อารยธรรม
เมโสโปเตเมยี
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
• เปน็ แหลง่ อารยธรรมท่ีหลายกลุม่ ผลัดเปลยี่ นกันเข้ามามีอานาจและ
ครอบครอง ยดึ ครอง
• เมโสโปเตเมีย แปลว่า ดนิ แดนระหวา่ งแม่นา้ ตงั้ อย่รู ะหว่างแมน่ ้า ไทกรสิ
(Trigris)และยูเฟรติส(Euphrates)
• ต้งั อยบู่ ริเวณทเ่ี รียกว่า ดนิ แดนอดุ มสมบรู ณพ์ ระจันทรเ์ สย้ี ว (The Fertile
Cresent) เป็นบรเิ วณท่ีอดุ มสมบรู ณ์มากทส่ี ดุ ในตะวันออกกลางเพราะ
โดยรอบเปน็ ทะเลทราย
• เปน็ แหล่งอารยธรรมท่ีเกา่ แก่ทสี่ ดุ ในโลก
• แหลง่ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย ปัจจุบัน อยูใ่ นเขตประเทศอิรกั (Iraq)
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
สมัยอาณาจกั ซูเมเรียน
(3200-2300 ปีก่อนครสิ ตศ์ กั ราช)
แมน่ ้าไทกรสี -ยเู ฟตีส
ต้นนา้ อยูท่ ี่ทะเลสาบในเทือกเขาของแคว้นเคอร์ดิสถาน
ทางตอนใต้ของเมอื งเอลาซีของประเทศตุรกสี ว่ นทีอ่ ยใู่ นทวีป
เอเชีย ไหลไปทางตะวนั ออกเฉียงใต้ผ่านเมืองดยิ าร์บากีรใ์ น
ประเทศตรุ กเี มอื งโมซลุ และกรงุ แบกแดดในประเทศอริ กั
มคี วามยาว 1,890 กิโลเมตร ไปบรรจบกับแมน่ ้ายเู ฟรทสี
ทีเ่ มอื งอัลกูรน์ ะห์ ทางด้านตะวนั ออกเฉยี งใตข้ องประเทศอริ ัก
กลายเป็นแมน่ ้าชัตตอ์ ัลอาหรบั
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
สมัยอาณาจกั ซูเมเรียน
(3200-2300 ปีกอ่ นคริสตศ์ ักราช)
ที่ชาวสุเมเรยี จัดตง้ั หลกั ปกั ฐานในบรเิ วณแมน่ ้าไทกรสิ -ยูเฟรทีสได้
อาศยั อยู่ตามบรเิ วณเนนิ เขาและจดั ตง้ั เปน็ หมบู่ า้ น รจู้ กั เลี้ยงสัตว์และ
เพาะปลกู ตลอดจนประดษิ ฐ์เครอื่ งมือเคร่ืองใชเ้ พอ่ื การทานา เช่น จอบ
และเสียม จนเกิดเปน็ “การปฏวิ ัตเิ กษตรกรรม”
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย
สมัยอาณาจกั ซเู มเรียน
(3200-2300 ปีก่อนครสิ ตศ์ กั ราช)
ในเวลาไมน่ านพวกซูเมเรยี ก็อพยพลงไปตง้ั ถิ่นฐานบรเิ วณลุม่ แม่น้าและพฒั นาการ
เกษตรแบบชลประทานซง่ึ ใหผ้ ลผลติ มากขึน้ เกิดการสร้างสังคมทซี่ บั ซ้อนและสถาบัน
ทางสังคมแบบใหม่การปฏสิ มั พันธร์ ะหวา่ งเทคโนโลยีใหมก่ ับสถาบันใหม่ๆจงึ กอ่ ให้เกดิ
ความสัมพนั ธเ์ ชิงลกู โซ่และนาไปสูก่ ารเปล่ยี นแปลงอน่ื ๆจนเกดิ เปน็ “อารยธรรม”
