The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ประเพณีที่ควรรักษา อนุรักษ์ เพื่อ คนรุ่นหลัง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by noey180245, 2022-07-26 00:24:47

ประเพณีรำพาข้าวสาร

ประเพณีที่ควรรักษา อนุรักษ์ เพื่อ คนรุ่นหลัง

ประเพณี



รำพาข้าวสาร



สารบัญ A
1
คำนำ 2
3
ประวัติความเป็นมา 5
B
ความหมาย


ช่วงเวลาในการจัดงาน

การอนุรักษ์วัฒนธรรม

บรรณานุกรม

ประเพณีรำพาข้าวสาร

เกิดจากความฉลาดของคนในอดีตที่ตั้งบ้าน
เรือนอยู่ริมฝั่ งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ได้นำวิถีชีวิตที่
ผูกพันกับแม่น้ำ นำมาเชื่อมโยงกับเรื่องราวทาง
พระพุ ทธศาสนาได้อย่างลงตัวจนก่อให้เกิดเป็ น
ประเพณีที่ทรงคุณค่า เรียกว่า......... "ประเพณีรำพา
ข้าวสาร" คำว่า "รำพา" หมายความว่า การชักชวน
เชิญชวน การรำพาข้าวสาร หมายถึง การเชิญ
ชวนท่านผู้ที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญ การเชิญชวน
ท่านผู้ที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญ ด้วยการรำพา
ข้าวสารนั้นก็หมายถึงการร้องรำพาด้วยถ้อยคำ
สำเนียงเสียงภาษาที่ไพเราะ เสนาะต่อผู้ที่ได้ฟั ง จน
เกิดศรัทธาและร่วมบริจาคสิ่งของต่าง ๆ ร่วม
ทำบุญ

A

ป ร ะ วั ติ ค ว า ม เ ป็ น ม า

ประวัติความเป็นมา รำพาข้าวสาร เป็นประเพณีของชาวปทุมธานีที่มีมาตั้งแต่สมัย
ตันรัชกาลที่ 3 คือ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
และทำกันมาทุกปี จุดเริ่มต้นเกิดที่วัดแจ้ง ตำบลสามโคก จังหวัดปทุมธานี ในปี
พ.ศ. 2310 กรุงศรีอยุธยาเสียให้แก่พม่า เจ้าน้อยระนาดธิดาเจ้าสัวสุ่นได้ลงเรือ
หนีทัพพม่ามากับพวกตามลำน้ำเจ้าพระยาในเวลากลางคืน จนมาสว่างที่อำเภอ
สามโคก ตรงกับวัดแจ้งเวลานี้ และได้พักผ่อนที่นั่น กล่าวกันว่า ได้เจอดินกลาย
เป็นทองตรงวัดแจ้ง จึงตั้งใจว่าเมื่อตั้งหลักฐานมั่นคงแล้วจะมาสร้างวัดที่นี่ ต่อมา
เจ้าน้อยระนาด (ตีระนาดเก่งมาก) ได้เป็นเจ้าจอมของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศ
หล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 และมีพระราชโอรสซึ่งเกิดในเจ้าจอมมารดาน้อยระนาดคือ
พระองค์เจ้าชายกลาง ต่อมาในรัชกาลที่ 4 พระองค์กลางได้ทรงกรมเป็นที่กรม
หลวงเทเวศร์วัชรินทร์ และในรัชกาลที่ 5 ได้เลื่อนเป็นกรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ และ
สิ้นพระชนม์เมื่อพระชนมายุได้ 73 พรรษา ทรงเป็นต้นสกุลวัชรีวงศ์ เข้าใจว่าสกุล

นี้จะมาสร้างวัดแจ้ง
กรมพระเทเวศร์วัชรินทร์ มีโอรส คือ พระวรวงศ์เจ้าวัชริวงศ์ (พระองค์เจ้าขาว) ได้
มาบูรณะวัดแจ้งทุกปี และพระองค์เป็นผู้ริเริ่มให้มีการรำพาข้าวสารขึ้น เพื่อนำไป
ถวายพระให้เป็นทุนในการปฏิสังขรณ์วัดต่อไป การที่พระองค์เป็นผู้ริเริ่มขึ้น ฉะนั้น
ในการร้องเพลงรำพาข้าวสารจึงเริ่มต้นด้วยชื่อ ของท่านซึ่งเป็นการแสดงความ

คารวะต่อพระองค์ท่าน โดยขึ้นต้นเพลงว่า “เจ้าขาวลาวละลอกเอย…” เป็นต้น
ประเพณีการรำพาข้าวสารนี้ ชาวนนทบุรีก็นำไปใช้ด้วยเช่นกัน แต่จะเรียกว่า “รำพา

ข้าวสารพระองค์เจ้าขาว…”





