The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

E-book การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Ponz Haruyuki, 2019-10-15 12:32:04

E-book การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ

E-book การอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ

การออกเสยี งภาษาองั กฤษ(Pronunciation)



คานา

หนังสืออเิ ล็กทรอนิกสเ์ ล่มนี้จดั ทาข้ึนเพื่อใช้เป็นสื่อประกอบการ
เรียนรู้ในการทาวิจัยเร่ืองผลการใช้หนังสืออิเล็กทรอนิกส์เพ่ือพัฒนา
ทักษะการอ่านออกเสียงภาษาอังกฤษ โดยมีเนื้อหาเก่ียวกับการเน้น
เสียงในภาษาอังกฤษ การออกเสียงสูงต่าในภาษาอังกฤษ การออก
เสียงต่อเน่ืองกัน โดยคณะผู้จัดทาหวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าหนังสือ
อเิ ล็กทรอนกิ ส์เล่มนีจ้ ะเป็นประโยชนต์ ่อผู้ศึกษาต่อไป

คณะผู้จัดทา



สารบญั

เรือ่ ง หนา้

คานา ก

สารบัญ ข

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี1 การเนน้ เสียงในภาษาองั กฤษ 1

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่2 การออกเสียงสูงต่าในภาษาองั กฤษ 11

หน่วยการเรียนรูท้ ี่3 การออกเสียงต่อเนือ่ งกนั 15

อ้างอิง 22



*ข้อแนะนา*
เพอ่ื การเรยี นรู้อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ
โปรดคลิก เพ่ือฟังเสียงและออกเสยี งตาม

1

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่1 การเนน้ เสยี งในภาษาองั กฤษ(Stress)

การเน้นเสยี งในภาษาอังกฤษ (Stress) หมายถงึ การออกเสียง
เนน้ หนักเบา ซึ่งเป็นปัญหาสาคัญอย่างหนงึ่ สาหรับผู้พูดภาษาอังกฤษที่
ไมใ่ ชเ่ จา้ ของภาษา เพราะถา้ ออกเสยี งเนน้ หนักผดิ พยางค์กอ็ าจจะทาให้การ
สอื่ สารเกิดความเข้าใจผดิ ได้ โดยการเน้นเสียงหนักแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
ดังนี้
1. เสยี งเนน้ หนักในคา (Word Stress)
2. เสียงเน้นหนกั ในประโยค (Sentence Stress)

2

1. เสยี งเนน้ หนกั ในคา (Word Stress)
เสียงเน้นหนกั ในคา(Word Stress)หมายถงึ การเนน้ เสียงหนกั ใน
พยางค์หนึ่งของคา โดยท่ผี ู้พูดจะออกเสียงพยางคน์ นั้ ดังกว่าพยางค์อน่ื ๆ ใน
คาเดยี วกนั หลักเกณฑส์ าหรบั การลงเสยี งเนน้ หนกั ในคา (Word Stress)
และในพยางค์(Sylabic Stress) สามารถสรุปได้มดี ังนี้

การเนน้ เสยี งหนกั คาทมี่ ี 2 พยางค์

1.1 คานาม (Nouns) และคาคณุ ศัพท์ (Adjectives) มักจะเนน้ เสยี ง
หนักในพยางค์แรก เชน่
คานาม (Nouns)

Teacher Table Lecture Picture
คาคณุ ศพั ท์ (Adjectives)

Scary Funny Pleasant Happy

3

1.2 คากรยิ า (Verbs) ที่มี2พยางคม์ ักเนน้ เสียงพยางค์ท่สี อง แตห่ าก

คากรยิ ามี prefix จะเน้นเสยี งที่คารากศพั ทแ์ ทน เชน่

com- complain compare

con- contain commute

pre- present prepare

sup- support supply

sub- subtract subvert

4

*Stress and Grammar*

คา2พยางคบ์ างคาทาไดห้ ลายหน้าท่ี หากทาหน้าทเ่ี ป็นคานาม(Nouns)

จะเนน้ เสียงหนกั ที่พยางค์แรกแต่เมื่อทาหน้าท่ีเปน็ คากริยา(Verbs)จะเนน้

เสยี งหนกั พยางคท์ ี่สอง เชน่

Nouns Verbs

Conduct Conduct

Protest Protest

Progress Progress

Permit Permit

ตวั อยา่ งประโยค

The class presented the teacher with a present.

