โครงงาน
การศึกษาความแตกต่างภาษาตา่ งประเทศ อเมริกนั และบริติช
คณะผจู้ ดั ทา
นางสาวจุธารัตน์ สมคั รการคา้ เลขที่ 3
นางสาวชญานิศ สาระคา เลขท่ี 4
นางสาวบุณยาพร สิงหาวรณ์ เลขที่ 10
นางสาวแพรวา กลายสุข เลขที่ 11
นางสาวภทั ริดา ไทยเศรษฐ์ เลขที่ 12
ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 4/4
ครูที่ปรึกษา
นายชชั วาลย์ ฝ่ ายกระโทก
รายงานฉบบั น้ีเป็ นส่วนหน่ึงของโครงงานคอมพวิ เตอร์
รายวชิ า ว31191 วทิ ยาการคานวณ ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2562
โรงเรียนอุทยั วทิ ยาคม อาเภอเมือง จงั หวดั อุทยั ธานี
สานกั งานเขตพ้นื ท่ีการศึกษาเขต 42
บทคดั ยอ่
ชื่อโครงงานสารวจ โครงงานการศึกษาความแตกตา่ งภาษาตา่ งประเทศอเมริกนั และบริติช
ชื่อคณะผศู้ ึกษา
นางสาวจุธารัตน์ สมคั รการคา้
ครูที่ปรึกษา
ปี ท่ีศึกษา นางสาวชญานิศ สาระคา
นางสาวบุณยาพร สิงหาวรณ์
นางสาวแพรวา กลายสุข
นางสาวภทั ริดา ไทยเศรษฐ์
นายชชั วาลย์ ฝ่ ายกระโทก
2562
โครงงานการศึกษาความแตกตา่ งภาษาต่างประเทศอเมริกนั และบริติชมีจุดมุง่ หมายเพ่ือศึกษาความ
แตกต่างของอเมริกนั องั กฤษและบริติชองั กฤษประวตั ิความเป็นมาของประเทศอเมริกนั และองั กฤษเพื่อนา
เป็นองคค์ วามรู้และเรียนรู้ความเป็นเอกลกั ษณ์ของอเมริกนั องั กฤษและบริติชองั กฤษ
โดยจดั เกบ็ ขอ้ มูลจากการกาหนดหวั เร่ืองท่ีจะศึกษาโดยโปรแกรม word และ การนาเสนอส่ือการเรียนรู้
ของอเมริกนั องั กฤษและบริติชองั กฤษโดย Powerpoint
ผลการศึกษาสรุปไดว้ า่
1. ทาใหเ้ ขา้ ใจความแตกตา่ งของอเมริกนั องั กฤษและบริติชองั กฤษ ภาษาองั กฤษท้งั สองแบบน้ีไมม่ ีแบบ
ไหน ที่ถูกหรือผดิ แตเ่ ป็นเร่ืองการเลือกนามาใชต้ ามความพึงพอใจและความถนดั มากกวา่
2.ทาใหส้ ามารถแยกคาศพั ทเ์ ฉพาะระหวา่ ง 2 ประเทศ สามารถเลือกใชไ้ ดต้ ามความสะดวก และใชไ้ ด้
ถูกตอ้ งตามกาลเทศะเมื่อเดินทางไปในประเทศ 2 ประเทศ ดงั กล่าว
คานา
โครงงานเล่มน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของวชิ าวทิ ยาการคานวณ ( ว31191 ) ในเน้ือหาการเรียนการสอนเรื่อง
การพฒั นาโครงงาน คณะผจู้ ดั ทามีความสนใจในเร่ืองอเมริกนั องั กฤษและบริติชองั กฤษ จึงประสงคจ์ ดั ทา
โครงงานเล่มน้ีข้ึนโดยมีเน้ือหาเก่ียวกบั ความเป็นมาของอเมริกนั และองั กฤษ และ ข้นั ตอนในการนาเสนอ
งานในรูปแบบ PowerPoint
คณะผจู้ ดั ทาขอขอบคุณคุณครูชชั วาลย์ ฝ่ ายกระโทก ผเู้ ป็ นท่ีปรึกษาในการโครงงาน ขอขอบคุณ
หอ้ งสมุดโรงเรียนอุทยั วทิ ยาคมในการหาขอ้ มูล ขอขอบคุณผูป้ กครองที่ใหก้ ารสนบั สนุน คณะผจู้ ดั ทาหวงั
วา่ โครงงานคอมพิวเตอร์วทิ ยาการคานวณเล่มน้ีจะเป็นประโยชนต์ ่อผมู้ ีความสนใจในภาษาตา่ งประเทศและ
ผทู้ ี่ตอ้ งการจะศึกษา ทุกๆ ทา่ น หากมีขอ้ ผดิ พลาดประการใดขอประทานโทษเป็ นอยา่ งสูง
คณะผจู้ ดั ทา
สารบญั หนา้
ก
บทท่ี ข
บทคดั ยอ่ ค
คานา
สารบญั
1 บทนา
2 เอกสารที่เก่ียวขอ้ ง
3 วสั ดุปกรณ์ และวธิ ีการดาเนินการศึกษา
4 ผลการศึกษา
5 สรุปผลการศึกษา
บรรณานุกรม
บทท่ี1
บทนา
ที่มาและความสาคญั
