ก ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 – 2564) ได้กำหนด ยุทธศาสตร์ที่ 1 สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต อันมีกลยุทธ์ว่าด้วยเรื่องของการปรับฐานความคิดทุกช่วงวัยตั้งแต่ ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งเสริมให้มีระบบและกระบวนการ กล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต ประยุกต์หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือต้านทุจริต เสริมพลัง การมีส่วนร่วมของชุมชน (Community) และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(คณะกรรมการ ป.ป.ช.) จึงได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตรหรือ ชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริตขึ้น เพื่อศึกษา วิเคราะห์และรวบรวมข้อมูล กำหนดแนวทางและขอบเขตในการจัดทำหลักสูตร ยกร่างและจัดทำเนื้อหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อ ประกอบการเรียนรู้พิจารณาให้ความเห็นเพิ่มเติม กำหนดแผนหรือแนวทางการนาหลักสูตรไปใช้ในหน่วยงานที่ เกี่ยวข้อง และดำเนินการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมาย คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริตได้ ร่วมกันสร้างหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ประกอบด้วย 5 หลักสูตร ดังนี้1. หลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน (รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต) 2. หลักสูตรอุดมศึกษา (วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart”) 3. หลักสูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่มทหารและตำรวจ 4. หลักสูตรสร้างวิทยากรผู้นาการ เปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต และ 5. หลักสูตรโค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต หลักสูตรดังกล่าวได้ผ่าน กระบวนการนำไปทดลองใช้เพื่อปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพ สำหรับการใช้ในกลุ่มเป้าหมายต่อไป นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริตยังได้ คัดเลือกสื่อการเรียนรู้จากแหล่งต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อประกอบการเรียนการสอนต่อไป โรงเรียนบ้านวังตาอินทร์จึงจัดทำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) เพื่อสร้าง ความรู้ความเข้าใจและทักษะให้แก่ผู้เรียนในเรื่องการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และพลเมืองกับความรับผิดชอบ ต่อสังคม เพื่อร่วมกันป้องกันหรือต่อต้านการทุจริต มิให้มีการทุจริตเกิดขึ้นในสังคมไทย ร่วมสร้างสังคมไทยที่ไม่ทน ต่อการทุจริตต่อไป หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) โรงเรียนบ้านวังตาอินทร์พุทธศักราช 2566 ฉบับนี้ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีด้วยความร่วมมือและช่วยเหลือจากบุคลหลายฝ่าย ประกอบด้วย ผู้อำนวยการ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรีเขต 2 หน่วยศึกษานิเทศก์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาลพบุรี เขต 2 คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานของโรงเรียน ผู้ปกครองนักเรียน ผู้อำนวยการ โรงเรียน คณะครูและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วนที่มีส่วนร่วมดำเนินการ ทางโรงเรียนจึงขอขอบพระคุณท่านมา ณ โอกาสนี้ (นางวาสนา น้ำเพ็ชร) ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวังตาอินทร์ คำนำ
ข หน้า ประกาศโรงเรียน คำนำ ก สารบัญ ข หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ความนำ 1 รายละเอียดของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) 2 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน 3 1. ชื่อหลักสูตร “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต” 3 2. จุดมุ่งหมายของรายวิชา เพื่อให้นักเรียน 3 3. คำอธิบายรายวิชา 3 4. ผลการเรียนรู้ 3 5. โครงสร้างรายวิชา 4 6. กิจกรรมการเรียนรู้ 7 7. ตารางชั่วโมงการจัดการเรียนการสอน 7 สื่อ/แหล่งเรียนรู้ 8 การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ 9 เกณฑ์การตัดสินผลการเรียน 9 บรรณานุกรม 18 ภาคผนวก ภาคผนวก ก คำอภิธานศัพท์ 20 ภาคผนวก ข คำสั่งโรงเรียนบ้านวังตาอินทร์ 24 ภาคผนวก ค เอกสารประกอบหลักสูตรต้านทุจริต 27 คณะผู้จัดทำ 32 สารบัญ
1 ความนำ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2560 -2564) ยุทธศาสตร์ ที่ 1 “สร้างสังคมที่ไม่ทนต่อการทุจริต” ได้มุ่งเน้นให้ความสำคัญในกระบวนการปรับสภาพสังคมให้ เกิดภาวะที่ “ไม่ทนต่อการทุจริต” โดยเริ่มตั้งแต่กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมในทุกระดับช่วงวัย ตั้งแต่ปฐมวัย เพื่อสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริต และปลูกฝังความพอเพียง มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริตยึดประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชน์ส่วนตน เป็นการดำเนินการผ่านสถาบันหรือกลุ่มตัวแทนที่ทำหน้าที่ในการกล่อมเกลาสังคมให้มีความเป็น พลเมืองที่ดี มีจิตสาธารณะ เสียสละเพื่อส่วนรวมและเสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนมีพฤติกรรมที่ไม่ยอมรับและต่อต้าน การทุจริตในทุกรูปแบบและได้กาหนดกลยุทธ์ 4 กลยุทธ์ กล่าวคือ กลยุทธ์ที่ 1 ปรับฐานความคิดทุกช่วงวัย ตั้งแต่ ปฐมวัยให้สามารถแยกระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม กลยุทธ์ที่ 2 ส่งเสริมให้มีระบบและ กระบวนการกล่อมเกลาทางสังคมเพื่อต้านทุจริต กลยุทธ์ที่ 3 ประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเครื่องมือ ต้านทุจริต และกลยุทธ์ที่ 4 เสริมพลังการมีส่วนร่วมของชุมชน(Community)และบูรณาการทุกภาคส่วนเพื่อ ต่อต้านการทุจริต คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีคำสั่งที่ 646/2560 ลงวันที่ 26 เมษายน 2560 แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร หรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริตซึ่ง ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานด้านการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำ หลักสูตรการเรียนการสอน จากทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรภาคเอกชนเพื่อ ดำเนินการจัดทำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต นำไปใช้ในการ เรียนการสอนให้กับนักเรียน นักศึกษาในทุกระดับชั้นเรียนทั้งในส่วนของการศึกษาตั้งแต่ระดับปฐมวัยอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา และอุดมศึกษา ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งอาชีวศึกษาและการศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัย นอกจากนี้ ยังรวมถึงสถาบันการศึกษาอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น สถาบันการศึกษาในสังกัด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันการศึกษาทางทหาร เป็นต้น เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับ การศึกษาทั้งระบบ รวมทั้งบุคลากรภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งภาคประชาชน เพื่อเป็นการปลูกฝังจิตสานึกใน การแยกแยะประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวมจิตพอเพียงต้านทุจริต และสร้างพฤติกรรมที่ไม่ยอมรับและไม่ ทนต่อการทุจริต เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริต โดยเริ่มปลูกฝังนักเรียนตั้งแต่ปฐมวัยจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 สำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงจัดทำรายวิชาเพิ่มเติม “การป้องกันการทุจริต” ให้สถานศึกษาทุกแห่งนาไป ใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมต่อต้านการทุจริตให้แก่นักเรียนสร้างความตระหนัก ให้นักเรียน ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน มีจิตพอเพียงต้านทุจริต ละอายและเกรงกลัวที่จะ ไม่ทุจริตและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในฐานะองค์กรรับผิดชอบการจัดการศึกษาให้แก่นักเรียน ตั้งแต่ระดับปฐมวัย จนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จึงได้จัดทำรายวิชาเพิ่มเติม “การป้องกันการทุจริต”ประกอบด้วย เนื้อหา 4 หน่วยการเรียนรู้ ได้แก่ 1) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต๓) STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต และ 4) พลเมืองและ ความ รับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งทั้ง 4 หน่วยนี้ จะจัดทำเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ ตั้งแต่ชั้นปฐมวัย จนถึง ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 6 เพื่อให้สถานศึกษาทุกแห่งนำไปใช้ในการจัดการเรียนการสอน เพื่อปลูกฝังและป้องกันการ ทุจริตให้แก่ นักเรียนทุกระดับ ทั้งนี้ เป็นการสร้างพลเมืองที่ซื่อสัตย์สุจริตให้แก่ประเทศชาติ ปัญหาคอร์รัปชันลดลง และดัชนี ภาพลักษณ์คอร์รัปชันของประเทศไทย มีค่าคะแนนสูงขึ้น บรรลุตามเป้าประสงค์ของยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วย การ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะที่ 3 (พ.ศ.2560 - 2564) หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education)
2 โรงเรียนบ้านวังตาอินทร์ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา : Anti-Corruption Education จะสร้างความรู้ความเข้าใจและทักษะให้แก่ผู้เรียนในเรื่องการคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับ ผลประโยชน์ส่วนรวม ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และพลเมือง กับ ความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อร่วมกันป้องกันหรือต่อต้านการทุจริต มิให้มีการทุจริตเกิดขึ้นในสังคมไทย ร่วมสร้าง สังคมไทยที่ไม่ทนต่อการทุจริตต่อไป รายละเอียดของหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) กรอบการจัดทำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยที่ ประชุม ได้เห็นชอบร่วมกันในการจัดทำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการ ทุจริต หัวข้อวิชา 4 วิชา ประกอบด้วย 1) การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความอายและความไม่ทนต่อการทุจริต 3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต 4) พลเมืองและความรับผิดชอบต่อสังคม เนื้อหาหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต โดยได้แบ่งกลุ่มตามการเรียนการสอนในแต่ ละช่วงชั้น และการฝึกอบรมในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เป็น 5 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่ม 1 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ระดับปฐมวัย และ ป.1-ม.6) มีชื่อหลักสูตรว่า “รายวิชา เพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต กลุ่ม 2 หลักสูตรอุดมศึกษา มีชื่อหลักสูตร “วัยใส ใจสะอาด “Youngster with good heart” กลุ่ม 3 หลักสูตรกลุ่มทหารและตำรวจ มีชื่อหลักสูตร “หลักสูตรตามแนวทางรับราชการ กลุ่ม ทหารและตำรวจ” กลุ่ม 4 หลักสูตรวิทยากร มีชื่อหลักสูตร “สร้างวิทยากรผู้นำการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมที่ไม่ทนต่อ การทุจริต” กลุ่ม 5 หลักสูตรโค้ช มีชื่อหลักสูตร “โค้ชเพื่อการรู้คิดต้านทุจริต” หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดำเนินการจัดทำเป็นแผนการจัดการเรียนรู้โดยแยกเป็น 13 ระดับชั้นปี ได้แก่ ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 - 6 และระดับมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 - 6 ในแต่ละระดับชั้นปี จะ ใช้เวลาเรียนทั้งปี จำนวน 40 ชั่วโมง ต้องจัดทำเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนให้แตกต่างกัน ตามความ เหมาะสมและการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑. ชื่อหลักสูตร “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต” ตามที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการจัดทำหลักสูตรหรือชุดการเรียนรู้และสื่อประกอบการ เรียนรู้ ด้านการป้องกันการทุจริต สำหรับใช้เป็นเนื้อหามาตรฐานกลางให้สถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่ เกี่ยวข้องนำไปใช้ในการเรียนการสอนให้กับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทุกระดับชั้นเรียน เพื่อปลูกฝังจิตสำนึกในการ แยกประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง การไม่ยอมรับและไม่ทนต่อการทุจริต โดยใช้ชื่อว่า
3 หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) หลักสูตรที่ ๑ หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีแนว ทางการนำไปใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละโรงเรียน ดังนี้ ๑. นำไปจัดเป็นรายวิชาเพิ่มเติมของโรงเรียน ๒. นำไปจัดในชั่วโมงลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ ๓. นำไปบูรณาการกับการจัดการเรียนการสอนในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม (สาระหน้าที่พลเมือง) หรือนำไปบูรณาการกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น ๆ ๒. จุดมุ่งหมายของรายวิชา เพื่อให้นักเรียน ๒.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ๒.๒ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ๒.๓ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ๒.๔ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ๒.๕ สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๒.๖ ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ๒.๗ ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ๒.๘ ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ๓. คำอธิบายรายวิชา ศึกษาเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม ความละอายและความ ไม่ทนต่อการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต รู้หน้าที่ของพลเมืองและรับผิดชอบต่อสังคมในการ ต่อต้านการทุจริตโดยใช้กระบวนการคิด วิเคราะห์ จำแนก แยกแยะ การฝึกปฏิบัติจริง การทำโครงงาน กระบวนการเรียนรู้ ๕ขั้นตอน (๕ STEPs) การอภิปราย การสืบสอบ การแก้ปัญหา ทักษะการอ่านและการเขียน เพื่อให้มีความตระหนักและเห็นความสำคัญของการต่อต้านและการป้องกันการทุจริต ๔. ผลการเรียนรู้ ๑. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ๓. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ๔. มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ๕. สามารถคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตน กับผลประโยชน์ส่วนรวมได้ ๖. ปฏิบัติตนเป็นผู้ละอายและไม่ทนต่อการทุจริตทุกรูปแบบ ๗. ปฏิบัติตนเป็นผู้ที่ STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต ๘. ปฏิบัติตนตามหน้าที่พลเมืองและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ๙. ตระหนักและเห็นความสำคัญของการต่อต้านและป้องกันการทุจริต รวมทั้งหมด ๙ ผลการเรียนรู้
