MARS
ดาวอังคาร
จัดทำโดย
พิชชญามญช์ ทองไว, ศิราณุภรณ์ พัฒน์จันทร์, ณธัชพงศ์ อัครกิจโชคสกุล,
เขมาพัสสรณ์ โชคทวีวรวัฒน์, ณปัญญ์ชนก สามไพบูลย์, พริมา โพธารามิก
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2 เลขที่ 8, 18, 21, 23, 24, 32
เสนอ : อาจารย์ปิโยรส ขอนดอก
ก คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชา ว 32109 วิทยาศาสตร์ 3 ระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาค้นคว้าหาความรู้ในเรื่องดาวอังคาร
ทั้งนี้ในรายงานประกอบไปด้วยความรู้เกี่ยวกับดาวอังคาร ลักษณะทางกายภาพ
โครงสร้างภายใน พื้นผิว ดิน ประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาของดาวอังคาร บรรยากาศ ภูม
อากาศ วงโคจรและการหมุน รวมไปถึงการสำรวจ
คณะผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน นักเรียน นักศึกษา
หรือผู้ที่กำลังค้นคว้าข้อมูลในเรื่องนี้อยู่ หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อผิดลาดประการใด
คณะผู้จัดทำขอน้อบรับไว้ และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
คณะผู้จัดทำ
สารบัญ ข
เรื่อง หน้า
คำนำ ก
สารบัญ ข
ดาวอังคาร 1
ลักษณะทางกายภาพ 2
โครงสร้างภายใน 3
พื้นผิว 4
ดิน 4
ประวัติศาสตร์ธรณีวิทยาของดาวอังคาร 5
บรรยากาศ 6
ภูมิอากาศ 7
วงโคจรและการหมุน 8
การสำรวจ 9
อ้างอิง ค
MARS ดาวอังคาร 1
ดาวอังคาร
ดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์ลำดับที่สี่จากดวงอาทิตย์ เป็นดาวเคราะห์เล็กที่สุด
อันดับที่สองในระบบสุริยะ รองจากดาวพุธ ในภาษาอังกฤษได้ชื่อตามเทพเจ้าแห่ง
สงครามของโรมัน มักได้รับขนานนาม "ดาวแดง" เพราะมีออกไซด์ของเหล็กบนพื้นผิว
ทำให้มีสีออกแดงเรื่อ ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์หินที่มีบรรยากาศเบาบาง มีลักษณะ
พื้นผิวคล้ายคลึงกับหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ และภูเขาไฟ หุบเขา ทะเลทราย
ตลอดจนพืดน้ำแข็งขั้วดาวที่ปรากฏบนโลก คาบการหมุนรอบตัวเองและวัฏจักรฤดูกาล
ของดาวอังคารก็มีความคล้ายคลึงกับโลกซึ่งความเอียงก่อให้เกิดฤดูกาลต่าง ๆ ดาว
อังคารเป็นที่ตั้งของโอลิมปัสมอนส์ ภูเขาไฟใหญ่ที่สุดบนดาวอังคารและสูงสุดอันดับสอง
ในระบบสุริยะเท่าที่มีการค้นพบ และเป็นที่ตั้งของเวลส์มาริเนริส แคนยอนขนาดใหญ่
อันดับต้น ๆ ในระบบสุริยะ แอ่งบอเรียลิส ที่ราบเรียบในซีกเหนือของดาวปกคลุมกว่า
