The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การวิเคราะห์หลักสูตร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ครูอาร์ม, 2021-02-14 22:57:59

การวิเคราะห์หลักสูตร

การวิเคราะห์หลักสูตร

(Module Induction) : สอ่ื ช่วยในการจดั การเรียนการสอน

มอดลู : ช่วยในการจัดการเรยี นการสอน หนว่ ยศึกษานเิ ทศก์

คำแนะนำสำหรบั ผเู้ ข้ารว่ มการประชมุ ปฏิบัตกิ าร
1. มอดลู นี้ใชส้ ำหรับประกอบการจดั ประชุมเชงิ ปฏิบตั กิ ารสรา้ ง/พัฒนาสอื่ มอดลู (Module
Induction)ช่วยในการจดั การเรียนการสอน
2. มอดูลน้ี เสริมสำหรับผ้เู ขา้ รบั การประชุมเชิงปฏบิ ัติการสร้าง/พฒั นาสอื่ มอดูล(Module
Induction)ชว่ ยในการจดั การเรียนการสอน โดยให้ศึกษามอดูลตามลำดับขนั้ และศึกษาดว้ ย
ตนเอง
3. ศึกษามอดลู ตั้งแต่เริ่มตน้ ถงึ เนื้อหาสดุ ทา้ ย อ่านทัง้ เนื้อหาและกจิ กรรมใหเ้ ข้าใจก่อน
4. กอ่ นท่ผี ูเ้ ขา้ รับการอบรมจะศึกษา ควรทำแบบทดสอบก่อน
5. ให้ทำไปทีละเร่ืองเริม่ ต้ังแต่เร่ืองแรก เรียงไปตามลำดบั โดยไมข่ ้ามเน้ือหาใดเน้ือหาหน่ึง
6. อ่านเนื้อหาให้เข้าใจก่อน คิดให้ดีแลว้ จงึ ตอบคำถามใหเ้ รียบรอ้ ย
7. เมอ่ื ตอบคำถามเสรจ็ แล้ว จากนั้นจึงเปดิ ดเู ฉลย
8. ถ้าตอบผิด ให้กลับไปศึกษาเนือ้ หาอีกคร้งั ทำความเข้าใจให้ดี แลว้ ตอบคำถามใหม่ ถ้าตอบ
คำถามผิดอีก
ใหป้ รกึ ษาวทิ ยากร
9. เมอื่ ศึกษาจบทุกกรอบแล้ว ใหท้ ำแบบทดสอบหลังประชมุ เชิงปฏบิ ตั ิการ ผเู้ ข้ารบั การประชุมฯควร
ซื่อสตั ย์ตอ่ ตนเอง ไมเ่ ปดิ ดเู ฉลย

มอดลู : ช่วยในการจัดการเรียนการสอน หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์

แบบทดสอบก่อนอบรม
คำชแี้ จง

1. ใบทดสอบฉบบั น้ีเปน็ แบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลอื กจำนวน 20 ขอ้ ข้อละ 1 คะแนน
2. ให้เลือกคำตอบทถ่ี ูกต้องทสี่ ุดเพยี งข้อเดียว แล้วทำเคร่ืองหมายกากบาท (X) ลงในกระดาษคำตอบ
3. เวลาทีใ่ ช้ในการทำแบบทดสอบ 20 นาที

มอดูล : ช่วยในการจดั การเรียนการสอน หนว่ ยศึกษานเิ ทศก์

หัวเรอ่ื ง
1. การวเิ คราะหห์ ลกั สตู รรายวชิ า
2. การเขยี นจุดประสงค์ประจำหน่วยการเรียน
3. การเขียนสมรรถนะประจำหน่วยการเรยี น

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. เพื่อเข้าใจในหลักการวเิ คราะหห์ ลกั สตู รรายวชิ า เขยี นจดุ ประสงค์ สมรรถนะ ประจำหน่วย การ
เรียน
2. สามารถสร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตร เขียนจุดประสงค์ สมรรถนะ ประจำหน่วยการเรียน ตาม
หลักการและกระบวนการ
3. มคี วามรับผดิ ชอบ ใฝร่ ู้ ขยัน ซ่อื สตั ย์

สมรรถนะ
1. สรา้ งตารางวิเคราะหลักสตู รรายวิชา
2. กำหนดจุดประสงค์ สมรรถนะประจำหน่วย เกณฑก์ ารปฏิบัตงิ าน

มอดูล : ช่วยในการจัดการเรียนการสอน หน่วยศกึ ษานิเทศก์

การวิเคราะหห์ ลกั สูตร

การวิเคราะหห์ ลกั สูตรรายวิชา ประกอบดว้ ย หวั ข้อการเรยี น กจิ กรรมย่อย หรือมีขัน้ ตอนการ

ปฏบิ ัติงานอยา่ งไร จงึ จะทำให้การจดั การเรยี นรู้น้นั ประสบผลสำเร็จ

ทำไมต้องวเิ คราะห์หลักสตู ร

1. เพื่อทราบโครงสร้างของรายวิชา
2. เพอ่ื ประเมินผลการเรียน ปฏิบัตงิ านของผู้เรียน
3. เพื่อใช้ในการพัฒนาผเู้ รียน
4. เพอ่ื ใช้ในการจัดการเรยี นการสอน

ขนั้ ตอนการวิเคราะห์หลกั สตู ร
๑) การวิเคราะห์จดุ ประสงค์ เป็นการแปลจุดประสงคร์ ายวชิ าเปน็ พฤติกรรมท่ีต้องการให้เกิดแก่

ผู้เรยี นเม่ือเรยี นวิชาน้ัน ๆ จบลงแล้ว
๒) การวิเคราะห์เน้ือหา เปน็ การนำเอาเนื้อหาวชิ าจากหลักสูตรมาแบง่ ออกเปน็ หน่วยย่อย ๆ ใน

ลักษณะหนว่ ยการเรยี น
“การนำเอาคำอธิบายรายวิชาจากหลักสตู รมา แบง่ เปน็ เรอ่ื งย่อย ๆ หรอื หนว่ ยย่อย ๆ ตามสมควร