ปัจจุบนั นานาประเทศไดเ้ ขา้ มาในประเทศไทย ทาใหม้ ีชาวตา่ งชาติอยปู่ ะปนกบั คนไทย และยงั
เพิม่ ข้ึนเร่ือยๆ การเรียนรู้ภาษาของประเทศอ่ืนยอ่ มไดเ้ ปรียบในการทากิจกรรมต่างๆ เพราะคงไม่มีใครจะ
ติดต่อสื่อสารและรู้เรื่องไดด้ ีเท่ากบั การพดู ภาษาเดียวกนั และภาษาที่ท่ีใชต้ ิดตอ่ สื่อสารที่ง่ายที่สุดคือ
ภาษาองั กฤษ เพราะภาษาองั กฤษเป็นภาษาสากล การรู้ภาษาองั กฤษภาษาองั กฤษ เป็นส่ิงจาเป็นมากใน
ปัจจุบนั แตน่ กั เรียนยงั มีความสบั สน ไมเ่ ขา้ ใจในเรื่องของ British English และ American English ไม่
สามารถแยกแยะคาระหวา่ ง British English กบั American English คณะผจู้ กั ทาจึงจดั ทาโครงงานเร่ือง
การศึกษาความแตกตา่ งระหวา่ ง British English และ American English น้ีข้ึน
วตั ถุประสงคข์ องการศึกษา
1. เพื่อใหม้ ีความเขา้ ใจในเรื่องของ British English และ American English
2. เพอื่ ใหส้ ามารถสะกดคาแบบ British English และ American English
3. เพ่อื ใหส้ ามารถแยกแยะคาระหวา่ ง British English และ American English
ขอบเขตการศึกษา
เร่ือง โครงงานการศึกษาความแตกต่างภาษาตา่ งประเทศอเมริกนั และบริติช
สถานท่ีที่ใชใ้ นการศึกษา
หอ้ งสมุดโรงเรียนอุทยั วทิ ยาคม
โรงเรียนอุทยั วทิ ยาคม
ระยะเวลาในการศึกษา
การทางานระหวา่ ง
วนั ที่ 9 กนั ยายน - 30 กนั ยายน พ.ศ. 2562
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ภาษาองั กฤษที่ใชก่ นั ทวั่ โลกแตกย่อยสาขาออกเป็น 2 แขนงด้วยกนั คือ British English และ American
English สองแขนงนีย้ อ่ มมีความแตกตา่ งกนั ปัญหาก็มาตกอยทู่ ี่คนไทย วา่ จะใช้คาไหนดี
หรือสบั สนคาศพั ท์หรือความหมายแตกตา่ งกนั แตพ่ อจะไปเจอคนอเมริกนั พดู อีกอยา่ ง เจอคนองั กฤษพดู อี
อยา่ ง
ความแตกตางระหวา่ ง British English กบั American English
1.ความแตกตา่ งทางด้านคาศพั ท์ ( Vocabulary)
คาศพั ท์ British คาศพั ท์ American ความหมาย
cinema movie theater โรงภาพยนตร์
flat apartment ห้องชดุ
holiday vacation วนั หยดุ
wardrobe closet ต้เู สือ้ ผ้า
คาสมหุ นาม (Collective Nouns)
คาสมหุ นามหมายถึง คานามท่ีบอกลกั ษณะของคน สตั ว์ และส่งิ ของที่รวมกนั เป็นหมวด เป็นหมู่ เป็นพวก
ในภาษาองั กฤษแบบ American นนั้ คาสมหุ นามจะอยใู่ นรูปเอกพจน์ (singular) หมายถงึ กลา่ วรวมเป็นสิง่
เดียว อยา่ งเชน่ คาว่า band (วงดนตรี) ใช้เรียกกลมุ่ นกั ดนตรี คาวา่ team หมายถงึ กลมุ่ นกั กีฬา ใน
ภาษาองั กฤษแบบ America จะใช้วา่ “This team is the best” (ทีมนีเ้ยี่ยมที่สดุ ) *โปรดสงั เกตว่าเป็นการ
ใช้ is ซึ่งเป็นกริยา verb to be สาหรับประธานทีเ่ ป็นเอกพจน์ โดยในทีน่ ีป้ ระธานคือ The team* ในขณะที่
ภาษาองั กฤษแบบ British นนั้ คาสมหุ นามสามารถเป็นได้ทงั้ รูปเอกพจน์หรือพหพู จน์
ซ่ึงการแสดงความครอบครองท้งั สองแบบน้ีต่างก็ถูกตอ้ ง และเป็นท่ียอมรับท้งั ในภาษาองั กฤษ
แบบ British และ American แตว่ า่ โดยส่วนมาแลว้ ในภาษาองั กฤษแบบ British จะนิยมใช้ have got (have
you got, he hasn’t got ฯลฯ) มากกวา่ ส่วนภาษาองั กฤษแบบ American กจ็ ะนิยมใช้ have (do you have, he