ร้อยละ 40 ของพื้นที่ทั้งหมดและอาจเป็นลักษณะการถูกอุกกาบาตชนครั้งใหญ่ ดาว
อังคารมีดาวบริวารสองดวง คือ โฟบอส และดีมอส ซึ่งต่างก็มีขนาดเล็กและมีรูปร่างบิด
เบี้ยว ทั้งคู่อาจเป็นดาวเคราะห์น้อยที่ถูกจับไว้ คล้ายกับทรอยของดาวอังคาร
2 MARS ดาวอังคาร
ลักษณะทางกายภาพ
ดาวอังคารมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งหนึ่งของโลก และมีพื้นที่ผิวน้อยกว่าพื้นที่ผิว
ดินทั้งหมดของโลกรวมกันเพียงเล็กน้อย ดาวอังคารมีความหนาแน่นน้อยกว่าโลก มีปริมาตร
ประมาณร้อยละ 15 ของโลก และมีมวลประมาณร้อยละ 11 ของ มวลของโลก ลักษณะปรากฏสี
แดงปนส้มของพื้นผิวดาวอังคารมีสาเหตุมาจาก ไอเอิร์น (III) ออกไซด์ หรือสนิมเหล็ก อาจมองเห็น
คล้ายกับบัตเตอร์สกอตช์ และสีอื่น ๆ ที่ปรากฏทั่วไปตามพื้นผิวนั้นมีได้ทั้งสีทอง สีน้ำตาล สีน้ำตาล
อ่อน หรือสีออกเขียวขึ้นอยู่กับแร่องค์ประกอบ
ภูมิประเทศที่สำคัญ สนามแรงโน้มถ่วง
MARS ดาวอังคาร 3
โครงสร้างภายใน
ดาวอังคารมีการแยกชั้นองค์ประกอบเช่นเดียวกับโลก โดยแบ่งเป็นส่วนแก่นโลหะ
ความหนาแน่นสูงซึ่งถูกห่อหุ้มอยู่ภายใต้ส่วนประกอบอื่น ๆ ที่มีความหนาแน่นน้อยกว่า
แบบจำลองปัจจุบันของโครงสร้างภายในแสดงรัศมีอาณาบริเวณของแก่นดาวอยู่ที่ประมาณ
1794 ±65 กิโลเมตร มีองค์ประกอบหลักเป็นเหล็กและนิกเกิล โดยมีกำมะถันรวมอยู่ด้วย
ประมาณร้อยละ 16–17 คาดว่าแก่นไอเอิร์น (II) ซัลไฟด์ นั้นมีธาตุเบาเป็นองค์ประกอบ
มากกว่าแก่นของโลกถึงสองเท่า แก่นดาวล้อมรอบไปด้วยเนื้อดาว ซิลิเกตซึ่งประกอบขึ้น
เป็นโครงสร้างทางธรณีสัณฐานและภูเขาไฟต่าง ๆ บนดาวเคราะห์ซึ่งในปัจจุบันเหมือนจะ
สงบนิ่ง นอกเหนือจากซิลิกอน และออกซิเจน ธาตุที่มีมากที่สุดในเปลือกผิวของดาวอังคาร
ได้แก่ เหล็ก แมกนีเซียม อะลูมิเนียม แคลเซียม และโพแทสเซียม ความหนาเฉลี่ยของ
เปลือกดาวอยู่ที่ประมาณ 50 กิโลเมตร มีความหนาสูงสุดที่ประมาณ 125 กิโลเมตร ส่วน
เปลือกโลกซึ่งมีความหนาเฉลี่ย 40 กิโลเมตร
4 MARS ดาวอังคาร
พื้นผิว
ดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์หิน ประกอบขึ้นจากแร่ชนิดต่าง ๆ ที่มีซิลิกอน ออกซิเจน
โลหะ ตลอดจนธาตุอื่น ๆ อีกหลายชนิดเป็นองค์ประกอบรวมกันเข้าเป็นหิน พื้นผิวของดาว
อังคารมีหินบะซอลต์ ชนิดโทเลอิทิกเป็นองค์ประกอบหลัก แม้ว่าหลายส่วนเป็นหินชนิดที่มี
ซิลิกาสูงมากกว่าหินบะซอลต์ทั่วไปและอาจมีความคล้ายคลึงกับหินแอนดีไซต์บนโลกหรือ