4 5. โครงสร้างรายวิชา 5.1 ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 1) มัธยมศึกษาปีที่ 1 ลำดับ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง จำนวนชั่วโมง 1 การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม - การคิดแยกแยะ - ระบบคิดฐาน 2 - ระบบคิดฐาน 10 - ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการทุจริต (ชุมชน สังคม) - ประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) - การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและ ผลประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) - ผลประโยชน์ทับซ้อน (ชุมชน สังคม) - รูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน(ชุมชน สังคม) 12 2 ความละอายและความไม่ ทนต่อการทุจริต ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต - การทำการบ้าน - การทำเวร - การสอบ - การแต่งกาย - การเลือกตั้ง - กิจกรรมนักเรียน(ห้องเรียน) 8 3 STRONG / จิตพอเพียง ต่อต้านการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต - ความพึงพอใจ - ความโปร่งใส - ความตื่นรู้ / ความรู้ - ต้านทุจริต - มุ่งไปข้างหน้า - ความเอื้ออาทร 10 4 พลเมืองกับความ รับผิดชอบต่อสังคม พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม - การเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผิดชอบตนเองและผู้อื่น/สังคม - ความเป็นพลเมือง - ความเป็นพลโลก *จัดนิทรรศการ 10 รวม 40
5 2) มัธยมศึกษาปีที่ 2 ลำดับ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง จำนวนชั่วโมง 1 การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม - การคิดแยกแยะ - ระบบคิดฐาน 2 - ระบบคิดฐาน 10 - ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการ ทุจริต (ชุมชน สังคม) - ประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) - การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและ ผลประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) - ผลประโยชน์ทับซ้อน (ชุมชน สังคม) - รูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน (ชุมชน สังคม) 12 2 ความละอายและความไม่ทน ต่อการทุจริต ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต - การทำการบ้าน / ชิ้นงาน - รู้หน้าที่การทำเวร /การทำความสะอาด - การสอบ - การแต่งกาย - การเข้าแถวมารยาทคนดี - การเลือกตั้ง - เรามาร่วมกลุ่มเพื่อสร้างสรรค์ต้านทุจริต 8 3 STRONG / จิตพอเพียง ต่อต้านการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต - ความพึงพอใจ - ความโปร่งใส - ความตื่นรู้ / ความรู้ - ต้านทุจริต - มุ่งไปข้างหน้า - ความเอื้ออาทร 10 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบ ต่อสังคม พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม - การเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผิดชอบตนเองและผู้อื่น/สังคม - ความเป็นพลเมือง - ความเป็นพลโลก *เสวนา 10 รวม 40
6 2) มัธยมศึกษาปีที่ 3 ลำดับ หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง จำนวนชั่วโมง 1 การคิดแยกแยะระหว่าง ผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและ ผลประโยชน์ส่วนรวม - การคิดแยกแยะ - ระบบคิดฐาน 2 - ระบบคิดฐาน 10 - ความแตกต่างระหว่างจริยธรรมและการ ทุจริต (ชุมชน สังคม) - ประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) - การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและ ผลประโยชน์ส่วนรวม (ชุมชน สังคม) - ผลประโยชน์ทับซ้อน (ชุมชน สังคม) - รูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน(ชุมชน สังคม) 12 2 ความละอายและความไม่ทน ต่อการทุจริต ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต - การทำการบ้าน / ชิ้นงาน - การทำเวร /การทำความสะอาด - การสอบ - การแต่งกาย - การเข้าแถวมารยาทคนดี - การเลือกตั้ง - เรามาร่วมกลุ่มเพื่อสร้างสรรค์ต้านทุจริต 8 3 STRONG / จิตพอเพียง ต่อต้านการทุจริต STRONG / จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต - ความพึงพอใจ - ความโปร่งใส - ความตื่นรู้ - ความรู้ - จิตพอเพียงต้านทุจริต - มุ่งไปข้างหน้า - ความเอื้ออาทร 10 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบ ต่อสังคม พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม - การเคารพสิทธิหน้าที่ต่อตนเองและผู้อื่น - ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย - ความรับผิดชอบตนเองและผู้อื่น/สังคม - ความเป็นพลเมือง - ความเป็นพลโลก *เสวนา 10 รวม 40
7 6. กิจกรรมการเรียนรู้ แนวคิดและแนวการสอน กิจกรรมการเรียนรู้ที่ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เน้นการใช้ทฤษฎีการเรียนรู้ การสร้างความรู้ ได้แก่ 1) ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์ (Construction Theory) 2) ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เชิงสังคม (Social Constructivism Theory) 3) ทฤษฎีคอนสตรัคติวิสต์เชิงปัญญา (Cognitive Constructivism) 4) ทฤษฎีประมวลผลข้อมูล (Information Processing Theory) 5) ทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of Multiple Intelligences) 6) ทฤษฎีการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning Theory) ในการจัดการเรียนการสอน โดยภาพรวมจะใช้กลยุทธ์การสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คือจัดตามความ แตกต่างของเด็กแต่ละคน ด้วยการสอนโดยใช้กระบวนการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ การฝึกปฏิบัติจริงการทำ โครงงานสืบสวนสอบสวน กระบวนการเรียนรู้ 5 ขั้นตอน (5STEPs) การอภิปราย การแก้ปัญหาตลอดจนใช้ เทคนิคการสอนที่หลากหลายเหมาะกับผู้เรียนแต่ละวัย 7. ตารางชั่วโมงการจัดการเรียนการสอน ประกอบด้วย 4 หน่วยการเรียนรู้ คือ 1) การคิดแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตนกับผลประโยชน์ส่วนรวม 2) ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต 3) STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต และ 4) พลเมืองกับ ความรับผิดชอบต่อสังคม โดยกาหนดชั่วโมงการจัดการเรียนการสอนดังนี้ ที่ หน่วยการเรียนรู้ ระดับการศึกษา ปฐมวัย (ชั่วโมง) ป.1-3 (ชั่วโมง) ป.4-6 (ชั่วโมง) ม.1-3 (ชั่วโมง) 1 การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วน ตนและประโยชน์ส่วนรวม 14 16 16 12 2 ความไม่ทนและความอายต่อการทุจริต 12 10 10 8 3 STRONG : จิตพอเพียงต่อต้านการทุจริต 9 4 6 10 4 พลเมืองกับความรับผิดชอบต่อสังคม 5 10 10 10 รวม 40 40 40 40 โดยหลักสูตรรายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต การศึกษาขั้นพื้นฐาน กาหนดเป็น 1 หลักสูตร และ แยกเป็นแผนการจัดการเรียนรู้ 7 ระดับชั้นปี ได้แก่ ระดับปฐมวัย ระดับประถมศึกษาชั้นปีที่ 1 – 6 ทั้งนี้ ในแต่ละ ระดับชั้นปี จะใช้เวลาเรียนทั้งปี จำนวน 40 ชั่วโมง ซึ่งจะมีเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสมและการเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัย
8 หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti-Corruption Education) ควรจัดกิจกรรมด้วยสื่อการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต เช่น วีดิโอ ข่าว VTR นิทาน การ์ตูน ภาพยนตร์สั้น เอกสารแก้ทุจริตคิดฐาน สอง สื่อสิงพิมพ์ต่าง ๆ ใบความรู้ ใบงาน วัสดุอุปกรณ์ต่าง ตลอดจนแหล่งเรียนรู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสืบค้น ดังนี้ สื่อการเรียนรู้เป็นเครื่องมือส่งเสริมสนับสนุนการจัดการกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเข้าถึงความรู้ทักษะ กระบวนการและคุณลักษณะตามมาตรฐานของหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ สื่อการเรียนรู้มีหลากหลาย ประเภท ทั้งสื่อธรรมชาติ สื่อสิ่งพิมพ์สื่อเทคโนโลยี และเครือข่ายการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีในท้องถิ่นการเลือกใช้สื่อ ควรเลือกให้มีความเหมาะสมกับระดับพัฒนาการ และลีลาการเรียนรู้ที่หลากหลายของผู้เรียนการจัดหาสื่อการ เรียนรู้ผู้เรียนและผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเอง หรือปรับปรุงเลือกใช้อย่างมีคุณภาพจากสื่อต่าง ๆ ที่มีอยู่ รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริมและสื่อสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้โดย สถานศึกษาควรจัดให้มีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้ผู้เรียน เกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงสถานศึกษาเขตพื้นที่ การศึกษา หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้มีหน้าที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ควรดำเนินการดังนี้ ๑. จัดให้มีแหล่งการเรียนรู้ศูนย์สื่อการเรียนรู้ระบบสารสนเทศการเรียนรู้และเครือข่ายการเรียนรู้ที่มี ประสิทธิภาพทั้งในสถานศึกษาและในชุมชน เพื่อการศึกษาค้นคว้าและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเรียนรู้ ระหว่างสถานศึกษา ท้องถิ่น ชุมชน สังคมโลก ๒. จัดทำและจัดหาสื่อการเรียนรู้สำหรับการศึกษาค้นคว้าของผู้เรียน เสริมความรู้ให้ผู้สอน รวมทั้งจัดหา สิ่งที่มีอยูในท้องถิ่นมาประยุกต์ใช้เป็นสื่อการเรียนรู้ ๓. เลือกและใช้สื่อการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีความเหมาะสม มีความหลากหลาย สอดคล้องกับวิธีการเรียนรู้ ธรรมชาติของสาระการเรียนรู้และความแตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน ๔. ประเมินคุณภาพของสื่อการเรียนรู้ที่เลือกใช้อย่างเป็นระบบ ๕. ศึกษาค้นคว้า วิจัย เพื่อพัฒนาสื่อการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับกระบวนการเรียนรู้ของผู้เรียน ๖. จัดให้มีการกำกับ ติดตาม ประเมินคุณภาพและประสิทธิภาพเกี่ยวกับสื่อและการใช้สื่อการเรียนรู้เป็น ระยะ ๆ และสม่ำเสมอ ในการจัดทำ การเลือกใช้และการประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้ที่ใช้ในสถานศึกษาควรคำนึงถึงหลักการ สำคัญของสื่อการเรียนรู้เช่น ความสอดคล้องกับหลักสูตร วัตถุประสงค์การเรียนรู้การออกแบบกิจกรรมการ เรียนรู้การจัดประสบการณ์ให้ผู้เรียน เนื้อหามีความถูกต้องและทันสมัย ไม่กระทบความมั่นคงของชาติ ไม่ขัดต่อ ศีลธรรม มีการใช้ภาษาที่ถูกต้อง รูปแบบการนําเสนอที่เข้าใจง่าย และน่าสนใจ สื่อ/แหล่งเรียนรู้
9 อัตราส่วนคะแนน คะแนนระหว่างปีการศึกษา : สอบปลายปีการศึกษา = 8๐ : 2๐ รายการวัด คะแนน ระหว่างภาค มีการวัดและประเมินผล ดังนี้ ๑. คะแนนระหว่างปีการศึกษา ๑.๑ วัดโดยใช้แบบทดสอบ ๑.๒ วัดทักษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ (เลือกวัดตามแผนการจัดการเรียนรู้) ๑.๒.๑ ภาระงานที่มอบหมาย - การทำใบงาน/แบบฝึกหัด/สมุดงาน - กิจกรรมโครงงาน - การร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ ๑.๒.๒ แฟ้มสะสมงาน ๑.๒.๓ ทักษะกระบวนการและสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ๑.๓ วัดคุณลักษณะอันพึงประสงค์และเจตคติที่ดีต่อวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม ๒. คะแนนสอบกลางปีการศึกษา วัดและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ 80 70 10 คะแนนสอบปลายปีการศึกษา มีวัดและประเมินผลโดยใช้แบบทดสอบ 20 รวม 100 ๑. การวัดและประเมินผลโดยใชแบบทดสอบ ๑.๑ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเลือกตอบ พิจารณาจากความถูกผิดของการเลือกตอบ ตอบถูกให้๑ คะแนน ตอบผิดให้๐ คะแนน ๑.๒ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบถูกผิด พิจารณาจากความถูกผิดของคําตอบ ตอบถูกให้๑ คะแนน ตอบผิดให้๐ คะแนน ๑.๓ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเติมคำ พิจารณาจากความถูกผิดของคำตอบ ตอบถูกให้๑ คะแนน ตอบผิดให้๐ คะแนน ๑.๔ เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบจับคู่ พิจารณาจากความถูกผิดของการจับคู่ จับคู่ถูกให้๑ คะแนน จับคู่ผิดให้๐ คะแนน ๑.5 เกณฑ์ให้คะแนนแบบทดสอบแบบเปรียบเทียบ พิจารณาจากความถูกผิดของการเปรียบเทียบ เปรียบเทียบถูกให้๑ คะแนน เปรียบเทียบผิดให้๐ คะแนน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เกณฑ์การวัดผลประเมินผล
10 ๑.6 เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบแบบเขียนตอบ พิจารณาจากคำตอบในภาพรวมทั้งหมด โดย กำหนดระดับคะแนนเป็น ๔ ระดับ ดังนี้ ระดับคะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ๓ ตอบได้ถูกต้อง สามารถอธิบายเหตุผลได้อย่างชัดเจน ๒ ตอบได้ถูกต้อง สามารถอธิบายเหตุผลได้เป็นบางส่วน แต่ยังไม่ชัดเจน ๑ ตอบได้ถูกต้อง แต่ไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ ๐ ตอบไม่ถูกต้อง และไม่สามารถอธิบายเหตุผลได้ ๑.๗ เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบแบบต่อเนื่อง (๑) เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบแบบต่อเนื่องที่กำหนดสถานการณ์ พิจารณาจากความถูกผิดของคำตอบ ตอบถูกให้๑ คะแนน ตอบผิดให้๐ คะแนน (๒) เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบแบบต่อเนื่องสองขั้นตอน โดยกำหนดระดับคะแนนเป็น ๓ ระดับ ดังนี้ ระดับคะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ๒ เลือกคำตอบและบอกเหตุผลประกอบถูกต้อง ๑ เลือกคำตอบถูกต้อง แต่บอกเหตุผลประกอบไม่ถูกต้อง หรือ เลือกคำตอบไม่ถูกต้อง แต่บอกเหตุผลประกอบได้สอดคล้องกับคำตอบที่เลือก ๐ เลือกคำตอบและบอกเหตุผลประกอบไม่ถูกต้อง ๑.๘ เกณฑ์การให้คะแนนแบบทดสอบแสดงวิธีทำ โดยกำหนดระดับคะแนนเป็น ๕ ระดับ ดังนี้ ระดับคะแนน เกณฑ์การให้คะแนน ๔ คำตอบถูกต้องและแสดงวิธีทำที่มีประสิทธิภาพ โดยแสดงถึงการคิดอย่างเป็นระบบ และการคิดวิเคราะห์ ๓ คำตอบถูกต้องและแสดงวิธีทำถูกต้องสมบูรณ์ ๒ คำตอบถูกต้อง แสดงวิธีทำถูกต้องแต่ยังไม่สมบูรณ์ ๑ คำตอบถูกต้อง มีการแสดงแสดงวิธีทำแต่ยังไม่ถูกต้องสมบูรณ์ ๐ คำตอบไม่ถูกต้อง และแสดงวิธีทำไม่ถูกต้อง
11 ๒. การวัดและประเมินผลด้านทักษะ/กระบวนการ/สมรรถนะ ๒.๑ ภาระงานที่มอบหมาย - ใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ กำหนดเกณฑ์การใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ ๔ ระดับ ดังนี้ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การให้คะแนน ๔ (ดีมาก) - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถ้วนและเสร็จตามกําหนดเวลา - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะได้ถูกต้อง - แสดงลำดับขั้นตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะชัดเจน เหมาะสม ๓ (ดี) - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถ้วนและเสร็จตามกำหนดเวลา - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะได้ถูกต้อง - สลับขั้นตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ หรือไม่ระบุขั้นตอน ของ การทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ ๒ (พอใช้) - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะครบถ้วน แต่เสร็จหลังกำหนดเวลาเล็กน้อย - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะข้อไม่ถูกต้อง - สลับขั้นตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ หรือไม่ระบุขั้นตอน ของ การทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะ ๑ (ปรับปรุง) - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะไม่ครบถ้วน หรือไม่เสร็จตามกำหนดเวลา - ทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะไม่ถูกต้อง - แสดงลำดับขั้นตอนของการทำใบงาน/แบบฝึกหัด/แบบฝึกทักษะไม่สัมพันธ์กับ โจทย์หรือไม่แสดงลำดับขั้นตอน - การประเมินผลการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ การร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ส่วนใหญ่มอบหมายภาระงานเป็นกลุ่มกำหนดเกณฑ์การ ประเมินผลการร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ดังนี้ รายการประเมิน ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา ๑. การวางแผน ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - วางแผนและมอบหมายหน้าที่ให้สมาชิกได้ชัดเจน - วางแผนแต่มอบหมายหน้าที่ให้สมาชิกไม่ชัดเจน - ไม่มีการวางแผน ๒. ความร่วมมือใน กลุ่ม ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - ทุกคนทำงานตามหน้าที่รับผิดชอบ - สมาชิกส่วนมากทำงานตามหน้าที่ - สมาชิกไม่ทำงานตามหน้าที่ ๓. ทักษะการ ปฏิบัติการ ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - ปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้องเหมาะสม - ปฏิบัติตามขั้นตอนแต่ยังมีข้อผิดพลาดเป็นบางส่วน - ไม่สามารถปฏิบัติได้ตามขั้นตอนและมีความผิดพลาด ๔. การเขียนรายงาน ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - เขียนรายงานได้ถูกต้องเหมาะสมและนำเสนอได้สมบูรณ์ - เขียนรายงานไม่สมบูรณ์ - รายงานมีข้อผิดพลาดหรือไม่เขียนรายงาน ๕. เวลา ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรุง) - ปฏิบัติงานเสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนด - ปฏิบัติงานเสร็จตามเวลาที่กำหนดแต่ไม่สมบูรณ์ - ปฏิบัติงานไม่เสร็จสมบูรณ์ตามเวลาที่กำหนด
12 ๒.๒ แฟ้มสะสมงาน การประเมินแฟ้มสะสมงาน กำหนดเกณฑ์การประเมินเป็น ๔ ระดับ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การพิจารณา ๔ (ดีมาก) - ผลงานมีรายละเอียดอย่างเพียงพอที่แสดงถึงระดับความรู้และ พัฒนาการของผู้เรียน และแสดงถึงความเข้าใจในเรื่องที่ศึกษา ๓ (ดี) - ผลงานมีรายละเอียดอย่างเพียงพอที่แสดงถึงระดับความรู้และ พัฒนาการของผู้เรียน ไม่มีข้อผิดพลาดที่แสดงว่าไม่เข้าใจ ๒ (พอใช้) - ผลงานมีรายละเอียดแสดงไว้ในบันทึกให้เห็นถึงระดับความรู้และ พัฒนาการของผู้เรียน แต่พบว่าบางส่วนมีความผิดพลาดหรือไม่ชัดเจน หรือแสดงถึงความไม่เข้าใจ ในเรื่องที่ศึกษาของผู้เรียน ๑ (ปรับปรุง) - ผลงานมีข้อมูลน้อย ไม่มีรายละเอียดแสดงไว้ในบันทึกหรือแสดงให้เห็น ถึงระดับความรู้และพัฒนาการของผู้เรียน ๒.3 สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน - การประเมินผลสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ประเมินโดยใช้แบบประเมิน สมรรถนะสำคัญของ ผู้เรียน กำหนดเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การให้คะแนน (๓) ดีเยี่ยม ผู้เรียนปฏิบัติตนตามสมรรถนะจนเป็นนิสัย และนําไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อประโยชน์ สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินระดับ ดีเยี่ยมจำนวน ๓-๕ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับดี (๒) ดี ผู้เรียนมีสมรรถนะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคม พิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๑-๒ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผล การประเมินต่ำกว่าระดับดี หรือ ๒. ได้ผลการประเมินระดับดีเยี่ยม จำนวน ๒ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน หรือ ๓. ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๔-๕ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน (๑) พอใช้ ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษากำหนด พิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมินระดับผ่าน จำนวน ๔-๕ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน หรือ ๒. ได้ผลการประเมินระดับดี จำนวน ๒ สมรรถนะ และไม่มีสมรรถนะใด ได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับผ่าน (๐) ปรับปรุง ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยพิจารณา จากผล การประเมินระดับต้องปรับปรุง ตั้งแต่ ๑ สมรรถนะ
13 เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อยครั้ง ให้ ๐ คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ ๑๓-๑๕ ดีเยี่ยม (๓) ๙-๑๒ ดี (๒) ๕-๘ ผ่าน (๑) ต่ำกว่า ๕ ไม่ผ่าน (๐)
14 แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ชื่อ.......................................................นามสกุล....................................................เลขที่. .............ชั้น................... คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับคะแนน สมรรถนะด้าน รายการประเมิน ระดับคุณภาพ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) 1. ความสามารถ ในการสื่อสาร 1.1 มีความสามารถในการรับ-ส่งสาร 1.2 มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความ เข้าใจ ของตนเอง โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม 1.3 ใช้วิธีการสื่อสารที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ 1.4 เจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ ได้ 1.5 เลือกรับและไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผลและถูกต้อง สรุปผลการประเมิน รวม ........ คะแนน ระดับ ........... 2. ความสามารถ ในการคิด 2.1 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ 2.2 มีทักษะในการคิดนอกกรอบอย่างสร้างสรรค์ 2.3 สามารถคิดอย่างมีวิจารณญาณ 2.4 มีความสามารถในการสร้างองค์ความรู้ 2.5 ตัดสินใจแก้ปัญหาเกี่ยวกับตนเองได้อย่างเหมาะสม สรุปผลการประเมิน รวม ........ คะแนน ระดับ ........... 3. ความสามารถ ในการแก้ปัญหา 3.1 สามารถแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้ 3.2 ใช้เหตุผลในการแก้ปัญหา 3.3 เข้าใจความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงในสังคม 3.4 แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกันและ แก้ไขปัญหา 3.5 สามารติดสินใจได้เหมาะสมตามวัย สรุปผลการประเมิน รวม ........ คะแนน ระดับ ........... 4. ความสามารถ ในการใช้ทักษะ ชีวิต 4.1 เรียนรู้ด้วยตนเองได้เหมาะสมตามวัย 4.2 สามารถทำงานกลุ่มร่วมกับผู้อื่นได้ 4.3 นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน 4.4 จัดการปัญหาและความขัดแย้งได้เหมาะสม 4.5 หลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อ ตนเอง สรุปผลการประเมิน รวม ........ คะแนน ระดับ ........... 5. ความสามารถ ในการใช้ เทคโนโลยี 5.1 เลือกและใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสมตามวัย 5.2 มีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี 5.3 สามารถนำเทคโนโลยีไปใช้พัฒนาตนเอง 5.4 ใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ 5.5 มีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี สรุปผลการประเมิน รวม ........ คะแนน ระดับ ........... ระดับคุณภาพตามเกณฑ์การประเมินในหลักสูตรรายชั้น ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
