The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณีสารทเดือนสิบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by สมเจตน์ ผิวนวล, 2019-06-09 10:27:48

ประเพณีสารทเดือนสิบ

ประเพณีสารทเดือนสิบ

ประเพณีสารทเดอื นสิบ ความเป็ นมาของประเพณีสารทเดือนสบิ

ประเพณสี ารทเดอื นสิบเปน็ ประเพณที ่ชี าวเมอื งนครศรีธรรมราช ประเพณสี ารทเดอื นสิบเปน็ ประเพณีที่
ไดถ้ ือปฏิบัตดิ ว้ ยศรทั ธาแตด่ ึกดําบรรพโ์ ดยถอื เป็นคตวิ า่ ปลาย วิวฒั นาการมาจาก ประเพณี "เปตพลี "ของศาสนาพราหมณ์
เดอื นสิบของแตล่ ะปเี ปน็ ระยะทพี่ ืชพนั ธุ์ธญั ญาหารในท้องถ่นิ กล่าวคอื ในศาสนาพราหมณ์มีประเพณีอย่ปู ระเพณหี น่งึ เรยี กวา่ "
ออกผลเปน็ ช่วงท่ชี าวเมอื งซึ่งสว่ นใหญย่ ังชพี ดว้ ยการเกษตร ช่ืน เปตพลี "เป็นประเพณที จ่ี ดั ทาํ ข้ึนเพ่ือทําบญุ อุทศิ สว่ นกุศลใหแ้ ก่
ผตู้ ายประเพณนี ปี้ ฏิบัตติ ่อเนื่องกนั มาในอนิ เดียกอ่ นสมัย
ชมยนิ ดใี นพืชของตน พทุ ธกาลคาํ วา่ " เปตะ " เปน็ ภาษาบาลีตรงกบั คาํ วา่ " เปรต "
ประกอบด้วยเชือ่ กันว่า ใน ในภาษาสนั สกฤตแปลวา่ " ผ้ไู ปกอ่ น " หมายความถงึ บรรพ
ระยะเดียวกันนเี้ ปรตทม่ี ชี ือ่ ว่า บรุ ุษทีต่ ายไปแล้วของใครๆ ทกุ คน ถ้าเปน็ คนดพี ญายมซ่ึงเปน็
“ปรทตั ตปู ชวี เี ปรต” จะถูก เจา้ แห่งความตายจะพาวิญญาณไปสแู่ ดนอันเปน็ บรมสุขไมม่ า
ปลอ่ ยให้ขึ้นมาจากนรกเพื่อมา เกดิ อกี แดนนอี้ าจจะอยทู่ ศิ ใตแ้ ดนเดียวกบั ยมโลกตามความเชอื่
ร้องขอส่วนบุญตอ่ ลูกหลาน อันเปน็ ความเช่ือดังเดิมทสี่ ุดของพราหมณ์ซงึ่ มปี รากฏในพระเวท
ญาตพิ ่นี อ้ ง เหตุนี้ ณ โลก อนั เป็นคัมภรี ข์ องศาสนาพราหมณ์
มนษุ ย์จึงได้มีการทําบญุ อทุ ิศส่วนกศุ ลไปไหพ้ อ่ แม่ ปู่ยา่ ตายาย
พน่ี อ้ งลูกหลานทลี่ ่วงลับไป โดยการจัดอาหารคาวหวานวางไวท้ ่ี
บรเิ วณวดั เรยี กวา่ “ตัง้ เปรต” ตามพิธไี สยเวทอกี ทางหนงึ่ ด้วย
ซ่ึงเรื่องน้กี ็ไดพ้ ฒั นามาเป็น “การชิงเปรต” ในเวลาต่อมา

