ยักษ์หยิบบุหรี่มายืนสูบแก้เครียด คงคิดว่าเจอเรื่องแปลกมาเยอะจนไม่อยากจะตกใจแล้ว แล้วทุกคนก็เดินตามกันเข้าไปในตัวอาคาร หมอยากับลุงพุฒิเดินอยู่หลังสุด หยาดได้ยินคุยกัน ประมาณว่า โชคดีนะ ที่มาทันเวลา แต่ลุงพุฒิยิ้มๆ ไม่ตอบอะไร หลังจากผ่านขั้นตอนการตรวจเบื้องต้น แย้มก็ถูกแยกไปตรวจร่างกายต่อ ราว 3 ทุ่มกว่าก็ย้ายมา รวมกันที่ห้องผู้ป่วย อาการแย้มดูแปลกจนพยาบาลก็งงๆ เพราะดูไม่เหมือนคนป่วย มีแค่บางครั้งที่ บ่นเบาๆว่าเจ็บท้อง แม่ก็คอยปลอบว่า ไม่เป็นอะไรแล้ว หมอตรวจแล้ว พรุ่งนี้ มะรืนนี้ก็กลับบ้าน ได้แล้ว ระหว่างที่พยาบาลตรวจและสอบถามอาการ ลุงพุฒิซึ่งยืนอยู่ข้างๆเตียงก็บอกว่าเดี๋ยวจะลงไปไหว้ศาลพระภูมิด้านล่างสักหน่อย พอลุงพุฒิออกไป ยักษ์ก็เดินออกไปบ้าง บอกว่าจะไปสูบบุหรี่ข้างนอกสักม้วน ถ้าหมอมาให้รีบไป ตาม ยอดกับหมอยาจึงตามออกไปด้วย เหลือหยาด แม่พยาบาลและแย้มซึ่งนอนอยู่ ผ่านไปชั่วครู่พยาบาลก็เดินออกไปจากห้อง สวนกับยอดที่เดินเข้ามา ยอดถามแม่ว่า พยาบาลว่าไง บ้าง แม่ก็เล่าว่า พยาบาลก็ถามนู่น นี่ นั่น ก็ยังไม่สรุปว่าแย้มเป็นอะไร แต่คิดว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบรึ เปล่า แล้วยอดก็หันมาบอกหยาดว่า
“เออ พี่ยักษ์เรียก ยืนรออยู่ตรงระเบียงด้านนอก” หยาดก็เดินออกไป ทิ้งให้ยอดอยู่เป็นเพื่อนแม่ หยาดเดินเปิดประตูมาตรงระเบียง ลมพัดเย็นมาก เห็นยักษ์ยืนม้วนใบจาก (สงสัยบุหรี่หมด) ส่วน หมอยาก็กำลังสูบยาเส้นอยู่ข้างๆ ยักษ์จุดไฟที่ใบยา สูดเข้าหนึ่งครั้งแล้วพ่นควันออกมา แล้วถาม หยาดว่า “เล่าให้ฟังหน่อยสิ วันนั้นไปเจออะไรกันมา เอาให้ละเอียดนะ” หยาดก็เล่าเรื่องในวันนั้นทั้งหมดให้ยักษ์ฟัง คร่าวๆคือกลับจากโรงเรียน ผ่านศาลร้างใต้ต้นไม้ เจอ ผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ ไม่รู้ว่าใช่คนเดียวกับที่ยักษ์ยิงคืนนั้นรึเปล่า แต่ก็คล้ายๆ โดยมีหมอยายืนฟังข้างๆ จนหยาดเล่าจบ หมอยาซึ่งนิ่งมานานก็พูดขึ้นมาว่า “คงไม่ใช่คราวซวยแล้วมั้ง นี่มันตั้งใจเลย” ยักษ์ก็ถามหมอยาว่าหมายความว่ายังไง หมอยาเลยบอกว่า ปกติเรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดได้ง่ายๆ ไม่งั้นคนก็คงเจอผีกันทุกวัน มันเป็นที่ดวง หรือ คราวเคราะห์และสิ่งสำคัญมากๆคืออยู่ที่ตัวคนๆนั้นด้วยว่ามีสภาพร่างกาย และจิตใจเป็น ยังไง ซึ่งจากที่ฟัง