การแบ่งเนื้อหาวิชานีพ้ ยายามแบ่งให้แต่ละตอนไลเ่ ลย่ี กนั อาจจะมกี ารสลับหวั ขอ้ เสยี ใหม่บ้างก็ไดเ้ พ่ือให้มีความ
ต่อเนื่องกนั หรือเห็นวา่ เนื้อหาตอนใดควรต่อเติมกย็ ่อม ทำได้ ข้อสำคญั ก็คอื ไม่ควรมกี ารตัดทอนเน้ือหาของ
หลกั สตู รให้น้อยลง แล้วจึงนำมาจัดเรียงตามลำดับ”

๓) การสรา้ งตารางวเิ คราะห์หลักสตู ร เป็นตารางการหาสดั ส่วนความสำคญั และแสดงความสัมพันธ์
ของพฤติกรรมกับเนือ้ หา

“จดุ สำคญั ของการสร้างตารางวเิ คราะห์ หลกั สูตร คือการหาสดั ส่วนความสำคญั ของ เนอ้ื หาวิชา ใน
แตล่ ะพฤตกิ รรมท่ีสัมพันธก์ นั ตาม หลกั สูตรตอ้ งการ นอกจากนีย้ งั มปี ระโยชน์ต่อการ กำหนดคาบสอนของแต่
ละเนอ้ื หาวิชา และการวดั ผลการศกึ ษาดว้ ย”

วิธกี ารสร้างตารางวิเคราะห์หลักสูตรรายวิชา (Table Specification)
การสรา้ งตารางวิเคราะหห์ ลกั สตู รรายวชิ า เป็นตารางสองมิติ แสดงความสัมพันธ์ระหวา่ งเนอื้ หากบั

จดุ มุ่งหมาย มิติแรกบง่ บอกเก่ียวกบั เนอื้ หา มิติทีส่ องเปน็ จุดมุ่งหมาย จดุ มุ่งหมายอยู่ในแนวนอน และ
เนอื้ หาวิชาอยใู่ นแนวตง้ั การสร้างตารางวิเคราะหห์ ลกั สูตรนี้ ควรจะสร้างกอ่ นการเรยี นการสอน เพราะจะช่วย
ใหผ้ ู้สอนทราบว่าควรสอนเนื้อหาใด เน้นอะไร ใช้วธิ ีสอนอย่างไร จงึ จะเกิดการเปลีย่ นแปลงพฤติกรรมของ
ผเู้ รยี นตามที่ต้องการ และจะช่วยใหก้ ารออกข้อสอบมีความเท่ียงตรงตามเนื้อหา

การกำหนดนำ้ หนักในตารางวิเคราะห์หลกั สตู รรายวิชาแต่ละช่อง ทำได้ ๒ วิธี ดงั นี้
๑. กำหนดน้ำหนกั แตล่ ะช่องใหม้ ีคะแนนเต็มเท่ากบั ๑๐ คะแนน แลว้ ใหค้ ณะกรรมการแตล่ ะคนให้
คะแนนนำ้ หนักในแตล่ ะช่อง จากนน้ั จึงเอาคะแนนของกรรมการแต่ละคนของแต่ละช่อง มาหาคา่ เฉลี่ยเพ่ือท่จี ะ
เป็นน้ำหนกั ของช่องนน้ั ทำจนครบทกุ ช่อง จะได้นำ้ หนักของทุกชอ่ ง หรือ

มอดลู : ช่วยในการจดั การเรียนการสอน หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์

๒. กำหนดน้ำหนักลำดับความสำคัญในแถวล่างสดุ ซง่ึ เป็นนำ้ หนักของแตล่ ะจุดมงุ่ หมายหรือแตล่ ะ
พฤติกรรมก่อน หลังจากนนั้ จึงกำหนดนำ้ หนกั ของแตล่ ะเน้ือหาหรือน้ำหนักของแต่ละข้อวิชาทางด้านขวามือสดุ
แลว้ จึงใส่น้ำหนักแตล่ ะช่องโดยการเทยี บบัญญตั ิไตรยางศ์

ตัวอยา่ งตารางวเิ คราะห์หลักสูตรรายวิชา พุทธิพสิ ัย
พฤตกิ รรม(จุดมุ่งหมาย)
ความ ู้ร ความจำ
ชื่อหน่วย(เนอ้ื หา) ความข้าใจ
นำไปใช้
๑. ิวเคราะห์
๒. สังเคราะห์
๓. ประเมิน ่คา
๔.
๕. รวม
ลำดับความสำ ัคญ
รวม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
ลำดบั ความสำคัญ ๕ ๕ ๖ ๔ ๑ ๑ ๒๒ ๓
๕ ๕ ๘ ๖ ๑ ๑ ๒๖ ๑
๔ ๖ ๘ ๔ ๒ ๑ ๒๕ ๒
๓ ๓ ๘ ๕ ๑ ๑ ๒๑ ๔
๒ ๒ ๘ ๖ ๑ ๑ ๒๐ ๕
๑๙ ๒๑ ๓๘ ๒๕ ๖ ๕ ๑๑๔
๔๓๑๒๕๖

จากตวั อยา่ งตารางวเิ คราะหห์ ลักสตู รรายวชิ า จะเหน็ วา่ เน้ือหามที ัง้ หมด ๕ หน่วย แต่ละหนว่ ยมีความสำคัญไม่
เท่ากัน หน่วยที่ ๒ สำคญั ท่สี ดุ และในการจดั การเรียนการสอนเนน้ ด้านการนำไปใช้ จากตัวอยา่ งคา่ น้ำหนัก
รวมในตารางเฉลีย่ มีค่าเท่ากบั ๑๑๔ เพอ่ื ใหส้ ะดวกในการนำไปใชใ้ ห้สร้างตารางวิเคราะห์หลกั สูตรรายวิชาเปน็
ตาราง ๑๐๐๐ คะแนน โดยแปลงคา่ น้ำหนกั รวมให้เป็น ๑๐๐๐ คะแนน เมื่อเทียบบัญญัติไตรยางศ์จะได้ ๑
หนว่ ย เท่ากบั ๘.๗๗ และมีค่าคะแนนที่แปลง ดงั นี้ (๑๐๐๐/๑๑๔= ๘.๗๗)

