The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การพยาบาลผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
(Chronic Obstructive Pulmonary Disease: COPD)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pairoon16, 2022-09-25 22:47:20

Chronic Obstructive Pulmonary Disease

การพยาบาลผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
(Chronic Obstructive Pulmonary Disease: COPD)

Keywords: COPD

46

กิจกรรมการพยาบาล เหตผุ ล

10. ในผปู้ วุ ยทม่ี อี าการหายใจลําบากอย่ตู ลอดเวลา เพราะการรบั ประทานอาหารและการย่อยอาหาร

หรือเหนื่อยง่ายควรให้ออกซิเจนแคนนูลา (cannula) ในแตล่ ะคร้ังใช้พลังงานมาก

ขณะรับประทานอาหาร

11.หลีกเล่ยี งการรับประทานอาหารมากในแตล่ ะ การรับประทานอาหารมาก หรอื อาหารมีก๊าซทําให้

มอ้ื และไม่ควรรับประทานอาหารทีใ่ หก้ ๊าซ หรือทาํ ท้องอืด จะไปเบียดกระบังลม กระบังลมไม่

ให้ทอ้ งอดื เช่น เครอื่ งดมื่ ที่มคี ารบ์ อเนต ผลไม้ เช่น สามารถขยายตัวได้เต็มที่ ส่งเสริมให้เกิดอาการ

แอปเปลิ แตงโม ถัว่ บรอคโคลี กะหลาํ่ ปลี หายใจลําบาก

กะหลาํ่ ดอก ขา้ วโพด หอมใหญ่ พริกไทย

12. ถ้าไ ด้รับ ประ ทานยา ขับปัสสา ว ะ คว ร ยาขับปสั สาวะส่งผลให้เกิดภาวะ โปแตสเซีย่ มตํ่า มี

รับประทานอาหารท่ีมีโปแตสเซียมสูง เช่น กล้วย ผลต่อความแข็งแรงของกล้ามเน้ือช่วยในการ

สม้ มะเขือเทศ หน่อไมฝ้ รัง่ หายใจ

13.หลีกเลีย่ งอาหารร้อนจัดหรือเยน็ จดั อุ ณ ห ภู มิ ร้ อ น จั ด ห รื อ เ ย็ น จั ด อ า จ ก ร ะตุ้ น ใ ห้ เ กิ ด

อาการไอต่อเนื่องมากกว่า 5 นาที (coughing

spasms)

14. ถา้ มอี าการหอบเหนอ่ื ยขณะรบั ประทาน เพ่ือลดอาการเหนือ่ ยหอบ หายใจลาํ บาก

อาหาร หรือหลังอาหารควรปฏบิ ัติดงั นี้

14.1 กระต้นุ ให้ผ้ปู ุวยไอเอาเสมหะออก

และทําความสะอาดปากบอ่ ย ๆ เพ่ือลดรสชาติ

เสมหะในปาก และทางเดินหายใจใหโ้ ล่ง ทาํ ก่อน

มือ้ อาหารประมาณ 1 ชว่ั โมง

14.2 รบั ประทานอาหารชา้ ๆ ตกั อาหาร

คําเลก็ ๆ เค้ียวชา้ ๆ หายใจลึก ๆ

14.3 เลอื กอาหารทยี่ ่อยง่าย

14.4 แบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อเล็ก ๆ 5 – 6

มอื้ จะทาํ ใหก้ ระเพาะอาหารไมแ่ นน่ เกินไป

14.5 หลกี เล่ยี งการดื่มนํา้ ระหว่าง

รบั ประทานอาหาร ควรดืม่ เมื่อรบั ประทานอาหาร

เสรจ็ แล้ว

14.6 ควรอยูท่ า่ นั่งขณะรบั ประทาน

อาหาร เพ่ือลดแรงดันต่อกล้ามเนือ้ กะบังลม

14.7 หายใจโดยการเปุาปาก (pursed-

lips breathing)

14.8 พัก 1 ช่วั โมงก่อนรบั ประทาน

อาหาร เพ่ือลดอาการอ่อนล้าระหว่างมือ้ อาหาร

ทาํ ให้รับประทานอาหารได้ดีข้ึน

47

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลท่ี 6 แบบแผนการนอนหลับถูกรบกวนเน่ืองจากการหายใจลําบาก และมี

สง่ิ กระตุ้นเร้าภายนอก

ข้อมูลสนบั สนุน

1. หลับยาก

2. ตืน่ บอ่ ยในเวลากลางคืนและหลบั ใหม่ยาก

3. ตื่นเรว็ ในตอนเชา้ หรอื ต่ืนนอนด้วยความรสู้ ึกไม่สดชื่น

4. มเี สมหะปริมาณมาก และการตีบแคบของทางเดนิ หายใจ (หายใจมีเสียงหวดี )

5. มีความวิตกกงั วล/ซึมเศร้า

เปาู หมายการพยาบาล (Nursing Goal) นอนหลบั พกั ผ่อนไดอ้ ย่างเพยี งพอ หน้าตาสดช่ืน

เกณฑ์การประเมนิ

1. นอนหลบั ได้ง่าย โดยไม่ต้องใชย้ านอนหลับ

2. ไมต่ ่ืนบอ่ ยในเวลากลางคืน หลงั จากตืน่ แล้วสามารถนอนหลบั ไดง้ า่ ย

แผนการพยาบาล

กิจกรรมการพยาบาล เหตุผล

1. จดั โดยปิดไฟ จดั สง่ิ แวดลอ้ มให้เงยี บสงบ การ บรรยากาศผอ่ นคลาย สง่ เสรมิ การนอนหลบั ได้ดี

ระบายอากาศดีและไมร่ บกวนผูป้ วุ ยขณะนอนหลับ

2. การให้ความรู้เก่ียวกับสุขนิสัยการนอนที่ดีขณะ เพ่อื ให้มีความรคู้ วามเขา้ ใจสขุ นสิ ยั การนอนทด่ี ี

อยบู่ ้านโดย

2.1 สร้างภาวะสมดุลของการนอนหลับ

1) ใช้เตียงสําหรับนอนและร่วมเพศ

เท่านั้น ไม่ควรดูทีวี อ่านหนังสือหรือทํางานอ่ืน ๆ

บนเตยี ง ถ้าไม่นอนหลับให้ลุกขึ้นไปทํากิจกรรมอ่ืน

ๆ นอกห้องและกลบั เข้ามาเมอื่ งว่ งเท่าน้ัน

2) ถา้ นอนไม่หลับให้ลุกข้ึนจากเตียงไปทํา

กิจกรรมที่ไม่ชอบในห้องอ่ืน จนเบ่ือหรือเหนื่อยล้า

จงึ เขา้ มานอนใหม่

3) หลีกเล่ียงพฤติกรรมการงีบหลับ และ

ต่ืนขึ้นมาในเวลาเดียวกันเป็นประจํา ก่อนเข้านอน

จริง

4) ไม่งีบหลับตอนกลางวัน ถ้ารู้สึกไม่

สบาย ไม่ควรงีบหลับเกิน 2 ครั้ง คร้ังละ 30 นาที

หรอื ไมเ่ กิน 60 นาที

5) ออกกําลังกายอย่างสม่ําเสมอทุกวัน

หา่ งจากเวลานอนอยา่ งน้อย 6 ชัว่ โมง

กิจกรรมการพยาบาล 48

6) แช่น้ําอุ่นประมาณ 30 นาที ก่อนนอน เหตุผล
อยา่ งน้อย 2 ช่ัวโมง เพ่ือให้ร่างกายผ่อนคลาย ถ้า
ผิวแห้วต้องทาน้ํามันมะกอก การด่ืมเครื่องดื่มอุ่น
ๆ ก็จะช่วยได้เชน่ กนั

7) ระบายเสมหะทําให้ทางเดินหายใจโล่ง
กอ่ นนอน

2.2 ฝกึ ใหว้ งจรการนอนหลับของร่างกายคงท่ี
1) ฝึกนิสัยการนอนโดยกําหนดเวลาเข้า

นอน และเวลาตน่ื ให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวนั
2) เมื่อจําเป็นต้องต่ืนข้ึนระหว่างนอน

กลางคนื ไม่ควรอยใู่ นท่ีแสงจ้า
3) ลุกข้ึนมองแสงอาทิตย์ภายในตอนเช้า

โดยใชเ้ วลานานประมาณ 30 นาที
2.3 หลีกเลยี่ งการใชส้ ารกระตนุ้ ตา่ ง ๆ
1) งดสูบบหุ ร่ี
2) หลีกเลี่ยงการดื่มเคร่ืองดื่มท่ีมีคาเฟอีน

ถ้าไม่สามารถงดได้ ให้ดื่มไม่เกิน 3 ถ้วย ก่อนเวลา
10.00 น.

3) ห ลีก เลี่ ยง กา รดื่ มเ ครื่ อง ด่ืม ที่ มี
แอลกอฮอลก์ ่อนเขา้ นอน

2.4 จํากัดส่งิ เรา้ ตา่ ง ๆ เป็นอุปสรรคในการนอน
1) หันหน้าปัดนาฬิกาไปด้านอ่ืน ไม่ต้องดู

ว่าเวลาขณะตืน่ กลางดกึ
2) หลีกเล่ียงการออกกําลังกายหนัก ๆ

หลงั 18.00 น.
3) หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร หรือ

ด่ืมหนักภายใน 3 ชั่วโมงก่อนนอน ถ้าหิวอาจ
รับประทานของขบเค้ียวเบา ๆ ไม่ควรปล่อยให้หิว
หรอื อ่มิ เกินไป

4) จัดให้ห้องนอนมืด เงียบ อากาศถ่ายเท
ดี อุณหภมู ิที่พอเหมาะตลอดคนื

5) เวลาท่เี ขา้ นอนควรเป็นเวลาผอ่ นคลาย
6) ไม่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากใน
การทําให้หลับ บางคนมีความทุกข์ทรมานจาก
การพยาบาลนอนให้หลับ และใช้เวลามากในการ

49

กจิ กรรมการพยาบาล เหตผุ ล

นอนอยบู่ นเตียง แก้ไขโดย เข้านอนเฉพาะเวลาที่

งว่ ง ทง้ิ ตวั ลงบนทนี่ อน ไมเ่ กร็ง ตง้ั มน่ั กบั ความร้สู ึก

ผอ่ นคลาย

7) ฝกึ จัดการกับความเครียดเปน็ ประจาํ ใน

ระหวา่ งวัน

8) หลีกเล่ยี งการนอนในสง่ิ แวดลอ้ มท่ีไม่

คุ้นเคย

9) จัดท่านอนให้เหมาะสม ไม่อ่อนหรือ

แขง็ จนเกินไป หมอนมคี วามยืดหย่นุ หรอื ความสูงที่

พอดี

10) อาจใช้ยานอนหลับไดภ้ ายใตค้ ําแนะนํา

ของแพทย์

2.5 การใช้พฤติกรรมบําบัด ซึ่งประกอบไป เป็นวิธีที่มีความเฉพาะเจาะจงและมีประสิทธิภาพ

ด้วย การใช้เทคนิคการผ่อนคลาย (relaxation ในการลด หรือจํากัดภาวะเครียด และความตึง

therapy) เครียดทางร่างกาย ทําให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ซึ่ง

จ ะ ส่ ง ผ ล ใ ห้ ผู้ ปุ ว ย น อ น ห ลั บ ไ ด้ ง่ า ย แ ล ะ มี

ประสิทธภิ าพมากขึน้

ข้อวินจิ ฉัยทางการพยาบาลที่ 7 สมาชิกครอบครัววิตกกังวลเนื่องจากการใช้ชีวิตในครอบครัวเปล่ียนแปลง

จากการเจ็บปุวยเรอื้ รงั

ขอ้ มูลสนบั สนนุ

1. สมาชิกครอบครัวมีสีหนา้ วิตกกงั วล

2. ไมก่ ล้าให้การดแู ลผูป้ ุวย ไมท่ ราบข้อมูลต่าง ๆ ในการดูแลผปู้ วุ ย

เปาู หมายการพยาบาล (Nursing Goal)

สมาชกิ ในครอบครัวคลายวิตกกงั วล

เกณฑ์การประเมิน

1. สมาชิกในครอบครัวมีส่วนรวมในการดแู ลผูป้ ุวย

2. สมาชิกในครอบครัวยิ้มแย้มแจ่มใสให้ความร่วมมือในแผนการดูแลรักษา มีส่วนร่วมในการ

ดแู ลผปู้ ุวยและแสวงหาแหล่งช่วยเหลือต่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม

แผนการพยาบาล

กิจกรรมการพยาบาล เหตุผล

1. วางแผนใหส้ มาชกิ ในครอบครวั มสี ่วนรว่ มในการ เพ่อื ใหส้ มาชกิ ในครอบครวั ได้มีส่วนร่วมช้ีแจง

ดูแลผูป้ วุ ย และสนบั สนุนให้แสดงความคดิ เหน็ ปัญหาทพ่ี บในส่วนของครอบครวั เพื่อการวาง

แผนการดูแลที่ครอบคลุมภาวะองค์รวม

50

กจิ กรรมการพยาบาล เหตผุ ล
เพือ่ ให้การชว่ ยเหลอื ได้สอดคล้องกบั ปัญหาซงึ่ จะ
2. ประเมินสัมพันธภาพ และแบบแผนในการ ชว่ ยให้สมาชิกเขา้ ใจความรู้สึกตนเองและผู้อื่น
ตดิ ตอ่ สอื่ สารในครอบครวั ถ้ามปี ญั หาตอ้ งให้
คาํ ปรึกษา (counseling) เพื่อเป็นข้อมลู แหล่งสนบั สนนุ ทรพั ยากรทจี่ ําเป็น
ต่อการดูแลผ้ปู วุ ย
3. ส่งเสริมใหญ้ าตแิ ละผปู้ ุวย ไดร้ ้จู ักแหล่ง
สนับสนนุ ละเครอื ขา่ ยต่าง ๆ ทเ่ี กีย่ วข้อง เชน่
ข้อมูลข่าวสาร และวัสดอุ ปุ กรณ์ต่าง ๆ (ถ้ามี)

ขอ้ วินิจฉยั ทางการพยาบาลท่ี 8 มโี อกาสเกดิ การตดิ เชอ้ื ในร่างกายได้ง่ายเนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ลดลงจากโรคเรื้อรงั

ข้อมูลสนบั สนนุ
1. มไี ข้ อุณหภมู ิหายมากกว่า 37.5 oC
2. WBC มคี ่าสงู กว่าปกติ (มากกว่า 10,000 cell/mm3)

3. ฟังปอดได้เสยี งเสมหะ

เปาู หมายการพยาบาล (Nursing Goal) ไม่เกิดการติดเชื้อในรา่ งกาย

เกณฑก์ ารประเมิน
1. ไม่มีไข้ อุณหภูมหิ ายน้อยกวา่ 37.5 oC
2. WBC มคี ่าปกติ (4,000 – 10,000 cell/mm3)

3. ฟงั ปอดไม่พบเสียงหายใจผิดปกติ เชน่ ไมม่ เี สยี งเสมหะ

แผนการพยาบาล

กจิ กรรมการพยาบาล เหตผุ ล

1. เฝูาระวังการติดเชื้อประเมินจากอุณหภูมิกายที่ อุณหภูมิที่สูงข้ึน อาจเกิดจากการติดเช้ือหรือขาด

สูงขึน้ นาํ้

2.บริหารการหายใจและกระตุ้นให้ไอ เพ่ือขับ เพื่อลดการคั่งค้างของเสมหะ สีและลักษณะของ

เสมหะ และสังเกตสีและลักษณะของเสมหะ เสมหะแสดงถงึ การติดเชอ้ื

3. บ้วนเสมหะลงในภาชนะท่มี ีฝาปิดมดิ ชดิ ปอู งกันการแพร่กระจายเช้ือ

4. ดูแลใหไ้ ดร้ บั นํ้าเพียงพอ เพ่อื ให้เสมหะอ่อนตัวขับออกได้ง่าย

5. ล้างมือก่อนและหลังการดูแลผู้ปุวยอย่าง เพอ่ื ปูองกันการติดเช้ือ

เครง่ ครัด

6. หลีกเล่ียงการเข้าเยี่ยมผู้ปุวย ถ้าผู้เย่ียมติดเช้ือ เพอ่ื ปอู งกนั การติดเชื้อ

ระบบทางเดนิ หายใจ

7. กระตนุ้ ใหม้ ีช่วงพักระหว่างมีกิจกรรม การพักจะทําให้ลดการใช้ออกซิเจน ทําให้ภูมิ

ตา้ นทานตอ่ การตดิ เชือ้ และสง่ เสรมิ การฟน้ื หาย

8. กล้ัวคอ และบ้วนปากบ่อย ๆ หลังได้รับยาสูด เพอ่ื ปูองกันการตดิ เช้อื ราในปากและลําคอ

โดยเฉพาะยาสูดคอรต์ ิโคสเตียรอยด์

9. ดแู ลให้ได้รับอาหารท่เี พียงพอ เพอ่ื เพิม่ ภมู ติ า้ นทานของรา่ งกาย

51

ข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลที่ 9 ขาดความรู้ในการดูแลตนเอง เนื่องจากขาดข้อมูล/ไม่คุ้นเคยกับ

แหล่งข้อมูล (unfamiliarity with information resources) เข้าใจข้อมูลไม่ถูกต้อง (information

misinterpretation) มีปญั หาเกีย่ วกับความจาํ การรคู้ ดิ

ขอ้ มูลสนบั สนุน

1. ผู้ปุวยไม่สามารถตอบคําถามเก่ียวกบั โรค และการดูแลตนเองได้

2. ผ้ปู ุวยขอข้อมูลเพม่ิ เติมเกี่ยวกบั โรคที่เป็น และการดูแลตนเองอย่างต่อเนือ่ ง

3. คําพดู ท่ีแสดงถงึ สิ่งทีเ่ ป็นกงั วลหรือเข้าใจไมถ่ กู ต้อง

เปูาหมายการพยาบาล (Nursing Goal) มีความรู้ความเขา้ ใจในการดแู ลตนเองมากข้ึน

เกณฑ์การประเมนิ

1. ผ้ปู วุ ยสามารถอธบิ ายย้อนกลบั ได้ถึงภาวะโรค กระบวนการเกดิ โรคและการรักษา

2. บอกปจั จยั เสีย่ งท่ีทาํ ใหเ้ กิดโรคกาํ เรบิ ได้

3. เม่ือติดตามผูป้ วุ ยพบมีการเปลีย่ นแปลงวิถีชวี ติ โดยใหค้ วามรว่ มมอื ในแผนการรักษา

การพยาบาล

กจิ กรรมการพยาบาล เหตผุ ล

1. ใหข้ อ้ มลู เกย่ี วกบั กระบวนการเกิดโรค และ เพ่ือลดความวิตกกังวล และช่วยใหผ้ ปู้ ุวยมสี ว่ น

กระตุ้นใหผ้ ู้ปุวยถามคาํ ถามที่ไม่เขา้ ใจ ร่วมในแผนการรกั ษา

2. ใหข้ ้อมูลและเหตุผลในการดูแลตนเอง เช่น เพอื่ ช่วยใหก้ ลา้ มเน้อื หายใจแข็งแรง ลดการฟุบ

บริหารการหายใจ ไออย่างมีประสทิ ธิภาพ การ แฟบของหลอดลมเล็ก ชว่ ยลดอาการหายใจ

ออกกําลังกาย ลําบาก การออกกําลงั กายทาํ ให้กลา้ มเนือ้ แขง็ แรง

และมีความทนทานในการออกกําลังกาย

3. เนน้ การทําความสะอาดปากและฟัน ลดการสะสมแบคทีเรยี ท่ีทําให้เกิดการตดิ เชอ้ื ใน

ปอด

4. หลกี เล่ยี งการใกล้ชดิ กบั ผู้ที่ตดิ เช้ือระบบ ลดอบุ ตั กิ ารณก์ ารติดเช้อื

ทางเดินหายใจ ให้ข้อมูลถงึ ความจาํ เปน็ ในการฉดี

วคั ซนี ปอู งกันไข้หวัดใหญ่และปอดอักเสบ

(pneumococcal vaccination)

5. พดู คุยถึงปัจจยั ทที่ าํ ใหเ้ กิดการกาํ เรบิ หรือ เพื่อใหผ้ ปู้ วุ ยหลีกเลีย่ งปัจจัยเหลา่ น้ัน

อาการเลวลง เชน่ อากาศแห้ง ควนั บหุ รี่

6. ใหข้ อ้ มลู โทษภยั ของบุหรี่ ทั้งผสู้ ูบบุหรี่ และ เพ่ือชะลอการเสือ่ มของปอด

วธิ กี ารในการเลกิ บุหรี่

7. ให้ขอ้ มูลเกยี่ วกับข้อจํากัดในการมีกิจกรรม การ เพอ่ื ปอู งกนั การเกิดอาการอ่อนลา้

พกั ระหวา่ งมกี ิจกรรม

8. ให้ข้อมูลเทคนิคสงวนพลังงาน เช่น ใช้วิธีการ เพอื่ ปูองกันการเกิดอาการออ่ นล้า

ลาก ดึง ดกี ว่าการดนั นงั่ ทาํ กิจกรรมดีกว่ายืน

9. ให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับการตรวจทางหอ้ งปฏิบตั ิการ เพื่อปูองกันการเกดิ อาการออ่ นลา้ เพื่อให้ผู้ปุวย

การเกบ็ เสมหะเพ่อื ตรวจ ผลการตรวจ การรักษา เขา้ ใจภาวะโรคและเหตผุ ลในการเปล่ยี นแปลงการ

การมาติดตามการรักษา รักษา

52

กิจกรรมการพยาบาล เหตผุ ล

10. ประเมนิ ความตอ้ งการในการใชอ้ อกซิเจน เพือ่ ปูองกนั การเกิดอาการอ่อนล้าเพ่อื ให้ใช้
ระยะยาว ให้ข้อมูลความปลอดภัยในการใช้ ออกซิเจนได้ตามร่างกายต้องการและสามารถใช้ได้
ออกซิเจน อยา่ งปลอดภยั