หยาดเล่ามา หมอยาบอกว่า มีความเป็นไปได้ที่มันรู้เลยมาดักรอ เพราะวันนั้น เห็นบอกว่า แย้มไม่สบาย ทั้งร่างกายและจิตใจคงจะอ่อนแออยู่ แถมยังเป็นเด็กด้วย ก็อาจจะเป็น ช่องให้สิ่งพวกนี้มันรังควานได้ง่าย หมอยาพูดต่อว่า ศาลร้างตรงใต้ต้นไม้นั่นก็เหมือนกันเห็นคนกราบไหว้กันมาก ใช่ศาลที่สร้างไว้ให้ เจ้าที่เจ้าทางอาศัยอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้ เคยผ่านไปตอนกลางโผล้เผล้เหมือนกัน มองไป ไม่ให้ความรู้สึก อุ่นใจ หรือน่ากราบไหว้เล้ย ดูน่ากลัวซะมากกว่า
ยักษ์ถามต่อว่า แล้วลุงพุฒิเล่าอะไรให้ฟังบ้าง หมอยาบอกว่า ลุงพุฒิเขาไม่ค่อยเล่าอะไรให้ฟังหรอกถ้าไม่จำเป็น จากนั้นยอดก็เดินออกมาตาม บอกหมอเวรเข้ามาดูอาการแล้ว ต้องรอผลตรวจอีกที ยักษ์จะเอา ยังไง ยักษ์ถามหมอยาว่าจะกลับบ้านมั้ย เดี๋ยวขับไปส่ง หมอยาก็บอกว่าถึงมือหมอแล้ว อยู่ไปก็ช่วย อะไรไม่ได้ ถ้ายักษ์จะไปส่ง ก็กลับเลยดีกว่า ยักษ์เลยให้ยอดอยู่เป็นเพื่อนหยาดกับแม่ ส่วนตัวเอง จะชับรถไปส่งหมอยา และก็จะลงไปถามลุงพุฒิด้วยว่าจะเอายังไง (เรื่องหลังจากบรรทัดนี้ ยักษ์มาเล่าให้ฟังตอนหลัง) ยักษ์เล่าว่า ลงไปเจอลุงพุฒินั่งอยู่หน้าศาลพระภูมิ ใจจริงก็อยากให้ลุงพุฒิอยู่ด้วย แต่ก็เกรงใจ ไป ส่งที่บ้านดีกว่า ลุงพุฒิบอกว่า ถึงตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะที่ทำได้ก็ทำไปหมดแล้ว ที่เหลือ ต้องให้ทางคุณหมอดูแล และก็แล้วแต่บุญแต่กรรมของแย้ม ยักษ์ถามขำๆว่า ขากลับมันดึกกว่าเดิม จะเจออะไรแบบตอนขามามั้ย? ลุงพุฒิตอบ สีหน้าดูไม่ค่อย สบายใจว่า “พวกเราน่ะคงไม่เจอหรอก มันถ่วงแข้งถ่วงขาเราจนพอใจแล้ว แต่...” ลุงพุฒิก็หยุดพูดแค่นั้น
กลางดึกคืนนั้นในห้องผู้ป่วย แม่กับยอดหลับไปแล้ว ส่วนหยาดยืนดูวิวตรงหน้าต่าง มองไปเห็นรั้ว โรงพยาบาล ถัดไปเป็นถนน อาจเป็นเพราะไม่ชินที่ จึงนอนไม่หลับ มาสะดุ้งตอนได้ยินเสียงแย้ม เรียกเบาๆ หยาดหันกลับไปมองก็ยังกลัวๆ กลัวว่าคนที่เรียกจะเป็นตัวแย้มหรือเป็นสิ่งอื่นที่คนอื่น พูดๆกันอยู่ว่าอยู่ในตัวแย้ม แย้มเรียกหยาดเบาๆ เรียบๆ อยู่ 2-3 ครั้ง ถึงจะไม่คุ้นหู แต่หยาดก็ไม่รู้สึกกลัว เพราะมีความรู้สึก ว่าคนที่เรียกเป็นน้องสาวตัวเองที่ไม่ได้คุยมาหลายวันแน่นอน แย้มบอกหยาดว่าขอกินน้ำหน่อย หิว น้ำมาก หยาดหยิบน้ำมาป้อนน้องสาวตัวเอง แย้มสำลักเล็กน้อย พอดื่มน้ำเสร็จ แย้มก็ถามต่อ “ที่นี่ที่ไหน ทำไมมานอนตรงนี้? จำได้ว่าไม่สบายนอนอยู่บ้าน” หยาดก็บอกว่า “อยู่โรงพยาบาล แย้มไม่สบายมาก แม่เลยพามาหาหมอ” หยาดถามว่าเป็นยังไงบ้าง แย้มบอกปวดท้องนิดหน่อยแล้วแย้มก็พูดว่า “คิดถึงจัง เหมือนไม่ได้เจอกันนานมาก” หยาดถึงกับน้ำตาซึม แต่ก็พูดติดตลกไปว่า “รู้ป่ะ มีแต่คนบอกว่าแย้มโดนผีสิง” แย้มก็ทำหน้างง
พอหยาดจะพูดต่อ แม่ก็ลุกขึ้นมาพอดี บอกว่าอย่าไปหลอกน้องสิแล้วแม่ก็เข้าไปถามว่าเป็นยังไง บ้าง แย้มก็บอกว่ารู้สึกปวดๆท้อง แต่ก็ไม่มาก อยากกลับบ้าน แม่ก็บอกว่า รอดูอาการพรุ่งนี้ ก่อน ถ้าไม่มีอะไรก็กลับบ้านกันนะลูก แล้วสักพักแย้มก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียหยาดก็นอน มองหน้าน้องสาวจนหลับไปเช่นกัน วันรุ่งขึ้นผลตรวจร่างกายก็ยังไม่มา ยอดออกไปหาอะไรมาให้แม่กิน หยาดเลยขอลงมาเดินเล่น ด้านล่างอาคารด้วย แม่บอกว่าอย่าไปเล่นไกล หยาดเจอคนแปลกหน้า ทั้งคนป่วย และญาติคนป่วยมากมาย แต่ก็ไม่รู้จะไปคุยไปเล่นกับใคร เดินจนเบื่อกำลังเดินกลับขึ้นห้อง ก็เจอแมวดำตัวนึง เดินมาพันแข้งพันขา หยาดเลยนั่งเล่นกับแมว จนคิดว่า อยากให้แย้มหายไวๆ จะได้กลับไปเล่นพร้อมหน้าพร้อมตากันอีก จนยอดกลับมาจึงเดิน ขึ้นห้องไปด้วยกัน ช่วงบ่ายยักษ์กับพ่อมาเยี่ยม แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรกับแย้มมาก เพราะแย้มนอนหลับอยู่ พ่อกับยักษ์ก็ ไปคุยกับหมอว่าสรุปเป็นอะไรยังไง แต่หมอก็บอกว่าต้องรอแพทย์เฉพาะทาง อีกอย่างอาการของ แย้มก็ดูเหมือนจะดีขึ้นแล้ว ช่วงเย็นๆ จึงทยอยกลับกัน เหลือแค่แม่กับหยาด 2 คน และช่วงกลางดึกคืนนั้นเอง เหตุการณ์ ประหลาดก็วนกลับมาหลอกหลอนอีกครั้ง
“หยาดฝันว่าเห็นแย้มนั่งร้องไห้ แม่ก็เข้าไปถามว่าเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม แย้มกำลังพูด” แต่หยาดก็สะดุ้งตื่น เพราะได้ยินเสียงประหลาดเย็นเยียบนั้นอีกครั้ง ธี่.......................หยด ธี่.......................หยด ธี่.......................