รายงาน
การบำรุงรักษาระบบไฟฟา้ อาคารสงู
กรณีศึกษา อาคารไอดโี อ โมบิ สุขมุ วทิ 66
เสนอ
ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. กุณฑล ทองศรี
จดั ทำโดย
นายปภังกร ปัณณาวิชย์ รหสั 640407300853
นายศราวุฒิ พุฒภา รหสั 640407300969
สบิ เอกวัชรนิ ทร์ หวน่ั ใจ รหัส 640407300989
นายกฤษณ์ น่มิ สุข รหสั 640407301111
นายปญั ญา ระไพเพดิ รหัส 640407301292
นายปวรเวช วันทะมาศ รหัส 640407301292
นายธนากร ฝั้นแก้ว รหัส 640407301430
นายธนภัทร สารมโน รหสั 640407301503
นางสาวรตั นาภรณ์ พัฒนาภรณ์ รหัส 640407301522
............................................................................................................................. .....
รายงานฉบบั น้เี ป็นส่วนหน่ึงของรายวชิ า ทอ. 375 เทคโนโลยีวศิ วกรรมการซ่อมบำรงุ
หอ้ งเรยี น IET 19/2 สาขาวิชาเทคโนโลยีวศิ วกรรมอุดสาหการ
คณะวศิ วกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษมบณั ฑิต
ภาคเรยี นที่ 2 ปีการศึกษา 2564
คำนำ
รายงานฉนบั นี้จัดทำขนึ้ เพื่อเป็นสว่ นหนึ่งของรายวิชารายวชิ าทอ. 375 เทคโนโลยีวิศวกรรมการซ่อม
บำรุง เพื่อให้ได้ศึกษาหาความรู้ในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงรักษาเครื่องจักรในอุตสาหกรรม
กรณศี ึกษา อาคารไอดโี อ โมบิ สุขุมวทิ 66 และได้ศึกษาอยา่ งเขา้ ใจเพื่อประโยชนก์ ับการเรียน
คณะผ้จู ดั ทำหวงั วา่ รายงานฉบับนีจ้ ะเป็นประโยชนก์ ับผอู้ า่ นหรือนกั เรียน นักศึกษา ท่ีกำลังศึกษาหา
ข้อมูลเร่ืองน้ีอยู่ หากมีข้อแนะนำหรอื ข้อผดิ พลาดประการใด ผู้จดั ทำขอน้อมรับไวแ้ ละขออภัยมา ณ ที่นดี้ ว้ ย
คณะผ้จู ัดทำ
สารบญั หนา้
เรื่อง
บทที่ 1 บทนำ 1
3
1.1 ความเปน็ มาของการบำรุงรักษา 5
1.2 ความหมายการบำรุงรกั ษา
1.3 วัตถุประสงคข์ องการบำรุงรักษา 6
บทที่ 2 ทฤษฎีท่เี กยี่ วขอ้ ง 6
2.1 ประเภทของการบำรุงรักษา 7
2.2 จุดมุ่งหมายของการบำรงุ รกั ษา
2.3 ชนิดระบบในงานบำรงุ รกั ษา 15
บทท่ี 3 การดำเนนิ งาน 16
3.1 ข้อมูลเบ้ืองต้น 19
3.2 กรณีศึกษา
3.3 แผนผงั ระบบไฟฟ้าอาคาร 20
บทที่ 4 ผลการเพ่ิมประสิทธิภาพ 26
4.1 ภาพการบำรุงรกั ษาระบบไฟฟ้าอาคาร
4.2 การควบคมุ อะไหล่ของอุปกรณไ์ ฟฟา้ ภายในอาคาร 27
บทท่ี 5 สรุปและข้อเสนอแนะ 28
5.1 สรปุ ผลวิจัย 29
5.2 ขอ้ เสนอแนะ
บรรณานุกรม
1
บทที่1
บทนำ
1.1 ความเป็นมาของการบำรงุ รกั ษา
มนุษย์เราเริ่มรู้จักการบำรุงรักษา เมื่อเจริญเติบโตขึ้น จนกระทั่งเริ่มช่วยเหลือ ตนเองได้ใช้อุปกรณ์
เครอ่ื งมอื ทำความสะอาดร่างกายประจำวนั เปน็ เช่น แปรงสฟี นั หวี ขนั น้ำ แก้วน้ำ กลอ่ งสบู่ ฯลฯ ซ่ึงอุปกรณ์
ตา่ ง ๆ เหล่านีจ้ ำเปน็ ต้องใช้เปน็ ประจำทกุ วนั จึงต้องมีการจดั เก็บ ทำความสะอาด ให้มคี วามพร้อมใช้งานอยู่
เสมอไม่เชน่ นัน้ ต้องค้นหาและจัดเตรียมกนั ใหม่อย่เู รื่อยหรือการท่เี ราไปหาหมอตรวจสุขภาพประจำปีก็เพ่ือให้
รู้ว่าสภาพร่างกายของเราปัจจุบันนี้ยังคงปกติอยูห่ รือไม่ มีสมรรถนะความพร้อมของร่างกายดีอยู่ หรือเปล่า
ซ่ึงเราเรยี กกนั ว่า การตรวจเชค็ เพื่อการรกั ษาสุขภาพทดี่ ใี ห้คงอยู่กบั ตัวเราไว้น่ันเอง
ในการปฏิบัติงาน การใช้อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร เป็นปัจจัยสำคัญ 1 ใน 4 อย่าง(4M ซึ่งประกอบดว้ ย
คน เคร่ืองจกั ร วัตถดุ บิ และวธิ ีการ) ของการทำงานเพ่ือให้ไดผ้ ลผลิตออกมาดี ตามความตอ้ งการ สมรรถนะ
ความพร้อมในการใช้งานของ อุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร จึงมีความจำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาอยู่
ตลอดเวลา เพราะถา้ เคร่อื งมือบกพร่องหรือใชไ้ ม่ไดน้ น่ั ก็คือองค์ ประกอบในการทำงานไม่สมบรู ณห์ รือไม่ครบ
ผลผลิตกจ็ ะไมส่ ามารถผลติ ออกมาได้หรอื ไดก้ ็ไมด่ ี
การบำรงุ รักษาทด่ี ี เมือ่ มีการใชง้ านอุปกรณ์ แล้วกจ็ ะต้องทำความสะอาด ตรวจสอบสภาพหลงั การใช้งานคืน
สภาพให้มคี วามพร้อมในการใช้งานตลอดเวลา และจดั เก็บใหเ้ ป็นระเบียบด้วย แตใ่ นทางปฏบิ ัติจริง ผู้คนส่วน
ใหญ่มักไม่ปฏิบัติตามน้ี ทั้งงานส่วนตัว เช่น บ้านพักอาศัย รถยนต์ หรืออุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้
สว่ นตัว และงานสว่ นรวมเชน่ สถานท่ีราชการ อาคาร บรษิ ทั โรงงาน เครือ่ งจักรจึงทำให้เกิดสภาพไม่พร้อม
ใชง้ านเกดิ ขน้ึ กนั บ่อยๆ
การแก้ไขปัญหาสภาพไม่พร้อมใช้งานของอุปกรณ์ เครื่องมือ เครื่องจักร ซึ่งเป็นเครื่องใช้ส่วนตัวเมื่อเกิด
เหตุขัดข้อง หรือผิดปกติจากสภาพการใช้งานเดิมที่เคยใช้อยู่ซึ่งมีหลายลักษณะเช่น ใช้งานไม่ได้เลยซึ่งเรา
เรียกว่าเสยี ใช้ได้บา้ งไม่ไดบ้ ้างซ่ึงเราเรียกว่า เดนิ ๆ หยุด ๆ หรือการหยดุ ชะงัก ใชไ้ ด้เพยี งบางหน้าที่เท่าน้ัน
ทำงานไม่เต็มความสามรถที่กำหนดไว้ ใช้งานได้แต่คุณภาพของงาน ไม่สม่ำเสมอดีบ้าง เสียบ้าง ใช้ได้แต่ช้า
กวา่ เดมิ มาก
การซ่อมอุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องใช้หรือ เครื่องจักร ซึ่งเป็นของใช้ส่วนตัว ของใช้ประจำบ้านเมื่อเกิด
เหตุขัดขอ้ ง หรอื ผดิ ปกติเกิดข้ึนแลว้ เชน่ เครอ่ื งใช้ไฟฟ้าภายในบ้านเครื่องมืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง
ๆ แม้แต่จักรยาน จักรยายนต์ รถยนต์ก็เช่นเดียวกัน เครื่องใช้ประจำบ้านส่วนใหญ่ จะใช้วิธีการซ่อม แบบ
เสยี แล้วจงึ ซ่อม (Break down) เช่นหลอดไฟฟ้า วิทยุ โทรทัศน์ หม้อหงุ ขา้ วไฟฟ้า นาฬิกา ไมโครเวฟ พัดลม