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 1.ชาวสเุ มเรยี น (Sumerian)
มรดกทางวฒั นธรรม
สมัยอาณาจกั ซูเมเรียน
(3200-2300 ปีกอ่ นคริสตศ์ กั ราช)
อกั ษรคนู ฟิ อร์ม มหากาพยก์ ิลกาเมซ ซกิ กแู รต
ชาวซูเมเรยี ประดษิ ฐต์ ัวอกั ษรขน้ึ วรรณกรรมทีส่ าคญั ของชาวสเุ ม มีการสรา้ งสรา้ งเทวสถานขนาด
เปน็ คร้งั แรกของโลก เรียกวา่ อกั ษรคู เรยี นซึ่งต่อมาตกทอดไปยงั พวกบา ใหญ่ เรยี กว่า ซกิ กูแรต เพอื่ ใช้บูชา
นิฟอรม์ หรอื อักษรล่มิ บโิ ลนและเปน็ ทีน่ ิยมแพร่หลายในชอื่ พระเจา้ และใช้เป็นที่สอนหนังสือ
มหากาพยก์ ิลกาเมช ให้แก่นักบวชรุน่ เยาว์
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
สมยั อาณาจกั ซูเมเรยี น
(3200-2300 ปกี ่อนคริสต์ศักราช)
1.ชาวสุเมเรียน (Sumerian)
ซกิ กูแรต
พวกซูเมเรยี จงึ ทุ่มเทใหก้ ับการสร้างสถาปัตยกรรมขนาด
ใหญ่ที่มีลกั ษณะคลา้ ยภเู ขาซงึ่ เปน็ สิง่ ทมี่ ขี นาดสูงใหญ่ทส่ี ุดตาม
ธรรมชาติเรยี กว่าซกิ กูแรตเพ่ือเป็นเทวสถานในการบชู าพระเจา้
หรือเทพประจาเมืองเพอ่ื ไมใ่ ห้พระองค์ทรงขนุ่ เคืองและลงทณั ฑ์
มนุษยด์ ว้ ยภัยต่างๆรวมท้ังเป็นทีส่ อนหนังสือให้แก่นักบวชรุน่
เยาวเ์ พอ่ื ใหม้ ีความรตู้ า่ งๆและใหอ้ า่ นออกเขยี นได้
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 1.ชาวสุเมเรยี น (Sumerian)
มรดกทางวัฒนธรรม
สมยั อาณาจกั ซเู มเรียน
(3200-2300 ปกี อ่ นคริสต์ศักราช)
• การประดษิ ฐจ์ านหมนุ เพอื่ ใช้ในการป้ันภาชนะดินเผาราว
2500 ปีกอ่ นครสิ ตศักราชถอื วา่ เปน็ เคร่ืองกลชนิดแรก
ของโลก
• ความสามารถทางคณิตศาสตรร์ ู้จกั นาระบบฐานเลข 60
ในการแบ่งเวลาและมมุ เพือ่ คานวณพื้นทข่ี องวงกลมการ
หาระยะทางการคานวณการคดิ มาตราช่ังวัดตวง
• การสรา้ งวงลอ้ ท่ปี ระกอบติดกบั เพลา เพื่อใชก้ บั เกวียนและ
รถศกึ ทาให้การรบมปี ระสิทธิภาพ
• สนใจการโคจรของดวงอาทติ ย์ ดวงจนั ทร์ และดาวเคราะห์
อนั เป็นทม่ี าของวชิ าโหราศาสตร์ และดาราศาสตรใ์ นเวลา
ต่อมา
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 2.ชาวอัคคาเดยี น
(Akkadian)
สมยั อาณาจักซูเมเรียน
(3200-2300 ปีก่อนคริสต์ศกั ราช) พระเจ้าซารก์ อนท่ี 1
