The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นักศึกษาป.บัณฑิตวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ รุ่นที่ 23

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Thanawat Hongthong, 2019-12-04 02:55:30

ครูนอกกรอบ แต่ไม่นอกคอก

นักศึกษาป.บัณฑิตวิชาชีพครู คณะครุศาสตร์ รุ่นที่ 23

48

“ เดก็ หลงั หอ้ ง ”ก่อนที่จะเล่าถงึ จดุ ประสงคค์ วามมุ่ง

หมายท่อี ยากจะเปน็ ครนู นั้ ต้องของยอ้ นเรือ่ งราวบางส่วนอันเป็นแรง
บันดาลใจและแรงขบั เคลื่อนของตัวเองในการทจี่ ะทาความฝนั นใ้ี หม้ นั
เป็นจริงให้ได้ ขอบอกใวก้ ่อนเลยว่าความคดิ ทจ่ี ะเป็นครูนน้ั ไมเ่ คยมีอยุ่
ในหวั เลย เนื่องจากเราเป็นคนทคี่ ่อนขา้ งจะมีความเป็นตัวของตัวเอง
ค่อนข้างที่จะสงู มากพอสมควร ตอนเรียนกไ็ ม่ได้เป็นคนขยนั มากนกั
ขึ้นอยกุ่ ับอารมณแ์ ละวิชาบางวิชาทเ่ี ราสนใจส่วนใหญใ่ นการเรยี นของ
ผมน้นั กจ็ ะชอบ นงั่ อยหู่ ลงั ห้องมาโดยตลอดกบั กล่มุ เพื่อนๆทส่ี นทิ กนั
โดยท่นี งั่ สว่ นใหญจ่ ะเป็นโตะ๊ หลงั ห้อง ไม่แถวสุดทา้ ย ก็แถวกอ่ นสดุ ทา้ ยไมเ่ กนิ ไปกว่านแี้ ล้ว เวลาเรยี นหนงั สอื
ของเรานน้ั ก็มีคยุ เลน่ กันบา้ งไปตามประสาเด็กวัยรนุ่ แต่ไม่ใช่ไมเ่ รยี นเลย ในการเรียนของเรากไ็ ม่เคยทจี่ ะติด
สอบซอ่ ม ตดิ 0 ตดิ ร ในวชิ าทกุ วชิ าเลยตลอดชีวติ วยั เรียนของเรา แตค่ วามที่เป็นผชู้ าย ตามประสา ก็มเี รือ่ งให้
พ่อแมต่ ้องลาบากมาถงึ โรงเรยี นบา้ งเพราะความเกเรของเราในเรื่องของการโดดเรยี น ทะเลาะวิวาท แต่ไมเ่ คยมี
ปัญหาเกี่ยวกบั เร่อื งยาเสพติดเลย ตามประสาลกู ผู้ชาย นอกจากน้เี ดก็ หลังห้องอยากผมก็ได้เป็นนกั กฬี าของ
โรงเรียนในประเภทกีฬา ฟตุ บอล เนือ่ งจากเปน็ คนท่ชี ื่นชอบกฬี านมี้ ากคณุ พอ่ ซงึ่ เปน็ จุดเปลี่ยนในชวี ิตของผม
เปน็ คนสอนใหร้ จู้ ักกีฬาน้ีเช่นกัน เนื่องจากคุณพอ่ ของผมกเ็ ป็นครูพละ เช่นเดียวกัน แต่ท่านสอบติดเป็น
ผบู้ ริหารจนเกษียณไปนานแลว้ หลังจากทล่ี ม้ ลกุ คลกุ คลานจากการเรยี นประถมและมธั ยมมาก็มาถึงจุดทผี่ มเริ่ม
เข้าไปสัมผสั ชวี ติ ของความเป็นครูในมหาวทิ ยาลัย เนอ่ื งจากเวลานนั้ ตอนผม ม.6 ผมได้สอบติดคณะพลศกึ ษา
ของ มศว ได้ วิชาเอกผนู้ านนั ทนาการ 4 ปี ซ่ึงเป็นคณะเดยี วกบั พอ่ ผมทเ่ี รยี นจบมาตอนสมยั 30 ปีท่ีแล้ว แตค่ น
ละสาขาวชิ าเอกกนั ทาใหผ้ มเวลามีเรื่องอะไรสมยั นน้ั ผมชอบไป
ปรึกษาพ่อบอ่ ยๆเกี่ยวกบั การเรียนของผม รวมไปถงึ ปญั หาชีวิตต่าง
ๆ อาจจะเป็นในฐานะรุน่ พม่ี หาลยั กเ็ ป็นได้ ฮา่ ๆ เพราะพอ่ ผมเปน็
ทีค่ อ่ นข้างจะไม่ค่อยดผุ มเลยกล้าทจ่ี ะปรกึ ษาเขา และตลอด
ระยะเวลาทผ่ี มเรียนอยุน่ นั้ เป็นธรรมดาของมหาลยั ทจี่ ะมกี จิ กรรม
ตา่ ง ๆ ของมหาลัยและเนือ่ งจากคณะผมเปน็ คณะที่เกา่ แก่ของมหา
ลัยเริ่มแรกมาจากวทิ ยาลัยครูชน้ั สงู ประสานมิตร จึงซมึ ซบั ความ
เป็นครแู ละถกู บ่มเพาะมาเรือ่ ย ๆจากวิชาการเรียนและการออกไป
ทากจิ กรรมต่าง ๆของคณะและทางมหาวทิ ยาลัย ตอนแรกๆกไ็ มไ่ ด้
ท่จี ะอยากเป็นครูหรอก แต่พอนาน ๆวันเข้าเพ่ือนฝงู ทเ่ี ราคบอยุ่
ต่างสาขาวิชาที่สนทิ กนั กต็ อ้ งไปฝึกสอน และบางคนก็ไดข้ อให้เราไปช่วยทากิจกรรมต่าง ๆทาให้กบั โรงเรยี นที่
เพือ่ นไปฝกึ สอน จนไดเ้ ริ่มทางานกับเด็ก ๆ เรอ่ื ยมาต้งั แตง่ านทรี่ ุ่นพส่ี าขาเดียวกันให้ทาตง้ั แต่ ปี 1 ยนั เรียนจบ
รบั ปริญญา ไดร้ ว่ มงานกับเพื่อนและร่นุ พี่ทางานกบั เดก็ ในสถานทตี่ ่าง ๆ ตามต่างจงั หวัดก็มี ไมว่ ่าจะเป็น การ

49

จดั กจิ กรรมภายในโรงเรยี น การทาคา่ ยลูกเสือ ค่ายตา่ ง ๆของบรษิ ัท
ภาคเอกชนทจี่ ัดข้นึ สาหรบั เด็กตา่ ง ๆนาๆ ทาใหเ้ รารูส้ กึ วา่ การท่เี ราได้
ทางานกบั เด็กบางครงั้ เรามีความสุขกวา่ การทไี่ ด้ทางานรว่ มกับผใู้ หญ่
ดว้ ยกันซะอีก ไดเ้ หน็ เดก็ เล่นกันสนุก ได้พดู คยุ ละลายพฤติกรรม บาง
เวลาก็นึกย้อนไปถงึ ตวั เองตอนเปน็ เด็กบ้างบางช่วงเวลาทเี่ ราไดอ้ ยทู่ าให้
เราคดิ ได้ว่าต่อไปในอนาคตเราจะอยากเป้นเหมอื นพอ่ ของเราเอง จน
มาถึงจุดเปลย่ี นของชีวติ ท่เี ปลี่ยนผมไปตลอดกาล หลงั จากทเี่ รียนจบ
แล้วนน้ั ผมไดร้ บั โอกาสจากโรงเรียนราชวินิตใหเ้ ขา้ ไปทาการสอนใน
ตาแหน่งครวู ่ายนา้ ของโรงเรียนตอนแรกกด็ ีใจทไี่ ด้งานแต่ก็แอบกลวั บา้ งอยใุ่ นใจเหมอื นกนั เนอื่ งจากสาขาเรา
ไมไ่ ดเ้ รียน 5 ปี เหมือนสาขาอน่ื ในคณะท่ีเรยี นจบมาแลว้ จะมีใบประกอบวิชาชีพจะทาใหเ้ ราทางานลาบากใหม
จะมีความม่นั คงรึปา่ ว แต่พอได้เขา้ มาทางานจริง ๆ เรากลับคดิ ผิดไปมาก เนอื่ งจากสังคมในหมวดพละของ
โรงเรียนนีข้ อบอกใว้เลยว่าดมี าก ท้ังหวั หน้าหมวดและครใู นหมวด ชว่ ยสัง่ สอนผมทกุ ๆ อยา่ งไมว่ า่ จะเปน็ การ
สอน จนไปถงึ การปฏิบัตติ นกับเด็กพวกเขาให้คาแนะนาทดี่ มี าเปรยี บเสมือนเป็นอกี ครอบครัวหน่งึ เลยกว็ ่าได้
ผมมีความสขุ มากในการสอนทนี่ ่ยี ังจาชวั่ โมงแรกทเ่ี ราลงสอนวา่ ยน้ากับเด็กไดเ้ สมอจาคาพูดคาสอนของทุก ๆ
เอาใวเ้ ตือนใจตนเองตลอดจะพยายามทาตวั ให้ดเี พือ่ อนาคตของเด็กและความสุขของเด็ก จนตอนนกี้ ็ผ่าน
ระยะเวลามา 1 ปีแล้วกับสถานท่ที างานแห่งแรกแห่งน้ี มีทอ้ บ้าง สขุ บา้ งและอุปสรรคความทา้ ทาย มีเรอ่ื งราว
ใหแ้ กป้ ัญหามากมายแต่ก็รกั ในอาชพี ท่เี ลือกและตัดสินใจทจ่ี ะอยู่ในท่ีตรงนี้ แมจ้ ะเป็นเพียงครคู นหน่งึ ทีไ่ มไ่ ด้
เรียนจบครู แต่มงุ่ มน่ั ทาหนา้ ทคี่ รู และต่อยอดพฒั นาตนเองโดยการเข้าศกึ ษาวิชาประกาศนยี บตั รบณั ฑิต สาขา
วิชาชีพครอู ย่างตงั้ ใจ เกบ็ เก่ียวความรคู้ วามสามารถมาถ่ายทอดใหแ้ กน่ กั เรียนตอ่ ไป จากเด็กหลงั หอ้ งตัวเกเรจน
มาถงึ คนเปน็ ครูทจี่ ะเปลี่ยนตวั เองเพอ่ื เด็กๆที่อาจจะเป็นอนาคตของชาติทีด่ ีกว่าเรา ตอ่ ไป

50

มำกกว่ำ “คร”ู

ฉฏาธร ธรรมธร
จดุ เร่มิ ต้นของการเปน็ คุณครูของฉันก็ต้องเรมิ่ ต้นจากการเรยี นประถมอยู่แล้ว การเรียนก็ตอ้ ง
เรม่ิ ต้นจากที่นี่ก่อน ในช่วงปฐมวัยของฉันเรียนที่โรงเรยี นวัดประศาสน์โสภณ เป็นโรงเรยี นวัดเลก็ ๆ ท่ีมเี ด็กไม่
มากนัก เหตุผลที่ได้เรียนที่น่ีก็เพราะใกล้บา้ น ใกล้ขนาดทสี่ ามารถเดินกลับบา้ นได้ ช่วงประถมของฉันก็ไม่ได้มี
อะไรพิเศษไปจากเด็กคนอน่ื

ฉันก็เปน็ เด็กธรรมดาคนหนง่ึ ทีต่ ้องเรียนหนงั สอื กลบั มาทาการบ้าน ชว่ ยงานพ่อแม่ แต่ชว่ งวยั นี้ฉนั รู้สกึ ว่ามันน่า
ภมู ใิ จสาหรบั ฉันนะ เพราะฉันมักจะสอบได้ท่ี 1 เสมอ มันคอื การแข่งกนั เรียนเพอ่ื สรา้ งความภูมิใจให้กบั พ่อแม่
ฉนั ชอบเรียนในหลาย ๆ วิชา โดยเฉพาะวชิ าคอมพิวเตอร์ ที่ครูเตย้ เป็นคนสอน เธอเป็นคนใจดี แลว้ ก็มกั มเี วลา
เหลือทา้ ยคาบใหไ้ ด้เข้าไปเลน่ อินเทอร์เน็ตเสมอ นั่นเปน็ ชว่ งเวลาทีฉ่ นั รอคอยในแต่ละอาทิตย์เลยแหละ แล้วก็มี
วิชาภาษาไทยท่ีก็ชอบเหมือนกัน แต่ฉนั ก็จาไม่ไดห้ รอกว่าชอบเพราะอะไร ความทรงจาฉันมันบอกมาแบบนั้น
ในช่วงเยน็ ๆ ฉันก็จะไปช่วยคุณแมท่ างานบา้ นแล้วก็จะมีลูกของน้องสาวแม่ที่เรียนอย่ทู ี่เดียวกันมาเล่นท่ีบ้าน
ดว้ ย รอแมข่ องน้องมารับกลบั ตอนนนั้ สนุกมาก ได้มอี สิ ระในการใช้ชีวิต ไมต่ อ้ งแบกอะไรในชวี ิตมากนัก ไมต่ อ้ ง
คดิ ถึงเรื่องผูใ้ หญ่ให้ปวดสมอง ชีวติ วนั ๆ หนงึ่ ก็อยู่กับการเรียน ทาการบา้ น มีชว่ งกนิ เลี้ยงปีใหม่ทฉ่ี ันชอบดว้ ย
เพราะแทบจะไม่ได้เรียนเลย แลว้ ก็มีของอร่อยเพียบ มีจับของขวัญ ตกุ๊ ตาหมีคือส่ิงที่ฉันมักจะอยากไดม้ าโดย
ตลอดในการจบั ของขวัญแต่ละปี แต่ส่งิ ทไ่ี ด้มาแต่ละทีกค็ อื ของกิน กฬี าสีก็จดั แบบเล็ก รู้สึกว่าช่วงประถมเป็น
ช่วงท่ีสนุกมาก ไมไ่ ด้เครียดอะไรเลย เจ็บมากสุดก็คือโดนครูตี แต่ตอนนั้นถึงจะเจ็บจากการโดนครตู ีโดนครูดุ
หรืออะไรก็ตาม แต่ความฝันของฉันในตอนเด็กก็คืออยากเป็นคุณครู การเป็นครูน่าจะเป็นความฝันของเด็ก
หลาย ๆ คนเลย ฉนั อยากสอนคน อยากมีความรู้เยอะ ๆ อยากเป็นครทู ีใ่ จดีแลว้ ก็เข้าใจนักเรียน น่ีคือความฝัน
ทแี่ น่วแน่ของฉนั ในตอนนั้น ฉันไม่รู้ว่าการเปน็ คุณครูสามารถทาอะไรไดบ้ ้าง ฉนั รู้แค่ว่าต้องสอนหนังสือให้กับ
เด็กเท่านน้ั

51

พอตอนมัธยม ฉันได้เลือกเข้าเรียนท่ีโรงเรียนเบญจมราช
รังสฤษฎิ์ 2 มนั จะมีการสอบเขา้ เพื่อเลือกห้องและคัดเด็กท่ีจะเข้าเรยี น ฉันก็
สามารถผา่ นมาได้แบบสบาย ๆ แตฉ่ ันก็แอบกังวลกับเร่ืองเพ่ือนใหม่ทจ่ี ะเจอ
กนั ตอนเปดิ เทอมทจ่ี ะถึงนเ้ี พราะฉันไมค่ อ่ ยชอบเข้าหาใครซักเท่าไหร่ แตก่ ค็ ิด
ว่ามันเป็นสิ่งท่ีเราจะต้องเจออยู่ในทุก ๆ ที่ ก็เลยเลือกท่ีจะรอเวลา พอข้ึน
มัธยมงานต่าง ๆ ก็ดูเหมือนจะเริ่มเยอะขึ้น ได้เห็นอาชีพมากข้ึน อาชีพที่ฉันอยากเป็นในอนาคตมันก็เลย
เปลยี่ นไปดว้ ย การแข่งขนั เรื่องการเรียนกเ็ พมิ่ ข้นึ ดว้ ย มีคนเกง่ หลายคนเลยท่ฉี นั เจอ ฉันเปน็ คนขอ้ี าย และการ
ท่ีต้องทาความรู้จักกับคนใหม่ ๆ เป็นเรื่องยากสาหรับฉัน แต่ก็มีเพื่อนท่ีเข้ามาคุยกับฉันหลายคน สิ่งท่ีฉนั คิด
กงั วลเรือ่ งการเขา้ กับคนก่อนหนา้ นี้กค็ อ่ ย ๆ หายไป ในชว่ งมัธยมฉนั รู้สึกวา่ เปน็ ชว่ งชวี ิตทมี่ อี ะไรให้เข้าร่วมหรือ
ไดล้ องทาเยอะแยะ มีงานกีฬาสีที่ดูเหมือนจะย่ิงใหญ่กว่าตอนประถมมาก ๆ ทาใหฉ้ นั ต่ืนตาตื่นใจ ไมว่ ่าจะเป็น
เรื่องการแต่งตวั ในวนั งานกฬี าสีเอย การแบ่งหนา้ ทใี่ นการทางาน แสตนเชียร์ ตอนช่วงมัธยมต้นกจ็ ะถกู จบั ไปน่ัง
ตรงแสตนเชียร์ซะหมด ส่วนคนสวย ๆ ก็จะได้ไปเดินตามขบวน เรื่องเรียนในตอนนั้นสาหรับฉันก็หนักอยู่
เหมือนกัน การเรยี นในมัธยมกับประถมมันค่อนขา้ งแตกต่างกันมาก งานก็เยอะขน้ึ มาก ๆ เรื่องหลักสูตรการ
เรียนก็ดูจะยากขึ้นแบบก้าวกระโดด คณิตก็ยากข้ึนแบบมาก ๆ ภาษาก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว งานท่ีคุณครูส่ังก็
เยอะแยะไปหมด แตฉ่ ันก็เลอื กที่จะค่อย ๆ ทามนั ไป ฉนั เริม่ ปรบั ตวั ได้ เร่ืองอะไรแบบน้ีกจ็ ะดไู มร่ ้ายแรงเหมือน
ตอนแรก แลว้ ฉันก็ได้ร้ดู ้วยว่า 'เพ่ือน' คืออีกหนง่ึ ปัจจัยท่ีทาให้ฉันสามารถเรียนต่อไปโดยทไ่ี มเ่ ครียดมากได้ การ
ที่ไดไ้ ปทากิจกรรมอะไรกับเพื่อนมนั เปน็ ช่วงเวลาท่ดี ี การเข้าคา่ ยลกู เสือเป็นสง่ิ ทฉี่ ันไมช่ อบมาก ๆ ฉันเป็นคนตดิ
บ้าน ไม่ชอบไปนอนค้างคืนท่ีไหน แต่โรงเรียนบังคับก็ต้องไป ตอนช่วงมัธยมเรามักจะถูกถามว่าในอนาคต
อยากจะที่เป็นอะไร คุณครูแทบจะทุกคนเลยที่ถามคาถามนี้ และแน่นอนว่าอาชีพที่ยอดฮิตที่สุดก็คือ คุณครู
และแน่นอนว่าตัวฉันเองก็ตอบคุณครูเหมือนกัน ท่ีฉันเลือกตอบอาชีพน้ีก็เพราะคุณครูเป็นคาตอบท่ีดีท่ีสุด
สาหรับฉันตอนน้ันแล้ว ถึงจะมสี ิ่งอื่นท่ีอยากทาในอนาคตอยใู่ นใจ ตวั ฉันเองก็ไมร่ ู้ว่าจะตอบออกไปเป็นช่อื ของ
อาชีพน้นั ยังไง เลยเลือกที่จะตอบอาชีพทฉี่ ันสามารถหาเหตุผลมารองรับในการอยากเป็นอาชพี น้ัน ๆ ได้ ตอน
นัน้ ฉนั ไม่เข้าใจวา่ ทาไมถงึ ตอ้ งถามถึงอาชีพท่ีอยากทาในช่วงมอต้นด้วย แล้วฉันกไ็ ด้มาเข้าใจตอนข้นึ มอปลาย
วา่ การค้นพบตัวเองใหเ้ ร็วทสี่ ุดเป็นส่งิ ที่ดี ฉนั เลือกทจี่ ะเรียนต่อมอปลายท่เี ดิมโดยขอโควต้าเพราะเกรดของฉัน
ตอนมอต้นคอ่ นข้างดี ฉนั ได้เรยี นหอ้ ง4 สายศิลป์-ภาษา ซึ่งภาษาที่ฉันเรยี นก็จะเป็นภาษาจีน ท่ีฉันเลอื กเรียน
ภาษาจนี ก็เพราะว่า ชว่ งนนั้ ฉันชอบศิลปินเกาหลีอยคู่ นหนง่ึ ซึ่งฉันไปทราบมาว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นคนจีน มัน
ทาใหฉ้ ันอยากศึกษาภาษาจีนมากขึน้ ฉันอยากท่จี ะส่อื สารกับเขาได้ หลายคนบอกว่า ชว่ งมอปลายคอื ช่วงเวลา
ท่ีสนุกทีส่ ดุ ในชีวิต มนั เป็นอย่างทห่ี ลาย ๆ คนเคยบอกไวจ้ รงิ ๆ สาหรับฉันคดิ ว่า ช่วงมอปลายงานจะไมไ่ ดเ้ ยอะ
เทา่ มอต้นนะ แตว่ ่างานทีไ่ ด้มา มักจะเป็นงานชนิ้ ใหญ่ แล้วก็เป็นงานที่ใช้สมองมาก ๆ แตฉ่ ันก็สามารถผา่ นมัน
มาได้

52

ในช่วงมหาวิทยาลัยฉันเลอื กท่ีจะเรียนภาษาจีน เพราะความชอบ ช่วงมหาลยั เป็นช่วงที่ยาก
สาหรบั ฉัน ทั้งงานท่ีใหญ่กว่าตอนเรียนมัธยม มันก็มีทั้งความกดดัน แล้วก็ความเครียด เรื่องการเจอกับสังคม
ใหม่อีกคร้ัง แลว้ ที่แย่ทีส่ ุดเลยคือการต้องจากบ้านมาเรียนทกี่ รุงเทพ ช่วงแรก ๆ ฉันร้สู ึกไม่มีความสขุ ไมอ่ ยาก
เรียน แตก่ ท็ าอะไรไม่ได้ ยังไงฉนั ก็ต้องเรยี นให้จบ มหาลัยไม่ได้เรียนสบายอย่างทห่ี ลายคนคิด ฉนั เรียนมาเร่ือย
ๆ จนจบปี4 ชว่ งทาวจิ ัยจบเปน็ ชว่ งทลี่ าบากมาก ๆ เพราะช่วงนน้ั ฉนั ยา้ ยกลับไปอยบู่ ้านแลว้ ทาใหก้ ารพบครูท่ี
ปรกึ ษาคอ่ นขา้ งยากเพราะฉนั ต้องน่ังรถไฟจากฉะเชงิ เทราเพอ่ื มากรุงเทพแทบทกุ วนั แตฉ่ ันกส็ ามารถผ่านมันมา
ได้ มีช่วงฝึกงานท่ีฉันได้ไปฝึกสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดสังข์กระจาย ตอนน้ันมันทาให้ฉันรู้ว่าการเป็นครูมีอะไร
มากกว่าที่ฉันคิดไว้ตอนเด็ก ๆ มาก ไมใ่ ช่แค่การสอนเท่าน้ันท่ีคนเป็นครูต้องทา แตก่ ารเป็นผู้ให้คาปรกึ ษาท่ีดี
เป็นบา้ นหลังท่สี องท่ใี หเ้ ด็กสามารถพงึ่ พาไดก้ ็สาคัญไม่แพก้ นั เลย เด็กแตล่ ะคนมีความรูส้ ึก อารมณแ์ ละบุคลกิ ที่
แตกต่างกนั โดยสิ้นเชงิ การจะเข้าใจเดก็ แต่ละคนน้นั เปน็ เรอื่ งท่ยี าก แตก่ ไ็ มเ่ กินความสามารถของคนเป็นครู ฉนั
เข้าใจในตรงน้แี ล้วกพ็ ยายามท่จี ะทามนั ให้ได้ ฉันคดิ ว่าสง่ิ ท่ีฉันพยายามมนั ก็ไม่ได้ล้มเหลว หลังจากท่ีหมดเวลา
การฝกึ สอน เด็ก ๆ หลายคนเขยี นจดหมายมาถึงฉัน ว่าคดิ ถึง และไม่อยากให้ฉันเลิกสอนพวกเขา ฉันรู้สกึ ดใี จ
แล้วก็รูส้ กึ วา่ การเปน็ ครเู ป็นสิง่ ท่ฉี นั นา่ จะเหมาะสมท่สี ดุ ฉันรักงานนแ้ี ล้วก็คิดทจ่ี ะทาต่อในอนาคต

เมื่อฝึกสอนจบและเรียนจบแลว้ ฉันกไ็ ด้เข้าไปทางานที่โรงเรยี นราชวนิ ติ เป็นครูสอนภาษาจีน
ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 2 และ 3 เข้าไปตอนช่วงแรกฉันยังไมม่ ีห้องประจา ยังเปน็ ครูทสี่ อนตามวิชาอยู่ เด็ก ๆ ซน
กนั มาก แต่ก็น่ารกั หลาย ๆ คนเช่ือฟังดี ฉันมีความสุขที่ได้สอนพวกเขา เด็กจดจาฉันในชื่อของครูโม คุณครู
สอนภาษาจีน มันเป็นชว่ งเวลาท่ีดนี ะ แตก่ ็เหนือ่ ยเหมือนกัน ไมใ่ ชแ่ คต่ ้องสอนเด็ก แตเ่ ร่ืองเอกสารต่าง ๆ ฉนั ก็มี
ส่วนในการรับผดิ ชอบ ฉันเคยเดินไกลเพื่อส่งเอกสาร ไม่ใช่แค่รอบเดียวด้วยทาเอาหมดแรงอยู่เหมอื นกัน พอเขา้

ภาคเรียนที่ 1/2562 ฉันกลายเป็นครูประจาช้ัน ช่วงแรก ๆ เด็ก ๆ ยังไม่
คุ้นเคยกับฉนั เท่าไหร่ พอเวลาผ่านไปฉนั และนักเรียนเร่ิมค้นุ เคยกนั จนรู้สึก
ผูกพัน พวกเขาเหมือนลูกหลานฉัน ฉันจาชื่อจาใบหน้าของเด็กในห้องได้
หมดทุกคน ฉันจดจาลักษณะนิสัย อารมณ์ และท่าทางของเด็กที่ฉันสอน
ทั้งหมด ท่ีฉนั ต้องจาก็เพราะจะได้เข้าใจพวกเขามากขึน้ ฉันอยากจะเป็นที่
พึ่งพิงให้กับพวกเขาได้ ในปีนี้ฉันตัดสินใจที่จะเรียนต่อ หลักสูตรใบ
ประกาศนยี บตั รวิชาชีพครุ เพ่อื ที่จะไดเ้ ป็นคุณครูอย่างสมบูรณ์ ฉันเรยี นที่
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนสุนันทา ต้องไปเรียนทุกวันเสาร์
อาทิตย์ มันเป็นชว่ งเวลาท่ีเหนอื่ ยมาก ทง้ั ทางานท้ังเรียน รสู้ ึกท้อหลายครั้ง
แต่ฉันคิดว่าในอนาคตส่ิงที่ฉนั เลือกทาอยู่ตอนนี้มันจะต้องมีคา่ มากแน่ ๆ เส้นทางการมาเป็นครูของฉันไม่ได้มี
อะไรพิเศษ แคฉ่ ันรักแลว้ ก็อยากที่จะทามันแคน่ ้ัน ประสบการณ์ทุก ๆ อย่างมีคา่ สาหรับฉัน ไม่ใชแ่ ค่ฉันที่สอน
พวกเค้า เป็นที่พ่ึงพิงให้กับพวกเคา้ ได้ แตพ่ วกเดก็ ๆ เองก็เป็นคนสอนฉนั ในหลาย ๆ เร่ือง เป็นที่พง่ึ พิงของฉัน

53

ได้เหมือนกัน ตอนนี้พวกเค้าเหมือนคนในครอบครวั ของฉัน ฉันตอ้ งการทีจ่ ะส่งพวกเค้าใหไ้ ปในทางท่ีดี และตัว
ฉันเองกจ็ ะทาหนา้ ทกี่ ารเปน็ ครูให้ดที ีส่ ุด เพอ่ื ส่งลกู ๆ ของฉันใหป้ ระสบความสาเรจ็ ในอนาคต....

