ใหก้ ับเพื่อนสนทิ ที่บ้าน

4. เลือกใช้ถอ้ ยคาท่ีทาให้เหน็ ภาพ
คาที่ทาให้เหน็ ภาพ หมายถงึ ผ้อู ่าน ผู้ฟัง เห็นภาพตามคา เหมือนไดร้ บั รหู้ รือสมั ผสั ร่วมไปดว้ ย
คาท่ีทาให้เกดิ ภาพ มดี งั นี้

1. คาเลียนเสยี งธรรมชาติ เช่น เปรีย้ ง โครม ปู๊ด ๆ กร๊งิ ๆ ฯลฯ
2. คาท่ีเกิดจากความรสู้ กึ เช่น โอ๊ะ เอ๊ะ โอโ้ ฮ ว้าย ไชโย ฯลฯ
5. ใช้คาใหต้ รงตามความนยิ มของผู้ทใ่ี ชภ้ าษาเดยี วกันคาบางคาความหมายเดยี วกันบางทีใชแ้ ทนกันได้
บางทีใช้แทนกันไมไ่ ด้ แล้วแต่ความนิยมของผใู้ ชภ้ าษา เช่น สมรรถภาพกับ สมรรถนะ ใชแ้ ทนกนั ไมไ่ ด้
หรือคาท่มี คี วามหมายว่า งาม เช่น รางชาง, เฉดิ ฉาย, แฉล้ม จะไมใ่ ชว้ า่ วนั น้ีเธอแตง่ หนา้ รางชางกวา่
ทกุ วัน
6. ใชค้ าไม่ซา้ ซาก หรอื ร้จู กั หลายคา

การใช้คาซา้ กนั หลายครัง้ ในการพูดหรอื เขยี น จะทาใหผ้ ้ฟู งั หรอื ผอู้ ่านเกิดความเบ่ือหน่าย แลว้ ยงั ทาให้
ข้อความไมส่ ละสลวย ดงั นัน้ จงึ ควรเลือกใช้ถอ้ ยคาท่ีแตกต่างกนั แต่มีความหมายเหมอื นกนั หรือ

คล้ายคลงึ กัน เช่น
แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่ฉันก็มีความภูมใิ จท่ีเกิดในประเทศไทย ไมว่ า่ ฉันจะ

อย่ปู ระเทศใด ฉันกย็ ังรกั และหวงแหนประเทศไทย เพราะเปน็ ประเทศทีฉ่ ันเกิด และเตบิ โตตงั้ แตเ่ ล็ก
ควรเปล่ียนเปน็ แมว้ ่าไทยจะเปน็ ประเทศเล็ก ๆ แต่ฉนั ก็มคี วามภูมิใจทเ่ี กดิ เปน็ คนไทย ไมว่ ่า

ฉันจะอยู่แห่งใด ฉันกย็ ังรักและหวงแหนประเทศไทย เพราะเป็นบา้ นเกดิ เมอื งนอนของฉนั

สำนวนไทย
สานวน หมายถึง ถ้อยคาท่ีเรยี บเรยี งเปน็ ขอ้ ความพิเศษ มีความหมายในเชิงเปรียบเทยี บ เมอื่

จะใช้สานวนในการพูดหรอื เขียน จาเปน็ ต้องเข้าใจความหมายถ่องแท้เสียก่อน การรูจ้ ักเลอื กใช้สานวน
มาประกอบการพูด การเขียน จะทาใหก้ ารพูด การเขียน กระชับ มีอรรถรส และชวนคิดกว่าการพดู
การเขยี นตามปกติ

ตัวอย่าง
แม่ : ฉันไมแ่ น่ใจว่าเขาจะรกั ลกู เราจรงิ

พอ่ : กล็ กู บอกวา่ รกั กนั มาหลายปี ก็ต้องเช่อื ปกติ “ปรบมอื ข้างเดยี วมันไมด่ ังหรอก”
ลกู : แหม คณุ พ่อพดู ถกู ใจจังเลย
พอ่ : เอาละ อยา่ งนด้ี ไี หม ให้ลกู มเี วลาพิจารณาอีกหนอ่ ย เพราะบางครง้ั “ความรักทาให้คน

ตาบอด” นะ ยามรกั กนั อะไร ๆ กด็ ีหมด
แม่ : “น้าต้มผกั ทข่ี มก็ชมหวาน” ใช่ไหมล่ะ

พอ่ : ใช่ ขอใหล้ กู คดิ ให้ดี การเลอื กคู่ครองไมใ่ ชข่ องงา่ ย ดใู หแ้ น่ใจจริง ๆ ถ้าเลือกผดิ เดย๋ี ว
“น้าตาจะเชด็ หัวเข่า”