11. พูดคุยกับผูป้ ุวยถึงยาท่ีใช้ วธิ กี ารใช้ยา เพ่อื ให้ผปู้ วุ ยไดเ้ ฝาู ระวงั และรายงานแพทย์ได้
ผลขา้ งเคียงทส่ี ามารถใชย้ าต่อไปได้ และ ถกู ต้อง
ผลขา้ งเคียงที่จาํ เปน็ ต้องงดยาและรายงานแพทย์
และการเกิดอนั ตรกิริยาระหวา่ งยาทไ่ี ดร้ ับ (drug เพ่ือใหผ้ ู้ปวุ ยใชย้ าได้ถูกต้อง
interaction) เน่ืองจากยาสามารถกดแรงขับในการหายใจและ
การไอได้
12. สาธิตวิธีการใชย้ าสดู การทําความสะอาด
อุปกรณ์ พร้อมทัง้ ให้ผู้ปุวยสาธติ ยอ้ นกลับ

13. ใช้ยาลดความวติ กกังวล ยานอนหลบั ตาม
แผนการรักษาเท่านน้ั

53

การพยาบาลในแผนกผปู้ วุ ยนอก

คลินิกโรคปอดอุดกน้ั เรือ้ รงั สถาบันโรคทรวงอก

จดุ มงุ่ หมาย เพ่ือ
1. การบรรเทาอาการของโรคให้ลดนอ้ ยลง
2. ปอู งกันการกาํ เรบิ ของโรค
3. คงสภาพการทํางานของปอดไว้หรือให้เสอื่ มลงช้าทีส่ ุด
4. ทาํ ให้คุณภาพชวี ิตของผูป้ วุ ยดีขึน้

ผ้ปู วุ ยที่เขา้ รบั การรกั ษาในคลินิกโรคปอดอุดกนั้ เรอ้ื รงั มีการคัดกรองตามเกณฑ์ท่ีกาํ หนด ดังน้ี
1. แพทย์วินิจฉยั วา่ เป็นโรคปอดอดุ กั้นเรื้อรงั
2. ผลเอกซ์เรยป์ อด พบ No infiltration
3. ผล Spirometry FEV1 / FVC <70%

แนวทางการดแู ลผู้ปวุ ยในคลนิ กิ โรคปอดอุดกั้นเร้ือรัง (COPD Clinic)
1. ซกั ประวตั ิ/ประเมนิ อาการโดยพยาบาล
- ขอ้ มลู สว่ นตัว ชอื่ สกุล อายุ อาชพี ที่อยู่
- ประวตั กิ ารสูบบุหร่ี
- โรคร่วม เช่น ความดันโลหติ สูง เบาหวาน
- ประวตั กิ ารเจบ็ ปวุ ย ประวัติการรักษา อาการหอบกําเรบิ ประวัตกิ ารแพ้ยา
- อาการสําคญั ทมี่ าโรงพยาบาล
- ประเมินอาการเหน่ือยหอบ ความรุนแรงของการเหน่อื ยง่าย (mMRC)
- การประเมนิ ความรนุ แรงของโรค
2. ตรวจรักษาโดยแพทย์
3. ให้คาํ แนะนําเรื่องโรคปอดอุดกัน้ เร้ือรัง สาเหตขุ องโรค การปฏบิ ตั ติ น โดยพยาบาล
3.1 การหลกี เลี่ยงสิง่ กระตุ้นที่ทําให้เกดิ อาการหอบกําเรบิ
3.2 การปอู งกนั การติดเช้อื การฉีดวคั ซีนไขห้ วดั ใหญ่
3.3 การออกกาํ ลังกาย
3.4 การรับประทานอาหาร
3.5 การมาตรวจตามนดั อย่างตอ่ เนอื่ ง
3.6 อาการท่มี าพบแพทยก์ ่อนถึงวันนัด
3.7 เขา้ รบั การรกั ษาที่สถานพยาบาลใกลบ้ ้านเม่ือมีอาการฉุกเฉิน
3.8 ประเมนิ และใหค้ าํ แนะนําจากสหสาขาวชิ าชพี
3.9 พบนกั เวชศาสตรฟ์ ืน้ ฟู เพือ่ ประเมนิ สมรรถภาพรา่ งกายโดยการตรวจ 6 MWT (6
Minute Walk Test) และแนะนาํ Pulmonary rehabilitation program
3.10พบเภสัชกร แนะนาํ วธิ ีการพน่ ยาที่ถูกต้อง

54

3.11พบโภชนากร ในกรณี BMI < 21 หรือในกรณที ่ีมโี รคร่วม เชน่ เบาหวาน ความดนั
โลหติ สูง ไขมนั ในเลือดสงู แนะนําการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับภาวะโรค และ
นาํ้ หนกั ของผ้ปู วุ ย

การตดิ ตามผลการรักษา
ผปู้ ุวยโรคปอดอุดกนั้ เร้อื รงั ท่เี ขา้ รับการดูแลทีค่ ลินิกโรคปอดอดุ กั้นเรื้อรังจะได้รบั การประเมิน

ดังน้ี
1. อาการหอบเหนอื่ ย การใชย้ าพ่นขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิส์ ้ัน การเข้ารับการรักษาทห่ี ้อง

ฉกุ เฉินหรือการนอนโรงพยาบาล
2. การสูบบหุ ร่ี
3. ประเมินการรบั ประทานอาหาร BMI.ถ้าน้อยกวา่ 21 ส่งปรึกษานกั โภชนาการ
4. การใช้ยาสดู พน่ ส่งปรึกษาเภสัชกร
5. ประเมินการไดร้ ับวัคซนี ไข้หวัดใหญ่
6. ตรวจสมรรถภาพปอดและเอ็กซ์เรย์ทรวงอกอยา่ งน้อยปีละ 1 คร้ัง หรือเมือ่ แพทย์ต้องการ

วนิ ิจฉยั เพิ่มเติม
7. สง่ พบนักกายภาพบําบดั เพื่อทดสอบ 6 MWT. ปลี ะ 1 ครั้ง หรอื ปรกึ ษา Pulmonary

rehabilitation

การประเมินผลของการรกั ษาโรคปอดอดุ กัน้ เรือ้ รัง พิจารณาจาก
1. อาการหอบเหนอ่ื ย
2. การทดสอบความสามารถในการเดิน 6 นาที (six minute walk) โดยให้ผู้ปุวยเดินอย่าง

เตม็ ทเ่ี ป็นเวลา 6 นาทีแล้ววัดระยะทางที่เดินได้ทั้งหมดเป็นเมตร ถา้ เดินไดม้ ากขึน้ แสดงวา่ การรกั ษาดขี ้นึ
3. การตรวจสไปโรเมตรีเราใช้ FEV 1 เป็นการวัดท่ีง่าย ผู้ปุวยไม่เจ็บตัวในการทํา ราคาถูก และ

ค่าท่ีได้จะค่อนข้างใกล้เคียงกันในการวัดหลาย ๆ ครั้ง จึงใช้เป็นมาตรฐานในการติดตามการรักษาคนไข้
โรคปอดอุดกั้นเร้ือรัง ค่าโดยปกติ FEV 1 จะลดลง 25 – 30 cc/ปี ถ้า FEV 1 ลดลงมากกว่า 50 cc ถือ
วา่ มกี ารลดลงมากผิดปกติ

55

แผนการพยาบาลผูป้ ุวยโรคปอดอุดกั้นเรอ้ื รัง
(Nursing care plan for COPD’ patients)

การวนิ จิ ฉัยการพยาบาล (Nursing Diagnosis) ข้อท่ี 1
ความสามารถทนต่อการปฏิบัติกิจวัตรประจาํ วันลดลง

เปาู หมายการพยาบาล (Nursing Goal)
สามารถปฏบิ ัติกิจวัตรประจําวันได้ดขี นึ้ จนปฏบิ ัติได้ตามปกติ

เกณฑ์การประเมนิ
1. การทาํ กจิ วตั รประจําวนั ดว้ ยตนเองได้นานขึน้
2. ไม่มีอาการเหน่ือยหอบขณะทํากจิ วัตรประจาํ วัน
3. ระดบั ออกซิเจนไมต่ ํ่าลงขณะทํากจิ กรรม SpO2 ≥ 92%

กจิ กรรมการพยาบาล เหตผุ ล

1. ประเมนิ และแนะนาํ เทคนิคการหายใจและทา่ ท่สี งวน 1. เพอ่ื ลดการใชอ้ อกซิเจนของรา่ งกาย

พลังงาน ปูองกันอาการเหนื่อยหอบ

2. ก่อนทาํ กิจกรรมฝึกการหายใจก่อน โดยการห่อปาก 2. ช่วยให้มีการระบายอากาศในปอดที่

(purse lip) ให้หายใจออกขณะพัก หายใจเขา้ ขณะทํา เหมาะสม

กจิ กรรม

3. แนะนาํ การปฏิบัติกิจวตั รประจาํ วนั ไม่ควรรีบร้อน และ 3. ความรบี รอ้ นทาํ ใหม้ ีการใช้ออกซเิ จน

ควรอยใู่ นทา่ น่ังมากทส่ี ดุ เชน่ การน่งั เกา้ อ้ีอาบนาํ้ เพ่ิมมากขึน้ นาํ ไปสูภ่ าวะเหนื่อยหอบ

4. แนะนําการออกซเิ จนชดเชยเทา่ ท่ีจําเปน็ และสามารถใช้ 4. เพอ่ื ปูองกันภาวะพร่องออกซิเจน ลด

ออกซเิ จนขนาดตํ่า ๆ ได้ 1 – 2 ลติ ร/นาที หรือขณะทํา ภาวะเหนอื่ ย และเพ่ิมคุณภาพชวี ติ ทด่ี ี

กิจกรรมต่าง ๆ ได้ ใหแ้ กผ่ ู้ปุวย

5. แนะนําวิธีการลดความเครียด ความวติ กกงั วล โมโห 5. ความเครยี ดจะทําให้รา่ งกายใช้

ฉุนเฉียว ดว้ ยการปล่อยวางจิตใจ ให้อภยั และเมตตา พลังงานและออกซเิ จนมาก จนเกดิ

อาการหอบกาํ เรบิ

6. แนะนาํ การจัดระยะเวลาในการพักผ่อน 6. เพือ่ การฟ้ืนฟสู ภาพรา่ งกายและลด

work of breathing

7. รกั ษาร่างกายให้อบอนุ่ ไม่ควรอยู่ในอุณหภมู ิทม่ี ีอากาศ 7. ลดสง่ิ กระตนุ้ ให้เกดิ อาการกาํ เริบ

รอ้ นหรอื เย็นเกินไป

8. ประเมินและให้ความรู้ในการควบคมุ นา้ํ หนักไม่ใหม้ าก 8. เพื่อปูองกนั ภาวะแทรกซ้อน

เกนิ ไป

9. ติดตาม กํากับ ดูแลการเลิกสูบบหุ รี่ของผู้ปุวย และให้ 9. เพ่ือลดการเส่ือมสภาพของปอด และ

คาํ แนะนําหลีกเล่ยี งการอยใู่ กลค้ วนั มลพิษต่าง ๆ หลกี เล่ียงส่ิงกระต้นุ ให้เกิดอาการกาํ เรบิ

56

การวนิ จิ ฉัยการพยาบาลขอ้ ท่ี 2
ขาดประสิทธภิ าพในการทําให้ทางเดินหายใจโลง่ เน่อื งจากมีการค่ังของเสมหะ

เปูาหมายการพยาบาล (Nursing Goal)
ทางเดินหายใจโล่งอากาศผา่ นเขา้ ออกทางเดนิ หายใจได้สะดวก

เกณฑ์การประเมนิ
1. อาการไอลดลง ปริมาณเสมหะลดลง
2. ฟังปอดพบเสียงวดี๊ (wheeze) หรอื เสยี งฮึด (stridor) ลดลงหรอื ไม่มเี ลย
3. ลักษณะการหายใจปกติ ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ
4. ฟังเสียงหายใจปกติเท่ากนั ทว่ั บรเิ วณปอดทั้ง 2 ข้าง

กิจกรรมการพยาบาล เหตุผล

1. สงั เกตระดับความรสู้ กึ ตวั ถ้าซมึ ลงให้วัดสัญญาณชีพ และ 1. เพ่ือการติดตามเฝูาระวงั การเกดิ

สงั เกตอาการของภาวะขาดออกซเิ จน เชน่ ซมึ ลง ปลายมือ ภาวะพรอ่ งออกซิเจน

ปลายเทา้ เขียว กระสบั กระส่าย

2. สงั เกตอาการหายใจถา้ พบวา่ หายใจมีเสยี งครดื คราด หรอื 2. การไออยา่ งมีประสิทธภิ าพลด

เสียงเสมหะในปอด/ในลาํ คอ จดั ท่านงั่ ให้ผู้ปวุ ย หรอื นอน อาการเหนื่อยช่วยใหก้ ารขับเสมหะ

ศรี ษะสูง30-45องศา สอนการไออยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ออกได้งา่ ย ทางเดนิ หายใจโล่งอากาศ

(huffing) โดยหายใจเขา้ ทางจมกู ลึกๆ ชา้ ๆ กล้ันหายใจ นบั 1 เข้าสู่ปอดได้สะดวก

ถงึ 3 ทําปากรูปตวั โอแลว้ พน่ ลมหายใจออกทางปาก ทําซํา้ 2-3

ครัง้ และตามดว้ ยการใหย้ าสูดพ่นขยายหลอดลม (SABA; MDI)

3. ถ้าพบผู้ปุวยมีอาการกําเรบิ ไดแ้ ก่ หายใจลาํ บาก เหนื่อย 3. เพอ่ื การเฝาู ระวงั การเกิดอาการ

หอบ หรือหายใจมีเสียงวี๊ด (wheeze) ใหผ้ ปู้ ุวยพน่ สดู ยาขยาย กาํ เรบิ และเพื่อใหค้ วามชว่ ยเหลือท่ี

หลอดลมทันที 1-2 puff ถา้ ไมด่ ีข้นึ นาํ ผู้ปุวยส่งหอ้ งฉุกเฉนิ เหมาะสมทนั ท่วงที

(ER) ท่ใี กล้ทสี่ ุด เพ่ือให้ไดร้ บั การรักษารวดเร็วทสี่ ุด

4. ดแู ลให้ไดร้ บั ยาละลายเสมหะและยาขยายหลอดลม ตาม 4. เพื่อปูองกนั การเกิดภาวะทางเดนิ

แผนการรักษาเพื่อช่วยให้เสมหะเหลวขบั ออกไดส้ ะดวก พร้อม หายใจอุดก้ันจากเสมหะ และชว่ ยให้มี

ทั้งให้คําแนะนําในการรบั ประทานยา การขบั เสมหะออกได้สะดวก

5. แนะนาํ หลกี เลย่ี งการอยู่ในสถานท่ีที่อากาศเย็นจดั ควรใช้ 5. อากาศเยน็ จะทําให้หลอดลมหด

อุปกรณช์ ่วยเพิ่มความอบอุน่ ร่างกาย เชน่ การใส่เส้อื ผ้าทห่ี นา เกร็ง เกิดอาการไอ หายใจลําบาก

ขึ้น การใชผ้ ้าพันคอให้อบอุ่น หรือการใช้ผ้าปดิ ปากและจมูก และเหน่อื ยหอบ

6. แนะนําผู้ปุวยงดการใช้แปูง สเปรย์ชนดิ ต่าง ๆ และ 6. การใช้แปูง สเปรย์ชนดิ ตา่ ง ๆ เป็น

หลีกเลย่ี งใหห้ ่างไกลจากบรเิ วณท่ีมีสง่ิ เหล่าน้ี ผปู้ ุวยต้องอยู่ใน ส่ิงกระตนุ้ ที่ทําใหเ้ กิดภาวะหลอดลม

ห้องที่สะอาด และมีความช้นื สมั พัทธร์ ้อยละ 40 – 50 ตบี ตนั และเกดิ อาการไอ

7. แนะนาํ การด่ืมนา้ํ อ่นุ วนั ละ 8 – 10 แก้ว (ถา้ ไมม่ ีขอ้ หา้ มใน 7. ลดปัญหาเสมหะเหนียวข้น น้ําอุ่น

การจํากดั นํา้ ) หลีกเลย่ี งการด่ืมนม ช๊อคโกแลต จะทําให้ ช่วยให้เสมหะออ่ นตวั ขบั ออกไดง้ ่าย

เสมหะเหนียวเพ่มิ ข้นึ และลดอาการไอได้ดว้ ย

57

กจิ กรรมการพยาบาล เหตผุ ล

8. แนะนาํ ใหอ้ ยู่ในบรเิ วณท่ีอากาศมีความช้ืน หรืออาจใชย้ า 8. ทาํ ใหท้ างเดนิ หายใจไม่แห้งและ
พน่ ชนดิ ละอองฝอย เสมหะไม่เหนยี ว
9. สง่ ผปู้ วุ ยและญาติเพ่อื รบั คําปรกึ ษาจากกายภาพบําบดั 9. เพ่ือการระบายเสมหะทเ่ี หมาะสมมี
แนะนําวิธีการจดั ท่า การเคาะปอดเพ่ือระบายเสมหะอยา่ ง ประสทิ ธิภาพ
ถกู ต้อง (เปน็ รายกรณ)ี
10. ประเมินและแนะนาํ การสังเกตลกั ษณะสี ปริมาณ กลิ่น 10. เพอ่ื เฝาู ระวังการตดิ เช้อื ในระบบ
ของเสมหะ ถ้ามปี รมิ าณเพ่ิมขึ้น เสมหะเปล่ยี นสหี รือมกี ลน่ิ ทางเดินหายใจ
ใหม้ าพบแพทยท์ นั ที

การวินิจฉยั การพยาบาลขอ้ ท่ี 3
มอี าการอ่อนล้าและมอี อกซิเจนไม่เพยี งพอต่อการปฏิบัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ

เปูาหมายการพยาบาล (Nursing Goal)
สามารถทํากิจกรรมต่าง ๆ ในการดแู ลตนเองได้มากขึ้น

เกณฑ์การประเมนิ
1. มีความอดทนต่อการปฏิบตั ิกิจวัตรประจําวนั และตอ่ การทาํ กจิ กรรมตา่ ง ๆ
2. ขณะทาํ กิจกรรมไมม่ ีอาการเหนือ่ ยหอบ
3. ระดับออกซเิ จนในรา่ งกายไม่ลดลงกวา่ เดมิ (SpO2≥92)

กิจกรรมการพยาบาล เหตุผล

1. ใหค้ ําแนะนาํ แก่ผปู้ วุ ย แก่ญาตใิ นการกระต้นุ ใหผ้ ปู้ วุ ย 1. เพอ่ื ให้มีการระบายอากาศในปอด

บรหิ ารการหายใจ สอนเทคนิคการหายใจอย่างมี ทีด่ ี ลดการเกดิ air trapping

ประสทิ ธิภาพ เช่น

- การใชก้ ระบงั ลมและการหายใจแบบห่อริมฝปี าก

- การออกกําลังกายโดยเร่มิ ตง้ั แตน่ ้อย ๆ แล้วค่อย ๆ เพ่ิม

ควรปฏบิ ตั จิ นเกดิ ความเคยชินเป็นนสิ ยั ไมท่ ํากิจกรรมต่าง ๆ

ดว้ ยความรีบร้อน

2. ใหค้ วามรู้เกย่ี วกับการหลกี เล่ยี งกิจกรรมและปจั จัยทท่ี ําให้ 2. ปอู งกันการเหนอ่ื ยหอบจากภาวะ

เกิดความต้องการออกซิเจนเพิม่ ขึ้น ไดแ้ กอ่ ากาศร้อนจดั เยน็ พร่องออกซิเจน

จัด ทําใหร้ ่างกายใชอ้ อกซเิ จนเพ่มิ ข้ึน การสูบบหุ ร่ี น้ําหนกั ตัว

ที่มากเกินไป ความเครียด

3. ให้ออกซิเจนชดเชยเทา่ ทจ่ี ําเป็นและสามารถให้ออกซเิ จน 3. ปูองกนั ภาวะพรอ่ งออกซิเจนและ

ขนาดต่ํา ๆ ได้ 1 – 2 ลิตร/นาที เพิ่มความคงทนในการปฏิบตั ิกจิ กรรม

58

กิจกรรมการพยาบาล เหตผุ ล

4. ถา้ รู้สึกอ่อนเพลยี หรือ เหน่ือยลา้ แนะนําให้พักผอ่ นหรือ 4. เพื่อการปฏิบัติ และดแู ลตนเอง

จํากัด activity เพ่ือลดการใช้พลังงาน ให้ข้อมลู ผรู้ บั บรกิ าร อยา่ งเหมาะสมกับภาวะโรค

เพ่อื ใหม้ แี นวทางในการประหยัดพลงั งานให้อยใู่ นท่านงั่ มาก

ทสี่ ุด เมื่อจะปฏบิ ตั ิกิจวัตรประจําวนั ตา่ ง ๆ เช่น นงั่ บนโถส้วม

เวลาอาบน้ํา ทํากิจวัตรประจําวนั ต่าง ๆ โดยไม่รีบรอ้ น

5. ทํากิจวัตรประจาํ วนั เพิ่มข้ึนทลี ะนอ้ ยเท่าทร่ี ่างกายจะทนได้ 5. ฝกึ ความทนทานต่อกิจกรรม

6. แนะนาํ /ทบทวนวิธกี ารใชย้ าพ่น วธิ ีการพ่นยา ถ้ามอี าการ 6. เพ่อื การพ่นยาทีถ่ กู ตอ้ งและดแู ล

กําเรบิ พ่นยาแลว้ อาการไม่ทเุ ลาให้มาโรงพยาบาลทันที ตนเองไดเ้ หมาะสมเมื่อมีอาการกาํ เริบ

7. เมอ่ื มีอาการเหน่ือยกําเริบแนะนาํ ญาติไม่ท้งิ ผู้ปุวยไว้คน 7. เพ่อื ให้การช่วยเหลือไดท้ นั ท่วงที

เดยี วตามลําพัง และควรพดู ให้กาํ ลังใจแก่ผ้ปู วุ ย เม่อื มีอาการกําเรบิ และการสร้าง

ขวัญและกําลังใจใหผ้ ปู้ วุ ยจะช่วยให้

ผ้ปู ุวยผา่ นพ้นชว่ งวิกฤตได้

การวินิจฉยั การพยาบาลข้อท่ี 4
ได้รบั อาหารนํ้าไม่เพียงพอกบั ความตอ้ งการของรา่ งกาย เน่ืองจากเบื่ออาหาร