๑ หนว่ ย แปลงไดเ้ ทา่ กับ ๘.๗๗ หนว่ ย
๒ หน่วย แปลงได้เท่ากับ ๑๗.๕๔ หนว่ ย
๓ หน่วย แปลงได้เท่ากับ ๒๖.๓๑ หน่วย
๔ หน่วย แปลงไดเ้ ทา่ กบั ๓๕.๐๘ หนว่ ย
๕ หน่วย แปลงไดเ้ ท่ากับ ๔๓.๘๕ หนว่ ย
๖ หนว่ ย แปลงไดเ้ ท่ากับ ๕๒.๖๒ หนว่ ย

มอดลู : ช่วยในการจัดการเรยี นการสอน หนว่ ยศกึ ษานเิ ทศก์

ตัวอยา่ งตารางวิเคราะห์หลกั สูตรรายวิชาแปลงหนว่ ยเป็น ๑๐๐๐ (ตาราง ๑๐๐๐)
พทุ ธิพิสัย

พฤติกรรม(จุดมงุ่ หมาย)
ความ ู้ร ความจำ
ชือ่ หนว่ ย(เนื้อหา) ความข้าใจ
นำไปใช้
ิวเคราะห์
สังเคราะห์
ประเมิน ่คา

รวม
ลำดับความสำ ัคญ
๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐

๑. ๔๔ ๔๔ ๕๓ ๓๕ ๙ ๙ ๑๙๔ ๓

๒. ๔๔ ๔๔ ๗๐ ๕๓ ๙ ๙ ๒๒๙ ๑

๓. ๓๕ ๕๓ ๗๐ ๓๕ ๑๘ ๙ ๒๒๐ ๒

๔. ๒๖ ๒๖ ๗๐ ๔๔ ๙ ๙ ๑๘๔ ๔

๕. ๑๘ ๑๘ ๗๐ ๕๓ ๙ ๙ ๑๗๗ ๕

รวม ๑๖๗ ๑๘๕ ๓๓๓ ๒๒๐ ๕๔ ๔๕ ๑๐๐๔

ลำดับความสำคญั ๔๓๑๒๕๖

เมื่อนำคา่ นำ้ หนักที่แปลงแล้วเขยี นลงในตารางวิเคราะหห์ ลักสตู รรายวชิ า จะเหน็ ว่าผลรวมไม่

เทา่ กับ ๑๐๐๐ เพราะปดั ทศนิยม ดังน้ันจำเปน็ ตอ้ งลดนำหนกั ลง ๔ หนว่ ย เพือ่ ให้ได้ ๑๐๐๐ พอดี แต่ลำดบั

ความสำคญั ต้องไม่เปลีย่ นแปลง จึงลดจดุ มงุ่ หมายด้านความรู้ ความจำ ในหน่วยที่ ๒ จาก ๔๔ เป็น ๔๐ หนว่ ย

ก็จะได้ผลรวมเป็น ๑๐๐๐ พอดี

ตวั อย่างตารางวเิ คราะห์หลักสูตรรายวิชาแปลงหน่วยเป็น ๑๐๐๐ (ปรับแล้ว)
พทุ ธพิ สิ ัย

พฤติกรรม(จุดมุง่ หมาย)
ความรู้ ความจำ
ชือ่ หน่วย(เนื้อหา) ความ ้ขาใจ
นำไปใช้
๑. ิวเคราะ ์ห
๒. สังเคราะห์
๓. ประเมิน ่คา
๔.
๕. รวม
ลำดับความสำ ัคญ
รวม ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐ ๑๐
ลำดบั ความสำคัญ ๔๔ ๔๔ ๕๓ ๓๕ ๙ ๙ ๑๙๔ ๓
๔๐ ๔๔ ๗๐ ๕๓ ๙ ๙ ๒๒๙ ๑
๓๕ ๕๓ ๗๐ ๓๕ ๑๘ ๙ ๒๒๐ ๒
๒๖ ๒๖ ๗๐ ๔๔ ๙ ๙ ๑๘๔ ๔
๑๘ ๑๘ ๗๐ ๕๓ ๙ ๙ ๑๗๗ ๕
๑๖๓ ๑๘๕ ๓๓๓ ๒๒๐ ๕๔ ๔๕ ๑๐๐๐
๔ ๓ ๑ ๒ ๕๖

มอดูล : ช่วยในการจัดการเรียนการสอน หนว่ ยศึกษานเิ ทศก์

จากตารางข้างต้นหากต้องการนำตารางวิเคราะหห์ ลักสตู รรายวชิ าไปใชใ้ นการออกข้อสอบ ๑๐๐ ข้อ กใ็ ส่
จดุ ทศนยิ มลงไปก็จะได้ข้อสอบ ๑๐๐ ขอ้ ทีม่ ีความตรงตามเนอ้ื หา หากต้องการข้อสอบ ๕๐ ข้อ หรอื ๓๐ ขอ้ ก็
ย่อส่วนลงมา

ประโยชนข์ องตารางวิเคราะห์หลกั สูตรรายวิชา
๑. เปน็ แนวทางแกผ่ ู้สอนว่า จะสอนอะไร จะสอบอะไร และจะสอบอยา่ งละเทา่ ไร
๒. เป็นแนวทางแก่ผูส้ อนวา่ จะสอนเนอื้ หานัน้ ๆ ไปทำไม และสอนใหผ้ เู้ รยี นเกิดการเรียนรอู้ ะไร
๓. เป็นแนวทางแก่ผู้สอนในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ และการเลอื กสอื่ การเรยี นการสอน
๔. เป็นแนวทางแก่ผู้สอนว่าตอ้ งออกข้อสอบวัดอะไร และวดั อย่างละกี่ขอ้
๕. เป็นแนวทางแกผ่ ู้สอนว่าจะสร้างความสามารถอะไรให้กับผเู้ รียน
๖. เป็นแนวทางแก่ผู้สอนในการออกข้อสอบคู่ขนาน ท่ีมคี วามคล้ายกันทางดา้ นเน้ือหาและระดบั ความ
ยากง่าย และรวมถึงความเทย่ี งตรงตามเน้ือหา