54

พระคุณครูล้ำคำ่ กวำ่ ส่งิ ใด

นางสาวนารรี ตั น์ ผอ่ งด้วง

“ครู” ชื่อเรยี กนี้มคี ุณค่าทางจิตใจ หากได้ยนิ เม่อื ใด ทาให้รู้สึกมีคา่ ทางจิตใจทุกครั้ง เมื่อไดย้ ิน
เสยี งของศษิ ยท์ ี่กล่าวเรยี กคาๆนอี้ อกมา ครูจึงเปรยี บเสมือนพ่อและแม่ท่ีคอยดูแล เอาใจใส่ อบรมบ่มเพาะให้
ศษิ ยเ์ ป็นคนดีและคาว่าครู คอื “พอ่ แมบ่ ุญธรรม” ทีเ่ รียกเชน่ นี้ เพราะเวลาท่ีศษิ ยอ์ ยกู่ ับพ่อแม่ตวั จริง มีแค่ตอน
เชา้ และเย็น แต่อยู่กบั ครทู ่โี รงเรียนไม่น้อยกว่า ๘ ช่วั โมง ครูจึงตอ้ งรับผิดชอบชีวติ ลกู ศษิ ย์ คอยดแู ล ให้กาลงั ใจ
ศิษย์ไม่สบายก็ต้องหายามาให้ ศิษย์ไม่มีเงินเรยี นก็ต้องหาทุนมาให้ ทาหน้าท่ีไม่แตกต่างจากพ่อแม่ เพียงแค่
ไมไ่ ด้เปน็ ผู้ใหก้ าเนดิ เท่านั้น ครูจึงเปน็ ผู้มพี ระคุณรองมาจากบิดาและมารดา คุณครูผ้ทู ค่ี อยอบรม สงั่ สอน มอบ
วชิ าความร้ใู หแ้ กศ่ ษิ ย์ โดยไมห่ วังสงิ่ ใดตอบแทน นอกเหนอื ส่งิ อ่ืนใด ครเู พียงต้องการแคส่ ง่ ลกู ศษิ ย์ไปให้ถงึ ฝง่ั ฝนั
เพยี งเท่านั้น หน้าที่ของครูมเิ พียงแคส่ อนในรายวิชาใดวชิ าหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ครูมีหน้าทที่ ่ีต้องส่งศิษย์ให้ไป
จนถึงฝ่ัง

ในวัยเด็กทุกคนต่างก็เคยเป็นนักเรียนมาก่อน ซึ่งปัจจุบันน้ีดิฉันได้ผ่านวัยนั้นมาแล้ว พอหัน
กลับไปมองในวัยทฉ่ี ันยงั เป็นเด็กนกั เรยี น ฉนั มีความรสู้ กึ ว่าการเป็นนักเรียนคอื สิ่งท่ีดีท่ีสุดแล้ว คือไมต่ อ้ งกังวล
อะไรมากมาย เพียงแค่ตั้งใจเรียนและเป็นเด็กดีของพ่อและแม่เพียงเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว แต่ช่วงท่ีดิฉันเป็น
นกั เรยี นมีความทรงจาทด่ี ีมากมายภายในโรงเรียน ทัง้ คณุ ครู เพื่อนและรุ่นพ่ีตา่ งก็เข้ามามบี ทบาทในชีวติ ท้ังนั้น
ซ่งึ ฉันเป็นนักเรียนคนหน่งึ ที่เชื่อฟังคาสั่งสอนของคุณครู ทาตามกฎระเบียบของโรงเรียนและทาตามข้อตกลง
ของครูผู้สอนในแตล่ ะรายวชิ าอย่างเคร่งครัด แต่เพื่อนในห้องบางคนก็อาจจะมีพฤติกรรมท่ีตรงกนั ข้ามกับตัว
ของฉัน คือการไม่ทาตามกฎระเบียบของโรงเรียนหรือทาตามข้อตกลงของครูผู้สอนในแต่ละรายวิชา ด้วย
ความคดิ ของคนเรามกั จะมเี จตคตทิ ต่ี า่ งกนั ดังน้ันเพอ่ื นของฉันก็มบี ้างทีจ่ ะเกเรไปบา้ งตามชว่ งอายุของวยั รนุ่ สง่ิ
ท่ีดฉิ ันพบเจอมากอ็ าจจะมีบา้ งท่เี พอื่ นร่วมห้องของฉนั ยอมรบั ไม่ได้ในการทคี่ รูวา่ กล่าวตักเตือนในเร่อื งตา่ งๆ ถ้า
เจอหนา้ ครูคนนี้ทไี รต้องมีเรื่องให้ไมพ่ อใจทุกคร้ัง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นพฤติกรรมของเพ่ือน เชน่ เรื่องระเบียบ
การแต่งกาย ทรงผม การพูดจา เป็นต้น ท่ีทาใหค้ รูตอ้ งว่ากล่าวตักเตือนเป็นธรรมดาและสิ่งทีด่ ิฉันพบเจอมา
ในชว่ งชั้นมธั ยมศึกษาคือการเห็นเพ่ือนหรอื รุ่นพ่ีในโรงเรียนบางคนกระทาสิ่งที่ไม่ดีทง้ั ในด้านพฤติกรรม วาจา
ซึ่งอาจจะด้วยเจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม ในความคิดของตัวฉันเองคือการที่เพ่ือนหรือรุ่นพ่ีบางคนได้ทา
พฤตกิ รรมท่ีไมด่ งี ามเช่นนั้น ไม่ว่าจะกระทาส่ิงใดกต็ าม การทที่ าให้ครรู ้องไห้ การทาให้ครผู ิดหวังหรือแมก้ ระท่ัง
การทาให้ครผู ู้สอนไมม่ กี าลงั ใจทีจ่ ะเข้าสอนในรายวชิ าของครเู องนัน้ ตวั ฉันเองมองว่าการท่คี ุณครูทา่ นดหุ รอื ว่า
กลา่ วตักเตือน ทา่ นมเิ พยี งตั้งใจหรือเจตนาท่ีจะดหุ รอื ทาโทษใดๆท้ังสิ้น เพียงแค่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ของทา่ น
เปน็ เด็กดี เปน็ คนดขี องสังคมท่ีสามารถจะดาเนินชวี ิตต่อไปในอนาคตได้อย่างสวยงาม ในส่วนลึกในจติ ใจของ
ครู ครไู มต่ อ้ งการสงิ่ ใดตอบแทน เพียงแคเ่ ห็นศษิ ยม์ ีอนาคต มีความคิด มกี ารงานท่ีดใี นภายภาคหน้าเทา่ นี้ครูก็มี
ความสุขใจและเป็นรางวัลที่ดที ี่สดุ ในการทาหน้าที่ของคาว่าครู ในช่วงของการเรียนช้ันมัธยมศึกษาทาให้ดิฉัน

55

เข้าใจสภาพแวดล้อมตา่ งๆและสามารถปรับตวั ในการเรยี นรเู้ รื่องราวการใช้ชวี ิตมากขึ้น ตอ่ มาไดเ้ ขา้ สู่ชว่ งชีวิต
การเรียนมหาวิทยาลัยในช่วงชั้นปีที่สามที่จะต้องเรียนวิชาฝึก
ประสบการณว์ ิชาชีพและในช่วงการฝึกงานก็มาถงึ ดฉิ นั มโี อกาสได้
ไปฝึกสอน ณ สถานศึกษาแห่งหนึ่ง วันแรกของการฝึกงานด้วย

ความที่ดิฉันไม่เคยเรียน
ครูและไม่รวู้ ่าการเป็นครู
ต้ อ ง ป ฏิ บั ติ ต น อ ย่ า ง ไร
เม่ือฉนั ไดส้ ัมผัสกบั คาวา่ ครู ทุกส่ิงทุกอย่างภายในโรงเรียนแห่งน้ีทา
ใหฉ้ ันอยากจะทาอาชพี ครูในอนาคตขา้ งหนา้ เพราะดิฉันร้สู ึกดีมาก
กบั การได้เข้ามาฝกึ ประสบการณ์ท่ีโรงเรยี นแห่งน้ี คณุ ครแู ละนักเรยี น
โรงเรียนแห่งนี้ทาใหฉ้ ันรู้สกึ อบอ่นุ มคี วามสขุ กับการทไี่ ด้อยู่กับนักเรียนและอบอนุ่ ใจทุกคร้งั คุณครูท่ีโรงเรยี น
แห่งนี้มักจะให้คาปรึกษาและใหค้ าแนะนาท่ดี อี ยเู่ สมอ คณุ ครทู ่านน้ี
เปรยี บเสมอื นเปน็ แมท่ คี อยอบรม สัง่ สอน บอกกลา่ ว ตักเตอื น และ
ช้ีแนะแนวทางท่ีดีให้กับลูกศิษย์คนน้ี ดิฉันจะจดจาท่านไว้เป็น
แม่พิมพ์ในใจของฉันตลอดไป การฝึกประสบการณ์วิชาชีพนี้ดิฉัน
ไม่ถนัดและไม่มปี ระสบการณ์มาก่อน ครง้ั แรกทฉ่ี ันสมั ผัสการท่ีจะ
ทดลองสอนและปฏิบัติหน้าท่ีของคาว่าครู ตวั ของดิฉันรสู้ ึกว่าการ
เป็นครูคืออาชีพท่ียากมากอีกอาชีพหน่ึง เมื่อมีโอกาสได้สัมผัสเข้า
จรงิ ๆ การฝึกประสบการณ์การฝึกวชิ าชพี ในครง้ั น้ที าให้ตัวของฉนั เอง
รู้สึกรักในอาชีพนี้และอยากที่จะเป็นครู ถ้าจะให้กล่าวออกมาเป็น
คาพูดคงหาส่ิงใดมาเทียบมิได้ หากคณุ ไม่ได้มาสัมผัสกับความรู้สึกน้ี
ดว้ ยตนเอง หลังจากท่เี รยี นจบดิฉนั กม็ โี อกาสได้มาทาอาชีพครูซง่ึ เป็น
อาชีพที่ตัวดิฉันเองไม่เคยคิดว่าจะได้มาทาอาชีพครูนี้จริงๆ แม้ว่า
ปัจจบุ นั ณ เวลานี้จะยังเปน็ ครูอัตราจ้าง แต่อนาคตข้างหนา้ ดิฉันจะเปน็ แม่พิมพท์ ีด่ ีเช่นเดียวกับคณุ ครใู นดวงใจ
ของดิฉัน

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นประสบการณ์ในชีวิตที่ดิฉันได้พบและเรียนรู้จากประสบการณ์จริง
การเป็นครูนั้นซึ่งไม่ง่าย ดังน้ันคาว่า “ครู” คือ ผู้สั่งสอนศิษย์หรือผู้ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ศิษย์และความ
รับผิดชอบในการอบรมสั่งสอนของครนู ้ัน นบั เปน็ ภาระหนา้ ท่ีที่หนกั หนาสาหัสไมน่ อ้ ย กวา่ คน ๆ หน่ึงจะเตบิ โต
เป็นผ้มู ีวิชาความรู้ และเปน็ คนดขี องสังคม “ศษิ ย์ดี เพราะมคี รู” คาสัน้ ๆท่ที าใหด้ ฉิ นั เตบิ โตมาจนถงึ ทุกวนั น้ี

56

เรือ่ ง สำยรุ้งหลำกสี

นางสาวมตั ติกา มานนั ตพงศ์

ดิฉันเกิดทีจ่ งั หวดั พัทลุง คุณพอ่ เสยี ชวี ติ ตัง้ แต่ดฉิ นั ยงั เลก็ คุณแมแ่ ต่งงานมีครอบครัวใหมแ่ ละ
ย้ายถิน่ ฐานไปอยู่จังหวัดชุมพร ดิฉันอยู่กับคุณน้า คุณตาและคุณยาย ในครอบครัวของดิฉันทาอาชีพค้าขาย
ผลไม้ ตอนเด็กๆดิฉันชอบตามคุณตาและคุณยายไปกรงุ เทพมหานครเพ่ือไปซื้อผลไม้ท่ีตลาดไท คุณตาเป็น
คนขับรถคนเดียวระหวา่ งการเดินทางก็พูดคุยหัวเราะกันอยา่ งสนุกสนานบางคร้ังดฉิ ันกบั คุณยายกน็ อนหลับใน
รถคณุ ตากข็ บั รถและฟงั เพลงไปด้วย เม่ือไหร่ท่ีคุณตาร้สู กึ เหนอ่ื ยลา้ จากการขับรถกจ็ อดพักรถและนอนพกั ตาม
ป้ัมน้ามันในจังหวัดต่างๆ ในระหว่างนั้นดิฉันกับยายก็หาข้าวและขนมมารับประทานกันสองคน คุณตานอน
หลับพกั ผ่อนไม่นานก็ตืน่ ขึ้นมาคุณตาไปลา้ งหนา้ รบั ประทานอาหารและชวนคณุ ยายกบั ดิฉนั ขึ้นรถ คณุ ตาขบั รถ
มาหลายปแี ล้วชานาญในเส้นทางทั้งไปและกลบั คุณตาพูดเรือ่ งการเรยี นของดิฉันเสมอว่าเวลาไปโรงเรยี นอย่า
งอแงร้องไห้เป็นเดก็ กต็ ้องตง้ั ใจเรยี นหนังสอื ใหเ้ กง่ ดอู ย่างคุณตาตอนเด็กๆไมม่ โี อกาสทจ่ี ะเรยี นอ่านหนังสอื อา่ นก็
ไม่ออก เขยี นก็ไมไ่ ด้ แล้วเวลาขบั รถไปไหนมาไหนกใ็ ชแ้ ค่ความจาเสน้ ทางแค่นั้น หลังจากคณุ ตาพดู จบ คณุ ยาย
กพ็ ูดขึน้ ว่าเป็นเด็กท่ีเรียนเกง่ อย่างเดียวไม่ไดน้ ะตอ้ งเป็นคนดี มีน้าใจช่วยเหลอื ผู้อื่นท่ีสาคญั รจู้ ักบุญคุณคนด้วย
และยายก็พดู เรื่องคณุ แม่ขึ้นมาว่า ลูกไม่ต้องโกรธคุณแม่เขานะทเี่ ขาปล่อยให้หนอู ยกู่ ับคุณตาและคุณยายนะลูก
เพราะเขามีความจาเป็นต้องไปทางานท่ีต่างจังหวดั เพอื่ หาเงนิ มาซ้อื นมและขนมใหห้ นูนะลูก เขาไม่ได้ท้ิงหนไู ป
ไหนเด๋ียวเขากก็ ลบั มาหาหนู คณุ แมเ่ ขากอ็ บรมสง่ั สอนเลย้ี งหนมู าเหมือนกับคณุ ตาและคณุ ยายนะ ส่วนพ่อเขา
ไปสบายแล้ว เรากต็ ้องดูแลแมใ่ หด้ ีทสี่ ุดจาไว้ ตอนน้ันดิฉนั ยังเด็กยอมรับนะว่ายังไม่เข้าใจทีค่ ุณตาและคุณยาย
พดู สกั เท่าไหร่ไดแ้ ต่น่ังฟังแต่คณุ ตากับคณุ ยายพูด แต่เรื่องน้ีคุณตาและคุณยายพูดบ่อยมากเวลาทเ่ี ราอยู่ในรถ
เม่ือถึงบ้านที่จังหวัดพัทลุง ตอนน้ันเราถึงบ้านมืดค่า คุณตาและคุณยายก็จะนอนหลับพักผ่อน 1 คืน เช้าวัน
ตอ่ มากจ็ ะนาผลไม้ท่ีซ้ือมาจากตลาดไท นาไปขายทตี่ ลาดชุมชนเล็กๆแถวๆบ้าน ดิฉันตามไปที่ตลาดด้วยเพราะ
ในตลาดมีของกินมากมาย โดยเฉพาะขนมหวานแสนอร่อยเป็นของโปรดสาหรับฉนั คณุ ตายกตะกรา้ ผลไม้ลง
จากรถคุณยายแยกประเภทผลไม้และจัดวางผลไม้ให้สวยงาม นาป้ายชื่อ ราคา ของผลไม้ติดไว้หน้าร้าน
ส่วนมากผลไมท้ ี่ขายมีตามฤดูกาล เช่น ส้ม เงาะ ทุเรยี น มังคุด มะม่วง เปน็ ต้น ลกู คา้ ท่มี าซือ้ ผลไมส้ ว่ นมากจะ
เป็นลูกค้าประจาทีม่ าอุดหนุน ผลไม้ทุกชนดิ ในร้านของคณุ ตาและคณุ ยายลกู ค้าทกุ คนจะได้ชิมรสชาติก่อนซ้ือ
คุณตาใจดีจะชอบแถมผลไม้ใหล้ ูกค้าทุกคร้ังท่ีมีการซื้อขาย เช้าวันจันทร์ดิฉันสะพายกระเป๋าเดินไปโรงเรียน
ตง้ั แต่เชา้ ดิฉนั เรยี นอยทู่ ่โี รงเรียนวัดเกาะยาง เรียนในระดบั ชนั้ อนุบาล 1-3 เมื่อเรียนจบ ดฉิ นั ข้ึนไปอยู่กบั คุณ
นา้ ทีก่ รุงเทพมหานครเขา้ ศึกษาต่อที่โรงเรยี นคลองลาเจยี กในระดบั ประถมศึกษาตอนตน้ ป.1-3 เด็กใตข้ น้ึ มาอยู่
กรงุ เทพตอนนน้ั พูดภาษากลางไม่ได้เลย คุณครูใหร้ ายงานตวั หนา้ ชนั้ เรียนดิฉนั ก็พูดอะไรไมอ่ อกเพราะถ้าพดู ใต้
ออกไปทงั้ คณุ ครูและเพ่ือนๆก็คงจะไม่เข้าใจในสงิ่ ทดี่ ิฉนั พดู คณุ ครปู ระจาช้นั ใจดีเขา้ มาพูดคุยกับดฉิ ันตลอดและ
ตั้งช่ือเล่นให้ดิฉันใหม่ ช่ือว่า ‘ ตุ้ยนุ้ย ’ ลักษณะของดิฉันในตอนน้ัน ตัวอ้วน หน้ากลม เป็นเด็กผมสั้นท่ีดู
เรียบรอ้ ย คุณครูประจาช้นั เรียกคุณน้ามาพบเป็นการส่วนตัวเพื่อพูดคุยปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับดิฉัน คุณครู

57

ประจาชนั้ ไดบ้ อกคณุ นา้ วา่ อยู่โรงเรียนดฉิ ันไม่พูดคยุ และไมร่ ว่ มทากจิ กรรมกบั เพอื่ นๆเลย กเ็ ลยสอบถามปญั หา
ของทางบา้ น คุณนา้ ได้บอกกับคุณครปู ระจาชน้ั กลบั ไปวา่ ท่บี ้านไม่มปี ญั หาอะไรค่ะเขาก็พดู คุยกับทุกคนท่อี ยู่
ในบ้าน คุณครเู ลยให้คาแนะนาคุณน้ามาพดู คุยกบั ดฉิ ันเพื่อตามหาสาเหตทุ เี่ กิดข้ึน ดิฉนั ได้บอกกับคุณน้าว่าฉัน
ไม่เคยพดู ภาษากลาง คุณน้าฝกึ ฉันพูดทกุ วนั ผา่ นไปไมน่ านดฉิ นั ก็พดู ได้ หลงั จากนนั้ ทโ่ี รงเรยี นดฉิ นั กเ็ ลน่ และทา
กิจกรรมกับเพอื่ นๆและเข้ากับคุณครไู ด้ดี ดฉิ ันเปน็ เด็กเรียนอยใู่ นระดบั ปานกลางเปน็ เด็กทรี่ กั ในงานศลิ ปะและ
ชอบสอนเพื่อนๆวาดภาพอยู่เสมอ จบในระดับประถมศึกษาชัน้ ปีที่ 3 ดฉิ ันไปศึกษามัธยมตอนปลายที่โรงเรยี น
ควนขนนุ จ.พทั ลงุ ชีวิตดิฉนั ข้ึนๆลงๆเหมอื นสายรุ้งทอ่ี ยบู่ นทอ้ งฟา้ ตอนนั้นลงมาอยภู่ าคใตช้ ีวติ มคี วามสุขมาก
การเรียนวิชาที่สอบตกมากทีส่ ุดคือวิชา คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ วิชาอ่ืนปกติ แต่วิชาท่ีได้ A ทกุ ปี คือวิชา
ศิลปะ ตอนนัน้ ดฉิ นั รูส้ ึกมคี วามสขุ และสนกุ กับการทางานศิลปะฝึกวาดและระบายสีจนไดร้ บั รางวลั ยามวา่ งก็
หางานทาไปเพ้นท์ฝาผนังแถวๆโรงเรียนในชนบทอยู่ใกล้บ้าน หลังจากน้ันฉันก็เรียนจบสอบได้ทุนโควต้าท่ี
กรุงเทพมหานครชีวิตต้องเดินทางคนเดยี วตามลาพังอกี คร้ังขนึ้ มารายงานตัวที่มหาลัยและพักอาศัยอยู่หอใน
ดิฉันได้โควตา้ ในคณะศิลปกรรม สาขาภาพพิมพ์ท่ีมหาลัยเทคโนโลยรี าชมงคลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ตอนน้นั ดฉิ ัน
รสู้ ึกมคี วามสุขมากเพราะการออกแบบรปู ภาพ สี ของตัวเองตามจินตนาการโดยผา่ นขบวนการพิมพ์บนแท่น
พิมพ์ วิชาสามัญทั่วไปก็เรยี นท่ีเขาจะเนน้ วิชาเอกเป็นส่วนใหญ่ ช่วงการใช้ชวี ิตอยใู่ นรัว้ มหาลยั มีเพือ่ นมากมาย
เที่ยวสนุกสนาน กลางวนั เรยี นและทางานที่อาจารย์มอบหมาย กลางคืนเมานง่ั ฟังเพลงสบายใจเช้ามาก็ไปเรยี น
ตามปกติ สง่ งานอาจารย์ตามกาหนดทุกคร้ัง จากเด็กปี 1 – ชว่ งปี 2 ดิฉันเริ่มค้นพบตัวเอง มอี ยู่วันหนง่ึ ดฉิ นั ได้
ขนึ้ รถสองแถวในมหาลยั เห็นเด็กผหู้ ญงิ คนหนง่ึ ผมสัน้ การแตง่ ตัวชดุ มหาลยั ใส่กระโปร่งยาวรองเท้าผา้ ใบสีขาว
ดูลักษณะแบบน้แี น่นอนเลยเด็กปี 1 แต่ทด่ี ิฉันสนใจเขาเพราะท่ีในมือเขาถือรูปภาพขนาดเล็กใหญ่ กระดาษ
หลากสีและหนังสือเรียนท่ีมีช่ือว่าการสอนปฐมวัยเบ้ืองต้น ด้วยความสงสัยนึกในใจเด๋ียวถ้าน้องเขาลงรถที่
เดียวกันกบั ดิฉนั ก็ดีสินะจะไดเ้ ข้าไปถามวา่ น้องเขาเรียนอยู่ในคณะอะไร แล้วคณะนเี้ รียนจบไปทาอะไรได้บ้าง
หลังจากนั้นเสียงกรงิ่ ดงั ข้ึนรถหยุดน้องเขากับดฉิ ันลงรถท่ีเดียวกัน ดฉิ ันเขาไปถามวา่ นอ้ งเขาชอื่ อะไรเรียนอยู่
คณะไหน เขากต็ อบกลับมาว่า หนเู ป็นเดก็ ปี 1 เรยี นอยูใ่ นคณะครศุ าสตร์ ทีห่ นเู ลอื กเรยี นในคณะน้เี พราะอยาก
เป็นครูค่ะ หลังจากสนทนากันเสรจ็ แล้วดิฉันจงึ เข้าใจ สมองเร่ิมคิดวา่ งานศิลปะเริ่มมีคณุ ค่ามากขน้ึ สามารถ
เป็นส่ือการสอนของนักเรียนได้ถา้ ดิฉันนางานศิลปะไปสอนเดก็ นกั เรียนมันจะเป็นยังไงน่า นักเรียนตอ้ งชอบ
และมีความคดิ สร้างสรรคใ์ นการตอบคาตอบของดิฉันแนๆ่ เลยโดยเฉพาะเด็กอนุบาล หลังจากน้นั ความคดิ ของ
ดิฉันก็เปลีย่ นไปหลายปผี ่านไป

ดิฉันได้จบปริญญาแล้ว แตจ่ ะหาทุนเรียนตอ่ โทในคณะครศุ าสตรก์ ็เลยปรกึ ษากับครอบครัว

แต่ทางครอบครัวไม่เห็นด้วยเพราะไม่มีเงินส่งดิฉันเรยี น หลายเสียงที่พูดกนั มาทาให้ดฉิ ันหยุดคดิ ท่ีจะเรยี นครู
และหางานทาด้วยวุฒิปรญิ ญาตรี ก็เลยเดินสมัคงานไปทุกที่แตไ่ ม่มใี ครโทรมาเพ่ือนัดไปสัมภาษณ์งานเลย ก็
เลยสมัคงานในอนิ เตอรเ์ น็ตเปดิ ดูไปเร่ือยๆกเ็ ปน็ เหน็ เขารับสมัคงานครผู ู้ช่วยอนุบาล ทโี่ รงเรียนธรรมภริ ักษ์ เขต

58

บางพลัด ดิฉันเขาไปกรอกรายระเอียดตา่ งๆและสง่ ไปใหเ้ ขาพิจารณา เขาเรยี กไปสมั ภาษณ์งาน เงินเดือนทีไ่ ด้
1,5000 บาท และไดเ้ ข้าทางานในตาแหนง่ ครูผูช้ ว่ ยอนุบาล

ดิฉันไปเรียนรู้การสอนของครปู ระจาช้ันและจาวิธีการสอนของเขามา ครูผู้ช่วยมีหน้าท่ีดูแลเด็กทากิจกรรม
เคลือ่ นไหวและเลา่ นิทานใหเ้ ด็กฟงั ดิฉันเองร้สู ึกมีความสุขมากท่ีไดอ้ ย่กู บั เดก็ ๆทง้ั ผู้หญงิ และผู้ชาย เด็กทกุ คน
เขาจะมลี ักษณะสว่ นตัว ชอบสงสยั และสังเกต ซุกซนในบางครง้ั เหมาะสมตามวัย ดิฉันทางานได้ 1 ปี ในตอน
น้ันในโรงเรยี นมีนโยบายให้คณุ ครไู ปเรยี นศกึ ษาตอ่ ป.บัณฑิต เพื่อนาความรมู้ าพัฒนาตัวเองให้ดขี ้นึ ในการสอน
เด็กอนุบาล ดิฉันไปทาเร่ืองเรียนต่อแต่ไม่ได้เรียนเน่ืองจากดิฉันต้องลาออกกลับบ้านไปบ้านเพ่ือดูแลคุณตา
เพราะคณุ ตาไปโรคหวั ใจ กลบั ไปนับศนู ย์ใหมอ่ ีกคร้งั ทบี่ ้านไม่คอ่ ยมงี านใหท้ าส่วนมากจะเปน็ งานในห้างซงึ่ เป็น
งานทดี่ ฉิ ันไมช่ อบ ดฉิ นั มคี วามพยายามสมคั งานเอกชน ไดง้ านทาท่โี รงเรยี นอุน่ จติ ร

จ.นครศรีธรรมราช ไปทางานทน่ี ั้นรู้สึกเครียดได้เงินเดือนนอ้ ยเขาใหเ้ ดือนละ5,000 บาท ทางานได้ 2 อาทติ ย์
ลาออก มาสมัคงานที่โรงเรียนจรรยานุยุตวทิ ยา จ.นครศรธี รรมราช

ไดเ้ งินเดือน 7,000 บาท ตาแหนง่ งาน ครูประจาชั้นเตรียมอนุบาล ก็ทาไป 2 ปี คณุ ยายได้น่งั พูดคุยกับดฉิ ันถ้า
ทางานทีน่ ้ีไดเ้ งนิ เดอื นนอ้ ย หนูขึ้นไปทางานทก่ี รุงเทพมหานครเถอะ เดี๋ยวยายจะดแู ลตาให้ไม่ตอ้ งหว่ ง ดฉิ ันกไ็ ด้
ลาออกมาสมัคงานที่โรงเรียนสารสาสนส์ ายไหม ได้ทาในตาแหน่งครูประจาชั้นอนบุ าล 2 เด็กนักเรียนน่ารัก
ตง้ั ใจเรยี นดฉิ ันกท็ าหน้าท่ขี องการเปน็ ครผู ถู้ ่ายทอดความรใู้ ห้แกน่ ักเรียน ดิฉนั รสู้ ึกภูมิใจทไี่ ดท้ าอาชีพครูสอนคน
ทไี่ ม่รใู้ หไ้ ดค้ วามรนู้ าไปใชใ้ นชีวิตประจาวันได้ตามวัยของนกั เรยี น

59

“ แสงเทียนสู่อนาคตท่ีสดใส ”

วาสนา ขันอาสา

จริงๆ แล้วตอนเด็กๆ ดิฉันฝันอยากจะเป็น
หลายอย่างเลยค่ะ แล้วทุกวันน้ีกพ็ ยายามสานฝนั ตัวเอง
ด้วยการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ทางานหลายอย่าง แต่
ปรากฏวา่ พอไดม้ าสอนหนังสอื กลบั เป็นหน่ึงในอาชพี ใน
ฝันท่ีเรารักมากที่สุดเพราะค้นพบตัวเองว่าชอบสอน
หนังสือ ชอบที่จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้เด็กๆ มัน
เปน็ ความรู้สึกดีใจจนบอกไมถ่ ูกว่าเราไดเ้ ป็นส่วนหน่งึ ท่ี
สาคัญในอนาคตด้วย ชีวิตท่ีผ่านมาตั้งแต่จาความได้
สมัยท่ีดิฉันอยู่อนุบาลโรงเรียนของดิฉันเป็นโรงเรียน
ขนาดเลก็ มีคณุ ครอู ยูไ่ ม่ก่ีทา่ น แต่ดว้ ยความทคี่ ณุ ครูมีไม่
ค่อยเยอะจึงทาให้ดิฉันมีครูในดวงใจอยู่ท่านหนึ่ง ดิฉัน
ชอบคุณครูท่านนี้มากๆเพราะท่านเป็นคนเรียบร้อย
พดู จาไพรเราะ รักเดก็ เปน็ ชีวิตจิตใจ มาโรงเรียนแต่เช้า
ดิฉันจึงชอบไปโรงเรียนในทุกๆวัน ในวัยเด็กดิฉันก็มี
ความคิดในแบบเด็กๆว่าสักวันดิฉันจะทาตามฝันของ
ดฉิ ันใหเ้ ปน็ จรงิ จะต้องมาเปน็ คุณครทู ใ่ี จดีเหมอื นคุณครู
ทา่ นนี้ มาโรงเรยี นแตเ่ ช้ารกั เด็กใหม้ ากๆ พูดจาไพรเราะเด็กๆกร็ กั และอยากมาโรงเรยี นเหมอื นท่ดี ฉิ ันเป็นในชว่ ง
วัยอนุบาล ในการศึกษาระดบั ประถมดฉิ นั กเ็ จอคุณครูทา่ นน้จี นจบชั้นประถมศกึ ษาปท่ี ่ี 6 ดิฉันจึงมีความผูกพนั ธ์