เปาู หมายการพยาบาล (Nursing Goal)
ผูป้ ุวยได้รบั อาหารนาํ้ เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย

เกณฑก์ ารประเมิน
1. ผ้ปู ุวยรบั ประทานอาหารไดค้ รบทุกมอ้ื ตามความตอ้ งการในแต่ละวนั
2. BMI ≥ 21 หรอื นาํ้ หนกั ตัวเพมิ่ 1 กิโลกรัม/ 2 สัปดาห์
3. ลกั ษณะ จาํ นวนปัสสาวะปกติ
4. ซีรั่มอเี ล็คโตรลยั ทอ์ ยู่ในระดับปกติ

กิจกรรมการพยาบาล เหตผุ ล

1. ประเมนิ ภาวะโภชนาการ จากพฤตกิ รรมการรบั ประทาน 1. เพือ่ เฝูาระวังและติดตามภาวะ

ความยากลาํ บากในการรบั ประทานอาหาร ประเภทอาหารท่ี โภชนาการทีเ่ หมาะสม

ชอบและไมช่ อบ การติดตามช่ังนา้ํ หนกั คํานวณคา่ BMI

2. แนะนาํ การทําความสะอาดปากและฟนั ก่อนรบั ประทาน 2. เพ่ือใหต้ ่อมรบั รสทล่ี นิ้ ทํางานไดด้ ี

อาหาร ข้นึ กระตนุ้ ใหอ้ ยากรับประทาน

อาหาร

3. หลกี เล่ียงอาหารท่มี ีกา๊ ซ เนือ่ งจากจะทําให้เกดิ อาการ 3. เพื่อปูองกนั การเกิดภาวะหายใจ

ทอ้ งอืดไมส่ ุขสบายเพิ่มภาวะการหายใจลําบาก ลาํ บาก

4. หลกี เลี่ยงการรบั ประทานอาหารทีร่ อ้ นจัดหรือเยน็ จัด 4. เนอื่ งจากเป็นส่งิ กระตุ้นให้เกิดการ

ไอและภาวะหลอดลมตีบได้

5. รับประทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บอ่ ยครัง้ และยอ่ ยง่าย 5. จะช่วยลดอาการเหนื่อยลา้

59

กจิ กรรมการพยาบาล เหตผุ ล

6.เม่ือมาตรวจคร้ังตอ่ ไปจะมกี ารเจาะเลอื ดตรวจหาค่าอเิ ล็ก ระหวา่ งการรบั ประทานอาหาร และ
โทรไลท์ ชงั่ นํา้ หนัก วดั รอบเอว เป็นการใช้พลงั งานใหน้ ้อยท่ีสุด
7. หากพบว่ามภี าวะBMIตาํ่ ส่งปรกึ ษานักโภชนวิทยาเพื่อให้ 6.เพ่ือติดตามภาวะโภชนากร
คําแนะนําเรอ่ื งประเภทอาหารทค่ี วรรบั ประทาน
7. เพ่ือให้ไดร้ ับอาหารทีเ่ หมาะสมกับ
สภาพผปู้ ุวยแต่ละราย

การวนิ ิจฉัยการพยาบาลข้อที่ 5
แบบแผนการนอนเปล่ยี นแปลงหรือถูกรบกวน

เปูาหมายการพยาบาล (Nursing Goal)
1. นอนหลบั ได้หลบั ปกติ
2. ชว่ งเวลานอนสง่ิ แวดลอ้ มและทา่ นอนไม่เปล่ียนแปลงจากทีเ่ คยปฏบิ ัติ

เกณฑก์ ารประเมนิ
1. ผปู้ วุ ยสามารถนอนหลับตอนกลางคนื ไดต้ ่อเนื่องใน 6-8 ชั่วโมง
2. มสี ีหนา้ สดชน่ื แจม่ ใส ทา่ ทางกระปรี้กระเปร่า

กิจกรรมการพยาบาล เหตุผล

1. ดแู ลสภาพแวดลอ้ มในห้องนอนใหส้ งบไมถ่ ูก รบกวนขณะ 1. เพ่ือสง่ เสริมการนอนหลับท่ีมี

นอนหลบั ปิดไฟ ไม่เปิดทวี ี มีการระบายอากาศท่ีดี คณุ ภาพ

2. หลกี เล่ยี งยาระงับประสาทหรอื ยานอนหลบั 2. เพอื่ ปูองกนั การพ่ึงพงิ /ติดยา

3. ปรบั อณุ หภูมิห้องให้เหมาะสม ไม่รอ้ นหรือเย็นมากเกนิ ไป 3. อุณหภมู ทิ ่เี หมาะชว่ ยส่งเสริมการ

นอนหลับไดด้ ี

4. ถา้ มอี าการไอควรหลีกเลี่ยงของเหลวท่รี ้อนจัดหรือเย็นจัด 4. การไอจะกระตุน้ ใหเ้ กดิ อาการไอ

และหลอดลมตีบ

5. หลกี เลย่ี งเครื่องด่ืมท่มี ีสารกระตุ้น เชน่ คาเฟอีน 5. คาเฟอีนเปน็ สารกระตนุ้ หัวใจทํา

ใหน้ อนหลบั ยาก

6. รบั ประทานอาหารอ่อนโปรตีนสงู เชน่ ดม่ื นมอุน่ ๆก่อนนอน 6. จะช่วยใหน้ อนหลับง่ายข้นึ

การวินจิ ฉยั การพยาบาลขอ้ ท่ี 6
มีแนวโน้มกลับมารักษาซ้ํา เน่ืองจากแผนการรักษาไม่ต่อเนื่องและมีโอกาสสัมผัสสารก่อให้เกิด

การระคายเคอื งซาํ้
เปูาหมายการพยาบาล (Nursing Goal)

ผ้ปู วุ ยไม่เกิดอาการกําเริบและไดร้ บั การดูแลอย่างตอ่ เน่ือง
เกณฑ์การประเมิน

1. ผปู้ วุ ยสามารถปฏบิ ัตติ วั ไดต้ ามแผนการรกั ษา
2. ไมเ่ กิดอาการกําเริบก่อนการมาตรวจตามนัด

60

กจิ กรรมการพยาบาล เหตุผล

1. กําจัดหรือหลีกเลี่ยงสงิ่ ระคายเคอื ง ไดแ้ ก่ 1. การระคายเคืองของหลอดลมทําให้

a. สถานทีทม่ี ีควันบุหรี่หรือฝุนละออง ตลอดจนฝุน เกดิ การอักเสบนําไปสกู่ ารติดเชอ้ื ได้

ละอองรวมอนื่ ๆ ที่อย่ใู นอากาศ เช่น ขนนก ขนแมว ขนสนุ ขั งา่ ย ดงั นน้ั การหลกี เล่ยี งสิ่งระคาย

b. กลนิ่ ควนั จากการประกอบและปรุงอาหาร เชน่ การ เคอื งต่าง ๆ จะช่วยลดโอกาสการตดิ

ทอด ป้งิ อาหาร กลิ่นฉนุ เคร่ืองปรุงอาหาร เช่น พริกไทย กลิน่ เชอื้ ได้

ควนั พริกขหี้ นูแห้ง เปน็ ต้น

c. สารทกี่ ่อใหเ้ กดิ การแพ้อนื่ ๆ ท้ังในอาหาร เกสร

ดอกไม้ พรม ฝุนละออง โดยเฉพาะในคนที่รู้วา่ แพส้ ่ิงนัน้

2. การไอแรง ๆ ถ่ี ๆ ทาํ ให้ระคายเคืองต่อหลอดลมเล็ก ๆ 2. การไอแรง ๆ จะส่งผลให้เกิดการ

ถ้ามีการไอท่ีมเี สมหะ อกั เสบของหลอดลม และเกดิ

- ดูแลความสะอาดชอ่ งปาก (oral hygiene care) บอ่ ย หลอดลมตบี ได้

โดยเฉพาะหลงั รบั ประทานอาหาร และก่อนนอน

- ให้ความรวู้ ิธรี ะบายเสมหะออกได้แก่ การเคาะปอด การไอ

แบบ huffing การจิบนํ้าอนุ่ บ่อยๆเพื่อละลายเสมหะ

- สง่ ปรกึ ษานักกายภาพบาํ บัดเพื่อการฝึกทักษะการเคาะปอด

และการไอแบบ huffing

ถ้ามอี าการไอแบบไม่มเี สมหะควบคมุ หรอื บรรเทาอาการไอ

โดย

- ดูแลความสะอาดชอ่ งปาก (oral hygiene care)โดยการ

แปรงฟันอยา่ งน้อยวันละ 3 ครง้ั เชา้ เท่ยี งและ ก่อนนอน

- จิบน้ําอนุ่ บ่อยๆหรือน้าํ มะนาว

- รกั ษาความอบอนุ่ บรเิ วณลาํ คอ

- รับประทานยาบรรเทาอาการไอตามแผนการรักษา

3. หลกี เลยี่ งจากคนที่ติดเชือ้ ทางเดนิ หายใจสว่ นบน หรอื 3. ปูองกันการตดิ เชือ้ ทางเดนิ หายใจ

ไข้หวดั ใหญ่

4. หลกี เลีย่ งการอยู่ในฝูงชน ในช่วงระยะเวลาทคี่ นเป็นโรคตดิ 4. ปอู งกนั การตดิ เชื้อทางเดินหายใจ

เช้อื ทางเดนิ หายใจกนั มาก

5. แนะนําเรอ่ื งการสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ โดย 5. ส่งเสริมใหร้ ่างกายมีความต้านทาน

- การพักผ่อนใหเ้ พียงพอ โดยเฉพาะการนอนหลับอยา่ ง มากข้ึน เพื่อฟื้นฟสู ภาพร่างกายและ

ตอ่ เน่อื งในชว่ งเวลากลางคนื ควรนอนหลบั อยา่ งน้อย 8 ชั่วโมง เสรมิ สรา้ งภมู ิตา้ นทาน

- หาทางผอ่ นคลายเครยี ด เชน่ มที ่ีปรึกษา การฟังเพลง การ

เดนิ เลน่ การรดนํา้ ต้นไม้ การออกไปอยู่ในแหลง่ ธรรมชาติ

- รบั ประทานอาหารใหค้ รบทั้ง3มอื้ ถา้ มปี ญั หาท้องอืดอาหาร

ไม่ย่อย ใหร้ ับประทานอาหารปรมิ าณนอ้ ยแต่เพมิ่ จาํ นวนมื้อ

61

กจิ กรรมการพยาบาล เหตุผล

- รบั ประทานอาหารมีคุณคา่ เชน่ พชื ผกั ผลไม้ ถา้ มีภาวะทพุ ภาวะทุพโภชนา จะทําใหภ้ มู ติ ้านทาน

โภชนา ควรเนน้ อาหารประเภทที่ผปู้ ุวยชอบ และ รับประทาน ลดลงการติดเช้ือเพม่ิ ข้นึ

ได้งา่ ย

- หลกี เลยี่ งความตงึ เครยี ด เช่นการฟงั ข่าว การดลู ะครทีวี การ

แข่งขันกีฬา เป็นต้น

6. รกั ษาสุขภาพปากใหด้ ีอย่เู สมอ 6. ปูองกนั การตดิ เชอื้ ระบบหายใจ

- ถ้าเข้าไปในท่ีอากาศมีฝุนควัน รสู้ ึกระคายเคืองในจมูกและ และปอู งกันการตดิ เช้ือลกุ ลามหรือ

ลําคอ ควรกลั้วคอด้วยนาํ้ เกลืออุ่น ทนั ทีหลังสมั ผัส การติดเชื้อซํา้ เตมิ อยา่ งรนุ แรง

- กรณฟี ันผตุ ้องรบี ไปปรึกษาทันตแพทย์

- ถา้ มีการตดิ เชือ้ ของต่อมทอนซลิ เร้ือรงั ควรไปปรึกษาแพทย์

เพือ่ การรกั ษา

7. ให้ความรูเ้ รื่องการสงั เกตลักษณะเสมหะทมี่ ีการตดิ เชื้อ 7. เพ่ือปูองกันเฝูาระวงั และสังเกต

ไดแ้ ก่ ปริมาณเสมหะเพิ่มขึ้น สีเปลย่ี นไป คอื จากเสมหะใส อาการ

หรือขาวเป็นสเี ทาเหลือง หรือน้ําตาล อาการของการตดิ เช้ือ

อ่ืน ๆแบบฉับพลัน คือการหายใจลําบากเพ่ิมข้นึ สีผิวหรือสี

เลบ็ เขียวคลาํ้ แนน่ หนา้ อกมากขึ้น ผลเลือดมเี มด็ โลหิตขาวสงู

8. ควรมารบั การฟ้ืนฟูสมรรถภาพปอดจนครบระยะเวลาตาม 8. เพ่ือเสรมิ สรา้ งสมรรถนะปอด

โปรแกรมทกี่ ําหนดของสถาบันฯอยา่ งต่อเน่ือง

9. สนบั สนุนให้ไดร้ ับภมู ิค้มุ กนั ปอู งกนั โรคไข้หวัด (Influenza 9. เสรมิ สร้างภมู ิต้านทานปูองกันโรค

vaccine)

10. การล้างมือ การรักษาอุปกรณใ์ ห้สะอาด และการทําความ 10. ปูองกันการตดิ เชื้อ

สะอาดเครอื่ งมือได้อย่างเหมาะสมภายหลังการใชง้ าน

62

แนวทางการวางแผนจาหนา่ ยผู้ปวุ ยโรคปอดอดุ ก้นั เรอ้ื รัง

การวางแผนจาหน่าย (Discharge Planning)
การวางแผนจําหน่ายเปน็ กระบวนการท่ีสง่ เสริมการดูแลแก่ผ้ปู วุ ยและญาติผู้ดแู ลอย่างเป็น

ระบบ และ มีความต่อเนอื่ ง โดยอาศัยการมสี ่วนร่วมของบุคลากรทีมสุขภาพ ผูป้ ุวย และญาติผูด้ ูแล มี
ข้นั ตอนท่ีประกอบด้วยการกาํ หนด วตั ถปุ ระสงค์ วธิ ดี าํ เนินการ การปฏบิ ตั ิ และ การประเมนิ ผล เพ่ือ
เตรียมความพรอ้ มของผ้ปู วุ ย และ ญาตผิ ดู้ ูแลภายหลังออกจากโรงพยาบาล ให้ผปู้ ุวยสามารถปฏบิ ัติตน
ไดถ้ ูกต้องทงั้ ขณะทอ่ี ยโู่ รงพยาบาลและทีบ่ ้าน เพ่อื มุง่ ให้มีการดูแลตอ่ เน่ือง และ มีการฟืน้ ฟูสภาพได้
อย่างเหมาะสม (อาดีละห์ สะไร, 2559)
วตั ถปุ ระสงคข์ องการวางแผนจาหนา่ ยผปู้ วุ ย มดี งั นี้ (อาดีละห์ สะไร, 2559)

1. สง่ เสรมิ ให้ผปู้ ุวยได้รบั การดูแลอยา่ งต่อเนื่องระหวา่ งโรงพยาบาลและชุมชน
2. พัฒนาศกั ยภาพในการดแู ลตนเองของผ้ปู วุ ยและญาติผู้ดแู ลตามแผนการรักษา
3. ลดความวิตกกังวลทัง้ ตวั ผูป้ ุวยและญาตผิ ดู้ ูแล
4. ส่งเสรมิ การใช้แหลง่ ประโยชน์ทจี่ ําเปน็ ซึ่งมีอยใู่ นชุมชน
5. ส่งเสริมประสทิ ธิภาพความคมุ้ ทนุ และความเหมาะสมในการใชป้ ระโยชนจ์ ากแหลง่
ทรพั ยากรทั้งจากโรงพยาบาลและชมุ ชน ควบคุมค่าใช้จา่ ยของสถานพยาบาล
บทบาทของพยาบาลวิชาชีพในการวางแผนจาหนา่ ยผู้ปุวย (กองการพยาบาล, 2546)
1. ประเมินความต้องการการดูแลทงั้ ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสงั คม เพ่อื คาดการณ์
ล่วงหน้าถึงปญั หาสขุ ภาพหรือความต้องการการดูแลสุขภาพทอ่ี าจเกิดขึน้ ภายหลังการจําหนา่ ย
2. ประเมนิ ความรู้ ความเข้าใจ แรงจูงใจและทักษะของผูป้ ุวยและญาตผิ ดู้ ูแลเก่ยี วกบั โรคที่
เป็น เพอ่ื เป็นข้อมลู ในการวางแผน กาํ หนดกิจกรรมใหส้ อดคลอ้ ง เหมาะสม
3. เป็นส่อื กลางในการประชุมปรึกษา หารือ และวางแผนรว่ มกันระหว่างบคุ ลากรในทมี
สุขภาพ รวมท้งั ผ้ปู วุ ยและญาตผิ ูด้ ูแล
4. ผสมผสานกิจกรรมการชว่ ยเหลือ การสอน ให้คาํ ปรึกษา ฝึกฝนทักษะการดูแลตนเองตาม
การรักษาท่ีจําเป็น รวมทั้งการจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ หรือยากลับบ้าน โดยการดัดแปลงกิจกรรมการ
ดูแลให้เหมาะสมกบั สภาพของผปู้ ุวยแต่ละราย
5. บริหารจัดการใช้เวลาในการดูแลผู้ปุวยให้เหมาะสม ในการเตรียมความพร้อมผู้ปุวยก่อน
จําหน่ายตามแผนการจําหน่าย เช่น ระยะโรคสงบควรสอนเรื่องการใช้ยาสูดพ่น เป็นต้น
6. สง่ ต่อแผนการจาํ หน่ายอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอื่ ให้ผูป้ ุวยได้รบั การเตรียมความพร้อมตาม
แผนอยา่ งเป็นระบบและต่อเน่ือง
7. ประเมินผลการปฏิบัติตามแผนเป็นระยะๆ ปรับปรุงแผนและวิธีการปฏิบัติให้เหมาะสม
ตลอดเวลาก่อนจาํ หนา่ ย
8. ประเมินและสรุปผลการพยาบาลกอ่ นจาํ หนา่ ย
9. ส่งต่อผู้ปุวยไปยังหน่วงงานหรือแหล่งประโยชน์ท่ีเกี่ยวข้องตามความเหมาะสม
10.ประชุมปรึกษาหารือในทีมพยาบาลและทีมสุขภาพ เพ่ือประเมินผลสําเร็จของกระบวนการ
วางแผนจําหนา่ ย เพ่ือนาํ ไปสกู่ ารปรับปรงุ และพัฒนาคุณภาพ

63

กระบวนการในการวางแผนจาหน่าย
กระบวนการในการวางแผนจําหน่ายผู้ปุวยควรเร่ิมให้เร็วท่ีสุดเท่าท่ีจะทําได้ คือ ต้ังแต่ผู้ปุวย

เร่ิมเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล (อาดีละห์ สะไร, 2559) กองการพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข
(2546) ไดแ้ บ่งขั้นตอนการวางแผนจาํ หน่ายผู้ปวุ ยออกเป็น 5 ขัน้ ตอน ดังน้ี

1. การประเมินปัญหา เป็นการประเมินปัญหาและความต้องการการดูแลผู้ปุวยท่ีเป็นแบบองค์
รวมทั้งสภาพร่างกาย จิตใจ สังคม ถึงความต้องการ ความพร้อมของผู้ปุวยและญาติผู้ดูแล รวมถึงแหล่ง
ประโยชน์ที่จะช่วยเหลือในการดูแลอย่างต่อเน่ืองภายหลังจําหน่ายจากโรงพยาบาล ซ่ึงประเด็นสําคัญท่ี
พยาบาลจะต้องประเมนิ มดี งั น้ี

1.1 สภาพร่างกาย จิตใจ และความต้องการดา้ นสงั คมของผปู้ ุวยปัจจุบันเป็นอย่างไรเม่ือผ่าน
พน้ ระยะวกิ ฤติแล้ว ผ้ปู ุวยจะยังคงตอ้ งได้รับความชว่ ยดา้ นด้านใดอยู่บ้าง หรือภาวะสุขภาพของผู้ปุวยน้ัน
ก่อให้เกิดปญั หาหรอื ขอ้ จํากัดอะไรบา้ งในการดาํ เนินชวี ติ

1.2 ความพรอ้ มด้านรา่ งกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมของผู้ปุวยและญาติผู้ดูแลได้แก่ ระดับ
ความรู้สกึ ตัวและการรับรู้ ความทนต่อส่งิ รบกวนต่างๆ โดยเฉพาะอาการของโรค แบบแผนพฤติกรรมใน
การดําเนินชีวิตประจําวันของผู้ปุวย การรับรู้ต่อความเจ็บปุวย ความคาดหวังต่อการรักษาความพร้อม
และแรงจูงใจที่จะพัฒนความสามารถในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ เพ่ือเตรียมความพร้อมก่อนกลับบ้าน
เป็นต้น

1.3 ค้นหาญาตผิ ู้ดูแลผู้ปุวย เพ่ือวางแผนฝึกฝนให้ตรงตามความต้องการและความเหมาะสม
ของแต่ละคนแหล่งประโยชน์ท่ีช่วยเหลือหรือให้การดูแลต่อเน่ืองภายหลังจําหน่าย เช่น อาสาสมัคร
สาธารณสขุ เจ้าหน้าทอี่ นามัย หรอื โรงพยาบาลใกล้บา้ น

2. การวินิจฉัยปัญหาสุขภาพและความต้องการการดูแลภายหลังการจําหน่าย นําไปสู่การ
วนิ จิ ฉัยการพยาบาลเพอื่ วางแผนจําหนา่ ยผูป้ วุ ยอาจกาํ หนดไดด้ ังนี้

2.1 วินิจฉัยตามปัญหาเฉพาะหน้า เพ่ือให้เกิดผลลัพธ์ระยะยาว เช่น เพื่อปูองกันการเกิด
คารบ์ อนไดออกไซด์คัง่ จงึ ตอ้ งวางแผนการให้ความรเู้ รือ่ งการใช้ Long term oxygen theraphy

