The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

2.3 ทักษะการเขียน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 406509021, 2023-01-03 02:17:57

2.3 ทักษะการเขียน

2.3 ทักษะการเขียน

รายวชิ า ภาษาเพื่อการสือ่ สาร

Language for communication

การจัดการเรยี นรทู้ ักษะการเขียน

ความหมายของการเขยี น

การเขียน คือการถ่ายทอดความรู้สึก ความรู้ ความคิด
ประสบการณ์ จินตนาการ และข่าวสารโดยใช้ตัวหนังสือ
และเคร่ืองหมายตา่ งๆเป็นสัญลกั ษณ์
การเขียน เป็นผลผลิตของกระบวนการคิด การอ่าน การ
ฟัง เช่นเดียวกับการพูด ฉะน้ัน ผู้ที่จะเขียนได้ดีย่อมต้อง
รูจ้ ักคิด มีวิจารณญาณในการอ่านและการฟัง” (อวยพร
พานชิ , 2543)

ความสาคญั ของการเขียน

ทักษะการเขียนเปน็ ทักษะการสอื่ สารทีม่ ีบทบาทเพื่อการสง่ สารเปน็ หลกั
ในอดตี การเขยี นเปน็ การเรียนวธิ ีการใช้ภาษาเขียนท่ีสละสลวย เพื่อใช้ใน
การจูงใจผู้อ่าน การเขียนจึงมุ่งเน้นท่ีงานเขียนในด้านความถูกต้องในการใช้
ถ้อยคาภาษาและการเรยี บเรยี งเนอื้ หาอย่างถูกต้องละเมียดละไม
การฝึกฝนให้เกิดพัฒนาการด้านการเขียนได้นั้น นักศึกษาควรมีความรู้
ความเข้าใจตลอดจนความตระหนักถึงความรู้ต่าง ๆ อันเป็นพ้ืนฐานสาคัญ
ของการเขียนเสียก่อนเพราะจะทาให้การพัฒนาการเขียนเป็นไปได้ด้วยดีมี
ประสิทธิภาพ

ความสาคัญของการเขยี น (ต่อ)

การเขียนเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดจากผู้เขียนสู่
ผู้อ่านโดยใชภ้ าษาเป็นเครื่องมอื ในการชักนําความคิด ความรู้
ประสบการณ์ ความรู้สึก อารมณ์และทัศนคติ ถ้าผู้เขียนมี
ความสามารถในการเขียนผู้อ่านย่อมเข้าใจความหมายได้ดี
ตรงกันข้ามหากผู้เขียนไม่มีความสามารถในการเขียนย่อมไม่
สามารถถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก อารมณ์ ฯลฯ
ส่ผู ูอ้ ่านได้ตามตอ้ งการ

จุดมงุ่ หมายของการเขียน

1. การเขยี นเพอื่ เลา่ เร่ือง

คือ การเขียนเพื่อถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ต่างๆ ที่ผู้เขียน
ประสบมาด้วยตนเอง เช่น การเขียนเพ่ือถ่ายทอดเร่ืองราวชีวิตของ
ตนเองท่ีเรียกว่า อัตชีวประวัติ การเขียนเพ่ือถ่ายทอดเรื่องราวชีวิต
ของบุคคลอื่นที่เรียกว่า ชีวประวัติ การเขียนข่าว และการเขียนสารคดี
ต่าง ๆ เป็นต้น วิธีเขียนเขียนเพ่ือเล่าเรื่อง ผู้เขียนต้องเล่าเรื่อง
ตามลาดับเหตกุ ารณ์ที่เกดิ ขน้ึ และให้ขอ้ มลู ถูกตอ้ งตามความเป็นจรงิ

จดุ ม่งุ หมายของการเขียน (ต่อ)

2. การเขยี นเพ่อื อธิบาย

คือการเขียนเพื่อบอกวิธีทําส่ิงใดส่ิงหนึ่ง เช่น การเขียนอธิบาย
วิธีประดิษฐ์ส่ิงของ เครื่องมือต่าง ๆ วิธีใช้ยา หรือการเขียนเพ่ือ
ชี้แจง ไขความ ตอบปัญหาความรู้ หรือความคิดที่เข้าใจยาก
เชน่ การเขียนอธบิ ายศัพท์ ขอ้ ธรรมะต่างๆ เป็นต้น วธิ ีเขียนเพื่อ
อธิบาย ผู้เขียนต้องลําดับเร่ืองราวตามขั้นตอน โดยใช้ภาษาให้
รัดกุมและชัดเจน ในการเขียนควรแบ่งเป็นย่อหน้าย่อยๆหรือ
เป็นข้อๆเพือ่ ใหผ้ อู้ ่านเขา้ ใจและจาํ ได้ง่าย

จดุ มุ่งหมายของการเขียน (ต่อ)

3. การเขยี นเพ่ือแสดงความคิดเห็น

คอื การเขยี นเพ่ือแสดงความคิดเห็นของผเู้ ขยี นในเรอ่ื ง
ต่างๆ เช่น ในเรื่องการศึกษา การเมือง เศรษฐกิจ
สังคม เป็นต้น วิธีเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็น
จําเป็นต้องแสดงขอ้ เท็จจริง ชี้แจงเหตผุ ล ข้อดีข้อเสีย
อย่างชัดเจน เพ่ือให้ความคดิ เห็นของผเู้ ขียนมีนํ้าหนัก
และนา่ เชอื่ ถือ

จดุ มงุ่ หมายของการเขยี น (ตอ่ )

4. การเขียนเพื่อโฆษณา

คือการเขียนเพื่อโน้มน้าว จูงใจ หรือเชิญชวนให้
ผู้อ่านสนใจส่ิงที่เขียนแนะนา เช่น การเขียนคา
โฆษณา คาขวัญ เป็นต้น วิธีเขียนเพ่ือโฆษณาควร
เขียนให้ส้ัน ใช้คาคล้องจอง แปลกใหม่ ซ่ึงสามารถ
แสดงลักษณะของสินค้าท่ีต้องการเน้นอย่างชัดเจน
เพ่ือใหผ้ ู้อ่านจดจาไดใ้ นเวลาอันรวดเรว็

จุดม่งุ หมายของการเขยี น (ตอ่ )

5. การเขยี นเพือ่ สร้างจินตนาการ

คื อ ก า ร เ ขี ย น เ พ่ื อ ถ่ า ย ท อ ด อ า ร ม ณ์ ค ว า ม รู้ สึ ก
จินตนาการ ให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกและเห็นภาพตาม
ผู้เขียน เช่น การเขียนเรื่องสั้น นวนิยาย บทละคร กวี
นิพนธ์ เป็นต้น วิธีเขียนเพื่อสร้างจินตนาการ ผู้เขียน
ต้องเลือกใช้ภาษาอย่างประณีต ละเอียดลออ ลึกซึ้ง ใช้
ภาษาท่ที าใหเ้ กิดภาพพจน์ เป็นต้น

องค์ประกอบการเขียน

1) ผู้เขียน (ผสู้ ่งสาร)
2) ภาษา (สาร)
3) เครอ่ื งมอื ทาํ ให้เกิดสาร (เช่น อักษร ดนิ สอ
สมุด ฯลฯ
4) ผอู้ า่ น (ผู้รับสาร)

ประโยชน์ของการเขียน

1. ทาให้มีการพฒั นาความคดิ ประสบการณ์ท่ีผู้เขียนพบมา
และเขียนใหผ้ อู้ ื่นอา่ น เมือ่ อ่าน แล้วจะไดค้ วามรทู้ างปัญญา
สามารถนาความรู้ท่ีได้มานั้นไปพัฒนาความคิดให้ก้าวไกล
ไม่สับสน ใน ขณะเดียวกันก็นาความรู้นั้นไปใช้ให้เป็น
ประโยชน์ต่อสงั คมและสว่ นรวมตอ่ ไป

ประโยชนข์ องการเขียน (ต่อ)

2. ทาให้เขียนได้ถูกต้อง ข้อความใด ๆก็ตามไม่ว่าจะเป็นการเขียน
จดหมาย เขียนเรยี งความ เขียนย่อความ เขียนบันทึกข้อความ เขียน
คาโฆษณา ที่ได้อ่านน้ันจะช่วยทาให้เขียนได้ถูกต้องในเร่ือง ตัวสะกด
การนั ตแ์ ละในแต่ละครงั้ ทอ่ี า่ นจะชว่ ยให้จดจาคาต่าง ๆ ไดแ้ มน่ ยาข้ึน

ประโยชนข์ องการเขียน (ตอ่ )