กับคุณครูท่านน้ีเป็นอย่างมากคุณครูเปรยี บ
เหมือนกับแม่คนที่สองของฉันเลย ชีวิต
ในช่วงวัยเรียนของดิฉัน ดิฉันก็ได้พบเจอแต่
คุณครูที่น่ารัก และทกุ ทา่ นเปน็ คนที่มจี ิตใจดี
มีเมตตาตอ่ นกั เรียนทกุ ท่านมคี วามอดทน อด
กลัน้ ป้ันลกู ศษิ ย์ใหเ้ ป็นคนดี ในบางคนเปรียบ
ครู เป็นเหมือนกับแสงเทียน ที่คอยส่องแสง
สว่างไปยงั เส้นทางที่ดี บางคนอาจจะเปรียบ
ครูเป็นเหมือนกับเรือลาหน่ึง ที่จะนาพาเรา
ไปสู่จุดหมายปลายทางขา้ งหน้า ด้วยความเหน็ ท่ีแตกต่างกัน แตล่ ะคนย่อมที่จะมคี วามต้องการครใู นรปู แบบที่

60

แตกต่างกันไป ตัวฉันเองก็มีความคิดและความคาดหวังท่ีอยากจะศกึ ษากบั ครูในอุดมคติของฉัน เชน่ เดียวกัน
ซึ่งครูในอุดมคตขิ องฉนั จะต้องเป็นครูท่ีมี จติ ใจโอบอ้อมอารี สามารถใหค้ วามรู้ กับนักเรียนได้อยา่ งเต็มท่ี ดูแล
เอาใจใสน่ ักศึกษาและคอยใหค้ าปรึกษาเวลานักศึกษามปี ัญหาและพรอ้ มทจ่ี ะให้ความชว่ ยเหลอื สามารถสอ่ื สาร
กบั นักเรียน นักศึกษาในขณะที่ทาการสอนได้อย่างเขา้ ใจ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบและวิธกี ารสอน อยเู่ สมอ
เปิดโอกาส ให้นักเรียน นักศึกษาได้มีโอกาส แสดงความคิดเห็น และรับฟังความคิดเห็นเหล่านั้นมาทาการ
ปรับปรุงแก้ไขการสอนของตนเองอย่างสม่าเสมอ และดิฉันก็เจอครแู บบน้ีในชว่ งของการศึกษาที่ผ่านมาของ
ทกุ ๆปี จนดฉิ นั รักความเปน็ อาชพี ครเู พราะคณุ ครแู ตล่ ะทา่ นมจี รรยาบรรณในความเปน็ ครมู อื อาชพี สูงมาก จะมี
เทคนิคในการสอนทีแ่ ตกตา่ งกันออกไป แมว้ า่ ครใู นอุดมคติของฉันจะมคี ณุ สมบัติมากมาย แต่ขา้ งในลึก ๆ แล้ว
ฉนั ก็หวังเพยี งวา่ ครูทุกคนคงจะ เป็นครทู ีพ่ ร้อมทจี่ ะมอบวิชาความรู้ให้กับตัวฉันและนักศกึ ษาคนอนื่ อย่างเตม็ ใจ
สร้างความประทบั ใจ ใหก้ ับตัวนักศกึ ษาได้

สาหรับดิฉนั อาชีพครคู าๆน้อี าจดูเหมือนคาทส่ี ้ันๆง่ายๆเปน็ อาชพี ทสี่ บายในสายตาของใครหลายๆ คน
แต่ความเปน็ จริงภาระของครูช่างยิ่งใหญ่มาก เม่ือก่อนน้ไี ม่เคย
คดิ เลยวา่ อาชีพครูเป็นอาชีพท่ีต้องใช้ความอดทน อดกลนั้ และ
ความมานะ พยายามอย่างสูง ในการท่จี ะขัดเกลาเด็กนักเรียน
ของตนให้เติบโตเป็นคนดีของสังคม ต้องรับผิดชอบต่อหน้าท่ี
ตอ้ งทางานหลายๆอยา่ งได้พร้อมๆกัน การเปน็ ครนู ั้นไม่ได้เป็น
แคอ่ าชีพเดียวเทา่ นนั้ แต่สาหรับฉันมนั ยัง ตอ้ งเป็นทงั้ พยาบาล
ตารวจ นักบัญชี เจ้าหน้าท่ีธุรการ นักการภาร โรง นัก
โภชนาการ และรวมถึงต้องเป็นทั้งพ่อท้ังแม่คนท่ีสองของ
นักเรียน การเป็นครูมันจึงไม่ใช่แค่สอน และให้ความรู้แต่มัน
คอื การเอาใจใส่นักเรียนในทุกๆเร่ือง เพื่อให้นักเรียนของเราประสบความสาเร็จในชีวิต และสามารถใช้ชีวิต
รว่ มกบั ผู้อ่ืนได้อยา่ งมีความสุขสิ่งท่ีสาคญั ทสี่ ุดสาหรับตวั ฉนั คือต้องเปน็ ครทู ่ีมคี ุณธรรม จริยธรรม และ มหี ัวใจ
ของการเปน็ ครู อย่างเตม็ เปีย่ ม เพราะส่งิ น้ีจะเปน็ หัวใจสาคัญให้แสงเทยี นได้ส่องแสงเปล่งประกายความสว่าง
ไสวสามารถนาพา และช่วย ขัดเกลา นักเรยี นไปสู่จุดหมายปลายทาง และพบกับความสาเรจ็ ของชีวติ พร้อมที่
จะเป็น บุคลากรท่ีดีของชาตติ ่อไปได้ซง่ึ ตัวดฉิ ันเองกไ็ ด้มายนื ในจุดทีท่ ่ีดฉิ นั อยากจะยืนมาต้ังแต่เด็กและตัวดฉิ ัน
เองกจ็ ะเป็นครูท่ีดคี นหนงึ่ ทพี่ รอ้ มจะสอ่ งแสงสวา่ งให้กับเด็กๆอกี หลายๆคน สตู้ ่อไปเพื่อพฒั นาประเทศชาติ

61

“ไม่ได้จบ...แต่อยากเป็ นครู”

สุภาวดี ศรีดาพมิ พ์

มีเรอ่ื งราวมากมายท่ไี ม่เคยเล่าใหใ้ ครได้ฟัง คาพูดนบั ร้อยพนั ทตี่ อ้ งการเออื้ นเอ่ย กระดาษแผ่นนี้ ดินสอหน่ึงแท่ง

ที่จะพาฉันย้อนไปถึงอดีตในวัยเด็กๆ ท่ีมีมือแม่จูงฉันเดินลัดทุ่งนา
และห้วยน้าไปถึงโรงเรียน มันน่าตลกและอับอายมากที่ฉันร้องไห้
ตอ่ หนา้ เพือ่ นๆรว่ มชั้นอนบุ าลมันคอื พฤตกิ รรมท่ีไม่อยากไปโรงเรียน
ฉันร้องไห้อยู่หลายวันกว่าน้าตาจะแห้งได้ทาเอาครูประจาช้ันเหงื่อ
แตกพอสมควร พอถึงวยั ประถมศึกษาความข้ีเกียจก็ยงั คงเดิม เป็น
คนไมช่ อบไปโรงเรยี นเนอ่ื งจากสภาพแวดลอ้ มของเพ่อื นร่วมชนั้ และ
ครูน้ันโหดร้าย เพื่อนท่ีชิงดีชิงเด่นแข่งขัน ครูท่ีเลือกรักศิษย์ การ
เรียนในวัยประถมของฉันคงเป็นการศึกษาท่ีแย่ที่สุดในชีวิต คอย
ภาวนานับทกุ วันว่าวนั หน่ึงฉนั จะต้องรบี จบจากที่น่แี ละเข้าโรงเรยี น
ตามรุ่นพ่ใี นหม่บู า้ นซง่ึ เรยี นในโรงเรยี นมธั ยมระดบั อาเภอที่มชี ่อื เสยี ง
โดง่ ดังแล้ววนั หน่งึ มันกม็ าถึง วนั ที่ฉันเดินไปพรอ้ มกับชุดนักเรยี นทีเ่ ปลีย่ นแปลงไปจากเดิมท่ีเคยสวมใสก่ า้ วเข้า
สโู่ รงเรยี นที่เคยมุ่งหวงั ฉันรู้สึกดีใจและมพี ลงั ทอ่ี ยากเรยี นมากขึ้น เพ่ือนดี สังคมในโรงเรียนดีทาใหเ้ ขา้ สวู่ ยั รุ่นได้
อย่างรวดเร็ว มีความคิดและตัดสินใจมากข้ึน สังคมที่น่ีทาให้ฉันไม่เคยขาดเรียน แม้ว่าจะป่วย เรียนยาก
การบ้านไม่เสร็จ ก็ยังอยากไปโรงเรียน มันน่าแปลกจริงๆเลยนะคะ ฉันเป็นคนไม่ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์
มากๆจนเกลียดครูวิชานี้ไปเลย แต่พอขึ้นม.3 ได้เรียนวิชาคณิตศาสตร์กับครูท่านหนึ่ง ครูคนนี้สอนเก่งและ
เขา้ ใจจนทาให้ฉันรักและเปิดใจเรียนวิชานีอ้ ีกครั้งกลับบ้านจะทบทวนวิชาคณติ สาสตร์ทุกคร้ัง และเมอื่ ถึงวัน
สอบก็สอบได้คะแนนสูงกว่าเพอ่ื นในหอ้ ง ไม่นา่ เช่อื นะคะวา่ ครคู นหนึ่งกม็ บี ทบาทเปล่ยี นทศั นคติความคดิ เราได้
ชว่ งช้ันมัธยมปลายเป็นช่วงวัยท่ีเปล่ียนแปลงฉันไปทุกอย่าง เพราะเมอ่ื ถึงคราวที่ให้เลือกว่าเรยี นสายศิลป์หรือ
วทิ ยค์ ณิต ตอนเลือกเรียนใหมๆ่ ฉันและเพื่อนสนิทเลือกลงไปทางสายวิทย์คณติ เพราะใครๆก็พูดว่าสายนี้เลือก
เรียนมหาลัยได้หลายทาง พวกเรา2คนไมล่ ังเลเลยค่ะเดนิ ไปพร้อมปากกาลงชือ่ อยา่ งรวดเรว็ แตส่ ดุ ท้ายเราและ
เพอ่ื นสนทิ ก็หันกลบั ไปตัดสายวิทยค์ ณิตออกจากกระดาษท่ลี ง เพราะมาคยุ กันแลว้ เราสมองไมถ่ ึงแน่นอน และ
จุดจบของฉันในการเลือกสายเรียนนั้นก็คือสายภาษานั้นเอง สายภาษาก็เรียนภาษาอย่างเข้มข้น นอกจาก
ภาษาอังกฤษแล้วกย็ ังมีภาษาจีนและครูคนสวยสง่ ตรงจากจีนและสื่อสารภาษาไทยได้อย่างคล่องอีกด้วย เรียน
สายภาษาเป็นอะไรท่ีสนุกมากๆค่ะ และจุดประกายที่ทาให้ชอบภาษามากขึ้นและเอาหนักด้านภาษาคือมีอยู่
ช่วงหน่ึง กลุ่มสาระภาษาต่างประเทศได้จัดค่ายภาษาอังกฤษและค่ายญี่ปุ่นขึ้นมา และผู้นาค่ายน้ันก็คือ
ชาวต่างชาติจากอเมริกาหน้าตาหล่อเลารุ่นราวคราวเดียวกับฉัน และรุ่นพ่ีที่มาจากมหาลัย แต่น่าเสียดายที่

62

สอื่ สารกับเพอ่ื นชาวตา่ งชาตินีไ้ ม่ได้เลย แตเ่ พราะความหล่อของชาวต่างชาติและความทอี่ ยากรจู้ ักอยากพูดคุย
กับพวกเค้าทาใหด้ ิฉันมแี รงบันดาลใจที่จะท่องคาศพั ท์และตั้งใจเรียนภาษามากข้นึ จนทาให้รู้สึกวา่ ฉนั ควรจะต่อ
ยอดทางดา้ นนใ้ี หด้ ีท่สี ดุ พอจบม.6 กเ็ ปน็ อกี ชว่ งหนึ่งทจี่ ะต้องตัดสนิ ใจเลอื กทางเดนิ อีกครั้ง

ชีวิตที่ต้องแปรผันเมื่อฉันจะต้องเข้ามหาวิทยาลัย ในหัวสมองก็เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องเรียนคณะอะไร
สาขาไหน ในตอนนัน้ ก็คิดแตว่ ่าต้องเลือกเรยี นคณะสาขาท่ีทาใหเ้ รามงี านทาในอนาคต ดิฉันตดั สินใจเลือกสอบ
คณะครุศาสาตร์ เอกปฐมวัยที่มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เพราะส่วนหน่ึงที่เลือกเป็นความหวังของ
ครอบครัวที่ให้อยากเดินสายราชการและอีกอย่างมัน
เป็นความใฝ่ฝันท่ีอยากจะป็นครูมาต้ังแต่เด็กๆ แต่ฝัน
นัน้ ก็สลายเพียงไม่กี่เดือน ฉนั เรียนได้3เดือนค่ะ ก็ต้อง
ลาออกจากมหาวิทยาลัย เน่ืองจากในการเรียนสาขา
ป ฐ ม วั ย นั้ น ต้ อ ง ผ ลิ ต สื่ อ ก า ร ส อ น ทุ ก สั ป ด า ห์ ท า ใ ห้
ค่าใช้จ่ายไม่เพียงพอ ความฝนั ที่จะเปน็ ครูใหค้ รอบครัว
มหี น้ามตี าก็คงจบลง หลังจากท่ีออกจากมหาวิทยาลัย
แล้วก็เข้าเมืองกรุงเพื่อหางานทาเก็บเงินเรียนต่อให้ได้
และชีวิตก็สว่างข้ึนอีกคร้ังดิฉันได้สมัครเรียนในสาขาภาษาจนี คณะมนุษย์ศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี
หลักสูตร 4 ปี และฉันก็คิดว่าจะต้องเรียนจบท่ีน้ีและเป็นครูสอนภาษาจีนให้ ในช่วงระหว่างเรียนไดไ้ ปศกึ ษา
และฝึกงานที่เมืองดินแดนแห่งมังกร หรือหลายๆคนเรียกว่าประเทศจีนน้ันเองค่ะ เมืองนี้ทาให้ฉันส่ือสาร
ภาษาจีนได้อย่างคล่อง โต้ตอบเพ่ือนๆคนจีนได้สบาย รู้สึกว่าเราเด่นกว่าคนอื่นท่ีพูดได้หลากหลายภาษา ถ้า
ยอ้ นกลับไปแล้วไม่คดิ เสียดายเลยท่ลี าออกจากทแี่ ห่งหน่ึงจนมาพบท่แี ห่งใหมท่ ท่ี าให้ดฉิ ันค้นพบตัวเองมากขึ้น
จะบอกทุกคนว่าอยา่ กลวั การก้าวเดินออกไปหาส่ิงใหมๆ่

ชวี ิตหลังจากเรยี นจบกเ็ ข้าสู้วัยทางานอย่างเต็มตัว ในตอนน้นั ก็
เริ่มคดิ แลว้ วา่ เราจะทางานอะไรเงินเดือนเทา่ ไหร่ ในตอนนน้ั รู้สกึ ลงั เลใจ
มากๆ และกน็ กึ ถึงตอนในวยั เดก็ ทีม่ ีความฝนั อยากเปน็ ครู แต่ไม่ไดจ้ บครู
แล้วต้องทาอย่างไรรู้สึกเครียดมากกลัวไปทุกๆอย่าง บ่นพรึมพรัมกับ
ตัวเองวา่ ฝันคงสลาย แตด่ ้วยความมุ่งมัน่ ฉนั กเ็ รมิ่ ค้นหาวา่ ที่ไหนรับสมัคร
ครูสอนภาษาจีนบ้าง และก็ไปเจอโรงเรียนหน่ึงที่รับครูภาษาจีน ฉัน
พรอ้ มสมคั รและไดท้ างานอย่างเตม็ ตัวกบั โรงเรียนแหง่ น้ี เม่อื กา้ วเข้ามา
ในโรงเรยี นมีเด็กนักเรียนยกมือไหว้แล้วเรียกเราว่าครู มันเหมือนท่ีเรา
ฝันไว้ไม่มีผิดเลย และพอทราบว่าโรงเรียนน้ีเป็นโรงเรียนของพ่อหลวง
รสู้ ึกดีใจมากและไม่คดิ ไม่ฝันว่าเราจะยืนท่ีตรงนี้ได้ เข้าสอนชั่วโมงแรกหัวใจเต้นตบุ๊ ตุบ๊ ฉันจะเริ่มสอนอะไรดี
เครยี ดไปทุกอยา่ ง กว่าจะปรับตัวได้ก็เป็นอาทิตย์เลยค่ะ จนตอนนี้ก็ผ่านระยะเวลามา 1 ปีแล้วค่ะกับสถานท่ี

63

ทางานแห่งแรกแหง่ นี้ มที ้อบา้ ง สขุ บา้ งและอปุ สรรคความท้าทาย มเี รื่องราวให้แก้ปัญหามากมายแต่ฉันก็รกั ใน
อาชีพท่ีฉนั เลอื กและตดั สนิ ใจที่จะอยูใ่ นท่ีตรงนี้ แม้จะเปน็ เพียงครคู นหน่งึ ท่ีไม่ได้เรยี นจบครู แต่มุ่งม่ันทาหนา้ ท่ี
ครู และต่อยอดพฒั นาตนเองโดยการเข้าศึกษาวชิ าประกาศนยี บัตรบณั ฑิต สาขาวิชาชีพครูอย่างต้งั ใจ เก็บเกย่ี ว
ความรู้ความสามารถมาถ่ายทอดใหแ้ ก่นักเรยี นตอ่ ไป

“เป็นครใู ครๆกเ็ ป็นได้ แต่ครูท่ีดนี ัน้ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นได้”

64

บทควำม เรียนและงำนเสน้ ทำงตำมควำมฝนั สคู่ วำมเป็นครู

ขา้ พเจ้านายภานุรจุ ทันสทุ ธ์ิ จบการศึกษาจากสถาบันราชภฏั จันทรเกษม ระดบั ปรญิ ญาตรี
ศลิ ปศาสตร์บัณฑิต (ศศ.บ) สาขาเศรษฐศาสตร์ธรุ กิจ และมหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษมระดับปริญญาโท
คุรุศาสตร์มหาบณั ฑิต (ค.ม) สาขาเทคโนโลยีและสี่อสารการศึกษา หลังจากจบการศึกษากไ็ ด้ไปทางานอยู่ท่ี
ธนาคารแสตนดาจชารเ์ ตอร์อย่ใู นสว่ นสนิ เชือ่ และไดเ้ ก็บเกย่ี วประสบการทางธนาคารอย่ไู ดป้ ระมาณ ๕-๖ เดือน
ไม่ได้ทาตอ่ เนอ่ื งจากการเดินทางท่ไี กลและต้องขึน้ รถไฟฟ้าในการเดินทางคา่ ใชจ้ ่ายเยอะมาก หลังจากนั้นได้เข้า
ทางานทมี่ หาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษมอยใู่ นส่วนงานฝ่ายวิชาการ ซึ่งก็จะสัมผัสกับการสอนการทาสื่อการ
สอนประสานการจดั ทาหลักสตู ร เปิดปิดหม่เู รยี น การรวบรวม มคอ. ฝกึ อบรมวิชาการและอื่นๆทีเ่ กี่ยวกับงาน
วิชาการ และเป็นผู้ช่วยสอน ก็อยากเป็นครูมา
ตัง้ แต่บัดน้ันเปน็ ต้นมา และหลังจากนั้นได้ย้าย
ฝ่ายงานไปอยู่ในส่วนของกิจกรรมนักศึกษา
ส่ วน ก ล า ง ข อ ง ม ห า วิ ท ย า ลั ย ต้ อ ง ดู กิ จ ก ร ร ม
นักศึกษา การเป็นที่ปรึกษาให้ผู้นานักศึกษา
ดูแลนักศึกษาออกค่าย การเขียนโครงการ
งานด้านพสั ดุ การเปน็ ปรกึ ษาใหน้ ักศกึ ษาเขยี น
โครงการกิจกรรมประกวดเขตภาคกลาง สานัก
คณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ) ได้รางวัลชนะเลิศเขตภาคกลาง และได้ใช้งบประมาณท่ีได้ ๒๐๐,๐๐๐
บาท จัดกิจกรรมออกค่ายไปยังโรงเรียนที่ห่างไกลได้สัมผัสครูที่อยู่ห่างไกลแล้วอยากมาช่วยเหลือและอยาก
ไดม้ าทางานในอาชีพครูมากเพราะเราอยากเป็น ๑ คน ท่ีมีส่วนชว่ ยเหลือผู้ที่เรียนอยูห่ ่างไกลความเจริญ และ
วันหน่ึงก็ได้มาเป็นครูอยากที่อยากเป็นและต้ังใจไว้ อาชีพครูถึงเงินเดือนจะไม่มากนักแต่หาเราอยู่อย่าง
พอเพียงกอ็ ยู่ได้ และที่สาคญั ครไู ม่ได้ทาหน้าทีแ่ ค่การสอนในห้องเรยี นเทา่ น้นั ตอ้ งดแู ลนกั เรยี นตลอดจากเช้าถึง
กลับบา้ น จนถึงมือพ่อแมข่ องนักเรียนการดูแรเอาใจใส่ดว้ ยความรกั การอบรมและแนะนาการใช้ชีวติ ห่างไกล
จากอบายมุขส่ิงมดี่ ตี ่างๆ ฯลฯ ทีจ่ ะผา่ นเข้ามาในชีวิตของนกั เรียนไมว่ ่าจะเปน็ เวลาหลงั เลกิ เรยี นโทรมาถามหรอื
ปรกึ ษาอะไรครยู ังคงต้องทาหนา้ ทอี่ ยตู่ ลอดเวลา แต่วันหน่ึงเห็น ลกู ศิษย์ไม่หลวงผิดเดนิ ทางท่ีดีเปน็ คนดกี ็ร้สู กึ
ภมู ิใจ และหายเหนื่อยเป็นปลิดท้งิ กลับมาเป็นพลังผลักดันใหเ้ ราได้อบรมสั่งสอนดูแลลกู ศิษยร์ ุ่นอื่นๆอกี ต่อไป
ในอาชีพครูไมเ่ คยมคี วามรสู้ กึ นอ้ ยใจเลยทีล่ กู ศิษยจ์ บการศึกษาแลว้ หายไปไมไ่ ด้มาหามาเยย่ี มเยือนครู แตผ่ มจะ
รู้สึกดีมากเวลาลูกศิษยม์ ีปัญหาไมว่ ่าปัญหาอะไรกต็ าม ลูกศษิ ยเ์ ข้ามาหาครูหรือโทรมาหาครูให้ชว่ ยเหลือหรือ
แกไ้ ขปญั หา สาหรบั ผมแล้วจะรสู้ ึกดใี จมากที่เขาคดิ ถึงเรา ทาไมเขามเี พื่อน มีพ่อ มีแม่ แต่เขาคดิ ถึงเราเป็นคน
แรก ทีล่ ูกศิษยเ์ ลอื กทจ่ี ะเขา้ มาหามาขอความชว่ ยเหลอื และขอคาแนะนาแก้ไขปญั หาให้ แค่นี้คนเป็นครกู ร็ สู้ ึกดี
ใจมากแล้ว สาหรับตวั ข้าพเจ้าอาชีพครูเป็นอาชีพท่ีมเี กยี รติ นอกจากจะเป็นผู้ให้วิชาความรู้แก่ลูกศิษย์แล้ว
ยังต้องช่วยเหลอื ดแู ล สร้างลกู ศษิ ย์ใหเ้ ปน็ คนดอี กี ด้วย เปน็ อาชีพที่ต้องมสี ว่ นในการรับผดิ ชอบสังคมมาก แต่ก็
เปน็ อาชีพทข่ี า้ พเจ้าเอง ภมู ใิ จมากที่สุด และทาให้ครอบครัว พ่อ แม่ ภูมใิ จอีกดว้ ย

65

ถึงวนั น้ีวันท่ีไดเ้ ดนิ ตามสายอาชพี “ครู” ๑

ณฐั กานต์ เครอื แสง

ข้าพเจ้า ชื่อ นางสาวณัฐกานต์ เครือแสง นักศึกษาหลักสูตร ป.บัณฑิต วิชาชีพครู ปี
การศึกษา 2562ก่อนอนื่ ต้องขอเกร่นิ นาวา่ กอ่ นหน้าที่ตัวข้าพเจ้าจะไดม้ าเปน็ ครอู ัตราจา้ งในวนั น้ี ในการเดิน
ตามเส้นสายวชิ าชพี ครขู องช่วงมหาวทิ ยาลัยไมไ่ ดเ้ ป็นไปตามที่คาดหวังไว้เทา่ ที่ควร ตอนแรกได้ยืน่ คะแนนแอด
มชิ ช่ัน 4 อันดบั ไป ซ่งึ อันดับแรกได้เลือกคณะศึกษาศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลยั นเรศวร อับดบั สอง
ได้เลือกคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร อันดับสามได้เลือกคณะครุศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ และอันดับท่ีส่ีได้เลือกคณะครุศาสตร์ เอกภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นครสวรรค์ และผลที่ได้คอื ไม่ติดสกั อันดับ. ข้าพเจา้ จึงเกิดความผดิ หวังคิดไตรต่ รองอยูน่ านวา่ ทาไมข้าพเจ้าจึง
ทาไม่ไดห้ รือความพยายามเราไม่มากพอกบั ผลท่เี ราคาดหวังว่าจะตอ้ งได้ เป็นความรสู้ ึกทีเ่ สียใจและโทษตวั เอง.
จึงเริม่ ต้นใหมโ่ ดยการคดิ ทบทวนสง่ิ ท่ตี นเองชอบเรียนน่ันก็คือ การเรียนภาษาอังกฤษ เปน็ สิ่งที่ข้าพเจา้ ชอบใน
การเรียนรู้ต่างๆ ท้ังการพูด การฟัง การเขียน และการอ่าน รู้สึกว่าทักษะเหล่าน้ีสามารถเอาไปใช้ได้ในชีวิต
จริงๆ แล้วตัวเราเองก็มีความสุขท่ีได้เรียน. เม่ือโอกาสคร้ังที่สองมาถึงในการเลือกแอดมิชชั่นรอบที่ 2 อันดับ
แรกเลือกคณะครุศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ อับดับ 2 เลอื กคณะครศุ าสตร์ เอกภาษาไทย อบั ดับ 3 เลือกคณะ
ครุศาสตร์ เอกวิทยาศาสตร์ และอบั ดบั 4 เลือกคณะมนุษยศาสตร์และสงั คมศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ในการ
เลือกอับดับทั้ง 4 น้ีคิดไว้วา่ อันดับแรกเราต้องได้แน่ๆ เพราะเป็นเอกภาษาอังกฤษที่เราชอบ. ส่วนอันดบั ท่ี 2
และ 3 อาจจะเป็นเอกที่เราอาจจะไมไ่ ด้ชอบมากที่สุดแตใ่ นความคดิ ตอนนัน้ ขอแคเ่ ป็นคณะครุศาสตร์ที่เราจะ
ติด เพราะว่าเป็นคณะที่เก่ียวกับวิชาชีพครูโดยตรง และผลท่ีได้ก็คือติดอันดับท่ี 4 คณะมนุษยศาสตร์และ
สังคมศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ส่วนตัวข้าพเจ้าคิดวา่ ยังไม่พึงพอใจเท่าท่ีควร. แต่เป็นเอกที่เกี่ยวกับภาษาจึง
ตดั สินใจเลือกอันดับนี้ไปและคดิ วา่ ไม่เปน็ ไรเม่อื ไดร้ ับโอกาสน้แี ล้ว ข้าพเจ้าก็ต้องทาใหไ้ ด้ และแล้วเมอื่ ผา่ นชว่ ง
เตรียมเอกสารเพื่อใชใ้ นการสัมภาษณ์ อาจารย์สัมภาษณ์
ใช้คาถามในการลองเชิงเรา. ซึง่ ใชค้ าถามทวี่ ่า

“How do you think English is important
to ASEAN?”