2.2 วินิจฉัยตามการคาดการณ์ล่วงหน้า เกี่ยวกับความต้องการการดูแลที่บ้านภายหลัง
จําหน่าย ซ่ึงขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ปุวยแต่ละราย และญาติผู้ดูแล เช่น ผู้ปุวยบางรายต้องการ
ได้รับการฝึกฝนการใช้ยาสูดพ่นยาให้เกิดทักษะในการปฏิบัติเทคนิคเฉพาะก่อนการจําหน่าย เพื่อให้
มน่ั ใจวา่ ผูป้ วุ ยและญาติผู้ดแู ลมีความรู้ความเขา้ ใจอย่างเพียงพอในการดูแลตนเองท่ีบ้าน

3. การกําหนดแผนการจําหน่ายผู้ปุวย. โดยการนําข้อมูลที่ได้จากการประเมินและวินิจฉัย
ปัญหาดังกล่าวมาใช้ในการวางแผน ควรเป็นการร่วมกันกําหนดแผนการจําหน่ายผู้ปุวยระหว่างทีมสห
สาขาวิชาชีพกับผู้ปุวยและญาติผู้ดูแล กําหนดเปูาหมายระยะส้ัน ระยะยาวและวิธีประเมินผลรวมท้ัง
เนือ้ หาในการวางแผนจาํ หนา่ ยผ้ปู วุ ย สามารถสื่อความหมายในทางปฏิบัติ มีความเฉพาะกับผู้ปุวยแต่ละ
ราย และสามารถปรบั เปล่ยี นได้ตลอดเวลาตามความเหมาะสม

4. การปฏบิ ตั ิตามแผนการจาํ หนา่ ย เป็นการปฏิบัติการพยาบาลทคี่ รอบคลมุ ท้งั 4 มิตคิ ือ การ
สง่ เสรมิ ปูองกัน รักษา และฟื้นฟู ตามปัญหาเร่งดว่ นหรอื ปัญหาปัจจุบัน และการปฏบิ ัติตามแผนระยะ
ยาว เพอื่ ใหเ้ กิดการดูแลทตี่ ่อเนอ่ื งทัง้ ผู้ปวุ ยและญาตผิ ดู้ ูแล ในการปฏิบัติการตามแผนการจาํ หนา่ ย

5. การประเมินผล พยาบาลวชิ าชีพต้องรว่ มกบั ผู้ปุวยและญาตผิ ดู้ แู ลประเมนิ ผลตามเปาู หมาย
ทวี่ างไวร้ ว่ มกัน ทั้งการประเมินผลระยะส้ันและระยะยาว การประเมินสามารถทาํ ได้โดย การตรวจ

64

รา่ งกาย การสงั เกต การปฏบิ ตั ิ การสอบถาม พูดคยุ และตดั สินว่าพฤตกิ รรมหรือการเรยี นรหู้ รือ
ความกา้ วหนา้ ของผ้ปู วุ ยเปน็ ไปตามเปูาหมายหรือไม่

หัวข้อ รูปแบบการวางแผนจาหน่าย D-METHOD
D -diagnosis
M- medication ตัวอยา่ ง
E-environment and
economic โรคปอดอดุ ก้นั เร้ือรัง (COPD) เป็นกลุ่มโรคทีเ่ กิดเนอื่ งมาจากความผดิ ปกติใน
การตอบสนองของปอดต่อสารหรือก๊าซที่มากระตุน้ ก่อให้เกิดการอุดกั้นของ
T-treatment หลอดลมในลักษณะท่ีเรื้อรังการฟน้ื กลับไม่เตม็ ที่ และอาการจะเพิม่ มากขน้ึ
เรอ่ื ยๆ
H-health
-รับประทานยาขยายหลอดลม ยาขับเสมหะ ยาสูดพน่ ตามแนวทางการรักษา
O-outpatien และแนะนาํ การใช้ยาผลข้างเคยี งการสังเกตอาการผดิ ปกติท่คี วรมาพบแพทย์

-แนะนําใหผ้ ู้ปุวยและญาตหิ ลีกเลียงสิง่ ที่ส่งเสรมิ ให้อาการกําเริบ เชน่ การสบู
บหุ ร่ี หรืออยู่ใกล้ กบั คนที่สบู บหุ รี่ มลภาวะตา่ งๆ
-จดั ส่งิ แวดล้อมใหเ้ กิดความปลอดภัยกับผปู้ ุวย เชน่ ทาํ ราวยดึ เกาะ
-การจดั ส่งิ แวดล้อมเพื่อช่วยในการสงวนพลงั งาน
-ดแู ลทาํ ความสะอาดสง่ิ แวดลอ้ ม และเครื่องนอน เพื่อลดการสะสมของฝุน
ละออง
-จดั การเรือ่ งสทิ ธิการรักษาก่อนมาตรวจตามนัดทุกคร้ัง

-สอนการหายใจอยา่ งถูกต้อง เรียกว่า Pursed Lip Diaphragmatic
Breathing หรือการหายใจ แบบห่อปาก
-สอนการไออย่างมีประสทิ ธิภาพ(Effective cough)
-กรณีตอ้ งใช้ออกซิเจนต่อทีบา้ น แนะนาํ วธิ กี ารใชแ้ ละอาการผดิ ปกตทิ ี่ควร
เฝูาระวังเพื่อให้ ช่วยเหลอื ได้ทนั เวลา เช่น ซึม สับสน หายใจชํ้าลึก ต้องรีบ
สง่ โรงพยาบาลทนั ที

แนะนําใหร้ ูจ้ ักปูองกันตนเองจากการติดเชื้อทางเดนิ หายใจโดย
1.หลกี เลียงคนทีมีอาการตดิ เชอ้ื โรคทางเดินหายใจ
2 หลกี เลียงจากกลุ่มคนแออัด
3.รักษาความสะอาดปากฟัน
4. สังเกตอาการผดิ ปกติของตนเองเม่ือเกิดการติดเช้ือเช่น ไข้หนาวสั่น หายใจ
ลําบาก เสมหะเปล่ียนสีไอบ่อยเจบ็ คอให้มาพบแพทย์
ถ้ามีอาการเหน่ือยหอบ พ่นยาขยายหลอดลม ติดกนั 3 ครั้งไมท่ เุ ลา ใหม้ าพบ
แพทย์

-แนะนาํ การมาตรวจตามนดั
-วางแผนร่วมกนั กับทีมเวชปฏิบัตคิ รอบครัวและชุมชนในการตดิ ตามเยยี่ มเพ่ือ
ประเมนิ การ ปฏิบตั ิตวั และช่วยแก้ไขปญั หาเม่ือผปู้ ุวยกลบั ไปพักที่บ้าน (กรณี
case readmit /new case )

65

หัวข้อ ตวั อย่าง
D-diet
-ด่มื นํา้ ให้เพยี งพอวนั ละ 2-3 ลติ รเพ่อื ระบายเสมหะ
-แนะนําให้ทานอาหารออ่ นหรืออาหารเหลวซึง่ ย่อยงา่ ยเพ่อื ลดการใชพ้ ลงั งาน
-แนะนาํ ให้งดอาหารมันเพ่ือลดอาการไอ
-แนะนําจาํ กัดการรบั ประทานอาหารประเภทแปงู

การเสริมสร้างพลงั อานาจ (Empowerment)
การเสริมสร้างพลังอํานาจเป็นกระบวนการทางสังคมในหลาย ๆ มิติที่จะช่วยให้บุคคลเพิ่ม

ความสามารถในการควบคุมส่ิงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต เปูนกระบวนการที่ผลักดันให้บุคคลเป็นผู้ดูแล
ตนเองโดยใช้ศักยภาพท่ีบุคคลมีอย่างเต็มท่ี เพ่ือมาแก้ปัญหาท่ีบุคคลให้คุณค่า ผู้ปุวยโรคปอดอุดกั้น
เรอ้ื รังควรได้รับการเสรมิ สร้างพลงั อํานาจ ในเรือ่ งต่อไปนี้

1. การเลิกบุหรี่ เป็นวิธีท่ีดีที่สุด ท่ีจะชะลอความเส่ือมของสมรรถภาพปอด และลดอัตรา การ
เสยี ชีวติ จงึ แนะนําให้ช่วยเหลือผู้ปุวย COPD ในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการ
รักษาโรค COPD และโรคร่วมอนื่ ๆ โดยมแี นวทางการรักษาผทู้ ต่ี ้องการเลิกบหุ ร่ี

1.1 การให้คําปรึกษาเพ่ือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (Education and knowledge management)
เป็นการรักษาที่สําคัญและประสบผลสําเร็จมากท่ีสุด พบว่าการให้คําปรึกษาแม้ใช้ระยะเวลาสั้น ๆ ( Brief
counseling) สามารถจะเพม่ิ โอกาสในการเลิกบุหร่ใี หส้ าํ เรจ็ ได้มาก

การให้คาปรกึ ษาอยา่ งสัน้ สนั้ ( Brief counseling) มีข้ันตอนสาคญั “5A” ดงั ตาราง

ข้ันตอน5A ความสาคญั แนวปฏิบัติ
ASK
- การสูบบหุ ร่อี ย่างต่อเนือ่ ง จดั เป็นโรค - ถามประวตั กิ ารสบู บุหรี่ เชน่ สบู มานาน
ADVISE
ASSESSMENT เรอื้ รงั ให้ถือว่าการสบู บุหร่เี ป็น Active เทา่ ไหร่ ปรมิ าณการสบู ต่อวนั

ASIST problem ในการดูแลผูป้ ุวยเสมอจนกวา่ จะ - ควรถามผู้ปุวยทุกคนเก่ยี วกับประวตั ิการสบู

เลิกได้ บหุ ร่ี และบนั ทึกลงในประวตั ิผปู้ วุ ย

- ใหข้ ้อมูลเกี่ยวกับผลเสยี ของการสูบบหุ ร่ี - ใหค้ ําแนะนาํ ผู้ปวุ ยเกย่ี วกบั เร่ืองพิษภยั บุหรี่

และประโยชนข์ องการเลิกบหุ รี่ และการเลิกสูบบหุ ร่หี รอื สามารถสง่ ตอ่ ผปู้ วุ ย

- เสนอความช่วยเหลือทุกคร้งั ท่ีมีโอกาส ไปรับการดูแลทีเ่ หมาะสมได้

- การประเมนิ ว่าผู้ปวุ ยมคี วามต้องการท่ีจะ - ให้คําแนะนาํ ท่เี หมาะสมเพือ่ ชว่ ยให้ผู้ปวุ ยลง

เลกิ บุหรหี่ รอื ไม่ มือเลิกสูบบหุ ร่ี

- ในผูส้ บู ทย่ี งั ไม่ต้องการเลกิ บุหร่ี ควรมีการให้

คาํ แนะนําเพื่อกระตุ้นผสู้ บู ให้เรมิ่ คดิ เลกิ สูบ

บหุ ร่ที กุ คร้งั ที่มีโอกาส(Motivation counseling)

- การชว่ ยเหลือให้ผปู้ ุวยสามารถหยุดบุหรีไ่ ด้ - อธบิ ายถึงขนั้ ตอนการเลิกบุหร่ี

- ควรกําหนดวนั เลกิ บหุ รภี่ ายใน 1เดือน

- แนะนาํ แนวทางปฏบิ ัตติ ัวในช่วงก่อนจะเลกิ

และในวันทเ่ี ลกิ บุหร่ี

- ถ้าจําเป็นตอ้ งใชย้ าช่วยเลิกบหุ ร่ี สามารถ

66

ขนั้ ตอน5A ความสาคญั แนวปฏิบัติ
ARRANGE
- การติดตามผู้ปวุ ย (Follow up) ภายหลงั จ่ายยา และแนะนําวิธีใช้ทีถ่ ูกตอ้ งได้
จากการลงมือเลกิ บุหร่ี
- ควรมกี ารนัดผู้ปุวยมาเพ่ือติดตาม
ผลการรกั ษา และใหค้ าํ แนะนําทเ่ี หมาะสม
ตอ่ ไป

1.2 การใชย้ าในการเลกิ บุหรี่ (Smoking cessation medications) ปจั จบุ นั ยาที่ใช้ช่วยใน
การเลิกบุหร่ี ท่ีพบว่าสามารถเพิม่ โอกาสในการเลิกบุหรีไ่ ด้ ประกอบด้วยยา 2 กลุ่ม คือ

1) กลมุ่ ยา nicotine supplement เป็นการให้ nicotine เสริมในผู้ปวุ ยเพื่อลดอาการของ
nicotine withdrawal ปจั จบุ ันในประเทศไทยมีอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่ nicotine patch และ nicotine gum

2) กลุ่มยา non-nicotine medication ในปัจจุบันที่ใช้กันคือ ยา varenicline ออกฤทธ์ิโดย
เป็น Partial agonist และ Partial antagonist ของnicotine receptor ในระบบประสาทส่วนกลาง ทําให้
ผู้เลิกบุหรี่ประสบความสําเร็จมากข้ึน ส่วนยากลุ่ม antidepressant คือ bupropion SR และ nortriptyline
มีฤทธ์ชิ ว่ ยลดอาการอยากบุหรีไ่ ด้

สําหรับในประเทศไทย มีการนํากลุ่มยาสมุนไพร หรือยาแผนไทยมาใช้ เช่น ยาหญ้าดอกขาว
(Vernoia cinerea LESS) ออกฤทธโิ์ ดยทําให้ล้นิ ชา และไม่อยากบุหร่ี

ข้อควรระวังในการใช้ยาช่วยเลิกบุหรี่ คือ ไม่ควรใช้ในผู้ท่ีสูบบุหร่ีปริมาณไม่มาก (น้อยกว่า 10
มวนตอ่ วนั ) ผู้ที่ต้งั ครรภห์ รือใหน้ มบตุ ร และผู้ที่มีข้อห้ามในการใช้ยาแต่ละชนิด
ความรู้เกย่ี วกับโรคปอดอุดกันเรื้อรงั ความหมาย สาเหตุ การรกั ษา การปูองกนั

2. การใช้ยา และการพ่นยาสูดพ่นขยายหลอดลมการเลือกใช้ยาของการรักษาผู้ปุวยโรค
หลอดลมอุดกั้นเร้ือรัง ข้ึนอยู่กับความรุนแรงของโรค และอาการของผู้ปุวยแต่ละราย รวมถึงการ
ตอบสนองต่อการรักษาแต่ละชนิด แพทย์จะติดตามผลและประเมินการรักษาว่าได้ผลหรือไม่ และ
พิจารณาเพิ่มหรือลดยาตามอาการของผู้ปุวย ปัจจุบันยังไม่มียาใด ที่สามารถชะลอหรือลดการเส่ือม
สมรรถภาพปอดในผู้ปุวยได้ แต่ใช้ยาเพื่อลดอาการของผู้ปุวยและปูองกันภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น ยาที่
ใชใ้ นการรกั ษา ไดแ้ ก่

2.1 ยาขยายหลอดลม ใช้เพ่ือควบคุมอาการและลดอาการเหนื่อย นอกจากน้ียังช่วยให้
คุณภาพชีวิตของผู้ปุวยดีข้ึน ยาขยายหลอดลมมีทั้งรูปแบบสูดพ่นทางปากและรูปแบบเม็ดสําหรับ
รับประทาน ส่วนใหญ่นิยมใช้ยาแบบสูดพ่นทางปาก เพ่ือลดผลข้างเคียงจากยา โดยผลข้างเคียงที่พบได้
เช่น ใจส่ัน มือส่ัน เป็นตะคริว ซึ่งอาจพบอาการเหล่าน้ีได้ในผู้ปุวยบางราย ซ่ึงหากเกิดอาการเช่นน้ีควร
แจง้ ใหแ้ พทยท์ ราบ

2.2 ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ ใช้เพื่อลดการเกิดอาการกําเริบของโรคลงได้ และทําให้อาการดี
ขึ้นไดบ้ ้าง ยามที ้ังรูปแบบสดู พ่นทางปากและรปู แบบเมด็ สาํ หรับรบั ประทาน สว่ นใหญ่นิยมใช้แบบสูดพ่น
ทางปาก ซง่ึ ตอ้ งใช้ยาต่อเนื่อง เป็นประจําทุกวัน จนกว่าแพทย์พิจารณาปรับยา โดยผลข้างเคียงที่พบได้
เช่น ฝูาขาวในช่องปาก เนื่องจากเชื้อรา ดังนั้นจึงควรบ้วนปากทุกครั้งหลังสูดพ่นยา นอกจากนี้อาจพบ
อาการเสยี งแหบ ไอ ระคายคอได้ ซึ่งหากเกิดอาการเช่นน้ี ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ส่วนยารูปแบบเม็ดมัก
ใช้ในระยะสัน้ เนอื่ งจากผลขา้ งเคียงมาก เชน่ ทาํ ใหเ้ กดิ กล้ามเนอื้ ออ่ นแรง ภาวะกระดูกพรนุ เป็นต้น

67

2.3 การให้ Influenza Vaccine (วัคซีนไข้หวัดใหญ่) แก่ผู้ปุวยเพ่ือลดการปุวยท่ีรุนแรง
และปูองกันการเสียชีวิตของผู้ปุวย เนื่องจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เป็นสาเหตุของการเกิดการกําเริบ
ของโรคได้ และเสียชีวิตของผู้ปวุ ย

3. การใช้ออกซิเจนระยะยาว (Long term oxygen therapy: LTOT) มีจุดมุ่งหมายหลักคือ
ช่วยเพ่ิมระยะเวลาการมีชีวิตอยู่รอดในกรณีท่ีผู้ปุวยมีภาวะ Hypoxemia รุนแรงเร้ือรัง และยังช่วยลด
การเกิดภาวะ polycethemia (ภาวะท่ีมีการเพ่ิมขึ้นผิดปกติของ hematocrit ผู้หญิง >48% ผู้ชาย
>52%) ช่วยลดความรนุ แรงและชว่ ยชะลอการเพ่ิมข้ึนของภาวะ pulmonary hypertension ตลอดจน
ทําให้คุณภาพชีวิตด้านความสามารถการออกกําลังกาย ความสามารถในการช่วยเหลือตนเองในการทํา
กิจวัตรประจําวัน ความรู้สึกนึกคิด และสภาพจิตใจดีขึ้น วิธีการให้คําแนะนําการให้ออกซิเจน
1) สอบถามค่าออกซิเจนในเลือดที่แพทย์ยอมรับ 2) ทดลองให้ผู้ปุวยหายใจ room air ประมาณ 30
นาที วดั ออกซเิ จนปลายนว้ิ 3) ให้ออกซเิ จนปรบั จนไดค้ า่ ออกซเิ จนปลายนว้ิ ตามท่ียอมรับ

4. อาหาร ผ้ปู วุ ยกลุ่มนี้มักมีน้ําหนักตัวต่ํากว่าเกณฑ์ เน่ืองจากรับประทานอาหารได้น้อยเพราะ
เหนื่อยหอบ การดูดซึมน้อยลงจากภาวะ hypoxemia การใช้พลังงานมากกว่าคนปกติ การเพ่ิมน้ําหนัก
ในผทู้ นี่ าํ้ หนักตัวน้อยจะช่วยลดอัตราการเสียชีวิตได้ ดังน้ันผู้ปุวยควรได้รับคําแนะนําด้านโภชนาการทุก
ราย สําหรับผู้ปุวยที่ท่ีอยู่ในระยะรุนแรงหรือมีภาวะ hypercapnia ควรแนะนําให้รับประทานอาหาร
ประเภทไขมันสูงมากกว่าร้อยละ 50 ของพลังงานจากสารอาหารท้ังหมด อาจช่วยลดการผลิต
คารบ์ อนไดออกไซดจ์ ากการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตลง ซึ่งช่วยลดภาระงานของระบบการหายใจในการ
ขับกา๊ ซน้อี อกจากปอดและลดอาการเหนื่อยหอบ

5. การฟ้ืนฟูสมรรถภาพการหายใจ การฟื้นฟูสมรรถภาพการหายใจ ช่วยลดอาการเหนื่อย
หอบ ไม่เกิดอาการเหนื่อยล้า ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีข้ึน ลดการนอนโรงพยาบาล ประกอบด้วย การ
ฝึกหายใจ การฝึกการไออยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และการฝึกกล้ามเน้อื อ่ืน ๆ ดังน้ี

5.1 การฝกึ หายใจแบบห่อปาก (pursed lib breathing exercise) ฝึก 5-10 ครงั้ /รอบ แลว้
พกั หายใจ ปกติ 5-10 คร้ัง, 2 รอบ/วนั , 3 วัน/สปั ดาห์ โดยมวี ิธีการดังน้ี

1) อยู่ในทา่ นง่ั วางมือทั้งสองข้างไว้ท่หี น้าท้อง
2) หายใจเข้าทางจมูกลึกๆ ให้ท้องปอุ งออก เม่อื หายใจเขา้ จนสดุ ให้กลั้นค้างไว้ 2-3 วนิ าที
3) หอ่ ปากใหม้ ชี อ่ งลมออกเล็กๆ แลว้ หายใจออก ทางปากชา้ ๆ ยาวๆ จนหมด ให้ท้องแฟบลง

68

5.2 การขยับเคลื่อนไหวทรวงอกด้วยตนเอง (active chest mobilization) ฝึก 5-10 ครั้ง/
ท่า/รอบ ทาํ 2-3 รอบ/วัน อยา่ งนอ้ ย 3 วนั /สปั ดาห์ โดยให้ผปู้ วุ ย อยใู่ นท่าน่ังหรือยืน เท้าวางราบ กับพื้น
ลาํ ตัวตรง มี 4 ทา่ ดงั นี้ (รูปที่ 2)

ท่าท่ี 1 ท่ายืดทรวงอกด้านหน้า ด้านหลัง (stretch antero-posterior chest wall)
ยกมอื ข้ึนเหนือศีรษะทั้ง 2 ข้าง แขนเหยียดตรงและกางออกเล็กน้อยพร้อมกับหายใจเข้า แล้วโน้มตัวไป
ข้างหน้า หุบแขนเข้าหากัน พร้อมกับหายใจออก และก้มตัวลง พยายามให้มือแตะพ้ืน จากนั้นให้ยืดตัว
ยกแขนข้นึ และกางออกพร้อมกบั หายใจเข้ากลบั สูท่ า่ เร่ิมต้น