12



พธิ ีกรรม วันแรม15 คํ่า ซึ่งเป็นวนั สารทเรยี กวา่ "วนั ฉลองหมฺรับ"มีการ
ทาํ บุญเลย้ี งพระและบงั สุกลุ การทาํ บญุ วันนเ้ี ป็นการส่งบรรพบุรษุ
พิธกี รรมเริม่ ตงั้ แต่วนั แรม 1 คํา่ เดือนสิบ ซ่งึ ถอื วา่ เปน็ และญาตพิ น่ี อ้ งใหก้ ลับไปเมอื งนรกนับเป็นสําคญั ยิง่ วนั หนึง่ ซ่งึ
วันทพ่ี ญายมปล่อยตวั ผลู้ ่วงลบั ไปแลว้ ท่ี (เรยี กวา่ "เปรต") มาจาก เชือ่ กันว่าหากไมไ่ ด้ทาํ พธิ กี รรมในวนั น้บี รรพบรุ ษุ และญาติพ่ีนอ้ ง
นรก สาํ หรับวนั น้ีบางคนก็ประกอบพธิ ีบางคนจะประกอบพิธใี น ทีล่ ว่ งลบั ไปแล้วจะไม่ไดร้ บั สว่ นบุญสว่ นกศุ ลทาํ ใหเ้ กิดทุกขเวทนา
วันแรม 13 คํ่า 14 ค่ําและ 15 ค่ําโดยการนาํ อาหารไปทําบญุ ท่ี ดว้ ยความอดยากลกู หลานทย่ี งั มชี วี ติ อยกู่ ก็ ลายเป็นคนอกตัญญู
วดั เรียกวา่ "หมฺรบั เลก็ " เป็นการตอ้ นรับบรรพบรุ ุษและญาตมิ ิตร ไป
ทขี่ ้นึ มาจากนรกเทา่ น้ันการเตรยี มการสาํ หรับประเพณสี ารท
เดือนสิบ เริ่มขึ้นในวัน
แรม 13 คํา่ เดอื น 10
วันนี้ เรยี กว่า "วันจา่ ย"
เป็นวันท่ีเตรยี มหมรฺ บั
และจดั หมฺรบั คอื การ
เตรยี มส่ิงของตา่ ง ๆท่ี
ใช้ในการจดั หมรฺ ับเมอื่
ได้ของตามท่ีตอ้ งการแลว้ กเ็ ตรียมจัดหมรฺ ับการจดั หมฺรับแตเ่ ดิม
ใชก้ ระบุงเตีย้ ๆ ขนาดเลก็ หรือใหญก่ ไ็ ด้แต่ภายหลังใช้ภาชนะได้
หลายชนดิ เช่น กระจาด ถาด กะละมัง ถังหรือ กระเชอ

56



การตง้ั เปรตและการชิงเปรต การชงิ เปรต เป็นข้ันตอนท่ีเกดิ ขน้ึ หลังจากการอุทิศสว่ นกศุ ลแก่
การฉลองหมรฺ ับและถวายภัตตาหารแล้วกกน็ ยิ มนาํ ขนมอกี ส่วน เปรต โดยมพี ระสงฆส์ วดบังสกุ ลุ พอพระชกั สายสญิ จนท์ ่ีพาดโยง
หนงึ่ ไปวางไว้ ตามบรเิ วณวัด โคนไมใ้ หญ่ หรอื กําแพง ไปยงั อาหารที่ตั้งเปรต ลกู หลานกจ็ ะเข้าไปแย่งเอามากิน ซงึ่ ของ
วดั เรียกวา่ "ตง้ั เปรต" เปน็ การแผ่สว่ นกศุ ล ใหเ้ ปน็ สาธารณะ ทีแ่ ย่งมาได้ถอื เปน็ ของเดนชาน การได้กินเดนชานจากวญิ ญาณ
ทาน แก่ผู้ลว่ งลบั ทไ่ี ม่มญี าติหรือญาติไม่ได้มารว่ มทําบญุ ได้ บาง บรรพบรุ ษุ เป็นความเชอ่ื ทถี่ อื กันว่าเป็นการแสดงความรัก เปน็
วดั นิยมสรา้ งรา้ นขึน้ เพือ่ สะดวกแกต่ ั้งเปรต เรยี กวา่ "หลาเปรต" สิรมิ งคล และเป็นกศุ ลสาํ หรบั ลกู หลาน
(ศาลาเปรต) เมอื งต้ังขนม ผลไม้ และและเงนิ ทําบุญเสรจ็ แลว้ ก็
จะนาํ สายสญิ จน์ท่ีไดบ้ งั สุกลุ แล้วมาผูกเพ่อื แผส่ ว่ นกุศลดว้ ย เม่อื การตงั เปรต
เสร็จพธิ สี งฆ์ ก็จะเก็บสายสญิ จน์ การชิงเปรตจะเริ่มหลังจากตง้ั
เปรตเสร็จแลว้ ช่วงน้เี ป็นช่วงทเี่ รียกว่า "ชิงเปรต" ทง้ั ผู้ใหญ่และ การชิงเปรต
เดก็ จะวิ่งกันเข้าไปแยง่ ขนมกันอยา่ งคกึ คกั เพราะความเช่อื
ว่า ของทเี่ หลือจากการเซน่ ไหวบ้ รรพบุรษุ ถา้ ใครได้ไปกินก็จะได้ 10
กุศลแรง เป็นสริ ิมงคลแกต่ นเอง และครอบครัว วัดบางแห่งสร้าง
หลาเปรตไวส้ ูง โดยมเี สาเพยี งเสาเดียว เสานีเ้ กลาจนล่นื และ
ชโลมด้วยนา้ํ มนั เมอ่ื ถงึ เวลาชิงเปรต เดก็ ๆ แยง่ กนั ปีนขึ้น
ไป หลายคนตกลงมาเพราะเสาลืน่ และอาจถกู คนอ่นื ดงึ ขาพลดั
ตกลงมา กวา่ จะมผี ู้ชนะการปีนไปถึงหลาเปรต กต็ อ้ งใชค้ วาม
พยายามอยา่ งมาก จึงมีท้งั ความสนุกสนาน และความและความ
ตื่นเตน้