ซึ่งเป็นคาถามท่ีง่ายแตด่ ว้ ยความต่นื เตน้ จงึ ทาให้
เกิดความกงั วล ข้าพเจ้าจงึ จบั ใจความสาคญั และรวบรวม
สติตอบเพอ่ื ใหผ้ ลออกมาดที ีส่ ดุ

“รู้ไหมว่าคณะนี้เรยี นเก่ยี วกบั เรอื่ งอะไรบ้าง”
“ในการเรยี นคณะนี้ตอ้ งหาเวลาอ่านหนงั สอื
เพราะเนือ้ หาค่อนขา้ งยากคิดว่าทาได้หรอื ไม่”
“เคยเรยี นวิชาภาษาอังกฤษเรอื่ งอะไรมาบา้ ง
ลองยกตวั อย่างให้ฟงั หน่อย”
ซึ่งคาถามเหล่าน้ีข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นคาถามเชิง
จิตวิทยา ถ้าเราคิดว่ายาก ทาให้ใจเราไม่สู้และกดดัน
ตวั เองไปด้วย แต่ ณ ตอนนั้นขา้ พเจ้าคิดไว้วา่ มาถึงขั้น
นี้แล้วเราต้องทาให้ได.้ จนได้เข้ามาเรยี นเปน็ เวลา 4 ปี
เม่อื เรยี นจบข้าพเจ้าได้วางแผนว่าจะเรียนต่อ ป.บณั ฑิต
เพ่ือเอาใบประกอบวิชาชีพครู หลังจากนั้นข้าพเจ้าได้

66

สมคั รเป็นครูอัตราจ้างทโี่ รงเรยี นโกรกพระ จงั หวัดนครสวรรค์ การไดเ้ ขา้ มาเป็นบุคลากรในโรงเรยี นน้ีทาให้รู้ว่า
การเปน็ “ครู” ไมใ่ ช่เพียงแคส่ อนหนงั สอื เท่าน้ัน. ทาให้คิดวา่ ตอ้ งหาขอ้ มูลเก่ียวกับมหาวิทยาลัยทเี่ ปิดรับสมัคร
นักศกึ ษาหลกั สูตรวิชาชีพครู เมอื่ มหาวทิ ยาลัยราชภัฏสวนสุนนั ทาเปิดรบั สมัครนักศกึ ษาหลักสูตรวิชาชพี ครูจึง
ไดส้ มัครและได้มีโอกาสเขา้ มาเรียน. ทาใหไ้ ดร้ ู้วา่ การเป็น “ครู” ไม่ใช่เร่ืองง่าย การเรียนหลกั สตู รวิชาชีพครูใน
แต่ละรายวิชาต่างๆ ทาให้ข้าพเจ้ารู้ว่ามันสาคัญแค่ไหนกับการเดินสายนี้ การรับมือกับเด็กที่มีปัญหา การ
แก้ปัญหาของเด็กในเรอ่ื งต่างๆ ส่ิงเหล่านีท้ าใหต้ ระหนกั คิดถึงคาวา่ “ครู” อยา่ งถอ่ งแท.้

ระยะเวลาในการมาเป็นครูน้นั ทาให้นกึ ถงึ พระราชดารสั ของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หัว ร.๙

“.....ครจู ะตอ้ งตัง้ ใจในความดีอยู่ตลอดเวลา แม้จะเหน็ดเหนื่อย เทา่ ไรก็จะตอ้ งอดทน เพือ่ พสิ จู น์ว่าครนู ้ี
เปน็ ทเ่ี คารพสกั การะได้ แตถ่ า้ ครูไมต่ ง้ั ตวั ในศลี ธรรม ถา้ ครไู ม่ทาตวั เปน็ ผูใ้ หญ่ เด็กจะเคารพได้อย่างไร……”

พระราชดารสั พระราชทานแกค่ รอู าวุโส ๒๘ ตุลาคม ๒๕๒๓

67

ถึงวันน้ีวันทีไ่ ดเ้ ดนิ ตามสายอาชีพ “คร”ู ๒

ณัฐกานต์ เครอื แสง

อย่างไรก็ตามแลว้ การเดินสายวชิ าชพี ครูมกั ตอ้ งพบกบั ปัญหาตา่ งๆ มากมายและการทีเ่ ขา้ มา
เรยี นประกาศนยี บตั รวชิ าชีพครูก็ทาใหต้ ระหนกั ถงึ ความเป็นครอู ย่างถ่องแท้. การไดเ้ ข้ามาเรียนหลกั สูตรครูที่
มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสนุ ันทา ข้าพเจ้าได้เรยี นร้วู ชิ าการวัดและประเมนิ ผลท่ีนามาใชไ้ ดจ้ รงิ ๆ ในความเปน็
คร.ู ซึ่งวิชานี้สามารถเช่ือมโยงกับการดาเนินการในโรงเรียนไดท้ ง้ั ยังสามารถนามาประเมินเกณฑข์ องวชิ าเราได้
อีกด้วย เชน่ การออกข้อสอบตา่ งๆ การวเิ คราะห์ในเรื่องของความเหมาะสม ความยากงา่ ย สงิ่ ต่างๆ เหล่าน้ที า
ใหข้ ้าพเจา้ คิดว่าเราตอ้ งเรียนรู้จรงิ ๆ ถึงจะสามารถเป็นครไู ด้
อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ. แน่นอนวา่ ปญั หาตา่ งๆ ทพี่ บเจอใน
ชว่ งเวลาของการสอน อปุ สรรคตา่ งๆ มากมายเชน่ เด็กไม่
สนใจเรียน เด็กไมส่ ่งงานและอีกมากมาย. การเรียนจติ วิทยา
ความเป็นครกู เ็ ป็นวิชาสาคัญที่เราได้เรียนรู้เก่ยี วกับวิธีการ
จัดการเรยี นการสอนของเราเอง เพอื่ ทจี่ ะไดส้ งั เกตพฤตกิ รรม
ของนักเรยี นและหาแนวทางแก้ไข. ข้าพเจา้ รสู้ กึ ดใี จทไี่ ด้เขา้
มาเรยี นประกาศนยี บัตรวชิ าชีพครู ทาใหร้ วู้ ่าสงิ่ ท่ีเราเปน็ อยู่
ความรู้ท่เี รามีอย่มู นั อาจจะยังไมพ่ อสาหรบั การเป็นครูท่ดี ไี ด.้

สงั คมคาดหวงั ว่า ครู คอื แบบอยา่ งที่ดขี องศิษยเ์ ป็นผสู้ รา้ งสมาชกิ ใหม่ของสงั คมให้เปน็ ทรัพยากร
มนษุ ย์ที่มีคณุ ภาพต่อสังคม ธรรมชาติของอาชพี ครูเปน็ อาชพี ท่ีตอ้ งเก่ียวขอ้ งสมั ผสั กบั บุคคลอนื่ อยู่เสมอ ฉะน้นั ผู้
ดาเนินอาชพี ครจู งึ ต้องเปน็ ผู้ใฝร่ ู้ ใฝ่เรียน และใฝพ่ ัฒนาตนเองอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

เอกลักษณข์ องครู

1.อดทน รจู้ กั ผอ่ นปรนต่อปญั หา สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองไดท้ ง้ั ในเวลาและนอกเวลาสอน
2.รับผิดชอบต่อหนา้ ท่ี และตอ่ ตนเอง
3.เอาใจใส่ตอ่ การเรียนความประพฤติ ความเป็นอยู่
4.ใฝ่หาความรู้ สารวจ ปรบั ปรงุ แก้ไขตนเองอยเู่ สมอ
5.ขยันหม่นั เพียร รจู้ ักคิดรเิ รมิ่
6.มีความยุติธรรมและทาใหศ้ ษิ ยเ์ กิดความอบอุ่นใจ
7.ดารงตนอย่างเรยี บง่าย ประหยัดเหมาะสมกบั สภาพอาชีพ
8.เปน็ ผู้มีวฒั นธรรม และศลี ธรรมตามศาสนาทตี่ นนบั ถอื
9. สุภาพเรียบรอ้ ย ประพฤตดิ ีสมา่ เสมอ เหมาะเปน็ ตัวอยา่ งท่ดี ตี อ่ ศษิ ย์

68

สรุป
ผู้ประกอบวชิ าชพี ครูทัง้ ในสงั กัดครุ สุ ภาและรวมถงึ ผู้สอนในสถานศกึ ษาในสังกัดมหาวิทยาลัยต่างๆ
ตลอดจนผสู้ อนในสถานศึกษาของกระทรวงกลาโหม กระทรวงสาธารณสขุ และกระทรวงอ่ืนๆ ด้วย เอกลกั ษณ์
ของครูเปน็ ลกั ษณะของผปู้ ระกอบวิชาชพี ครูที่มีคณุ ลักษณะบางอยา่ งท่พี เิ ศษนอกเหนอื จากวชิ าชีพอน่ื ๆน่ันเอง

https://sites.google.com/site/krutubtib/khru/laksna-khxng-khru-thi-di

ความหมายของ หน้าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบ และ หนา้ ทแ่ี ละความรับผิดชอบของครู
Collins cobuild Dictionary English Language (1987 : 442, 1574) ความหมายของหน้าที่ (Duty) ว่าหนา้ ทีค่ ือ
ภารกจิ ท่ตี อ้ งกระทา เพราะว่า หน้าท่ีนัน้ เปน็ ส่วนหนึ่งของงานตามตาแหนง่ ทไี่ ดร้ บั มอบหมายหรอื คาดหวังใน
สังคม
ความรับผดิ ชอบ (Responsibility) เปน็ ภาวะผกู พันที่มีในแตล่ ะบุคคลอนั เนอื่ งมาจากงานหรอื ตาแหนง่
หน้าท่ี
อาจสรุปความหมายของ หน้าท่ี ความรับผิดชอบ และ หน้าทแี่ ละความรบั ผิดชอบของครไู ด้ดงั นี้
หนา้ ท่ี หมายถงึ กจิ ที่ตอ้ งกระทาหรือกจิ ทพ่ี งึ กระทา อาจจะเปน็ การกระทาตามกฎหมาย จรยิ ธรรม
สามัญสานกึ หรือขอ้ ตกลงใดๆก็ได้
ความรับผิดชอบ หยามถงึ ภาระหรอื ความผกู พนั ตอ่ ผลทเี่ กดิ จากการปฏิบตั หิ น้าท่ีหรือการกระทาต่างๆ
ไม่วา่ จะเป็นผลดีหรือผลเสยี หายก็ตาม ความรับผดิ ชอบเปน็ ความผกู พันทที่ าใหบ้ คุ คลพยายามปฏบิ ัติหนา้ ทข่ี อง
ตนใหส้ าเร็จ ทงั้ ยงั เป็นความผกู พันทท่ี าใหบ้ คุ คลไมป่ ระพฤตผิ ดิ ตอ่ กฎเกณฑห์ รือระเบียนใดๆ อกี ดว้ ยความ
รับผิดชอบนัน้ แสดงใหเ้ ห็นในลักษณะของการปฏบิ ตั หิ นา้ ทีอ่ ยา่ งเสมอ ไม่หลีกเลี่ยงและปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ทนั เวลาที่
กาหนด
หน้าทค่ี วามรบั ผิดชอบของครู หมายถงึ กิจที่ครตู ้องกระทาให้ได้ผลดโี ดยสมา่ เสมอ การกระทาของครู
เพื่อใหผ้ ลดีไดน้ นั้ ตอ้ งอาศยั พนื้ ฐานของกฎระเบียน แบบธรรมเนียม จรยิ ธรรม จรรยาบรรณและคณุ ธรรมเป็น
ปัจจยั สาคญั ดว้ ย
อาจกลา่ วได้วา่ ความรับผิดชอบในหนา้ ที่ของครเู ป็นพฤตกิ รรมท่พี ึงประสงค์ของครทู ส่ี ังคมคาดหวงั เปน็
ภารกจิ ทส่ี ังคมมอบหมายให้ผปู้ ระกอบวิชาชีพครกู ระทา และเป็นพันธกจิ ผเู้ ป็นครูมอบใหก้ บั สงั คม
หน้าที่ของครใู นแงค่ ุณลักษณะทปี่ ระสงคน์ ้ัน รญั จวน อินทรกาแหง (2529:27) สรปุ ไว้ดงั นี้
1. ครูเป็นผู้ท่สี ามรถใหท้ างแหง่ ความรอดแก่ศิษย์ ความรอดมีอยู่สองทาง คือ ทางรอดทางกายและทาง
รอดทางใจ
2. ครตู ้องสามารถดารงความเปน็ ครูอยไู่ ดท้ ุกอริ ิยาบถ
3. ครตู ้องสามารถเป็นตัวอยา่ งตามกาสอนแกศ่ ิษย์ สอนอยา่ งไรทาอย่างนน้ั

การพิจารณาหน้าท่ีและความรบั ผดิ ชอบในเชงิ ของกฎระเบยี นข้อบงั คบั ที่ค่อนข้างเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร
หรือบทบญั ญตั ิต่างๆ เปน็ ลักษณะทคี่ อ่ นข้างบงั คบั ว่าครูตอ้ งกระทากิจเหล่านน้ั ส่วนการพจิ ารณาหนา้ ทแี่ ละ
ความรับผิดชอบของครใู นอกี ดา้ นหนง่ึ น้นั ก็เปน็ การพจิ ารณาหน้าทขี่ องครใู นเชงิ คณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงคท์ ี่
เปน็ ไปตามแบบธรรมเนียมปฏบิ ตั ิมลี ักษณะเปน็ วฒั นธรรมและจารตี ประเพณี

https://sites.google.com/site/krutubtib/khru/hnathi-laea-khwam-rab-phid-chxb-khxng-wicha-khru

69

จากบทความลักษณะของครทู ด่ี ีทาให้ขา้ พเจา้ สามารถนามาปรับใช้และปฏิบัติได้ เพอ่ื เปน็
แนวทางทดี่ ใี นการเป็นแบบอยา่ งให้กบั ลกู ศษิ ย์ หลงั จากทีไ่ ดเ้ รียนประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ณ มหาวทิ ยาลยั
ราชภัฏสวนสุนันทาแล้วน้นั ขา้ พเจา้ มคี วามคดิ ท่ีเปล่ยี นไปจากทีเ่ คยคิดว่า การสอนนกั เรียนเป็นเร่ืองทีแ่ คต่ ้องใช้
เนือ้ หาในหนังสอื เรียนเทา่ นัน้ กลบั กลายเป็นว่า การจะสอนนกั เรียนให้บรรลุตามวัตถปุ ระสงคไ์ ดน้ นั้ ในแต่ละ
ช่วั โมงเรยี นต้องควบคกู่ บั แผนการจัดการเรียนรู้ของกล่มุ สาระวชิ าทีต่ นเองสอนด้วยประกอบดว้ ย วตั ถุประสงค์
จุดมุ่งหมาย สอ่ื ทีใ่ ช้สาหรับการเรยี นและการเร่ิมขน้ั สอนในการเรยี น ล้วนมคี วามสาคัญมากกวา่ ทีต่ ัวเราคดิ .
การเรียนรพู้ ฤตกิ รรมนักเรยี นตามแนวคดิ จติ วทิ ยา ทาใหข้ ้าพเจ้ารูว้ ่าการเป็นครูไม่ใช่เรือ่ งง่าย เราตอ้ งเรียนรใู้ น
ความเปน็ ครูและรกั ในวิชาชพี ครูด้วย จะทาใหก้ ารทางานเปน็ ไปอยา่ งมคี วามสขุ

70

สร้ำงฝนั ...จำกแรงบนั ดำลใจ

ไพลิน แสงงาม

เช่อื วา่ ทุกคนกม็ ีความฝนั ฝันแต่ละคนกแ็ ตกต่างกันไป หรอื อาจจะเหมือนกันกไ็ ด้ แตค่ วามฝัน
จะเกิดข้นึ จรงิ ได้กต็ อ้ งลงมือทา บางฝนั อาจสาเรจ็ โดยเร็ว บางฝนั ต้องใช้เวลานานถงึ จะสาเร็จ สิง่ หนึ่งท่ีสามารถ
ทาให้ฝันของตนสาเร็จได้ คือ การวางแผนชีวิต สร้างเป้าหมายให้กับตนเอง เปรียบเสมือนเรามีแผนท่ี ท่ีจะ
นาพาตัวเองไปสู่ความสาเร็จในชีวิตอย่างท่ีหวังไว้ มนุษย์ทุกคนต่างมีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันทั้งการเลี้ยงดู
การศึกษา การอยู่ในสภาพแวดลอ้ มของสังคมทแี่ ตกต่างกนั มกี ารทางานท่หี ลากหลาย บางคนมคี วามสขุ กับ
การใชช้ ีวิตและบางคนมคี วามทุกข์จากการใช้ชวี ิต บางคนจบมามีงานทาที่ตรงสาขาท่ีตนเองเรียนจบ บาง
คนทางานไม่ตรงสายกับท่ีจบมา ซ่ึงฉันกเ็ ป็นหนึ่งในน้นั ทจี่ บมาจากสาขาหนง่ึ แต่มาทางานอกี สาขาหนึง่ คนเรา
มีความคดิ กบั สิง่ ทชี่ อบไม่เหมอื นกันก็ได้ แต่ต้องอยู่บนพน้ื ฐานของความดี ความซ่ือสตั ย์อยู่เสมอ ดฉิ นั ก็เป็นหน่ึง
ในนัน้ อีกเช่นกัน

สาหรับเราเองก็มคี วามฝนั เหมือนกัน ส่ิงหน่ึงที่ผู้ใหญ่หลายคนชอบถาม เป็นคาถามเดิมๆแต่
บางคนก็ยงั ตอบไมไ่ ด้ คาถามนัน้ คือ “โตขึน้ อยากเป็นอะไร ?” บางเวลาทไี่ มไ่ ด้ทาอะไร เราก็ตั้งคาถามกับตวั เอง
วา่ ในอนาคตเราจะเปน็ อะไร จะประกอบอาชพี อะไร เช่อื วา่ หลายคนคงคน้ พบตวั เองเจอแลว้ หรือบางคนก็ยังไม่
ค้นพบตัวเอง การท่ีเรามีความฝัน ส่วนมากจะเป็นความฝันที่เกิดขึ้นต้ังแต่เด็กๆ อาจจะเกิดจากเห็นคนใน
ครอบครัวทา หรือเป็นส่ิงท่ีตนเองชอบที่จะเล่นเป็นบทบาทสมมุติ ซึ่งเป็นเรื่องท่ีดีมากๆ แปลว่าเด็กคนนั้นมี
ความสนใจในอาชีพนั้นๆ ส่วนมากตอนเดก็ ๆ สนใจเร่ืองใดเรือ่ งหนง่ึ จะส่งผลต่ออนาคต เชอื่ ว่าเราทกุ คนเกดิ มา
จะต้องมีความใฝ่ฝัน แต่ละคนก็มีความฝนั แตกต่างกนั ไป บางคนใฝ่ฝันวา่ โตข้ึนอยากจะเป็นหมอ บ้างกอ็ ยาก
เปน็ นกั โปรแกรมเมอร์ บ้างก็อยากเปน็ สตั วแพทย์ อยากเป็นแอรโ์ ฮสเตส บา้ งกฝ็ ันว่าอยากเป็นพยาบาล เป็น
ทันตแพทย์ หรอื แม้แต่เป็นวิศวกร หรือบางคนทชี่ อบอยู่ในโลกจติ นาการอาจจะอยากเป็นนกั คอมพิวเตอรก์ ราฟ
ฟคิ บางคนอาจจะอยากเปน็ ครู ซึ่งเราทกุ คนมสี ิทธทิ์ ี่จะใฝ่ฝันและทาให้มันเป็นจริงได้ ถ้าหากเรามกี าลังใจจาก
คนรอบข้าง มีแรงบันดาลใจ มีความพยายามม่งุ มั่น ใฝ่รู้ใฝ่เรียน ขยัน อดทน และตง้ั ใจท่ีจะทาตมเป้าหมายที่
วางไว้ก็จะทาให้ฝนั เปน็ จรงิ ได้ ซึ่งในปัจจบุ ันมงี านและอาชพี ต่างๆมากมายให้เราเลอื กข้นึ อยกู่ บั วา่ เราจะเลอื ก
ทางานไหน เช่อื วา่ ทุกๆคนคงมีความคิดเร่ืองการศึกษาตอ่ ว่าเราต้องการทจี่ ะเรียนอะไร เพ่ือท่ีจะไดท้ างานดีๆ
หรืองานท่ีเราชอบ บางคนก็อาจจะไปต่อสายอาชีพซ่ึงเรียนรู้เรื่องการประกอบอาชีพโดยตรง เพ่ือท่ีจะได้มี
ประสบการณแ์ ละบางคนอาจจะเลอื กเรยี นต่อในสายสามญั ซ่งึ กเ็ ปน็ ทางเลอื กอกี ทางหน่ึง

71

ตัวฉันเติบโตในครอบครัวเล็กๆ วัยเด็กของฉันส่วนมากอยู่
ต่างจงั หวดั อยู่ท่ามกลางท้องไร่ ท้องนา เพราะท่ีบ้านมอี าชีพทานา ตอนเด็กฉัน
อาศัยอยู่กับตาและยายเพราะแม่และพ่อทางานอยู่ท่ีกรุงเทพฯ เมื่อถึงเวลาปิด
เทอมก็จะมาอยู่ท่ีกรุงเทพฯกับพ่อและแม่ ตอนดิฉันเด็กๆเวลาเล่นฉันชอบเล่น
เป็นคุณครูโดยจะเอาปอกปากกามาสมมุติเป็นชอลก์ ตู้เส้ือผ้าเป็นกระดาน แล้ว
จนิ ตนาการวา่ ฉันกาลังสอนนักเรยี นอยู่ เมื่ออายุ 8 ปี ได้ยา้ ยมาเรียนทก่ี รุงเทพฯ
เมอ่ื ตอนเรยี นประถมศกึ ษาท่ี 3 มีครอู ยู่ท่านหนึ่งทีฉ่ ันชน่ื ชอบทา่ นมาก ท่านเป็น
ครูประจาชั้น ซึ่งทา่ นเป็นครูท่ใี จดี อบอุน่ เป็นครทู ่มี ี จิตใจโอบออ้ มอารี สามารถ
ให้ความรู้กับนักเรียนได้อย่างเต็มที่ ให้ความรัก ความเมตตา ความเอ้ืออาทร ความเอาใจใส่ต่อลูกศิษย์ ท่าน
คอยสอนและใหก้ าลังใจในทุกๆเร่อื งท่านจึงเปรยี บเสมอื นแมอ่ ีกคน และในทุกวนั นเี้ วลาทคี่ ุณครพู บเจอกับแม่
ของฉันที่ตลาดคุณครูท่านก็ยังถามถึงฉันเสมอ ฉันจึงบอกตัวเองว่าความฝันของฉันต้องเป็นครูท่ีดีแบบอย่าง
คณุ ครทู า่ นน้ีใหไ้ ด้

เมือ่ เข้าสู่วัยมัธยมศกึ ษาเริม่ เข้าสู่วัยรุ่นสิ่งท่ีเราเคยฝนั ในวยั เด็กก็มีการเปลย่ี นแปลงไป ฉันฝัน
อยากเปน็ นักจดั รายการวิทยุเพราะความท่ีชอบเปดิ วทิ ยุฟังทกุ วันในเวลาตอนเยน็ เม่อื วิชาแนะแนวอาจารย์ไดให้
ไปสัมภาษณ์บุคคลในอาชีพที่ชอบฉันก็ไปสัมภาษณ์นกั จดั รายการวิทยุที่ตนเองช่ือชอบรว่ มกับเพ่อื นอีกคน แต่
วนั เวลาผ่านไปฉันเริ่มมีความฝันในการอยากเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเอง เนอื่ งด้วยในการเรยี นวิชาการงาน
และอาชีพจะมีการลงมือปฏบิ ัตทิ าให้ไดเ้ รยี นทาขนม อาหาร แกะสลกั จึงเป็นจดุ เรมิ่ ตน้ ในการชอบทาอาหารฉัน
จึงไดเ้ ปน็ ตัวแทนลงแข่งขนั ประกวดประดิษฐ์พานไหวค้ รแู ละประประดษิ ฐก์ ระทง กลมุ่ ของฉนั ไดร้ างวลั ที่ 2 แต่
ฉันกช็ อบทาอาหารมากกว่าและมคี วามคดิ ว่าโตข้นึ ฉันจะเป็นเจา้ ของร้านอาหารเลก็ ๆใหไ้ ด้

เมื่อกา้ วเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยฉันได้เลือกเรยี นใน
สาขาคหกรรมศาสตร์ดว้ ยความทีเ่ ปน็ คนชอบทาอาหาร
จึงเลือกเรยี นในสาขานี้ ถ้ากล่าวถงึ คหกรรมน้นั จะนึก
ถึงการทาอาหาร แต่ในการเรยี นของฉันไม่ได้เรียนแค่
อาหารอย่างเดียว แต่ยังหมายถงึ การเรียนทาขนมไทย

อาหารไทย ขนมอบต่างๆ

งานใบตอง งานแกะสลัก และรวมไปถึงการเย็บ ปัก
ถัก ร้อย ในปีแรกของการศึกษาฉันได้มีส่วนร่วมใน

72

การประดิษฐ์พานไหว้ครู และในปีตอ่ มาก็ตรงกับวันครบรอบวนั จัดต้งั มหาวิทยาลยั และทางมหาวิทยาลยั ได้มี
การจัดงานดิฉันได้มสี ่วนรว่ มแกะสลกั จดั ผลการเรียนรว่ มด้วยและเมอื่ ตอ้ งไปฝกึ ประสบการณว์ ิชาชพี ฉนั ไดไ้ ปฝกึ
ประสบการณ์ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนดเ์ ซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าวในการฝึกงานฉันได้ทางานในครัวฮากิ คือ
เป็นครัวเก่ียวกับอาหารญี่ปุ่นฉันก็ได้เตรียมส่วนผสมและออกมาทาเตาเทปันยากิ เบเกอรี่ก็จะมีการทาเค้ก
ขนม รวมไปถงึ การจัดตกแตง่ ขนมเพ่ือส่งออกไปหอ้ งจัดเลี้ยงและหอ้ งอาหารต่างๆ อาหารจีนจะรับตาแหนง่ ใน
การทาเสน้ ก๋วยเต๋ยี ว ทาซาลาเปาไส้ตา่ งๆ อีกทงั้ อาหารจนี ต่างๆดว้ ย

73

เม่ือเริ่มเข้าสวู่ ัยทางานหลังจากจบการศึกษามาฉนั ได้ทางานในรา้ นเบเกอรี่ในตาแหน่งผู้ช่วย
ซ่งึ ทางานได้ประมาณ 3-4 เดอื น วนั หนึง่ มีแขกมาท่ีบา้ น
แล้วได้ชิมอาหารที่ฉันทาท่านจึงชวนให้ไปทางานด้วย
เพราะว่าท่านจะเปิดร้านอาหารแถวสุขุมวิทยังขาด
พนักงานซ่ึงฉันก็ตกลงท่ีจะไปทางานด้วยและในวันที่
ลาออกจากการทางานร้านเบเกอร่ีเจ้าของร้านก็ไม่
อยากใหล้ าออกเพราะเจา้ ของรา้ นจะให้ข้ึนเปน็ ผจู้ ดั การ
ร้านแต่ฉันกเ็ ลือกมาทารา้ นอาหาร ทุกวนั น้ียงั เสียดายท่ี
ไม่ยอมรับตาแหน่งผู้จัดการร้าน เหตุผลท่ีไม่เลือกรับ
ตาแหน่งผู้จัดการร้านเบเกอรีเ่ พราะตอนนั้นยังคิดวา่ ตัวเองเพิ่งจบมาใหม่ๆ อายุยงั น้อยยังไม่มีประสบการณ์ใน
การทางานเท่าที่ควรเลยท้ิงโอกาสตรงน้ันไป และหลัก
จากน้ันอีกประมาณ 2 เดือนพ่ีที่เคยไปทางานด้วยสมัย
เรียนก็โทรมาให้ไปทางานด้วยในตาแหน่งผู้จัดการร้าน
อีก ก็ท้ิงโอกาสน้ันอีกเป็นคร้ังท่ีสอง พอได้ทางาน
ร้านอาหารก็ทางานในตาแหน่ง Food Checker มี
หน้าทด่ี ูแลเรอื่ งรสชาติ หนา้ ตา ตกแต่งอาหารก่อนที่จะ
เสิร์ฟลูกค้า ในการทางานก็ได้รับความไว้วางใจจาก
เจา้ ของร้านให้ดูแลการปิดร้านและสรปุ ยอดขายในทุกๆ
วนั อกี ทั้งบางคร้ังกไ็ ดล้ งไปทาในตาแหน่งบารใ์ นบางครั้ง
ท่ีพนักงานขาด หรืออาจจะช่วยเสิร์ฟรับออเดอร์ลูกค้า
ถึงดิฉันจะรับหน้าที่หลายอย่างแต่ก็มีความสุขในงานที่ทา แต่แล้วจุดหักเหของชีวิตในการมาทางาน เป็นครู
ปฐมวัย คือ วันหน่ึงร้านอาหารไดป้ ิดตัวลงเนื่องจากพษิ ของเศรษฐกิจจึงทาให้ดิฉันได้มาเป็นครูจากคาชักชวน
ของหุ้นสว่ นในรา้ นอาหารท่านเหน็ วา่ ทกุ ครงั้ ทลี่ กู คา้ มาใช้บรกิ ารนาลูกมาด้วย ฉันสามารถเข้ากบั เดก็ ๆได้ท่านจึง
ได้ชกั ชวนมาทางานเป็นครทู โี่ รงเรยี นของท่านดว้ ย ฉนั จงึ ตัดสินใจย้ายสายงานมาเป็นครูโดยปริยาย วันแรกของ
การทางานเป็นครูซงึ่ ไม่ตรงกับสายท่ีตัวเองจบมากท็ าใหด้ ิฉันกังวลและคอ่ นข้างกดดนั เหมือนกนั แต่เพราะได้ครู
พเ่ี ลี้ยงที่ดีทา่ นช่วยสอนฉันในหลายๆอยา่ งท่เี ก่ียวกบั การดแู ลเดก็ วา่ ควรทาอย่างไรและมผี ปู้ กครองทา่ นหน่ึง
ได้พดู วา่ “ แคเ่ ดก็ เมือ่ วานซนื จะเปน็ ครูทด่ี ไี ดอ้ ย่างไร ” เปน็ พูดทีท่ าใหต้ ัวฉนั มแี รงสู้เพือ่ ทจ่ี ะเปน็ ครทู ี่ดใี หจ้ นได้
จากทีต่ อนแรกคดิ ถอดใจว่าจะหางานใหมท่ า พอทาไปได้สกั ระยะจึงทาใหฉ้ ันหลงรกั และจาความฝนั ในวัยเดก็ ได้
วา่ อยากจะเป็นครู จึงมงุ่ มั่นที่จะเป็นครูปฐมวัย เพราะต้องการสอนเด็กให้เป็นคนดี ช่วยเหลือตนเองได้และมี
ทกั ษะชวี ติ ที่ดเี พือ่ นาไปใชใ้ นการดารงชวี ิตต่อไปในอนาคต เพื่อท่ีจะได้สร้างคนดีใหแ้ ก่สงั คม สอนเดก็ ๆให้รจู้ ัก
ผดิ ชอบชั่วดี สง่ิ ไหนถกู และส่ิงไหนผดิ ไมย่ ุ่งเก่ยี วกับอบายมุข เปน็ คนดีของสังคม แก้ปญั หาด้วยวธิ ีท่สี ร้างสรรค์