The rebels are planning to rebel next month.

5

การเนน้ เสยี งคาทม่ี ี 2 พยางคข์ นึ้ ไป

1.3 คาท่ีลงทา้ ยด้วย -al, -ate, -ble, -ly, -lar, -ment, -ty, -ful, -

ness, -ing, -ize, -ary

จะลงเสยี งหนกั ทพ่ี ยางค์ท่ี 3 นบั จากทา้ ย เช่น

-ble possible believable suitable

-lar formular popular acicular

-ness happiness loneliness business

-ment development Investment entertainment

-ful powerful colorful meaningful

-al refusal withdrawal approval

6

-ate coordinate abominate abdicate

-ly beautifuly suddenly hopefuly

-ty sanity banality diversity

-er trickster racketeer engineer

-ize apologize organize recognize

-ary secondary voluntary secretary

7

1.4 หากลงท้ายดว้ ย -ian, -ic, -ish, -sion, -tion, -tive, -ter,

-cial, -cious, -graphy จะลงเสยี งหนักพยางคท์ ี่ 2 นบั จากท้าย

(พยางค์หนา้ suffix) เชน่

-ter minister presenter habiter

-tive abortive additive consultative

-tion organization donation information

-ic economic biologic aerobic

-sion admission television compassion

8

-cial provincial commercial artificial
-cious delicious spacious atrocious
-graphy geography photography radiography
-ish abolish admonish English
-ian academician vegetarian physician

1.5 คาทเ่ี ตมิ prefix และ suffix เวลาออกเสียงจะเนน้ เสียงหนกั

ทร่ี ากศัพทข์ องคา เช่น

incorrect inattention

impossible immature

9

2. เสียงเนน้ หนกั ในประโยค (Sentence Stress)
เสยี งเนน้ หนักในประโยค (Sentence Stress) หมายถึง การลง

เสียงหนกั ทค่ี าใดคาหนง่ึ ในประโยค เพื่อใหผ้ ู้ฟังสามารถเขา้ ใจความหมาย
ไดง้ ่ายขึน้ โดยมหี ลกั การเนน้ เสียงใหถ้ กู ตามลกั ษณะภาษา ดงั นี้
2.1 มักจะลงเสยี งหนักท่ีคาจาพวก content words ไดแ้ กพ่ วกคา
คานาม(nouns), คากรยิ า(verbs), คาคุณศพั ท์(adjectives),
สรรพนามช้ีเฉพาะ(demonstratives pronoun), ประโยคคาถาม
(interrogative)และคากริยาวิเศษณ์(adverb)

สว่ นคาจาพวก function words มักจะลงเสยี งเบาได้แก่
คานาหนา้ นาม(articles), คาบุพบท(prepositions), คาสรรพนาม
(pronouns), คาสนั ธาน(conjunction), กริยาชว่ ย(auxiliary verbs)
และประพนั ธสรรพนาม(relative pronouns) เชน่

My brother and my sister may come tomorrow.
The books is on the table.
His friends was kiled yesterday.

) 10
)
2.2 เม่อื พูดประโยคยาวๆ มกั จะหยดุ เลก็ นอ้ ย เพือ่ เน้นขอ้ ความท่เี รา
)ต้องการส่อื ให้เดน่ ชดั มากยิง่ ขึน้ เช่น)

When my husband comes home, I’l tel him
the truth.

We have to go straight ahead around 5 minutes,
it’s in front of the bank

I’l be glad, if you can come to my birthday party.

2.3 มกั ออกเสยี งเช่ือมคาหรือพยางค์(Linking) โดยจะมกี ารทอดเสียง
สดุ ท้ายของคาหนา้ ใหต้ ่อเน่อื งกับเสยี งแรกของคาต่อไป

one or two
bacon and eggs
Far away
)

11

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 การออกเสยี งสงู ต่าในประโยคภาษาองั กฤษ
(Intonation)