• อาณาจักรซูเมเรียได้ถูกพระเจ้าซารก์ อนท่ี 1
เผ่าซไี มต์ แห่งอาณาจกั รอัคคาเดยี น ทาง
ตอนเหนอื เขา้ รกุ รานและยดึ ครองได้
• พระเจา้ ซารก์ อนท่ี 1 ก่อตงั้ จกั รวรรดสิ ุเมโร-
อคั คาเดยี น มีเมืองหลวงชื่อวา่ อัคคัด
• อานาจของจักรวรรดินีแ้ ผ่ขยายการปกครอง
จากดนิ แดนเปอร์เวยี ถงึ ชายฝ่ังทะเล
ตะวันออกของทะเลเมดิเตอรเ์ รเนียน
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 3.ชาวอะมอไรต์ (Amorite)
มรดกทางวฒั นธรรม
สมัยอาณาจักรบาบโิ ลนเกา่
2,000 ถงึ 1600 ปกี ่อนครสิ ตศกั ราช
• ชนเผ่าอะมอไรตเ์ ข้าพิชติ ดินแดน ประมวลกฎหมายฮมั มูราบี
ทง้ั หมดของพวกซูเมเรีย และสรา้ ง
ศูนยก์ ลางอานาจปกครองทกี่ รุงบาบิ พระเจ้าฮมั บรู าบีมหี ลกั การ
โลน จงึ ถกู เรียกวา่ “พวกบาบิโลน” ของกฎหมายมรี ากฐานมาจาก
พวกสุเมเรยี จะได้จัดใหเ้ ปน็
• ชาวอะมอไรต์ใชภ้ าษาตระกูลเซมติ ิก ระบบเปน็ การสร้างความ
• อาณาจักรมีลักษณะเปน็ รฐั สวัสดิการท่ี ยตุ ิธรรมให้แกส่ งั คม ยดึ ถอื
หลกั ตาตอ่ ตาฟันต่อฟันในการ
รฐั ดแู ลพลเมืองอย่างใกล้ชดิ ลงโทษ แนวคิดเรื่องความ
ยุติธรรมไดก้ ลายเปน็ รากฐาน
ของกฎหมายในประเทศต่างๆ
ในปจั จบุ ัน
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 4.ชาวฮติ ไทต์ (Hittie)
สมัยอาณาจกั รบาบิโลนเก่า มรดกทางวัฒนธรรม
2,000 ถึง 1600 ปกี ่อนครสิ ตศักราช
• พวกฮติ ไทต์ เผา่ อนิ โด- รถศึกเทยี มมา้ ในสนามรบ
ยโู รเปยี นเขา้ รุกรานจกั รวรรดิ
บาบโิ ลเนยี นและปกครองเมโส เป็นนกั รบใช้อาวุธทาด้วยเหล็กทีจ่ ะ
โปเตเมียประมาณ 500 ปกี อ่ น ทาโรงงานผลิตอาวุธเหลก็ ก่อนท่ีจะมี
คริสตศ์ กั ราช การใช้กนั อย่างแพรห่ ลายและใชร้ ถ
เทียมม้าแทนรถศึกในการส้รู บ
ประตสู ิงโตในเมอื งฮัตตซู า
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 5.ชาวอสั ซีเรยี น
(Assyrian)
สมัยจักรวรรดิอัสซเี รยี
1,300 ถงึ 612 ปีกอ่ นคริสตศกั ราช
• ใน 671 ปีกอ่ นครสิ ต์ศักราช พวกเซมติ ิก สามารถเขา้ ยึดครองดนิ แดน
ท้ังหมดของเมโสโปเตเมียรวมท้งั อยี ิปตต์ อนเหนือ
• ทาใหอ้ สั ซเี รียเปน็ เจา้ แห่งดินแดนวงพระจนั ทรเ์ สย้ี วไพบลู ย์ที่
ครอบคลมุ พนื้ ท่ตี ั้งแต่อ่าวเปอร์เซยี จนถงึ ริมฝ่งั ตะวันออก ของทะเลเมดิ
เตอร์เรเนยี นและอียปิ ต์