74

เม่อื ตนเองต้องเจอกับสถานการณท์ ่ยี ากลาบาก และเป็นลูกที่ดขี องพอ่ แม่ สาเหตทุ ่ีฉันเลอื กอยากจะเป็นครู ก็
เพื่อจะพิสจู นค์ วามสามารถของตนเอง จากคาพดู ท่ีดูแคลนของผูป้ กครองทา่ นนั้น ทด่ี แู ค่ภายนอก เพราะคนจะ
เป็นครูได้น้ันใช่จะเป็นครูแต่ภายนอก หากแต่คนที่เป็นครจู ะต้องมีจิตวญิ ญาณของความเป็นครูในทุกช่วงลม
หายใจ อาชีพครูสาหรับดิฉันในเวลานี้จึงเป็นอาชีพท่ีอุดมไปด้วยเกียรติ เป็นอาชีพที่งดงาม เป็นอาชีพท่ี
ละเอียดอ่อน เพราะเป็นอาชีพที่คอยบ่มเพาะให้เมล็ดพันธ์ุตัวน้อยของชาติ ดารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมี
ความสขุ ในทุกๆดา้ น การเป็นครนู ัน้ คือสิ่งทหี่ ลงรัก การไดพ้ ัฒนาตวั เองก็เป็นสว่ นหนึ่งท่จี ะสามารถทาให้ดฉิ ัน
กา้ วไปสคู่ วามสาเร็จในหน้าที่การงานได้ ซึ่งการตัดสินใจในการศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษานนั้ แตล่ ะคนอาจมี
เหตุผล มีแรงจูงใจทีแ่ ตกต่างกันไป เช่น ต้องการได้รบั ความรู้และประสบการณเ์ พ่มิ ขน้ึ เพอ่ื นาไปพฒั นาสาย
งานของตนเอง ต้องการเพ่ิมวฒุ ิทางการศึกษาเพื่อนาไปประกอบอาชีพและการแสวงหาความกา้ วหน้าความ
มนั่ คงในชีวิต บางคนอาจมคี วามมุ่งหวังเพอื่ ให้เป็นทยี่ อมรับของสงั คม และการมีช่ือเสียงเกียรตยิ ศ แต่ตัวฉัน
ได้มาสมัครเรียนต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครูเพ่ือต้องการที่จะได้ความรู้ทางด้านปรัชญา ทฤษฎี
จติ วิทยาสาหรับครู หลักการสอนตา่ งๆ และการจดั การชนั้ เรยี นเพ่มิ เติมเพ่ือให้มีการพัฒนาตนเองใหม้ ศี กั ยภาพ
ท่ดี ี ถูกต้องตามระเบียบของความเป็นครู อีกท้ังต้องการเพื่อเรียนรู้ในส่ิงที่ตนเองสนใจในเชิงลึกรวมไปถึงเพ่ือ
ความกา้ วหนา้ ในหน้าที่การงาน

ส่วนตวั ฉนั เองมคี วามฝันในวัยเดก็ ท่อี ยากจะเป็นครู ความรู้สึกมนั ติดตัวฉนั มาตั้งแต่ฉันเปน็ เด็ก
เล็กๆแม้อาจจะมีการเปล่ียนแปลงไปบ้างแต่การเป็นครูน้ัน ไม่เพียงแตจ่ ะตอ้ งมีความร้ทู างวชิ าการเพ่ือจะสอน
นกั เรยี นเท่านน้ั แต่ครยู ังจะต้องเป็นผู้ช่วยนักเรยี น
ให้พัฒ นาทั้งทางด้านสติปัญ ญ า บุคลิกภาพ
อารมณ์ และสังคมด้วยดังนั้น ครูต้องเป็นผู้ที่ให้
ความอบอุน่ แก่นักเรียน เพ่ือนกั เรียนจะได้มีความ
เชื่อและไว้วางใจครู พร้อมที่จะเข้าพบครูเวลาที่มี
ปัญหา นอกจากนี้ครูจะต้องเป็นต้นฉบับที่ดีให้แก่
นักเรียน ถ้าหากจะถามนักเรียนต้ังแต่ชั้นประถม
จนถึงนักศึกษาในช้ันมหาวิทยาลัย ว่ามีใครบ้างใน
ชีวิตของนักเรียนท่ีนักเรียนยึดถือเป็นต้นฉบับ
นกั เรียนสว่ นมากจะมคี รอู ยา่ งน้อยหนง่ึ คนที่ยึดเป็น
ต้นฉบบั หรือตัวแบบและนักเรียนจะ ยอมรับคา่ นิยมและอุดมการณ์ของครู เพ่ือเป็นหลักของชวี ิต อิทธิพลของ
ครูทนี่ กั เรียนยดึ เป็นต้นฉบับจะตดิ ตามไปตลอดชีวติ จงึ ทาใหค้ นทว่ั ไปรสู้ ึกวา่ อาชีพครเู หมือนเรอื จา้ งทม่ี ีหนา้ ทส่ี ่ง
คนข้ามฟากเท่าน้ัน ซึ่งเป็นเครื่องช้ีถึงทัศนคติทางลบท่ีมีต่ออาชีพครูจึงมีส่วนทาให้คนบางคนตัดสินใจเลือก
อาชพี ครเู ปน็ อาชีพสดุ ท้าย

75

แล้วฉันก็รู้สึกว่า อาชพี ครูคืออาชีพท่ีเหมาะกับฉันทส่ี ุด แปลกหรอื ไม่ทเ่ี วลาฉนั เห็นเดก็ ๆ แล้ว
รสู้ ึกย้ิม เอ็นดู มันกลายเป็นเรื่องอตั โนมัติ เห็นความเจริญเติบโตของเค้าจากเด็กเล็กๆ ไม่ประสีประสาในช้ัน
อนบุ าลจนกลายเปน็ พีใ่ หญท่ ่ีรู้เร่อื งรรู้ าวและพร้อมจะก้าวไปข้างหน้าในชัน้ สงู สดุ ของโรงเรียน ท่ไี มช่ อบคือมีการ
ประเมนิ บ่อยมาก บางครั้งครูตอ้ งท้ิงห้องสอนไปเตรียมเอกสารเปน็ เล่มๆ เพ่ือรองรบั การประเมิน ไม่ทาก็ไมไ่ ด้
เพราะเป็นคาส่ังผบู้ ังคับบัญชา แถมบางครงั้ มนี โยบายที่ขัดความร้สู ึก เช่น ทาอะไรบางอย่างท่ีไม่เกี่ยวกับการ
เป็นครู ซ่ึงมันก็เป็นเร่อื งท่ีเกิดจากความคิดสว่ นตวั การเรยี นสายครูนน้ั มากกว่าสาขาอ่ืน เพราะ ครูกาลังขาด
แคลน เน่ืองจาก หลายๆ ปีท่ีผ่านมาน้ี หลายโรงเรียนครูได้เกษียณเป็นจานวนมาก จึงทาให้ประชากรครขู าด
แคลน นักเรยี น ที่กาลังจะศึกษาต่อจึงหันมาเลือกเรียนครูในสาขาต่างๆหลายสาขาท่ีเปิดสอนกันเป็นจานวน
มาก แล้วทาเป็นหนา้ เป็นตาใหแ้ กค่ รอบครวั เมอื่ เรียนจบแลว้ ท้งั ยงั มีอาชีพท่มี นั่ คงมโี อกาสไดร้ ับราชการ

สดุ ท้ายการเป็นครูคงเข้าไปอยู่ในสายเลือดแล้ว การมีพลังในทุกๆวัน คือ การทาหน้าท่ีของ
การเปน็ ครอู ยา่ งเตม็ ท่ี “ครูทดี่ ีจะต้องรูว้ ิธีนาส่ิงท่ีดที ี่สุดออกมาจากตัวนักเรยี น พัฒนาที่สว่ นท่ียังบกพร่อง และ
พวกเขาจะสอนออกมาจากหวั ใจ ไมใ่ ช่จากเพยี งแคใ่ นหนังสือ” การใส่ใจจงึ กลายเปน็ เรือ่ งสาคัญ ความรู้สกึ ของ
ครู คอื การเขา้ ถงึ ตัวเด็กๆ ทกี่ ลายเป็นลูกของครู การเฝา้ มองพัฒนาการ และการดูแลนกั เรยี นใหม้ ีพฒั นาการที่ดี
ข้ึน และการปรับตัวเข้ากับสังคม จึงเป็นเร่ืองสาคัญมากๆ เม่ือคุณคิดว่าคุณมีความพร้อมทั้งความรู้
ความสามารถ ความรักในวิชาชีพ ความรักและความเมตตานักเรยี น พรอ้ มท่จี ะพัฒนาตนเองอยตู่ ลอดเวลา
ให้ทันกบั การเปล่ียนแปลงของโลกในขณะเดียวกนั กับการอนุรักษ์สงิ่ ทมี่ คี ุณคา่ ไว้คุณก็จะเป็นครูที่ดีได้

76

บทบำททวี่ กวน

พงษ์สทิ ธิ์ ลี้เจริญ

วัยเรียน

เมอ่ื สมยั เรียนในระดบั ปฐมวยั – ประถมศึกษา อาศยั อยใู่ นโรงเรยี นประจาแหง่ หนึ่งในจังหวัด
ชลบรุ ี ใชช้ วี ิตในโรงเรยี นตั้งแต่อนุบาล 1 จนถึง ป.6 ใน 1 เดอื น จะไดก้ ลบั บา้ นแคค่ รงั้ เดียว คอื กลับตอนเย็นวัน
ศกุ ร์ และวันอาทติ ย์เย็นก็ต้องกลับมาโรงเรียนอีก ตอนเด็กๆ ไม่เคยเข้าใจในสภาพของตัวเองเลย เพราะเพ่ือน
คนอื่นได้กลบั บา้ นทุกวัน ส่วนเพ่ือนท่ีอยู่ประจาด้วยกัน ส่วนมากก็ได้กลับ 2 อาทิตยต์ ่อครั้ง ความรู้สึกท้งั หมด
มนั ถูกเก็บมาโดยตลอดเหมือนระเบิดเวลา จนกระทั่งมนั ระเบิดออกในวนั ทเ่ี รียนจบชั้น ป.6 ตอนน้นั บอกกบั ทุก
คนเลยว่าจะไม่เรียนอีกแล้ว ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนอีก เกลียดโรงเรียน ในขณะน้ันคุณแม่ทางานอยู่ท่ี
กรงุ เทพฯ ก็เลยขอไปอยูก่ ับท่านที่นนั่ พร้อมกับใช้ชีวิตแบบไมม่ ีจุดหมายเพราะไม่ไดเ้ รียนหนงั สือ ชว่ งแรกๆ ก็
ไม่ได้รู้สกึ วา่ ตนเองแปลกหรือขาดอะไรไปเลย กลับรูส้ ึกหัวเราะเยาะเวลาที่เห็นคนใช้ชุดนกั เรยี นด้วยซ้า กจิ วตั ร
ในตอนน้ันคือไม่มีอะไรเลย ตื่นนอน กิน ช่วยงานท่ีบ้าน นอน วนเปน็ ลูปอยู่แบบนน้ี านมาก จนกระท่ังร้สู ึกว่า
ชีวติ มันขาดเพ่อื น ขาดสังคม ขาดชว่ งเวลาทไ่ี ด้เลน่ กบั เพื่อนรนุ่ เดยี วกนั ไป สุดทา้ ยจงึ ขอกลบั มาเรยี น

กลับมาเรยี นในระดบั ชั้นมัธยมที่โรงเรยี นบ่อทองวงษ์จันทรว์ ิทยา ซงึ่ เปน็ โรงเรียนใกล้บา้ น ผม
โชคดที ีม่ ีเพอ่ื นจากโรงเรยี นตอนประถมมาเรียนคอยชว่ ยเหลอื ในทุกๆ อย่าง แตผ่ มกบั เพ่ือนคนนีเ้ รียนคนละช้ัน
กนั จึงสนิทกันช่วงเวลาส้ันๆ ตอนท่ีเข้าไปเท่าน้นั พอปรับตัวไดถ้ ึงได้มเี พื่อนในชนั้ ในสมัยมัธยมต้น จาได้วา่ ติด
เกมส์มาก คือติดมาต้งั แตช่ ่วงเวลาท่ีหยุดเรยี นอยู่ทีก่ รุงเทพฯแล้ว ต่อเน่ืองมาจนถึงตอนเรยี นมัธยมต้น ไปเรยี น
บา้ ง ไม่ไปเรียนบา้ ง วันท่ีไปก็ไปสาย ทงั้ ๆท่บี ้านกบั โรงเรียนไม่ได้ไกลกันเลยออกจะใกล้กนั ด้วยซา้ ในช่วงเวลา
ของชีวติ นกี้ ็โชคดีมากๆ ที่ได้อาจารย์ที่ปรึกษาคอยช่วยเหลอื มาโดยตลอด คือเวลาที่ขาดเรียน ไม่ต่ืน ตืน่ แต่ไป
รา้ นเกมส์ อาจารย์จะมาตามถงึ ท่บี า้ น ท่ีร้านเกมส์ ให้ไปโรงเรียนเสมอ นกึ ถงึ ตอนนัน้ ก็ราคาญอาจารยม์ าก ตาม
อะไรนักหนา จนกระท่ังจบ ม.3 มาได้แบบ เกือบจะกลบั ตวั ไมท่ นั

พอเข้าสู่มัธยมปลาย ได้รบั โอกาสจากอาจารย์ท่านหน่ึงในฝา่ ยวิชาการให้ไปอยใู่ นห้อง ม.4/1
ซึง่ เปรียบเสมอื นหอ้ งเดก็ เรยี นของระดับชน้ั ครั้งนี้กเ็ ปน็ อีกครง้ั ทีต่ อ้ งปรับตัวเพราะร้สู ึกได้ถงึ การแข่งขันภายใน
ชั้นเรียน ก็พยายามปรับตัว พยายามเข้าสังคมกับเพ่ือน พยายามเรียน แม้กระทั่งพยายามไปเข้าค่ายหา
ประสบการณ์ในการเรยี นในระดับมหาวิทยาลัย หาสังคมกบั เพื่อนตา่ งโรงเรียน เป็นตัวแทนไปแข่งขันวิชาการ
ไปแขง่ ขันจรวดขวดน้า คือพยายามหาตัวตน หาวา่ ตวั เองตอ้ งการอะไร ชอบอะไร จนกระท่งั ได้ขอ้ สรุปวา่ อยาก
เป็นวิศวะ เพราะชอบเรียนแค่วิชาฟิสิกส์กับคณิตศาสตร์ รวมถึงยังสนิทกับอาจารย์ที่เป็นท่ีปรกึ ษาโครงการ
จรวดขวดน้าอีกด้วย ซ่ึงท่านสอนวิชาฟิสกิ ส์ แต่ในตอนที่ข้ึนชน้ั ม.6 อาจารย์ท่านนี้กลับยา้ ยโรงเรยี นไป ทาให้
ตอนน้ันกลบั มารสู้ กึ เคว้งกับอนาคตของตัวเองอีกครง้ั จนกระทงั่ ตอนเทอม 2 อาจารยท์ สี่ อนคณติ ศาสตร์ต้งั แต่
ม.4 กลับเปลยี่ นคน เพื่อให้อาจารยอ์ ีกท่านที่ถนดั ในการติวข้อสอบสอบเข้ามหาวิทยาลยั เข้ามาสอนแทน นีค่ ือ

77

จุดเร่ิมต้นของความคิดท่ีว่า “อยากจะเป็นครูคณิตศาสตร์” จึงได้ทาการ Admission เลือก 4 อันดับ เลือก
อันดบั ที่ 1 คอื คณะศกึ ษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรว์ ิโรฒฯ อันดบั ท่ี 2 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอม
เกล้าธนบรุ ี คณะวิทยาศาสตรป์ ระยุกต์ เอกคณิตศาสตร์ประยุกต์ อันดับท่ี 3 มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีพระจอม
เกล้าพระนครเหนือ คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เอกคณิตศาสตร์ประยุกต์ ส่วนอันดับท่ี 4 เลือกเป็น
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี คณะวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เอกสถิติประยุกต์ ผลสอบออกมาติด
อนั ดับท่ี 3 จาได้ว่าดใี จ ร้องลัน่ บ้าน และทเ่ี ลือกแบบนีเ้ พราะตอนน้นั มกี ารศึกษาระดบั ป.บณั ฑิต ที่สามารถให้
เรียนตอ่ ไดถ้ า้ จบมหาวทิ ยาลัย 4 ปแี ล้ว แตใ่ นขณะน้นั ครอบครัวประสบปญั หาเรอื่ งการเงนิ อย่างมาก แม่หาเงิน
คนเดียว เล้ียงลูก 4 คน ผมซง่ึ เปน็ คนโต ท่านต้องการใหอ้ อกมาทางานส่งน้องๆเรียน ท่านไม่ได้รู้สึกดีใจกับผม
เลยทผ่ี มสอบตดิ แต่สุดท้ายปญั หาทกุ อย่างก็ผา่ นไปไดด้ ้วยดี

เขา้ สู่ระดับมหาวิทยาลัย ผมรูส้ ึกว่าชีวติ นักศกึ ษามหาวิทยาลยั 4 ปขี องผมนนั้ เปน็ ช่วงเวลาที่
สนุกมาก ผมจดจาช่วงเวลาเหล่าน้ีได้แทบทุกอย่างจริงๆ เพราะผมได้เรียนรู้รสชาติของชีวิตที่ครบถ้วน ทุก
รูปแบบ ไม่วา่ จะเป็นเร่ืองของการเรยี น ท่ีได้มาแทบจะทุกเกรดตงั้ แต่ F ไปจนถึง A เรื่องสังคมเพื่อน เรือ่ งผ้หู ญงิ
เรอ่ื งการเทยี่ ว จะมกี ็แต่ในชว่ งประมาณปี 2 เรอ่ื งการเรยี น ป.บัณฑิต ทีถ่ กู ยกเลิกไป ตอนน้ันคอ่ นข้างตกใจมาก
เพราะเราไม่มีข้อมูลเลย วา่ แล้วเราจะทาอย่างไร ถ้าเรายังอยากเป็นครู แต่สดุ ท้ายก็เลอื กทีจ่ ะเรยี นให้จบก่อน
แล้วค่อยมาคิดกันอกี ทีวา่ จะทาอยา่ งไรดี และสุดท้ายผมก็เรียนมหาวทิ ยาลยั จบไดภ้ ายใน 4 ปี แบบปางตาย

วยั ทำงำน

ตอนที่จบมา มีเพื่อนสนิทในตอนมัธยมปลาย ชวนกลับชลบุรีแล้วไปเปิดร้านเหล้ากันท่ีบาง
แสน เร่มิ จากท่ผี มต้องการเรยี นปรญิ ญาโท คณะศกึ ษาศาสตรต์ อ่ ท่มี หาวิทยาลัยบรู พา เพราะต้องการเป็นครู ก็
ไดป้ รึกษากบั ทบ่ี ้าน สรปุ ได้ว่าทีบ่ ้านจะช่วยออกค่าใช้จ่ายในส่วนของคา่ เทอมให้ แตค่ ่ากิน คา่ หอ ใหห้ าเอาเอง
ผมจึงตัดสนิ ใจทางานกบั เพ่อื นคนน้ี ไปพร้อมๆกับเรยี นไปด้วย ชว่ งแรกที่ยังไม่เปิดเทอม ยงั มเี วลาใหก้ ับงานก็ได้
ทาและเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง แต่พอเปิดเทอมเวลาที่ทางานก็น้อยลง เพราะกว่าจะเรียนเลิกก็ปาไป 4 โมงเย็น
หลงั จากเรียนก็ต้องไปรับ job สอนพิเศษต่อ กว่าจะกลับมาร้านเหล้าก็ 2-3 ทุม่ แทบทุกวัน เหนื่อยมาก ทาอยู่
แบบนี้อยู่ประมาณ 2 เดือน ก็รู้สึกว่าตนเองทาต่อไม่ไหว เพราะไม่มีเวลาพักผ่อนเลย ประจวบเหมาะกับ
อาจารย์สมยั มัธยมทีส่ อนคณิตศาสตรม์ าตัง้ แต่ ม.4 ชวนให้กลบั ไปเปน็ ครอู ตั ราจ้างท่ีโรงเรยี น ผมจึงตอบตกลง
พร้อมทั้งไปลาออกจากมหาวิทยาลัย เพราะไม่สามารถเรียนไปทางานไปได้ รวมถึงออกจากร้านเหลา้ ที่ทากับ
เพอ่ื นดว้ ย ชีวติ จงึ ไดม้ าเปน็ ครอู ัตราจ้างทโ่ี รงเรยี นบ่อทองวงษจ์ ันทร์วิทยา โรงเรียนท่ีเรียนมา 6 ปี ในระดับชั้น
มัธยม จาได้ว่าวันแรกที่ก้าวเข้าไปก็รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน บ้านที่เคยอยู่มาตลอด 6 ปี ทุกส่ิงทุกอย่างยังคง
เหมือนเดมิ สนามหญ้า ตึกเรยี น อาคารตา่ ง ๆ ทแี่ ปลกตาไปกค็ งเป็นโดมทางเดินที่สรา้ งขึ้นมาเพอื่ เดินไปแต่ละ
ตึกเวลาเปลี่ยนคาบ แต่ประสบการณใ์ นการเปน็ ครทู ี่น่ี 10 เดอื น ผมกลบั ไม่ได้รสู้ กึ ว่าตนเองมีการพัฒนาการใน
ด้านใด ๆ เลย จนเคยมีความคิดทวี่ ่า หรอื เราจะไม่เหมาะกับการเป็นครู จนกระท่ังมีเหตุจนทาต้องให้ลาออก

78

จากการเป็นครู ผมจึงเรมิ่ ค้นหาตัวเองครงั้ ใหม่ เพราะพกความคิดท่วี ่า เราอาจจะไมเ่ หมาะกบั การเปน็ ครอู อกไป
ดว้ ย จนได้ทางานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านรัชดา ทาในตาแหน่ง Customer Service ทาจนเจ้านายรกั และ
พร้อมจะดนั ใหเ้ ป็น Key Account แตส่ ุดท้ายกลบั โดนเพอ่ื นรว่ มงานเขา้ ใจผิด คดิ ว่าผมเป็นสายให้เจา้ นาย คอย
รายงานพฤตกิ รรมไม่ดีของเพ่ือนร่วมงาน และด้วยความท่ยี งั มีความมุทะลุบวกกบั ในปนี น้ั ผมตง้ั ใจว่าจะบวชอยู่
แล้ว จึงไปย่ืนใบลาออก แล้วไปบวชท่ีวัดแถวบ้าน บวชได้ 4 เดือนก็สึก ในขณะน้ันน้อง 2 คนที่กาลังเรียน
มหาวทิ ยาลยั กก็ าลังขนึ้ ปี 2 และปี 1 ตามลาดบั แม่ตอ้ งส่งเงนิ ในแต่ละเดือนเยอะมาก ผมจงึ ตดั สินใจชว่ ยงานท่ี
บา้ น และตั้งใจจะหันมาเอาดที างดา้ นน้เี ลย แลว้ ก็ไดท้ างานกบั ที่บา้ นมาตลอด จนถงึ จุดทพ่ี ลกิ ผันอีกครัง้ ตอนท่ี
นอ้ งคนสดุ ท้ายเรียนจบ มีอย่วู นั หน่ึงแม่ถามผมว่า “ไมอ่ ยากเปน็ ครแู ล้วเหรอ ?” ผมก็ตอบแบบไม่ได้คดิ อะไรว่า
“ไม่อยากเป็นแล้ว” ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร คิดแค่เพียงว่าแม่คงถามเล่น ๆ แต่ไม่เลย แม่กลับพูดต่อว่า
“แต่แม่อยากให้กลับไปเป็นครูนะ” คาพูดนมี้ ันทาให้ผมกลับไปนอนคดิ มากอยู่หลายคืน เพราะหลังจากวันน้ัน
ผมกไ็ ดม้ โี อกาสได้คยุ กบั แม่ถึงเหตุผล ถึงความคิดของท่าน ทวี่ ่าทาไมถึงอยากใหผ้ มกลบั ไปเป็นครู ผมรบั ว่าตอน
แรก ผมกลับมาเป็นครูเพราะคาขอของท่าน แต่พอผมกลับมาทางานเป็นครูจนถึง ณ ตอนท่ีพิมพ์เล่าเร่ือง
ท้ังหมดนี้ก็เป็นเวลา 7 เดือนแล้ว ผมได้ทาสิ่งท่ีเคยอยากทามาตลอดอีกครั้ง ครั้งน้ีผมได้เรียน ป.บัณฑิต
หลักสูตรที่จะทาให้ผมพัฒนาตนเองไปเป็นครูท่ีดี และผมตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้วว่า “ผมจะเป็นครูท่ีดีของ
นักเรยี นทุกคนของผมให้ได้”

79

ควำมเป็นครูของข้ำพเจำ้

นางสาวพัชราวดี สายทองแท้

“ครู” มาจากคาว่า “ครุ” ในภาษาบาลี หรือ “คุรุ” ในภาษา
สนั สกฤต แปลวา่ หนัก ซ่ึงคาว่าหนักที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงข้ึนมานี้ เป็นส่ิงท่ีหนัก
ในทั้งภาระ หน้าที่ความรับผิดชอบที่จะทาให้ลูกศิษย์ทุกคนเป็นคนดี
เจริญเติบโตในหนา้ ที่การเรยี น และประสบความสาเรจ็ ในด้านการทางานต่างๆ
และเป็นท่ีปรึกษาท่ีคอยอบรมส่ังสอนลูกศิษย์ทุกคนให้มีความดีเป็นคุณธรรม
ประจาใจ ประพฤติตนเป็นแบบอยา่ งท่ีดตี ่อสงั คม เป็นคนที่มีคุณภาพในสังคมที่
ได้รับการบ่มเพาะมาจากการศึกษา เช่นเดียวกับชีวิตของข้าพเจ้า เม่ือคร้ัน
ข้าพเจ้ายังเป็นเด็กแม่ของข้าพเจ้าคุณครูชนาภา สายทองแท้ เป็นครูสอนวิชา
สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ท้ังหน้าที่การทางานของแม่ และหน้าท่ีการเป็นแม่ของลูก ได้เป็นแรง
บนั ดาลใจของข้าพเจ้าท่ีดีท่ีสุดที่ข้าพเจ้ามาเป็นครูในวันนี้ แม่ของข้าพเจ้าได้สั่งสอนบุคคลมารุ่นต่อรุ่น อีกท้ั ง
จากบริบทการสอนวชิ าสังคมศึกษาของแม่ขา้ พเจา้ น้ัน ทาให้ข้าพเจ้าได้ซึมซับความเปน็ หน้าท่ีพลเมืองท่ดี ี การ
ปฏิบตั ติ นต่อผอู้ น่ื ทีด่ ตี ่อคนในสงั คม ซงึ่ จากจุดนั้น ขา้ พเจ้าจึงได้เร่ิมเป็นต้นกล้าตน้ เล็กเล็กทถี่ ูกปลกู ขึ้นในดินทดี่ ี
ดินที่สมบูรณ์ และถูกรดน้าขึ้นมาเป็นต้นไม้ตน้ ใหญ่ท่ีมีคุณภาพได้ ข้าพเจ้าจงึ อยากแผ่กงิ่ ก้านสาขาของข้าพเจ้า
มาเปน็ บุคลากรทางการศกึ ษา เปล่ียนสถานะจากผรู้ บั ความรู้มาเปน็ ผ้ใู หค้ วามรู้ ให้ในส่งิ ที่ข้าพเจ้าไดร้ ับมาอยา่ ง
ดตี ลอดชวี ิตการศกึ ษาของขา้ พเจ้า ข้าพเจ้าไดแ้ รงบันดาลใจจากแม่ของขา้ พเจา้ ซึ่งทาให้ข้าพเจา้ ไดต้ ามหา เดิน
ตามความฝันมา ซ่ึงส่ิงหน่ึงที่ทาให้ข้าพเจ้าจะสามารถเป็น “ครู” ที่ดีอย่างแม่ของข้าพเจ้าได้น้ันก็คือ
“การศึกษา”

"กลว้ ยไมม้ ดี อกช้า ฉนั ใด
การศึกษาเปน็ ไป ฉันนัน้
แตด่ อกออกคราวไร งามเด่น
การศึกษาปลกู ปั้น เสรจ็ แล้วแสนงาม"