ท่าที่ 2 ท่ายืดทรวงอกด้านหน้า ด้านหลังส่วนบน (Stretch antero - posterior
upper chest wall) เอามือประสานที่ท้ายทอย ยืดตัวขึ้นและกางศอกออกพร้อมกับหายใจเข้า แล้วก้ม
ศีรษะลง หุบศอกเขา้ หากันพร้อมกับหายใจออก จากน้ันให้เงยหน้าข้ึนและกางศอกออกพร้อมกับหายใจเข้า
กลบั สทู่ า่ เรมิ่ ตน้

ท่าท่ี 3 ท่ายืดทรวงอกด้านหลัง-ด้านข้าง (Stretch posterolateral chest wall) ยก
มือซ้ายขึ้นเหนือศีรษะ ใช้มือขวาจับที่ข้อมือซ้าย ยืดตัวขึ้น หมุนตัวไปด้านซ้าย พร้อมกับหายใจเข้า
จากนั้นให้หมุนตัวไปด้านขวา ดึงมือซ้ายไปด้านขวา และก้มตัวลงพร้อมกับหายใจออก จากนั้นให้
หายใจเข้าแลว้ ยืดตัวยกแขนขนึ้ พร้อมกับหมุนตวั กลับสู่ท่าเร่ิมตน้ (สลับขา้ งซา้ ย-ขวา)

ท่าที่ 4 ท่ายืดทรวงอกด้านข้าง (Stretch lateral chest wall) ยกมือซ้ายขึ้นเหนือ
ศีรษะ ยืดตัวข้ึนพร้อมกับหายใจเข้า แล้วเอ้ือมมือข้ามศีรษะเอียงตัวไปข้างขวา พร้อมกับหายใจออก
จากนน้ั ใหด้ ึงมือและลาํ ตวั กลบั พร้อมกบั หายใจเขา้ กลับส่ทู า่ เริ่มตน้ (สลบั ขา้ งซ้าย-ขวา)

5.3 การการไออยา่ งมีประสิทธิภาพ ช่วยใหก้ าํ จัดเสมหะไดง้ ่ายขน้ึ ทาํ ได้ดงั นี้
1) ใหผ้ ปู้ วุ ยนงั่ บนเกา้ อีว้ างเท้าราบกบั พ้นื ใชม้ ือกอดอกหรือกอดหมอน งมุ้ ไหล่ลง
2) หายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ 2- 3 ครัง้ จากนั้นสดู หายใจเข้าลึกๆ ยาวๆ อย่างเต็มท่ีแล้ว

กล้ันใจไวส้ กั ครู่ (ประมาณ 2-3 วินาท)ี

69

3) โน้มตัวไปขา้ งหน้าเลก็ น้อย ไออกมาติดต่อกนั 2-3 ครั้ง
6. การฉีดวคั ซนี ไข้หวดั ใหญต่ ามฤดูกาล
7. การดแู ลแบบประคบั ประคอง เม่ือโรคดําเนินมาถึงระยะท้าย ตอบสนองต่อยาและการรักษา
ลดลงเรือ่ ยๆ การดแู ลรักษา แบบประคับประคองจึงมีบทบาทเพ่ิมข้ึนเร่ือยๆ โดยหลักการของการรักษา
มุ่งเน้นการบรรเทาอาการของโรค ฟ้ืนฟูและเสริมสร้างสภาพจิตใจ บรรเทาปัญหาด้านสังคม และสร้าง
เสริมจิตวิญญาณของผู้ปุวยแบบองค์รวม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ปุวยและครอบครัว ดํารงไว้ซ่ึง
ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์จนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย โดยแพทย์ควรหาโอกาสท่ีเหมาะสมสื่อสารกับ
ผู้ปุวยและญาติเพื่อวางแผนการดูแล เช่น เมื่อมีอาการเหนื่อยหอบ บรรเทาอาการโดยการให้ยากลุ่ม
มอรฟ์ ีน ยาระงับประสาท ออกซิเจนบําบดั เปน็ ต้น

70

บรรณานกุ รม

คู่มือความรู้เก่ียวกับการดูแลสุขภาพผู้ปุวยโรคปอดอุดก้ันเร้ือรัง. สืบค้น 28/04/2020 ท่ีมา
http://resource.thaihealth.or.th/library/hot/12606

เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ. (2561). การบาบัดโรคเสพยาสูบในผู้ป่วย
โรคเร้ือรังในประเทศไทย พ.ศ. 2561. กรุงเทพฯ: พมิ พค์ ร้งั ท่ี 2 ห้างหนุ้ ส่วนจาํ กัด สนิ ทวกี จิ .

โชค ลิ้มสุวัฒน์. (2561). Chronic obstructive pulmonary disease for Emegency
Physicial. ใน First hour in Emergency Room 2018 (พิมพ์คร้ังท่ี 1). (น. 134 – 150) กรุงเทพ: บริษัท
พ.ี เอ.ลฟิ ว่งิ จาํ กดั .

ชายชาญ โพธิรัตน์. (2559). โรคปอดอุดก้ันเรื้อรังในเวชปฏิบัติและวิจัยคลินิก. เชียงใหม่: จรัส
ธรุ กจิ การพิมพ์

ดวงรัตน์ วัฒนกิจไกรเลิศ. (2559). การพยาบาลผู้ปุวยโรคปอดอุดกั้นเร้ือรัง ใน วันดี โตสุขศรี
และคณะ การพยาบาลอายุรศาสตร์ 1 (พิมพ์คร้ังท่ี 4). (น. 81-91) กรุงเทพ: ห้างหุ้นส่วนจํากัดเอ็นพี
เพรส.

แนวทางการรักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง. สืบค้น 28/04/63 ที่มา www.lpnh.go.th › newlp ›
wp-content › uploads › 2013/10 ›

แนวทางการรักษาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง. สํานักงานสาธารณสุขราชบุรี. สืบค้น 25/04/63 ท่ีมา
https://rbpho.moph.go.th/download-doc.php?url=upload-file/doc/files/010518-908-
2940.pdf&filename=010518-908-
2940.pdf&title=01.%E0%B8%9B%E0%B8%81%20%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%99
%E0%B8%B3&no=450

เบญจมาศ ช่วยชู. (2558). โรคปอดอุดกั้นเร้ือรัง. ใน พูนชัย จรัสเจริญวิทยา และคณะ (บ.ก.)
อายุรศาสตร์ทนั ยุค 2558 (พมิ พ์คร้ังท่ี 1). (น.248 – 281). กรงุ เทพ: ห้างห้นุ สว่ นจาํ กดั ภาพพมิ พ.์

เบญจมาศ ช่วยชู. (2556). โรคปอดอุดก้ันเรื้อรัง. ใน นิธิพัฒน์ เจียรกุล (บ.ก.) ตาราอายุรศาสตร์
ท่ัวไป (พมิ พค์ รัง้ ที่ 1). (น.296 – 317). กรงุ เทพ: ห้างหุน้ ส่วนจาํ กดั ภาพพิมพ.์

ปนิฏฐา นาคช่วย, ละมัยพร อินประสงค์, วารินทร์ ตันตระกูล, ปดิวรัดา ทองใบ, พิไลวรรณ
จันต๊ะนุ. MEWS: Adult Pre Arrest Sign กับบทบาทพยาบาล. เวชบันทึกศิริราช. ปีท่ี 10 ฉบับที่ 3
ก.ย. – ธ.ค. 2560: 186

ปราณี ทู้ไพเราะ. (2559). คู่มือยา Handbook of Drugs. พิมพ์คร้ังที่14. กรุงเทพมหานคร:
ภาควชิ าการพยาบาลอายุรศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.

พงศ์ธารา วิจิตเวชไพศาล. (2557). การวิเคราะห์ก๊าซในเลือดแดง. พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ :
บริษัท พี.เอ. ลฟิ ว่ิง จาํ กดั

พิชญาภา รุจิวิชชญ์. (2556). โรคปอดอุดก้ันเรื้อรัง. ใน ณัฏฐิณี จรัสเจริญวิทยา และคณะ
(บ.ก.) อายุรศาสตร์ผปู้ ่วยนอก (พมิ พ์ครั้งที่ 1). (น.257-277). ปทุมธานี: สาํ นกั พมิ พ์กรงุ เทพเวชสาร.

พนัส เฉลิมแสนยากร. (2560). ปอด: กายวิภาคปอด (Lung Anatomy) / สรีรวิทยาของปอด
(Physiology of Lung). สบื ค้นเม่อื 1 เมษายน 2565 จาก http://haamor.com/th/ปอด/.

71

รพีพร โรจน์แสงเรือง. (2561). อาหารสําหรับโรคปอดอดุ กน้ั เรือ้ รงั (Nutritional Management
in COPD ). ความร้สู าหรบั ประชาชน. คณะแพทย์ศาสตรโ์ รงพยาบาลรามาธบิ ดี. สืบคน้ 28/04/2020
ท่มี
khttp://www.wongkarnpat.com/upfilepat/%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%9E%E0%
B8%B2%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%20400.pdf (accessed 1 Aug
2018)

โรคปอดอุดก้ันเรื้อรงั (Chronic obstructive pulmonary disease, COPD) สบื คน้
28/04/2020 ที่มา https://www.thoracicsocietythai.org/guidelines/

โรคปอดอดุ กน้ั เรื้อรงั (COPD)/ Bangkok Hospital. สบื ค้น 28/04/2020 ทีม่ า
https://www.bangkokhospital.com/th/disease-treatment/copd
โรคปอดอดุ ก้ันเร้ือรัง 2560. สืบค้น 30/04/2020 ที่มา
https://www.chiangmaihealth.go.th/cmpho_web/document/170404149128410522.pdf

ศิริญญา วิสัย. (2556). การพัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลทางคลินิกเพ่ือปูองกันอาการกําเริบ
เฉียบพลันในผู้สูงอายุโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ท่ีคลินิกโรคหอบหืด โรงพยาบาลโกสุมพิสัย จังหวัด
มหาสารคาม. วทิ ยานพิ นธพ์ ยาบาลศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาการพยาบาลผสู้ ูงอายุ มหาวทิ ยาลยั บรู พา.

ศิริพร จินดารัตน์,สุกัญญา โลจนาภิวัฒน์,และถนอมศรี อินทนนท์. (2554). การพัฒนาแนว
ปฏิบัติในการสนับสนุนการเลิกสูบบุหร่ีของการใช้บริการคลินิกอดบุหรี่. วารสารสภาการพยาบาล.
26(3), 64-77.

สมาคม อรุ เวชช์ แหง่ ประเทศไทย. โรคปอดอุดกน้ั เร้ือรัง (Chronic obstructive pulmonary
disease, COPD). ข้อแนะนาการดูแลรักษาผปู้ ่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรงั พ.ศ. 2560. สืบค้น
27/04/2020. ที่มา http://www.thoracicsocietythai.org/wp-content/uploads/2018/06/CPG-
COPD-by-TST.pdf

สมหญิง โควศวนนท์. (2552). การพยาบาลผู้ปุวยเด็กท่ีมีปัญหาระบบหายใจ. ใน บุญเพียร
จันทวัฒนา ฟองคํา ติลกสกุลชัย, ปัญจางค์ สุขเจริญ, วิไล เลิศธรรมเทวี และศรีสมบูรณ์ มุสิกสุคนธ์
(บรรณาธิการ). ตาราการพยาบาลเดก็ เล่ม 2. ฉบบั ปรับปรงุ คร้ังท2ี่ (หนา้ 605-652). กรุงเทพฯ: พรี -วนั

สเุ กษม อัตนวานิช และ มณเฑียร งดงามทวีสขุ . (2556). ตาราศลั ยศาสตร์ทรวงอกพ้ืนฐาน.
กรุงเทพฯ: โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหดิ ล.

เสาวนีย์ เหลืองอร่าม, พรทิพย์ ศรีโสภา, รวยริน ชนาวิรัตน์. การออกกําลังกายที่บ้านในผู้ปุวย
ปอดอุดก้นั เรอ้ื รัง. วารสารเทคนคิ การแพทยแ์ ละกายภาพบาบดั . 30.(2). 231-235. สืบค้น 28/04/2020
ท่ีมาwww.thaijo.org/index.php/ams/article/download/14546/107440

อรสา พันธ์ภกั ดี. (2556). แนวปฏิบัตกิ ารพยาบาลเพือ่ ช่วยเลิกสูบบุหรี่. กรุงเทพฯ: บรษิ ทั อัพทรู
ยคู รีเอทนวิ จํากัด.

อดิศร วงษา. (2560). ข้อแนะนาการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคปอดอุดก้ันเร้ือรัง พ.ศ. 2560. (พิมพ์
คร้ังท1่ี ). กรุงเทพฯ : สมาคมอรุ เวชชแ์ หง่ ประเทศไทยในพระบรมราชปู ถัมภ์.

อายุรศาสตร์ ง่ายนิดเดียว. (2561). SAMA/LABA. สืบค้น 24 เมษายน 2563. ที่มา
http://medicine4layman.blogspot.com/2018/01/samalaba.html

เอกรินทร์ ภูมิพิเชฐ. (2557). Arterial Blood Gas Analysis Clinical Application. ใน เวช
บาบัดวกิ ฤตพน้ื ฐาน (พมิ พ์ครงั้ ที่ 2 ). กรุงเทพฯ: บริษทั บียอนด์ เอ็นเทอรไ์ พรซ์ จาํ กัด. น.484-529

72

COPD diagnosis, management and prevention—2019 strategy. สืบค้น
28/04/2020 ท่ีมา https://www.guidelines.co.uk/respiratory/gold-copd-2019-
strategy/454454.article

GOLD guideline 2017 for COPD Management. สบื คน้ 28/04/2020 ทมี่ า
https://ccpe.pharmacycouncil.org/showfile.php?file=332

Global Initiative for Chronic Obstructive Lung Disease. Global strategy for the
diagnosis, management, and prevention of chronic obstructive pulmonary disease 2019
report. https://goldcopd.org/wp-content/uploads/2018/11/GOLD-2019-v1.7-FINAL-
14N...Accessed January 24, 2019.

Global Initiative for Chronic Obstructive Lung Disease. Global strategy for the
diagnosis, management, and prevention of chronic obstructive pulmonary disease 2018
report. https://goldcopd.org/wp-content/uploads/2017/11/GOLD-2018-v6.0-FINAL-rev....
Accessed January 24, 2019 Global Initiative for Chronic Obstructive Lung Disease.
Global strategy for the diagnosis, management, and prevention of chronic obstructive
pulmonary disease 2018 report. https://goldcopd.org/wp-
content/uploads/2017/11/GOLD-2018-v6.0-FINAL-rev.... Accessed January 24, 2019

COPD สบื คน้ 28/04/2020 ทีม่ า
https://med.mahidol.ac.th/med/sites/default/files/public/pdf/medicinebook1/COPD.pdf

2019 GOLD Pocket Guide - Global Initiative for Chronic. สืบคน้ 25/04/2020 ท่ีมา
https://goldcopd.org/wp-content/uploads/2018/11/GOLD-2019-POCKET-GUIDE-DRAFT-
v1.7-14Nov2018-WMS.pdf

2019 GLOBAL STRATEGY FOR PREVENTION, DIAGNOSIS AND MANAGEMENT OF
COPD สบื ค้น 28/04/2020 ทม่ี า https://goldcopd.org/

2020 GOLD Pocket Guide - Global Initiative for Chronic. สบื ค้น 28/04/2020 ทีม่ า
https://goldcopd.org/wp-content/uploads/2019/11/GOLD-2020-POCKET-GUIDE-FINAL-
pgsized-wms.pdf

2020 report - Global Initiative for Chronic Obstructive Lung. สืบค้น28/04/2020ท่มี า
https://goldcopd.org/wp-content/uploads/2019/11/GOLD-2020-POCKET-GUIDE-FINAL-
pgsized-wms.pdfhttps://goldcopd.org/wp-content/uploads/2019/11/GOLD-2020-
POCKET-GUIDE-FINAL-pgsized-wms.pdf

Wang YA, Fang CC, Chen CS, Tsai HS. Periarrest Modified Early Warning Score
(MEWS) predicts the outcome of in- hospital cardiac arrest. J Formos Med Assoc. 2016;
115(2): 76-82.

73

ภาคผนวก ก

การใหค้ าปรกึ ษาเพื่อเลกิ บุหร่ี

การเลิกบุหร่ี เป็นการรักษาที่ดีที่สุดที่จะชะลอการเสื่อมสมรรถภาพปอด และลดอัตราการ
เสียชีวิต
แนวทางการรกั ษาผทู้ ี่ต้องการเลกิ บหุ ร่ี

1. การให้คําปรึกษาเพ่ือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม (education and knowledge
management) เปน็ การรักษาทีส่ ําคัญและประสบความสําเรจ็ มากที่สดุ

2. การใช้ยาในการเลิกบุหร่ี (smoking cessation medication) สามารถเพ่ิมโอกาสในการ
เลกิ บหุ ร่ไี ด้ ประกอบดว้ ยยา 2 กลุม่ คือ nicotine supplement และ non-nicotine medication
แนวทางปฏิบัตกิ ารให้คาปรึกษาเพือ่ อดบหุ ร่ีโดยไมใ่ ชย้ า

ประเมินคัดกรองตามหลัก 5 A ดังน้ี
1. พยาบาลสอบถามผ้ปู ุวยทุกรายเก่ียวกับสถานภาพในการสูบบุหร่ี (Ask all patients about
smoking)
2. การให้คาํ แนะนาํ ปรึกษาเพื่อเลกิ บหุ รี่ (Advise all smokers to quit)
3. การประเมินเพื่อช่วยวางแผนช่วยเหลอื ผูป้ ุวยไดเ้ หมาะสม (Assess readiness to quit)
4. การชว่ ยเหลือหรอื รปู แบบของการแนะนาํ (Assist)
5. นัดตดิ ตามผลการบาํ บัดทกุ ราย (Arrange Follow up)
ในกรณีท่ีผู้ปุวยที่เลิกสูบบุหร่ีแล้วอยากกลับมาสูบบุหร่ีอีก สามารถนําเทคนิค 5D ใช้ในการ
แนะนําดงั น้ี
เทคนิค 5D
1. Delay เมื่อมีความร้สู ึกอยากสูบบหุ รี่ แนะนาํ ใหห้ าวิธีในการเลื่อนไปกอ่ น
2. Deep breathe เมอื่ มีการอยากบุหรี่ แนะนาํ ให้ผู้ปวุ ยสูดลมหายใจลกึ ๆ
3. Drink lots of water ด่มื นํ้าเยอะ ๆ หรือจิบนา้ํ บ่อย ๆ เมื่อมีความรูส้ กึ อยากสบู บหุ ร่ี
4. Do something else หากิจกรรมอื่น ๆ ทําเพ่ือเบ่ียงเบนความสนใจ เช่น ออกกําลังกาย
อาบน้าํ หรือกจิ กรรมท่ผี ้ปู ุวยชอบ
5. Destination/ Discuss with family / friend ให้คิดและตระหนักถึงเปูาหมาย เน้นยํ้าว่า
ตอ้ งไปใหถ้ ึงเปาู หมาย หรอื ไปคุยกับเพื่อนหรอื คนในครอบครัวเพือ่ สร้างกําลังใจ

74

เอกสารอ้างองิ

เครือข่ายวิชาชีพแพทย์ในการควบคุมการบริโภคยาสูบ. (2561). การบาบัดโรคเสพยาสูบในผู้ป่วย
โรคเร้อื รังในประเทศไทย พ.ศ. 2561. กรงุ เทพฯ: พมิ พ์คร้งั ท่ี 2 หา้ งหนุ้ ส่วนจํากดั สินทวีกจิ .

ศิริพร จินดารัตน์,สุกัญญา โลจนาภิวัฒน์,และถนอมศรี อินทนนท์. (2554). การพัฒนาแนว
ปฏิบัติในการสนับสนุนการเลิกสูบบุหรี่ของการใช้บริการคลินิกอดบุหรี่. วารสารสภาการพยาบาล.
26(3), 64-77.

อรสา พนั ธ์ภกั ดี. (2556). แนวปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลเพ่ือช่วยเลกิ สูบบุหร่ี. กรุงเทพฯ: บริษัทอัพทรู
ยคู รีเอทนวิ จํากัด.

สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. ข้อแนะนําการดูแลรักษาผู้ปุวยโรค
ปอดอุดก้นั เรือ้ รัง พ.ศ. 2560. กรงุ เทพมหานคร : บียอนด์ เอ็นเทอร์ไพรซ์ 2560. 78 – 85.