แอร์ คอมพิวเตอร์ เครื่องเขียน โทรศัพท์ ฯลฯ ไม่มีใครใช้วิธีซ่อมก่อนเสีย (Preventive) เหมือนกับรถยนต์
เพราะรถยนตถ์ า้ ปล่อย ใหร้ ถถงึ กบั เสีย วงิ่ ไม่ไดก้ ็จะตอ้ งเดนิ กันไปทำงานเลยทีเดยี ว
2
แต่ของใช้ส่วนรวม อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ เครื่องจักร ในบริษัทหรือโรงงานเราจะใช้วิธีการซ่อมแบบ
เครื่องใช้ประจำบ้านไม้ได้เพราะในระหว่างการปฏิบัติงานอยู่ ถ้าหากเครื่องมือเครื่องใช้ เกิดเหตุขัดข้องใช้
งานไม่ได้หรอื สภาพไม่พร้อมใช้งาน น่นั กค็ ือปฏิบตั งิ านไมไ่ ด้นั่นเอง จะไม่มีผลผลติ หรือบริการออกมา ซ่ึงไม่ได้
หมายความว่าจะเป็นเฉพาะบุคคลหรือหน่วยงานเดียวเท่านั้น แต่มันเชื่อมโยงกันทั้งองค์การ เพราะงานมัน
ตอ่ เนื่องกัน ตัวอยา่ ง เชน่ ถา้ เคร่อื งจักรเสียชว่ งใด ช่วงหนงึ่ ของกระบวนการ ก็ไม่มีผลผลิตหรอื บรกิ ารออกมา
เลย มันสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อองค์กรหรือโรงงาน ดังนั้น จึงมีแนวคิดซ่อมก่อนเสียเกิดขึ้น ใน
สถานที่ทำงาน อาคาร โรงงาน ซึ่งต่อมาเราเรียกกันว่า การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน ( Preventive
maintenance ) นั่นเอง
ทำไมเมื่อมีการบำรุงรกั ษา เชิงป้องกันแลว้ รถยนต์ ยังเสียหายระหว่างการใช้งานอยเู่ ลย ผูท้ ่ขี บั รถไปทำงาน ใช้
รถมานาน ๆ ก็จะเข้าใจได้ดี ว่าเราดูแลบำรุงรักษารถ ตามกำหนดระยะเวลาที่บริษัทผู้ผลิตกำหนดมาให้เป็น
ประจำ นำรถไปเข้าศูนย์บริการตรวจเช็กตามระยะทางและซ่อมเชิงป้องกันด้วยการเปลี่ยนอะไหล่ก่อน การ
ชำรุดเสียหายจะเกิดขึ้นทกุ ครั้งยอมเสียคา่ ใช้จ่ายมากมาย แต่รถยนต์ก็ยังมีปัญหา ในระหว่างการใช้งาน เสีย
ระหวา่ งการเดนิ ทาง เช่น เครอื่ งยนตข์ ัดขอ้ ง แบตเตอรไ่ี ฟหมด ระบบสง่ กำลัง เกียร์ เพลา คลชั ขัดข้อง ยาง
รวั่ ซึม แตก ระบบเบรก ศูนยล์ ้อ น้ำหล่อเยน็ หมอ้ นำ้ ตัน แอร์เสยี ฯลฯ ทำไมเกดิ เหตุการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ข้ึน
การบำรงุ รักษาเชงิ ป้องกัน ที่ทำไปชว่ ยอะไรไมไ่ ดเ้ ลยหรอื
เครอ่ื งจกั รในโรงงานก็ เช่นเดยี วกนั ทำไมจึงยังมีการเสียหายระหว่างทำการผลิต (Beak down) ทั้ง ๆ น้ีมีการ
บำรงุ รกั ษาเชิงปอ้ งกัน กนั อย่างดี บางโรงงานเคร่ืองจกั รยังใหม่อยู่เลย บางโรงงานเพ่ิงจะซ่อมไปเมื่อสัปดาห์ท่ี
ผ่านมานี่เอง บางโรงงานโชคดีหน่อย 6 เดือนแล้วเครื่องจักรยังไม่เสียเลย ทำไมจึงไม่มีความแน่นอนเลย ทุก
วันน้ีทำงานอยบู่ นความเส่ียงตลอดเวลา ถา้ วันไหนเคร่ืองจักรเสีย คนงานก็จะไม่มีอะไรทำ น่ังรอนอนรอกัน
ว่าเมื่อไร ช่างจะซ่อมเสร็จ สินค้าก็ส่งลูกค้าไม่ได้ รายได้ก็ไม่มีแต่ก็ต้องจ่ายค่าแรง ให้คนงานเต็มวัน ความ
เสียหายที่เกิดขึ้นมองเห็นได้ทันที ด้วยเหตุนี้กระมังผู้บริหารโรงงานจึงอยู่เฉยไม่ได้ พยายามหาวิธีดูแล
เครื่องจักร ไม่ยอมให้เครื่องจักรเสียหาย ระหว่างการผลิต เพราะรู้ฤทธิ์ เดชของ Break down ดี มีวิธีการ
หน่งึ ท่ีโรงงานหลายแห่งค้นพบ และนำไปทดลองใช้ จนประสบผลสำเรจ็ มาแล้ว หลายโรงงานแต่เป็นกิจกรรม
สไตลญ์ ่ปี ่นุ
ประเทศญี่ปุ่นนำระบบการบำรุงรักษาเชิงป้องกัน( Preventive Maintenance : PM ) มาจากประเทศ
สหรัฐอเมริกาพร้อมๆกับการเจริญเติบโตของอุตสาหกรรมกระบวนการซึ่งจะใช้งานเครื่องจักรเป็น
หลกั PM จงึ มีบทบาทสำคญั ย่งิ ตอ่ การเพม่ิ ขน้ึ ของคณุ ภาพและผลผลติ ของผลติ ภณั ฑ์
ต่อมาเมื่อมีความต้องการลดแรงงานในอุตสาหกรรมประกอบและแปรรูปจึงได้มีการใช้เครื่องจักรทดแทน
คนงานมากขึ้นนั่นคือทำให้มีการพัฒนาเครื่องจักรเป็นระบบอัตโนมัติและมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นจนเป็น
หุ่นยนต์ (ROBOT) ทำให้มีความสนใจพัฒนา PM เพิ่มขึ้นโดยให้มีลักษณะเฉพาะในสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งเรียกกัน
3
ว่า การบำรงุ รักษาทวีผลที่ทุกคนมสี ่วนร่วม ( TOTAL PRODUCTIVE MAINTENANCE ) หรอื เรียกกนั ง่าย ๆ
ว่า TPM
1.2 ความหมายการบำรงุ รกั ษา
การบำรุงรักษา (Maintenance) หมายถึง :“การพยายามรักษาสภาพของเครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ ให้มี
สภาพทีพ่ ร้อมจะใช้งานอยตู่ ลอดเวลา”
การบำรงุ รักษานนั้ ครอบคลุมไปถึงการซ่อมแซมแซม (Repair) เครือ่ งดว้ ย ในงานบรหิ ารการผลิตหรือ
การบริการ มักจะหลีกเลี่ยงงานเพิ่มเติมที่สำคัญงานหนึ่งคือ การซ่อมและบำรุงรักษา ไปไม่ได้ ถึงแม้ว่างาน
ซ่อมและบำรุงรักษาไม่ใช่งานผลิตโดยตรง แต่งานซ่อมและบำรุงรักษาก็มีบทบาทช่วยให้การผลิตและการ
บรกิ ารขององค์กรนน้ั เป็นไปอย่างราบร่ืน โดยเฉพาะอย่างยงิ่ ในโลกปจั จุบนั ที่การผลติ และการบริการจำเป็นที่
จะตอ้ งอาศยั อปุ กรณ์และเครื่องจักรมากขึน้ การทีเ่ คร่ืองจกั รเกิดขัดข้องข้ึนมากะทนั หนั หรอื ไมส่ ามารถใช้งาน
ได้ จะทำให้มผี ลกระทบโดยตรงต่อประสทิ ธิภาพการผลิตและการบริการน้นั ๆ การทจี่ ะได้มาซ่ึงเคร่ืองจักรที่มี
คุณภาพน้ัน ต้องประกอบดว้ ย
(1) มีการออกแบบที่ดีและตรงตามความประสงค์ต่อการใช้งาน มีความเที่ยงตรงแม่นยำ รวมทั้ง สามารถ
ทำงานไดเ้ ตม็ กำลงั ความสามารถทีอ่ อกแบบไว้
(2) มกี ารผลิต (หรือสรา้ ง) ท่ีใหค้ วามแข็งแรงทนทาน สามารถทำงานไดน้ านที่สุด และ ตลอดเวลา
(3) มกี ารติดตัง้ ในสถานทีท่ ่ีเหมาะสมและสะดวกต่อการใช้งาน
(4) มีการใชเ้ ปน็ ไปตามคุณสมบัตแิ ละสมรรถนะของเคร่อื ง
(5) มีระบบการบำรุงรักษาที่ดีเนื่องจากเครื่องมือเครื่องใช้เมื่อถูกใช้งานไปนาน ๆ ก็ต้องมีการ เส่ื อมสภาพ
ชำรุด สึกหรอ เสียหายขัดข้อง ดังนั้น เพื่อให้อายุการใช้งานเครื่องมือเครื่องใช้ยืนยาว สามารถใช้งานได้ตาม