9



กระแสท่ี 2. นา่ จะมาจากการเช็ดกระทะดว้ ยนาํ้ มัน ชาวใต้ จนกระทง่ั เกดิ นาํ้ ทว่ ม เปน็ เหตุใหข้ า้ วเปลอื กและขา้ วสารเปียก
เรียกวา่ “ลามัน” คอื การทาเชด็ กระทะเพราะทกุ ครง้ั ท่ีมกี าร นํ้าเป็นจํานวนมากจะทง้ิ กเ็ สยี ดาย แตด่ ้วยเหตทุ ี่ข้าวเปลอื กและ
ทอดแป้งลาลงในกระทะจะต้องมีการ “ลามัน” ทุกครัง้ ถ้าเป็นลา ข้าวสารมีรสเหมน็ เปรย้ี ว จงึ คดิ วธิ ีท่ีจะนาํ ข้าวเหล่านนั้ มาแปรรปู
แผน่ ลามัน 1 คร้งั จะลอกดงึ แผ่นลาได้ 2 แผ่นถ้ามากกว่านน้ั เป็นขนมอยา่ งอื่นแทนโดยใชภ้ ูมปิ ญั ญาชาวบา้ นนําใบไมช้ นิด
แปง้ จะตดิ กระทะ ลอกดงึ ข้นึ หนึ่งมาชว่ ยในการหมักขา้ วสารน่นั คอื “ ใบครุ ะ” ซึ่งเป็นไมย้ นื
ไมไ่ ด้ การลอกดึงแผ่นลาชาว
ใต้เรียกว่า “การพับลา” ต้นชนดิ หน่งึ มีมากใน
ดงั นนั้ หากไม่มีการลามนั แผน่ สมยั กอ่ น เก็บใบนํามาบม่ ใน
ลาจะพบั หรอื ลอกดงึ ขึ้นจา ถังหรอื กระสอบข้าวสารเพ่อื
กระทะไม่ได้ แปง้ จะติด ทําให้เกดิ ความรอ้ น เปน็
กระทะ ความสําคัญของการ “ลามัน” ตรงนี้จึงอาจเปน็ ทมี่ าของ ตัวเร่งใหข้ า้ วสารทกุ เมด็
คาํ วา่ “ขนมลา” กระแสดา้ นความน่าจะเป็น อําเภอปากพนังใน เปื่อยยยุ่ พร้อมกนั จากนัน้ ก็
สมัยก่อนถอื ได้วา่ เป็นเมอื งท่าในการค้าขาย ทงั้ แถบอินโดจีน นําข้าวสารมาลา้ งใหส้ ะอาด
มลายู จีน และหลายๆประเทศ ถือได้วา่ เป็นอู่ขา้ วอูน่ ้ําเพราะมี เพือ่ ใหร้ สเปรย้ี วละลายไปกบั
การปลูกขา้ วไวบ้ รโิ ภคและขายกนั มาก อุดมสมบรู ณ์ และมีโรงสี นาํ้ เสร็จแลว้ กน็ าํ ข้าวสารไปบดใหล้ ะเอยี ด แลว้ นํานํา้ แป้งทบี่ ด
ไฟประมาณ 14 โรง รวมถึงโรงสีไฟแมค่ รู ซึง่ ครง้ั หน่งึ ประมาณปี แลว้ ไปกรองดว้ ยผา้ ดา้ ยดบิ เพอ่ื ตอ้ งการแต่เนอ้ื แป้งทลี่ ะเอียด
2448 รัชกาลที่ 5 ได้เสดจ็ ประพาสปากพนังและมาเปดิ โรงสีไฟ เสร็จแลว้ กพ็ กั แปง้ ไวจ้ นตกตะกอน จะมนี ้าํ ใสๆอยู่ก็รนิ หรอื เท
แหง่ นี้ และจัดไดว้ ่าเปน็ โรงสที ่ีสวยงามท่ีสุดในปากพนัง และดว้ ย ออกให้เหลือแตเ่ นอ้ื แปง้ แล้วก็ตักแป้งใส่ผ้าหนาๆแล้วหอ่ ดว้ ย
เหตทุ ่มี ีการปลกู ข้าวกนั มากนีเ้ อง เกษตรกรหรอื ชาวบ้านจงึ นํา กระสอบปา่ นอีกช้นั หนงึ่ ผกู แล้วนาํ ไปแขวนไว้ แต่ถา้ หาก
ข้าวมาเกบ็ ไว้ในยุ้งฉางจาํ นวนมากเพราะบริโภคหรือกินไมท่ ัน ต้องการใหแ้ ห้งเรว็ ๆกจ็ ะทบุ ห่อแป้งด้วยไม้ น้าํ แปง้ จะออกมาเร็ว
ขึน้ หรอื อาจจะนาํ มา
13
14