หยด ณ ตอนนั้น หยาดสะดุ้งตื่น แต่อาการเหมือนโดนผีอำ คือเห็นทุกอย่าง รอบข้าง แต่พูดไม่ได้ นอน เกร็งนิ่ง หยาดมองไป ภาพเลือนลางที่เห็นคือแย้มนั่งโยกตัวไปมา พึมพัมๆ ทำเสียงประหลาด นั่งยืด ขายาวอยู่บนเตียง บนตัวแย้มมีแมวสีดำตัวนั้นนั่งคร่อมอยู่ พอพูดวลี แปลกๆนั่นจบ แย้มก็หันมา มองหน้าหยาดแล้ว ยิ้ม :) หยาดรู้ทันทีว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ไม่ใช่แย้มแน่ หยาดกลัวจนอยากจะกรี๊ด ร้องแค่ไหน แต่ก็ไม่มี เสียง ขยับไม่ได้ได้แต่เหลือกตาไปมา แล้วแย้ม (ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นตัวแย้มเองรึเปล่า) ก็พูด เรียบๆ แบบไร้ความรู้สึกว่า “กรูไปล่ะนะ”
หลังจากพูดจบ แย้มก็ทิ้งตัวหงายหลัง ลงบนเตียงเหมือนคนไม่มีสติส่วนแมวดำที่นั่งอยู่บนตัวแย้ม ก็พุ่งไปที่หน้าต่าง แล้วก็กระโดดหายลับตาไป ณ ตอนนั้นหยาดก็เหมือนหลุดจากอาการโดนอำ ลุก เข้าไปเขย่าตัวแย้ม แต่แย้มยังคงหลับ แต่ที่ทำให้หยาดตกใจ คือที่มุมปากแย้มมีเลือดไหลเยิ้ม ออกมา... หยาดร้องเรียกแม่ แม่ตกใจลุกขึ้นมาเห็นอาการลูกสาวปุ๊บก็ร้องลั่น แล้วรีบวิ่งไปตามหมอ ส่วน หยาดยืนตัวสั่น อ่อนแรง เรียกน้องเบาๆ แย้ม…….แย้ม แต่ไม่มีเสียงตอบรับ หยาดโซเซ ไปที่หน้าต่างที่แมวดำตัวนั้นกระโดดลงไป มองไปรอบๆก็ไม่เห็นอะไร นอกจากความมืด มิด สายตาหยาดมองกวาด ไปถึงรั้วโรงพยาบาลด้านหน้า ไฟจากถนนทำให้หยาดเห็นบางสิ่ง หยาด หน้าซีด ผู้หญิงนุ่งผ้าถุง ใส่เสื้อสีดำ ยืนสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น
: สรุปส่งท้าย - แย้มเสียชีวิต งานศพแย้มจัดขึ้นง่ายๆที่บ้านในไร่ มีญาติมาร่วมงานไม่มาก ลือกันไปไกลว่า แย้มถูกปอบกินบางคนกลัวเรื่องนี้มาก จนไม่กล้ามางาน - ศาลไม้เก่าข้างทางที่ไม่รู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้หรือไม่ แต่ลงท้ายจาก “ศาลไม้” ก็กลายเป็น “เศษไม้” เพราะยักษ์กับยศ ไปพังจนเสียหายแล้วเผาทิ้ง - หยาดบอก ยักษ์เล่าว่า แพทย์ที่ผ่าพิสูจน์ก็ยังสงสัย เพราะอวัยวะด้านในของแย้มฉีกขาด รุนแรงหลายจุด แต่อยู่มาได้ไงยังไงหลายวัน - ธี่หยด จริงๆมันคืออะไร ไม่มีใครทราบ คนเล่าก็ไม่ทราบ - ผู้หญิงคนนั้น...ไม่ทราบข้อมูล แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีคนบอกว่าเคยเห็น “ธี่หยด” คำแปลที่แท้จริงนั้น ความหมาย ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่จาก ข้อสันนิษฐาน คือเสียงโทนสูง แบบโหยหวน ที่ แว่วมาตามลม ลักษณะเป็นเหมือน “โอม” เหมือน กับ เสียงสวด ที่อาจเพี้ยนมากจาก ภาษา มอญ โบราณ มาจากคำว่า เตี๊ยะ หยด เตี๊ยะเเปลว่านอน หยดเเปลว่าลงหรือลด ถ้าเอาคำมารวมกันจะ เเปลว่า จงหลับไม่ตื่นอีกเลย