Fagerstrom Test for Nicotin dependence. [Internet]. [Cited 28 June
2020].Available From: http://ndri.curtin.edu.au/btitp/documents/ Fagerstrom- test.pdf

75

ภาคผนวก ข

การบาบดั ด้วยออกซเิ จนระยะยาว
(Long Term Oxygen Therapy : LTOT)

ผู้ปุวย COPD Stage 3 หรือ 4 ซึ่งโรคมีความรุนแรงมากจนมี arterial desaturation ในขณะ
ปกตจิ าํ เป็นต้องได้รบั การบําบดั ดว้ ย Oxygen ระยะยาว (LTOT)
ขอ้ บ่งช้ี

1. FEV1 < 30% หรือ FEV1 < 50% ร่วมกบั Chronic Respiratory Failure
2. PaO2 ≤ 55 mmHg หรือ SpO2 ≤ 88 %
3. pulmonary hypertension
4. Cor Pulmonale
5. Hct > 55 %
6. ผู้ปุวยที่มีภาวะพร่องออกซิเจน (SpO2 < 90% ขณะหายใจในอากาศธรรมดา) โดยไม่มี
สาเหตุจาก cyanotic heart disease
7. ในผู้ปุวยบางรายอาจไม่มีภาวะพร่องขณะพัก แต่มีภาวะพร่องออกซิเจนเฉพาะเวลาที่มี
กิจกรรมบางอยา่ ง เช่น ขณะหลบั ออกกําลงั กาย ควรใหอ้ อกซเิ จนเฉพาะเวลาทม่ี ีกิจกรรมดงั กลา่ ว
การประเมนิ ผปู้ วุ ยทต่ี อ้ งให้ LTOT ควรกระทําเมอื่ ผู้ปุวยอยใู่ นขณะปกติ หรอื ภายหลัง Exacerbation
อย่างนอ้ ย 4 – 6 สปั ดาห์ โดยประเมินซํ้า 2 ครง้ั หา่ งกัน 3 สปั ดาห์
วิธีการ
นยิ มใช้ Nasal Cannula โดยให้ Low flow O2 ขนาด 2-3 LPM. จะทาํ ให้ PaO2 › 60 mmHg
หรือ SaO2 ≥ 90% โดยไม่ทําให้ PaCO2 ค่งั ระยะเวลาในการให้ออกซเิ จนจาํ เป็นต้องให้อยา่ งน้อย 15
ชวั่ โมง/วัน จงึ จะมีผลการเปล่ียนแปลงทางสรรี วิทยาท่ีดีข้นึ
แหล่งกาเนิดออกซเิ จน (Oxygen source)
1. ถังออกซิเจน (Compressed gas cylinder) เหมาะสําหรับใชใ้ นกรณที ีผ่ ู้ปวุ ย ใช้ oxygen
flow ตํ่า ควรใช้ถงั ขนาดใหญ่ (H cylinder)
2. Oxygen concentrator เปน็ อุปกรณ์ผลิตออกซเิ จนที่มีความเข้มขน้ สูงถึง 80-90 %
โดยทัว่ ไปสามารถเปดิ Flow rate ของออกซเิ จนได้ 1-5 ลิตร/นาที ในปัจจบุ ันสามารถเปดิ flow rate
ได้ถงึ 10 ลติ ร/นาที สามารถนําไปใชท้ ี่บา้ นได้ เหมาะสาํ หรับผู้ปุวยที่ต้องใชอ้ อกซเิ จนตอ่ เน่อื งระยะเวลา
ยาว
3. Liquid oxygen system ปัจจุบันสามารถใช้ PDOD/DODS ซ่งึ เปน็ oxygen conserving
devices ใช้ตอ่ กบั portable oxygen system เพอื่ จา่ ยก๊าซเป็นระยะๆ ลดการสน้ิ เปลืองก๊าซได้ แต่มี
ราคาแพง และต้องระบบขนส่ง รวมท้ังการเมแก็สโดยเฉพาะ
การบาบดั ด้วยเครือ่ งชว่ ยหายใจ non-invasive ventilator (NIV) ใน stable COPD
มปี ระโยชน์ในผปู้ วุ ยเฉพาะกลุ่ม ไดแ้ ก่
1. ผู้ปุวย COPD ระยะสงบท่ีมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับชนิดอุดกั้น (obstructive sleep
apnea) รว่ มดว้ ย (COPD-OSA overlap syndrome)
2. ผู้ปุวย COPD ระยะสงบที่มีภาวะหายใจล้มเหลวเรื้อรัง (Chronic respiratory failure)
และมภี าวะ hyperinflation มาก จนทาํ ให้ PaCO2 สูงกวา่ ปกติ (PaCO2 ≥ 45 mmHg)

76

ภาวะแทรกซ้อนหรอื ผลข้างเคยี งของการให้ออกซิเจน
- การให้ออกซิเจนที่มีความเข้มข้นสูง ≥ 50 % อาจทําให้เกิด absorptive atelectasis,

oxygen toxicity และลดการทาํ งานของ cilia และเมด็ เลือดขาว
- ในผปู้ วุ ยท่ีมีคารบ์ อนไซด์ออกไซด์คง่ั อยู่นานๆ การแก้ภาวะ hypoxia อาจกดการหายใจของ

ผู้ปุวยได้
- การให้ออกซิเจนทุกๆ 1ลิตร Flow rate ท่ีเปิด ออกซิเจนจะเพิ่มขึ้น 4% เช่น 1 LPM =

24% , 2 = LPM 28% , 3 LPM = 0.32% , 4 LPM = 0.36% , 5 LPM = 0.40%
ดังน้ันการให้ ออกซิเจนจึงต้องให้ด้วยความระมัดระวังในผู้ปุวยโรคปอดอุดก้ันเรื้อรังอาจจะทํา

ใหเ้ กิดภาวะ Co2 nacosis
การพยาบาลใหค้ าแนะนาผปู้ ุวยท่ใี ช้การให้ออกซเิ จนที่บ้าน

- ให้คาํ แนะนําความรู้ วัตถปุ ระสงค์ของการให้ออกซเิ จน
- หลกั การให้การพยาบาลท่ีถกู ตอ้ งในการรบั ออกซิเจนและอาการทต่ี ้องมากอ่ นนดั
- วิธีการใช้ออกซิเจน สาธิตวิธีใช้ การทดสอบการ Flow ของOxygen การปรับจํานวนลิตร
ของของออกซิเจนตามความเหมาะสมและตามแผนการรักษาของแพทย์
- ผู้ท่ีทําหน้าท่ีดูแลผู้ปุวยท่ีบ้านได้รับคําแนะนําและฝึกฝนการใช้อุปกรณ์ จนมีความรู้และ
ทกั ษะสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ถกู ตอ้ ง และมคี วามมน่ั ใจในการใชก้ ่อนทจ่ี ะให้ผู้ปวุ ยกลบั บ้าน
- การดูแลรกั ษาอุปกรณ์ สาย กระบอก Oxygenและนํ้าทเ่ี ติม
- แหลง่ ใหบ้ ริการออกซเิ จน
- ข้อควรระวังและความปลอดภัยจากแหล่งกาํ เนดิ ออกซเิ จน
การประเมินสภาพเศรษฐกิจ สภาพบ้าน ความสะดวกในการเติมก๊าซออกซิเจน ก่อนจําหน่าย
ผูป้ วุ ย

77

เอกสารอา้ งอิง

American Association for Respiration Care. (2002). AARC Clinical practice
guideline: selection of an oxygen delivery device for neonatal and pediatric-2002
Revision & Update.

Respiration Care Global Initiative for Chronic Obstructive Lung Disease [ GOLD].
(2019). Pocket guide to global strategy for the diagnosis, management and prevention
of chronic

Obstructive pulmonary disease (update 2019).Retrieved from htt:www.gold.org
สมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์. ข้อแนะนําการดูแลรักษาผู้ปุวยโรคปอดอุดกั้น
เรอื้ รงั พ.ศ. 2560. กรงุ เทพมหานคร : บียอนด์ เอน็ เทอรไ์ พรซ์ 2560. 102 – 105.

78

ภาคผนวก ค

การเสรมิ สร้างพลงั อํานาจ(Empowerment) ในผปู้ วุ ยโรคปอดอุดกันเร้ือรงั มีประเด็นสําคัญ
ดังน้ี

1. ความรู้เก่ียวกบั โรคปอดอดุ กนั เรื้อรัง ความหมาย สาเหตุ การรกั ษา การปูองกัน
2. อาหาร
3. การฟน้ื ฟสู มรรถภาพปอด
4. การใชย้ า และการพ่นยาสูดพ่นขยายหลอดลม
5. การเลิกบุหร่ี
6. การจัดการอาการหายใจลําบากในผู้ปวุ ยโรคปอดอดุ ก้นั เรอ้ื รงั ในโรงพยาบาล

การเสริมสร้างพลังอํานาจเป็นการให้ความรขู้ ้อมูลดา้ นสขุ ภาพและการปฏิบัติตัว เป็นการเตรียม
ความพร้อมแก่ผู้ปุวยก่อนกลับบ้านเพื่อให้ผู้ปุวยสามารถปฏิบัติวัตรประจําวันได้ตามปกติเหมือนเดิม
พยาบาลควรให้ความสําคัญกับการสอน-สาธิต การฝึกปฏิบัติกิจกรรมการดูแลสุขภาพท่ีเหมาะสมกับ
สภาวะของผู้ปุวยแต่ละราย เนื่องจากผู้ปุวยแต่ละรายมีสภาวะโรคและความเป็นอยู่ที่บ้านแตกต่างกัน
รวมทง้ั ในเรื่องของเพศ อายุ อาชีพ ผดู้ ูแล สภาพแวดลอ้ มทางบ้าน และ เศรษฐานะ เป็นตน้
เปาู หมายการเสริมสรา้ งพลังอานาจผ้ปู ุวยโรคปอดอุดกน้ั เรื้อรัง

เพ่ือควบคุมและลดระดับความรุนแรงของโรคปอดอุดก้ันเรื้อรัง ส่งเสริมให้ปอดสามารถทํางาน
ได้ดังเดิมหรือชะลอการเส่ือมสภาพการทํางานของปอดให้นานที่สุด หากผู้ปุวยโรคปอดอุดก้ันเร้ือรัง
สามารถปฏิบตั ิได้อยา่ งถูกต้องและสมํ่าเสมอจะทําใหผ้ ู้ปวุ ยมีอาการของโรคท่ดี ีข้ึน

79

แนวทางการปฏบิ ตั ิการเสรมิ สรา้ งพลังอานาจ ในกจิ กรรมการดแู ลสขุ ภาพผู้ปุวยโรคปอดอุดกนั้ เรือ้ รงั
1. พฤติกรรมการส่งเสริมสุขภาพ เพ่ือปูองกันการกําเริบรุนแรงกลับซํ้าของโรคเป็นการปฏิบัติกิจกรรม
เกย่ี วกบั
**การปฏบิ ัติตนในการปูองกันการเกดิ อาการหายใจลาํ บาก
- หลกี เลีย่ งการสบู บุหร่ี
- หลีกเล่ยี งการสัมผสั ฝนุ ละออง เกสรดอกไม้
- หลีกเลี่ยงการอย่ใู นสถานที่อับช้นื อากาศรอ้ นมากหรอื เย็นมาก
- หลกี เล่ยี งการอยใู่ กลช้ ิดกบั ผทู้ ่ีมีการตดิ เชอ้ื ในระบบทางเดนิ หายใจ เชน่ เจ็บคอ ไข้หวัด ไซนสั อักเสบ เปน็ ตน้
- หลีกเล่ียงการอยู่ในบริเวณท่ีมีอากาศเป็นพิษ เช่น บริเวณใกล้โรงงานอุตสาหกรรมหรือเส้นทางที่มี
การจราจรติดขัด
- หลีกเลี่ยงการอยใู่ นที่แออัดและมีการระบายอากาศที่ไมด่ ีเชน่ โรงภาพยนตร์ ศูนย์การค้า เปน็ ตน้
- หลีกเลีย่ งสาเหตทุ ่ที ําให้เกิดความวิตกกังวลและความเครียด
- รกั ษาสุขภาพปากและฟัน เพื่อปูองกนั การเกดิ การติดเชือ้ ในช่องปากซ่ึงนําไปสู่การตดิ เช้อื ในระบบทางเดิน
หายใจไดง้ ่าย
- สังเกตอาการผิดปกติทางร่างกายของตนเองอย่างสม่ําเสมอ เช่น การไอบ่อยมีเสมหะ จํานวนมาก คลื่นไส้
อาเจยี น ใจสนั่ อาการหายใจลําบากที่รุนแรงมากข้ึน
- รับการตรวจรักษาตามนัดและปฏิบัติตามคาํ แนะนําของแพทย์
2. อาหาร อาหารเปน็ แหล่งของพลังงาน และสารอาหารช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิต้านทานโรค เพ่ือ
สุขภาพท่านควรใส่ใจกับอาหารที่รับประทานเพื่อไม่ให้ร่างกายซูบผอม ส่วนใหญ่ท่านมักรับประทาน
อาหารได้น้อย อืดท้อง ไม่อยากอาหาร อ่อนเพลีย มีความเครียด และสูงวัยสําหรับการปฏิบัติตัว
เรื่องอาหาร หากไม่มีโรคประจําตัวอื่นร่วมด้วย เรื่องอาหารแทบไม่มีข้อจํากัดเพียงเลือกอาหาร
ท่ีมีประโยชน์ หากท่านผอมก็รับประทานให้มากข้ึน หากอ้วนไปก็ต้องจํากัดปริมาณอาหารเพ่ือ
คมุ นํา้ หนกั จึงไม่ตอ้ งวิตกกงั วลว่าจะรบั ประทานอาหารอะไรไม่ได้

คาแนะนาในการเลอื กรับประทานอาหาร
ควรลด
- ขนมหวานเป็นอาหารท่ีมีแปูงมาก หากรับประทานมีผลทําให้เกิดอาการเหน่ือยหอบได้ เน่ืองจากปอด
จะตอ้ งขบั กา๊ ซคารบ์ อนไดออกไซด์ ซงึ่ เป็นของเสียจากการรบั ประทานอาหารประเภทน้ีออก
- เครือ่ งดืม่ ที่มแี อลกอฮอล์ผสมอยู่ จะเพิ่มแรงดันโลหิตเปน็ อันตรายต่อหลอดเลือดและทําลายสุขภาพ

80

- กาแฟ ชา โกโก้ การดื่มกาแฟทําใหน้ อนไมห่ ลบั ในผสู้ งู อายุควรเลย่ี งหรือลดปรมิ าณหลังชว่ ง เวลาบ่าย

ไม่ควรด่ืม
- นํ้าอดั ลม โซดา ไม่ไดช้ ว่ ยใหห้ ายท้องอดื หรอื เรอ ก๊าซท่ีอัดลงเคร่ืองด่ืมเหลา่ นี้คือ คาร์บอนไดออกไซด์ท่ี
ทาํ ให้ปอดต้องทาํ งานหนักขนึ้ และมกี รดทาํ ให้กระดูกบาง
- เม่ือมีอาการบวม แนน่ เหนื่อยหอบหรือความดนั โลหติ สูง ควรลดการกินอาหารรสเคม็ ให้น้อยลง

อาหารท่ีควรเลี่ยง
อาหารปิ้งทอดจนกรอบ เกรียมจะย่อยยากและเพ่ิมความเสี่ยงต่อความผิดปกติของเน้ือเยื่อ

รา่ งกาย เชน่ ปลาทอ่ งโก๋ ไข่ดาวกรอบ เน้ือสัตว์หรืออาหารไหม้ อาหารใส่ผงชูรส ผงปรุงรสต่าง ๆ ให้งด
หรอื ลดการกิน
การเลอื กอาหารท่ีควรรบั ประทาน

ไขมัน – ใชน้ า้ํ มันราํ ข้าว, น้าํ มันถว่ั เหลือง ทําอาหาร กินกะทิพอควร
เนื้อสัตว์ – กินไข่ 3-5 ฟอง/สัปดาห์ (ไข่สุก) กินปลาเป็นประจํา เพราะย่อยง่าย เนื้อสัตว์ทุก
ชนิด ทป่ี รุงสุกมอื้ ละ 2-4 ชอ้ น

81

กินขา้ ว – เต้าหู้ ชนิดตา่ ง ๆ กินไดต้ ามชอบ ควรกินอาหารทะเลและเคร่ืองในสตั วบ์ า้ งอาทิตย์ละ
1 ครง้ั

ผัก – กนิ ผกั ดิบหรือผักสุกให้มากขึ้นได้ทุกชนิด
ผลไม้ – กนิ ผลไม้สดแทนขนมหวาน ผกั และผลไม้มวี ติ ามนิ แร่ธาตทุ ี่ช่วยชะลอความเสื่อมของ
เซลล์ ลดความเส่ยี งต่อโรคมะเร็งจงึ ควรกินประจําทุกม้ืออาหาร
ข้าวแปงู – เลือกกนิ ข้าวไดท้ กุ ชนิด เสน้ ก๋วยเต๋ียว เผอื ก มนั ขา้ วโพด
นํ้า – ควรดื่มน้ําอุ่นเพ่ือลดความเหนียวของเสมหะ ทําให้เสมหะเหลวขับเสมหะได้ง่าย ลดอาการ
ระคายคอ ควรด่ืมนํ้าให้มาก วันละประมาณ 10 แก้ว หรือจิบนํ้าบ่อย ๆ ไม่ควรบีบนํ้ามะนาวลงคอ
โดยตรงควรดมื่ เป็นนํา้ สมุนไพร เชน่ นํ้ามะนาว นา้ํ ขิง นา้ํ ตะไคร้
อาหารเสริม
- เลอื กด่ืมนมจืดได้ทุกชนิด เช่น ถ้ามีปัญหาไขมันในเลือด เลือกนมพร่องมันเนย ถ้าต้องการเพิ่มนํ้าหนัก
ตัวเลือกนมได้ทุกชนิด แต่ไม่ควรเป็นนมรสผลไม้ กาแฟ ช็อกโกแลต เพราะปริมาณน้ํานมจะน้อยและมี
น้ําตาลมาก (ดม่ื นมวันละ 1-2 กล่อง)
- นมถ่ัวเหลือง น้ําเตา้ หู้ นมเปรย้ี ว โยเกริ ต์ สําหรบั ผทู้ ่ดี มื่ นมแล้วทอ้ งเสยี
- ไม่ควรซื้อวิตามิน อาหารเสริมที่โฆษณาหรือตามคําบอกเล่า ควรปรึกษาพยาบาลหรือแพทย์ก่อน
นอกจากไมค่ มุ้ ค่าเงินท่ีจ่ายไปและยังเกิดโทษได้อีก
- อา่ นฉลากโภชนาการก่อนซื้อผลติ ภณั ฑอ์ าหารสําเรจ็ รปู
ข้อควรปฏบิ ัติ
1. เคย้ี วอาหารให้ละเอียด รับประทานชา้ ๆ เพื่อไมใ่ ห้สําลัก เลือกอาหารทีอ่ ่อนน่มุ ย่อยง่าย
2. เพ่ิมม้ืออาหาร รับประทานอาหารครั้งละน้อย ๆ แต่บ่อยครั้งขึ้นในผู้ท่ีน้ําหนักน้อย ส่วนผู้ท่ีน้ําหนัก
มากใหล้ ดอาหารไขมัน แปูง น้ําตาลลง ปรับได้ตามภารกจิ ประจําวนั ของแตล่ ะคน แตไ่ มค่ วรอดอาหาร
3. อาหารบางชนิดเมื่อกินแล้วมีก๊าซมากทําให้แน่น อึดอัด เช่น รับประทานอาหารประเภทเน้ือสัตว์
มากเกินไป ผักบางชนดิ เช่น หอมใหญ่ หวั ไชเท้า กะหลํ่าปลี ผลไม้ เช่น แอปเป้ิล พุทรา มันแกว อาการ
เหล่านีจ้ ะค่อย ๆ ดเี อง เม่ือได้พักและควรฝกึ การขับถา่ ยทกุ วนั
4. กินอาหารสะอาด ปรุงสกุ ใหม่ ๆ
5. หากทา่ นมีโรคประจําตัวอ่ืนรว่ มดว้ ยควรปรกึ ษานักโภชนาการเพื่อปรับอาหารใหเ้ หมาะสม
3. การฟื้นฟูสมรรถภาพปอด
การออกกําลังกายทีบ่ า้ น เป็นสว่ นสําคญั ของโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอด เพราะผู้ปุวยท่ี
ออกจากโรงพยาบาลแล้วต้องกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน จึงจําเป็นต้องมีโปรแกรมการออกกําลังกายท่ี
เหมาะสม ควบคู่ไปกับการดูแลด้านอื่น ๆ ซ่ึงโปรแกรมการฟื้นฟูสมรรถภาพปอดท่ีบ้าน สามารถลด
อาการหอบเหน่ือย เพิ่มความสามารถในการออกกําลังกาย และช่วยให้ผู้ปุวยมีคุณภาพชีวิตดีข้ึนได้
โปรแกรมการฟนื้ ฟสู มรรถภาพปอดทโ่ี รงพยาบาล เป็นโปรแกรมที่มีมาตรฐาน สามารถปรับให้เหมาะกับ
ผูป้ วุ ยแตล่ ะรายได้ เปน็ โปรแกรมงา่ ยๆ ทีผ่ ู้ปุวยสามารถเข้าใจ และปฏิบตั ติ ามไดไ้ มย่ าก
บทความน้ีขอเสนอแนวทางการออกกําลังกายที่บ้าน สําหรับผู้ปุวยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โดย
อ้างอิงตามแนวปฏบิ ัตบิ รกิ ารสาธารณสุขโรคปอดอดุ กน้ั เร้อื รัง พ.ศ. 2553 ซงึ่ มีรายละเอียดดงั ต่อไปน้ี
1) การฝึกหายใจแบบห่อปาก (pursed lib breathing exercise): ฝึก 5-10 ครั้ง/รอบ
แล้วพกั หายใจ ปกติ 5-10 ครง้ั , 2 รอบ/วนั , 3 วัน/สัปดาห์

- อยใู่ นท่านั่ง วางมือท้ังสองขา้ งไวท้ ี่หน้าท้อง

82

- หายใจเขา้ ทางจมูกลึกๆ ให้ท้องปุองออก เมื่อหายใจเข้าจนสดุ ให้กลั้นคา้ งไว้ 2-3 วนิ าที
- หอ่ ปากใหม้ ีช่องลมออกเล็กๆ แล้วหายใจออก ทางปากชา้ ๆ ยาวๆ จนหมด ใหท้ ้องแฟบลง

2) การขยับเคล่ือนไหวทรวงอกด้วยตนเอง (active chest mobilization): ฝึก 5-10
ครั้ง/ทา่ /รอบ ทํา 2-3 รอบ/วัน อย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ โดยให้ผู้ปุวย อยู่ในท่าน่ังหรือยืน เท้าวางราบ
กบั พนื้ ลําตวั ตรง มี 4 ท่า ดงั น้ี (รปู ที่ 2)

ท่าที่ 1 ท่ายืดทรวงอกด้านหน้า ด้านหลัง (stretch antero-posterior chest wall) ยก
มือข้ึนเหนือศีรษะทั้ง 2 ข้าง แขนเหยียดตรงและกางออกเล็กน้อยพร้อมกับหายใจเข้า แล้วโน้มตัวไป
ข้างหน้า หุบแขนเข้าหากัน พร้อมกับหายใจออก และก้มตัวลง พยายามให้มือแตะพ้ืน จากน้ันให้ยืดตัว
ยกแขนข้ึนและกางออกพร้อมกับหายใจเข้ากลบั ส่ทู า่ เรม่ิ ตน้

รูปที่ 2 ท่าท่ี 2 ท่ายืดทรวงอกด้านหน้า ด้านหลังส่วนบน และ ท่าที่3 ท่ายืดทรวงอกด้านหลัง-
ดา้ นข้าง