ความต้องการของผู้ใช้ ไม่ชำรุดหรือเสียบ่อยๆ ต้องมี “การบำรุงรักษา เครื่องจักรเครื่องมือเครื่องใช้” ใน
ระบบการดำเนนิ งานดว้ ย จึงจะสามารถควบคมุ การทำงานของเครื่องมอื ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ
1.2.1 จุดมุ่งหมายของการบำรงุ รกั ษา
1.2.1.1. เพื่อใหเ้ คร่ืองมือใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล (Effectiveness) คอื สามารใช้เคร่ืองมือ
เครอ่ื งใชไ้ ดเ้ ตม็ ความสามารถและตรงกับวัตถุประสงค์ทีจ่ ัดหามามากทส่ี ดุ
1.2.1.2. เพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้มีสมรรถนะการทำงานสงู (Performance) และช่วยให้เครื่องมอื
เครอ่ื งใช้มีอายุการใช้งานยาวนาน เพราะเมอื่ เคร่อื งมือได้ใช้งานไประยะเวลาหนึ่งจะเกิดการสึกหรอ ถ้าหาก
ไมม่ ีการปรับแตง่ หรอื ซอ่ มแซมแล้ว เครื่องมืออาจเกดิ การขัดข้อง ชำรดุ เสยี หายหรอื ทำงานผดิ พลาด
1.2.1.3. เพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้มีความเที่ยงตรงน่าเชื่อถือ (Reliability) คือ การทำให้เครื่องมือ
เครอ่ื งใช้มมี าตรฐาน ไมม่ ีความคลาดเคลื่อนใด ๆ เกิดขนึ้
4
1.2.1.4. เพื่อความปลอดภัย (Safety) ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายทีส่ ำคัญ เครื่องมอื เครื่องใช้จะต้องมีความ
ปลอดภัยเพียงพอต่อผู้ใช้งาน ถ้าเครื่องมือเครื่องใช้ทำงานผิดพลาด ชำรุดเสียหาย ไม่สามารถทำงานได้
ตามปกติ อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บต่อผู้ใช้งานได้ การบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยควบคุมการ
ผิดพลาด
1.2.1.5. เพื่อลดมลภาวะของสง่ิ แวดล้อม เพราะเครอ่ื งมือเคร่ืองใช้ท่ีชำรุดเสียหาย เก่าแก่ ขาดการ
บำรุงรักษา จะทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มีฝุ่นละอองหรือไอของสารเคมีออกมา มีเสียง
ดงั เปน็ ตน้ ซึง่ จะเปน็ อนั ตรายต่อผปู้ ฏิบตั งิ านและผู้ทเ่ี กีย่ วข้อง
1.2.1.6. เพ่ือประหยัดพลังงาน เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ส่วนมากจะทำงานได้ต้องอาศัย
พลังงาน เช่น ไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง ถ้าหากเครื่องมือเครื่องใช้ได้รับการดูแลให้อยู่ในสภาพดี เดิน
ราบเรียบไม่มีการรั่วไหลของน้ำมัน การเผาไหม้สมบูรณ์ ก็จะสิ้นเปลืองพลังงานน้อยลง ทำให้ประหยัด
คา่ ใช้จา่ ยลงได้
1.2.2 การบำรงุ รักษาเครื่องมือ
เครื่องจักร เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในโรงฝึกงานสว่ นใหญ่จะมรี าคาแพง ถ้าหากมีการชำรุดเสียหายเกิดขึ้น
แล้วยอ่ มจะเป็นการเปลืองงบประมาณของสถานศึกษาเป็นอยา่ งมาก
การบำรุงรักษาเคร่ืองจักร อุปกรณ์และเครือ่ งมือนับเป็นสิ่งท่ีสำคัญมาก ไม่ควรทำการซ่อมแซมตอ่ เม่ือได้เกิด
ข้อบกพร่องบางอย่างแก่เครื่องจักรแล้วเท่านั้น ควรป้องกันโดยการบำรุงรักษาเครื่องจักร อุปกรณ์และ
เครอื่ งมอื เหล่าน้ันใหส้ ามารถใช้งานไดอ้ ย่างประสิทธิภาพ
1.2.3 วตั ถปุ ระสงคใ์ นการบำรุงรักษาเครือ่ งจักรอุปกรณ์
การบำรงุ รกั ษาเครื่องจักรอุปกรณ์และเครื่องมือมวี ัตถุประสงค์หลายๆประการ ได้แก่
1.2.3.1. เพอ่ื ชะลอความเส่อื มสภาพของเครื่องจักร เครื่องมือ และอุปกรณ์
1.2.3.2. เพ่ือประหยัดคา่ ใช้จา่ ย ในการซ่อมแซมในส่วนทชี่ ำรดุ และส่วนทเ่ี ก่ียวข้อง
1.2.3.3. เพอื่ ปอ้ งกันอันตรายท่ีเกดิ ขึ้นกบั ผปู้ ฏบิ ัติงานเน่ืองจากอุบัติเหตุ
1.2.3.4. เพ่ือลดเวลาสูญเปล่าเน่ืองจากตอ้ งหยุดทำงาน เน่ืองจากการซ่อมแซม
1.2.3.5. เพอ่ื ความเปน็ ระเบยี บเรียบร้อยในการปฏิบตั ิงาน
1.2.4 ลักษณะของการบำรุงรักษา
การบำรุงรกั ษาเคร่อื งจักร อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมือแบง่ ออกเปน็ 2ลักษณะคือ
1.2.4.1. การบำรงุ รกั ษาเพ่อื ป้องกันไมใ่ ห้เกิดการเสียหาย
1.2.4.2. การซ่อมบำรงุ เมอื่ เคร่อื งจกั รอุปกรณช์ ำรดุ
1.2.5 ขัน้ ตอนการบำรุงรักษาเพ่อื ป้องกัน
1.2.5.1. กำหนดนโยบายในการบำรงุ รกั ษา
5
1.2.5.2. ทำการเลอื กและกำหนดอปุ กรณเ์ คร่ืองจักรอุปกรณท์ ีส่ ำคญั
1.2.5.3. ทำการกำหนดมาตรฐาน
1.2.5.4. การวางแผนบำรุงรกั ษา
1.2.5.5. การวางแผนตรวจสอบ
1.2.5.6. การดำเนินการ
1.2.5.7. การบนั ทึก
1.2.5.8. การประเมนิ ผล
1.2.6 ผลเนอื่ งมาจากการจัดมาตรการบำรงุ รกั ษาท่ีถกู ต้อง
1.2.6.1. ทำให้สามารถซ่อมเครื่องจักร อุปกรณ์และเครื่องมือที่ชำรุดได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ผู้
ซอ่ มไม่ตอ้ งเสียเวลาวนิ จิ ฉยั สาเหตุและวิธแี กไ้ ขอาการทป่ี รากฏออกมาและยังช่วยใหซ้ อ่ มได้ถกู จดุ อีกดว้ ย
1.2.6.2. สามารถใช้เป็นข้อมูลสำหรับการจัดทำคู่มือปฏิบัติงานซ่อมและบำรุงรักษา โดยยกสาเหตุ
และวิธีแกไ้ ขในแต่ละเรอื่ งไปเปน็ หัวขอ้ เร่อื งสำหรบั พจิ ารณาการเขยี นคู่มือปฏิบัตงิ าน
1.2.6.3. ใช้วางแผนหรือกำหนดแผนงานบำรงุ รักษา โดยการนำเอาผลการวิเคราะหแ์ นวโน้มซึ่งคาด
ว่าเครื่องจกั รจะถงึ กำหนดการชำรดุ เมื่อใด
1.2.6.4. ใช้เป็นแนวทางของการจัดเตรียมอะไหล่สำหรับการซ่อมและบำรุงตลอดจน การจัดเตรียม
งาน เครอื่ งมือและอุปกรณ์ตา่ งๆ ได้อยา่ งเหมาะสมและถูกตอ้ งอกี ดว้ ย
1.2.6.5. ใช้เป็นขอ้ มลู ในการวิจยั เครื่องจกั รน้ัน เพ่อื พจิ ารณา วา่ สมควรจะใชต้ ่อไปหรือสมควรเลิกใช้
หรือควรจะปรับปรงุ อยา่ งไร
1.2.7 การจัดบำรงุ รกั ษาให้มีประสทิ ธิภาพ
การจัดบำรุงรักษาให้มีประสิทธิภาพจำเป็นจะต้องทราบถึงอุปสรรคต่าง ๆ อย่างชัดเจนและพยายามขจัด