การกำหนดสดั ส่วนคะแนน (คะแนนระหวา่ งภาค : คะแนนปลายภาค) ๑๐๐ คะแนน
๑. รายวิชาทีเ่ ป็นเฉพาะทฤษฎี (สดั สว่ นคะแนน ๖๐ : ๔๐)
๒๐ คะแนน
๑.๑ คะแนนระหวา่ งภาค ๖๐ คะแนน ประกอบด้วย ๔๐ คะแนน
➢ คะแนนคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และลักษณะอันพงึ ประสงค์
➢ คะแนนการประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ๔๐ คะแนน
- ใบงานและแบบฝกึ หดั ประจำหน่วย(งาน) ๑๐๐ คะแนน
- ทดสอบประจำหน่วย
๒๐ คะแนน
๑.๒ คะแนนปลายภาค (คะแนนประเมินผลสมั ฤทธทิ์ างการเรียน) ๕๐ คะแนน
๒. รายวิชาทีเ่ ปน็ ทฤษฎแี ละปฏิบตั ิ (สดั ส่วนคะแนน ๗๐ : ๓๐)
๓๐ คะแนน
๒.๑ คะแนนระหว่างภาค ๗๐ คะแนน ประกอบด้วย ๑๐๐ คะแนน
➢ คะแนนคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และลกั ษณะอนั พึงประสงค์
➢ คะแนนการประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ๒๐ คะแนน
- ใบงานและแบบฝึกหัดประจำหนว่ ย(งาน) ๖๐ คะแนน
- ทดสอบประจำหน่วย
๒๐ คะแนน
๒.๒ คะแนนปลายภาค (คะแนนประเมนิ ผลสมั ฤทธิ์ทางการเรยี น)
๓. รายวิชาทีเ่ ปน็ เฉพาะปฏิบัติ (สัดสว่ นคะแนน ๘๐ : ๒๐)

๓.๑ คะแนนระหวา่ งภาค ๘๐ คะแนน ประกอบดว้ ย
➢ คะแนนคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
➢ คะแนนการประเมินผลตามสภาพจรงิ
- งาน/แบบฝกึ หัดประจำหน่วย(งาน)
- ทดสอบประจำหนว่ ย

๓.๒ คะแนนปลายภาค (คะแนนประเมนิ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน)

มอดลู : ช่วยในการจดั การเรียนการสอน หน่วยศึกษานเิ ทศก์

๔. รายวิชาโครงงาน (สัดส่วนคะแนน ๘๐ : ๒๐) ๑๐๐ คะแนน

๔.๑ คะแนนระหวา่ งภาค ๘๐ คะแนน ประกอบดว้ ย ๒๐ คะแนน
➢ คะแนนคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และลักษณะอันพึงประสงค์ ๖๐ คะแนน
➢ คะแนนความกา้ วหน้าการปฏิบัตงิ าน ๒๐ คะแนน

๔.๒ คะแนนปลายภาค (คะแนนจากการนำเสนอผลการดำเนินโครงงาน)

ให้ผ้เู ขา้ รับการอบรมทำกจิ กรรมที่ ๑
วิเคราะหห์ ลกั สตู รในรายวชิ าท่ีสอนในปีการศึกษา ๒๕๖๔

มอดลู : ช่วยในการจัดการเรียนการสอน หนว่ ยศึกษานเิ ทศก์

การเขียนจดุ ประสงค์การเรยี นรู้

คือ การนำเสนอข้อความที่แสดงว่าผู้เรียนต้องรู้อะไร ต้องทำอะไรได้ในรูปของการปฏิบัติหรือ
พฤติกรรมที่สามารถสังเกตเห็นได้ เป็นข้อความที่ระบุชัดเจน เฉพาะเจาะจงว่าผู้เรียนสามารถทำอะไรได้
ภายหลังการเรียน การสอนเสรจ็ สมบูรณ์ และใช้จุดประสงค์นี้เปน็ สื่อกลางสร้างความเข้าใจระหว่างผู้สอนและ
ผูเ้ รียนให้เข้าใจตรงกนั วา่ เป้าหมายของการเรียนการสอนคืออะไร สดุ ท้ายผู้เรยี นต้องบรรลผุ ลการเรยี นรอู้ ะไร

ประเภทของจดุ ประสงค์การเรียนรู้

จุดประสงค์การเรียนรู้แบ่งตามลักษณะการแสดงออกทางพฤติกรรมที่เสนอโดยบลูม (Bloom)

แครทโรล (Krathrohl) และแฮร์โรว์ (Harrow) ออกเป็น 3 ด้าน ได้แก่ ด้านพุทธิพิสัย (cognitive domain)

ด้านทักษะพสิ ัย (psychomotor domain) และด้านจติ พสิ ัย (affective domain)

1. ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) คือจุดประสงค์การเรียนรู้ที่เน้นความสามารถทางสมอง

หรือความรอบรู้ในเนื้อหาวิชา หลักการ หรือทฤษฎีพฤติกรรมการเรียนรู้ด้านนี้สามารถวัดได้ตามระดับการ

เรยี นรู้แบ่งเปน็ 6 ข้นั ดงั นี้

ระดับพฤตกิ รรม (ในจดุ ประสงคท์ วั่ ไป) ตวั อย่างคำกรยิ าท่ใี ช้

(ในจดุ ประสงค์เชิงพฤตกิ รรม)

1. ความรูค้ วามจำความสามารถในการจดจำสงิ่ ท่ี บอกคุณสมบัติ จับคู่ เขยี นลำดับ อธิบาย บรรยาย

เรียนมาแล้วอาจเป็นขอ้มลู ง่าย ๆ จนถงึ ทฤษฎี ขีดเส้นใต้ จำแนก ระบุ

2. ความเขา้ ใจความสามารถในการจับใจความ การ แปลความหมาย อธิบาย ขยายความ สรุปความ

แปลความหมาย การสรปุ หรอื ขยายความ ยกตวั อย่าง บอกความแตกต่าง เรยี บเรยี ง เปลยี่ น

3. การนำไปใช้ความสามารถในการนา ส่ิงท่ีได้ แกป้ ัญหา สาธติ ท านายเช่ือมโยงความสมั พนั ธ์

เรยี นร้ไู ปใชใ้ นสถานการณใ์ หม่ เปลยี่ นแปลงคา นวณ ปรับปรุงผลิต ซอ่ ม

4. การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการแยกส่งิ ต่าง ๆ เขยี นโครงรา่ งแยกแยะจดั ประเภท จำแนกให้ เหน็