1

ความหมาย

"ประเพณีรำพาข้าวสาร" คำว่า "รำพา" หมายความว่า การ
ชักชวน เชิญชวน การรำพาข้าวสาร หมายถึง การเชิญชวน
ท่านผู้ที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญ การเชิญชวนท่านผู้ที่มี
จิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญ ด้วยการรำพาข้าวสารนั้นก็หมาย
ถึงการร้องรำพาด้วยถ้อยคำสำเนียงเสียงภาษาที่ไพเราะ
เสนาะต่อผู้ที่ได้ฟัง จนเกิดศรัทธาและร่วมบริจาคสิ่งของ

ต่าง ๆ ร่วมทำบุญ

2

ช่วงเวลาจัดงานประเพณี

การรำพาข้าวสาร จะจัดทำขึ้นหลังวันออกพรรษา

ช่วงเขตกฐิน (วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ - วันขึ้น ๑๕

ค่ำ เดือน ๑๒) ในเวลากลางคืนระหว่างเวลา ๑ ทุ่ม

ถึงเที่ยงคืน ประเพณีรำพาข้าวสาร ผูกติดอยู่กับ

ประเพณีตักบาตรพระร้อยของชาวจังหวัด

ปทุมธานี โดยเมื่อถึงวันออกพรรษาก่อนจะถึงวัน

เทศกาลตั้งบาตรพระร้อย ชาวไทยรามัญชาย –

หญิง ทั้งคนหนุ่มคนแก่คณะหนึ่งลงเรือลำใหญ่

เรียกว่า เรือเจ้าขาว หัวเรือจุดตะเกียงให้แสงสว่าง

ในเรือมีกระบุง กระสอบสำหรับใส่ข้าวสารและ

สิ่งของอื่น ๆ เครื่องดนตรี ได้แก่ ซอ จะเข้ ขลุ่ย ฉิ่ง

กลอง (เปิ งมาง) ต่อมาเพิ่มระนาด บรรเลงประกอบ

การร้อง จัดให้คนแก่คนหนึ่งแต่งกายนุ่งขาวห่ม

ขาวเป็ นประธานนั่งกลางลำเรือ ส่วนคนอื่นจะแต่ง

อย่างไรก็ได้ช่วยกันพายเรือไปตามบ้านทั่วไป พอถึง

จอดเรือที่หัวบันไดบ้านแล้วร้องเพลงิเป็ นทำนองบุ

อกบุญเชิญชวนให้ทำบุญร่วมกัน เมื่อเจ้าของบ้าน

ได้ยินเพลง ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็ นการมาบอกบุญเพื่อ

รวบรวมข้าวสาร สิ่งของต่าง ๆ เพื่อนำไปทอด

กฐิน ก็จะรีบนำลงมาให้ที่เรือพร้อมยกมือไหว้

เป็ นการอนุโมทนาด้วย คณะเรือเจ้าขาวก็จะร้อง

เพลงให้พรเจ้าของบ้าน แล้วจึงพายเรือไปยังบ้าน

อื่น ๆ ต่อไป การรำพาข้าวสาร ก็เริ่มจาก พวกเราจะนำกลอง

ฉิ่ง ฉับ กรับ โหม่ง ลงไปในเรือ แล้วก็พายไปตาม

ลำคลอง เพราะบ้านเรือนของประชาชนในย่านนี้

ส่วนใหญ่ก็จะปลูกอยู่ริมน้ำตามแบบโบราณ

โดยคณะรำพาข้าวสาร มีทั้งชายและหญิง

ประมาณ 10 กว่าคน จะลงเรือแล้วพายไปตาม

ลำคลอง ลัดเลาะไปจอดตามบ้านเรือนในตอนค่ำ

ภายในเรือมีกระบุง หรือกระสอบใส่ข้าวสาร มีคน

แก่คนหนึ่งนุ่งขาวห่มขาว นั่งกลางลำเรือเป็ น

ประธาน โดยไม่ต้องทำอะไรเลย ส่วนคนอื่นๆ

ช่วยกันพายเรือ และแต่งกายตามสบายหรือแล้ว

แต่จะตกลงกัน ทุกคนนั่งริมกราบเรือ เพื่อช่วย

กันพายและมีคนคัดท้ายที่เรียกว่า “ถือท้ายเรือ”

หนึ่งคน

เหมือนกับแข่งเรือ แต่เราพายเรือไปตามบ้านที่เรือ

จอดถึงหัวบันไดบ้านได้ ตลอดทางที่เราพายเพื่อ

3กันไป ก็จะร้องรำทำเพลงกันให้สนุกสนาน

เมื่อเรือจอดที่หัวบันไดบ้านแล้ว ก็จะร้องเพลงเพื่อ
เรียกเจ้าของบ้าน ที่อาจจะนอนหลับ หรือไม่หลับให้มา

ช่วยกำทำบุญ
โดยมีต้นเสียงหรือแม่เพลงขึ้นนำว่า
“เจ้าขาว ลาวละลอกเอย มาหอมดอก ดอกเอ๋ยลำไย
แม่เจ้าประคุณพี่เอาผลบุญมาให้” จากนั้นทุกคนก็จะ