3. เกิดข้อคิดเห็นและความรู้ต่างๆ ที่ได้จากการอา่ นข้อเขียน
แบบต่างๆ ในบางคร้ังผู้อ่าน สามารถนาความรู้เหล่านั้นไป
เปน็ ขอ้ คดิ ในการดาเนนิ ชวี ติ

ประโยชน์ของการเขียน (ต่อ)

4. ทาให้มีความรู้ใหม่ ๆ เพ่ิมข้ึน ในการอ่านข้อความที่เขียนใน
บทความ สารคดี หนังสือพิมพ์ นั้นผู้อา่ นจะได้ความรู้ใหม่ๆ คาศัพท์
ใหมๆ่ สานวนใหมๆ่ ท่ีผู้อ่านไม่เคยพบมากอ่ น และสามารถนามาใช้
ได้ต่อเมื่อได้พิจารณาแล้วว่า ส่ิงท่ีอ่านน้ันให้ประโยชน์ใน
ขณะเดยี วกนั คาศพั ทใ์ หมๆ่ นั้น จะตอ้ งเป็นคาสภุ าพและไพเราะดว้ ย

ประเภทการเขียน 2.การเขียนบนั เทงิ คดี
4.การเขียนเชิงวชิ าการ
1.การเขยี นสารคดี 6.การเขยี นบทความ
3.การเขยี นเชิงสรา้ งสรรค์ 8.การเขียนยอ่ ความ
5.การเขยี นแสดงทศั นะคติ 10.การเขียนบรรยาย
7.การเขียนเรยี งความ
9.การเขียนโนม้ นา้ วจติ ใจ

การวิเคราะหผ์ อู้ า่ น

ผู้อ่านมีความสาคัญตอ่ การเขียนเป็นอย่างมาก ดังน้ันผเู้ ขียนจึงควรวิเคราะห์กลุ่มผอู้ ่าน
เพื่อใหไ้ ด้ข้อมลู ของผอู้ ่านอยา่ งชัดเจน ซงึ่ เทคนิคการวิเคราะห์ผู้อา่ นมดี งั น้ี

1. ผู้อ่านมีความรู้เรื่องท่ีผู้เขียนจะเขียนน้ันแล้วหรือไม่ มากน้อย
เพยี งใด
2. ผูอ้ า่ นควรทราบข้อมูลอะไรบา้ งเก่ียวกับหวั ข้อนัน้
3. ผอู้ ่านคาดหวังอะไรจากเรือ่ งทีเ่ ขยี น

การวิเคราะห์ผอู้ า่ น (ตอ่ )

4. ผู้อา่ นมีทัศนคตติ อ่ เรอ่ื งที่เขียนอย่างไร
5. ทาไมผู้อ่านจึงสนใจและทาไมจึงไม่สนใจเร่ืองที่
เขยี น
6. ขอ้ มูลประเภทใดทีผ่ ู้อา่ นยอมรับและเช่ือถอื
7. เขียนอย่างไรใหเ้ หมาะกบั ผู้อา่ น

หลกั การเขยี น

1. ความรับผดิ ชอบ ผูเ้ ขยี นจะต้องมีความรับผิดชอบในความถูก
ต้องของเนื้อหา แสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล มองเห็น
ปัญหาอย่างถถี่ ้วนและลึกซึ้ง มุง่ ให้ผู้อ่านเกดิ ความรู้และ ทัศนะท่ี
ดงี าม อันล้วนแตเ่ ปน็ ประโยชนต์ ่อผอู้ ่านทวั่ ไป

2. ความประณีต ผู้เขียนต้องมีความสุขุมรอบคอบในด้านการ
เสนอเนื้อหาและด้านการใช้ภาษา พยายามขจัดข้อบกพร่องท้ัง
ปวงทจ่ี ะเปน็ อุปสรรคในการสอ่ื สารใหห้ มดส้ิน

หลกั การเขียน (ตอ่ )

3. ความชัดเจน ผู้เขียนจะต้องใช้คาท่ีมีความหมาย
เดน่ ชดั ใช้ประโยคทไ่ี ม่กากวม หรอื คลมุ เครอื
4. ความถูกต้อง ได้แก่การใช้ถ้อยคาภาษาให้ถูกต้องตาม
ระเบียบของภาษา ถูกต้องตาม ความนิยม และเหมาะสม
กับกาลเทศะ