แม่ : แม่วา่ “รกั คนท่เี ขารักเราดกี ว่า”

ลกู : ค่ะ หนจู ะเช่อื คุณพ่อคุณแม่ จะใช้เวลาเปน็ เครอ่ื งพิสูจน์กแ็ ล้วกัน
ฯลฯ

การใชภ้ าษาถูกระดบั ส่ือสารกระชับประทบั ใจ
ภาษา เป็นเครอ่ื งมือในการสื่อสารความรู้ ความคิด ความรสู้ ึก ฯลฯ

ระดับภาษา เป็นเรอื่ งของความเหมาะสมในการใช้ภาษาตามสมั พนั ธภาพของบคุ คล ตามโอกาสและ

กาลเทศะ เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลสมความม่งุ หมาย
ภาษาแบ่งออกเป็น 5 ระดับ

ภำษำระดบั พิธกี ำร การใชภ้ าษาในระดับพิธีการมขี ้อน่าสังเกต ดังนี้
1. เป็นภาษาท่ีใช้สื่อสารกนั ในทีป่ ระชุมที่จดั ขน้ึ อย่างเป็นพิธกี าร เช่น การกล่าวคาปราศรัย

การเปดิ ประชุมรฐั สภา การกล่าวสดุดี การกลา่ วรายงานในพิธีมอบปรญิ ญาบัตรหรือประกาศนยี บตั ร

เป็นตน้
2. ผู้สง่ สาร ต้องเปน็ บคุ คลสาคญั หรือตาแหนง่ สูงในวงการ ส่วนผู้รับสารมกั จะเป็นกลุ่มชน

สว่ นใหญ่ผู้สง่ สารจะเป็นผู้กลา่ วฝ่ายเดยี ว ไมม่ กี ารโต้ตอบ
3. ลกั ษณะสารจะเลือกเฟ้นถ้อยคาทไ่ี พเราะเป็นคาศัพท์ เปน็ สารท่เี ป็นทางการ

4. เป็นสารทีต่ ้องเตรียมลว่ งหนา้ และมกี ารส่งสารด้วยการอ่าน ผา่ นสือ่ มวลชนตา่ ง ๆ
ผ้เู รยี นสามารถดูตัวอยา่ งการใชภ้ าษาระดับพิธกี าร เชน่ คาปราศรยั ของ ฯพณฯ นายกรฐั มนตรี เนอื่ ง

ในวนั เดก็ หรอื วนั สาคัญอน่ื ๆ ซึง่ หนงั สอื พิมพ์จะนามาตีพมิ พ์ในชว่ งเวลาของวันสาคญั นัน้ ๆ
ภำษำระดับทำงกำร มีขอ้ สังเกต คือ

1. เปน็ ภาษาที่ใชใ้ นการบรรยายหรอื อภปิ รายอยา่ งเปน็ ทางการในทีป่ ระชุมใหญ่ การรายงาน
ทางวชิ าการ, หนังสอื ราชการ(จดหมายราชการ) หรือจดหมายทต่ี ิดตอ่ ในวงการธุรกจิ คานาหนงั สอื ,
ประกาศของทางราชการ ฯลฯ

2. การใช้ภาษา จะใชอ้ ย่างเปน็ ทางการ มุ่งเขา้ สู่จุดประสงค์ ท่ีตอ้ งการความรวดเร็ว สารชนดิ
น้มี ลี ักษณะตรงไปตรงมาไม่ใช้คาฟ่มุ เฟือย ไม่เน้นความไพเราะของถอ้ ยคา

ภำษำระดับก่ึงทำงกำร ข้อสังเกตคือ
1. เป็นภาษาที่ใช้สอื่ สารที่คล้ายกับระดบั ที่ 2 แตล่ ดความเปน็ การเป็นงานลงบา้ ง การใช้

ภาษาระดับน้ี มกั ใชใ้ นการประชมุ กลุม่ เล็ก การบรรยายในหอ้ งเรยี น ข่าวและบทความในหนงั สือพิมพ์

โดยทั่วไปจะมถี ้อยคา สานวน ทท่ี าให้รสู้ ึกคุ้นเคยมากกวา่ ในระดับท่ี 2
2. เนอ้ื ของสาร มกั จะเป็นเรื่องทเี่ กยี่ วกับความรูท้ ่ัวไป หรอื เป็นการแสดงความคดิ เห็นเชิง