doesn’t have ฯลฯ) มากกวา่ ในภาษาองั กฤษแบบ British น้นั มีการนำ present perfect มาใชก้ ล่าวถึง
เหตุการณ์ท่ีเกิดข้ึนในอดีตเม่ือไมน่ านมาน้ีและยงั มีผลสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบนั เช่น I’ve lost my key. Can
you help me look for it? (ฉนั ทากุญแจหาย ช่วยหาหน่อยไดไ้ หม?) ส่วนในภาษาองั กฤษ
แบบ American จะใชเ้ ป็นรูปกาลปัจจุบนั อยา่ งง่าย (Present Simple) I lost my key. Can you help me look
for it? ซ่ึงสาหรับประโยคขา้ งตน้ จะถือวา่ ไม่ถูกตอ้ งถา้ ยดึ ตามการใชง้ านแบบ British แตอ่ ยา่ งไรก็ตาม
ประโยคท้งั สองแบบน้นั ถือวา่ ยอมรับไดต้ ามมาตรฐานการใชภ้ าษาองั กฤษ
กริยาของรูปกาลอดตี (Past Tense Verbs)
การใชก้ ริยาแบบไมป่ กติ (irregular verbs) ในรูปอดีตของภาษาองั กฤษแบบ British กบั American จะมีความ
แตกตา่ งกนั เล็กนอ้ ย รูปอดีตกาลของคาวา่ learn (เรียน) ในภาษาองั กฤษแบบ American คือ learned ส่วนใน
ภาษาองั กฤษแบบ British น้นั สามารถเลือกใชไ้ ดท้ ้งั learned หรือ learnt นน่ั คือชาวอเมริกนั มกั ใชร้ ูปอดีต
กาลแบบเติม –ed ตอ่ ทา้ ย ส่วนชาวบริเตนจะใช้ -t ต่อทา้ ย ส่วนคากริยาแบบช่องที่ 3 (past participle) น้นั
ภาษาองั กฤษแบบ American จะใช้ –en เติมทา้ ยคากริยาแบบไม่ปกติบางคา เช่น “I have never
gotten caught” (ฉนั โดนจบั ได)้ ในขณะท่ีภาษาองั กฤษแบบ British จะใชเ้ ป็น “I have
never got caught” กล่าวคือภาษาองั กฤษแบบ American จะใชท้ ้งั got และ gotten สาหรับกริยาช่องท่ี 3 ของ
คาวา่ get ส่วนภาษาองั กฤษแบบ British จะใช้ got เท่าน้นั
การสะกดคา (Spelling)
ภาษาองั กฤษแบบ British กบั American มีการสะกดตวั อกั ษรสาหรับคา ๆ เดียวกนั ที่แตกตา่ งกนั เลก็ นอ้ ยอยู่
เป็นจานวนหลายร้อยคา แต่ที่สงั เกตเห็นไดบ้ อ่ ย ๆ จะเป็นคาจาพวกตอ่ ไปน้ี และยงั มีการสะกดคาที่แตกต่าง
กนั เล็กนอ้ ยแบบน้ีอีกเป็นจานวนมาก ซ่ึงสาหรับการเขียนท่ีดีน้นั เราควรจะเลือกใชก้ ารสะกดคาแบบอยา่ งใด
อยา่ งหน่ึงสาหรับท้งั งานเขียน จะเป็นแบบ American กส็ ะกดแบบ American ใหห้ มด หรือถา้ เป็ น
แบบ British กส็ ะกดแบบ British ใหห้ มด
สะกดแบบ British สะกดแบบ American
Humour humor
Flavor flavor
และยงั มีการสะกดคาท่ีแตกต่างกนั เล็กนอ้ ยแบบน้ีอีกเป็นจานวนมาก ซ่ึงสาหรับการเขียนท่ีดีน้นั เราควรจะ
เลือกใชก้ ารสะกดคาแบบอยา่ งใดอยา่ งหน่ึงสาหรับท้งั งานเขียน จะเป็นแบบ American ก็สะกด
แบบ American ใหห้ มด หรือถา้ เป็นแบบ British ก็สะกดแบบ British ใหห้ มด
ในความเป็นจริงแลว้ ภาษาองั กฤษแบบ British กบั American มีส่ิงที่เหมือนกนั มากกวา่ สิ่งท่ีแตกต่าง
กนั บางคร้ังคนก็นาความแตกต่างน้ีมาพูดกนั แบบเกินจริง เพราะขอแค่เราเขา้ ใจแบบหน่ึงก็สามารถเขา้ ใจอีก
แบบหน่ึงไดไ้ มย่ าก ชาวอเมริกนั และบริเตนสามารถส่ือสารเขา้ ใจกนั ไดโ้ ดยง่าย ยกเวน้ เฉพาะกรณีของภาษา
ถิ่นในบางพ้ืนท่ีเทา่ น้นั เพราะคนของท้งั สองประเทศตา่ งก็เสพยว์ ฒั นธรรมและความบนั เทิงของกนั และ