แก้วซิลิเกต ภูมิภาคที่มีอัตราส่วนสะท้อนต่ำแสดงการมีเฟลด์สปาร์กลุ่มเพลจิโอเคลสหนา
แน่น ในขณะที่ภูมิภาคที่มีอัตราส่วนสะท้อนต่ำทางตอนเหนือเผยให้เห็นการมีแผ่นซิลิเกต
และแก้วชนิดที่มีซิลิกอนสูงด้วยความหนาแน่นสูงกว่าปกติ ในหลายส่วนของภูมิภาคที่ราบสูง
ตอนใต้ตรวจพบไพรอกซีนชนิดแคลเซียมสูงรวมอยู่เป็นปริมาณมาก นอกจากนั้นยังมีการพบ
ฮีมาไทต์ และโอลิวีน หนาแน่นในภูมิภาคจำเพาะบางแห่ง พื้นที่ผิวส่วนใหญ่ถูกปกคลุมด้วย
ชั้นหนาของเม็ดฝุ่นไอเอิร์น (III) ออกไซด์ละเอียด
ดิน
ข้อมูลจากยานส่วนลงจอด ฟีนิกซ์ ที่ส่งกลับมาแสดงว่าดินดาวอังคารมีความเป็นด่าง
เล็กน้อยและประกอบด้วยธาตุต่าง ๆ อาทิเช่น แมกนีเซียม โซเดียม โพแทสเซียม และ
คลอรีน สารอาหารเหล่านี้สามารถพบได้ทั่วไปในสวนบนโลกและต่างก็จำเป็นต่อการเจริญ
เติบโตของพืช การทดสอบโดนยานสำรวจเผยว่าดินดาวอังคารมีสมบัติเป็นด่าง ด้วยค่าพีเอช
ที่ 7.7 และมีเกลือเปอร์คลอเรตอยู่ราวร้อยละ 0.6
MARS ดาวอังคาร 5
ประวัติศาสตร์ธรณีวิทยา
ของดาวอังคาร
ยุคโนอาเคียน
เป็นช่วงกำเนิดพื้นผิวดาวอังคารที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่ปรากฏ อยู่ในช่วงเวลาประมาณ 4.5
พันล้านปีก่อนจนถึง 3.5 พันล้านปีที่ผ่านมา พื้นผิวยุคโนอาเคียนเต็มไปด้วยริ้วรอยจากการ
พุ่งชนขนาดใหญ่ครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนโป่งธาร์ซิส ที่ราบสูงภูเขาไฟที่คาดว่าเกิดขึ้นใน
ระหว่างยุคนี้พร้อมด้วยการท่วมท้นอย่างกว้างขวางของน้ำของเหลวในช่วงปลายยุค
ยุคเฮสเพียเรียน
ราว 3.5 พันล้านปีก่อน จนถึงช่วงเวลาประมาณ 3.3 ถึง 2.9 พันล้านปีที่ผ่านมา เป็นยุคที่มี
รอยปรากฏชัดเจนของการเกิดที่ราบลาวาขนาดใหญ่
ยุคแอมะโซเนียน
ยุคแอมะโซเนียน (ตั้งขื่อตาม แอมะโซนิสเพลนิเชีย หรือที่ราบแอมะซอน): นับตั้งแต่ 3.3
ถึง 2.9 พันล้านปีก่อนจนถึงปัจจุบัน พิ้นผิวยุคนี้มีหลุมจากการพุ่งชนน้อยแต่ค่อนข้างหลาก
หลาย ภูเขาไฟโอลิมปัสเกิดขึ้นในยุคนี้ร่วมไปกับการไหลของลาวาอีกหลายที่บนดาวอังคาร
6 MARS ดาวอังคาร
บรรยากาศ
เมื่อเทียบกับโลก บรรยากาศของดาวอังคารเบาบางกว่ามาก ความกดอากาศบนพื้น
ผิว ณ ปัจจุบันอยู่ในช่วงตั้งแต่น้อยสุดที่ 30 ปาสกาลบนยอดโอลิมปัสมอนส์ไปจนถึง 1,155
ปาสกาลในเฮลลาสเพลนิเชีย โดยมีความกดอากาศเฉลี่ยที่ระดับพื้นผิวเท่ากับ 600 ปาสกาล
(0.60 กิโลปาสกาล) ความหนาแน่นบรรยากาศสูงสุดบนดาวอังคารมีค่าเทียบเท่ากับความ