83

ท่าที่ 2 ท่ายืดทรวงอกด้านหน้า ด้านหลังส่วนบน (Stretch antero - posterior upper
chest wall) เอามอื ประสานทีท่ ้ายทอย ยืดตัวข้ึนและกางศอกออกพร้อมกับหายใจเข้า แล้วก้มศีรษะลง
หุบศอกเข้าหากนั พรอ้ มกับหายใจออก จากนั้นให้เงยหน้าข้ึนและกางศอกออกพร้อมกับหายใจเข้ากลับสู่
ท่าเรม่ิ ต้น

ท่าท่ี 3 ท่ายืดทรวงอกด้านหลัง-ด้านข้าง (Stretch posterolateral chest wall) ยกมือ
ซ้ายขึ้นเหนือศีรษะ ใช้มือขวาจับที่ข้อมือซ้าย ยืดตัวขึ้น หมุนตัวไปด้านซ้าย พร้อมกับหายใจเข้า
จากนั้นให้หมุนตัวไปด้านขวา ดึงมือซ้ายไปด้านขวา และก้มตัวลงพร้อมกับหายใจออก จากนั้นให้
หายใจเขา้ แลว้ ยืดตัวยกแขนข้นึ พรอ้ มกับหมุนตัวกลบั สูท่ า่ เรม่ิ ตน้ (สลบั ขา้ งซา้ ย-ขวา)

รูปที่ 3 ท่าที่ 3 ทา่ ยดื ทรวงอกดา้ นหลงั -ดา้ นข้าง และ ท่าที่4 ทา่ ยดื ทรวงอกดา้ นขา้ ง
ทา่ ที่ 4 ทา่ ยดื ทรวงอกด้านขา้ ง (Stretch lateral chest wall) ยกมือซ้ายข้ึนเหนอื ศีรษะ

ยืดตวั ขึ้นพรอ้ มกับหายใจเข้า แลว้ เอือ้ มมือข้ามศรี ษะเอียงตัวไปข้างขวา พร้อมกบั หายใจออกจากน้ันให้
ดงึ มือและลําตัวกลบั พร้อมกับหายใจเขา้ กลบั สทู่ ่าเรมิ่ ต้น (สลบั ข้างซ้าย-ขวา)

3) การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเน้ือด้วยแผ่นยางยืด : ฝึก 5-10 คร้ัง/ท่า/รอบ และเพ่ิม
เป็น 20 คร้ัง/รอบ ทํา 2-3 รอบ/วัน อย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ โดยใช้มือท้ัง 2 ข้างจับแผ่นยางยืดให้ตึง
พอดี ความกว้างเทา่ กบั ชว่ งไหล่ เลอื กแรงตา้ นของแผ่นยางยืดตามความสามารถของตนเอง โดยเร่ิมจาก
แรงตา้ นที่สามารถยืดออกไปได้สุดช่วงพอดี จากน้ันค่อยๆ เพิ่มแรงต้านข้ึน จังหวะในการยึดแผ่นยางยืด
ต้องสัมพันธ์กับการหายใจ โดยดึงยืดพร้อมหายใจเข้าแล้ว ปล่อยยางยืดในจังหวะหายใจออก มี 7 ท่า
ดงั น้ี (รูปที่ 3)

84

ท่าที่ 1 ท่ากางแขนด้านหน้า ยกแขน 2 ข้างไปข้างหน้า หายใจเข้าพร้อมกับกาง แขนไป
ดา้ นขา้ ง ดึงแผน่ ยางยืดใหย้ ดื ออก ค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วผ่อนยางยืดพรอ้ มกับหายใจออกชา้ ๆ

ท่าที่ 2 ท่ากางแขนด้านบน ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ หายใจเข้าพร้อมกับกางแขนไป
ด้านขา้ ง ดึงแผ่นยางยืดใหย้ ืดออก คา้ งไว้ 2-3 วินาที แล้วผอ่ นยางยดื พรอ้ มกบั หายใจออกช้าๆ

ท่าที่ 3 ท่ากางแขนเฉียงลง ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะในแนวเฉียงทางซ้าย หายใจเข้าพร้อม
กับใชม้ ือขวาดงึ แผ่นยางยืดลงด้านล่างในแนวหมุนเฉียงไปด้านขวา ค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วผ่อน ยางยืด
พร้อมกบั หายใจออกชา้ ๆ (สลับข้างซา้ ย-ขวา)

ท่าท่ี 4 ท่ากางแขนเฉยี งข้นึ จบั แผ่นยางยดื ท่ีขา้ งสะโพกซ้าย หายใจเข้าพร้อมใช้มือขวาดึง
แผ่นยางยืดข้ึนด้านบนในแนวหมุนเฉียงไปด้านขวา ค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วผ่อนยางยืดพร้อมกับ หายใจ
ออกช้าๆ (สลบั ข้างซ้าย-ขวา)

ทา่ ท่ี 5 ทา่ งอศอก ใชแ้ ผ่นยางยืดคล้องไวท้ ่ีใต้เท้า 2 ข้าง มือท้ัง 2 ข้าง จับแผ่นยางยืด ไว้ข้าง
ลําตัว หายใจเข้าพร้อมกับงอศอก ดึงแผ่นยางยืดข้ึน ค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วผ่อนยางยืดพร้อมกับหายใจ
ออกชา้ ๆ

ท่าที่ 6 ท่ากางขา ใช้แผ่นยางยืดคล้องไว้ที่ใต้เท้า 2 ข้าง มือทั้ง 2 ข้าง จับแผ่นยางยึดไว้ข้าง
ลําตัว หายใจเขา้ พรอ้ มกับกางขาขวาออกไปด้านข้าง ค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วผ่อนยางยืดพร้อมกับหายใจ
ออกช้าๆ (สลบั ข้างซ้าย-ขวา)

ท่าที่ 7 ท่าเหยียดขา ให้ผู้ปุวยอยู่ในท่านั่ง ใช้แผ่นยางยืดคล้องไว้ท่ีใต้เท้า 1 ข้าง มือ
ทัง้ 2 ข้างจับแผน่ ยางยืดไว้ข้างลําตัว หายใจเข้าพร้อมกับเหยียดขาออก ค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วผ่อนยาง
ยดื พรอ้ มกับหายใจออกช้าๆ

85

รูปที่ 3 การฝกึ ความแข็งแรงของกลา้ มเนื้อด้วยแผน่ ยางยืด
4) การฝึกความแขง็ แรงของกล้ามเนอ้ื ส่วนขาดว้ ยถุงทราย: ด้วยการถ่วงนํ้าหนักท่ีข้อเท้าด้วย
ถุงทรายขนาดต่างๆ โดยเริ่มต้นที่ 0.5 กิโลกรัม แล้วค่อยๆ เพิ่มนํ้าหนักขึ้นตามความสามารถของผู้ปุวย
ให้ฝึก 5-10 คร้ัง/ทา่ / รอบ 2-3 รอบ/วนั อยา่ งนอ้ ย 3 วัน/สัปดาห์ ประกอบดว้ ย 3 ท่า ดงั นี้ (รูปที่ 4)

ท่าที่ 1 ท่างอสะโพก ให้ผ้ปู ุวยหายใจเขา้ พรอ้ มกบั งอสะโพก ยกขาข้ึน จนสุดการเคล่ือนไหว ค้าง
ไว้ 2-3 วินาที พยายามนั่งให้ตัวตรงไม่เอนไปข้างหลัง จากน้ันให้หายใจออกช้าๆ ปล่อยขาลง กลับสู่ท่า
เริม่ ตน้

ท่าที่ 2 ท่าเตะขา ให้ผู้ปุวยหายใจเข้าพร้อมกับเตะขาไปข้างหน้า เหยียดเข่าจนสุด การ
เคลื่อนไหว ค้างไว้ 2-3 วินาที พยายามน่ังให้ตัวตรงไม่เอนไปข้างหลัง จากนั้นให้หายใจออกช้าๆ ปล่อย
ขาลงกลบั สู่ทา่ เริม่ ต้น

ท่าที่ 3 ท่ากระดกปลายเท้า ให้ผู้ปุวยกระดกปลายเท้าข้ึน ค้างไว้ 2-3 วินาที และจกปลาย
เท้าลง ค้างไว้ 2-3 วินาที

86

5) การออกกาลังกายแบบแอโรบิค: ให้ผู้ปุวยออกกําลังกาย ด้วยการเดินบนทางราบ 30 นาที/ครั้ง
อย่างน้อย 3 ครั้ง/สัปดาห์ โดยให้รู้สึกเหน่ือยในระดับปานกลาง (40-60% heart rate reserve หรือ
4-5 modified Borg Scale) หากไม่มีอาการเหน่ือย ผู้ปุวยสามารถเพ่ิมระยะ เวลาในการเดินได้
โดยก่อนการออกกําลังกายทุกครั้ง จะมีการอบอุ่นร่างกาย (warm up) ด้วยการยืดกล้ามเนื้อ และหมุน
ขอ้ ไหล่ มือ เขา่ เท้า เบา ๆ เป็นเวลา 5 นาที และหลังจากออกกําลังกายเสร็จ ต้องผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
(Cool down) ด้วยการยดื กลา้ มเนื้อเบาๆ อกี 5 นาที
4. การรักษาด้วยยา

การเลือกใช้ยาของการรักษาผู้ปุวยโรคปอดอุดก้ันเร้ือรัง ข้ึนอยู่กับความรุนแรงของโรค และ
อาการของผู้ปุวยแต่ละราย รวมถึงการตอบสนองต่อการรักษาแต่ละชนิด แพทย์จะติดตามและประเมิน
ผลการรักษาว่าดีข้ึนหรือไม่ และจะพิจารณาเพิ่มหรือลดยาตามอาการของผู้ปุวย ปัจจุบันยังไม่มียาใด ท่ี
สามารถชะลอหรือลดการเส่ือมสมรรถภาพปอดในผู้ปุวยได้ แต่จะใช้ยาเพ่ือลดอาการของผู้ปุวยและ
ปูองกนั ภาวะแทรกซ้อนท่ีอาจเกดิ ข้นึ

ยาทใี่ ชใ้ นการรักษาโรคปอดอุดกัน้ เรอื้ รัง ได้แก่
ยาขยายหลอดลม
ใช้เพ่ือควบคุมอาการและลดอาการเหน่ือย นอกจากน้ียังช่วยให้คุณภาพชีวิตของผู้ปุวยดีขึ้น
ยาขยายหลอดลมมีทั้งรูปแบบสูดพ่นทางปากและรูปแบบเม็ดสําหรับรับประทาน ส่วนใหญ่นิยมใช้ยา
แบบสูดพ่นทางปาก เพ่ือลดผลข้างเคียงจากยา โดยผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ใจสั่น มือสั่น เป็นตะคริว
ซ่ึงอาจพบอาการเหลา่ น้ไี ดใ้ นผ้ปู ุวยบางราย ซงึ่ หากเกิดอาการเช่นนค้ี วรแจง้ ให้แพทย์ทราบ

ยาคอรต์ โิ คสเตียรอยด์
ใช้เพอ่ื ลดการเกิดอาการกําเรบิ ของโรคลงได้ และทําให้อาการดีข้ึนได้บ้าง ยามีท้ังรูปแบบสูดพ่น
ทางปากและรูปแบบเม็ดสําหรับรับประทาน ส่วนใหญ่นิยมใช้แบบสูดพ่นทางปาก ซ่ึงต้องใช้ยาต่อเน่ือง
เป็นประจําทุกวัน จนกว่าแพทย์พิจารณาปรับยา โดยผลข้างเคียงที่พบได้ เช่น ฝูาขาวในช่องปาก
เนื่องจากเชื้อรา ดังนั้นจึงควรบ้วนปากทุกคร้ังหลังสูดพ่นยา นอกจากน้ีอาจพบอาการเสียงแหบ ไอ
ระคายคอได้ ซึ่งหากเกิดอาการเช่นน้ี ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ ส่วนยารูปแบบเม็ดมักใช้ในระยะสั้น
เนอ่ื งจากผลข้างเคยี งมาก เช่น ทาํ ให้เกดิ กลา้ มเนอ้ื อ่อนแรง ภาวะกระดูกพรนุ เป็นต้น
Vaccine
การให้ Influenza Vaccine (วัคซีนไข้หวดั ใหญ)่ แกผ่ ู้ปุวยเพ่อื ลดการปุวยทรี่ ุนแรงและ
ปูองกนั การเสยี ชวี ติ ของผปู้ ุวย เน่อื งจากการติดเชอ้ื ไขห้ วัดใหญ่เปน็ สาเหตุของการเกิดการกําเริบของโรค
ได้ และเสยี ชวี ติ ของผู้ปุวย
เพื่อให้ได้ผลการรักษาทด่ี ีและหลีกเลย่ี งการเกิดผลขา้ งเคียงจากยา ผู้ปวุ ยควรปฏิบัตติ ัว ดังน้ี
1. ผู้ปุวยควรใช้ยาตามคําแนะนําของแพทย์ ไม่ควรเพ่ิมหรือลดขนาดยาหรือหยุดยาเอง ไม่ควร
ซื้อยารับประทานเอง หรือหากจําเป็นต้องตรวจรักษาจากโรงพยาบาลอ่ืนหรือตามคลินิกควรนํายา
ทไ่ี ดร้ บั ติดตวั มาด้วย เพื่อปอู งกันการได้รบั ยาซํ้าซ้อน
2. หากเกดิ อาการผิดปกติหลังการใชย้ า ควรรีบแจ้งแพทย์ เพ่ือปรับเปลย่ี นการรักษา
3. ผู้ปุวยควรเข้าใจวิธีการใช้ยาที่ถูกต้อง เช่น ยาชนิดออกฤทธิ์ช้า ไม่ควรเค้ียวหรือบดเม็ดยา
เพ่ือรับประทาน ยาสูดพ่นทางปาก ซ่ึงต้องอาศัยเทคนิคการใช้ที่ถูกต้อง ซึ่งยาสูดพ่นทางปากมีหลาย
รูปแบบ แตร่ ูปแบบที่พบวา่ มกี ารใช้ในผู้ปุวยจํานวนมาก เชน่ แบบ Metered dose inhalers (MDI)

87

5. แนวทางการช่วยเหลอื ให้ผู้ปุวย COPD เลิกสบู บหุ ร่ี (Smoking cessation)
การเลิกบุหรี่ เป็นการรักษาที่ดีที่สุด ท่ีจะชะลอความเสื่อมของสมรรถภาพปอด และลดอัตรา

การเสยี ชวี ิต จึงแนะนําให้ช่วยเหลือผู้ปุวย COPD ในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง และต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับ
การรักษาโรค COPD และโรครว่ มอน่ื ๆ

แนวทางการรักษาผู้ทต่ี ้องการเลิกบหุ ร่ี
การรกั ษาที่พบว่าสามารถทําใหผ้ ู้ปวุ ยมีโอกาสเลกิ บหุ รี่ได้มากขึน้ ประกอบดว้ ยแนวทางสําคัญ
2 แนวทาง คอื
1. การให้คําปรึกษาเพ่ือปรับเปล่ียนพฤติกรรม (Education and knowledge management)
เป็นการรักษาที่สําคัญและประสบผลสําเร็จมากท่ีสุด พบว่าการให้คําปรึกษาแม้ใช้ระยะเวลาส้ัน ๆ
( Brief counseling) สามารถจะเพ่ิมโอกาสในการเลิกบุหรี่ให้สําเร็จได้มาก การให้คําปรึกษาที่ใช้เวลา
มากข้ึน หรือเป็นกลุ่มการให้ผู้ปุวยโทรศัพท์รับคําปรึกษาอย่างต่อเน่ืองจากศูนย์เลิกบุหรี่ทางโทรศัพท์
(หมายเลข 1600) ล้วนทําให้ผู้ปุวยมีโอกาสเลิกบุหรี่ได้มากข้ึน หากมีการให้คําปรึกษา ร่วมกับการใช้ยา
ชว่ ยเลกิ บหุ รี่ จะเพิ่มโอกาสการเลิกบหุ รี่สาํ เรจ็
อัตราการเลิกบุหร่ีในระยะยาวในกลุ่มผู้ปุวย COPD พบว่า Odd ratio จากการได้รับการ
ปรกึ ษาเลิกบุหรี่ เทา่ กับ 1.82 เท่า (95% Confidence interval 0.96-3.44) เปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ปุวย
ที่ไมไ่ ด้รบั คาํ ปรึกษาเร่อื งเลิกบหุ ร่ี(Usual care)

รายละเอียดการใหค้ าปรกึ ษาอย่างส้นั ส้ัน ( Brief counseling) มีขน้ั ตอนสาคัญ “5A” ดังตาราง

ขั้นตอน 5A ความสาคญั แนวปฏบิ ตั ิ
ASK - การสบู บุหร่อี ย่างต่อเน่ือง จดั เป็น - ถามประวตั ิการสบู บุหร่ี เช่น สูบมานาน
โรคเรอื้ รงั ใหถ้ ือว่าการสูบบุหร่เี ป็น เท่าไหร่ ปรมิ าณการสบู ต่อวัน
ADVISE Active problem ในการดูแล - ควรถามผ้ปู ุวยทกุ คนเก่ียวกับประวัติ
ผปู้ ุวยเสมอจนกว่าจะเลิกได้ การสูบบุหรี่ และบันทึกลงในประวตั ิ
ASSESSMENT ผ้ปู ุวย
- ให้ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ผลเสยี ของการ - ใหค้ าํ แนะนาํ ผู้ปวุ ยเกย่ี วกบั เรอื่ งพิษภยั
สบู บหุ ร่ี และประโยชน์ของการเลิก บหุ รี่ และการเลิกสูบบหุ รห่ี รือสามารถส่ง
บุหรี่ ตอ่ ผู้ปุวยไปรบั การดแู ลท่เี หมาะสมได้
- เสนอความชว่ ยเหลอื ทุกครั้งทมี่ ี
โอกาส - ใหค้ าํ แนะนําทีเ่ หมาะสมเพือ่ ชว่ ยให้
- การประเมินวา่ ผ้ปู ุวยมคี วาม ผู้ปวุ ยลงมอื เลกิ สูบบหุ ร่ี
ตอ้ งการท่จี ะเลิกบหุ รีห่ รือไม่ - ในผู้สูบทย่ี งั ไม่ต้องการเลกิ บุหรี่ ควรมี
การใหค้ าํ แนะนาํ เพ่ือกระตนุ้ ผู้สูบให้เร่มิ
คิดเลกิ สบู บุหรที่ กุ ครั้งที่มโี อกาส
(Motivation counseling)

88

ขัน้ ตอน 5A ความสาคัญ แนวปฏบิ ตั ิ
ASIST - การชว่ ยเหลอื ใหผ้ ปู้ ุวยสามารถ
หยดุ บหุ รไี่ ด้ - อธิบายถึงข้นั ตอนการเลิกบุหร่ี
ARRANGE - ควรกําหนดวนั เลิกบหุ รี่ภายใน 1เดือน
- การติดตามผ้ปู วุ ย (Follow up) - แนะนําแนวทางปฏบิ ัติตวั ในชว่ งก่อนจะ
ภายหลงั จากการลงมือเลิกบหุ รี่ เลกิ และในวันที่เลิกบุหร่ี
- ถา้ จําเป็นตอ้ งใช้ยาชว่ ยเลกิ บุหรี่
สามารถจา่ ยยา และแนะนาํ วิธีใช้ที่
ถูกต้องได้

- ควรมกี ารนดั ผปู้ วุ ยมาเพื่อติดตาม
ผลการรักษา และให้คาํ แนะนําท่ี
เหมาะสมต่อไป

2. การใชย้ าในการเลิกบหุ ร่ี (Smoking cessation medications) ปจั จบุ ันยาที่ใชช้ ว่ ยในการ
เลิกบุหรี่ ที่พบว่าสามารถเพ่ิมโอกาสในการเลิกบุหร่ีได้ ประกอบดว้ ยยา 2 กลุ่ม คือ

1) กลุ่มยา nicotine supplement เป็นการให้ nicotine เสริมในผู้ปุวยเพื่อลดอาการของ
nicotine withdrawal ปัจจบุ ันในประเทศไทยมีอยู่ 2 รปู แบบ ไดแ้ ก่ nicotine patch และ nicotine gum

2) กลุ่มยา non-nicotine medication ในปัจจุบันที่ใช้กันคือ ยา varenicline ออกฤทธิ์โดยเป็น
Partial agonist และ Partial antagonist ของnicotine receptor ในระบบประสาทส่วนกลาง ทําให้
ผู้เลิกบุหร่ีประสบความสําเร็จมากข้ึน ส่วนยากลุ่ม antidepressant คือ bupropion SR และ nortriptyline
มฤี ทธิช์ ่วยลดอาการอยากบุหรีไ่ ด้

ในประเทศไทย มีการนาํ กลุ่มยาสมุนไพร หรอื ยาแผนไทยมาใช้ เช่น ยาหญ้าดอกขาว (Vernoia
cinerea LESS) ออกฤทธ์ิโดยทําให้ลิ้นชา และไม่อยากบุหรี่ (คุณภาพหลักฐานระดับ3, นํ้าหนัก
คาํ แนะนาํ ++) แตย่ งั ไมม่ กี ารศึกษาด้านประสิทธภิ าพและผลข้างเคียงมากพอ

ข้อควรระวังในการใช้ยาช่วยเลิกบุหร่ี คือ ไม่ควรใช้ในผู้ที่สูบบุหร่ีปริมาณไม่มาก (น้อยกว่า 10
มวนตอ่ วัน) ผู้ที่ต้ังครรภ์หรือใหน้ มบตุ ร และผ้ทู ีม่ ขี ้อห้ามในการใชย้ าแต่ละชนิด
6. การจดั การอาการหายใจลาบากในผูป้ ุวยโรคปอดอดุ กั้นเรือ้ รังในโรงพยาบาล

พยาบาลมีบทบาทในการจัดการอาการหายใจลําบากเพื่อให้ผู้ปุวยสามารถบรรเทาอาการและ
ปูองกันการเกิดอาการหายใจลําบาก และสามารถประเมินผลโดยติดตามผลลัพธ์ของการจัดการอาการ
โดยการจัดการอาการแบ่งเปน็ 2 ระยะ ได้แก่ ระยะอาการกาํ เรบิ เฉียบพลนั และระยะฟน้ื ฟสู ภาพ