วชิ าการที่เกย่ี วกับการดาเนินชวี ิต หรือเรือ่ งเก่ยี วกับธุรกจิ ใช้ศพั ท์ทางวชิ าการเท่าทจ่ี าเป็น
ภาษาระดับสนทนา มีลักษณะท่สี ังเกตไดด้ ังนี้

1. เปน็ ภาษาที่มักใช้ในการสนทนาโต้ตอบกนั ของคนที่ร้จู ักมักคนุ้ กนั อยใู่ นสถานทแ่ี ละกาละ

ท่ีไมเ่ ป็นการสว่ นตัว
2. ภาษาที่ใช้ อาจจะเป็นคาสแลงหรอื เป็นคาท่ีเขา้ ใจความหมายตรงกันได้ในกลุม่ เทา่ นั้น

3. ตอ้ งไม่เปน็ คาหยาบ หรอื คาไมส่ ภุ าพ
ภำษำระดบั กันเอง

1. เปน็ ภาษาท่ีผู้สง่ สารและผูร้ ับสารต้องใกลช้ ิดสนิทสนมกันอยา่ งมาก

2. ภาษาที่ใช้อาจเป็นคาหยาบคาย หรอื ภาษาถน่ิ คาทใี่ ช้เฉพาะกลมุ่
คำรำชำศพั ท์

ตามธรรมเนียมและวฒั นธรรมไทยนน้ั จะต้องรู้จักเลือกใช้ถ้อยคาใหเ้ หมาะสมแก่ฐานะของ
บคุ คล ซง่ึ จะแบ่งออกเปน็ 5 ประเภท ผู้ใช้ภาษาจะต้องเลือกใชถ้ ้อยคาใหเ้ หมาะสมกับบุคคลทง้ั 5
ประเภท คือ

1. พระมหากษัตรยิ ์
2. พระราชวงศ์ช้ันสูง

3. พระภกิ ษุ
4. ข้าราชการชน้ั ผใู้ หญ่
5. สภุ าพชนทว่ั ไป

จึงสรุปไดว้ ่า คาราชาศัพท์ หมายถึง ศัพทห์ รอื ถ้อยคาทบ่ี ุคคลทัว่ ไปใช้กับบคุ คลทค่ี วรเคารพ
คือ พระมหากษตั ริย์ พระราชวงศ์ชน้ั สูง พระภกิ ษสุ งฆ์ ข้าราชการผู้ใหญ่ และสภุ าพชนท่วั ไป

แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 2 การใชถ้ ้อยคา สานวน ระดับภาษา
๑. ข้อใดใชถ้ ้อยคาได้เหมาะสมกับกาลเทศะและบคุ คล

ก. ฉันปากอ้ นหนิ โดนหัวกบาลเพ่ือน
ข. หลวงปกู่ าลังรับประทานอาหารเช้า
ค. ครมู กุ ดาไมช่ อบรบั ประทานแกงเผด็

ง. คุณนายฟาดฟักผดั ม้อื เยน็ ทุกวนั
จ. ยายน่ิมชอบเคี้ยวเออื้ งเวลาว่าง
๒. ข้อใดใชถ้ อ้ ยคาส่อื สารได้ชัดเจนท่ีสดุ
ก. นา้ ร้อนไมม่ แี ล้ว

ข. เด็กส่งของไปแล้ว
ค. กาแฟเยน็ หมดแล้ว

ง. ลกู สาวไมส่ วยเหมือนแม่
จ. เจนไมช่ อบรบั ประทานอาหารเชา้
๓. “คุณภาพสดุ เยย่ี ม รับประกนั สดุ ยอด” ข้อความนเี้ ป็นภาษาระดบั ใด

ก. ภาษาแบบเป็นทางการ

ข. ภาษาระดบั กึง่ ทางการ
ค. ภาษาระดบั มาตรฐาน

ง. ภาษาระดับสนทนา
จ. ภาษาระดับกนั เอง
๔. “ข้าเองก็อยากไป อยากรู้อยากเห็นครูเคยสอนข้าว่าแผ่นดินกว้างใหญ่นัก มีคนมากมายอยู่ตาม

แผน่ ดนิ ตา่ ง ๆ ขา้ อยากเห็นแผ่นดินนา้ แขง็ ของเอสกโิ ม” ขอ้ ความน้ีเปน็ ภาษาระดบั ใด