จากคาประพนั ธด์ ังกลา่ วของหม่อมหลวงป่ิน มาลากลุ ที่ได้ใหแ้ นวคิดทางดา้ นการศกึ ษา ทัง้ ต่อ
ตัวผู้เรียนเองและต่อตัวผู้สอน ตลอดจนบุคลากรทางการศึกษาได้สะท้อนให้เห็นว่าอาชีพครู หรืออาชีพทาง
การศึกษาของข้าพเจ้าไม่ได้ผ่านมาและผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดังเช่นการออกดอกของดอกกล้วยไม้ การศึกษา
ไม่ได้เป็นเพียงการลงทุน หากแต่การศกึ ษาเป็นศาสตร์ทข่ี ้าพเจ้ารัก และเป็นศาสตรแ์ ห่งการพัฒนาตนเองและ
สังคมอยา่ งแท้จริง จากความสาคัญของการศึกษาที่มีตอ่ ทง้ั ตวั เอง คนรอบข้างของข้าพเจ้าและสังคมภายนอก
ขา้ พเจ้าจึงเริม่ ศึกษาช่วงมธั ยมศกึ ษาจากโรงเรยี นสิชลประชาสรรค์ ชว่ งนัน้ เองเปน็ ชว่ งท่ีขา้ พเจา้ ได้คน้ พบความ
เป็นตัวตนของตนเอง ความสุขของตนเองต่ออาชีพการเป็นผู้ให้ และการหาแรงบนั ดาลใจของชวี ิต ข้าพเจ้าจึง
ตัดสินใจเดินเข้าหาโอกาสด้วยการเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี ในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า

80

พระนครเหนือ ทางด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์ จากจุดนั้นเองข้าพเจ้าได้พัฒนาตนเอง และค้นพบว่าตัวเองมี
ความชื่นชอบทางด้านวชิ าชีพคณิตศาสตร์ และค้นพบในระหว่างเรยี นวา่ ข้าพเจา้ สามารถถ่ายทอดความรูท้ าง
คณิตศาสตร์น้ันได้เป็นอย่างดี ข้าพเจ้าจึงเริม่ นาสิ่งท่ีข้าพเจ้าชอบเหล่านั้น พัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ
ทางด้านวิชาการให้มากที่สุด พัฒนามาจนถึงระดับบัณฑิตศึกษา ข้าพเจ้าจึงเริ่มนาความรู้ที่ข้าพเจ้าได้รับมา
ตลอด 20 กวา่ ปีของขา้ พเจา้ มาถ่ายทอดใหแ้ ก่ลกู ศิษย์เพอื่ พฒั นากล้าพนั ธ์ใุ หม่ๆ ทางการศกึ ษาต่อไป

จากความรู้ทางด้านคณิตศาสตร์ที่ข้าพเจ้าได้รับมาตลอดการศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา
มัธยมศึกษา ต่อเน่ืองมาจนถึงระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ปัจจุบันข้าพเจ้าเป็นครูสอนคณิตศาสตรช์ ้ัน
มธั ยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรยี นเซนต์คาเบรียลได้นาความร้นู ้ีมาถ่ายทอดให้แกน่ ักเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรยี ล ใน
ระยะแรกขา้ พเจ้าไดส้ อนในสิ่งที่ขา้ พเจ้ารู้ เข้าใจ และถา่ ยทอดใหอ้ ยา่ งเต็มความสามารถ พัฒนาทักษะตา่ งๆ ที่
มีความจาเปน็ ตอ่ วิชาชีพครู เพ่ือนาปรับประยุกต์ใชส้ อนนกั เรยี นในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6 ให้ไดร้ บั ความรู้
ความเขา้ ใจ และเจตคตทิ ่ดี ใี นรายวิชาคณิตศาสตร์ เช่นเดียวกบั ที่ขา้ พเจา้ ได้รับส่ิงท่ีดีๆ มาต้งั แต่สมยั มัธยมศึกษา
, ปริญญาตรี, และปริญญาโท ตลอดมา ข้าพเจา้ มีความยนิ ดีเป็นอย่างยง่ิ ทข่ี ้าพเจ้าไดร้ ับโอกาสในการถ่ายทอด
ความรู้เหลา่ นี้ไปยังนักเรียนทุกคน ซ่งึ นอกจากความรู้ทีข้าพเจ้าจะถ่ายทอดให้แลว้ ความรู้นอกห้องเรียนอาทิ
เช่น ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม และความเป็นพลเมืองที่ดียังเป็นสิ่งที่ขา้ พเจ้าพึงกระทาเป็นแบบอย่างต่อ
ศิษย์และสิ่งสอนศิษย์ให้เพ่ิมพูนไปด้วยความรู้และคุณธรรมดังกล่าว อันจะส่งผลดีต่อศิษย์ในอนาคต ซ่ึงสิ่ง
เหลา่ นีเ้ อง ได้รวบรวมและบ่มเพาะให้ข้าพเจ้าไดม้ ีความเป็นครใู นวนั นแี้ ละตอ่ ไป

นางสาวพัชราวดี สายทองแท้
โรงเรยี นเซนต์คาเบรยี ล

81

เสน้ ทำงฝนั ....สู่ควำมเป็นครู

พัชรำภำ พรมสมบัติ

กอ่ นอ่ืนดิฉันของแนะนาครอบครัวของดฉิ นั กอ่ นนะคะ ดฉิ นั เติบโตมากับครอบครัวข้าราชการ
ซึ่งโดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นลูกผู้ชายจะไปทางข้าราชการทหาร ตารวจ ถ้ามีลูกสาวจะไปทางข้าข้าราชการครู
พยาบาล เป็นต้น ทาให้ดิฉันเหน็ ภาพข้าราชการมาตั้งแตเ่ ลก็ ๆ ละจดุ เริม่ ต้นของอาชพี ครูของดิฉนั แน่นอนค่ะ
ดิฉันได้มาจากคุณแม่ของดิฉันเอง คณุ แม่ของดฉิ นั เป็นครู ดิฉันได้มีโอกาสไปโรงเรียนของคณุ แม่เป็นประจาทุก
ปิดเทอม ทาใหไ้ ด้สมั ผสั กบั การเรยี นการสอนในโรงเรยี นตัง้ แต่สมัยดิฉนั ยังเดก็ จนถงึ ปัจจุบนั

ตอนเด็กๆ ดิฉันคิดวา่ เด็กหลายคนมคี วามฝันท่ีแตกต่างกันไป สาหรับดิฉันมีความฝันท่ีอยาก
เปน็ ครู แตไ่ ม่ใชแ่ คฉ่ นั หรอกนะคะที่ฝนั คุณแม่ดิฉันกฝ็ ันอยากให้ดฉิ นั รบั ขา้ ราชการครเู หมือนคณุ แม่ เช่นกันค่ะ
ดฉิ นั จึงเลือกเดนิ สายการเรียนที่จบไปแล้วสามารถเปน็ คุณครูได้ ซ่ึงก็ไม่งา่ ยเลยนะคะ เพราะถงึ แม้จะรู้ว่าชอบ
อาชีพครู แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าชอบเรียนอะไร ครสู อนวิชาอะไร ครูแบบไหน น้ีก็เป็นอีกจุดเร่ิมต้นในการ
ค้นหาตนเอง ดิฉนั ต้งั ใจเรียน รว่ มกจิ กรรม ต้ังแต่อนุบาล จนถึงระดบั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 3 ละชว่ งต่อในระดับชั้น
มัธยมศึกษาปีท่ี 4 เป็นช่วงที่เลือกสายการเรียน ตอนนี้ดิฉนั ก็เร่ิมรตู้ นเองว่าชอบเรียนวิชาอะไร ครูในดวงในท่ี
ชอบเป็นแบบไหน ตอนเข้าระดับช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4 ดิฉันเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต โรงเรียนสาธิต
มหาวิทยาลยั ราชภัฎเทพสตรี จ.ลพบุรี ดิฉนั เร่ิมชอบวิชาคณติ ศาสตร์ เหตุผลของดิฉันกค็ อื คุณครูสวย ใจดี เป็น
กนั เองกบั นกั เรียน ดบุ า้ งแตก่ ารดขุ องคุณครมู ีเหตผุ ลท่ที าใหด้ ฉิ ันเข้าใจเสมอ น้จี ึงเป็นเหตุผลที่ทาใหด้ ิฉนั หลงรัก
วิชาคณิตศาสตร์ ส่วนนึงดิฉันชอบคิดเลขไว เม่ือใดมีการแข่งขัน ดิฉันจะลงแข่งขันคิดเลขเสมอ จนชนะเลิศ
รายการ 180IQ จึงได้มีโอกาสเป็นตัวแทนนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายไปแข่งขัน 180IQ ที่
มหาวทิ ยาลยั จุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร หลังจากนัน้ ดฉิ ันสามารถเลอื กได้แล้ววา่ ดิฉนั ชอบวชิ าคณิตศาสตร์
ครทู ่ีดฉิ นั จะนามาเปน็ แบบอยา่ ง คือ เป็นครใู จดี เปน็ กันเองกับนกั เรียน พยายามเขา้ ใจเดก็ เพือ่ ให้เดก็ เกิดความ
ไว้วางใจ และเปน็ ทีป่ รกึ ษาใหเ้ ด็กไม่รูส้ กึ โดดเด่ยี ว อาจจะดุบา้ งแตจ่ ะใช่เหตุผลประกอบเพอ่ื ใหเ้ ข้าใจเสมอ ดฉิ นั
ศึกษาเล่าเรยี นมาจนถึงจุดสุดท้ายของมธั ยมศึกษา เป็นช่วงท่ีต้องเลือกแล้วว่าดิฉันจะเขา้ มหาวทิ ยาลัยท่ีใด ณ
ตอนน้ัน มีข่าวประกาศว่าปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์ เรยี นจบแล้วสามารถสอบบรรจุครูได้เลย แน่นอนค่ะ
ดิฉันสอนใจเป็นอย่างมาก จึงได้สอบเข้าคณะวิทยาศาสตร์ ภาควิชาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
นครปฐม ไม่นานผลสอบประกาศออกมา ดิฉันสอบติด ดิฉนั จึงตัดสินใจมอบตัวเข้าเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์
มหาวิทยาลัยศิลปากร แตร่ ุ่นดิฉันก็แปลกนะคะ จะได้พบการเปล่ียนแปลงการศึกษาอยู่ตลอดเวลา แต่ก็เป็น
ผลดี เพราะช่วงท่ีดิฉันกาลังจะเริ่มก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัย ระบบการศึกษาไดป้ รับการเรียนการสอนเพ่ือเข้าสู่
อาเซียน ดิฉนั มเี วลาหยุดมากถงึ หกเดอื น ก่อนเป็นเทอมมหาวิทยาลยั เปน็ ชว่ งเวลาทดี่ ิฉันกไ็ มป่ ล่อยให้เสยี เปลา่
ดฉิ ันจึงขอคุณแม่ไปโรงเรียนด้วยตลอด ได้มีการช่วยจัดทาสื่อการเรียนการสอน การทากิจกรรม การตกแต่ง
ห้องเรียนให้นา่ อยู่ ศกึ ษาการเรียนการสอนในโรงเรียน มาตลอด

82

ก้าวแรกในชีวิตมหาวิทยาลัย ก่อนอ่ืนต้องบอกเลยว่าไม่ง่ายอย่างท่ีดิฉันคิดไว้ การเรียนใน

มหาวิทยาลัยเป็นการท้าทายในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การอยู่ร่วมกันกับเพื่อนต่างถิ่น การ
ดารงชีวิตต่างๆ แต่พอเวลาผ่านไป ดิฉันรู้แล้วว่าบ้างอยากเป็นแค่ส่ิงท่ีเรากลัว ถ้าเราปรับตัวให้เข้ากับสิ่งท่ี
เปน็ อย่กู ็จะทาให้เราใชช้ ีวิตได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ดิฉันจะบอกองค์ในการศึกษานั้นไม่ยากอยา่ งที่คิดไว้ในตอนแรก ก็
ไม่ใช่ว่าการศึกษาในคณะที่เลือกมาศึกษาจะง่ายตาม แนน่ อนค่ะ ดิฉันคิดว่ายาก เคยคิด เคยท้อ เคยอยากซ่ิว

แต่ด้วยความฝันของคุณแม่ดิฉันท่ีอยากเห็นดิฉันเป็นครู
ทาให้ดิฉันเลือกท่ีจะก้าวต่อไปในทางสายครู ให้ประสบ
ความสาเร็จ แต่ในระหว่างทางท่ีดิฉันกาลังศึกษาใน
มหาวทิ ยาลัย เกดิ เรือ่ งท่ีดิฉนั ไม่คาดคิดข้ึน นั้นคอื คุณแม่
ของดิฉันปวดเป็นโรคหัวใจกะทันหัน ต้องผ่าตัดใส่กล่อง
ชว่ ยในการเต้นของหัวใจตลอดเวลา ทาให้คุณแมข่ องดิฉัน
ลาออกจากอาชพี ครกู ะทนั หัน เพราะต้องพกั ผอ่ นรา่ งกาย
จากการทางานหนกั มาเปน็ เวลา น้กี เ็ ป็นอกี หน่ึงเหตุผล ท่ี
ดฉิ ันไม่เคยคิดจะเปล่ียนสายอาชีพท่ีดิฉันวาดฝันไว้ ซึ่งเป็นทง้ั ความฝันของดิฉนั และคณุ ครู ทาให้ดิฉนั สู้ ฝา่ ฝัน
อปุ สรรคในการศกึ ษาเลา่ เรยี น มาตลอด สิง่ ที่เคยคดิ ว่ายาก เคยท้อ เคยอยากซิว่ กห็ ายไป และดิฉันก็กลบั มาทา
สงิ่ ท่ีมีอยู่ให้ผ่านไปได้ด้วยดี จนถึงปี 4 เป็นช่วงที่นกั ศึกษาต้องเลอื กทาโปรเจค ดิฉันคิดมาตลอดว่าดิฉันอยาก
เปน็ ครู แตด่ ิฉนั เรยี นคณะวิทยาศาสตร์ ซึ่งถ้าจะเป็นครจู ะตอ้ งเรียนคณะศึกษาศาสตร์ หรือ ครุศาสตร์ ดิฉันจึง
ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษาให้ช่วยแนะนาการทาโปรเจคในแนวทางท่ีดิฉันอยากเป็นครู ถือว่าดิฉันโชคดีนะคะ
เพราะที่ภาควิชาคณิตศาสตร์ เปิดสอนวิชาการศึกษาคณิตศาสตร์ ปริญญาโท ซึ่งมีอาจารย์ท่ีสนใจทาโปรเจ
คทางด้านการศึกษาระดับปริญญาตรี ได้ให้โอกาสดิฉันทาโปรเจคทางด้านการศึกษาคณิตศาสตร์ และได้รับ
โอกาสจากรองฝ่ายวิชาการโรเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร
นครปฐม ได้อนุเคราะห์สถานศึกษาฝึกประสบการณ์การสอนใน
ช้ันเรียน ในระดบั มัธยมศกึ ษา ทาใหด้ ฉิ ันได้มโี อกาสศกึ ษาเล่าเรยี น
ด้านการศึกษา การทาโปรเจค การทาส่ือการสอน เรียนรู้
การศึกษาในด้านต่างๆร่วมกับรุ่นพี่ปริญญาโท ท่ีภาควิชา
คณิตศาสตร์ จนทาให้ดิฉันประสบความสาเร็จในการทาโปรเจ
คทางด้านการสอน เพราะโปรเจคทางด้านการสอนท่ีดิฉันนามา
ปรบั ใชเ้ ปน็ การสอนเป็นรปู แบบเลน่ ปนเรยี น คือการบูรณาการณเ์ กมการสอนให้สอดคล้องกับวชิ าท่ีสอนเพอื่ ให้
เกดิ ประโยชนส์ ูงสุดต่อนักเรียน ทาใหไ้ ด้ผลเป็นอย่างดี จากการได้ปฏิบัติการสอนทาให้ดิฉันค้นพบตนเองมาก

83

ขึ้น ว่าก่อนจะมาเป็นครู ต้องมีการเตรียมพร้อมอย่างไร ปรับปรุงตัวเองอย่างไร ทาให้กรทาโปรเจคของดิฉัน
ประสบความสาเรจ็ เป็นอยา่ งมาก และความสาเร็จในครงั้ น้ดี ฉิ ันดใี จและภาคภมู ิใจเปน็ อย่างมากเพราะนี้คือกา้ ว
ความสาเรจ็ กา้ วแรกของดฉิ ัน ท่ที าให้คณุ พอ่ และคณุ แมข่ องดิฉันภูมใิ จ

ก้าวสู่วัยทางาน ในวัยเรียนว่ายากแล้ว วัยทางานน้ันยากกวา่ หลายคนคิดนะคะว่าเรียนจบ

ตอ้ งไปทางานอะไร ทางานไหนที่เหมาะสาหรบั ตนเอง ดฉิ นั คิดมาตลอดสาหรับดิฉันอยากเปน็ ครู แตก่ อ่ นจะเปน็
ครูจากที่ดิฉันทราบมาก่อนเข้า
ศกึ ษาในระดับปริญญาตรี
น้ันว่าถ้าศึกษาคณ ะ
วิท ย า ศ าส ต ร์ เรี ย น
จบ แล้วส าม ารถ
สอบ บ รรจุครูได้
เลย ซ่ึงก็ได้มีการ
เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง
ปรบั เปลี่ยนใหม่ ให้
นักศึกษาท่ีจบคณะอื่นๆ เรียนต่อป.บัณฑิตวิชาชีพครู ก่อนถึงจะสามารถ
สอบบรรจุครูได้ ทาให้ดิฉันต้องมีสถานศึกษาเพ่ือท่ีจะใช้เป็นสถานศึกษาใน
การฝึกปฏิบัติการในสถานศึกษาระหว่าง
เรียนป.บัณฑิตวิชาชีพครู ก่อนที่ดิฉันจะได้มา

เรียนป.บัณฑิตวิชาชีพครู กิฉันได้มีโอกาสเป็นครูอัตราจ้างสอนโรงเรียน
กองทพั บกอุปถมั ภ์ ค่ายนารายณ์ศึกษา จ.ลพบรุ ี ตอนเข้าไปโรงเรียนน้ไี ดร้ ับ
มอบหมายหน้าที่การสอนในระดับชั้นประถมศึกษาท่ี 4 ในรายวิชา
คณิตศาสตร์ และระหว่างการปฏิบัติหน้าท่ีในการ
สอน มีครูอนุบาลบางส่วนได้รับการเรียกบรรจุครู
กะทันหัน จึงได้มีโอกาสไปช่วยสอนในระดับช้ัน
อนุบาลปีที่ 3 ทาให้ดิฉันได้สัมผัสประสบการณ์การ
เรียนการสอนของแต่ในแต่ละวัย ว่าแต่ละวัยมีการ
พฒั นาที่แตกตา่ งกันออกไป จึงต้องมีการปรับเปลี่ยน
รูปแบบการสอนอยู่ตลอดเวลา ให้ทันเด็กในปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา ดิฉันปฏิบัติการสอนในโรงเรียนห่งน้ีเป็น
ระยะเวลา 3 เดือน หลงั จากนั้นดิฉนั ได้มโี อกาสมาอยู่ตา่ งจังหวัด ได้รบั โอกาสจากโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย
ในการมาปฏิบัติหน้าท่ีงานสอน งานธุรการ ละโรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัยได้มอบหมายให้ดิฉันสอนใน

84

ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 1 และ 4 ในรายวิชาคณิตศาสตร์ พร้อมกับปฏิบัติหน้าท่ีงานธุรการโรงเรียน กลุ่ม
บริหารงานบุคคล และทาใหด้ ิฉันมโี อกาสไดเ้ ขา้ เรียนป.บัณฑติ วชิ าชีพครู เพ่อื ต่อยอดความเป็นครู ต่อเป็นความ
ฝันท่ีคุณแม่ของดิฉันหวงั ไว้ จากการท่ีดิฉันได้มีประสบการณ์จากหลากหลายสถานศึกษา ทาให้ดิฉันคดิ ว่าครู

เป็นได้มากกว่าคาว่าครู ครู เปรียบเสมือนทุกอย่าง ท้ังท่ี
ปรึกษา ให้คาแนะนา ผู้ชี้นาทาง ตักเตือน ส่ังสอนศิษย์ ให้
ประสบความสาเรจ็ ตามเปา้ หมาย ให้เด็กมอี นาคตดี และเป็น
พลเมอื งที่ดตี ่อไป

85

“ น่แี หละอำชีพที่ฉันชอบ ”

ปิยะพร ตรัยสิงห์พิทักษ์

ก่อนที่จะมาเป็นครูได้ในวันนี้ต้องผ่านอุปสรรคมากมาย ผ่านความท้าทายท่ียากที่จะผ่าน
มาได้ ผ่านความรู้สึกสับสนและความรู้สึกท่ีใช่ก็นับไม่ถ้วน ฉะนั้น เมื่อวันน้ีเป็นครูแล้วเลือกแล้วจงทาให้ดี
ที่สุด

แรกเร่ิมก่อนจะมาเป็นครูเมื่อวัยเด็ก เด็กทุกคนเริ่มต้นจากการที่เข้าโรงเรียน สนิทกับ
คุณครูต้องทาความคุ้นเคยกับโรงเรียน ดังนั้นความฝันของเด็กหลาย ๆ คนอาจจะเริ่มจากการเป็นครู
หรือการเป็นอาชีพใดอาชีพหนึ่งในโรงเรียนต่าง ๆ เพราะเด็กจะสามารถรับรู้ได้จากการเริ่มต้นการใช้
ชีวิตของตนเองก็คือสภาพแวดล้อมจากครอบครัวและสภาพแวดล้อมจากสิ่งสถานที่ท่ีตนต้องเข้าไปอยู่
ด้วย ดังเช่น โรงเรียน เด็กทุกคนเม่ือแรกเร่ิมถึงเวลาท่ีจะต้องเข้าโรงเรียน จะร้องไห้ทุกคร้ังเมื่อต้องไปใน
สถานที่ท่ีแปลกใหม่ที่ไม่ใช่บ้านของตน ต้องไปเจอผู้คนมากมาย ทั้งอายุเท่ากันเป็นเพื่อนเล่นกัน และ
อายุโตกว่า ท่ีเป็นผู้สอนผู้ให้ความรู้ ในความคิดของเด็กครูบางคน ดูบ้างใจดีบ้างเด็กก็จะมองครูแต่ละ
คนที่ต่างกันไป เด็กบางคนอาจจะชอบครูคนนี้ อาจจะไม่ชอบครูคนนี้ แต่แล้วครูทุกคนไม่ว่าจะดุหรือไม่ดุ
เด็ก ก็ล้วนแต่อยากให้เด็กทุกคนเติบโตในอนาคตเป็นคนดีในสังคมก็พอ เหมือนกับตัวเรา ท่ีเราเป็นครู
นะวันน้ีมีดุเด็กบ้าง ทาเสียงแข็งบ้าง แต่ จริง ๆแล้วเราอยากท่ีจะให้เด็กเป็นคนดีและเป็นท่ียอมรับในทุก
ๆ สังคม

เมื่อเข้ามัธยมปลาย ณ ตอนนั้น ฉันสนใจในเรื่องของการเมืองมากดังนั้นจึงเข้าเรียน
ปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ฉันรู้สึกสนุกมากกับการได้เรียนเก่ียวกับเร่ือง
การเมืองซ่ึงเป็นเรื่องท่ีฉันสนใจอย่างมากในตอนน้ัน ฉันชอบอ่านชอบวิเคราะห์ในการทางานในการหา
เร่ืองเหตุการณ์ต่าง ๆ และมาวิเคราะห์ให้เข้ากับทฤษฎีต่าง ๆ ทาให้ฉันรู้สึกว่าประวัติศาสตร์น้ันมีที่มาที่
ไปอย่างไรและจบลงอย่างไร จากนั้นเมื่อฉันจบปริญญาตรีได้ต่อปริญญาโททันทีกับคณะเดิม คณะ
รัฐศาสตร์การปกครอง แต่ส่ิงท่ีฉันเรียนบางอย่างก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะประวัติศาสตร์มีการเขียน
ลงและสืบต่อกันมายาวนาน อาจมีการคลาดเคล่ือนบ้างทาให้การเรียนรู้ต่าง ๆ นั้น แต่ละวัยแต่ละสมัยก็
เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน ฉันจึงคิดว่าการเรียนรู้และการถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ เก่ียวกับความรู้เป็น
สิ่งที่จะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพราะถ้าการถ่ายทอดความรู้นั้นถ้าผิดเด็ก ที่รับไปก็อาจจะมีการ
พิจารณาอย่างไม่ถ้วนทาให้เกิดการผิดพลาดได้ ดังนั้นฉันคิดว่าการถ่ายทอดความรู้ต่าง ๆ ต่อไปให้บุคคล
อ่ืน ๆ จะต้องเกิดจากการที่เราเข้าใจสิ่งท่ีจะถ่ายทอดอย่างถ่องแท้ และมีวิธีการถ่ายทอดความรู้อย่าง
สร้างสรรค์ สนุก เพื่อให้ผู้รับฟังหรือผู้ต้องการที่จะเรียนรู้ได้มีความสนุกและได้รับความรู้อย่างเต็มท่ี และ
จดจาสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เม่ือจบปริญญาตรี มีโอกาสได้ไปทางาน ท้ังทางานท้ังเรียนพร้อมกับ
ปริญญาโทด้วยนั้น อาชีพแรก คือ เป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายรักษาความเสี่ยงภายในโรงเรียนนานาชาติ

86

หน้าที่ที่จะต้องทาคือการออกบัตรและสติ๊กเกอร์เข้าออกภายในโรงเรียน และทาบัตรนักเรียนให้กับ
นักเรียนเข้าใหม่ และการตรวจสอบคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กทั้งโรงเรียน เป็นการทางานคร้ังแรกที่ฉันรู้สึก
ว่าสนุกกับงาน และได้ประสบการณ์ใหม่จากการทางานครั้งแรกในชีวิตคือ การจัดระเบียบงาน การ
วางแผนงาน การทางานร่วมกับผู้อื่นและการทางานอย่างเป็นระบบ การทางานไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็
ตามล้วนตรงสายกับท่ีเราเรียนมาหรือไม่ก็ตาม ล้วนแล้วเป็นประโยชน์ต่อตนเองท้ังส้ิน เพราะการทางาน
เราสามารถเอามาปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสายงานที่เราอยากจะทาได้ งานนี้เป็นงานที่จะต้อง ใช้ภาษา
ระหว่างการทางานนี้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยครู เพราะมีคนเห็นแววการทางานและเห็นการปฏิบัติตัว
เมื่อเวลาอธิบายงานต่าง ๆ และการปฏิบัติตัวต่อเด็กท่ีเข้ามาทาบัตร เด็กรู้สึกไม่ตระหนกกลัวในการเข้า
มาหาผู้ใหญ่ จากน้ันจึงมีโอกาสได้เข้าไปเป็นผู้ช่วยครูอย่างเต็มตัว

และเส้น ท างนี้ก็มาถึง อาชีพต่อมาที่ได้ทางานคือ เป็นผู้ช่วยครูของชั้นระดับ

ประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนานาชาติแห่งหน่ึง ซึ่งทาให้ได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ที่ทาให้ฉันรู้สึกว่า “
น่ีแหละอาชีพท่ีฉันชอบ ” เพราะการได้ทางานกับเด็กและการได้ถ่ายทอดความรู้ของเราที่มีและการหา
สิ่งใหม่ ๆ สิ่งต่าง ๆเพ่ือให้ผู้ท่ีรับฟังนั้นเข้าใจ และสนุกไปกับส่ิงท่ีอยากจะถ่ายทอดมันคือสิ่งท่ีทาให้ฉัน
รู้สึกว่า น้ันคือการประสบความสาเร็จอย่างยิ่ง การที่เราได้ถ่ายทอดและซักถามเด็ก และเด็กส ามารถ
ตอบกลับในสิ่งท่ีเราถ่ายทอดนั้นได้อย่างลึกซ้ึงหรืออาจจะไม่ลึกซ้ึงก็ตาม ทาให้น่ันคือส่ิงท่ีฉันคิดว่าเด็กน้ัน
เมื่อได้รับส่ิงใหม่ ๆ และเด็กน้ันก็ได้ต่ืนเต้นกับการได้รับส่ิงน้ัน เมื่อเราได้ถ่ายทอดไปแล้วเกิดการซักถาม
เกิดการพูดซา้ ทาให้เด็กได้คิดได้ทาและได้เกิดความรู้ใหม่ขึ้นกับตัวเด็ก เด็กจะสามารถนาส่ิงความรู้ใหม่ ๆ
นี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ในอนาคต ต่อมาได้มีโอกาสเป็นผู้ช่วยครูในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 4
และ 5 ประสบการณ์ใหม่ข้ึนอย่างมาก เพราะ ในแต่ละระดับช้ันนั้น เด็กแต่ละคนมีความรู้ความสามารถ

ที่แตกต่างกันไป และมีประสบการณ์ที่
ได้รับมาแตกต่างกันไป ทาให้การทางาน
ในช่วงระหว่างปีนั้นเป็นไปได้ยากระดับ
ห นึ ่ง เพ ร า ะ ก า ร ท า งา น นั้น จ ะ ต้อ ง
ป รับ เ ป ลี ่ย น ตัว เ อ ง ใ ห ้เ ข้า เ ด็ก ใ น แ ต่ล ะ
ระดับช้ัน การสอนก็แตกต่างกันไปในแต่
ละระดับชั้น แต่เป็นการทางานใน 2 ปี
แรกต่างระดับชั้นที่ผ่านไปได้ด้วยดี และ
ได้ประสบการณ์ใหม่ต่าง ๆ ท่ีจะสามารถ
เอาไปใช้ในอนาคตได้
ต่อมาจากนั้นจนถึงปัจจุบันนี้ ได้มีโอกาส

ให้เป็น คุณครูวิชาภาษาไทย ในโรงเรียน

นานาชาติ สอนตั้งแต่ระดับช้ันอนุบาล 3

ถึงประถมศึกษาปีที่ 5 การทางานเป็นครู

87

วิชาภาษาไทยในโรงเรียนนานาชาตินั้น ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเพราะการทางานกับเด็กไทยในโรงเรียน
นานาชาติและการทางานกับเด็กต่างชาติในวิชาภาษาไทย การสอนนั้นจะต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง
และในระดับช้ันแต่ละระดับช้ันจะมีท้ังเด็กต่างชาติและเด็กไทยที่จะต้องเรียนภาษาไทยหลักสูตรบังคับ
ของหลักสูตรโรงเรียนนานาชาติ ห้องเรียนของโรงเรียนน้ีน้ันจะต่างจากโรงเรียนอื่น ๆ คือ เป็นลักษณะที่
ห้องเรียนเหมือนกับห้องน่ังเล่นท่ีบ้าน สีจะออกโทนที่เป็นสีแบบธรรมชาติ นา้ ตาล เขียวเข้ม ดา และขาว
เป็นหลัก ซึ่งจะทาให้เด็กน้ันรู้สึกผ่อนคลายการเรียนเหมือนกับอยู่ท่ีบ้าน เด็กแต่ละคนจะสามารถเลือกที่
น่ังได้ตามใจ จะนั่งพื้น น่ังเก้าอี้ นั่งโต๊ะหรือนอนเขียน นั่งเขียนก็ได้ ทาให้การทางานนั้นก็จะง่ายขึ้นใน
ระดับหนึ่ง เพราะการสอนนั้นจะไม่ใช่การบังคับเด็กว่าเด็กจะต้องนั่งตรงนี้ ห้ามน่ังตรงนั้น ดังนั้นเด็กใน
โรงเรียนนี้จะมีลักษณะที่เป็นตัวของตัวเองสูง สามารถที่จะแสดงความคิดเห็นได้อย่างเปิดเผยเพราะ
ลักษณะของโรงเรียนจะเป็นลักษณะของ Student Agency เด็กสามารถท่ีจะแสดงความคิดเห็นได้อย่าง
ไม่มีขอบเขต และเม่ือเด็กแสดงความคิดเห็นแล้ว ครูจะเป็นผู้ช่วยให้คาแนะนากับเด็กและช่วยให้เด็กน้ัน
ได้คิดอย่างเป็นระบบและทาให้ความคิดของเด็กน้ันมีความคิดท่ีสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น ดังน้ันจึงมีความท้า
ทายขึ้นอย่างมาก แต่ด้วยความที่มีประสบการณ์เป็นผู้ช่วยครูมาก่อนทาให้ได้คลุกคลีกับทั้งเด็กไทยและ
เด็กต่างชาติในวิชาภาษาไทย ทาให้การทางานนั้นเป็นไปได้ง่ายยิ่งขึ้นเพราะเราส ามารถนาอาชีพเก่าของ
ตนมาประยุกต์ใช้กับอาชีพปัจจุบันได้

การเป็นครูภาษาไทย ในโรงเรียนนานาชาตินั้นจะต้องเปิดใจอย่างมาก เพื่อรับ
ความสามารถของทั้งเด็กไทยและเด็กต่างชาติต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล เพราะเด็กไทยน้ันจากการท่ี
เ รีย น โ ร ง เ รีย น น า น า ช า ติม า ตั้ง แ ต ่เ ด็ก จ ะ ท า ใ ห้ภ า ษ า ไท ย นั ้น อ ่อ น แ อ แ ล ะ เ ด ็ก ต่า ง ช า ติที ่ไม ่เ ค ย รับ รู้
ภาษาไทยมาก่อนเลย เด็กอาจจะไม่เปิดใจยอมรับภาษาไทย ดังน้ันครูผู้เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก
น้ันจะต้องเปิดใจและยอมรับความสามารถของเด็กอย่างมาก และจะต้องทางานหนักยิ่งข้ึนเพื่อให้เด็กน้ัน
เปิดใจยอมรับการเรียนรู้สิ่งที่ใหม่มากของตัวเด็กเอง และการหาสื่อต่าง ๆ มาเพื่อให้เด็กนั้นเกิดความ
สนใจ เกมก็สามารถจะช่วยให้เด็กน้ันเกิดความรู้สึกที่อยากจะมากข้ึนได้ เมื่อได้มีโอกาสทางานนี้แล้วฉัน
จึงรู้สึกว่าเด็กน้ันคืออนาคตของชาติเด็กควรที่จะได้รับสิ่งดี ๆ ได้รับการสอนท่ีดีเพ่ือที่จะได้เป็นคนดีใน
สังคมต่อไป เมื่อได้มีโอกาสทางานนี้แล้วฉันจึงรู้สึกว่าเด็กน้ันคืออนาคตของชาติ เด็กควรที่จะได้รับสิ่งดี
ๆ ได้รับการสอนที่ดีเพ่ือท่ีจะได้เป็นคนดีในสังคมต่อไป

88

หนทางสู่ความสมบูรณ์แบบ การเป็นครูได้ มิใช่เพียงแต่มีความรู้ เรียนได้ สอน

เป็น แต่จะต้องมีสิ่งที่ทาให้แสดงให้เห็นว่าเรานั้น เป็นครูโดยสมบูรณ์แบบ สิ่งสาคัญนั้นคือการมีใบ
ประกอบวิชาชีพครู เม่ือได้ทางานที่โรงเรียนมาเกือบระยะเวลา 2 ปี คิดว่าการทางานด้านครูนั้นยังไม่
สมบูรณ์แบบจึงได้จัดการตนเอง หาเวลาท่ีเหมาะสม และหาสถานที่เรียนที่ถูกใจ เม่ือมีการประกาศรับ
สมัคร ป.บัณฑิต จากหลาย ๆ สถาบัน เกิดความสนใจขึ้นอย่างมาก แต่เมื่อได้เข้าไปสมัครในแต่ละท่ี
ความรู้สึกนั้นต่างกันออกไป ที่แรก รู้สึกถึงความกดดันของการเรียน การต้อนรับไม่เป็นไปอย่างเป็ นมิตร
จึงได้สมัครท่ีอ่ืนต่อ นั้นคือ มหาลัยราชภัฏสวนสุนันทา สถานที่ซึ่งสวยงามและมีการออกแบบตึกที่สะดุด
ตา มีความเป็นไทยผสมผสานความสากลเข้าด้วยกัน น้ันคือ เม่ือก้าวเข้ามาในมหาลัยน้ี รู้สึกได้ถึงความ
อบอุ่นและธรรมชาติของแต่ละคน มีกิจกรรมให้ทามากมาย และบุคลากรของคณะครุศาสตร์ให้ข้อมูลท่ี
ละเอียด และชัดเจน เมื่อถึงวันสอบมีการให้ข้อมูลอย่างเต็มที่ และให้เกียรติผู้ที่มาสอบทุกคน ทาให้รู้สึก
ว่า “นี่แหละคือที่ที่อยากเป็นส่วนนึงที่ทาให้ทางอาชีพครูนั้นสมบูรณ์แบบ ” เมื่อได้เข้าศึกษาเกิด
ความสัมพันธ์ที่ดีอยากเพื่อน และอาจารย์ และบุคลากรจากทุกฝ่าย มีความรัก เมตตา และช่วยเหลือกัน
มาตลอด ทาให้การเรียนยิ่งง่ายขึ้น และผ่านอุปสรรคไปได้อย่างง่ายได้ และด้านการสอน อาจารย์ทุก
ท่านนั้นมีความเมตตาต่อศิษย์ทุกคน การได้เข้ามาเรียนที่นี่นั้น ได้ความรู้มากมาย อาจารย์ทุกท่านมี
ความรู้รอบด้าน สามารถให้ความรู้ได้อย่างเต็มที่และถูกต้อง การเรียนการสอนเป็นไปอย่างเป็นกันเอง
ไม่มีความกดดันในห้องเรียน เมื่อผู้เรียนได้เรียนแล้ว ทาให้เกิดการอยากมาเรียนและรู้สึกได้ความรู้อย่าง
เต็มท่ี สามารถนาความรู้ท่ีได้จากการเรียนน้ี ไปใช้ประโยชน์ท้ังในสายงานและการดารงชีวิต ดังน้ัน การ

ท่ีเราได้เข้ามาทางสายวิชาชีพครูนี้แล้ว ส่ิงที่ขาดไปให้เลย
คือการทาทุกอย่างให้ถูกต้อง การมีใบประกอบวิชาชีพนั้น
สาคัญย่ิง เม่ือเราได้แล้วเราจะสามารถนาความรู้ท่ีได้จาก
ก า ร เ รีย น ไ ป ส ่ง ท อ ด ค ว า ม รู้ใ ห ้กับ เ ด็ก นัก เ รีย น ข อ ง เ ร า
เ พื่อ ใ ห้เ ข้าไ ด้รับ ค ว า ม รู้อ ย่าง เ ต็ม ที่แ ล ะ นา ไป ใช้ใ ห้เ กิด
ประโยชน์สูงสุด

89

เสน้ ทำง

วงศกร แสงวงศ์

ในวัยเด็กของผม เปน็ เดก็ ที่มผี ลการเรยี นค่อนข้างอ่อน เนือ่ งจากผมชอบทีจ่ ะเลน่ ซนกบั เพื่อน
เสียมากกวา่ ทจ่ี ะต้ังใจเรียนหรืออ่านหนังสอื ทบทวนบทเรยี น ซึ่งสาเหตุที่แท้จรงิ นนั้ เกดิ จากการทีผ่ มไมเ่ ข้าใจใน
เน้ือหาตา่ งๆของบทเรยี น นัน่ จงึ เป็นเหตผุ ลทีผ่ มอยากทจี่ ะเล่นสนุกเสียมากกวา่

หลายครั้งทีพ่ ่อกับแมส่ ง่ ใหผ้ มได้เรยี นพเิ ศษเสรมิ จากการเรยี นการสอนของโรงเรยี น น่นั จงึ ชว่ ย
ทาให้ผมเข้าใจ และมผี ลการเรยี นท่ีดีข้นึ มาก แต่เมือ่ หยุดเรียนเรยี นพิเศษเสริม ผมก็กลับเข้าส่สู ภาวะเดิมท่ีไม่
สนใจในการเรียน ในวัยเด็กผมมีนิสัยที่ชอบการลงมือปฏิบัติเสียมากกว่า ไม่ชอบการท่ีต้องท่องจา หรือการ
คานวณ และจะเข้าใจในโจทย์ปัญหาหรือทฤษฎตี ่างๆได้ก็ต่อเม่อื ได้ลงมอื ปฏิบัติ และวิชาท่ีผมชื่นชอบคอื วิชา
“ศลิ ปะ” ผมจะคอ่ ยสังเกตุ และค่อยต้งั คาถามจากผทู้ มี่ ีความสามารถในการวาดภาพ หรอื ไปดูเวลาทเ่ี ขากาลัง
วาดภาพ

ในชว่ งตอนปลายของการเรียนระดับช้ันประถมศึกษา พ่อกับแม่ของผมได้ทราบว่าผมมีเกรด
เฉลี่ยท่ีค่อนข้างต่าจึงได้ปรึกษากับครูประจาชั้น ซึ่งครูประจาชั้นได้ให้คาแนะนาว่าควรเรียนพิเศษเสริม ครู
ประจาช้นั ของผมเป็นครสู อนวิชาสงั คมศกึ ษา ทาให้ชว่ งนั้นผมกลายเป็นเด็กที่ชอบจดจาในเรื่องของวิชาสังคม
ศึกษา จึงทาใหค้ ะแนนในวิชาสังคมศึกษาของผมน้ันดีขนึ้ มากในช่วงนั้น เนื่องจากได้รับการเรียนเสริมจากครู
ประจาช้นั

ตอ่ มาเมอ่ื ผมขน้ึ ระดบั ชนั้ มธั ยมศึกษาตอนต้น ผมได้พบเพ่ือนใหม่มากมายทาให้ผมกลับมาติด
เพ่ือนและละเลยการเรียนอีกครัง้ ผมใช้ชวี ติ ในรูปแบบเรยี นๆเลน่ ๆ ส่วนมากผมจะไมค่ อ่ ยสนใจในการเลา่ เรยี น
สกั เท่าไหรน่ ัก และสนใจในสิ่งเร้ารอบตวั เสียมากกว่า ดว้ ยความที่ผมนัน้ เปน็ คนที่ชอบทากิจกรรมมากกว่าที่จะ
จดจาในทฤษฎี หรอื การท่องจา ทาให้ผมมักจะไม่เขา้ เรียนในวิชาต่างๆ เพื่อมาทากจิ กรรมตา่ งๆที่ชน่ื ชอบ เช่น
เล่นฟุตบอล ตีปงิ ปอง ฯลฯ ในชว่ งน้ันผมมีความรู้สึกวา่ ตนเองน้ันช่ืนชอบการเล่นกีฬาเปน็ อย่างมาก เพราะไม่
ต้องใข้ความคิดอะไร ได้วิ่งได้ใช้กาลัง ไม่ต้องทาการท่องจาหลักการ หรือทฤษฎีต่างๆเพ่ือการแก้โจทย์ปัญหา
ตา่ งๆ และในชว่ งทกี่ าลังจะจบการศึกษาระดบั ช้นั มธั ยมต้น สงั คมรอบตวั ของผมทง้ั เพือ่ นๆ รนุ่ พที่ ีโ่ รงเรียน และ
ท่บี ้านนั้นได้เรยี นต่อในสายอาชพี กนั เสยี มาก จึงเกิดคา่ นิยมทท่ี าใหผ้ มนน้ั คดิ วา่ เมอื่ เรียนสายอาชีพนน้ั มคี วาม
เท่ ได้ใชเ้ สื้อช็อป แตเ่ มือ่ ได้กลับมาคยุ กับทางบ้าน และด้วยความที่พอ่ ของผมไดเ้ รียนจบครู จึงทาให้ทางบ้านไม่
อนุญาตใิ ห้ศึกษาต่อในทางสายอาชีพ และอยากใหศ้ ึกษาต่อในสายสามัญ พ่อบอกกับผมวา่ “เรียนสายอาชพี มนั
แคบ เรยี นสามัญดกี ว่า มันจะได้มที างเลือกได้หลากหลาย”

90

ผมเปน็ คนหัวแข็ง แต่ภายใต้ความด้อื รน้ั น้ัน ผมกค็ ิดถึงพ่อแมอ่ ย่ตู ลอดเวลา อาจเปน็ เพราะผม
เป็นลูกคนเดียว ผมจึงคิดเสมอว่าหากผมเกเร ไม่เรียนในอนาคตน้ันใครจะดูแลท่าน ถ้าผมไม่เรียนแล้วผมจะ
ทางานดูแลท่านได้หรือไม่ นั่นจึงเป็นจุดท่ีทาให้ความดื้อร้นั ของผมไม่หลดุ ออกนอกกรอบที่ท่านวางไว้ สังคม
ระแวกบา้ นของผมส่วนมากมแี ต่เด็กไมเ่ รียนหนังสือ และเด็กท่ีเรียนสายอาชีพ นั่นจึงเป็นอีกจุดหนึง่ ทท่ี าใหผ้ ม
เรียน เพราะพอ่ ของผมจะพดู ยกตัวอย่างบอกผมว่า “ให้ดูคนอนื่ ทเี่ ขาเรียนไมจ่ บ ดูเสน้ ทางชวี ิตของเขาวา่ หาก
ไมเ่ รียนแลว้ จะเกิดความลาบาก” แต่ในใจผมไม่ได้กลัวความลาบากเลยสกั นิด ผมได้ยนิ บอ่ ยๆเข้าจึงทาให้ผมมี
ตรรกะท่วี า่ “ถงึ ผมจะเกเร แตก่ ็จะทาใหท้ ่านเห็นใหไ้ ดว้ ่า ผมจะเรยี นให้จบ ไมเ่ หมือนกบั คนอ่ืนๆระแวกบา้ น”

เม่ือผมจบการศึกษาระดับมธั ยมต้นเกรดเฉลีย่ ของผมนั้นค่อนข้างแยจ่ ึงทาให้ท่านเป็นกงั วนว่า
จะไปสอบทไ่ี หนไม่ได้ แต่แล้วผมก็สามารถสอบเขา้ โรงเรยี นรัฐแหง่ หน่ึงได้ เมือ่ ผมเร่ิมเขา้ สู่ระดบั ช้ันมธั ยมปลาย
ผมไดเ้ รมิ่ คิดท่ีจะปรับปรุงตนเองใหด้ ีขน้ึ ตั้งใจเรียนขึ้น ในชว่ งเริม่ เรยี นผมกม็ ีความตง้ั ใจที่จะเรียนมากกว่าเดิม
เน่ืองจากผมได้ยา้ ยโรงเรียน ไดพ้ บเพ่ือนใหม่ สังคมใหมๆ่ ยังไม่ค่อยไดร้ ู้จกั ใคร เพ่ือนท่ีเคยเรียนด้วยกนั ก็มีไม่
มากนัก ผมจึงสนใจการเรียนมากขนึ้ เน่ืองจากยงั ไม่คอ่ ยกลา้ ทีจ่ ะเริม่ ทกั ทายเพือ่ นใหม่ แตเ่ มื่อผมไดเ้ รม่ิ รู้จกั กับ
เพือ่ นใหม่ก็ทาให้ความตั้งใจเรยี นของผมค่อยๆลดลงอกี คร้งั แตไ่ ม่ได้แย่เทา่ ชว่ งมัธยมต้น ในชว่ งมธั ยมปลายเปน็
ชว่ งท่ีโลกของผมเร่ิมกวา้ งขึ้น เพราะผมมีเพ่ือนหลากหลายประเภท ช่วงมัธยมปลายนั้นผมโดดเรียนค่อนข้าง
บอ่ ย แตผ่ มกไ็ ม่ได้ละทิง้ การเรยี นเสียทีเดียว ในตอนเช้าผมจะเดินทางไปโรงเรียนด้วยรถมอเตอร์ไซคก์ ับเพ่ือน
และไปรวมตวั กันท่ีหน้าโรงเรียน ถ้าวันไหนมีความรสู้ ึกไมอ่ ยากเข้าเรียนกันหลายคนก็จะพากันไปหากิจกรรม
อย่างอ่ืนทานอกโรงเรียน เช่น แทงสนุ๊ก ตกปลา ขับรถเลน่ และตอนเยน็ ก็จะแยกย้ายกันกลบั บ้าน หรือถ้าบาง
วันเข้าโรงเรียนกจ็ ะเข้าสาย ทาให้โดนทาโทษอยู่เปน็ ประจา แต่ชว่ งมัธยมปลายการโดนลงโทษสาหรับผมเป็น
อะไรท่ีสนกุ มาก เพราะโดนกโ็ ดนกบั เพือ่ น ผมไม่ค่อยเขา้ โรงเรยี นจงึ ทาให้อาจารย์ทป่ี รึกษาเพ่งเล่ง ด้วยความท่ี
บา้ นอาจารยท์ ี่ปรึกษาต้องผา่ นทางบ้านผมไปโรงเรยี น ทาให้อยู่มาวันหนึง่ ผมยืนรอเพือ่ นมารับอยกู่ ม็ รี ถกระบะ
มาจอดตรงหน้าผม และเมื่อเปิดประตูลงมาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาผมเขาผ่านมาเจอผมพอดีเขาจึงพาผมไป
โรงเรียนแล้วเขาก็พาผมเข้าไปในโรงเรยี นเพ่ือไม่ให้ผมโดดเรียนได้ ต่อมาดว้ ยความท่ีผมกลัวจะเจอเขาอกี ผมก็
นัดเจอเพ่ือนที่อ่ืน วันหน่ึงผมกับเพ่ือนๆก็มีความคิดที่จะตั้งวงดนตรีน้ีเป็นอีกหน่ึงสิ่งท่ีผมทาแล้วมีความสุข
สนุกสนานในช่วงนันผมซ้อมแต่ดนตรีกับเพ่ือนช่วงเลิกเรียนหรือเสาร์-อาทิตย์ ผมต้องไปซ้อมดนตรีตลอด
บางครงั้ กโ็ ดดเรียนไปซ้อม แต่เวลาผมอย่ใู นห้องเรียนผมกจ็ ะวาดรูปอยูต่ ลอด เปน็ สองส่ิงท่ผี มทาบ่อยท่ีสดุ ผม
เป็นเดก็ ทไี่ ม่ชอบคดิ วิเคราะหจ์ ึงทาให้ผมสอบตกวชิ าคณติ ทุกปีต้องตามแก้ตลอด แตใ่ ห้ห้องเรียนของผมมเี พอ่ื น
อยคู่ นหนึง่ เขาไมไ่ ด้ตง้ั ใจเรยี นสักเท่าไหร่แต่เขามกั จะเป็นคนแรกท่ตี อบคาถามของครูด้วยความที่ผมไม่อยากจะ
ตามแกว้ ิชาคณิต ผมจึงไปถามเพอ่ื นว่าทาไมเขาถงึ ตอบไดแ้ กโ้ จทย์ได้เขาบอกผมวา่ “กเู รยี นพเิ ศษมา” จึงทาให้
ผมมีความคิดที่อยากจะเรียนบ้าง เมื่อกลับบ้านผมจึงได้ไปปรึกษาพ่อ พ่อผมเหน็ ดวยเป็นอยา่ งยง่ิ แล้วผมก็ได้
เรยี นพิเศษ ตอ่ มาผมก็เริม่ ที่จะตอบแข่งกับเพื่อนได้ หลายคร้งั ที่ผมให้เพอื่ นลอกการบ้าน ตั้งแต่เดก็ ผมไม่เคยมี
โอกาศให้เพ่ือนลอกการบา้ นเลยส่วนมากผมจะเป็นคนขอลอกเพ่ือนซะมากกว่า ช่วงนัน้ ผมรู้สึกเก่งกาจมากที่

91

สามารถตอบเขง่ เพ่อื นได้ทาการบ้านมาแล้วมีเพ่ือนขอลอก หลังจากน้นั ในวชิ าคณติ ศาสตร์ผมก็ไม่เคยทจี่ ะตอ้ ง
ตามแกอ้ ีกเลย

เมอ่ื ใกล้จบมัธยมปลาย เราก็จะต้องหาส่งิ ที่ตนเองชนื่ ชอบ เพ่ือเลือกคณะ สาขาท่ีจะสอบเข้า
มหาวทิ ยาลยั ผมรู้สกึ ว่าผมยงั ไม่รตู้ นเอง จะเลือกเรียนทางดา้ นดนตรี นนั่ ก็ยงั ไม่ใช่สง่ิ ที่ผมช่ืนชอบที่สดุ หรือจะ
เลือกเรียนคณิตศาสตร์ นั่นก็ยังไม่ใช่ส่ิงท่ีผมต้องการอยากจะเรียนมากขนาดนั้น แต่กับศิลปะน้ัน ผมรู้สึกชื่น
ชอบ แต่ผมก็ยังไม่รู้ถึงรายละเอียดในรายวิชาของทางด้านน้ี ในช่วงนั้นตามมหาวิทยาลัยต่างๆก็ได้มีการจัด
Open House ผมกบั เพ่ือนๆกไ็ ด้ไปเข้ารว่ มและศึกษารายละเอียดของคณะต่างๆที่สนใจ แต่คณะท่ีผมช่ืนชอบ
ทส่ี ุดนน้ั ก็คือคณะศิลปะนีแ่ หละ ผมจึงศึกษาหาข้อมลู และนากลบั มาคยุ กับพ่อ แตผ่ ลตอบรบั คอื พอ่ ไม่เหน็ ดว้ ย
กบั การเรยี นศิลปะ พ่ออยากให้ผมได้เข้าเรียนคณะใดก็ได้ที่สามารถจบมาแล้วเข้าทางานรับราชการได้ แต่ใน
ครงั้ น้ผี มไม่ยอม และผมด้ือมาก เพราะผมคิดว่ามนั คือตวั ผม ผมร้วู า่ ผมชืน่ ชอบในส่ิงไหน และสามารถทาในส่ิง
ใดได้ดี ผมจึงคิดท่จี ะทาให้พ่อได้เหน็ วา่ ผมสามารถทาไดด้ ีในวิชาศลิ ปะ ผมจึงแอบคุยกับแมว่ า่ ผมจะไปตวิ วิชา
ศิลปะเพ่มิ เพ่อื สอบเขา้ แมก่ ย็ นิ ยอมทีจ่ ะทาตาม เพราะเหน็ วา่ ผมตัง้ ใจ ผมไดไ้ ปแอบเรียน และสอบเขา้ สาเร็จท่ี
สถาบันบัณฑิตพฒั นศิลป์ ในชว่ งแรกทส่ี อบติดนน้ั พอ่ ก็เหมอื นจะไม่คอ่ ยพอใจ ให้ผมไปสอบท่ีอ่นื ไวด้ ้วย แต่ด้วย
ความดื้อของผม ก็ไม่เคยอ่านหนังสือไปสอบเลย จึงทาให้ผมสอบไมต่ ิดที่ไหนเลย สุดท้ายแล้วผมจึงได้เข้ามา
เรยี นศลิ ปะสมใจ

ในช่วงแรกท่ีเขา้ มา ผมได้เจอรุ่นพี่เซอร์ๆ ทาให้ผมเหมือนไดเ้ ปล่ียนโลก เปล่ือนมุมมองใหม่ๆ
เห็นผลงานศิลปะท่ีสวยงาม ช่วงแรกๆผมชื่นชอบศิลปะเพราะมันดูเท่ แต่เม่ือได้เรียน ผมรู้สึกว่ามันมีอะไร
มากกวา่ นั้น ซึ่งช่วงแรกท่ีได้เขา้ ไปเรียน ผมมีเพ่ือนๆไปด้วยจากโรงเรยี นเกา่ พวกผมเป็นเดก็ ม.ปลาย มีทักษะ
ทางด้านศลิ ปะค่อนข้างอ่อนมาก และต่อมาพวกผมได้มีเพ่ือนใหม่ เป็นเพ่ือนท่ีมาจากวิทยาลัยช่างศลิ ป์ เพื่อน
ใหมม่ ีพนื้ ฐานทางด้านศิลปะดมี าก เนื่องจากเขาได้เรยี นมาโดยตรง ผมและเพื่อนๆจึงใหเขาสอนบา้ ง จดจาเอา
เองบา้ ง ทาให้การพฒั นาเพ่ิมขึ้นมากอย่างรวดเรว็ อาจจะเป็นเพราะผมชนื่ ชอบมันจริงๆ จึงทาให้มคี วามต้งั ใจที่
จะทามันใหไ้ ดด้ ีสงู กวา่ ปกติ เม่ือเรียนไปเรอ่ื ยๆทาให้รวู้ ่าศิลปะนัน้ มีหลากหลายแขนง การวาดเส้นเปน็ เพียงแค่
พนื้ ฐานเร่ิมต้นเท่านั้น มีทง้ั เพน้ ท์ พมิ พ์ ป้นั ฯลฯ จงึ ทาให้ผมมีทัศนะทางดา้ นศิลปะกวา้ งมากขึ้น และสนุกกับ
มันมากขึ้น ผมต้ังใจมากในการเรียนมหาวิทยาลัย ผมรู้สึกว่าผมมาถูกทางแล้ว ผมจึงต้ังใจทุ่มเทให้ทักษะ
ทางดา้ นศลิ ปะของผมพฒั นาขน้ึ อย่างรวดเร็ว “ศิลปะ” ไม่เพียงแตส่ อนใหผ้ มวาดรูปเป็นอย่างเดยี ว ยังสอนให้
ผมรจู้ ักการใช้ชีวิต ให้ผมมองเห็นคุณค่าของสิง่ ต่างๆ เวลาผมจะทาอะไรทาให้ผมมีสติ คิดคานึงอยู่ตลอดเวลา
ผมหลงรักศิลปะมาก จากที่ผมไมต่ ้ังใจเรียน ศิลปะเปน็ ตัวทเ่ี ริม่ ทาให้ผมสนใจเรียนและไขว่คว้าหาความรู้ดว้ ย
ตนเอง ประสบการณ์ท่ผี ่านมาท้งั เรียนพเิ ศษ สงั คมตอนเดก็ เรียนพิเศษคณติ ศาสตร์จนกระทั่งเรียนศลิ ปะ แล้ว
มพี ัฒนาการที่รวดเรว็ ทาให้ผมคิดว่า ผมสามารถท่ีจะทาได้ทุกอย่าง ไม่มอี ะไรท่ีทาไม่ได้ หลงั จากน้ันผมก็หา
กจิ กรรมใหมๆ่ ให้กับชีวิตอยู่เสมอๆ เนือ่ งด้วยตงั้ แต่วยั เด็กผมเป็นคนช่นื ชอบการทากิจกรรม จงึ ทาให้กลายเป็น
นสิ ัยความชอบของผมไปแล้ว เพราะกิจกรรมทาให้ผมมีส่ิงแปลกใหม่ สร้างความต่ืนเตน้ ให้กบั ชีวิตของผมอยู่