ดัน ณ จุดที่สูง 35 กิโลเมตรเหนือพื้นผิวโลก เป็นผลให้ความหนาแน่นบนพื้นผิวคิดเป็นเพียง
ร้อยละ 0.6 ของโลกเท่านั้น (101.3 กิโลปาสกาล) มีมาตราความสูงของบรรยากาศที่
ประมาณ 10.8 กิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าโลก (6 กิโลเมตร) เพราะความโน้มถ่วงที่พื้นผิวดาว
อังคารมีค่าเพียงร้อยละ 38 ของโลก รวมถึงผลชดเชยจากทั้งการมีอุณหภูมิต่ำและน้ำหนัก
โมเลกุลสูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 50 ของบรรยากาศดาวอังคาร
บรรยากาศของดาวอังคารประกอบด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 96 อาร์กอนร้อ
ยละ 1.93 และไนโตรเจนร้อยละ 1.89 ร่วมไปกับออกซิเจน และน้ำในปริมาณเล็กน้อย
บรรยากาศมีฝุ่นค่อนข้างมากโดยเป็นอนุภาคขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1.5
ไมโครเมตร ซึ่งทำให้ท้องฟ้าของดาวอังคารดูเป็นสีน้ำตาลปนเหลืองเมื่อมองจากพื้นผิว
MARS ดาวอังคาร 7
ภูมิอากาศ
จากดาวเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะ ฤดูกาลของดาวอังคารมีความใกล้เคียงกับโลก
มากที่สุด เนื่องจากความเอียงของแกนการหมุนของดาวทั้งสองที่คล้ายคลึงกัน ระยะเวลา
ของแต่ละฤดูกาลบนดาวอังคารมีความยาวประมาณสองเท่าของฤดูกาลบนโลก เพราะดาว
อังคารมีระยะห่างจากดวงอาทิตย์มากกว่า อุณหภูมิบนพื้นผิวดาวอังคารผันแปรจากค่าต่ำ
สุดที่ประมาณ –143 องศาเซลเซียสที่บริเวณแผ่นขั้วดาวในฤดูหนาว จนถึงค่าสูงสุดที่
ประมาณ 35 องศาเซลเซียสในฤดูร้อนบริเวณศูนย์สูตร การมีช่วงอุณหภูมิที่กว้างมากเป็นผล
จากบรรยากาศที่เบาบางจนไม่สามารถกักเก็บความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้มากนัก การมี
ความกดอากาศที่ต่ำ และการที่มีค่าความเฉื่อยความร้อนต่ำของดินบนดาวอังคาร ระยะห่าง
จากดวงอาทิตย์ถึงดาวอังคารคิดเป็น 1.52 เท่าเมื่อเทียบกับระยะจากดวงอาทิตย์ถึงโลก
ทำให้ดาวอังคารได้รับแสงจากดวงอาทิตย์เพียงร้อยละ 43 ต่อหน่วยพื้นที่เมื่อเทียบกับโลก
ดาวอังคารมีพายุฝุ่นที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีได้ตั้งแต่พายุในพื้นที่เล็ก ๆ ไปจนถึง
พายุขนาดมโหฬารที่ครอบคลุมทั่วทั้งดาวเคราะห์ พายุเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นเมื่อดาวอังคาร
เข้าใกล้ดวงอาทิตย์และแสดงให้เห็นการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิบนดาว
8 MARS ดาวอังคาร