• มีศูนยก์ ลางการปกครอง ณ เมืองนิเนเวห์
• พวกเขามคี วามเชือ่ ว่ากษตั รยิ ข์ องตนเปน็ สมมตเิ ทพหรือผู้แทนของพระ
เจา้
ดินแดนวงพระจันทรเ์ ส้ยี วไพบลู ย์
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 5. ชาวอสั ซเี รยี น (Assyrian)
สมยั จักรวรรดิอัสซเี รยี
1,300 ถึง 612 ปีก่อนครสิ ตศักราช มรดกทางวัฒนธรรม
นยิ มสร้างวงั แทนวัดเพ่ือเป็นท่ี ประตมิ ากรรมนูนตา่ ห้องสมดุ นเิ นเวห์
ประทบั และศูนย์กลางการปกครอง
สรา้ งขึ้นเพือ่ เชดิ ชู กษัตรยิ ์ในฐานะ ประติมากรรมนนู ต่า (bas relief) กษตั รยิ ์อัสซูรบ์ านปิ าลได้สะสม
นักรบและนักล่า กษัตริย์อัสซูรบ์ านปิ าล กาลงั แทงหอกใส่ ผลงานเขยี นอักษรลม่ิ ซง่ึ เปน็ มรดก
สิงโต แสดงให้เห็นถงึ ความกลา้ หาญของ จากซเู มอร์และบาบโิ ลนเกา่ เป็นจานวน
กษตั รยิ อ์ ัสซีเรยี ถงึ 20,000 แผ่นไว้ในพระราชวัง
รวมทง้ั เร่ืองมหากาพยก์ ลิ กาเมชดว้ ย
อารยธรรมเมโสโปเตเมีย 6.ชาวคาลเดียน
(Chaldean)
สมยั อาณาจกั รคาลเดยี หรือบาบิโลนใหม่
612 ถึง 537 ปีก่อนคริสต์ศักราช
พระเจา้ เนบูคัดเนซซาร์ • พวกคาลเดยี นโจมตแี ละยึดครองเมอื งนิเนเวห์ โดยตงั้ อาณาจักรบาบิ
โลนใหม่
• กษัตรยิ ์องคส์ าคัญ ได้แก่ พระเจ้าเนบูคดั เนซซาร์ สามารถพชิ ติ กรุง
เยรซู าเลม็ และกวาดต้อนเชลยชาวยิวคนใหมม่ กี ารกอ่ สร้างและขยาย
เมืองบาบโิ ลนจนใหญ่โตและมีกาแพงขนาดใหญล่ ้อมรอบ
• มกี ารกอ่ สร้างและขยายเมอื งจนใหญ่โต สรา้ งพระราชวังหลายช้นั แตล่ ะ
ช้ันปลูกตน้ ไมน้ านาพันธ์ุ จนได้ชื่อวา่ “สวนลอยแหง่ บาบิโลน” เป็น 1
ใน 7 ของสิง่ มหศั จรรยข์ องโลกยคุ โบราณ
• ใน 539 ปกี ่อนคริสตศ์ กั ราชอาณาจักรบาบิโลนใหมท่ กุ กองทพั ของพระ
เจา้ ไซรสั มหาราชแห่งเปอรเ์ ซยี บกุ เข้ายึดครองอาณาจักรบาบิโลนใหม่
ถูกรวมเขา้ เปน็ ส่วนหน่งึ ของอาณาจักรเปอรเ์ ซยี ท่อี านาจ นับเปน็ การ
สิ้นสดุ ประวตั ิศาสตรข์ องดนิ แดนเมโสโปเตเมยี ในยุคโบราณ
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี
สมัยอาณาจักรคาลเดยี หรอื บาบิโลนใหม่ 6.ชาวคาลเดยี น (Chaldean)
612 ถึง 537 ปกี อ่ นครสิ ตศ์ กั ราช มรดกทางวฒั นธรรม
หอคอยแห่งบาเบล สวนลอยแห่งกรุงบาบโิ ลน ดา้ นดาราศาสตร์