กนั เช่นรายการโทรทศั น์และเพลงต่าง ๆ รวมไปถึงหนงั สือดว้ ย
ตวั อยา่ งคาท่ีพบบอ่ ย
Bathroom (British) vs Restroom / Washroom (American)
หอ้ งน้า
Bin (British) vs Trash can (American)
ถงั ขยะ
Bill (British) vs Check (American)
เกบ็ เงิน (ร้านอาหาร)
Biscuit (British) vs Cookie (American)
ขนมปังกรอบ, คุก้ ก้ี
Crisps (British) vs Chips (American)
มนั ฝร่ังทอด
Chips (British) vs French fries (American)
เฟรนซ์ฟราย
Cinema (British) vs Movie Theater (American)
โรงภาพยนตร์
Chemist’s (British) vs Drug store (American)
ร้านขายยา
Condom (British) vs Rubber (American)
ถุงยางอนามยั
Film (British) vs Movie (American)
ภาพยนตร์, หนงั
Football (British) vs Soccer (American)
กีฬาฟุตบอล
Ground floor (British) vs First floor (American)
ช้นั ที่หน่ึงในตึก
First floor (British) vs Second floor (American)
ช้นั ท่ีสองของตึก
Flat (British) vs Apartment (American)
อพาร์ทเมน้ , แฟลต
Flyover (British) vs Overpass (American)
สะพานลอย
Holiday (British) vs Vacation (American)
วนั หยดุ
Jumper (British) vs Sweater (American)
เส้ือไหมพรม
ill (British) vs Sick (American)
ป่ วย
Lift (British) vs Elevator (American)
Luggage (British) vs Baggage (American)
กระเป๋ าเดินทาง
Mad (British) vs Crazy (American)
บา้ คลง่ั
Mobile phone (British) vs Cell phone (American)
โทรศพั ทม์ ือถือ
Motorbike (British) vs Motorcycle (American)
รถจกั รยานยนต,์ รถมอเตอร์ไซด์
Mum (British) vs Mom (American)
แม่
Number plate (British) vs License plate (American)
ป้ายทะเบียนรถ
Pants (British) vs Underwear (American)
กางเกงช้นั ใน
Pavement (British) vs Sidewalk (American)
ทางเดินเทา้
Petrol (British) vs Gas / Gasoline (American)
น้ามนั เช้ือเพลิง
Plane (British) vs Airplane (American)
เครื่องบิน
Prawn (British) vs Shrimp (American)
Post (British) vs Mail (American)
ไปรษณีย์
Post code (British) vs Zip code (American)
รหสั ไปรษณีย์
Pub (British) vs Bar (American)
ร้านเหลา้
Queue (British) vs Line (American)
คิว แถว
Rubbish (British) vs Trash (American)
ขยะ
Rubber (British) vs Eraser (American)
ยางลบ
Shop (British) vs Store (American)
ร้านคา้
Somewhere (British) vs Someplace (American)
บางท่ี, บางแห่ง
Starter (British) vs Appetizer (American)
อาหารเรียกน้ายอ่ ย
Sweets (British) vs Candy (American)
ลูกอม
Tap (British) vs Faucet (American)
ก๊อกน้า
Taxi (British) vs Cab (American)
รถยนตร์ ับจา้ ง (รถแทก็ ซ่ี)
Term (British) vs Semester (American)
ภาคการศึกษา
Time-table (British) vs Schedule (American)
ตารางเวลา
Torch (British) vs Flashlight (American)
ไฟฉาย
Trainers (British) vs Sneakers (American)
รองเทา้ กีฬา, รองเทา้ ผา้ ใบ
Trousers (British) vs Pants (American)
กางเกง