อปุ สรรคตา่ ง ๆ ท่ีอาจจะเกิดขน้ึ เหลา่ น้ันแล้ว กำหนดเปน็ แนวทางท่ีแน่นอนในการบำรงุ รักษาตอ่ ไป
1.2.7.1. อปุ สรรคท่มี ีผลตอ่ การบำรงุ รกั ษา
1.2.7.2. แนวทางปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั การบำรงุ รักษา
1.3 วัตถุประสงคข์ องการบำรุงรัก
1.3.1 ปรับปรุงพฒั นาคุณภาพของผลิตภัณฑ์
1.3.2 ลดคา่ ใชจ้ ่าย และการสิ้นเปลอื ง
1.3.3 ปรับปรงุ พัฒนาสถานะของการบำรงุ รักษา
1.3.4 ปรบั ปรุงพัฒนาเคร่ืองจักร อปุ กรณ์ใหม้ ีประสทิ ธภิ าพ
6
1.3.5 ปรบั ปรงุ พัฒนาประสิทธิภาพ และประสทิ ธิผลของการบำรุงรักษา
บทที่ 2
ทฤษฎที เี่ กี่ยวข้อง
2.1 ประเภทของการบำรงุ รักษา
Preventive Maintenance (PM) คือ การบำรงุ รักษาเชิงป้องกัน เป็นหนึง่ ในรปู แบบการดูแลสภาพ
เครอ่ื งจกั รและอุปกรณภ์ ายในโรงงาน ทใี่ ช้การตรวจสอบ ซ่อมแซม หรือเปลี่ยนแปลงอปุ กรณ์ต่างๆ ตามเวลา
ทมี่ ีการกำหนดเอาไว้
ยกตัวอย่าง ชิ้นส่วนอุปกรณ์ A มีอายุการใช้งานขั้นต่ำอยู่ที่ 4,500 ชั่วโมง แผนการทำ Preventive
Maintenance คือการเปลี่ยนชิ้นส่วนอุปกรณ์ A ภายใน 4,400 ชั่วโมง เพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจ
เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต แม้ว่าในความเป็นจริง ช้ินสว่ นอปุ กรณ์ A จะสามารถใชไ้ ด้มากกว่า 4,500 ชั่วโมง
กต็ ามที
ข้อดแี ละข้อเสยี ของ PREVENTIVE MAINTENANCE
ขอ้ ดี
ทำให้การผลิตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง การใช้งาน Preventive Maintenance ทำให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่
เกย่ี วข้องมีการวางแผนระยะยาวในการใช้งาน คนในโรงงานรบั รู้ว่าอุปกรณ์ใดควรเปล่ียนเวลาไหน หลีกเล่ียง
อุบัติเหตุหรือความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากอายุการใช้งาน รวมถึงการใช้งานอุปกรณ์ที่หมดระยะเวลา
ประกันได้ประหยัดค่าใช้จ่าย Preventive Maintenance ช่วยลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจนทำให้ส่งผล
กระทบต่องานและต้นทุนโดยรวมได้ อีกทั้งยังส่งผลให้เครื่องจักรและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสามารถทำงานได้
อย่างยาวนานยง่ิ ขึน้ อีกด้วย
ข้อเสยี
ข้อมูลไม่ Real-Time สิ่งที่เป็นจุดด้อยมากที่สุดสำหรับ Preventive Maintenance คือปัจจัยด้าน “เวลา”
เนื่องจากความเป็นแผนงานที่ตรงไปตรงมา ขาดความยืดหยุ่น ทำให้การบำรุงรักษาอุปกรณ์บางประเภท ช้า
เกินไป หรือเรว็ เกนิ ไป อกี ทง้ั ยังไมส่ ามารถป้องกนั กรณีเคร่ืองจักรเสียหายแบบไม่คาดคดิ ได้ด้วย
ใช้เวลาในการบำรุงรักษามากพอสมควร เนื่องจาก Preventive Maintenance จะมีการทำงานตามตาราง
เสมอ ทำใหท้ างโรงงานต้องมีการแบ่งเวลามาทำงานในการบำรุงรักษา ซึง่ บางครัง้ เราก็จำเปน็ ตอ้ งเปลี่ยนหรือ
ซอ่ มแซมทงั้ ๆที่เครอ่ื งจักรไม่มปี ัญหาใดๆ
2.2 จุดมุ่งหมายของการบำรุงรกั ษา
2.2.1. เพื่อให้เครื่องมือใช้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล (Effectiveness) คือ สามารใช้เครื่องมือ
เครอ่ื งใชไ้ ดเ้ ตม็ ความสามารถและตรงกับวตั ถปุ ระสงค์ทจ่ี ดั หามามากทสี่ ุด
7
2.2.2. เพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้มีสมรรถนะการทำงานสูง (Performance) และช่วยให้เครื่องมือ
เครื่องใชม้ อี ายุการใช้งานยาวนาน เพราะเม่ือเครื่องมือไดใ้ ช้งานไประยะเวลาหนง่ึ จะเกิดการสึกหรอ ถ้าหาก
ไมม่ กี ารปรับแต่งหรอื ซอ่ มแซมแล้ว เครื่องมอื อาจเกดิ การขัดข้อง ชำรดุ เสยี หายหรอื ทำงานผดิ พลาด
2.2.3. เพื่อให้เครื่องมือเครื่องใช้มีความเที่ยงตรงน่าเชื่อถือ (Reliability) คือ การทำให้เครื่องมือ
เครือ่ งใชม้ มี าตรฐาน ไมม่ คี วามคลาดเคลือ่ นใด ๆ เกิดข้ึน
2.2.4. เพื่อความปลอดภัย (Safety) ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่สำคัญ เครื่องมือเครื่องใช้จะต้องมีความ
ปลอดภัยเพียงพอต่อผู้ใช้งาน ถ้าเครื่องมือเครื่องใช้ทำงานผิดพลาด ชำรุดเสียหาย ไม่สามารถทำงานได้
ตามปกติ อาจจะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ และการบาดเจ็บต่อผู้ใช้งานได้ การบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยควบคุมการ
ผิดพลาด
2.2.5. เพื่อลดมลภาวะของสิ่งแวดล้อม เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ที่ชำรุดเสียหาย เก่าแก่ ขาดการ
บำรุงรักษา จะทำให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มีฝุ่นละอองหรือไอของสารเคมีออกมา มีเสียงดัง
เป็นต้น ซึ่งจะเปน็ อันตรายตอ่ ผปู้ ฏบิ ัตงิ านและผู้ท่เี กย่ี วข้อง
2.2.6. เพื่อประหยดั พลังงาน เพราะเคร่ืองมือเคร่ืองใชส้ ว่ นมากจะทำงานได้ต้องอาศยั พลังงาน เช่น
ไฟฟา้ นำ้ มนั เชอื้ เพลิง ถา้ หากเครอ่ื งมือเคร่ืองใชไ้ ดร้ ับการดูแลใหอ้ ยูใ่ นสภาพดี เดินราบเรียบไม่มีการรว่ั ไหล
ของน้ำมนั การเผาไหม้สมบรู ณ์ กจ็ ะสนิ้ เปลอื งพลังงานนอ้ ยลง ทำใหป้ ระหยดั คา่ ใชจ้ า่ ยลงได้
สรุปบทความ
Preventive Maintenance เป็นหนึ่งในกระบวนการบำรุงรกั ษาในอุตสาหกรรมที่ทุกโรงงานควรให้
ความสนใจเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมเบื้องต้น ก่อนเข้าสู่ระบบ Predictive Maintenance ที่ปัจจุบัน
กรรมวิธีนี้สามารถทำได้สะดวกและงา่ ยดายมากย่ิงขึ้นด้วยการประยกุ ตใ์ ช้เทคโนโลยี Automation และ IoT
ทำให้สามารถคาดการณ์และตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ในกระบวนการต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ เพิ่มความ