15 3. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ การประเมินผลคุณลักษณะอันพึงประสงค์ประเมินโดยใช้แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์กำหนด เกณฑ์ในการประเมิน ดังนี้ ระดับคุณภาพ เกณฑ์การให้คะแนน (๓) ดีเยี่ยม ผู้เรียนปฏิบัติตนตามคุณลักษณะจนเป็นนิสัยและนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อประโยชน์ สุขของตนเองและสังคม โดยพิจารณาจากผลการประเมินทั้ง ๘ คุณลักษณะ คือ ได้ระดับ ๓ จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับ ๒ (๒) ดี ผู้เรียนมีคุณลักษณะในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ เพื่อให้เป็นการยอมรับของสังคม พิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมิน ระดับ ๓ จำนวน ๑-๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับ ๒ หรือ ๒. ได้ผลการประเมิน ระดับ ๓ จำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผล การประเมินต่ำกว่าระดับ ๑ หรือ ๓. ได้ผลการประเมิน ระดับ ๒ จำนวน ๕-๘ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใด ได้ผลการประเมินต่ำกว่าระดับ ๑ (๑) ผ่าน ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และเงื่อนไขที่สถานศึกษากำหนด พิจารณาจาก ๑. ได้ผลการประเมิน ระดับ ๑ จำนวน คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผลการ ประเมินต่ำกว่าระดับ ๑ หรือ ๒. ได้ผลการประเมิน ระดับ ๒ จำนวน ๔ คุณลักษณะ และไม่มีคุณลักษณะใดได้ผล การประเมินต่ำกว่าระดับ ๑ (๐) ไม่ผ่าน ผู้เรียนรับรู้และปฏิบัติได้ไม่ครบตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยพิจารณาจากผลการ ประเมิน ระดับ ๐ ตั้งแต่ ๑ คุณลักษณะขึ้นไป เกณฑ์การให้คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน พฤติกรรมที่ปฏิบัติน้อยครั้ง ให้ ๐ คะแนน
16 แบบประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ชื่อ.......................................................นามสกุล....................................................เลขที่. ... ..........ชั้น................... คำชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียน และขีด ✓ ลงในช่องที่ตรงกับคะแนน สมรรถนะด้าน รายการประเมิน ระดับคุณภาพ ดีเยี่ยม (3) ดี (2) ผ่าน (1) ไม่ผ่าน (0) 1. รักชาติ ศาสน์กษัตริย์ - ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้ - เข้าร่วมกิจกรรมที่สร้างความสามัคคี ปรองดอง และ เป็น ประโยชน์ต่อโรงเรียน - เข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนับถือ ปฏิบัติตาม หลัก ศาสนา - เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามที่ โรงเรียนจัดขึ้น 2. ซื่อสัตย์ สุจริต - ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง และเป็นจริง - ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้อง 3. มีวินัย รับผิดชอบ - ปฏิบัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของ ครอบครัว มีความตรงต่อเวลาในการปฏิบัติกิจกรรม ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน 4. ใฝ่เรียนรู้ - รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัติได้ - รู้จักจัดสรรเวลาให้เหมาะสม - เชื่อฟังคำสั่งสอนของบิดา - มารดา โดยไม่โต้แย้ง – ตั้งใจเรียน 5. อยู่อย่าง พอเพียง - ใช้ทรัพย์สินและสิ่งของของโรงเรียนอย่างประหยัด - ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยัดและรู้คุณค่า - ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมีการเก็บออมเงิน 6. มุ่งมั่นในการ ทำงาน - มีความตั้งใจและพยายามในการทำงานที่ได้รับ มอบหมาย - มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งาน สำเร็จ 7. รักความเป็น ไทย - มีจิตสำนึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทย - เห็นคุณค่าและปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย 8. มีจิต สาธารณะ - รู้จักช่วยพ่อแม่ ผู้ปกครอง และครูทำงาน - รู้จักการดูแลรักษาทรัพย์สมบัติและสิ่งแวดล้อมของ ห้องเรียนและโรงเรียน ระดับคุณภาพตามเกณฑ์การประเมินในหลักสูตรรายชั้น ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
17 1. เกณฑ์การตัดสินระดับผลการเรียน ระดับผลการเรียน ความหมาย ช่วงคะแนน ๔ ผลการเรียนดีเยี่ยม ๘๐ - ๑๐๐ ๓.๕ ผลการเรียนดีมาก ๗๕ – ๗๙ ๓ ผลการเรียนดี ๗๐ – ๗๔ ๒.๕ ผลการเรียนค่อนข้างดี ๖๕ – ๖๙ ๒ ผลการเรียนปานกลาง ๖๐ – ๖๔ ๑.๕ ผลการเรียนพอใช้ ๕๕ – ๕๙ ๑ ผลการเรียนผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ ๕๐ – ๕๔ ๐ ผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ 0 - ๔๙ ๒. เกณฑ์การตัดสินผลการเรียน ร และ มส. 2.๑) ตัดสินผลการเรียน ร หมายถึง รอการตัดสินและยังตัดสินผลการเรียนไม่ได้เนื่องจาก ผู้เรียนไม่มี ข้อมูลผลการเรียนในรายวิชาครบถ้วน ได้แก่ ไม่ได้วัดผลกลางภาคเรียน/ปลายภาคเรียน ไม่ได้ส่งงานที่ มอบหมาย ให้ทำซึ่งงานนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการตัดสินผลการเรียน หรือมีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ประเมินผลการเรียนไม่ได้ 2.2) ตัดสินผลการเรียน มส. หมายถึง ผู้เรียนไม่มีสิทธิเข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เนื่องจากผู้เรียนมี เวลาเรียนไม่ถึงร้อยละ ๘๐ ของเวลาเรียนทั้งหมด และไม่ได้รับการผ่อนผันให้เข้ารับการวัดผลปลายภาคเรียน เกณฑ์การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และการเขียน คะแนนเต็ม 10๐ คะแนน ระดับคุณภาพ ความหมาย ช่วงคะแนน ดีเยี่ยม มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน ที่มีคุณภาพดีเลิศอยู่เสมอ 80 - 10๐ ดี มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับได้ 65 – 79 ผ่าน มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียน ที่มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับ ได้แต่ยังมีข้อบกพร่องบางประการ 5๐ – 64 ไม่ผ่าน ไม่มีผลงานที่แสดงถึงความสามารถในการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน หรือถ้ามีผลงาน ผลงาน นั้นยังมีข้อบกพร่องที่ต้องการได้รับการปรับปรุง แก้ไขหลายประการ 1 - 49 เกณฑ์การตัดสินผลการเรียน การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และการเขียน
18 กรมวิชาการ.(๒๕๕๕). พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕ และพระราชบัญญัติการศึกษาภาคบังคับ พ.ศ. ๒๕๔๕.กรุงเทพฯ : อักษรไทย. กระทรวงศึกษาธิการ. (๒๕๔๕). หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๔๕. กรุงเทพฯ : คุรุสภาลาดพร้าว. ________________. (๒๕๕๑). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. (๒๕๕๗,๒๙ กันยายน). แนวปฏิบัติเกี่ยวกับค่านิยมหลัก ๑๒ ประการสู่การปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : ผู้แต่ง. _________________________________. (2561). คู่มือหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา(AntiCorruption Education). กรุงเทพฯ : ผู้แต่ง. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ. (2561). แผนการจัดประสบการณ์ “รายวิชาเพิ่มเติม การป้องกันการทุจริต”ระดับปฐมวัย. ชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education). ___________________________________________________. (2561). หลักสูตรรายวิชา เพิ่มเติม “การป้องกันการทุจรติ”.ชุดหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา (Anti - Corruption Education). ___________________________________________________. (2561). หลักสูตรต้านทุจริต ศึกษา. (Online). Available : https://www.nacc.go.th/ewt_news.php?nid=18384 สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (๒๕๕๑). แนวทางการบริหารจัดการหลักสูตร. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด. _____________________________. (๒๕๕๑). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการ เรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม. กรุงเทพฯ : ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง ประเทศไทย จำกัด. _____________________________. (๒๕๕๗). แนวทางการจัดการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติม หน้าที่ พลเมือง. กรุงเทพฯ : ผู้แต่ง. บรรณานุกรม
19 ภาคผนวก
20 ภาคผนวก ก คำอภิธานศัพท์