Tube / Underground (British) vs Subway (American)
รถไฟใตด้ ิน
Wardrobe (British) vs Closet (American)
ตูเ้ ส้ือผา้
Zebra crossing (British) vs Crosswalk (American)
ทางมา้ ลาย
บทที่ 3
วธิ ดี าเนินงานโครงงาน
ในการจดั ทาโครงงาน การศึกษาความแตกตา่ งภาษาต่างประเทศอเมริกนั และบริติช ผจู้ ดั ทา
โครงงานมีวธิ ีดาเนินงานโครงงาน ตามข้นั ตอนดงั ต่อไปน้ี
3.1 วสั ดุอปุ กรณ์ เครื่องมือ หรือโปรแกรมทใี่ ช้ในการศึกษา
3.1.1 เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือขา่ ยอินเทอร์เน็ต
3.1.2 เวบ็ ไซตท์ ี่ใชใ้ นการนาเสนอโครงงาน E-Book คือ www.anyflip.com
3.1.3 เวบ็ ไซตท์ ี่ใชใ้ นการติดตอ่ ส่ือสาร เช่น www.facebook.com www.hotmail.com
www.google.com
3.1.4 โปรแกรมสร้างงานนาเสนอขอ้ มูล เช่น Microsoft PowerPoint และ Microsoft Word
3.2 ข้นั ตอนการดาเนินงาน
3.2.1 คิดหวั ขอ้ โครงงานเพอื่ นาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน
3.2.2 ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มูลท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองท่ีสนใจ คือเรื่องความแตกตา่ งภาษาต่างประเทศ
อเมริกนั และบริติช วา่ มีเน้ือหามากนอ้ ยเพยี งใด มีเน้ือหาเชิงใด และตอ้ งศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติมเพียงใดจาก
เวบ็ ไซตต์ ่างๆ และเก็บขอ้ มูลไวเ้ พือ่ จดั ทาเน้ือหาต่อไป
3.2.3 ศึกษาการจดั ทา E-Book โดยเวบ็ ไซต์ Anyflip จากการเรียนการสอนท่ีครูประจาวชิ าได้
กาหนดไว้
3.2.4 จดั ทาโครงร่างโครงงาน
3.2.5 ปฏิบตั ิการจดั ทาโครงงานการศึกษาความแตกต่างภาษาตา่ งประเทศอเมริกนั และบริติช โดย
สร้างบทเรียนที่สนใจตามแบบโครงร่างโครงงานท่ีจดั ทาไวแ้ ลว้ และทาการสร้างบทเรียนท่ีสนใจเป็น
รูปแบบการเรียนการสอนโดย Microsoft PowerPoint โดยนาเน้ือหาจาแนกแยกเป็นหวั ขอ้ สรุปเป็ นขอ้ ความ
กระชบั แลว้ จึงเรียงลาดบั เน้ือหา จากน้นั ทาการจดั เรียงองคป์ ระกอบสไลดใ์ หน้ ่าสนใจ ในข้นั ตอนสุดทา้ ย
เป็นการตกแต่งสื่อการเรียนการสอน โดยเพิม่ รูปภาพประกอบและปรับเปลี่ยนสีขอ้ ความต่างๆ ท้งั น้ีได้
นาเสนอผา่ น Anyflip ในรูปแบบ E-Book และนาเสนอผา่ น Microsoft PowerPoint ในรูปแบบการเรียนการ
สอน
3.2.6 จดั การเอกสารโครงงาน โดยนาเสนอในรูปแบบไฟลค์ อมพวิ เตอร์เพอื่ ที่จะสามารถนาเสนอใน
รูปแบบ E-Book ได้ และนาขอ้ มูลไฟลด์ งั กล่าวอพั โหลดไวท้ ี่เวบ็ www.anyflip.com
3.2.7 ประเมินผลงาน โดยการนาเสนอผา่ นเวบ็ ไซต์ www.anyflip.com แลว้ ใหค้ รูที่ปรึกษา
ประเมินผลงาน
3.2.8 นาเสนอผา่ นเวบ็ ไซตใ์ นรูปแบบ E-Book ที่ www.anyflip.com เพอ่ื ใหผ้ สู้ นใจศึกษาหาความรู้
ตอ่ ไป
บทท่ี 4
ผลการศกึ ษา
เม่ือก่อนประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศสหราชอาณาจกั รอยา่ งประเทศองั กฤษต่างกม็ ีสาเนียง
เป็นแบบของตวั เองเปรียบเหมือนคนไทยที่มีภาษาถ่ินท่ีแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะภูมิภาคแตค่ วามเป็นจริงกค็ ือ