การออกเสียงสูงตา่ ในประโยคภาษาอังกฤษ (Intonation) คือ การออก
เสียงสูงตา่ ในประโยค ซง่ึ จะเนน้ เสยี งที่คาหลังสดุ ถ้าระดบั โทนเสยี งทต่ี ่างกันก็
จะทาใหค้ วามหมายทีจ่ ะสื่อต่างกนั ไปดว้ ย โดยทว่ั ไปมี 2 แบบคือ

2.1 การขึ้นเสยี งสูง (Rising Intonation)
2.2 การลงเสยี งตา่ (Faling Intonation)

12

2.1 การขึน้ เสยี งสงู (Rising Intonation)

2.1.1 ใช้ลงทา้ ยประโยคคาถามทเี่ ปน็ แบบ yes / no question
Is she a teacher?
Can I see it?
Is it raining outside?
Must she go?

2.1.2 ใช้กบั ประโยคบอกเล่าธรรมดาทเ่ี ราตอ้ งการใหม้ ันเปน็ คาถาม เชน่
You like it?
This is your pens?
You wil play golf with me?
I can do this?

2.1.3 ใช้ในการแสดงการทักทาย เช่น 13

Good Morning
Good afternoon
Good evening

2.1.4 ใช้ในการเกร่นิ นาก่อนเขา้ เนอื้ หา เช่น
As we know, Thailand is an agricultural country.
I’d like to get started, if I may.
Does anyone know?

2.1.5 ใช้ในการพูดถงึ สง่ิ ของที่มีหลายอยา่ งเปน็ หมวดหมู่ ซ่ึงมักข้นึ เสียงสูงทกุ คา
แล้วลงเสยี งต่าท่คี าสดุ ทา้ ย เชน่

I like to eat vegetables like carrot, tomato, and
cabbage.

My mother likes to cook steak, fried rice and omelet.

2..2 การลงเสยี งต่า (Falling Intonation) 14

2.2.1 ใชก้ บั ประโยคที่มีใจความสมบูรณ์ธรรมดา เชน่

My name is John.

It’s nice to meet you.

Get wel soon.

I am a teacher.

2.2.2 ใชส้ าหรบั คาลงทา้ ยของประโยคคาถาม What Where Who

When Why How How much เช่น

Where are you going?

How are you doing?

Who is your teacher?

What happened?

2.2.3 ใชก้ บั ประโยคคาสง่ั ทีเ่ น้น เชน่

Sit down.

Get out!

Go away.

Listen to me!

15

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 การออกเสยี งตอ่ เนอื่ งกนั
(Connected Speech)

การออกเสียงต่อเนื่องกัน (Connected Speech) คือ การท่ี)
ออกเสียง 2 คาท่ีอยู่ติดกันเป็นเสียงสุดท้ายของคาแรกและเสียงแรก
ของคาหลัง เชื่อมกันจนอาจจะต้องเปลี่ยนเสียงที่ออก ท้ังน้ีเพื่อช่วยให้
การออกเสยี งง่ายหรือไหลลื่นขนึ้
การออกเสียงต่อเน่อื งกัน แบง่ ออกเปน็ 4 แบบ คือ
1. เสียงเชอื่ มกนั (Linking sounds)
2. เสียงหายไป (Elision Sounds)
3. เสยี งรวมกนั (Assimilation Sounds)
4. เสยี งเปล่ียน (Geminates sounds)

) 16
) ))
1. เสยี งเชอ่ื มกัน (Linking sounds) มอี ยู่ 3 ลักษณะ คือ
)))
1.1 เสยี งพยญั ชนะเชือ่ มกบั เสียงสระ (Consonant to vowel linking)
เมื่อคาแรกลงท้ายดว้ ยเสยี งพยญั ชนะและคาหลงั ข้นึ ต้นด้วยเสยี งสระ
เสยี ง 2 เสียงน้ีกจ็ ะเชอื่ มกัน เช่น

A box of egg เมือ่ x กับ o เชื่อมกันออกเสียงเปน็ /ə/
เมือ่ x กบั o เช่ือมกันออกเสียงเปน็ /f/

watch out เมอื่ ch กับ o เช่ือมกนั ออกเสยี งเปน็ /ch/
What’s up? เมื่อ s กบั u เชอ่ื มกันออกเสยี งเปน็ /s/