92

เสมอๆ ศิลปะทาให้ผมมองโลกรอบตัวละเอยี ดขนึ้ ใสใ่ จในส่ิงตา่ งๆมากขึ้น มคี วามต้ังใจ ม่งุ มนั่ มากขึ้น จะบอก
วา่ ศลิ ปะคือจดุ เปลีย่ นในชวี ิตของผมกเ็ ป็นได้ แตใ่ นช่วงทเ่ี รียนผมก็ร้สู ึกว่าในฐานะท่ีเป็นเด็กม.ปลาย ผมสงสาร
เด็กม.ปลายท่ีไม่คอ่ ยได้รบั ความรู้ทางด้านศิลปะมากเท่าไหร่ เม่อื เขา้ มาเรียนแลว้ จะเคว้ง จึงมคี วามคิดท่ีจะส่ง
ต่อความรู้ แต่ผมไม่อยากรับราชการ และไม่ชอบท่ีจะอยใู่ นกฎระเบียบที่เข้มงวด จึงทาให้ผมลังเลใจ เม่ือผ ม
เรียนมาจนใกลจ้ บ ผมได้พบกับอาจารย์ท่านหนงึ่ ที่มคี วามจริงจังในการสอนสาหรบั ผมมาก อาจารย์ท่านนีเ้ ป็น
จุดเปลี่ยนอีกจุดหน่ึงของชีวติ ผม ท่านทาใหช้ วี ิตของผลมคี วามอยใู่ นระเบยี บวินยั มากข้นึ รู้จักคิดเป็นระบบ รู้จกั
การวางแผน ผมช่นื ชอบอาจารย์ท่านน้ี เพราะต้ังแต่เด็กจนโต ทา่ นเปน็ อาจารยท์ ี่ใส่ใจนักเรยี นมากทสี่ ุดในชีวิต
ของผม ต่อมาผมได้อาจารย์ท่านน้ีเป็นที่ปรึกษาในช่วงท่ีทาศิลปะนิพนธ์ อาจารย์ได้แนะนาให้ผมส่งงานเข้า
ประกวด ผมจึงส่งผลงานจนผมกไ็ ด้ร่วมแสดงในงานศิลปกรรมเดก็ แห่งชาติ เป็นคร้ังแรกทผี่ มสง่ ประกวด และ
ยังเป็นคร้งั แรกที่ผมไดร้ ่วมแสดงผลงาน และผมกจ็ บปริญญาตรีด้วยเกรดเฉลี่ยท่ีมากท่ีสุดในชีวิตของผม และ
ด้วยความท่ีผมคิดว่า ไม่มีอะไรท่ีคนเราทาไมไ่ ด้ นอกจากจะไม่อยากทาเอง จึงทาให้ผมมีความคดิ ที่อยากจะไป
สอนศิลปะเด็กมัธยมอีกครั้ง ให้ความรู้ทางด้านศิลปะก่อนท่ีจะเข้ามหาวิทยาลัย ผมอยากให้เด็กรู้จักศิลปะ
มากกว่าน้ี ผมจึงตัดสินใจยอมที่จะอยู่ในกฎระเบียบ และได้เริ่มศึกษาว่าเม่ือผมจบแล้ว จะสามารถเรียนต่อ
ทางด้านครูได้อย่างไร และผมก็ได้มาเจอหลักสูตรการสอน ป.บัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผมก็
ตั้งใจท่ีจะมาเรียนให้ได้ ผมได้เริ่มอ่านหนังสือและมาสอบ จนสามารถเขา้ มาเรียนได้ ปัจจุบันผมได้กลายเป็น
นกั ศึกษา ป.บัณฑิต มหาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสนุ นั ทา

93

บันไดชวี ิต Japanese teacher นางสาวสุวีนา พันธมุ ี
ตอนที่ 1 บันไดก้ำวแรก จำกควำมฝันก้ำวสู่ควำมจรงิ

เมอ่ื ยังเป็นเด็กอาชีพท่ฉี นั คุ้นเคยมากทสี่ ดุ กค็ ือ “อาชพี ครู” ไมใ่ ชเ่ พราะว่าพ่อแม่ของฉนั เปน็ ครู
จึงไดค้ ุ้นเคยกับอาชพี นี้ แต่เป็นเพราะตอนเปน็ นักเรยี นเราได้อยกู่ บั ครูแทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ จึงทาใหฉ้ ันรสู้ ึก
ว่าอาชีพครูน้ันยิ่งใหญ่นัก และฉันก็อยากเป็นครูมาตั้งแต่สมัยยังเป็นเด็กประถม ฉันยังจดจาภาพที่เคยเล่น
บทบาทสมมุตเิ ป็นครู-นกั เรียนกับนอ้ งของฉันเม่ือสมยั ที่ยังเป็นเด็กได้เป็นอยา่ งดี สมยั เด็ก ๆ ฉันมักจะชวนน้อง
เลน่ บทบาทสมมุติและตนเองกจ็ ะแสดงเปน็ ครู โดยมกี ารให้การบา้ น ตรวจการบ้านเหมอื นทคี่ รทู ากบั เราในห้อง
อยู่เป็นประจา และด้วยความที่อยากเป็นครมู าตั้งแต่สมัยเด็กๆ ฉันจึงได้ตั้งใจเรียนมาตลอด ถึงแม้ว่าจะเรียน
ประถมในโรงเรียนชนบทเล็กๆ เรียนโรงเรยี นมัธยมขนาดกลางในอาเภอ ฉันก็พยายามต้ังใจเรียนในห้องอยู่
เสมอ เพือ่ หวงั ว่าจะได้เรียนเกง่ ๆ ให้ไดท้ าอาชพี ทต่ี นเองอยากจะเป็นใหไ้ ด้

ตอนเด็กๆ ไมว่ ่าจะตอนเรยี นประถมหรือมธั ยม ฉันชอบเรียนวชิ าคณิตศาสตรม์ าก เพราะวชิ า
คณติ ศาสตรน์ ้นั มีคาตอบทีต่ รงตวั เสมอ ทาได้ ตอบไดถ้ ูกตอ้ งคือถูก แต่ฉนั จะไม่ชอบวชิ าภาษาไทย เพราะบางที
คาถามกากวม คาตอบตอบไดห้ ลายแบบ โดยเฉพาะทถ่ี ามเก่ียวกบั มมุ มองของผ้เู ขียน หรอื ใหแ้ ปลบทรอ้ ยกรอง
เป็นบทร้อยแก้ว เป็นต้น ซงึ่ ฉันไม่ถนัดเร่ืองการวิเคราะหใ์ นด้านภาษามากนัก จึงไมช่ อบวิชาภาษาไทย และดว้ ย
ความท่ชี อบวชิ าคณิตศาสตร์ ฉันจึงอยากเป็นครูคณติ ศาสตร์มาก

และช่วงเวลาที่สาคญั ท่ีฉันเรียกว่า “บันไดก้าวแรก” ในชีวิตของฉัน บันไดที่จะนาพาฉนั ไปสู่
อนาคตน่ันก็คือ ตอนเรียน ม.6 เพราะฉนั จะตอ้ งสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่ ๆ ซึ่งฉนั จะต้องศึกษาเล่าเรยี นเพอ่ื นา
ความรู้ไปประกอบอาชีพในอนาคต ตอนที่ฉันเรียนอยู่ ม.6 ครูสอนวิชาฟสิ ิกส์(วิชาที่ฉันก็ชอบเรียนเหมือนกัน
แต่อาจจะชอบเพราะในวชิ าฟิสิกส์มีคานวณด้วยเลยชอบวิชาน้ี จึงรู้สึกวา่ ชอบวิชาคณิตศาสตรม์ ากกว่าอยู่ดี)
ท่านได้ช่วยเหลือและสนับสนุนฉันในการหาข้อมูลการสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งการย่ืนใบสมัคร
กระท่ังสารองเงินจ่ายคา่ สมัครสอบให้ฉัน ฉันยังจาตอนที่ครูพาไปยื่นใบสมัครสอบและจ่ายค่าสมัครผ่านทาง
ไปรษณีย์ได้อยู่เลย ในตอนน้ันคุณครูท่านน้ีทาหน้าท่ีเป็นพ่อแม่ฉันเลยก็ว่าได้ ท่านได้หาข้อมูลและแนะนาฉัน
และเพ่ือนสนิทที่มีเกรดที่สามารถยื่นสมัครทุนเพื่อศึกษาต่อของโครงการต่าง ๆ และพาสมัครอยู่หลายที่
เหมอื นกนั ซึ่งคาสอนท่ีท่านพูดอย่เู สมอในตอนนั้นคือ “ถา้ ตอ้ งการหาปลาให้ได้ กต็ อ้ งใส่เบ็ดไว้หลาย ๆ อัน ถึง
จะไม่ได้อนั หนึ่ง ยงั ไงก็ต้องได้อันหน่ึง” เป็นคาสอนที่ฉนั ยังจดจาอยเู่ สมอมา ด้วยคาสอนน้ีถึงแม้ฉันจะสอบไม่
ตดิ ในหลายๆ ทก่ี ็ไม่เคยเสยี ใจ อย่างนอ้ ยก็ไดใ้ สเ่ บด็ ไว้ ปลาไมต่ ิดก็ไม่เปน็ ไร ทาใหม้ แี รงกายแรงใจในการสอบอยู่
เรื่อย ๆ และในท่ีสุดบันไดกา้ วแรกของฉันกไ็ ด้กาหนดทิศทางขน้ึ เม่ือตอนอยู่ ม.6 เทอม 2 ฉันยื่นคะแนนเข้า
คณะวิทยาศาสตร์ สาขาคณิตศาสตรป์ ระยุกต์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และผ่านการสอบสัมภาษณ์ไปดว้ ยดี ใน
ตอนนั้นฉันอยากเข้าเรยี นมหาวิทยาลัยขอนแกน่ มากท่ีสุด เพราะใกล้บ้านที่อยรู่ ้อยเอ็ด และเปน็ มหาวิทยาลัย

94

อันดับต้นของภาคอีสานด้วย แต่เมื่อคานวณคะแนนตนเองดูแล้วคิดว่ายากท่ีจะเข้าเรียนคณะศึกษาศาสตร์
สาขาคณิตศาสตร์ ตามทีต่ ้ังใจไว้ เพราะคะแนนตนเองต่ากว่าคะแนนของคนทยี่ ื่นปีท่ีแล้วอยู่ อกี ทั้งคนสมัครยัง
เยอะดว้ ยจึงคิดว่าน่าจะไม่ผ่าน เลยตัดสินใจเลือกคณะวทิ ยาศาสตร์แทน เพราะคิดวา่ อย่างน้อยก็สามารถมา
เรียนตอ่ หลักสตู รประกาศนยี บตั รบัณฑติ เพอ่ื เอาใบประกอบวิชาชีพครูได้

แตบ่ ันไดก้าวแรกของฉันก็ยังไมจ่ บลงที่การเขา้ เรียนคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลยั ขอนแก่น
เม่ือทุนเรียนต่อปริญญาตรีของโครงการ ODOS ท่ีฉันได้ไปสอบไว้นั้นประกาศผลตอนท่ีฉันไปเรียนที่
มหาวทิ ยาลัยได้สองเดือนเศษ ๆ และผลปรากฏวา่ ฉันสอบตดิ ทนุ นี้ ทนุ ทส่ี ามารถเลอื กได้ว่าจะเรียนตอ่ ท่ีเดิมใน
ประเทศไทยหรอื จะไปศึกษาต่อต่างประเทศ และดว้ ยความทฉี่ ันมคี วามฝันว่าอยากจะไปศึกษาต่อต่างประเทศ
อยู่แล้วจึงตัดสินใจได้อยา่ งไม่ลังเล ฉันลาออกจากการเปน็ นักศึกษามหาวิทยาลัยขอนแกน่ และเลือกไปศกึ ษา
ต่อท่ปี ระเทศญป่ี ุน่ เพราะประเทศญี่ปุ่นนั้นเปน็ ประเทศทไ่ี มไ่ กลจากประเทศไทยมากนกั เดนิ ทางโดยเครอื่ งบิน
เพียง 5-6 ช่ัวโมงเทา่ นั้น ท้ังยงั เป็นประเทศแหง่ เทคโนโลยี สถานทที่ ่องเท่ียวก็ขึน้ ช่ือและยงั เคยไดย้ นิ ชอ่ื ประเทศ
น้คี ้นุ หูอยู่บ่อยครั้งจงึ เลอื กไปศึกษาต่อท่นี ่ี

แต่สาขาที่ฉันเลือกไปเรียนนั้นไม่ใช่สาขาคณิตศาสตร์เช่นเดิม เน่ืองจากหลังจากที่เข้าเรียนที่
มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น ฉันร้สู ึกวา่ คณิตศาสตรน์ น้ั ยากและนา่ เบ่ือมาก เรยี นเยอะ กิจกรรมเยอะ ทาใหฉ้ นั เรยี น
ไมค่ ่อยทนั เวลาครสู อนก็เข้าใจ แต่ดว้ ยความท่ีกิจกรรมตอนน้นั เยอะมากจนแทบไม่มีเวลาทบทวนหนังสอื เลย
ทาให้ฉันทาโจทย์ไม่ได้ จึงเบ่ือการเรียนวิชาน้ีไป เลยกลัวว่าตนเองจะเรียนไม่ไหวถ้าไปเรียนในสาขานี้ต่อที่
ตา่ งประเทศ เพราะไปเรียนตา่ งประเทศต้องศึกษาทั้งภาษาของที่น้ันด้วย การอธิบายเกยี่ วกับความรู้ตา่ ง ๆ ก็
ต้องเป็นภาษานนั้ จึงนา่ จะไมเ่ ขา้ ใจกนั ไปใหญ่ เลยคดิ วา่ ไหน ๆ กไ็ ปเรียนประเทศญี่ปนุ่ แลว้ กเ็ รยี นภาษาญีป่ ุ่นนี่
แหละให้แน่น ๆ ไปเลย จะได้มีความรู้เพียงพอท่ีจะสามารถไปสอนผู้อื่นได้ จึงเลือกสาขาภาษาญ่ีปุ่นไปใน
การศึกษาต่อต่างประเทศ แล้วก็ไปใชช้ ีวติ หลงั จากน้ันท่ีประเทศญี่ปุ่น โดยทมี่ ีเวลาเรยี นภาษาเพอ่ื เตรียมความ
พรอ้ มเพยี งแค่เดือนเดียวเทา่ นัน้ ซึ่งแม้แต่ตวั อักษรญ่ปี นุ่ กย็ งั จาได้บา้ งไมไ่ ดบ้ า้ ง

“บันไดกา้ วแรก” จริง ๆ ของฉันได้เริ่มต้นขึ้น
เม่ือก้าวขาลงเหยยี บประเทศญ่ีปนุ่ จากเด็กบ้านนอกท่ีตอนนั้น
เพง่ิ จะอายุ 19 ปี ซ่งึ ไม่เคยไปต่างประเทศเลย และไมเ่ คยคิดว่า
ความฝนั ในการศึกษาต่อต่างประเทศจะเป็นไปได้สาหรับตนเอง
ตอนนั้นความรู้สึกท่ีต้องจากครอบครัวท่ีเคยอยู่ ความเศร้า
ความกังวลแทบจะไม่มีเลย มีแต่ความตื้นเต้นและดีใจท่ีความ
ฝันที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นจริงน้ันได้เกิดข้ึนจริง ๆ แล้ว ฉันได้
ศึกษาอยู่ที่ประเทศญี่ปุน่ เป็นระยะเวลา 5 ปคี ร่งึ คือช่วงแรกต้องไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพอื่ ปรับพื้นฐานภาษาเป็น
เวลา 1 ปีครึ่ง แล้วหลังจากนนั้ จึงสอบเข้ามหาวิทยาลยั ที่ตนเองสนใจเข้าศกึ ษาต่อ และฉันก็ยังไมเ่ ปล่ียนใจใน

95

การเลอื กเรยี นสาขาภาษาญ่ีปนุ่ เพ่ือที่จะได้เปน็ ครดู งั ที่ไดต้ ัง้ ใจไว้ (เพียงแต่เปลีย่ นจากครูคณิตศาสตร์มาเปน็ ครู
ภาษาญ่ีปุ่น^^) ฉันได้เลือกสมัครสอบเข้ามหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศ ณ กรุงเกียวโต จังหวัดที่เป็นเมือง
หลวงเกา่ ของญ่ีปุ่น ท่มี ีอารยธรรมและแหลง่ คน้ คว้าทางประวตั ิศาสตรใ์ ห้ศึกษาอยา่ งมากมาย รวมท้ังความน่า
อยู่และความมนี า้ ใจของผู้คนในเมอื งน้ีจากทเ่ี คยไปสมั ผสั มา แล้วฉนั ก็สอบผ่านและไดไ้ ปศกึ ษาตอ่ ทีน่ ี่ดังที่หวงั ไว้

ในสาขาภาษาญ่ีปุ่นของมหาวิทยาลัยน้ีจะมวี ิชาเอกอยู่หลายอย่างท่ีนักศึกษาทกุ คนต้องเลือก
ตอนเรียนปี 2 เช่น การบริหาร ธรุ กิจ การสอน เป็นต้น ซ่ึงฉันก็ได้เลือกเรียนวิชาเอกเป็นวิชาการสอนตามที่
ตนเองสนใจอยากเรียนอยู่แล้ว จึงไม่มีความลาบากมากนักในการเรียน จะลาบากก็เพียงก็แต่ความรู้ในด้าน
ภาษาเราน้อยกว่าคนญ่ีปุ่น การอ่านเพื่อทาความเข้าใจในเนอื้ หา หรือการฟังครูอธิบายในห้องเรียนจะต้องใช้
ความพยายามมากกว่าเพ่ือนในห้องเท่านั้นเอง ระหว่างเรียนปริญญาตรีฉันก็คิดอยู่เสมอว่า ถ้าเรียนจบแล้ว

ยังไงก็จะกลับไปสอนทป่ี ระเทศไทยให้สมกับที่ไดร้ ับทุนมาศึกษาต่อ
ท่ีนี่ ฉันจึงได้พยายามดวู ิธีการสอนของครูญ่ีปุ่น เพ่ือจะได้นามาปรับ
ใช้ในการสอนกับนักเรียนไทย โดยเฉพาะวิชาการสอน การประเมิน
การออกแบบคอร์สเรยี น ฉนั จะชอบวิชาเหลา่ นี้มาก เพราะเหมอื นจะ
ได้นาไปใช้ได้จรงิ และเม่ือฉันเรียนจบปรญิ ญาตรีตามระยะเวลาของ
หลกั สตู ร 4 ปี แล้ว ฉนั ก็ได้เดนิ ทางกลับประเทศไทยอยา่ งไมร่ รี อ

96

ตอนที่ 2 บันไดกำ้ วที่สอง ก้ำวสู่อำชพี ครู

หลังจากฉันกลับมาที่ประเทศไทย ฉันก็ได้ใช้เวลาทาส่ิงที่ตนเองอยากทา ไม่ว่าจะลงเรียน

ภาษาอังกฤษ ท่องเที่ยวเล็กนอ้ ย และอยู่อย่างอสิ ระโดยท่ียังไม่ทางาน ในขณะท่ีเพื่อน ๆ ที่เรยี นจบมาดว้ ยกัน

น้ันไปเป็นล่ามกันแทบจะทุกคนแล้ว (ตอนน้ันฉันใช้เงินเก็บจากการทางานพิเศษตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัย)

และพอผ่านไป 5 เดอื นฉันก็เรม่ิ เบอื่ กบั ชีวิตอสิ ระทไี่ ม่มอี ะไรมากระตนุ้ ใหต้ ้องทาสง่ิ ใด ฉันจึงไดล้ องไปสมัครงาน

ในตาแหนง่ ลา่ มทบ่ี ริษัทแห่งหนึ่ง ซง่ึ ตอนน้นั ทาง สพฐ. กเ็ ปดิ รบั สมคั รสอบครผู ู้ชว่ ยพอดี แตต่ อนนนั้ ด้วยความที่

ฉนั เห็นเพื่อน ๆ ท่ีเปน็ ล่ามได้เงินเดือนเยอะ และฉันไปสอบสมั ภาษณม์ าก็ได้เงินเดือนสามหมน่ื อพั ฉนั จึงยังไม่

สนใจท่ีจะไปสมัครสอบ เพราะคิดว่าทางานล่ามซัก 3 ปี เก็บเงินไว้เยอะ ๆ ค่อยไปสอบครูก็ได้ แต่ก่อนวัน

สุดท้ายของการรบั สมัครสอบครูผู้ช่วย คุณพ่อคุณแม่ของแฟนก็ขอให้ฉันไปสมัครสอบไว้ก่อน จะสอบได้หรือ

ไม่ได้กค็ ่อยวา่ กันอีกที เพราะอาชีพครูตอนน้ีมีตาแหน่งว่างเยอะ แตเ่ มื่อรุ่นน้ีบรรจุไปแลว้ กว่าคนที่บรรจุไปจะ

เกษียณ ตาแหน่งเหล่าน้ันกจ็ ะไม่ว่างไปอีกเกือบสามสิบกวา่ ปี เม่ือฉนั ไดฟ้ ังก็เห็นด้วยกับเหตุผลนี้ จึงไปสมัคร

สอบที่ กศจ. กรุงเทพฯ ในวันสุดท้ายของการรับสมัคร พร้อมทั้งปฏิเสธงานล่ามไป

เพราะในเมอ่ื สมคั รสอบแลว้ ก็ตอ้ งอา่ นหนังสือสอบและทา

ใหด้ ที ส่ี ดุ โดยฉันได้ตั้งเป้าหมายว่าจะสอบใหไ้ ด้ที่หนง่ึ ให้ได้

หลังจากที่สมัครสอบครูผู้ช่วยแล้ว ฉันก็ไปซ้ือ

หนังสือสอบครูผู้ช่วยมาสองเล่ม โดยเป็นเล่มสรุปเน้ือหา

ของขอบเขตของเร่ืองที่จะสอบ และอีกเล่มเป็นแนว

ข้อสอบของแต่ละตอนท่ีจะสอบ ฉันได้วางแผนการอ่าน

ตั้งแตว่ ันน้ันถึงวันสอบ ด้วยระยะเวลาท่ีเหลือเพียง 23 วนั ว่าต้องอ่านอย่างไรให้

สามารถอ่านและจดจาเนอื้ หาในหนังสอื ได้ และพยายามทาตามท่ีวางแผนไว้อย่างเต็มที่

...เพราะเปา้ หมายของฉนั นน้ั ไม่ใช่แค่ต้องสอบได้ แตค่ ือต้องไดท้ ีห่ นง่ึ ...

“บันไดก้าวที่สอง” ของฉันกาลังจะเร่ิมขึ้นแล้ว...ในที่สุด

วันท่ีฉันรอคอยก็มาถึง วันประกาศผลสอบที่ตั้งหน้าตั้งตารอมาท้ังวัน

(เพราะกศจ.กรุงเทพฯไดป้ ระกาศผลสอบตอนเยน็ ) ผลปรากฏวา่ ฉันสอบได้

ลาดับที่ 2 ฉันดใี จมาก ถึงแม้จะไม่ได้ทห่ี นง่ึ ดังทีห่ วังไว้ แต่ก็พอใจกบั ผลจาก

การพยายามในครั้งนี้ และในการต้งั เปา้ หมายแตล่ ะคร้ังของฉนั น้ัน จะมี
แนวคดิ ในการต้ังเปา้ หมายท่วี ่า “หากอยากจะทาอะไรใหส้ าเรจ็ ให้ตงั้ เป้า
ให้สูงท่ีสุดเท่าท่ีคิดว่าตนเองจะสามารถทาได้ เพราะถึงแมผ้ ลจะออกมา
น้อยกว่าที่ต้ังเป้าไว้ แต่ก็ยังอยู่ในขั้นดีหรือพอใช้แน่นอน แต่ถ้า
ตัง้ เป้าหมายไว้ตา่ แล้วผลออกมาน้อยกวา่ ทตี่ ้งั ไวน้ ั้นกจ็ ะยงิ่ ต่าลงไปอีก”
เรียกได้ว่าเป็นสูตรแห่งความสาเร็จที่ดีอีกแนวคิดหนึ่งเลยทีเดียว และ

97

“บนั ไดกา้ วทีส่ อง” ของฉัน บันไดทท่ี าให้ฉันก้าวเข้ามาส่อู าชีพครกู ไ็ ดเ้ ร่ิมตน้ ขึ้น ณ โรงเรยี นเตรียมอดุ มศกึ ษา
แต่เนื่องจากฉันไม่ได้จบการศึกษาจากคณะครุศาสตร์หรือศึกษาศาสตร์มาจึงยังไม่มีใบ

ประกอบวิชาชีพครู (มีเพียงแค่ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน) ในระหว่างปฏบิ ัตกิ ารสอนฉันก็ไดร้ อคอยการเปดิ รับ
สมคั รเรยี นหลกั สูตรประกาศนียบตั รบัณฑิต (ป.บณั ฑิต) อย่ตู ลอด จนกระทั่งวันหนึ่งมหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวน
สุนนั ทากไ็ ด้ประกาศเปิดรับสมัครนักศึกษาหลักสตู ร ป.บัณฑติ ฉนั จึงไปสมัครอยา่ งไม่รอช้า และก็ไดเ้ ขา้ ศึกษา
ในหลักสูตร ป.บัณฑติ ณ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏสวนสนุ นั ทา ซ่ึงการศกึ ษาในหลักสูตรนไ้ี มง่ ่ายอย่างทค่ี ิดเลย ด้วย
ความทีต่ ้องทางานไปดว้ ย ท้งั เตรียมสอน ตรวจงานนกั เรยี น ทาข้อสอบ ทาเอกสารต่าง ๆ ที่ตนเองรบั ผดิ ชอบใน
สถานศึกษา จึงทาให้ฉนั ไม่มเี วลาในการอ่านหนังสือหรือทบทวนบทเรียนมากนัก และภาระงานจากวชิ าต่าง ๆ
ท่ีเรยี นกม็ ไี ม่นอ้ ยจึงรูส้ กึ เครียดและท้อแทอ้ ย่บู อ่ ยครัง้ แต่ฉันมีเพือ่ นร่วมห้องเรียนทน่ี ่ารักทสี่ ามารถพูดคุยเรอื่ ง
ตา่ ง ๆ ได้อย่ตู ลอดเวลา และจากการที่ได้พดู คุยแลกเปลย่ี นเรอ่ื งราวต่างๆ ท้งั ในเร่อื งงานดว้ ยจงึ ทาใหฉ้ ันรู้สกึ ว่า
ฉนั ก็ไม่ได้เครยี ดและลาบากอยคู่ นเดียว ทาใหฉ้ ันไดร้ ับรู้ว่ามเี พือ่ นบางคนท่ีต้องรับผิดชอบงานโรงเรยี นหนักกว่า
ฉันอีก ฉันจึงมีกาลังใจทั้งในการทางานและการเรียนมากข้ึน ถึงแม้ว่าเราจะเจอกันได้ไม่นาน แต่ขอบคุณ
มติ รภาพดี ๆ ทีเ่ กดิ ขึ้น และฉันกจ็ ะรักษามิตรภาพเหล่าน้ีไว้ตลอดไป

การท่ีได้มาเรยี น ป.บัณฑิตทมี่ หาวิทยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทาทาให้ฉันได้เรียนรู้ว่า กว่าจะได้
เป็นครูนัน้ ลาบากเพียงใด ใบประกอบวิชาชีพครูที่ฉันอยากจะครอบครองน้ันต้องมีความรู้เพียงใดถึงจะได้มา
ครอง ฉันได้ความรใู้ หม่มากมายจากการเรียนหลักสูตรนี้ ไม่วา่ จะเปน็ เร่ืองการวัดและประเมินผล การพัฒนา
หลักสูตร ปรัชญาความเป็นครูมืออาชีพ จิตวิทยาสาหรับครู และการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา เป็นต้น
และฉันก็เชื่อม่นั ว่าท่ีแห่งนี้จะสร้างความเป็นครมู ืออาชีพให้ฉนั ได้เป็นอย่างดี ในระหว่างที่เรียนฉันก็ได้สังเกต
วิธีการสอนของอาจารย์แต่ละวิชาอยู่เสมอ เพื่อที่หวังว่าจะนาไปปรับใช้
กบั วิชาที่ฉันสอนอยู่ และฉนั ก็ไม่ผิดหวังที่ได้เลือกมาเรียนที่แห่งนี้ ฉันได้
รู้จกั คณาจารย์ท่ีเตม็ เปี่ยมไปด้วยความรู้ ได้รบั ความรู้จากทา่ นมากมายท่ี
สามารถนาไปปรับใชไ้ ด้จริง แม้กระท่งั วธิ ิการพูดคุยกับนักเรียน ซ่ึงทาให้
ฉนั มีความม่ันใจทจ่ี ะเปน็ ฝ่ายก้าวเข้าหานักเรยี นมากขน้ึ ฉนั มคี วามสขุ กับ
งานสอนมากขึ้นอย่างบอกไม่ถูก และฉันก็จะใช้ความรู้ที่ได้จากการเรียน
ป.บัณฑิต มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิผลกับนักเรียนของฉันให้ไดม้ ากที่สุด
ฉันจะพฒั นาการเรียนการสอนของตนเองใหด้ ขี ้นึ และให้ดีท่ีสดุ

...ฉันเช่ือว่าทกุ คนย่อมมบี ันไดที่จะก้าวไป ที่ไม่ว่าจะก้าวไปในทิศทางใดเราต่างก็เป็นคนเลือก
เอง และทกุ กา้ วยา่ งของฉนั ไม่ไดก้ า้ วมาโดยลาพงั แต่ได้รับการประคบั ประคองดว้ ยครบู าอาจารย์ เพอ่ื นและทุก
คนในครอบครวั ทัง้ ครอบครวั ของฉันและครอบครวั ของแฟนท่คี อยสนบั สนุนและใหก้ าลังใจฉันอยู่เสมอมา และ
ฉนั ก็จะกา้ วไปให้ดีทีส่ ุด ก้าวอยา่ งมั่นคง และจะก้าวให้สูงขน้ึ เร่อื ยๆ เท่าทีต่ นเองจะทาได.้ ..


Click to View FlipBook Version