1. การจดั การอาการระยะอาการกําเริบเฉยี บพลัน การจัดการในระยะนี้มีเปูาหมายเพื่อบรรเทา
อาการ และควบคุมความรุนแรงของอาการหายใจลําบาก เพ่ิมความสามารถในการทํากิจกรรมและลด
อตั ราเสยี ชีวิตของผปู้ ุวย โดยประเมินจาก warning signs ของผู้ปุวย 1) อัตราการเต้นของชพี จรมากกว่า
120 คร้งั /นาที 2) ค่าความอ่ิมตัวของออกซิเจน < 90 % หรือ 3) ระดับออกซิเจนในเลือด (PaO2) < 60
mmHg. หรือ 4) ระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดแดง(PaCO2) > 45 mmHg. หรือ 5) ค่าความเป็น
กรดด่างในเลือด pH < 7.35, 6) ผู้ปุวยใช้กล้ามเน้ือช่วยในการหายใจมากข้ึน 7) ระดับความรู้สึกตัว
ลดลง วธิ ีจัดการในระยะนี้ มีดังน้ี

1.1 การใหย้ าขยายหลอดลม เพ่ือลดอาการหายใจลําบากตามแผนการรักษาของแพทย์
ซึ่งอาจมีอาการข้างเคียงทําให้มีอาการมือสั่นใจสั่น หัวใจเต้นเร็วและเต้นผิดจังหวะได้ พยาบาลต้อง

89

ประเมินสัญญาณชีพของผู้ปุวย โดยเฉพาะอัตราการเต้นของหัวใจก่อนได้รับยา ให้ข้อมูลผู้ปุวยเก่ียวกับ
ยาทไี่ ด้รับดูแลใหย้ าตามแผนการรกั ษา และสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด

1.2 การให้ออกซิเจน เพ่ือรักษาค่าความอ่ิมตัวของออกซิเจนในเลือดให้มากกว่า 90 –
92 % ค่า PaO2 > 60 mmHg. สามารถอัตราการเสียชีวิตของผู้ปุวยได้ ผู้ปุวยที่มีอาการรุนแรงน้อย
ให้ออกซิเจน cannula 2 – 3 ลิตร/นาที พยาบาลประเมินระดับความรู้สึกตัวลักษณะและอัตรา
การหายใจผู้ปุวยก่อนและหลังการให้ออกซิเจนสังเกตภาวะพร่องออกซิเจน และเตรียม NIV หรือเตรียม
ใส่ท่อช่วยหายใจ ถ้าอาการกําเริบรุนแรงมากข้ึน เตรียมอุปกรณ์เจาะ Arterial Blood Gas ไว้ให้แพทย์
เพอื่ เฝูาระวงั ไมใ่ หป้ ริมาณออกซิเจนมากเกนิ ไป

1.3 การใหย้ าอนื่ ๆ ตามแผนการรกั ษา เชน่ ยากลุ่มสเตยี รอยด์ ยาปฏชิ ีวะนะ ยาละลาย
เสมหะเป็นต้น ยากลุ่มสเตียรอยด์ สามารถลดการอักเสบในหลอดลม ลดอาการหายใจลําบาก และลด
อัตรานอนโรงพยาบาลได้ ซ่ึงมีอาการข้างเคียง เช่น น้ําตาลในเลือดสูง กระดูกพรุน การติดเช้ือง่าย
พยาบาลมบี ทบาทในการให้ข้อมลู เก่ียวกบั ยาให้ผปู้ วุ ยและญาติรับทราบ

2. ระยะฟน้ื ฟูสภาพ บทบาทพยาบาลในระยะน้คี ือการวางแผนการจําหน่ายกลับบ้าน เป็นระยะ
ที่อาการหายใจลําบากลดลงหรือคงที่ การจัดการอาการเพื่อปูองกันการเกิดอาการหายใจลําบาก โดย
ใหค้ วามรเู้ กยี่ วกบั การใช้ยา ทบทวนเทคนิคการใช้ยาสูดพ่นขยายหลอดลม แนะนําการจัดท่าที่เหมาะสม
และการผอ่ นคลายกลา้ มเนอื้ เมือ่ ผูป้ ุวยมอี าการหายใจลาํ บาก การช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพปอด สมรรถภาพ
ร่างกาย ส่งเสริมความผาสุกด้านจิตใจ สังคม และเพ่ิมคุณภาพชีวิตของผู้ปุวย พยาบาลมีบทบาทในการ
ประเมินความสามารถในการทํากิจกรรมและวางแผนจําหน่ายกลับบ้าน จากข้อมูลประสบการณ์
การมอี าการหายใจลาํ บากของผู้ปุวยแต่ละราย เพื่อให้คําแนะนําในการปฏิบัติตัวท่ีถูกต้องและเหมาะสม
กับผู้ปุวยแต่ละราย การประเมินความสามารถในการทํากิจกรรมท่ีนิยมใช้กันในปัจจุบัน มีแบบประเมิน
mMRC (Modified Medical Research Council Dyspnea Scale) และ CAT score ผู้ปุวยที่มีระดับ
ความรุนแรงของอาการหายใจลําบากในระดับ 3 และ 4 ไม่สามารถทํากิจกรรมได้เอง พยาบาลควร
ส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวชว่ ยเหลอื สนับสนนุ ผ้ปู ุวยในการจัดการอาการหายใจลาํ บาก ดังนี้ 1) การ
หลีกเลี่ยงจากปัจจัยกระตุ้นการเกิดอาการและปรับเปล่ียนสิ่งแวดล้อม 2) การบริหารการหายใจแบบ
เปุาปาก (Pursed lip breathing) 3) การรับประทานยาและการใช้ยาสูดพ่นตามแผนการรักษา และ
การมาตรวจตามนัด 4) การไออย่างมีประสิทธิภาพ (Effective cough) 5) การออกกลําลังกายท่ีเหมาะสม
ซ่ึงมีหลายรูปแบบตอ้ งปรบั ใหเ้ หมาะสมกับผู้ปุวยแต่ละราย 6) การใชเ้ ทคนิคการสงวนพลังงาน 7) การใช้
ออกซิเจนในระยะยาว 8) การดูแลแบบประคบั ประคอง (Palliative care)

ภาคผนวก ง Competency Name CVT (Cardiov

Category Competency Novice (Level 1) Benn
Name จบใหม่ 1-2 ปี Advance Beginner (Level 2)
อาศัยการชนี้ า
3-4 ปี จดั ระดบั ความสาคญั

ของประเด็นปัญหาได้

CVT 1 การประเมินผูป้ ุวย 1). สามารถประเมินอาการ คดั กรอง จาํ แนก 1) ผ่านเกณฑร์ ะดบั 1

COPD ผปู้ ุวย ผปู้ วุ ย COPD ทมี่ ีอาการหอบเหน่ือยกาํ เริบ 2) สามารถประเมินอาการ ต้ัง

ทไ่ี มซ่ ับซอ้ นได้ ข้อวินิจฉัย วางแผนใหก้ ารพยาบาล

ดา้ นรา่ งกาย (ตามWI) ผปู้ ุวย COPDที่มีอาการซับซอ้ นได้

1.1 ชพี จร สัญญาณชพี EKG, SpO2, ETCO2 ด้วยตนเอง
1.2 การหายใจ เสียงหายใจผดิ ปกติ 2.1 บอกค่าท่ผี ดิ ปกติไดแ้ ก่

wheeze, crepitation SpO2, ETCO2, ABG, PFT, CXR,
1.3 ความเหนอ่ื ย (dyspnea score) สัญญาณชีพและรายงานได้

1.4 ระดบั ความร้สู ึกตวั 2.2 ประเมนิ เสียงหายใจที่

1.5 Lab: ABG, PFT, CXR, ผดิ ปกติ และลักษณะการหายใจที่

1.6 โรครว่ ม ผดิ ปกติได้

ด้านจติ ใจ 2.3 ประเมนิ ผู้ปวุ ย COPD ท่ี

1.7 ความกลวั / ความวิตกกงั วล มีภาวะหายใจลาํ บากท่ีใช้เครอ่ื ง

2). กาํ หนดขอ้ วินิจฉยั ทางการพยาบาลท่ีไม่ ช่วยหายใจชนิดnoninvasive ได้

ซบั ซอ้ นสอดคล้องกบั ปัญหาผูป้ วุ ย

CVT 2 การบรหิ ารยาใน 1) บอกชนดิ ของยาท่ีใชก้ ับผู้ปวุ ย ไดแ้ ก่ 1) ผา่ นเกณฑ์ระดบั 1
2) สามารถบริหารยาที่มคี วาม
ผ้ปู ุวยCOPD 1.1 Bronchodilator Short & Long รุนแรง หรอื ซบั ซอ้ น ในผู้ปุวย
COPDท่ีมภี าวะ Acute
acting Exacerbationไดด้ ้วยตนเอง
3) สามารถประเมิน และ
1.2 antibiotic

1.3 steroid

1.4 expectorant

90

vascular & Thoracic Nursing Assessment)

ner’s Stage of clinical Competence

Competent (Level 3) Proficient (Level 4) The Expert (Level 5)

5-7 ปี วางแผนการพยาบาลระยะ 8-10 ปี สามารถมองสถานการณไ์ ด้ 10 ขึ้นไป ปฏบิ ตั กิ ารพยาบาล

ยาวและปฏิบัติตามแผน ขาดความ กว้างไกลและเขา้ ใจปญั หาตา่ งๆ สงู กว่าระดบั ชานาญการเปน็

ยืดหย่นุ ตอ้ งฝกึ ฝนเรือ่ งการตดั สินใจ สามารถชน้ี าแพทย์ฝกึ หัดได้ พยาบาลผูเ้ ช่ียวชาญ เป็นแบบอย่างทดี่ ี

1). ผา่ นเกณฑ์ระดบั 1,2 1) ผา่ นเกณฑร์ ะดบั 1, 2, 3 1) ผา่ นเกณฑร์ ะดับ 1, 2, 3, 4
2). ประสานงานกับสหวชิ าชีพ 2) คาดการณค์ วามเส่ียงทร่ี นุ แรง 2) สามารถบูรณาการความรูใ้ นการ
3). คาดการณ์ วิเคราะห์ และซับซอ้ นท่ีจะเกดิ ขึ้นกบั ผู้ปุวยได้ ประเมนิ คดั กรองและให้การพยาบาลผูป้ วุ ย
ปอู งกนั และจดั การกบั ปญั หาท่เี ปน็ 3) สามารถนิเทศ/เปน็ ทีป่ รกึ ษา COPDที่มภี าวะซบั ซ้อนได้รบั การใสเ่ ครื่องช่วย
ความเสย่ี งท่ีอาจเกดิ ขึ้น เช่น ภาวะ ทางการพยาบาลแก่พยาบาลผมู้ ี หายใจไดอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ เปน็ ท่ยี อมรับ
acute Exacerbation/ ประสบการณน์ อ้ ยกวา่ ได้ ของสหวิชาชพี
Respiratory failure 4) นําข้อมลู เชิงประจักษ์ 3) สามารถถ่ายทอดความร/ู้ เปน็ วิทยากร
4). ประเมนิ อาการผ้ปู วุ ยทใ่ี ช้ (Evidence base) มาใชแ้ กไ้ ขปญั หา ท้ังภายในและนอกสถาบันฯได้
เครอ่ื งมือพิเศษ / เทคโนโลยี ทางการพยาบาลได้ 4) สรา้ งองคค์ วามร/ู้ มีผลงานทางวิชาการ
ทางการรกั ษา และมภี าวะหายใจ เช่น มี work Instruction / Nursing / งานวิจยั /นวตั กรรม/ตน้ แบบทางการ
ล้มเหลวใส่เคร่ืองช่วยหายใจชนิด Procedure ท่ีเกยี่ วขอ้ งเปน็ ตน้ พยาบาล (Best practice) /พฒั นาการดแู ล
IPPVได้ ผู้ปุวยCOPD ที่อาการรนุ แรงและไดร้ ับการใส่
เครือ่ งชว่ ยหายใจได้

1) ผ่านเกณฑ์ระดับ 1,2 1) ผ่านเกณฑ์ระดับ 1,2,3 1) .ผ่านเกณฑร์ ะดับ 1,2,3,4
2) สามารถตัดสินใจแก้ไขปญั หา 2) มีสว่ นรว่ มในการวางแผนการ 2) สามารถบรู ณาการองค์ความรู้เรื่องการ
จากการบรหิ ารยา ดูแลรกั ษาพยาบาล ร่วมกับ บริหารยาไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพเป็นที่ยอมรับ
3) สามารถประสานงานเรื่อง สหวชิ าชีพได้ ของสหวิชาชีพ
การบริหารยารว่ มกับสหวิชาชีพ 3) สามารถนเิ ทศเก่ียว กับการ 3) สามารถถ่ายทอดความรู้/ วทิ ยากร ท้ัง
บริหารยาทางการพยาบาลในระดับ ในและนอกสถาบนั ได้
4) สร้างองคค์ วามรู้/งานวจิ ยั /

Category Competency Novice (Level 1) Benner
Name จบใหม่ 1-2 ปี
อาศยั การชน้ี า Advance Beginner (Level 2)
3-4 ปี จดั ระดบั ความสาคญั
ของประเดน็ ปญั หาได้

1.5 Mucolytic & antioxidant จดั การพยาบาลเบื้องตน้ ที่มภี าวะไม่

1.6 influenza vaccine พ่ึงประสงค์จากการบริหารยา

1.7 drug reconcile

2) สามารถบริหารยาตามมาตรฐาน (WI)

ภายใตก้ ารกํากบั ดูแลของพยาบาลวชิ าชพี ทีมี

ประสบการณส์ งู กว่า

3) สามารถใชเ้ ครอื่ งมือต่างๆในการบรหิ ารยา

 3.1เครื่องใหส้ ารนํ้าทางหลอดเลือดดาํ

 3.2 เคร่อื งพน่ ยา

4)บอกอาการข้างเคยี งภาวะแทรกซอ้ นของยา

CVT 3 การพยาบาลและ 1) มคี วามรเู้ รอื่ งการเตรียมผปู้ วุ ยเพอื่ ทาํ 1) ผา่ นเกณฑร์ ะดับ 1

ช่วยทําหัตถการใน หัตถการ 2) สามารถให้การพยาบาล

การรกั ษาพยาบาล 2) สามารถให้การพยาบาลกอ่ น ขณะ และ ผปู้ ุวยทมี่ ภี าวะแทรกซ้อนและ

ผู้ปุวยCOPD หลังทาํ หตั ถการ(WI) ตามมาตรฐาน การดูแล เตรียมอปุ กรณ์ เคร่ืองมอื พเิ ศษใน

ผปู้ ุวยท่ีทาํ หตั ถการโรคปอดตา่ งๆภายใตก้ าร การทาํ หตั ถการเพ่ือชว่ ยเหลือก่อน

กํากบั ดแู ลของพยาบาลวชิ าชีพทมี ปี ระสบการณ์ ผปู้ ุวยเข้าสภู่ าวะวกิ ฤติ

สงู กว่า 3) สามารถใหก้ ารพยาบาล

3) สามารถให้ O2 therapy ชนิดตา่ งๆ ผู้ปวุ ย ทาํ หตั ถการทท่ี ่ีมี
รวมท้งั ทราบขอ้ จํากัดในการใช้ออกซเิ จนชนิด ภาวะแทรกซ้อน

ต่างๆ และตอ้ งใช้เครอื่ งมอื พิเศษได้

4) สามารถจัดเตรยี มอปุ กรณ์

หรอื เคร่ืองมอื พเิ ศษเพอ่ื ชว่ ยเหลือ

ผปู้ ุวยCOPDกอ่ นเขา้ สูภ่ าวะวกิ ฤต

และปรับตงั้ เคร่อื งช่วยหายใจได้

91

r’s Stage of clinical Competence

Competent (Level 3) Proficient (Level 4) The Expert (Level 5)
5-7 ปี วางแผนการพยาบาลระยะ 8-10 ปี สามารถมองสถานการณไ์ ด้ 10 ขนึ้ ไป ปฏบิ ตั ิการพยาบาล
ยาวและปฏบิ ัตติ ามแผน ขาดความ กว้างไกลและเข้าใจปญั หาตา่ งๆ สูงกว่าระดบั ชานาญการเป็น
ยืดหย่นุ ต้องฝกึ ฝนเรอื่ งการตัดสนิ ใจ พยาบาลผูเ้ ชี่ยวชาญ เปน็ แบบอยา่ งทดี่ ี
สามารถชน้ี าแพทย์ฝกึ หดั ได้
นวตั กรรม/ตน้ แบบทางการพยาบาล (Best
ผมู้ ีประสบการณ์นอ้ ยกวา่ ได้ Practice) /พฒั นารปู แบบการบรหิ ารยา
4) สามารถนําขอ้ มูล
เชิงประจักษ์(Evidence Base)
มาใชแ้ กป้ ญั หาทางการพยาบาล

1) ผา่ นเกณฑ์ระดับ 1,2 1) ผา่ นเกณฑ์ระดบั 1,2,3 1) ผ่านเกณฑร์ ะดบั 1,2,3,4
2) สามารถประสานงานในการ 2) มีสว่ นรว่ มในการวางแผนการ 2) สามารถบรู ณาการองค์ความรู้
ดแู ลผปู้ วุ ยที่ทาํ หัตถการรว่ มกับสห ดูแลรกั ษา พยาบาล รว่ มกบั วทิ ยาการ และเครอื่ งมือพิเศษต่างๆ ในการทํา
วิชาชีพ สหวชิ าชพี ได้ หัตถการ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ เปน็ ท่ี
3) สามารถใชเ้ ทคโนโลยีทาง 3) สามารถนเิ ทศเรือ่ งการทํา ยอมรบั ของสหวิชาชพี
การแพทยท์ เ่ี ปน็ เคร่อื งมือพิเศษ หัตถการ และการใชเ้ ครื่องมือพิเศษ 3) สามารถถา่ ยทอดความรู้/ วิทยากร ทงั้
เฉพาะโรคไดด้ ว้ ยตนเอง ตา่ งๆได้ ในและนอกสถาบนั ได้
4) สามารถถ่ายทอดความรู้แก่ 4) สามารถนาํ ขอ้ มลู 4) สร้างองค์ความร/ู้ งานวจิ ยั /นวัตกรรม /
บคุ ลากรจบใหมห่ รือผู้ทม่ี าศกึ ษาดู เชงิ ประจักษ์(Evidence base) มาใช้ ตน้ แบบทางการพยาบาล(Best practice) /
งานได้ แก้ปญั หาทางการพยาบาล พัฒนารูปแบบการดแู ลผูป้ วุ ยทีไ่ ด้รับการทาํ
หัตถการได้

Category Competency Novice (Level 1) Benner
Name จบใหม่ 1-2 ปี
อาศัยการชน้ี า Advance Beginner (Level 2)
3-4 ปี จดั ระดบั ความสาคัญ
ของประเดน็ ปญั หาได้

CVT 4 การเสรมิ สรา้ งพลงั 1) มคี วามรเู้ ร่อื งการเสริมสร้างพลังอาํ นาจ 1) ผ่านเกณฑ์ระดับ 1

อํานาจผู้ปวุ ย เบอ้ื งตน้ ของผูป้ ุวยโรคCOPD โดยครอบคลมุ แนว 2) สามารถคน้ หา ความตอ้ งการ

COPD ทางการวางแผนจาํ หนา่ ย และปัญหาทซ่ี ับซอ้ นของผปู้ วุ ยโรค

(Empowerment) 2) สามารถสร้างสัมพันธภาพทีด่ แี กผ่ ปู้ วุ ยและ COPD เช่น สทิ ธกิ ารรักษา

ญาติให้เกิดความไวว้ างใจภายใตก้ ารกํากบั ดูแล แผนการดําเนินชีวิต ศาสนา ความ

ของพยาบาลวิชาชพี ทม่ี ปี ระสบการณ์สงู กว่า เชือ่ และให้ความชว่ ยเหลอื ได้ดว้ ย

ตนเอง

92

r’s Stage of clinical Competence

Competent (Level 3) Proficient (Level 4) The Expert (Level 5)
5-7 ปี วางแผนการพยาบาลระยะ 8-10 ปี สามารถมองสถานการณ์ได้
ยาวและปฏบิ ตั ติ ามแผน ขาดความ กวา้ งไกลและเข้าใจปญั หาต่างๆ 10 ข้ึนไป ปฏิบตั กิ ารพยาบาล
ยืดหย่นุ ตอ้ งฝกึ ฝนเรือ่ งการตดั สินใจ
สามารถชนี้ าแพทย์ฝกึ หัดได้ สูงกว่าระดบั ชานาญการเปน็

1) ผ่านเกณฑร์ ะดับ 1,2 1) ผ่านเกณฑร์ ะดบั 1,2,3 พยาบาลผูเ้ ชีย่ วชาญ เปน็ แบบอยา่ งทด่ี ี
2) สามารถประสาน งาน 2) มสี ่วนรว่ มในการวางแผนการ
ร่วมกับสหวิชาชีพ ดูแลรักษาพยาบาล ร่วมกับสหวชิ าชีพ 1) ผ่านเกณฑร์ ะดับ 1,2,3,4
3) สามารถดูแลผู้ปุวย ได้ 2) สามารถบรู ณาการองค์ความรู้ด้านการ
Palliative Care ได้อย่างมี 3) สามารถนเิ ทศเกยี่ วกับ การ เสรมิ สร้างพลังอาํ นาจผูป้ วุ ยCOPD ได้อยา่ งมี
ประสิทธิภาพ เสริมสร้างพลงั อํานาจในพยาบาลท่มี ี ประสทิ ธิภาพ เป็นทยี่ อมรับของสหวิชาชีพ
ประสบการณน์ ้อยกวา่ ได้ 3) สามารถถ่ายทอดความรู/้ วทิ ยากร ทง้ั
4) สามารถนาํ ขอ้ มลู ในและนอกสถาบนั ได้
เชิงประจักษ์(Evidence base) มาใช้ 4) สร้างองค์ความร/ู้ งานวิจยั /นวัตกรรม/
แก้ปัญหาทางการพยาบาล ตน้ แบบทางการพยาบาล (Best practice) /
พฒั นารปู แบบการเสริมสรา้ งพลงั อํานาจ
ผู้ปวุ ยCOPD


Click to View FlipBook Version