มีการสรา้ งซกิ กแู รตขนาดใหญซ่ ่ึงรจู้ กั สร้างโดยพระเจ้าเนบคู ัดเนซซารท์ ี่ 2 สร้าง มกี ารแบง่ สัปดาหอ์ อกเปน็ 7 วนั วนั
ตอ่ มาวา่ หอคอยแหง่ บาเบล ดงั ปรากฏ ใหแ้ กม่ เหสีของพระองคช์ ือ่ พระนางอมที ิส ละ 12 คาบ คาบละ 120 นาที สามารถ
เรอื่ งราวในคัมภรี ์ไบเบิลเชอื่ ว่า เปน็ ระเบยี งทุกชนั้ ได้รบั การตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ พยากรณ์สรุ ิยุปราคา และเวลาการ
ส่ิงก่อสร้างทมี่ ีจุดม่งุ หมายใหส้ งู ไปถงึ สวรรค์ ประดับ ไม้ยืนพุ่มชนิดต่าง ๆ มรี ะบบ โคจรของดวงอาทิตยไ์ ดถ้ ูกตอ้ ง และให้
เกดิ จากความสามคั คขี องมนุษย์ ชลประทานชักนา้ จากแม่นา้ ยเู ฟรตสี ไปทาเป็น ความสาคัญแกว่ ิชาโหราศาสตร์
นา้ ตกและนาไปเล้ยี งตน้ ไมต้ ลอดปี
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 7.ชาวฟินเิ ชียน (Phoenicians)
มรดกทางวัฒนธรรม
สมยั อาณาจกั รขนาดเล็ก
1, 200 ถงึ 700 ปกี อ่ นคริสต์ศักราช
• ฟนิ เิ ชียเปน็ ชือ่ ท่ชี าวกรกี ใชเ้ รียกพวกแคนาไนต์ อาศยั อยชู่ ายฝ่ังทะเลเมดิเตอร์เร อักษรเฮยี ราติก
เนยี นในซเี รยี ปัจจบุ นั คือเลบานอน
นวัตกรรมตัวอกั ษรทใี่ ชแ้ ทนเสียง โดย
• มีความสามารถทางการค้า สรา้ งเรือเดินสมทุ รและจดั ต้งั อาณานคิ มก่อนชาวกรีก ปรบั ปรงุ แก้ไขอักษรเฮียราติกและอักษรล่มิ
• สรา้ งอาณาจกั รคาร์เทจทางตอนเหนือของแอฟรกิ า และอาณาจกั รในเกาะซซิ ลิ ี จนเกิดเป็นพยญั ชนะ 22 ตัว ชาติต่างๆ ได้
• พวกเขายังมีความสามารถในการทาเคร่อื งเรือนเครือ่ งแก้วเครื่องโลหะและ นาไปดัดแปลงจนเปน็ ตัวอกั ษรของตน
โดยเฉพาะในภาษากรีกและละตนิ จงึ ถอื ว่า
เคร่ืองประดับและรจู้ กั ยอ้ มผ้าโดยใช้สีจากเปลือกหอย เปน็ ตน้ ตระกูลของอักษร
• 750 ปีก่อนครสิ ตศ์ ักราชพวกอัสซีเรยี ไดย้ ึดครองดินแดนที่สาคัญสาคัญของพวก ของชาติตะวนั ตก
ฟินเี ชียได้เกือบทั้งหมดยกเว้นเมืองไทร์
• 571 ปกี ่อนคริสต์ศกั ราชได้ตกเปน็ พวกของคาลเดียนหรอื พวกบาบโิ ลนใหมส่ ว่ น
อาณาจักรคารเ์ ทจไดถ้ ูกกองทพั โรมนั ทาลายในสงครามพวิ นคิ เมอื่ 146 ปีกอ่ น
ครสิ ตศ์ ักราช
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 7.ชาวฮิบรู (Hebrew)
สมัยอาณาจักรขนาดเลก็ มรดกทางวฒั นธรรม
1, 200 ถึง 700 ปกี อ่ นคริสต์ศักราช