หลักการเขยี น (ตอ่ )

5. ความเรียบง่าย คือการใช้คาธรรมดาที่เข้าใจง่าย แต่มี
ผลกระทบต่อความรู้สึกของผ้อู ่านมาก
6. ความกระชับ ความกระชับคือการใช้คาน้อย แต่สามารถกิน
ความหมายหรอื ให้ ความหมายไดก้ ว้างไกล ชดั เจน มีนา้ หนัก

หลกั การเขยี น (ต่อ)

7. ความประทับใจ เกดิ จากการท่ีผู้เขียนเลือกใช้คาท่ีมีความหมาย
และสามารถฝงั ลกึ ลงไปประทับอย่ใู นจิตใจและความร้สู กึ ของผู้อา่ น
8. ความไพเราะ คอื การละเวน้ การใชถ้ อ้ ยคาที่ไมส่ ภุ าพ หยาบคาย
ไม่ใช้ภาษาตลาด หรือแม้กระท่ังภาษาต่างประเทศ ท่ีอาจทาให้
ผู้อา่ นเกดิ อาการ “ขัดหู” ขน้ึ มาได้

ลักษณะของงานเขียนท่ดี ี

งานเขยี นทดี่ คี วรจะมีลักษณะ ดงั นี้
1. ชัดเจน ผู้เขียนต้องเลือกใช้คาท่ีมีความหมายเด่นชัด อ่านเข้าใจง่าย
ไม่คลมุ เครอื
2. ถูกต้อง ในการเขียนตอ้ งคานึงถึงความถกู ตอ้ งทงั้ ในด้านการใช้ภาษา
ความนิยมและเหมาะสมกับกาลเทศะ
3. กะทัดรัด ท่วงทานองการเขียนจะต้องมีลักษณะใช้ถ้อยคาน้อยแต่ได้
ความหมายชัดเจน

ลกั ษณะของงานเขียนทด่ี ี (ต่อ)

4. มีน้าหนัก งานเขียนที่ดีต้องมีลักษณะเร้าความ
สนใจ สร้างความประทับใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการ
เน้นคา การเรียงลาดับคาในประโยค การใช้
ภาพพจน์
5. มีความเรียบง่าย งานเขียนที่ใช้คาธรรมดาท่ี
เขา้ ใจงา่ ย ไม่ใช้คาฟมุ เฟอื ย ไม่เขียนอยา่ งวกวน

ขั้นตอนการเขยี น

1. กาหนดจุดประสงค์ของการเรยี น
- เขียนอะไร
- เขียนเพือ่ อะไร
- เขียนใหใ้ ครอา่ น

ขัน้ ตอนการเขยี น (ต่อ)

2. เลือกเร่ือง – หวั ข้อทจ่ี ะเขยี น
- เรื่องทมี่ เี น้ือหาชัดเจน
- สามารถจากัดขอบเขตของเนอ้ื หา
- มีแหล่งข้อมลู สนับสนนุ เพยี งพอ
- เร่ืองน่าสนใจแปลกใหม่
- เหมาะกับความรคู้ วามสามารถของผเู้ รียน
- เหมาะกับผอู้ า่ น และเปน็ เรอ่ื งที่ไม่กอ่ ใหเ้ กดิ ความคดั แยง้

ข้นั ตอนการเขยี น (ตอ่ )

3. เขียนโครงเร่อื ง
4. หาแหลง่ ข้อมลู รวบรวมความรู้ หาข้อมลู
ประกอบการเขยี น
5. เรยี บเรียงเน้อื หาตามโครงรา่ งที่กาหนดไว้
6. ตรวจทานแกไ้ ข

การพัฒนาทักษะการเขยี น

การพัฒนาทักษะการเขียน มีความสําคัญมากต่อ
อาชีพนักเขียนหรือผู้ซ่ึงต้องการพัฒนาตนเองใน
งานเขียน การพัฒนาทักษะการเขียนก็มีลักษณะ
ที่คล้ายคลึงกับการพัฒนาทักษะต่างๆ เช่น การ
พัฒนาทักษะการพูด การพัฒนาทักษะการฟัง
การพัฒนาทกั ษะการอา่ น

กระบวนการในการเขียน

1 ขั้นวางแผนการเขียน (Planning Stage) เป็นกระบวนการในการสร้างและเรียบ
เรียงความคดิ รวมท้ังการตัง้ วตั ถุประสงค์ในการเขยี น