ชาวอเมริกนั และชาวองั กฤษมีความแตกตา่ งกนั ในหลาย ๆ ดา้ น เช่น วถิ ีชีวิต ความเป็ นอยู่ การอบรมสั่งสอน
ฯลฯ จึงทาใหม้ ีความแตกตา่ งกนั
จากการศึกษาและทาการคน้ ควา้ ไดค้ าตอบดงั น้ี
๐ เพราะเหตุใดอเมริกนั องั กฤษและบริติชองั กฤษถึงมีความแตกต่างกนั
เนื่องมาจากภูมิภาคของท้งั 2 ประเทศ มีลกั ษณะที่แตกต่างกนั ภาษาองั กฤษแบบ British (ของสหราช
อาณาจกั ร) และแบบ American (ของสหรัฐอเมริกา) แมจ้ ะเป็นภาษาองั กฤษเหมือนกนั แต่กม็ ีความแตกตา่ ง
กนั ในหลาย ๆ ดา้ นโดยภาษาองั กฤษแบบ British กบั American จะมีความแตกตา่ งกนั
ในประเด็นหลกั ๆ ดงั น้ี:
คาศพั ท์ (Vocabulary)
ความแตกต่างของภาษาองั กฤษแบบ British กบั American ท่ีเห็นไดช้ ดั สุดก็คือเร่ืองของคาศพั ท์
คาศพั ทท์ ่ีแมจ้ ะมีความหมายเดียวกนั และเป็นภาษาองั กฤษเหมือนกนั แตช่ าวสหราชอาณาจกั รกบั ชาว
อเมริกนั กลบั มีคาศพั ทเ์ รียกท่ีไมเ่ หมือนกนั ซ่ึงคาศพั ทเ์ หล่าน้ีก็มีนบั ร้อยนบั พนั คาและเป็นคาศพั ทท์ ี่ใชก้ นั ใน
ชีวติ ประจาวนั ลองดูตวั อยา่ งตามตารางดา้ นล่าง
คาสมุหนาม (Collective Nouns)
คาสมุหนามหมายถึง คานามท่ีบอกลกั ษณะของคน สตั ว์ และส่ิงของท่ีรวมกนั เป็ นหมวด เป็นหมู่
เป็นพวก ในภาษาองั กฤษแบบ American น้นั คาสมุหนามจะอยใู่ นรูปเอกพจน์ (singular) หมายถึงกล่าวรวม
เป็นส่ิงเดียว อยา่ งเช่นคาวา่ band (วงดนตรี) ใชเ้ รียกกลุ่มนกั ดนตรี คาวา่ team หมายถึงกลุ่มนกั กีฬา ใน
ภาษาองั กฤษแบบ America จะใชว้ า่ “This team is the best” (ทีมน้ีเยยี่ มท่ีสุด) *โปรดสังเกตว่าเป็ นการ
ใช้ is ซ่ึงเป็นกริยา verb to be สาหรับประธานท่ีเป็ นเอกพจน์ โดยในที่นปี้ ระธานคือ The team*
ในขณะท่ีภาษาองั กฤษแบบ British น้นั คาสมุหนามสามารถเป็นไดท้ ้งั รูปเอกพจนห์ รือพหูพจน์ เรา
อาจไดย้ นิ ชาว Britain พดู วา่ “The band are playing tonight” หรือ “The band is playing tonight” (วงดนตรี
จะข้ึนแสดงคืนน้ี) ก็ได้
การแสดงความครอบครอง (Possession)
ในภาษาองั กฤษเราสามารถกล่าวถึงการครอบครองบางส่ิงไดโ้ ดยสองวธิ ีคือการ
ใช้ Have หรือ Have got เช่น
Do you have a computer? / Have you got a computer? (คุณมีคอมพิวเตอร์ไหม?)
He hasn’t got any siblings. / He doesn’t have any siblings. (เขาไม่มีพ่ีนอ้ งเลย)
She has a beautiful new home. / She’s got a beautiful new home. (เธอมีบา้ นสวยหลงั ใหม)่
ซ่ึงการแสดงความครอบครองท้งั สองแบบน้ีต่างกถ็ ูกตอ้ ง และเป็นที่ยอมรับท้งั ในภาษาองั กฤษ
แบบ British และ American แต่วา่ โดยส่วนมาแลว้ ในภาษาองั กฤษแบบ British จะนิยมใช้ have got (have
you got, he hasn’t got ฯลฯ) มากกวา่ ส่วนภาษาองั กฤษแบบ American กจ็ ะนิยมใช้ have (do you have, he
doesn’t have ฯลฯ) มากกวา่
การใชป้ ระโยคแบบปัจจุบนั กาลสมบูรณ์ (Present Perfect)
ในภาษาองั กฤษแบบ British น้นั มีการนา present perfect มาใชก้ ล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดข้ึนในอดีต
เม่ือไมน่ านมาน้ีและยงั มีผลสืบเน่ืองมาจนถึงปัจจุบนั เช่น
I’ve lost my key. Can you help me look for it?