แม่นยำในการประเมนิ และการบำรงุ รกั ษายงิ่ ขึ้นไปอกี
2.3 ชนิดระบบในงานบำรงุ รักษา
2.3.1ริงแมนยนู ิต ( Ring main unit ) เปน็ สวติ ซ์ตัด-ต่อ สายปอ้ นไฟฟา้ แรงตำ่ กอ่ นจา่ ยไฟฟา้
ใหก้ บั หม้อแปลงไฟฟา้ ภายในจะมี Load break switch (โหลด เบรก สวติ ช์) ซงึ่ เป็นสวติ ช์ท่ีสามารถปลด
วงจรได้ขณะท่มี ี Load (โหลด) อยูโ่ ดยอาศัยกา๊ ซซัลเดสวติ ช์ ฟอรเ์ ฮกฟลโู อไรค์ (SF6)เปน็ ตัวกลางชว่ ยดบั
ARC (อาร์ค) แทนอากาศหรือนำ้ มัน
8
ภาพท่ี 2.1 ริงแมนยูนิต
ขอ้ ดขี องการใช้ก๊าซ SF6 คอื
-กา๊ ซ SF6 เป็นกา๊ ซเฉื่อยสามารถดับอาร์คได้อยา่ งรวดเร็ว และไม่ตดิ ไฟจงึ ทำใหป้ ราศจากปญั หาเร่อื งไฟไหม้
-มอี ายุการใชง้ านนานและไม่จำเปน็ ต้องบำรุงรักษา
ขอ้ เสยี ของการใชก้ ๊าซ SF6 คือ
-เปน็ ก๊าซที่ทำลายโอโซน
2.3.2 หม้อแปลงไฟฟา้ (Electrical Transformer) หม้อแปลงท่ีใชใ้ นระบบจำหนา่ ยไฟฟ้า
เรียกวา่ หม้อแปลงจำหนา่ ย (Distribution transformers)
2.3.2.1. เป็นอปุ กรณ์ทีร่ ับแรงดันไฟฟา้ จากริงเมนยนู ติ แล้วแปลงแรงดันไฟฟ้าเพื่อสง่ ไปยังตู้ MDB
2.3.2.2. มีพกิ ัดแรงดันถึง 2000 kVA แตใ่ นบางกรณอี าจมีพิกดั แรงดันสงู ถงึ 3150 kVA
มี 2 แบบ คอื
1.หม้อแปลงแบบใช้ของเหลว (Liquid-immersed Transformer)
ภาพที่ 2.2 หม้อแปลงแบบใช้ของเหลว
9
2.หม้อแปลงแบบแห้ง (Dry-Type Transformer) มีนวนเป็นของแข็งโดยทั่วไปนิยมใช้สารเรซิ่น (Resin) จุด
ไฟตดิ ทอ่ี ณุ หภมู ิ 350 องศา มคี วามแขง็ แรงทนทาน นิยมใชต้ ดิ ตั้งภายในอาคาร
ภาพที่ 2.3 หม้อแปลงแบบแห้ง
2.3.3 แผงจ่ายไฟหลัก (Main Distribution Boards : MDB) เรียกอีกอย่างได้ว่า แผงสวิตช์
บอร์ด (Switch Boards) คือตู้ควบคุมไฟฟ้า ซึ่งเป็นแผงจ่ายไฟขนาดใหญ่ที่รับไฟจากการไฟฟ้าหรือจากด้าน
แรงดันต่ำของหม้อแปลงเพื่อไฟจ่ายโหลดต่างๆเช่น แผงจ่ายไฟย่อย (Panel Boards) มอเตอร์ (Motor) เป็น
ต้น
ขอบเขตการใช้งานของตูค้ วบคมุ ไฟฟ้า
2.3.3.1. ใชต้ รวจเชค็ กระแสไฟฟา้ ในแต่ละ่ เฟส วา่ มคี า่ สมดุลกนั หรอื ไม่
2.3.3.2. ใชต้ รวจเชค็ ระดับแรงดนั ไฟฟา้ สามารถตรวจเช็คไดท้ ง้ั Line กบั Line หรือ Line กบั
Neutral
2.3.3.3. ใช้ตรวจเชค็ เฟสของระบบไฟฟ้า
2.3.3.4. ใชต้ รวจเชค็ ความถ่ีของระบบไฟฟา้
ภาพที่ 2.4 แผงจา่ ยไฟหลัก (Main Distribution Boards : MDB
ตู้ Main Distribution Board (MDB) คือตู้สำหรับควบคุมไฟฟ้าหลักของอาคารหรือพื้นที่ใช้ไฟฟ้า
นั้นๆ ภายในตู้ MDB มีเบรกเกอร์เป็นบริภัณฑ์หลัก มีหน้าที่ตัดตอนวงจรไฟฟ้าแรงต่ำ ก่อนแจกจ่ายไปยัง
10
โหลดหรือบรภิ ัณฑไ์ ฟฟ้าอื่นๆในลำดับถดั ไป นอกจากนี้นิยมใส่มิเตอร์ , อุปกรณ์ลดผลกระทบจากไฟกระชาก
(SPD) , และอุปกรณ์แสดงสถานะเพื่อการตรวจวัดและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ไฟฟ้าด้วย ขึ้นอยู่กับ
ผูอ้ อกแบบ ทง้ั นก้ี ารออกแบบหรือเลือกใช้ ตู้ MDB ทเ่ี หมาะสมกับสภาพของโหลดจะช่วยให้มีความปลอดภัย
ท้ังผใู้ ช้ไฟฟา้ และผูป้ ฏบิ ัตงิ านเกี่ยวกบั ไฟฟา้
ตู้ DB ย่อมาจาก Distribution Board หรือ ตู้ SDB ย่อมาจาก Sub-distribution Board เป็นตู้เบรกเกอร์ท่ี
เป็นวงจรยอ่ ยรองลงมาจากตู้ MDB ในกรณีทพ่ี ้นื ที่ใช้งานเช่นอาคารขนาดใหญ่ หรือ กล่มุ อาคาร เราจะติดต้ัง
ตู้ DB เพื่อแยกโหลดออกเป็นกลุ่มๆตู้ LP ย่อมาจาก Load Panel หรือ บางครั้งใช้ LC ย่อมาจาก Load
Center เป็นตู้เบรกเกอร์สำหรับวงจรย่อยที่สุด หรือ ในบางอาคารมีการติดตั้งตู้ Consumer Unit ถัดจากตู้
โหลดรว่ มดว้ ยขนึ้ อยู่กบั จดุ ประสงค์ของผ้อู อกแบบ
2.3.4 EMDB (Emergency Main Distribution Board) แผงสวิตช์สำรองนั้น มีไว้ เพื่อจ่าย
ไฟฟ้าให้กับโหลดที่จำเป็นที่ต้องการไฟฟ้าที่จำเป็น โดยจะรับไฟฟ้ามาจาก ATS ที่รับไฟฟ้าจาก 2 แหล่ง
ระหว่างไฟฟ้าของทางการไฟฟ้าฯ และไฟฟ้าจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรอง EMDB มีเพื่อจ่าย ไฟฟ้าให้กับ
อุปกรณไ์ ฟฟ้าท่ีต้องการไฟฟ้าต่อเน่ืองตลอด เช่น ไฟฟ้าในห้องรักษาความปลอดภยั ที่ควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าใน
ระบบสัญญาณเตือนอัคคภี ยั เพราะไม่สามารถท่จี ะหยดุ การทำงานเป็นเวลานานได้เนื่องจากอาจเกิดเหตุเพลิง
ไหม้ได้ EMDB มีหลกัการคล้ายกับ MDB และมีจอแสดงผล ข้อมูลแบบเดียวกันกับ MDB โดยจะจ่ายไฟฟ้า
ให้กับแผงไฟฟ้าประจำ ชน้ั หลักของอาคาร ดงั รูป
ภาพท่ี 2.5 EMDB (Emergency Main Distribution Board)
11
2.3.4 ตู้คาปาซิเตอร์ (Capacitor Bank) คืออุปกรณ์ที่จ่ายค่า Reactive power ที่ทำหน้าที่ เพื่อ
ชดเชยให้กับอปุ กรณ์ทางการไฟฟา้ จำพวกขดรวด เช่น มอเตอร์ และหมอ้ แปลงไฟฟา้ เพราะอุปกรณพ์ วกน้ีจะมี
ค่า Reactive power ที่ล้าหลังสูงมากๆ ซึ่ง Reactive power ก็คือ กำลังไฟฟ้าสูญเสีย ไม่ได้นำมาใช้จริงแต่
เวลาคิดค่าไฟจะถูกนำมาคิดด้วย จึงมีการชดเชยการสูญเสียโดย Capacitor Bank ช่วยให้ค่า pf. สูงขึ้น ซ่ึง
อยา่ งน้อยตอ้ งมีคา่ pf.=0.85 ตามกฎของการไฟฟ้า
ภาพท่ี 2.6 ตคู้ าปาซิเตอร์ (Capacitor Bank)
Capacitor Bank ก็คือตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Capacitor) ขนาดใหญ่จำนวนหลายชุด ที่ใส่ขนานเข้ามาในระบบ
ไฟฟ้าเพื่อทำหน้าที่ปรับค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.) ของระบบให้มีค่าสูงขึ้นเพื่อที่จะไม่ต้องเสียค่าปรับและลด
กำลังงานสูญเสียในระบบ
ส่วนประกอบภายใน Capacitor Bank ซึ่งประกอบด้วยอุปกรณ์ควบคุมค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.