21 การคิดแยกแยะ หมายถึง การคิดจำแนกองค์รวมของสิ่งต่าง ๆ ออกเป็นองค์ย่อย ๆ ทำให้มองเห็น ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบย่อยว่ามีความเกี่ยวเนื่องกัน สอดคล้องกัน เป็นเหตุเป็นผล และพึ่งพาอาศัยกัน อย่างไร ประโยชน์ส่วนตน (Private Interests) หมายถึง การที่บุคคลทั่วไปในสถานะเอกชน หรือเจ้าหน้าที่ของ รัฐได้ทำกิจกรรมหรือได้กระทำการต่างๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตน ครอบครัว เครือญาติ พวกพ้อง หรือของกลุ่มใน สังคมที่มีความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การประกอบอาชีพ การทำธุรกิจ การค้า การลงทุน เพื่อหา ประโยชน์ในทางการเงินหรือในทางธุรกิจ เป็นต้น ประโยชน์ส่วนรวมหรือประโยชน์สาธารณะ (Public Interests) หมายถึง การที่บุคคล ที่เป็นเจ้าหน้าที่ ของรัฐ (ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือเจ้าหน้าที่ ของรัฐในหน่วยงานของรัฐ) ได้กระทำการใดๆ ตามหน้าที่หรือได้ปฏิบัติหน้าที่อันเป็นการดำเนินการ ในอีกส่วนหนึ่งที่แยกออกมาจากการ ดำเนินการตามหน้าที่ในสถานะของเอกชนกระทำการใด ๆ ตามหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งมีวัตถุประสงค์หรือมี เป้าหมายเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม หรือ การรักษาประโยชน์ส่วนรวมที่เป็นประโยชน์ของรัฐการทำหน้าที่ของ เจ้าหน้าที่ของรัฐจึงมีความเกี่ยวเนื่อง เชื่อมโยงกับอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายและจะมีรูปแบบของความสัมพันธ์ หรือมีการกระทำในลักษณะ ต่างๆ กันที่เหมือนหรือคล้ายกับการกระทำของบุคคลในสถานะเอกชน เพียงแต่การ กระทำในสถานะ ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกับการกระทำในสถานะเอกชน จะมีความแตกต่างกันที่วัตถุประสงค์ เป้าหมาย หรือประโยชน์สุดท้ายที่แตกต่างกัน การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมหรือผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of interests) หมายถึง การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการใด ๆ หรือดำเนินการในกิจการ สาธารณะที่เป็นการ ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่หรือความรับผิดชอบในกิจการของรัฐหรือองค์กร ของรัฐ เพื่อประโยชน์ของรัฐหรือ เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐได้มีผลประโยชน์ส่วนตน เข้าไปแอบแฝง หรือเป็นผู้ที่มีส่วนได้เสีย ในรูปแบบต่างๆ หรือนำประโยชน์ส่วนตนหรือความสัมพันธ์ส่วนตนเข้ามามีอิทธิพลหรือเกี่ยวข้องในการใช้อำนาจ หน้าที่หรือดุลยพินิจในการพิจารณาตัดสินใจ ในการกระทำการใด ๆ หรือดำเนินการดังกล่าวนั้น เพื่อแสวงหา ประโยชน์ในการทางเงินหรือ ประโยชน์อื่น ๆ สำหรับตนเองหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง คุณธรรม หมายถึง หลักของความดี ความงาม ความถูกต้อง ซึ่งจะแสดงออกมา โดยการกระทำทางกาย วาจา และจิตใจของแต่ละบุคคล ซึ่งเป็นหลักประจำใจในการประพฤติปฏิบัติจนเกิดเป็นนิสัยเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ ต่อตนเองผู้อื่นและสังคม คุณธรรมในการป้องกันการทุจริต หมายถึง คุณธรรมที่กำหนดในโครงการโรงเรียน สุจริต เพื่อปลูกฝังให้แก่นักเรียนมีพฤติกรรมสุจริต ได้แก่ อยู่อย่างพอเพียง มีวินัย ซื่อสัตย์สุจริต และ จิตสาธารณะ ซึ่ง คุณธรรมเหล่านี้จะสอดคล้องกับคุณธรรมอัตลักษณ์ของโรงเรียนที่เข้าโครงการ โรงเรียนคุณธรรม สพฐ. จริยธรรม หมายถึง หลักสำคัญในการควบคุมพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ เปรียบเสมือนโครงสร้าง พื้นฐานที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องยึดถือปฏิบัติ ความไม่ทน หมายถึง การแสดงออกต่อการกระทำที่เกิดขึ้นกับตนเอง บุคคลที่เกี่ยวข้อง หรือสังคมใน ลักษณะที่ไม่ยินยอม ไม่ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น ความไม่ทนสามารถแสดงออกได้หลายลักษณะทั้งในรูปแบบของ กริยาท่าทางหรือคำพูด ความละอาย หมายถึง ความเกรงกลัวต่อสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม เพราะเห็นถึงโทษ หรือ ผลกระทบที่จะได้รับจากการกระทำนั้น จึงไม่กล้าที่จะกระทำ ทำให้ตนเองไม่หลงทำในสิ่งที่ผิด นั่นคือ มีความ ละอายใจ ละอายต่อการกระทำผิด อภิธานศัพท์
22 ความไม่ทนต่อการทุจริต หมายถึง ความเกรงกลัวต่อสิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม และการไม่ยินยอม ไม่ยอมรับในการกระทำที่เกิดขึ้นกับตนเอง บุคคลที่เกี่ยวข้องหรือสังคมในลักษณะ ที่เป็น พฤติกรรมที่ฝ่าฝืน กฎหมาย เป็นความผิดอย่างชัดเจน ซึ่งความผิดมีบทลงโทษที่รุนแรง เจ้าหน้าที่ของรัฐห้ามปฏิบัติ การทุจริต หมายถึง ประพฤติชั่ว คดโกง ไม่ซื่อตรง การทุจริตต่อหน้าที่ หมายถึง การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในพฤติการณ์ที่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อ ว่ามีตำแหน่งหน้าที่ทั้งที่ตนมิได้มีตำแหน่งเหนือหน้าที่นั้น หรือใช้อำนาจ ในตำแหน่งหรือหน้าที่ทั้งนี้ เพื่อแสวงหา ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสำหรับตนเองหรือผู้อื่น กิจกรรมส่งเสริมความถนัดและความสนใจ หมายถึง กิจกรรมที่จัดอย่างเป็น กระบวนการด้านรูปแบบ วิธีการที่หลากหลาย ในการพัฒนาผู้เรียน ด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์และสังคม มุ่งส่งเสริมเจตคติคุณค่า ชีวิต ปลูกฝังคุณธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ ส่งเสริมให้ผู้เรียนรู้จักและเข้าใจตนเอง สร้างจิตสำนึกในธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ปรับตัวและปฏิบัติตนให้เป็น ประโยชน์ต่อสังคม ประเทศชาติ และดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุข ได้แก่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรม นักเรียน ประกอบด้วย กิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ยุวกาชาด ผู้บำเพ็ญประโยชน์ และนักศึกษาวิชาทหาร กิจกรรมชุมนุม หรือชมรม พลเมือง หมายถึง คนที่มีสิทธิและหน้าที่ในฐานะประชาชนของประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือประชาชนที่ อยู่ภายใต้ผู้ปกครองเดียวกันมีวัฒนธรรมเดียวกัน พลเมืองศึกษา (Civic education) หมายถึง การจัดการศึกษาและประสบการณ์เรียนรู้เพื่อพัฒนา ผู้เรียนให้เป็นพลเมืองดีของประเทศ มีความภาคภูมิใจในความเป็นพลเมือง มีสิทธิสนใจต่อส่วนรวม และมีส่วน ร่วมในกิจการบ้านเมืองตามระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย หรือ การเรียนรู้เกี่ยวกับรัฐบาล รัฐธรรมนูญ กฎหมาย ระบบการเมืองการปกครอง สิทธิและความรับผิดชอบของพลเมือง ระบบการบริหารจัดการสาธารณะ และระบบตุลาการ พลโลก หมายถึง คนทุกคน ทุกบ้าน ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด และ ทุกประเทศชาติ ทุกชนเผ่า ทุก สีผิวทุกชั้นวรรณะ ไม่มีแบ่งแยก ระบบคิดฐานสิบ (Analog) หมายถึง ระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่มีตัวเลขหลายตัว และต่อเนื่อง อาจ หมายถึงโอกาสที่จะเลือกได้หลายทาง เกิดความคิดที่หลากหลาย ซับซ้อน หากนำมา เปรียบเทียบกับการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐ จะทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องคิดเยอะ ต้องใช้ดุลยพินิจเยอะ อาจจะนำประโยชน์ ส่วนตนและประโยชน์ส่วนรวมมาปะปนกันได้ แยกประโยชน์ส่วนตน และประโยชน์ส่วนรวมออกจากกันไม่ได้ ระบบคิดฐานสอง (Digital) หมายถึง ระบบการคิดวิเคราะห์ข้อมูลที่สามารถเลือกได้เพียง 2 ทางเท่านั้น คือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) และอาจหมายถึงโอกาสที่จะเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ใช่ กับ ไม่ใช่, เท็จ กับ จริง, ทำได้ กับ ทำไม่ได้, ผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม เป็นต้น จึงเหมาะกับการนำมาเปรียบเทียบกับการ ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องสามารถ แยกเรื่องตำแหน่งหน้าที่กับเรื่องส่วนตนออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด และไม่กระทำการที่เป็นการขัดกัน ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม วัฒนธรรมสุจริต หมายถึง รูปแบบการประพฤติชอบ ประพฤติในทางที่ถูกต้อง ของกิจกรรมมนุษย์รวมทั้ง โครงสร้างเชิงสัญลักษณ์ที่ทำให้กิจกรรมมีความเด่นชัด มีความสำคัญในวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นพฤติกรรมเป็นสิ่ง ที่ร่วมกันผลิต สร้างขึ้น ร่วมใช้ด้วยการเรียนรู้จากกันและกัน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัย ความ เหมาะสมเพื่อความเจริญงอกงาม และสืบต่อกันมา STRONG : จิตพอเพียงต้านทุจริต ประกอบด้วย ๑) S (sufficient) : ความพอเพียง หมายถึง ผู้นำ ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและ ชุมชน น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับประยุกต์เป็นหลักความพอเพียงในการทำงาน การดำรงชีวิตการ พัฒนาตนเองและส่วนรวม รวมถึงการป้องกันการทุจริตอย่างยั่งยืน ซึ่งความพอเพียง ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งของมนุษย์ แม้ว่าจะแตกต่างกันตามพื้นฐาน แต่การตัดสินใจว่าความพอเพียง ของตนเองต้องตั้งอยู่บนความมีเหตุมีผลรวมทั้ง
23 ต้องไม่เบียดเบียนตนเอง ผู้อื่น และส่วนรวม ความพอเพียงดังกล่าวจึงเป็นภูมิคุ้มกันให้บุคคลนั้นไม่กระทำการ ทุจริต ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจ (knowledge) และปลุกให้ตื่นรู้ (realize) ๒) T (transparent) : ความโปร่งใส หมายถึง ผู้นำ ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กร และชุมชน ต้องปฏิบัติงานบนฐานของความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ดังนั้น จึงต้องมีและปฏิบัติตาม หลักปฏิบัติ ระเบียบ ข้อ ปฏิบัติ กฎหมาย ด้านความโปร่งใส ซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้าใจ (knowledge) และปลุกให้ตื่นรู้ (realize) ๓) R (realize) : ความตื่นรู้ หมายถึง ผู้นำ ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มีความรู้ ความเข้าใจ และตระหนักรู้ถึงรากเหง้าของปัญหาและภัยร้ายแรงของการทุจริตประพฤติมิชอบภายในชุมชนและ ประเทศ ความตื่นรู้จะบังเกิดเมื่อได้พบเห็นสถานการณ์ที่เสี่ยงต่อการทุจริต ย่อมจะมีปฏิกิริยาเฝ้าระวังและไม่ ยินยอมต่อการทุจริตในที่สุดซึ่งต้องให้ความรู้ความเข้ำใจ (knowledge) เกี่ยวกับสถานการณ์การทุจริตที่เกิดขึ้น ความร้ายแรงและผลกระทบต่อระดับบุคคล และส่วนรวม ๔) O (onward) : มุ่งไปข้างหน้า หมายถึง ผู้นำผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน มุ่ง พัฒนาและปรับเปลี่ยนตนเองและส่วนรวมให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน บนฐานความโปร่งใส ความพอเพียง และร่วมสร้างวัฒนธรรมสุจริตให้เกิดขึ้นอย่างไม่ย่อท้อ ซึ่งต้องมีความรู้ความเข้าใจ (knowledge) ในประเด็น ดังกล่าว ๕) N (knowledge) : ความรู้หมายถึง ผู้นำ ผู้บริหาร บุคคลทุกระดับ องค์กรและชุมชน ต้องมี ความรู้ความเข้าใจสามารถนำความรู้ไปใช้ สามารถวิเคราะห์ สังเคราะห์ ประเมินได้อย่างถ่องแท้ในเรื่อง สถานการณ์การทุจริต ผลกระทบที่มีต่อตนเองและส่วนรวม ความพอเพียงต้านทุจริต การแยกแยะผลประโยชน์ ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวมที่มีความสำคัญยิ่งต่อการลดการทุจริต ในระยะยาว รวมทั้ง ความอายไม่กล้า กระทำการทุจริตและเกิดความไม่ทนเมื่อพบเห็นว่ามีการทุจริต เกิดขึ้นเพื่อสร้างสังคมไม่ทนต่อการทุจริต ๖) G (generosity) : ความเอื้ออาทร หมายถึง คนไทยมีความเอื้ออาทร มีเมตตา น้ำใจ ต่อกันบน ฐานของจิตพอเพียงต้านทุจริต ไม่เอื้อต่อการรับหรือการให้ผลประโยชน์ต่อพวกพ้อง คุณลักษณะ 5 ประการของ สถานศึกษาสุจริต ประกอบด้วย 1) ทักษะกระบวนการคิด หมายถึง ความสามารถในการคิดในลักษณะต่าง ๆ ซึ่งเป็น องค์ประกอบของกระบวนการคิดที่สลับซับซ้อน เป็นแนวคิดในการสร้างคุณธรรม จริยธรรมและ ธรรมาภิบาลให้ บังเกิดแก่บุคคล โดยการที่มีระบบการคิดที่สามารถแยกเรื่องตำแหน่งหน้าที่กับเรื่อง ส่วนบุคคลออกจากกัน ได้แก่ การคิดแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนออกจ่ำกผลประโยชน์ส่วนรวม การเห็นประโยชนสาธารณะมาก่อน ประโยชน์ส่วนบุคคลและการไม่ยอมรับการทุจริต 2) มีวินัย หมายถึง การแสดงออกถึงการยึดมั่น และปฏิบัติตนตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับของครอบครัว สถานศึกษา และสังคมเป็นปกติวิสัย ไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น 3) ซื่อสัตย์สุจริต หมายถึง การยึดมั่นในความถูกต้อง ประพฤติตนตรงตามความเป็นจริง ทั้งทางกายวาจา ใจ และยึดหลักความจริง ความถูกต้องในการดำเนินชีวิต มีความละอายและเกรงกลัว ต่อการ กระทำผิด 4) อยู่อย่างพอเพียง หมายถึง การดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มี คุณธรรม มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีและปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เห็นคุณค่าของ ทรัพยากรต่าง ๆ มีการวางแผนป้องกันความเสี่ยงและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 5) จิตสาธารณะ หมายถึง การเป็นผู้ให้และช่วยเหลือผู้อื่น แบ่งปันความสุขส่วนตน ทำ ประโยชน์แก่ส่วนรวม เข้าใจ เห็นใจผู้ที่มีความเดือดร้อน อาสาช่วยเหลือสังคม อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ด้วยแรงกาย สติปัญญา ลงมือปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหา หรือร่วมสร้างสรรค์สิ่งที่ดีงามให้เกิดในชุมชน โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
24 ภาคผนวก ข คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา พุทธศักราช 2566
25
26
27 ภาคผนวก ค เอกสารประกอบหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ภาคผนวก ค ประกาศ...
28 QR-code คู่มือหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา QR-code สื่อการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 คู่มือหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา คณะผู้จัดทำ สื่อการเรียนรู้ด้านการป้องกันการทุจริต แผนการจัดการเรียนรู้
29 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
30 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
31 การพิทักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง การพิทักษ์ทรัพยากรป่าไม้ หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา พ.ศ. 2566
32 คณะผู้จัดทำหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา 1.นางสาวศิรดา เต็งประถา หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม 2.นางสาวอรนุช ชะโลมทิพย์ ครูผู้สอน 3. นางสาวธีริศรา แสงมั่ง ครูผู้สอน 4. นายจตุรวิทย์ เสาร์แก้ว ครูผู้สอน คณะบรรณาธิการ 1. นางวาสนา น้ำเพ็ชร ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านวังตาอินทร์ 2. นางสาวอรนุช ชะโลมทิพย์ หัวหน้ากลุ่มบริหารวิชาการ หัวหน้ากลุ่มพัฒนาหลักสูตร สถานศึกษา และ หัวหน้างานวิชาการช่วงชั้น 3 3. นางรังสิมา จันทะโพธิ์ หัวหน้างานวิชาการช่วงชั้น 1 4. นางสาวดารินทร์ งามสันเทียะ หัวหน้างานวิชาการช่วงชั้น 2 5. นางสาววินันทา สุดสะเกตุ หัวหน้างานวิชาการระดับปฐมวัย 6. นางสาวธีริศรา แสงมั่ง รองหัวหน้ากลุ่มงานบริหารวิชาการ จัดพิมพ์ต้นฉบับ นางสาวอรนุช ชะโลมทิพย์ หัวหน้างานพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา คณะผู้จัดทำ คณะผู้จัดทำ