ก. ภาษาแบบเป็นทางการ
ข. ภาษาระดับกง่ึ ทางการ
ค. ภาษาระดับมาตรฐาน

ง. ภาษาระดบั สนทนา
จ. ภาษาระดบั กนั เอง
๕. “จ้อยนึกถึงคุณพระคุณเจ้า คิดถึงบุญคุณพ่อแม่เม่ือถึงคราว...จะแคล้วคลาดอันตรายทัง้ ปวง” คา
ในขอ้ ใดควรเติมลงในช่องว่าง

ก. ทุกข์ร้อน
ข. เดอื ดร้อน

ค. หวาดกลวั
ง. จวนเจียน
จ. คบั ขัน
๖. “เปน็ คนื เดือนมดื สนทิ ลอยถือตะเกยี งแกส๊ เดินนาหนา้ ไป” คาใดใช้แทนได้เหมาะสมทสี่ ดุ

ก. ดาวดับ

ข. ดึกสงดั
ค. ข้างแรม

ง. ฟา้ สาง
จ. ใกลร้ งุ่
๗. ขอ้ ใดเหมาะสมกับสานวน “ไกลปืนเที่ยง”
ก. หมบู่ ้านของน้อยหน่าชือ่ ว่าหว้ ยขมิ้นอยใู่ นหบุ เขาสงู

ข. สม้ เกลย้ี งต่ืนเช้าเปน็ พิเศษ ตืน่ ก่อนเสยี งกระเดอ่ื งตาขา้ วจะดงั เสยี อีก
ค. หลังโรงเรยี นดา้ นท่ตี ดิ ท่งุ นาเปน็ แปลงเกษตรกวา้ ง

ง. ฟา้ รอ้ งครางครืนมาอกี และมีแสงแลบแวบ ๆ ตามหลืบเมฆ
จ. เยน็ ย่าตะวนั จะลับทวิ ไม้ หมบู่ า้ นสับสนดว้ ยสารพัดเสยี ง
๘. “เมื่อพุทธศักราช ๒๑๓๕ นับเป็นพระมหาวีรกรรมแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ที่ไม่มีกษัตริย์

พระองค์ใดเสมอเหมือนปรากฏ พระเกยี รติยศขจรขยายท่ัวสกลพภิ พ” จัดอย่ใู นภาษาระดบั ใด

ก. ภาษาระดบั พธิ ีการ
ข. ภาษาระดบั มาตรฐาน
ค. ภาษาระดับกึ่งทางการ

ง. ภาษาระดับสนทนา
จ. ภาษาระดบั แบบแผน
๙. คาในขอ้ ใดอ่านแบบอกั ษรนา

ก. ถนอม ตลาด สละสลวย
ข. กวา้ ง ขวนขวาย ตรึกตรอง
ค. สรอ้ ย สรวง สรง ทราบ

ง. สขุ ภาพ จติ รกร สจั ธรรม
จ. วิริยะ อมตะ ปวารณา
๑๐. คาในข้อใดอ่านผดิ หลกั การอา่ น
ก. สมดลุ (สม- ดุน)

ข. ธนบตั ร (ทะ-นะ-บดั )
ค. ปวารณา (ปะ-วา-ระ-นา)

ง. อิสรภาพ (อิด-สะ-หรฺ ะ-พาบ)
จ. คมนาคม (คะ-มะ-นา-คม)

ตอนท่ี ๒ จงเติมคาหรอื ขอ้ ความลงในชอ่ งว่างตอ่ ไปน้ีใหถ้ ูกตอ้ ง
๑. ถ้อยคา หมายถงึ
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………
๒. สานวน หมายถงึ
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………
๓. ระดับภาษา หมายถงึ
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………

๔.ขอ้ ควรปฏิบัตใิ นเรอื่ งการใช้สานวน มดี งั น้ี
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………

๕. การอ่านแบบเรยี งพยางค์ หมายถึง
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………

๖. ภาษาระดับกึ่งทางการ หมายถงึ
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………

๗. ภาษาระดบั สนทนา หมายถงึ
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………

๘. การใช้ถ้อยคาใหม้ ีประสิทธภิ าพ ผู้ใช้ภาษาควรคานึงถึง
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………

๙. หลกั การใช้ภาษาตามระดบั ภาษา ผใู้ ชภ้ าษาควรคานึงถึง
……………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………


Click to View FlipBook Version