วงโคจรและการหมุน
ดาวอังคารไกลจากดวงอาทิตย์ด้วยระยะทางเฉลี่ย 230 ล้านกิโลเมตรโดยประมาณ
(1.5 หน่วยดาราศาสตร์) และมีคาบการโคจรเท่ากับ 687 วันของโลก หนึ่งวันสุริยะบนดาว
อังคารยาวกว่าหนึ่งวันของโลกเพียงเล็กน้อยคือเท่ากับ 24 ชั่วโมง 39 นาที 35.244 วินาที
หนึ่งปีของดาวอังคารเท่ากับ 1.8809 ปีของโลก หรือ 1 ปี 320 วัน กับอีก 18.2 ชั่วโมง ดาว
อังคารมีความเอียงของแกนเท่ากับ 25.19 องศา สัมพัทธ์กับระนาบการโคจรซึ่งคล้ายคลึง
กับความเอียงของแกนโลก เป็นผลให้ดาวอังคารมีฤดูกาลคล้ายโลก ณ ปัจจุบัน ขั้วเหนือของ
ดาวอังคารมีการวางตัวชี้ไปใกล้กับดาวฤกษ์เดเนบ ดาวอังคารผ่านจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดใน
เดือนกุมภาพันธ์ 2012 ผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในเดือนมกราคม 2013 จุดไกลดวง
อาทิตย์ที่สุดถัดไปคือมกราคม 2014 และจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดถัดไปคือธันวาคมปีเดียวกัน
ดาวอังคารมีความเยื้องศูนย์กลางของวงโคจรค่อนข้างเด่นชัดที่ประมาณ 0.09 เมื่อเทียบกับ
ดาวเคราะห์อื่นอีกเจ็ดดวงในระบบสุริยะแล้ว มีเพียงดาวพุธเท่านั้นที่มีความเยื้องศูนย์กลาง
ของวงโคจรมากกว่า เป็นที่ทราบว่าในอดีตดาวอังคารมีวงโคจรที่กลมมากกว่าในปัจจุบัน
มาก ที่ขณะหนึ่งเมื่อ 1.35 ล้านปีก่อน ดาวอังคารมีความเยื้องศูนย์กลางที่ราว 0.002 ซึ่ง
น้อยยิ่งกว่าโลกในตอนนี้ วัฏจักรความเยื้องศูนย์กลางของดาวอังคารอยู่ที่ 96,000 ปีโลก
เทียบกับโลกที่วัฏจักรเดียวกันอยู่ที่ 100,000 ปี ดาวอังคารยังมีวัฏจักรความเยื้องศูนย์กลาง
อีกแบบหนึ่งที่กินเวลายาวนานกว่านี้ด้วยคาบราว 2.2 ล้านปีโลก ซึ่งมีความสำคัญบดบัง
กราฟวัฏจักร 96,000 ปี นับจาก 35,000 ปีที่ผ่านมา วงโคจรของดาวอังคารมีความเยื้อง
ศูนย์กลางเพิ่มขึ้นทีละน้อยเพราะผลกระทบเชิงโน้มถ่วงจาก
ดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ระยะที่ใกล้ที่สุดระหว่างโลกและ
ดาวอังคารจะลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่องตลอด
ระยะเวลา 25,000 ปีข้างหน้า
MARS ดาวอังคาร 9
การสำรวจ
นอกเหนือจากการสังเกตจากโลก ส่วนหนึ่งของข้อมูลใหม่ ๆ ของดาวอังคารได้มาจาก
ยานสำรวจ 14 ลำ ที่ยังอยู่ในระหว่างการปฏิบัติภารกิจทั้งบนและโคจรเหนือดาวอังคาร
(ข้อมูล ณ ปี 2021) ประกอบด้วย ยานในวงโคจรแปดลำได้แก่ 2001 มาร์สโอดิสซี, [190]