Controller) ตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Capacitor) และอุปกรณ์ตัดต่อตัวเก็บประจุไฟฟ้า (Magnetic Contactor)
โดยจำนวนหรอื ขนาดของคาปาซิเตอรท์ ่ีต้องต่อเข้ากบั ระบบไฟฟา้ จะขน้ึ อยกู่ ับคา่ กำลังงานรแี อคทีฟที่เกิดข้ึนใน
ระบบในขณะน้นั โดย PF. Controller จะทำการตรวจวัดคา่ เพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.) ของระบบและจะส่ังการ
ให้ Magnetic Contactor ต่อหรือปลดคาปาซิเตอร์จากระบบเพื่อให้ได้ค่าเพาเวอร์แฟคเตอร์ (PF.) ตาม
ต้องการ
12
ภาพท่ี 2.7 ส่วนประกอบของ Capacitor Bank
2.3.5 เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator) คือเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเครื่องปั่นไฟ (Generator Set)
เป็นอีกรปู แบบหนง่ึ ของระบบสำรองไฟท่นี ิยมใชก้ นั อย่างแพรห่ ลาย
หลกั การของเคร่อื งกำเนดิ ไฟฟา้
*** จุดประสงค์การใช้งาน เป็นเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าสำรองในกรณีที่กระแสไฟฟ้าของการไฟฟ้าดับเพื่อให้
หนว่ ยงานมกี ระแสไฟฟ้าใชอ้ ย่างต่อเน่ือง ***
หลักการทำงานของเครอ่ื งกำเนิดไฟฟา้ (Generator Set)
การเปลี่ยนแปลงพลังงานกลมาเป็นพลังงานไฟฟ้า เครื่องกำเนิดไฟฟ้าเป็นเครื่องกลที่สามารถเปลี่ยนพลังงาน
กลให้เป็นพลังงานไฟฟ้า โดยอาศัยการหมุนของขดลวดตัดสนามแม่เหล็ก หรือ การหมุนสนามแม่เหล็กตัด
ขดลวด (การเหน่ียวนำของแม่เหล็กตามหลักการของ ไมเคิล ฟาราเดย์ ทว่ี า่ การเคล่ือนทขี่ องขดลวดตัวนำผ่าน
สนามแม่เหล็กหรือการเคลื่อนที่แม่เหล็กผ่านขดลวดตัวนำจะทำให้เกิดแรงดั นไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในขดลวด
ตวั นำนัน้ ) ลักษณะทัว่ ไปของเคร่อื งกำเนิดไฟฟา้ จำแนกออกเปน็ ประเภทใหญ่ ๆ ได้ 2 ชนิด คือ
1. ชนิดกระแสตรงเรียกว่า ไดนาโม (Dynamo)
2. ชนิดกระแสสลบั เรยี กว่า อัลเตอร์เนเตอร์ (Alternator)
เน่ืองจาก เคร่อื งกำเนดิ ไฟฟ้าประเภทน้ีมีการให้กระแสไฟฟ้าท่สี มำ่ เสมอ และสามารถนำมาประยุกต์การใช้งาน
ได้หลากหลาย โดยสามารถแบง่ ออกได้เป็น 2 ส่วน คือ
- เครื่องต้นกำลัง จะเป็นส่วนที่ให้กำเนิดพลังงานกลของเครื่องปัน่ ไฟออกมา ซึ่งมีหลากหลายแหล่งพลังงานท้ัง
กงั หันน้ำ, กงั หันไอน้ำ, กงั หนั แก๊ส ฯลฯ
13
- ตัวผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือ Generator มีหลักการทำงานคือ การอาศัยการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็ก
เพื่อให้กำเนดิ พลงั งานในเครื่องปนั่ ไฟ โดยมหี ลากหลายรปู แบบ ดังน้ี
รูปแบบที่ 1 แบบทุ่นหมนุ Revolving Armature Type (Ra Type)
มีหลักการทำงานโดยการอาศัยการหมุนของขดลวดทองแดง ซึ่งมีการพันอยู่บริเวณเส้นแกนเพลาหมุนตัด
บริเวณเส้นแรงแม่เหลก็ ทำใหเ้ กิดการเหนยี่ วนำไฟฟา้ ข้ึนทปี่ ลายของขดลวดทองแดง
รูปแบบท่ี 2 แบบขว้ั แม่เหล็กหมนุ Revolving Field Type (Rf Type)
มีหลักการทำงานโดยการอาศัยการหมุนของขั้วแม่เหล็กที่อยู่บนเพลา ซึ่งจะทำให้เส้นแรงแม่เหล็กตัดบริเวณ
ขดลวดทองแดงท่ตี ิดอย่ตู รงเปลือก ทำใหเ้ กิดแรงดันไฟฟา้ บริเวณขดลวดทองแดงข้นึ
รูปแบบที่ 3 แบบไม่มกี ารใชแ้ ปรงถ่าน Brushless Type (Bl Type)
เป็นรูปแบบการทำงานเพือ่ ให้กำเนิดพลังงานในเครื่องปั่นไฟโดยเฉพาะ ซึ่งจะไม่มีการใช้แปรงถ่าน Brushless
Type เพอ่ื เหนีย่ วนำพลงั งานของสนามแมเ่ หลก็ อันจะทำใหเ้ กิดกระแสไฟฟา้ เหน่ียวนำท่ีสม่ำเสมอและสามารถ
ควบคมุ ไดอ้ ย่างมปี ระสิทธิภาพ
แบง่ ตามขนั้ ตอนการทำงานออกเป็นส่วน ๆ ดงั น้ี
- Exciter ประกอบดว้ ย Exciter Field Coil เปน็ ขดลวดที่ทำใหเ้ กิดแมเ่ หล็กไฟฟา้ เหน่ียวนำจะติดอยู่กับส่วนที่
อยู่กับที่
- Exciter Armature เป็นชุดทีป่ ระกอบด้วยขดลวดที่จะถกู ทำใหเ้ กิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ โดยเป็นส่วนท่ตี ิด
อยู่กับเพลาและหมนุ ไปพร้อมกับเพลา กระแสท่ีเกดิ ขึ้นใน Exciter Armature จะเปน็ ไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส
- Rotating Rectifier จะติดอยู่บนเพลาจึงหมุนตามเพลาไปด้วย มีหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้าสลับที่เกิดจาก
Exciter Armature ใหเ้ ป็นไฟฟา้ กระแสตรง
- Main Generator เปน็ สว่ นท่ผี ลิตกระแสไฟฟ้าเพอื่ ออกไปใชง้ านจริง ประกอบด้วย
- Rotating Field Coil เป็นขดลวดที่พันรอบแกนเหล็กที่ติดกับเพลาเพื่อทำให้เหล็กกลายเป็นสนามแม่เหล็ก
ไฟฟ้า โดยได้รับไฟฟา้ กระแสตรงทป่ี อ้ นมาจาก Rotating Rectifier
- Stator Coil (Alternator Armature) เป็นขดลวดที่จะถูกทำให้เกิดไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นและจ่ายกระแสไฟฟ้า
สลบั ออกไปใชง้ าน
14
- Automatic Voltage Regulator (A.V.R.) เป็นชุดควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่นำไปใช้งานให้คงที่ ซึ่งเป็นการ
ทำงานควบคุมอย่างอัตโนมัติ หลักการทำงานของ A.V.R. เป็นการนำกระแสสลับที่เกิดจาก Stator Coil มา
แปลงเปน็ กระแสตรง จา่ ยเข้า Exciter Field Coil โดยปรมิ าณกระแสตรงจะมีการควบคมุ ให้มากหรอื น้อยตาม
สภาพการณ์ของแรงดันไฟฟ้าจาก Stator Coil โดยเปน็ ไปอยา่ งอัตโนมตั ิ
เคร่ืองกำเนิดไฟฟ้า (Generator Set) ประกอบไปด้วยอุปกรณห์ ลักๆ คือ
- เครอื่ งยนต์ (Engine)
- ไดรป์ ่ันไฟ (Alternator)
- ชดุ ควบคุม (Controller)
ทุกส่วนจะถูกนำมาประกอบร่วมเป็นชุดเดียวกัน โดยที่จะมีชุดควบคุมเป็นตัวสั่งการเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและ
อปุ กรณส์ ำหรับเลือกแหลง่ จ่ายไฟหรอื ทเี่ รียกว่า ATS (Automatic Transfer Switch) วา่ จะให้สบั ไปรับไฟจาก
สว่ นไหน ระหวา่ งหม้อแปลงการไฟฟา้ และเครอ่ื งกำเนิดไฟฟ้า
โดย เครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Generator Set) ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดโดยทั่วไป จะมีส่วนของตัวต้นกำลัง ซึ่ง
นิยมใช้ในรูปแบบของ “เครอื่ งยนต”์ โดยแบ่งออกไดเ้ ป็น เครอื่ งยนตเ์ บนซนิ , เครอ่ื งยนต์ดีเซลและเคร่ืองยนต์ท่ี