ออกเป็นส่วนย่อยเหลา่ นนั้ ได้ ความแตกตา่ ง บอกเหตุผล ทดลอง

5. การสังเคราะหค์ วามสามารถในการรวบรวม รวบรวม ออกแบบ จดั ระเบียบ สร้าง ประดษิ ฐ์

ส่วนย่อย ๆ เพ่อื สร้างรูปแบบหรอื โครงสรา้ งใหม่ วางหลักการ

6. การประเมนิ ความสามารถในการวินจิ ฉัย คุณค่า วดั ผลเปรียบเทียบ ตีคา่ ลงความคิดเหน็ วิจารณ์

ของส่ิงต่าง ๆ โดยมหี ลกเั กณฑท์ ีแ่ น่นอน

2. ดา้ นจิตพิสัย (Affective Domain) คอื จดุ ประสงค์การเรียนรทู้ ีเ่ นน้ หนักในดา้ นความสนใจเจตคติ
ค่านยิ ม อารมณแ์ ละความ ประทับใจซึ่งวดั ไดโ้ ดยการสังเกต แต่บางเรื่องก็ไมส่ ามารถสงั เกตไดโ้ ดยตรงการระบุ
พฤติกรรมที่ คาดหัวงให้แก่ผู้เรียนแสดงออกนั้นต้องอาศยัการรวบรวมพฤติกรรมที่ชี้ถึงความรู้สึกเจตคติและ
ค่านิยมของ ตนเองและผู้อื่นแล้วนำไปใช้ในการกำหนดเป็นพฤติกรรมที่คาดหวงั พฤติกรรมตามระดับการ
เรียนร้ดู ้าน จติ พิสยั แบง่ ไว้ 5 ข้ัน

มอดูล : ช่วยในการจดั การเรียนการสอน หน่วยศึกษานเิ ทศก์

ระดบั พฤตกิ รรม ตัวอย่างคำกรยิ าท่ใี ช้

1. การรับรู้ การยอมรบั ความคิด กระบวนการ หรอื เลอื ก ชี้ ติดตาม ยอมรับ

ส่งิ เร้าตา่ ง ๆ

2. การตอบสนอง ความเต็มใจที่จะตอบสนองต่อ ส่ิง อภปิ ราย เลอื ก เขยี นช่ือกำกับ

ท่รี ับรู้

3.การเห็นคณุ ค่าความรสู้ กึ นยิ มพอใจในสิง่ ใด ส่งิ อภปิ ราย รเิ ร่ิม เลอื กแสวงหา ประพฤติตาม นำมาใช้

หนึง่ จนเกดิ การปฏิบตั ติ ามสิ่งท่ีนยิ ม

4.การจดรั ะบบคา่ นยิ ม การนำ เอาคุณค่าต่าง ๆ ที่ จำแนก จัดลำดบั จดั ระเบียบ ผสมผสาน

เกิดจากการเรียนรูม้ าผสมผสานและจดั ระบบเข้า

ด้วยกนั เพอื่ เสริมสรา้ งระบบคุณค่าขนึ้ ภายในตนเอง

5.การกำหนดคุณลกษั ณะการนำคา่ นิยมที่ จัดระบบ สนบั สนนุ ตอ่ ต้าน ใช้เหตุผล แสดงออก ชักชวน

แล้วมาปฏิบตั จิ นเปน็ นิสยั เฉพาะตน

3. ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) คือจุดประสงค์การเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาทักษะ

ทางกายเน้นหนักการวางท่าทางให้ถูกต้อง และเหมาะสมกับการปฏิบัติงานแตล่ ะชนิด สามารถระบุพฤติกรรม

ที่แสดงออกได้จากการตีความทักษะ หรือการปฏิบัติออกมาเป็นพฤติกรรม ซึ่งสังเกตได้จากความถูกต้อง

แมน่ ยำ ความว่องไวคล่องแคล่วและ สม่ำ เสมอ พฤตกิ รรมตามระดบั การเรียนรู้ด้านทกั ษะพสิ ัยแบ่งไว้ 5 ขน้ั

ระดบั พฤติกรรม ตัวอย่างคำกริยาที่ใช้

1.การรบั รรู้ ับรูใ้ นสง่ิ ที่จะต้องปฏบิ ตั ิโดยผ่าน สังเกต รูส้ กึ สัมผสั ตรวจพบ

ประสาทสมั ผสั

2. การเตรียมพรอ้ ม การเตรยี มตวั ใหพ้ ร้อมทาง แสดงทา่ ทาง ต้ังทา่ เขา้ ประจำท่ี

สมอง ทางกายและจิตใจ

3. การปฏิบัติงานโดยอาศัยผู้แนะ/เลยี นแบบ การ เลียนแบบ ทดลอง ฝึกหดั

ทำ ตามตวั อยา่ ง การลองผิดลองถูก

4.การปฏิบัตงิ านไดเ้ อง /คลอ่ ง ปฏบิ ัตไิ ดเ้ องอย่าง สาธิต ผลติ แกไข้ ทำไดส้ ำเร็จด้วยตนเอง ทำงานได้

ถูกต้อง เรยี บรอ้ ย มีประสิทธิภาพ รวดเรว็ ข้ึน

5.การปฏบิ ัติงานด้วยความชำนาญ / ทำงานใหม่ได้ ทำงานดว้ ยความกระฉับกระเฉง จัดระบบ ควบคุม

ปฏิบัตงิ านด้วยความคลอ่ งแคล่วเหมือนอตั โนมัติ การทำงานแนะแนวทาง

สามารถทำงานใหม่ได้

เป็นพฤติกรรมการเรยี นร้ทู บ่ี อกถงึ ความสามารถในกำรปฏิบัตงิ ำนได้อย่ำงคล่องแคลว่ ชำนาญ พฤติกรรมด้านน้ี

จะเห็นได้จำกกำรปฏบิ ัติที่แสดงออกมำใหเ้ ห็น โดยมเี วลาและคณุ ภาพของงำนเปน็ ตัวชีว้ ัดระดบั ของทักษะ