(ฉนั ทากุญแจหาย ช่วยหาหน่อยไดไ้ หม?)
ส่วนในภาษาองั กฤษแบบ American จะใชเ้ ป็นรูปกาลปัจจุบนั อยา่ งง่าย (Present Simple):
I lost my key. Can you help me look for it?
กริยาของรูปกาลอดีต (Past Tense Verbs)
การใชก้ ริยาแบบไม่ปกติ (irregular verbs) ในรูปอดีตของภาษาองั กฤษ
แบบ British กบั American จะมีความแตกตา่ งกนั เล็กนอ้ ย รูปอดีตกาลของคาวา่ learn (เรียน) ใน
ภาษาองั กฤษแบบ American คือ learned ส่วนในภาษาองั กฤษแบบ British น้นั สามารถเลือกใชไ้ ด้
ท้งั learned หรือ learnt นน่ั คือชาวอเมริกนั มกั ใชร้ ูปอดีตกาลแบบเติม –ed ต่อทา้ ย ส่วนชาวบริเตนจะ
ใช้ -t ตอ่ ทา้ ย ส่วนคากริยาแบบช่องท่ี 3 (past participle) น้นั ภาษาองั กฤษแบบ American จะใช้ –en เติมทา้ ย
คากริยาแบบไม่ปกติบางคา เช่น “I have never gotten caught” (ฉนั โดนจบั ได)้ ในขณะท่ีภาษาองั กฤษ
แบบ British จะใชเ้ ป็น “I have never got caught” กล่าวคือภาษาองั กฤษแบบ American จะใช้
ท้งั got และ gotten สาหรับกริยาช่องที่ 3 ของคาวา่ get ส่วนภาษาองั กฤษแบบ British จะใช้ got เทา่ น้นั
แตก่ ไ็ มต่ อ้ งซีเรียสกบั เรื่องความแตกต่างเล็ก ๆ ในรูปกาลอดีตของกริยาแบบไม่ปกติเหล่าน้ี เพราะท้งั ชาวบริ
เตนและอเมริกนั ตา่ งก็สามารถเขา้ ใจการใชง้ านไดท้ ้งั สองแบบ แมว้ า่ ชาวบริเตนมกั จะมองวา่ ภาษาองั กฤษ
ของชาวอเมริกนั น้นั ผิดหลกั ก็ตาม
การสะกดคา (Spelling)
ภาษาองั กฤษแบบ British กบั American มีการสะกดตวั อกั ษรสาหรับคา ๆ เดียวกนั ที่แตกตา่ งกนั
เล็กนอ้ ยอยเู่ ป็ นจานวนหลายร้อยคา แตท่ ี่สังเกตเห็นไดบ้ ่อย ๆ จะเป็นคาจาพวกตอ่ ไปน้ี
-คาที่ลงทา้ ยดว้ ย -or (แบบ American) และ -our (แบบBritish)
-คาท่ีลงทา้ ยดว้ ย -ize (แบบ American) และ -ise (แบบBritish)
–คาท่ีลงทา้ ยดว้ ย –ense (แบบ American) และ –ence (แบบBritish)
ในความเป็นจริงแลว้ ภาษาองั กฤษแบบ British กบั American มีสิ่งท่ีเหมือนกนั มากกวา่ ส่ิงที่
แตกตา่ งกนั บางคร้ังคนก็นาความแตกตา่ งน้ีมาพดู กนั แบบเกินจริง เพราะขอแค่เราเขา้ ใจแบบหน่ึงก็สามารถ
เขา้ ใจอีกแบบหน่ึงไดไ้ มย่ าก
ชาวอเมริกนั และบริเตนสามารถสื่อสารเขา้ ใจกนั ไดโ้ ดยง่าย ยกเวน้ เฉพาะกรณีของภาษาถ่ินในบาง
พ้ืนที่เท่าน้นั เพราะคนของท้งั สองประเทศตา่ งก็เสพยว์ ฒั นธรรมและความบนั เทิงของกนั และกนั เช่น
รายการโทรทศั น์และเพลงต่าง ๆ รวมไปถึงหนงั สือดว้ ย
บทที่ 5
สรุปผลโครงงาน
การจดั ทาโครงงานวทิ ยาการคานวณ
เร่ือง การศึกษาความแตกตา่ งภาษาตา่ งประเทศอเมริกนั และบริติช สามารถสรุปผลการดาเนินงาน
โครงงานและขอ้ เสนอแนะดงั น้ี
5.1 การดาเนินงานจดั ทาโครงงาน
5.1.1 วตั ถุประสงคข์ องโครงงาน
1. เพื่อใหม้ ีความเขา้ ใจในเร่ืองของ British English และ American English