1.2 เสยี งสระเชอื่ มกบั เสียงสระ (Vowel to vowel linking) เมอื่ คาแรก
ลงท้ายดว้ ยเสยี งสระและคาหลังข้ึนต้นดว้ ยเสยี งสระ เมื่อเชื่อมกนั แล้วจะ
กลายเปน็ เสยี งได้ 2 เสียงคือ เสียง /w/และเสยี ง /y/ แทน เชน่

Too often เม่ือ o กบั o เชอื่ มกนั ออกเสียงเป็น/w/
Two eggs เมอ่ื o กับ e เช่อื มกนั ออกเสียงเป็น/w/
Three eggs เม่อื x กับ o เช่ือมกนั ออกเสยี งเป็น/j/

17

1.3 เสียง /r/ เชื่อมกับเสียงสระ (Linking 'r’) คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษทลี่ ง
ทา้ ยดว้ ย /r/ ท้ายคาไมอ่ อกเสยี ง แต่ถ้าคาถดั ไปเรม่ิ ตน้ ด้วยเสียงสระ
เสยี ง /r/ ก็จะต้องไปเช่อื มกบั เสยี งสระ เชน่

Car owner
My hair is black
He became an expert after a year of study.
I can see something in your eye.
)
)

)
)

18

2. เสยี งหายไป (Elision Sounds)

ในกรณที ่ีเสียงตวั /t/ หรอื /d/ ไปอยู่ระหวา่ งเสยี งพยญั ชนะ 2
เสยี ง เราไมอ่ อกเสยี งตัว /t/ หรือ /d/น้ี เชน่

I'm going nex(t) week.
That was the wors(t) job I ever had!
Jus(t) one person came to the party!
I can’(t) swim.
There was jus(t) one problem.

) 19
))
3. เสยี งรวมกนั (Assimilation Sounds) เมอ่ื เสยี งทา้ ยของคา

แรกและเสียงแรกของคาหลังเปน็ เสียงพยญั ชนะเสยี งเดยี วกนั เราต้องออก
เสยี ง 2 เสยี งนเ้ี ป็นเสียงเดียวกัน เชน่

I'm a bit tired.
เมอื่ t กบั t เสยี งรวมกนั เปน็ เสยี ง /t/
She's slept for three hours.
เมอื่ s กับ s เสยี งรวมกันเปน็ เสียง /s/
I’ve finished
เมอ่ื f กับ f เสียงรวมกนั เปน็ เสยี ง /f/

20

4. เสยี งเปล่ียน (Geminates Sounds) เมื่อคาแรกลงทา้ ยดว้ ย

เสยี งพยัญชนะและคาหลงั ก็ข้ึนต้นด้วยเสียงพยัญชนะ เสยี งสุดท้ายของคา
แรกหรอื เสยี งทง้ั สองจะเปลี่ยนไป ส่วนจะเปลี่ยนไปเป็นเสียงอะไร ก็ขนึ้ อยู่
กบั ความเฉพาะของท้ัง 2 เสยี งนี้ เช่น

She's a good girl. (goog girl)
เชื่อมกันออกเสยี งเปน็ /g/
He's a good boy. (goob boy)
เชอ่ื มกนั ออกเสยี งเปน็ /b/
I only use white paper. (whipe paper)
เชื่อมกันออกเสียงเป็น /p/
I've never been in speed boat. (speeb boat)
เชื่อมกนั ออกเสียงเปน็ /b/

21

รายชอ่ื ผจู้ ดั ทา
นางสาว กลุ ณฐั รัตนอุไร
นางสาว ฐิตพิ ร ทองเจริญพิพฒั น์
นางสาว สพุ ัตรา สุวรรณรตั น์

22

อ้างองิ

พพิ ัฒน์. การออกเสียงต่อเนอ่ื งกนั (Connected Speech). (ออนไลน์).
2555. แหล่งทม่ี า: https://english-for-thais-2.blogspot.com.
( 1 สิงหาคม 2562)
Nick Pierson. Sound of Text. (ออนไลน์). (ม.ป.ป.).
แหล่งทีม่ า: http://www.soundoftext.com ( 1 สงิ หาคม 2562)
Welona. (ออนไลน์). 2555. การเน้นเสียงในภาษาอังกฤษ.
แหลง่ ท่มี า: http://wantongnoon.blogspot.com ( 1 สิงหาคม 2562)




Click to View FlipBook Version