ประกอบดว้ ยพฤติกรรมย่อย ๆ ๕ ระดับ คือ
➢ ๑) การเลยี บแบบ เป็นพฤติกรรมทผ่ี ้เู รยี นรบั ร้หู ลักการปฏิบัติท่ถี ูกตอ้ ง
➢ ๒) การฝกึ ปฏบิ ตั ติ ามแบบ ทำซ้ำ ๆ เพือ่ เกดิ ทักษะ สามารถปฏิบัติงำนไดต้ ำมคำแนะนำ
➢ ๓) การปฏิบตั ิงานไดด้ ว้ ยตนเอง ถกู ต้องตามแบบ โดยไมต่ ้องชีแ้ นะ

มอดลู : ช่วยในการจดั การเรยี นการสอน หนว่ ยศกึ ษานเิ ทศก์

➢ ๔) การปฏิบตั ติ ามรปู แบบอย่างต่อเนื่องและสมำ่ เสมอ สามารถปฏบิ ตั ไิ ด้อย่างรวดเรว็ คลอ่ งแคลว่

และถูกต้อง
➢ ๕) การปฏบิ ัตจิ นเป็นนิสัยและเปน็ ธรรมชาติ สามารถปฏิบัติได้คล่องแคลว่ ว่องไว โดยอัตโนมตั ิเปน็

ธรรมชาติ

การแยกระดบั ของจดุ ประสงค์การเรียนรู้
ในการกำหนดจุดประสงค์การเรยี นรู้โดยทว่ั ไปจะแบง่ เป็น 2 ระดับ คอื

1. จดุ ประสงค์ทว่ั ไป หรอื จดุ ประสงค์ปลายทาง
2. จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรมหรอื จดุ ประสงคน์ ำทาง หรือจุดประสงคเ์ ฉพาะ

1. จุดประสงค์ทั่วไป
จดุ ประสงคท์ ่ัวไปหรือจุดประสงคป์ ลายทางคือจุดประสงค์ที่เปน็ เป้าหมายสำคัญ ที่ม่งุ หวังให้เกดิ ข้ึนกับ

ผเู้ รียนในการเรยี นรแู้ ตล่ ะเร่ืองหรอื แตล่ ะหนว่ ยการเรียนรู้
ลักษณะของจดุ ประสงคท์ ว่ั ไป มดี งั นี้

1) ตอบสนองพฤตกิ รรมสำคัญของจุดหมายหลักสตู ร จุดประสงคส์ าขาวชิ า มาตรฐานวิชาชพี
สาขาวชิ า/สาขางาน จดุ ประสงค์รายวิชาและมาตรฐานรายวชิ า

2) สะทอ้ นคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงคท์ เ่ี ปน็ ผลจากการเรยี นรู้โดยครอบคลมุ ทั้งดา้ นความรู้ความคิด
ความสามารถในการปฏิบตั เิ จตคตแิ ละกจิ นสิ ัยที่พึงประสงค์

3) การเขียนจุดประสงค์ท่ัวไป จะใชคำกิรยิ ากว้าง ๆ โดยเขียนเป็นขอ้ ๆ แต่น้อยข้อครอบคลมุ ส่ิงที่
ต้องการให้เกดิ ข้นึ กับผูเ้ รียนตามคำอธบิ ายรายวิชา เช่น เพอ่ื ให้มีความรู้ความเขา้ ใจ ตระหนัก เหน็ คณุ คา่
สามารถเปน็ ต้น

ประโยคของจดุ ประสงคท์ ว่ั ไป
ประธาน + กรยิ ารวม ๆ + เรอ่ื งที่จัดการเรยี นรู้(หวั ข้อใหญ่ที่1..2..3) + เกณฑก์ วา้ ง ๆ

เชน่ 1 ผู้เรยี น + ประดิษฐ์ + เครอ่ื งแขวนจากเปลือกหอย + ได้
2 ผ้เู รยี น + หา + ปรมิ าตรดนิ ถม + ได้
3 ผเู้ รียน + เขียน + สมการการสมดุล + ได้

2. จุดประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม จดุ ประสงคเ์ ชิงพฤติกรรม หรือจุดประสงค์นำทาง หรอื จุดประสงค์เฉพาะ คือ
จดุ ประสงคท์ ี่ วเิ คราะห์ออกมาจากจดุ ประสงค์ท่วั ไป โดยกำหนดพฤติกรรมสำคัญทคี่ าดหวงั ให้เกิดกับผู้เรียนใน
การ เรียนรแู้ ต่ละหน่วยการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ เปน็ จดุ ประสงคท์ ี่มีความหมายเฉพาะ เจาะจง
บ่งบอกถึงการกระทำของผู้เรียนอย่างชดั เจน ว่าผ้เู รียนสามารถทำอะไรได้บ้าง สามารถสังเกตพฤตกิ รรม
ตรวจสอบได้ เช่น

- บอกชอ่ื สว่ นประกอบของเคร่อื งกลึงไดถ้ ูกต้อง

- อธิบยาหลักกำรทำงานของเครือ่ งมือไดถ้ ูกตอ้ ง

- เขยี นแผนภมู แิ สดงความกวา้ หนา้ ได้

- บำรุงรักษาชนิ้ ส่วนเคร่ืองกลตามหลกั การการใช้งาน

มอดูล : ช่วยในการจัดการเรยี นการสอน หนว่ ยศึกษานิเทศก์

คำกริยาท่ใี ชใ้ นการเขียนจดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม เปน็ คำกรยิ าทสี่ ามารถสังเกตพฤติกรรมได้

ดา้ นความรู้ ( Knowledge - K ) ดา้ นทักษะ ( Skill - S ) ด้านเจตคติ ( Attitude - A )

บอก ช้ี เขียนแบบ ปฏบิ ตั งิ าน ตง้ั ใจฟัง เอาใจใส่
จบั คู่ อ่าน ติดตัง้ อุปกรณ์ ปฏบิ ัตติ าม กระตือรอื ร้น ยอมรับ