ร้องรับ
พร้อมๆ กันว่า “เอ่ เอ เอ้ หลา เอ่ หล่า ขาว เอย”แล้วก็
ร้องไปเรื่อยๆ เป็ นทำนองเชิญชวนให้ทำบุญร่วมกัน
ร้องไปเรื่อยจะเป็ นดอกอะไรก็ได้จนกว่าเจ้าของบ้านจะ
ตื่น เมื่อเจ้าของบ้านได้ยินเสียงเพลง ก็จะรู้ทันทีว่ามา
เรี่ยไรข้าวสารเพื่ อจะนำไปทำบุญต้มข้าวต้มเลี้ยงพระ
เจ้าของบ้านก็จะร่วมทำบุญโดยเอาขันตักข้าวสารลง

มาให้ที่เรือของพวกเรา ซึ่งก็จะพูดคุยกันเป็ นการ
อนุโมทนาด้วยเมื่อคณะรำพาข้าวสารได้รับบริจาค
แล้วก็จะให้ศีลให้พรเป็ นเพลงให้เจ้าของบ้านอยู่เย็น

เป็ นสุข และทำมา ค้าขึ้น
ทำบุญ ไม่เสียข้าวสุกแล้วเอยยย..

พวกลูกแก้ว เอ้ยย จะให้พร
ให้แม่มีสุขเลิศล้น…นะนะนแม่ขนตางอน….

คิดข้าวขอให้ข้าวกองเอยยยย
ถ้าแม่คิดทอง เอ้ยย ขอให้ทองนี้เกิด
ทองเอ้ยย ทองคำ..ละแม่กรวตน้ำเอาไปเถิด

.เอลา เอ้ลา เอหล่า ขาวเอยย
ถ้ามีลูกหญิง ขอให้สืบสายเอยย
ถ้าแม่มีลูกชาย ขอให้ถือสมุท
ให้เขาลือละเลื่องไปทั่วทั้งเมืองมนุษย์..เอยยย
เอลเอ้ลา เอหล่า ขาวววเอยยยยยยยยย…….
เมื่อร้องเพลงให้พรเสร็จแล้วก็พายเรือไปบ้านอื่นต่อ

ไป




การรำพาข้าวสารจะเริ่มตั้งแต่ ๑๙.๐๐ น.เรื่อยไปจนสว่าง จึงเลิกแล้วพากันกลับบ้าน และในคืนต่อไป
คณะรำพาข้าวสารก็จะพายเรือไปขอรับบริจาคที่ตำบลอื่นต่อไปจนกระทั่งเห็นว่าข้าวของที่ ได้มา
พอที่จะทำบุญเลี้ยงพระได้ทั้งวัดแล้วแล้วจึงยุติการรำพาข้าวสาร





4

การอนุรักษ์วัฒนธรรม

ปัจจุบันประเพณีรำพาข้าวสารของชาวจังหวัดปทุมธานีได้เลิก
มาประมาณ 30 กว่าปีแล้วเนื่องมาจากมีพวกมิจฉาชีพปลอมตัว
เป็นคณะรำพาข้าวสารปล้นจี้ชาวบ้าน ทำให้เกิดความเดือดร้อน
วุ่นวายเมื่อชาวบ้านได้ยินเพลงรำพาข้าวสารต่างก็กลัวจนขวัญหนี
ดีฝ่อ ไม่กล้าออกมาทำบุญ

ทางจังหวัดปทุมธานีได้เตรียมวางโครงการอนุรักษ์และฟื้ นฟู
ประเพณีเก่าๆ ขึ้นมาใหม่ทั้งนี้เพื่อให้ประเพณีที่ดีงามและมีคุณค่า
เหล่านั้นได้คงอยู่ต่อไปเป็นสมบัติของชาติ

5

บรรณานุกรม

B

อ้างอิงเนื้อหา / รูปภาพ

1). จังหวัดปทุมธานี.ประเพณีรำพาข้าวสาร,สืบค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม 2562.
จาก.https://www.stou.ac.th/offices/rdec/nakornnayok/main/online
exhibitions/Phatum/P.html

2). พนอ ชมภูศรี(นักข่าวประจำจังหวัด - ปทุมธานี). (2018). ปทุมธานี รำพา
ข้าวสาร ประเพณีแต่โบราณ…ที่นับวันจะเลือนหาย,สืบค้นเมื่อ 15 กรกฎาคม
2562. จาก. https://www.77kaoded.com/news/panor-
chompusri/197552

3). ประเพณีรำพาข้าวสาร.(2555),สืบค้นเมื่อ 20 กรกฎาคม 2562. จาก.
https://www.hoteldirect.in.th/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%
A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5/%E0%B8%9B%E0%B8%
97%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%9
9%E0%B8%B5/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%8
0%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B3
%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2
%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html


Click to View FlipBook Version