การนบั ถอื พระเจ้าองค์เดยี ว
• ชาวฮบิ รหู รือชาวยวิ เปน็ ชนเผ่าเซมติ ิก เรือ่ งราวปรากฏใน
พันธสัญญาเกา่ (ไบเบิลเก่า) เชือ่ กนั วา่ บรรพบรุ ษุ ชาวฮบิ รู พันธสญั ญาเดมิ (Old Testament)
คือ อบั ราฮมั ซึ่งอพยพมาจากเมืองอูร์
เป็นภาคแรกของพระคัมภรี ์ไบเบิล สะท้อนใหเ้ ห็นถงึ
• พวกยิวถูกกวาดตอ้ นไปเป็นทาสในสมัยอาณาจกั รบาบิโลน แนวคดิ วัฒนธรรม และความเป็นอยู่ของผู้คน มี
ใหม่ ต่อมาตกอยู่ภายใตก้ ารปกครองของเปอรเ์ ซีย กรีก และ ความสาคญั อย่างยิง่ ต่อพฒั นาการทางวัฒนธรรมยโุ รป
ถูกกองทัพโรมันปราบจนกลายเปน็ ชนเผ่าเรร่ อ่ น
ศาสนายดู าย
• ชาวยิวจงึ แสวงหาดินแดนแหง่ พนั ธสัญญา ดนิ แดน
ปาเลสไตน์ หลงั สงครามโลกคร้ังที่ 2 ได้มกี ารจัดตง้ั ประเทศ ศาสนายดู าย เปน็ ต้นกาเนิดของคริสตศ์ าสนา และ
อสิ ราเอลขนึ้ บนดินแดนปาเลสไตน์ ซ่ึงกลายเปน็ ปัญหาทาง ศาสนาอสิ ลาม ฮิบรไู มย่ อมรบั พระเยซเู ป็นบุตรของพระ
การเมืองทส่ี าคัญในปัจจุบนั เป็นเจ้า และไม่ยอมรบั พนั ธสัญญาใหมซ่ งึ่ เปน็ ภาคท่ี 2
ของคมั ภีร์ไบเบิลและเป็นเรอ่ื งราวเกยี่ วกับพระเยซู
ดังนั้นศาสนายูดาหก์ บั คริสต์ศาสนาจึงแยกออกจากกนั
อารยธรรมเมโสโปเตเมยี 8.ชาวเปอร์เซีย (Persian)
สมัยอาณาจกั รขนาดเล็ก มรดกทางวัฒนธรรม
1, 200 ถึง 700 ปกี อ่ นครสิ ต์ศกั ราช
พระเจา้ ไซรสั มหาราช
• พวกเปอรเ์ ซยี เปน็ ชนเผ่าอินโด-ยโู รเปียน อพยพมาจาก
บรเิ วณตอนเหนอื ของทะเลดา เข้ามาตงั้ ถนิ่ ฐานแถบทรี่ าบสงู ศาสนาโซโรแอสเตอร์
อิหรา่ น
เป็นศาสนาและปรัชญาศาสนาอิหรา่ นเอกเทวนิ
• กษัตริย์ผมู้ ีชื่อเสียง คอื พระเจา้ ไซรสั มหาราช ยมโบราณอย่างหนง่ึ นกั ปรัชญาศาสนา โซโรอัสเตอร์
ปรับปรงุ เทพเจา้ เทพเจา้ ของอหิ ร่านชว่ งต้นให้งา่ ย
• ในปี 539 กอ่ นครสิ ตศ์ กั ราช มีการเขา้ ยดึ กรงุ บาบิ ข้ึน เปน็ สองฝา่ ยคา้ นกัน คือ Spenta Mainyu ("
โลนของอาณาจักรคาลเดยี นผนวกรวมเขา้ เปน็ ส่วน วสิ ยั จติ ก้าวหนา้ ") และ Angra Mainyu ("วิสัยจิต
หนง่ึ ของจกั รวรรดเิ ปอรเ์ ซีย ถือเปน็ การสน้ิ สุดอารย ทาลายลา้ ง") ภายใตพ้ ระผ้เู ปน็ เจ้าพระองคเ์ ดยี ว
ธรรมเมโสโปเตเมยี อาหุรามัสดา
• จักรวรรดิเปอร์เซยี ลม่ สลายลงจากการยึดครองของพระเจา้ อ
เล็กซานเดอร์มหาราชแหง่ มาซิโดเนยี