สรุป อธบิ าย ระเบียบ เหน็ ประโยชน์ เต็มใจ
ทำตาม ฝึกปฏบิ ัติงาน
เขยี น บรรยาย ข้นั ตอน ปฏบิ ตั ิเปน็ รับผดิ ชอบ
ตรวจสอบ ถอด ประกอบ ประจำ เห็นคุณค่า
เห็น อดทน อดกลน้ั
สาธิต คำนวณ ใชเ้ ครอื่ งมือ ใช้อปุ กรณ์ ความสำคัญ
มีทัศนคติทด่ี ี
ขยายความ บอกความ ตรวจและ ซ่อมบำรงุ
แตกตา่ ง แกไ้ ข ประดิษฐ์ ควบคุมตนเอง แสดงความ
ยกตัวอย่าง อธิบาย สรา้ ง สนใจ
ความหมาย รว่ มมอื เหน็ ดว้ ย
ประยกุ ต์ จดั ระบบ ร่วมกิจกรรม ปฏิบตั ติ รงเวลา
วเิ คราะห์ แก้ปญั หา
เปรียบเทียบ แยกแยะความ
แตกต่าง
ทดสอบ ตรวจสอบ
พิจารณา สังเกต
ตัดสินใจ เลอื ก

ตวั อย่างการเขียนจดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม หน่วยศึกษานิเทศก์
ดา้ นความรู้

-บอกชอื่ เครื่องมือได้ถูกต้อง
-อธิบายหลกั การระบบขนถ่ายวสั ดไุ ด้ถูกต้อง
-เลอื กใช้อปุ กรณ์ไดถ้ ูกต้อง
-เลือกใชช้ ิ้นส่วนเคร่อื งกลในการซ่อมบำรุง
-เลอื กใช้วัสดุได้เหมาะสมกับประเภทของงาน
-เลือกใชโ้ ปรแกรมสำนักงานในการปฏิบัติงานสว่ นหน้าโรงแรม
-เลือกวัสดหุ ล่อล่ืนได้เหมาะสมกับเครื่องจักรกลชนดิ ต่างๆ

มอดูล : ช่วยในการจดั การเรยี นการสอน

-จำแนกชนดิ ของเชื้อเพลงิ
-คำนวณสมรรถนะของเคร่ืองสูบและเครื่องอัดอากาศ
-วิเคราะหแ์ ก้ไขปัญหาข้อขดั ข้องเคร่ืองล่างรถยนต์
-บอกความแตกต่างของไฟฟ้ากระแสตรงกบั กระแสสลับ
-กรอกแบบฟอรม์ การจองห้องพกั ไดถ้ ูกตอ้ ง
ด้านทักษะ
-ใชเ้ ครอ่ื งมือไดถ้ ูกวธิ ี
-บำรุงรักษาจกั รยานยนต์ได้
-ซอ่ มเคร่ืองลำ่ งรถยนตไ์ ด้
-บำรงุ รกั ษาระบบควบคุมเคร่ืองยนต์แกส๊ โซลีนดว้ ยอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ตามคมู่ ือ
-ตรวจซ่อมเคร่ืองยนต์ตามค่มู ือ
-ปรับแตง่ เคร่อื งยนต์ตามคูม่ ือ
-ถอดเกยี ร์อตั โนมัตติ ามคู่มอื
-ตรวจสอบเกียรอ์ ัตโนมัติตามคู่มอื
-บำรงุ รักษาเครอ่ื งกลต้นกำลังตามคูม่ ือ
-จัดโตะ๊ อาหารได้ถูกตอ้ งตามรูปแบบการบรกิ าร
-ผสมเครอ่ื งดื่มตามสตู รท่ีกำหนด
-พมิ พจ์ ดหมายธุรกจิ ได้ถกู ต้องตามรูปแบบ
-ใช้คำส่งั เครอ่ื งมอื ในโปรแกรมเพ่ือจัดการข้อมูลได้ถูกต้อง
-สร้างไฟลก์ ารนำเสนอโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้
ด้านเจตคติ
-ปฏบิ ตั ิงานดว้ ยความประณีต รอบคอบ ประหยดั
-ปฏิบัติงานด้วยความมวี ินยั ตรงต่อเวลา คำนงึ ถึงความปลอดภยั ในการทำงาน
-ทำงานดว้ ยความรอบคอบ ตระหนกั ถึงความปลอดภัย และสง่ิ แวดล้อม
-มีเจตคติท่ดี ีในการสืบคน้ ความร้เู กยี่ วกับเทคโนโลยกี ารผลิต

มอดลู : ชว่ ยในการจดั การเรยี นการสอน หน่วยศกึ ษานเิ ทศก์

การเขียนสรรถนะประจำหนว่ ยการเรียนรู้

ความหมายของสมรรถนะ
สมรรถนะ (Competence) ในความหมายทั่วไป คือ ความสามารถในการปฏิบัติงานโดยใช้ความรู้

ทักษะและเจตคติทบี่ ูรณาการกันอย่างแนบแน่นเพ่ือใหเ้ กิดประสิทธิผลและประสทิ ธภิ าพ

สมรรถนะแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด
1. สมรรถนะการปฏิบัติงาน ( Practical Competence ) เป็นทักษะการเคลื่อนไหวของร่างกายเป็น

หลกั เชน่ การผลิต การประกอบ การซ่อม การสรา้ ง การบริหาร ฯลฯ
2. สมรรถนะทางปัญญา ( Cognitive Competence ) เป็นสมรรถนะของการคิด โดยใช้ทักษะทาง

ปัญญา หรือ ทักษะการคดิ เช่น การแกป้ ัญหา การใชเ้ หตผุ ล การ ถา่ ยทอดและการเรยี นรู้

การเขียนข้อความแสดงสมรรถนะ ข้อความที่เขียนจะต้องอยู่ในรูป กริยา+กรรม +เงื่อนไขหรือสถานการณ์
ซง่ึ ถอื เปน็ หลกั สำคัญการเขียน

สมรรถนะประจำหน่วยการเรียนรู้ เปน็ ความสามารถในการประยกุ ต์ใชค้ วามรู้ ความ เข้าใจ ทกั ษะปฏิบตั ิ และ
ทกั ษะด้านความคิดในการ ปฏบิ ตั ิงานในหน่วยการเรยี นรูน้ นั้ ๆ ใหม้ ีประสิทธิผล
จะเขียนในรูป กริยา+กรรม +เง่ือนไขหรอื สถานการณ์