2. เพอ่ื ใหส้ ามารถสะกดคาแบบ British English และ American English
3. เพ่อื ใหส้ ามารถแยกแยะคาระหวา่ ง British English และ American English
5.1.2 วสั ดุอุปกรณ์เครื่องมือหรือโปรแกรมท่ีใชใ้ นการพฒั นาโครงงาน
1 เครื่องคอมพวิ เตอร์พร้อมเช่ือมต่อระบบครือข่ายอินเทอร์เน็ต
2 โปรแกรม power point /Microsoft word
5.2 สรุปผลการดาเนินงานโครงงาน
การดาเนินงานโครงงานบรรลุวตั ถุประสงค์ ท่ีไดก้ าหนดไวค้ ือเพื่อ เป็นสื่อใหค้ วามรู้แก่ผทู้ ่ีสนใจ
เกี่ยวกบั British English และ American English สื่อเพื่อการศึกษาเรื่องภาษาองั กฤษ เป็ นสื่อเสนอผา่ นการ
สอนกบั ผคู้ นโดยตรง ช่วยพฒั นาใหว้ ามรู้ของผฟู้ ัง มีความเขา้ ใจ เห็นความสาคญั ของ ภาษาองั กฤษแบบ
British (ของสหราชอาณาจกั ร) และแบบ American (ของสหรัฐอเมริกา) แมจ้ ะเป็ นภาษาองั กฤษเหมือนกนั
แต่ก็มีความแตกตา่ งกนั ในหลาย ๆ ดา้ น จนมีคากล่าววา่ อเมริกากบั องั กฤษเป็นสองประเทศที่ถูกแบ่งแยกจาก
ภาษาเดียวกนั ในหลกั สูตรภาษาองั กฤษจานวนมากก็มีการสอนเร่ืองความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาองั กฤษแบบ
British กบั American มีการยอมรับโดยทวั่ ไปวา่ ภาษาองั กฤษท้งั สองแบบน้ีไมม่ ีแบบไหนที่ถูกหรือผดิ แต่
เป็นเรื่องการเลือกนามาใชต้ ามความพึงพอใจและความถนดั มากกวา่ British English และ American English
ความแตกตา่ งกนั ในหลายดา้ น ไม่วา่ จะเป็น ดา้ นการสะกดคา ดา้ นไวยากรณ์ ดา้ นการออกเสียง และดา้ น
คาศพั ท์ โครงงานน้ีจึงจดั เพื่อเป็นสื่อการสอนใหใ้ ชภ้ าษาองั กฤษถูกตอ้ งไมเ่ กิดความสบั สน
ประโยชนท์ ี่ไดร้ ับ
1.ทาใหเ้ ขา้ ใจในเรื่องความแตกตา่ งของ British English และ American English มากยง่ิ ข้ึนทราบ
ความเป็นมาของเหตุผลถึงความเป็นมาของท้งั 2 แบบ
2.ทาใหส้ ามารถสะกดคาแบบ British English และ American English นามาใชใ้ นชีวติ ประจาได้
สะดวกสบายมากยง่ิ ข้ึน
3.ทาใหส้ ามารถแยกแยะคาระหวา่ ง British English และ American English ทาใหส้ ามารถเขา้ ใจ
ความหมายในการส่ือสารมากยงิ่ ข้ึน
ขอ้ เสนอแนะ
1.ควรศึกษาหาขอ้ มูลใหม้ ากกวา่ น้ี
2.ควรนดั รวมสมาชิกในกลุ่มในการถ่ายวดิ ีโอเกี่ยวกบั โครงงาน
บรรณานุกรม
วกิ ิพีเดีย.(2557).ภาษาองั กฤษแบบบริติช.
[ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ าก https://th.wikipedia.org/wiki
inspiredlanguages.(2560). British vs. American English.
[ออนไลน]์ .เขา้ ถึงไดจ้ าก https://inspiredlanguages.com
ภาษาองั กฤษดอทคอม.(2558). ความแตกตา่ งระหวา่ ง British and American English.
[ออนไลน์].เขา้ ถึงไดจ้ าก http://www.pasaangkit.com/ความแตกตา่ งระหวา่ ง-british-and-american-
english