2. ขั้นการแปลความคิดเป็นตัวอักษร (Translating Stage) คือขั้นใช้ความรู้ด้าน
กฎเกณฑ์ ภาษา เพอื่ สามารถถ่ายทอดความคดิ ไดตรงวตั ถุประสงค์

3. ขนั้ อ่านทบทวน (Reviewing Stage) เป็นข้ันการประเมินและตรวจทานแก้ไขเพื่อ
ดู ความเหมาะสมและความชัดเจนของเรอื่ ง

การพัฒนาทกั ษะการเขียน

มี 3 ขัน้ ตอน
ขั้นตอนกอ่ นการเขยี น
ขนั้ ตอนลงมือเขยี น
ขั้นตอนหลังการเขียน

การพฒั นาทกั ษะการเขียน (ตอ่ )

ข้นั ตอนท่ี 1 ขน้ั ตอนกอ่ นการเขยี น

1.1 ผู้เขยี นควรทาความเข้าใจรูปแบบตา่ ง ๆ ในงานเขยี น
1.2 การเลือกเร่ืองท่จี ะเขียน
1.3 การรวบรวมข้อมลู มาประกอบ

การพัฒนาทกั ษะการเขยี น (ต่อ)

ข้ันตอนที่ 2 ขัน้ ลงมอื เขยี น

เมื่อได้เตรียมการในขั้นตอนที่ 1 เสร็จแล้วให้ลงมือเขียนรายละเอียด
ตามโครงเร่ืองท่ีวางเอาไว้ โดยมีการขยายความ การอธิบาย การยกตัวอย่าง ให้มี
เนื้อหาท่ีสมบูรณ์ โดยต้องคานึงถึง ลักษณะ รูปแบบ การนาเสนอของงานแต่ละ
ประเภท เช่น การเขียนบทความต้องมีส่วนประกอบคือ การตั้งชื่อเรื่อง คานา เน้ือ
เรื่องและสรุป อีกทั้งต้องแสดงความคิดเห็น สอดแทรกข้อเสนอ และการ
วิพากษ์วิจารณล์ งไปดว้ ย เปน็ ตน้

การพัฒนาทกั ษะการเขยี น (ต่อ)

ขั้นตอนท่ี 3 ข้ันตอนหลงั การเขยี น

สาหรับผู้ฝึกหัดเขียนใหม่ๆ เม่ือเขียนเสร็จแล้ว ควรอ่านทบทวนหลายๆ รอบ
อาจจะอา่ นเสร็จแล้ว ทิ้งไว้สกั 1 อาทติ ยแ์ ลว้ นามาอา่ นใหม่ เพ่ือแก้ไขเพิ่มเติมงานเขียน
ใหส้ มบูรณ์ข้ึน แลว้ พิจารณาวา่ งานเขียนของตนเองมีรูปแบบ ลักษณะ การนาเสนอตรง
กับประเภทของงานเขียนหรือไม่ ตรวจดูคาผิด การใช้คา การใช้ประโยค ภาษา งาน
เขยี นบางประเภทตอ้ งให้ผูท้ รงคุณวฒุ ิตรวจสอบหรืออ่านก่อน เม่ือแก้ไขสมบูรณ์แล้วจึง
จัดสง่ เพือ่ เผยแพร่ตอ่ สาธารณชนต่อไป

กิจกรรมที่ 1

1. ให้นกั ศกึ ษาแบง่ กล่มุ โดยแตล่ ะกลุ่มเลือกหัวข้อที่ผูส้ อนได้เตรียมไว้ กลุ่ม
ละ 1 เร่อื ง
2. แตล่ ะกลุ่มระดมความคิด เขียนบรรยายในเร่ืองที่ได้รับ และนาเสนอหน้า
ชน้ั

กจิ กรรมท่ี 2

1. ให้นักศึกษาแบ่งกลุ่มๆ ละ 5 คน โดยแตล่ ะกลุ่มเลือกภาพท่ีผู้สอนได้
เตรยี มไว้ กลมุ่ ละ 1 ภาพ
2. แต่ละกลุ่มเขียนบรรยายตามภาพท่ีได้รับ และเลือกตัวแทนนาเสนอ
หน้าชั้น


Click to View FlipBook Version