ตัวอย่างคำกริยาที่ใช้ : งานการจัดการและควบคมุ ดูแล

หนว่ ยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย

ใหค้ ำปรกึ ษา ประเมิน กำหนด ควบคมุ ดำเนนิ การ เปรยี บเทียบ หาคา่ กำหนดค่า ประเมนิ กำหนด

ติดต่อ ประสาน วนิ จิ ฉยั ร่างงาน จดั ตั้ง ระบุ เข้า ประสาน ระบุ ควบคุม ดำเนินการ ตดิ ต่อ รา่ งงาน

ร่วม รา่ งข้อความ เขียน ประมาณคา่ แปลความ ตรวจ

ทำประมาณการ แปลความ ตีความ จัดการ ติดตาม กำกบั ดแู ล เข้าร่วม ปฏิบตั งิ าน ดแู ลรกั ษา

บำรุงรักษา ตรวจติดตาม กำกับดแู ล ปฏบิ ตั งิ าน จัดเตรียม ทำกำหนดการ แสดง

วางแผน จัดเตรยี ม ควบคุมดูแล ทำกำหนดการ

ตวั อยา่ งคำกริยาท่ีใช้ : งานจัดการระบบสารสนเทศ

หนว่ ยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย

วิเคราะห์ ตรวจสอบ คำนวณ ตรวจ เชก็ รวบรวม คำนวณ ตรวจเชก็ ตรวจสอบ วัด ดำเนินการ นบั

เรยี บเรียง วินิจฉัย ทำบัญชรี ายการ กำหนด หา รวบรวม จัดหา หาสาเหตุ กำหนด พิสจู น์ รบั รอง

จดั หา สังเกตการณ์ พสิ ูจน์ รับรอง ทบทวน ทำใหใ้ ช้ ทบทวน ทำใหใ้ ช้ได้ ทวนสอบ

การได้ ทวนสอบ ให้คำปรึกษา

ตวั อยา่ งคำกรยิ าที่ใช้ : งานพิจารณาตัดสนิ ใจ สมรรถนะย่อย
หนว่ ยสมรรถนะ

มอดลู : ช่วยในการจดั การเรียนการสอน หนว่ ยศกึ ษานิเทศก์

อนุมตั ิ รับรอง เปรยี บเทยี บ ตัดสนิ หาคา่ กำหนดคา่ เปรยี บเทียบ ดำเนินการ ตัดสิน หาค่า กำหนดคา่

ประมาณคา่ ประเมนิ คา่ พจิ ารณาตดั สนิ เทยี บส่วน ประมาณค่า เทียบส่วน เทียบคณุ ค่า ทดสอบ

เทยี บคุณค่า ทดสอบ

ตัวอยา่ งคำกรยิ าทใ่ี ช้ : งานผลติ และการควบคุม

หน่วยสมรรถนะ สมรรถนะย่อย

ใช้ จัด จดั เรียง ติด ประกอบ ออกแบบ เขยี นแบบ ใช้ จดั จัดเรยี ง ตดิ เขยี นแบบ ถอด ประกอบ ถอด

พัฒนา ถอด ประกอบ ถอดแยก จำหน่าย จ่าย ตดั แยก จ่าย จำหน่าย ตัดต่อ ตรวจแกไ้ ข จัดแฟ้ม

ต่อ ตรวจแกไ้ ข ปรับฟิต ซอ่ ม ติดตั้ง เจียระไน ช้แี จง ประกอบ ปรบั ฟิต เจยี ระไน ช้ีแจง สอน บรรจุ ทำ

สอน ใส่ บรรจุ ทำ ผลิต สร้าง ถอด ย้าย บำรงุ รักษา ดำเนินการ รับรองยนื ยนั ถอด ยา้ ย ใส่ ใสแ่ ทน

เปล่ยี น เลอื ก ปรบั ต้ัง คดั แยก พมิ พ์ เชือ่ ม เขียน เปลย่ี น ทำกำหนดการ เลอื ก บดั กรี จัดต้ัง ปรบั แตง่

คัดลอก คัดแยก ส่งมอบ คดั ลอก พิมพ์ เชือ่ ม เขียน

ตวั อย่างคำกริยาท่ใี ช้
“ใชภ้ าษาอังกฤษ ในการทักทายและแนะนำตวั ”
“จดั แสดง สนิ คา้ ตามหลักการโฆษณา”
“บนั ทึกรายการในสมดุ รายวัน ตามหลักบัญชีชั้นต้น”
“ตกแต่ง ชน้ิ งาน และจัดสง่ มอบตามกำหนดเวลา”
“ถอด ประกอบ เคร่ืองคอมพิวเตอรต์ ามคู่มอื ”
“คำนวณ หาคา่ ร้อยละ ตามหลักวิธีการ”
“คำนวณ หาค่าตา่ ง ๆ ในงานเช่อื มโลหะและงานทางกล”
“ถอดเปล่ียน เพลาขบั ของเครอ่ื งยนตข์ บั เคล่อื นสีล่ ้อ”
“เชือ่ ม ชนิ้ งานโลหะแบบต่อชนท่าข้ามศรี ษะ”
“บัดกรชี ิ้นสว่ นอเิ ล็กทรอนิกส์บนแผ่นวงจรพิมพ์”
“แสดง ความรู้เกี่ยวกบั การใช้โปรแกรมฐานข้อมูล”
“ใช้หลักอุปสงคอ์ ุปทาน เพื่อการตดั สินใจ”
“ซอ่ ม มอเตอรไ์ ฟฟ้า ตามหลักวธิ ีการ”
“ตรวจสอบ เกลียว ด้วยเกจวัดเกลียว”
“เลือกใช้ เคร่ืองมอื และวัสดใุ นการทำเกลียวในแบบทะลุ”
“ประกอบ ทดสอบ วงจรและอุปกรณ์ไฟฟ้าอเิ ล็กทรอนิกส์เบ้อื งตน้ ”
“กำหนด มาตรฐานคณุ ภาพและผลผลิต ในองค์กร”

ใหผ้ ู้เข้ารบั การอบรมทำกจิ กรรมท่ี ๒
การเขยี นจดุ ประสงค์ และสมรรถนะ

มอดลู : ชว่ ยในการจัดการเรยี นการสอน หน่วยศึกษานิเทศก์


Click to View FlipBook Version