มาร์สเอ็กซ์เพรส (MEX), มาร์สรีคอนเนสเซนซ์ออร์บิเตอร์ (MRO), เมเว็น, มาร์สออร์บิเตอร์
มิชชัน (MOM), ExoMars Trace Gas Orbiter (TGO), ยานโคจรเทียนเวิน-1 และ โฮป
และยานสำรวจภาคพื้นอีกหกลำ ได้แก่ คิวริออซิตี, เพอร์ซิเวียรันซ์, อินเจนูอิตี, จู้หรง, อิน
ไซต์แลนเดอร์ และ เทียนเวิน-1 แลนเดอร์
มีการส่งยานอวกาศไร้คนบังคับหลายสิบลำทั้งที่โคจรรอบ ยานส่วนลงจอด และยาน
สำรวจภาคพื้นไปยังดาวอังคารโดยสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา ยุโรป และ อินเดีย เพื่อ
ศึกษาสภาพพื้นผิวของดาว ภูมิอากาศ และธรณีวิทยา สาธารณะชนทั่วไปสามารถขอดู
รูปภาพดาวอังคารได้ผ่านทางโปรแกรมไฮวิช
องค์การอวกาศยุโรปจะปล่อยยานสำรวจเอ็กโซมาร์สและแพลตฟอร์มพื้นผิวในเดือน
กรกฎาคม 2022 มีการเสนอแผนปฏิบัติการส่งมนุษย์สู่ดาวอังคารหลายครั้งตลอดคริสต์
ศตวรรษที่ 20 จนย่างเข้าคริสต์ศตวรรษที่ 21 แต่ยังไม่มีแผนใดที่ดำเนินการจริงอย่างเร็ว
ที่สุดก่อนคริสต์ทศวรรษ 2020 อีลอน มัสก์ ผู้ก่อตั้งสเปซเอ็กซ์ เสนอแผนในเดือนกันยายน
2016 อย่างมองโลกในแง่ดีว่าจะส่งนักท่องเที่ยวอวกาศไปดาวอังคารในปี 2024 โดยมีมูลค่า
การพัฒนาที่ประเมินไว้ 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม 2016 ประธานาธิบดี
บารัก โอบามา รื้อฟื้นนโยบายของสหรัฐในการมุ่งเป้าหมายส่งมนุษย์ไปดาวอังคารในคริสต์
ทศวรรษ 2030 และใช้สถานีอวกาศนานาชาติเป็นที่พัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการนี้
10 MARS ดาวอังคาร
การสำรวจ
5 พฤศจิกายน 2013 10 กุมภาพันธ์ 2013
ยานมาร์สออร์บิเตอร์มิชชัน เข้าสู่วง ยานคิวริออซิตี เก็บตัวอย่างหินส่วนลึกซึ่ง
โคจรดาวอังคาร เพื่อศึกษาวิเคราะห์ ถือเป็นการเจาะศึกษาตัวอย่างหินบนดาว
บรรยากาศและลักษณะภูมิประเทศ
เคราะห์ดวงอื่นเป็นครั้งแรก
พฤษภาคม 2018
ยานสำรวจภาคพื้นดิน อินไซต์ 19 ตุลาคม 2016
ของนาซาได้ลงจอดบนดาวอังคาร เอ็กโซมาร์สเทรซแก๊สออร์บิเตอร์เข้า
18 กุมภาพันธ์ 2021 วงโคจรของดาวอังคารได้สำเร็จ
ยานเพอร์เซเวียแรนส์ ได้ลงจอดบน
ดาวอังคาร เพื่อสำรวจร่องรอยของสิ่งมี 9 กุมภาพันธ์ 2021
ชีวิต รวมทั้งศึกษาลักษณะสภาพอากาศ ยานโคจร มาร์สโฮป มีเป้าหมาย
ธรณีวิทยา และเก็บตัวอย่างดิน เพื่อทำการศึกษาบรรยากาศทั่ว
ทั้งหมดของดาวอังคาร
อ้างอิง ค
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%
B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3