ใช้แก๊ส ซึ่งคุณสามารถเลือกรูปแบบการใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการ ระบบสายส่งมีทั้ง ระบบ 1 เฟส
(Single Phase) และ ระบบ 3 เฟส (Three Phase) หรอื 3 เฟส 4 สาย ส่วนระบบควบคมุ การจา่ ยกำลงั ไฟฟ้า
มี 2 ชนิด คอื ชนิดควบคมุ ดว้ ยมือ (Manual) และ ชนดิ ควบคุมโดยอตั โนมตั ิ (Automatic)
*** สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ใช้งานในเชิงอุตสาหกรรมนั้น โดยมากจะเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าชนิด
กระแสสลับ ซึ่งมีทั้งแบบ 1 เฟส และแบบ 3 เฟส ซึ่งจะมีทั้งแบบขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินและ
เคร่ืองยนต์ดีเซล ***
15
บทที่ 3
การดำเนนิ งาน
3.1 ข้อมูลเบื้องต้น
อาคาร ไอดโี อ โมบิ สุขมุ วทิ 66 เป็นคอนโดของเครือ บรษิ ทั อนันดา ดีเวลลอปเมน้ ท์ จํากดั (มหาชน)
ทไี่ ดด้ ำเนินการก่อสร้าง พ.ศ 2561 โดย บรษิ ทั ฑีฆาก่อสรา้ ง จำกัด มีจำนวน ยนู ิตที่ 298 ยนู ิต จำนวนช้ัน 28
ชั้น โดยมี บริษัท เดอะเวิร์คส์ คอมมิวนิตี้ แมนเนจเม้นท์ จำกัด เป็นฝ่ายบริหารอาคาร มาตั้งแต่โครงการสร้าง
เสร็จ โดยมีฝ่ายวศิ วกรรมอาคาร ได้เป็นผู้ดูแลงานระบบต่างๆภายในอาคาร ให้เป็นไปตามความเรียบร้อยทาง
ISO9001-2015 และจัดการซ่อมบำรุง PM ใหร้ ะบบตา่ งๆให้อยู่ในการใชง้ านได้ตลอดเวลา
3.1.1 ฝ่ายวิศวกรรมอาคาร
สิ่งที่ฝ่ายวิศวกรรมอาคารดูแลนั้น มีระบบการดูแลแบบ PM Preventive Maintenance คือ การบำรุงรักษา
เชิงป้องกัน เป็นหนึ่งในรูปแบบการดูแลสภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ภายในอาคาร ที่ใช้การตรวจสอบ
ซ่อมแซม หรือเปลย่ี นแปลงอปุ กรณ์ต่างๆ ตามเวลาทม่ี กี ารกำหนดเอาไว้
ภาพที่ 3.1 รายชอื่ ระบบท่ตี ้องตรวจเชค็ ภายในอาคาร
16
ฝา่ ยวิศวกรรมอาคารจะมีตารางแผนในการ PM Preventive Maintenance ในแต่ล่ะปีว่าจะให้ ช่างอาคารไป
ตรวจเช็คหรอื PM อะไรในแต่ล่ะปี
ภาพท่ี 3.2 ภาพตาราง PM ประจำปี
3.2 กรณีศกึ ษา
ผู้จัดทำจะขอเสนอการ PM ระบบ ไฟฟา้ ภายในอาคารจะเร่ิมจากการ PM RMU MDB EMDB และ Capacitor
Bank การให้บริการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า (ประจำปี ): PM : ELECTRICAL SYSTEM PREVENTIVE
MAINTENANCE ปัจจุบันปัญหาของระบบไฟฟ้าที่ขัดข้อง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานขององค์กร
หน่วยงานหรือ อาคาร และยังทำให้สูญเสียโอกาสในการแข่งขันเชิงธุรกิจ มักมีสาเหตุมาจากการขาดการ
วางแผนในการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้าที่เหมาะส ม ดังนั้นการบำรุงรักษาระบบไฟฟ้า ( Electrical System
Preventive Maintenance ) จงึ เป็นแนวทางที่จะชว่ ยรักษาความเสถยี รภาพของระบบไฟฟ้าไดส้ งู
เทคโนโลยีทีท่ ันสมัยที่สดุ ณ ปจั จบุ ัน โดยสามารถตรวจเชค็ อุปกรณ์ไฟฟา้ เพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์
ของ จุดต่อไฟฟ้าต่างๆ อุปกรณ์เปิด-ปิดไฟฟ้า สายไฟ ฟิวส์ คาปาซิเตอร์ มอเตอร์ ท่อเคมีต่างๆ และเตาหลอม
เป็นต้น ซึ่งเป็นการตรวจวัดอุณหภมู ิแบบไม่สมั ผัสวัตถุแต่สามารถวัดอุณหภูมไิ ด้ โดยจะมีภาพแสดงที่จอ LCD
ของกล้องอินฟราเรด ทำให้สามารถพบจุดที่มีปัญหาและแก้ไขได้ทันที พร้อมทั้งยังสามารถบันทึกภาพเพ่ือ
นำมาทำรายงานในการวิเคราะห์ปัญหาที่พบ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระบบไฟฟ้าและความ
สญู เสียเชงิ ธรุ กจิ
17
3.2.1 PM MDB PM TRANSFORMER การบำรุงรกั ษาระบบไฟฟ้าประจำปี
Preventive Maintenance มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความพร้อมของระบบไฟฟ้าสำหรับ อาคาร
โรงงาน คอนโด หรอื หน่วยงานต่างๆ มคี วามสำคัญมาก เพือ่ ให้สามารถท่จี ะใชง้ านระบบไฟฟ้าได้อยา่ งต่อเน่ือง
ไม่ติดขัด หรือ หยุดชะงักไป เพราะความบกพร่องของระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบไฟฟ้าหลักของ
อาคาร โรงงาน คอนโด หรือ หน่วยงานต่างๆ เช่น ริงเมนยูนิต ตู้เมนสวิทซ์บอร์ด ตู้คาปาซิเตอร์ หม้อแปลง
ไฟฟ้า การPM ริงเมนสวิตซ์ (Ring Main Unit) ตู้เมนสวิทซ์บอร์ด (MDB) และตู้ย่อยไฟฟ้า (DB) หม้อแปลง
ไฟฟ้า (Transformer) คือการตรวจเช็ค ทำความสะอาด และ ทดสอบฟังก์ชั่นต่างๆ ของอุปกรณ์ ให้พร้อมใช้
งานไดอ้ ย่างมีประสทิ ธิภาพอยเู่ สมอดังนัน้ การบำรุงรกั ษาระบบไฟฟา้
• รงิ เมนสวิตซ์ (Ring Main Unit)
• ตู้เมนสวทิ ซบ์ อรด์ (Main Distribution Board MDB)
• คาปาซเิ ตอร์ (Capacitor)
• หมอ้ แปลงไฟฟา้ (Transformer)
• เซอร์กติ เบรกเกอร์ (Circuit Breaker)
จึงมีความสำคัญ จำเป็นต้องบำรงุ รักษาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เป็นการตรวจสอบ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจในการใช้
งานระบบไฟฟ้า ในกจิ การตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งต่อเน่ืองและมีความปลอดภยั ในการใช้งาน โดยระบบในการตรวจสอบ
ท่ีไดม้ าตรฐาน และเคร่อื งมือท่ีครบถว้ นทางดา้ นวิศวกรรมไฟฟ้า
3.2.2 การบำรงุ รกั ษาระบบไฟฟา้ รงิ เมนยูนติ ( Preventive Maintenance PM RING MAIN
UNIT )
• ทำความสะอาด ตรวจเชค็ และ หลอ่ ลน่ื กลไกการปฏบิ ัติการของ RING MAIN UNIT
• ทดสอบ กลไกการปฏบิ ตั กิ าร ชดุ สวติ ซต์ ดั ต่อ
• ตรวจเชค็ กลไกการปฏิบตั ิการ ระหวา่ ง ชดุ สวติ ซต์ ดั ต่อกับการตอ่ ลงดนิ
• ตรวจเชค็ กลไกการปฏิบตั กิ าร ระหว่าง ชดุ สวิตซต์ ดั ตอ่ กบั ฟวิ ส์
• ตรวจสอบความเปน็ ฉนวนของอุปกรณ์
• ตรวจสอบการร่วั ไหลของสาร SF6
• จดั ทำรายงานและเสนอแนะเพอ่ื แกไ้ ขกรณีตรวจพบปัญหา
18
3.2.3 การบำรงุ รกั ษาระบบไฟฟา้ ตู้MDB ( Preventive Maintenance PM MDB )
• วดั คา่ ความเปน็ ฉนวนของบสั บารเ์ มน (Mega ohm Test)
• วัดคา่ ความตา้ นทานของสายดนิ (Ground Resistance Test)
• ทำความสะอาด เช็ดคราบ ดูดฝนุ่ ภายในและภายนอกตู้
• กวดขนั น็อต ตามจดุ ต่อตา่ งๆ
• ตรวจวัดหาความรอ้ นสะสมตามจุดเชือ่ มต่อ (Thermo scan)
• ทดสอบ ACB Air Circuit Breaker
• จดั ทำรายงานและเสนอแนะเพื่อแก้ไขกรณตี รวจพบปัญหา
3.2.3 การบำรุงรักษาระบบไฟฟา้ คาปาซเิ ตอร์ ( Preventive Maintenance PM Capacitor )