ความหมาย ขนั ตอนในการทาํ ขนมลา
1. นําขา้ วสารและขา้ วเหนยี วผสมเข้าดว้ ยกันแช่นา้ํ 1
ขนมลาเป็นขนมหวานพนื้ บา้ นของทางภาคใต้ ของประเทศไทย
ซ่งึ ทาํ มาจากแป้งข้าวเจา้ เปน็ ขนมสาํ คัญหน่ึงในห้าชนดิ ทใ่ี ช้ ชั่วโมงแลว้ ตงั้ ไวใ้ นท่ี ทแี่ สงแดดถูกทัว่ ถึง 1 คนื นําขา้ วสารไปลา้ ง
สําหรบั จดั เพ่อื นาํ ไป ถวายพระสงฆ์ในงานประเพณีบญุ สารท อกี รอบ แลว้ นาํ ไปตากแดดเหมือนเดมิ อกี 2 คืน
เดือนสิบซ่งึ เป็นงานบุญประเพณที สี่ าํ คญั ของจังหวดั ในภาคใต้
เชน่ จงั หวดั สุราษฎร์ธานจี งั หวดั นครศรีธรรมราชสงขลาโดยอทุ ิศ ภาพประกอบแชข่ ้าวสารและขา้ วเหนียว
สว่ นกศุ ลให้แก่บรรพบุรษุ ทลี่ ่วงลับ ขนมลาปรุงขึน้ เพอ่ื เป็น 2. นําข้าวสารท่แี ชร่ องด้วยตาขา่ ยแลว้ เอาขา้ วสารทห่ี มกั
เสมือนแพรพรรณเส้อื ผา้ มาลา้ งให้สะอาดจนหมดกลิ่น
วัสดอุ ปุ กรณ์ในการทาํ ขนมลา
ภาพประกอบนาํ ขา้ วสารมาหมัก
1. เครอ่ื งบดแปง้ และเครื่องกรองแปง้
2.เครอ่ื งหนบี แป้ง ชาวใต้เรียกวา่ (หีบแป้ง) 18
3. กระปอ๋ งทอดขนมลา (ใชก้ ระปอ๋ งนมปัจจุบันพัฒนา
เปน็ กระป๋องสแตนเลส)เพือ่ ป้องกันสนมิ
4. กระทะทอดขนมลา (ใชก้ ระทะใบบวั )
5. เตาแกส๊ หรอื เตาถา่ น (ปจั จุบันใชเ้ ตาแกส๊ ม้วนเป็นขด
โคง้ ไปตามรปู กระทะ)
6. ผ้ากรองแปง้ (ชาวใตเ้ รยี กตรองแปง้ )
7. เตาอบแปรรูปขนมลา
8. ไมพ้ ับลาและถาดหรอื ภาชนะอนื่ ใชใ้ สข่ นมลาหลงั จาก
พบั หรอื ลอกดงึ มาจากกระทะ

17



7. นาํ แป้งมาใสเ่ ครอ่ื งบดแป้งใสน่ ํ้าตาลสด แปง้ มนั 9. นาํ แป้งทีเ่ ตรียมเสรจ็ แล้วมาตีจนเย็นตกั แป้งใสล่ งใน
และนาํ้ ตาลทรายตไี ปเรอ่ื ยๆ ใหเ้ ข้ากัน ใช้เวลา 1 ชัว่ โมง กระปอ๋ งทเ่ี จาะรไู ว้ โรยแป้งลงในกระทะใหท้ ่ัว

ภาพประกอบ บดแป้งและน้าํ ตาลใหเ้ ขา้ กนั ภาพประกอบโรยแปง้ ลงในกระทะ
8. นําไขแ่ ดงท่ีตม้ สุกใสล่ งในน้ํามนั นํามาลาลงในกระทะ 10. ใชไ้ ม้ไผเ่ ขย่ี ขนมขนึ้ จากกระทะ

ภาพประกอบ ลาน้าํ มันและไขแ่ ดงลงในกระทะ ภาพประกอบ การเขย่ี ลาขึน้ จากกระทะ

21 22


Click to View FlipBook Version