ล่องแก่งลำน้ำว้า
ลำน้ำว้ามีต้นกำเนิ ดมาจากเทือกเขาเดียวกันกับลำน้ำน่ าน คือ เทือกเขา
ผีปั นน้ำ บริเวณพื้นที่ หมู่บ้านนากึ๋น ต.บ่อเกลือ อ.บ่อเกลือ จ น่ าน
ไหลลัดเลาะผ่านพื้นที่ อ สันติสุข อ.แม่จริม จนไปบรรจบกับลำน้ำน่ าน
ที่ อ.เวียงสา จ.น่ าน ณ บริเวณพึ้นที่รอยต่อสามตำบลของ อ.เวียงลาอัน
ได้แก่ ต.ไหลน่ าน ต.ขึ่ง และ ต.กลางเวียง ชึ่งคนท้องถิ่นเรืยกกันว่า
"สบว้า" รวมระยะทางกว่า 300 กม.
ฤดูล่องแก่ง
อยู่ในช่วงเดือน มิถุนายน-กรกฎาคม,กันยายน-มกราคม,สิงหาคมของ
ทุกปี งดทำการล่องแก่ง
การล่องแก่งมีอยู่ 3 ช่วง
1.ช่วงบนสุดจาก บ้านสปั นมายัง บ้านสบมาง ซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่ง
ชาติขุนน่ าน
2.ช่วงกลางที่สุดของสายน้ำสำหรับล่องแก่งจะได้สัมผัสความ สมบูรณ์
ของป่ าดิบ ชื่นชมกับธรรมชาติ 2 ข้างทางที่เต็มไปด้วยน้ำตกน้ อยใหญ่
พรรณไม้นานาชนิ ด ความงามของกำแพงหินรู ปร่างแปลกตา ดื่มด่ำกับ
บรรยากาศแค้มป์ ปิ้ งบนชายหาดธรรมชาติที่กว้างขวางริมน้ำว้า
3.ช่วงล่างแก่ง เหมาะลำหรับการท่องเที่ยว ล่องแก่ง แบบพักผ่อนซึ่งอยู่
ในส่วนของอุทยานแห่งชาติแม่จริม เริ่มจาก บ้านน้ำปุ๊ ไปยัง บ้านหาด
ไร่ มีแก่งที่น่ าสนใจอย่างเช่น แก่งหลวง แก่งต้นไทร แก่งสาลี่ สามารถ
เที่ยวได้ภายในวันเดียวไม่จำเป็ นต้องค้างคืน ปั จจุบันสำนั กงานของ
อุทยานแห่งชาติแม่จริมได้ย้ายที่ทำการจากบ้านน้ำพางมาอยู่ที่บริเวณ
แก่งหลวง จากที่ทำการฯ สามารถ มองเห็นสายน้ำว้าและแก่งหลวง
สวยงาม
บ่อเกลือ
สิ่ งที่ทำให้พื้นเมืองน่ านน่ าเชื่อถือประการหนึ่ ง คือ การยึดครองบ่อเกลือ
เมืองน่ าน ซึ่งเกลือถือว่าเป็ นยุทธปั จจัยชนิ ดหนึ่ ง เป็ นสิ่ งสำคัญที่ขาดไม่
ได้ บ่อเกลือสินเธาว์ที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่ าน นั้ นเป็ นสิ่ งที่แปลกที่
มีแหล่งเกลืออยู่บนพื้นสูง และกันดารห่างไกลจากท้องทะเล ทำให้
หลายคนคิดว่า พื้นที่บริเวณดอยภูคาเคยเป็ นทะเล ทำให้มีนำเค็มหรือ
เกลืออยู่ในภูเขา แต่ความเป็ นจริงแล้วนั กธรณีวิทยาได้สำรวจแหล่งแร่
พบว่าพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ มีชั้นหินเกลืออยู่ใต้ดิน เมื่อน้ าจืดไหลไป
ละลายเกลือและดันออกมาตามพื้นผิวจนเป็ นแหล่งน้ำเค็มสำหรับทำ
เกลือสิ นเธาว์
เกร็ดความรู้จากการเที่ยวน่ าน
1.แม่น้ำมางสายน้ำหล่อเลี้ยงชาวบ่อเกลือกลางแม่น้ำเห็นกระทะเรียงราย
เป็ นปั ญญาในการล้างเกลือออกจากกระทะ
2.ภายในบ่อเกลือจะเป็ นไม้ที่สร้างไว้ตั้งแต่โบราณกาล
3.รอบๆบ่อจะมีโอ่งสำหรับลำเลียงส่ งไปในโรงต้ม
4.คนที่จะขึ้นไปตัดน้ำเกลือได้ต้องผ่านพิธีกรรมแล้วเท่านั้ น
วัดภูมินทร์
วัดภูมินทร์ เดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์" เป็ นวัดที่แปลกกว่าวัดอื่น ๆ
คือ โบสถ์และวิหารสร้างเป็ นอาคารหลังเดียวกันประตูไม้ทั้งสี่ ทิศ
แกะสลักลวดลายโดยช่างฝี มือล้านนาสวยงามมาก นอกจากนี้ ฝาผนั ง
ยังแสดงถึงชีวิตและวัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดาร
ของเมืองน่ าน วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2139
โดยพระเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครอง เมืองน่ านได้สร้างขึ้น
หลังจากที่ครองนครน่ านได้ 6 ปี มีปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนื อว่าเดิม
ชื่อ "วัดพรหมมินทร์" ซึ่งเป็ นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์
ผู้สร้างวัด แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็ นวัดภูมินทร์
สิ่ งที่น่ าสนใจในวัดภูมิทร์
1.พระอุโบสถจัตุรมุข เป็ นพระอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของ
ประเทศไทยพระอุโบสถ ตรงใจกลางประดิษฐานพระพุทธรู ป
ขนาดใหญ่ 4 องค์
2.ภาพจิตรกรรมฝาผนั ง ภาพจิตรกรรมหรือ “ฮูบแต้ม” มีภาพที่
น่ าสนใจอยู่หลายภาพ ภาพเด่น คือ ภาพปู่ ม่านย่าม่าน ซึ่งเป็ น
คำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อในสมัยโบราณกระซิบสนทนากัน
3.สถูปเจดีย์พระมาลัยโปรดโลก ภายในก็จะเป็ นรู ปปั้ นจำลองนรก
สำหรับคนที่ทำบาปว่าจะได้รับผลกรรมเช่นไร
ปู่ ม่านย่าม่าน
ภาพจิตรกรรมฝาผนั งภายในวัดภูมินทร์ จังหวัดน่ าน "ปู่ ม่านย่าม่าน
หรือ หนุ่ มกระซิบ" อันเป็ นผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรพื้นถิ่น
เชื้อสายไทลื้อ ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็ นผลงานที่ปราณีตและ
เป็ นภาพที่โดดเด่นประจำวัดภูมินทร์ โดยเป็ นภาพชายหญิงคู่หนึ่ ง
กำลังกระซิบสนทนา และมีชื่อเสียงว่าเป็ นภาพ "กระซิบรักบันลือโลก"
และกลายเป็ นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองน่ าน
น่ าน (Nan)
ถนนหมายเลขสาม