• ตรวจสอบการทำงานของระบบควบคมุ ทัง้ Auto/manual
• ตรวจสอบ Fuse Base และ HRC Circuit Breakers
• ตรวจสอบสภาพและวดั ค่า คาปาซเิ ตอร์ ( Capacitor Test)
• ทำความสะอาด และ กวดขนั นอ็ ต
• ทำรายงานเพ่อื เสนอแนวทางแก้ไขกรณีตรวจพบปัญหา
3.2.4 การบำรงุ รักษาระบบไฟฟา้ หม้อแปลงไฟฟ้า ( Preventive Maintenance PM
Transformer )
• ตรวจเชค็ จุดเชอ่ื มต่อ บุชชิ่ง
• ตรวจสอบความเปน็ ฉนวนของหม้อแปลงไฟฟ้า
• กวดขัน และ ตรวจเชค็ การเชื่อมต่อระหว่าง หม้อแปลง กับ สายสง่
• ทดสอบค่าความเปน็ ฉนวนของนำ้ มนั หม้อแปลงไฟฟา้ ตามมาตรฐาน ASTM D877 (Oil Type)
• วดั คา่ ความตา้ นทานของสายดนิ (Ground Resistance Test)
• ทำความสะอาด หม้อแปลงไฟฟา้
• ทำรายงานเพ่ือเสนอแนวทางแก้ไขกรณีตรวจพบปญั หา
19
3.3 แผนผังระบบไฟฟา้ อาคาร
ภาพท่ี 3.3 แผนผงั ระบบไฟฟ้าอาคาร
20
บทท่ี 4
ผลการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพ
ผลของการไดท้ ท่ี ำ PM Preventive Maintenance ระบบไฟฟา้ ทำใหม้ ปี ระสิทธิภาพของการทำ PM
ในรอบประจำปีของอาคารที่มีแผนกำหนดเอาไว้ในการ PM ระบบไฟฟ้า เพราะการทำ PM ในรอบปีของการ
ตรวจสอบระบบ จะได้รูถ้ ึงปัญหาของระบบว่ามสี ิ่งท่ีผดิ ปกติของระบบไฟฟา้ ในอาคารหรือไม่ จงึ ทำให้แสดงเห็น
ถงึ ความสำคญั ของการทำ Preventive Maintenance หรอื PM
4.1 ภาพการบำรงุ รกั ษาระบบไฟฟ้าอาคาร
ภาพที่ 4.1 Thermo scan ภาพถ่ายความร้อน
21
ภาพท่ี 4.2 ดูดฝุน่ ทำความสะอาด เช็ดคราบสกปรก ท้ังภายใน และ ภายนอก
ภาพท่ี 4.3 กวดขันน็อต ตามจุดต่อต่างๆ ที่บสั บาร์ และ เบรกเกอร์
22
ภาพท่ี 4.4 วดั ค่าความเป็นฉนวน Mega ohm Test
ภาพท่ี 4.5 ตรวจวัดคา่ คาปาซเิ ตอร์ Capacitor Test
23
ภาพท่ี 4.6 ทดสอบ Air Circuit Breaker (ACB)
ภาพที่ 4.5 วดั ค่าความต้านทานของสายดินระบบกราวด์
24
ภาพที่ 4.6 ภาพถ่ายความร้อน Thermo scan
ภาพที่ 4.7 ทำความสะอาด ตรวจเชค็ อปุ กรณ์ภายนอก บุชช่งิ ขั่วต่อสาย แรงสงู และ แรงตำ่ กวดขันและ
ตรวจเช็ค การเชอ่ื มต่อระหว่าง หม้อแปลง กบั สายส่ง
25
ภาพที่ 4.8 ตรวจสอบความเปน็ ฉนวนของหม้อแปลงไฟฟา้
ภาพท่ี 4.9 เกบ็ นำ้ มนั หม้อแปลง เพื่อนำไปทดสอบค่าความเป็นฉนวนของนำ้ มนั หม้อแปลง
26
4.2 การควบคุมอะไหล่ของอุปกรณไ์ ฟฟา้ ภายในอาคาร
ไฟฟ้าในอาคารจะมีอยู่หนึ่งสิ่งที่เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าสิ้นเปลืองนั้นคือ หลอดไฟ ที่ใช้สำหรับในการส่อง
สว่างอยู่ตลอดเวลา 24ชั่วโมง จึงต้องเน้นหลอดไฟที่มี วัตต์ ขนาดต่ำและเป็นหลอดไฟชนิด E27 LED ซึ่งจะ
สามารถประหยัดคา่ ไฟฟ้าให้กับทางเจ้าของร่วมของคอนโดได้ และมรี ะยะเวลาใช้งานมากกว่าหลอดไฟชนิดอื่น
ที่ไม่ใช้หลอดไฟแบบ LED ทางฝ่ายบริหารอาคารจรึงมีการวิเคราะห์การใช้งานในชว่ งเวลาที่มีผู้คนในเวลาเลกิ
งานของเจ้าของร่วมคอนโด เวลา 18.00-23.00น. จะเป็นเต็มไลน์ทางเดินส่วนกลาง 23.00-06.00น. จะปิด
ไลน์ไฟของทางเดนิ สว่ นกลางใหเ้ วน้ เปน็ ดวงเว้นดวง เพ่อื ลดการใช้งานของไฟฟ้า
4.2.1 การส่ังซ้ือหลอด ทางฝา่ ยบรหิ ารอาคารจะติดต่อหาร้านผูจ้ ำหนา่ ยไว้ให้ คณะกรรมการเลือก
เอาไว้ 3 เจ้าเพ่ือให้คณะกรรมการเป็นบคุ คลตดั สนิ ใจเลอื ก ในการสั่งซ้ือหลอดไฟ
ตารางท่ี 4.1 ตารางการสั่งซื้อหลอดไฟ
4.2.2 การเบิกหลอดไฟฟา้ การเบกิ หลอดไฟท่ีนำไปเปลย่ี นในชั้นทางเดนิ ส่วนกลาง ช่างอาคารจะต้อง
แจง้ ใหห้ วั หนา้ ช่างทราบและบันทกึ ในสต๊อกของหลอดไฟทุกคร้งั
27
ตารางท่ี 4.2 ตารางเบกิ หลอดไฟ
บทที่ 5
สรปุ และข้อเสนอแนะ
5.1 สรปุ ผลวจิ ัย
การนำวิธี Preventive Maintenance มีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความพร้อมของระบบไฟฟ้า
สำหรับ อาคาร คอนโด หรอื หนว่ ยงานตา่ งๆ มีความสำคัญมาก เพื่อให้สามารถทจ่ี ะใช้งานระบบไฟฟ้าได้อย่าง
ต่อเนื่อง ไม่ติดขัด หรือ หยุดชะงักไป เพราะความบกพร่องของระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระบบไฟฟ้า
หลักของ อาคาร คอนโด หรือ หน่วยงานต่างๆ เช่น ริงเมนยูนิต ตู้เมนสวิทซ์บอร์ด ตู้คาปาซิเตอร์ หม้อแปลง
ไฟฟ้า การ PM ริงเมนสวิตซ์ (Ring Main Unit) ตู้เมนสวิทซ์บอร์ด (MDB) และตู้ย่อยไฟฟ้า (DB) หม้อแปลง
ไฟฟ้า (Transformer) คือการตรวจเช็ค ทำความสะอาด และ ทดสอบฟังก์ชั่นต่างๆ ของอุปกรณ์ ให้พร้อมใช้
งานได้อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพอย่เู สมอดังนนั้ การบำรงุ รกั ษาระบบไฟฟ้า
28
• ริงเมนสวติ ซ์ (Ring Main Unit)
• ตู้เมนสวิทซ์บอร์ด (Main Distribution Board MDB)
• คาปาซเิ ตอร์ (Capacitor)
• หมอ้ แปลงไฟฟา้ (Transformer)
• เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ (Circuit Breaker)
จึงมีความสำคัญ จำเป็นต้องบำรุงรักษาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เป็นการตรวจสอบ เพื่อให้เจ้าของร่วมคอนโด
ม่ันใจในการใชง้ านระบบไฟฟา้ ในกิจการตา่ งๆ ได้อย่างต่อเนอื่ งและมคี วามปลอดภยั ในการใชง้ าน โดยระบบใน
การตรวจสอบทีไ่ ดม้ าตรฐาน และเครือ่ งมือทีค่ รบถ้วนทางด้านวศิ วกรรมไฟฟ้า
5.2 ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะสำหรบั งานวจิ ัยในอนาคตท่จี ะศกึ ษาเพิม่ เตมิ ดังนี้
5.2.1 จดั ทำแผนการเกิดเหตุขดั ขอ้ ง กรณไี ฟฟา้ ดบั แกไ้ ขเบ้อื งต้นใหก้ ับช่างอาคาร
5.2.2 ม่นั ตรวจเช็คระบบไฟฟา้ เบื้องตน้ รู้วิธีอ่านค่า ต่างๆในระบบไฟฟา้
5.2.3 ควรมีการอบรมดา้ นความรู้เบอื้ งตน้ ให้สำหรบั ชา่ งอาคาร
29
บรรณานุกรม
บริษทั เดอะเวริ ์คส์ คอมมวิ นิต้ี แมนเนจเมน้ ท์ จำกัด (2563) ตาราง PM และตารางสต๊อกของ : คน้ เม่ือ
18/11/64
การวางแผน PM ในงานซ่อมและการบำรุงรักษา – (Preventive Maintenance) :ค้นเมือ่ 18/11/64 เว็บ
https://naichangmashare.com/2020/04/21/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%
A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99-pm-
%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B9%88%
E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0/