ความรู้เกี่ยวกับผ้า ผ้าไทยสมัยโบราณ
ในประเทศไทยพบหลักฐานว่าสมัยก่อนประวัติศาสตร์เมื่อปีมาแล้วคนรู้จักทอผ้าใช้แล้วเพราะได้ค้นพบ
แวดินเผาสำหรับปั่ นเส้นด้ายเข็มเย็บผ้าทำด้วยกระดูกสัตว์ที่บ้านเก่าอำเภอเมืองจังหวัดกาญจนบุรีหิน
ทุบเปลือกไม้และพบเศษผ้าติดอยู่กับกำไลและขวานสำริดที่บ้านเชียงอำเภอหนองหานจังหวัดอุดรธานี
ตั้งแต่พุทธศักราช ๑๐๐๐ เป็นต้นมาสมัยประวัติศาสตร์ได้รับวัฒนธรรมจากอินเดียและมีการค้าขาย
ติดต่อกับจีนเป็นสมัยทวารวดีสมัยศรีวิชัยและสมัยลพบุรีจากจดหมายเหตุของพ่อค้าและพระภิกษุชาว
อินเดียชาวจีนเปอร์เซียอาหรับพบจารึกและศิลปกรรมที่แสดงหลักฐานว่ามีการซื้อผ้าจากประเทศ
อินเดียและจีนมาใช้พร้อมกับการใช้ผ้าทอพื้นเมืองของตนเอง
สมัยทวารวดี
มีการใช้ผ้าตามฐานะพระเจ้าแผ่นดินทรงผ้ายกดอกได้ขุนนางธรรมดาใช้ แต่ผ้ายกดอกสองชายราษฎร
ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นมีผ้าสไบหรือผ้าแถบพาดไหล่
สมัยศรีวิชัย
ทางภาคใต้ประชาชนทั้งผู้หญิงและผู้ชายสยายผมสวมเสื้อไม่มีแขนนุ่งผ้ากันหมันพระเจ้าแผ่นดินและ
ขุนนางคาดเข็มขัดทอด้วยเชือกทองมีการทอผ้าเป็นลวดลายสีต่างๆผ้ามีสีทั้งสีแดงและสีเรียบๆ
สมัยลวปุระหรือลพบุรี
ผู้ชายและผู้หญิงไว้ผมยาวมั่นมวยไว้เหนือกระหม่อมมีทั้งสวมเสื้อและไม่สวมเสื้อนุ่งผ้ายาวตามฐานะ
สมัยสุโขทัยผ้า
ที่ใช้นุ่งห่มมีผ้าไหมผ้าแพรผ้ากำมะหยี่ผ้าฝ้ายและผ้าทอมือซึ่งย้อมเป็นสีต่างๆเรียกว่าผ้าเบญจรงค์กับ
ทั้งปรากฏชื่อผ้าอีกหลายชนิด ได้แก่ ผ้าสุกุลพัตรผ้าเล็กหลกผ้าสำลีผ้าชมพูนอกจากผ้าทอพื้นเมืองแล้ว
ยังสั่งซื้อผ้าแพรชนิดต่างๆมาจากประเทศจีนและผ้าเบงคลีหรือเจตตะครจากอินเดียมีการใช้ผ้าเป็น
เครื่องนุ่งห่มเครื่องปูลาดตกแต่งบ้านเรือนทำหมอนนั่งหมอนนอนฟูกธงทิวสัปทนและม่านเป็นต้นในภาค
เหนือมีอาณาจักรล้านนาร่วมสมัยกับอาณาจักรสุโขทัยมีผ้าพื้นเมืองที่ทอภายในอาณาจักรผ้าแพรผ้าไหม
ผ้าสักหลาดผ้าสีจันทน์ขาวผ้าสีจันทน์แดงผ้าสีดอกจำปาผ้ากัมพลซึ่งเป็นผ้าที่มาจากอินเดียและจีน
สมัยอยุธยา
มีหลักฐานจากจดหมายเหตุจีนจดหมายเหตุของชาวยุโรปจากหนังสือวรรณคดีกล่าวถึงผ้าชนิดต่างๆ
มากมายเพราะอยุธยาเป็นศูนย์กลางการค้าขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผ้าจากดินแดนต่างๆเช่นผ้า
ชมพูผ้าหนังไก่ผ้าสักหลาดผ้าขาวผ้าแดงผ้าสายบัวผ้าเหลืองผ้าฝ้ายผ้าไหมผ้าแพรผ้าสมปั กผ้าปูมผ้าเชิง
ปมผ้าจวนผ้าปั กไหมปั กดิ้นทองและผ้าพิมพ์ซึ่งมีทั้งสั่งทำและซื้อจากอินเดีย แต่ก็มีการเขียนและพิมพ์ผ้า
จำหน่ายที่ย่านวัดขุนพรหมผ้าต่างๆเหล่านี้ไทยรับซื้อไว้แล้วส่งไปจำหน่ายต่อยังประเทศญี่ปุ่นและเมือง
มะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์
สมัยทวารวดี
มีการใช้ผ้าตามฐานะพระเจ้าแผ่นดินทรงผ้ายกดอกได้ขุนนางธรรมดาใช้ แต่ผ้ายกดอกสองชายราษฎร
ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นมีผ้าสไบหรือผ้าแถบพาดไหล่สมัยศรีวิชัยทางภาคใต้ประชาชนทั้งผู้หญิงและผู้ชายสยาย
ผมสวมเสื้อไม่มีแขนนุ่งผ้ากันหมันพระเจ้าแผ่นดินและขุนนางคาดเข็มขัดทอด้วยเชือกทองมีการทอผ้าเป็น
ลวดลายสีต่างๆผ้ามีสีทั้งสีแดงและสีเรียบๆสมัยลวปุระหรือลพบุรีผู้ชายและผู้หญิงไว้ผมยาวมั่นมวยไว้
เหนือกระหม่อมมีทั้งสวมเสื้อและไม่สวมเสื้อนุ่งผ้ายาวตามฐานะสมัยสุโขทัยผ้าที่ใช้นุ่งห่มมีผ้าไหมผ้าแพร
ผ้ากำมะหยี่ผ้าฝ้ายและผ้าทอมือซึ่งย้อมเป็นสีต่างๆเรียกว่าผ้าเบญจรงค์กับทั้งปรากฏชื่อผ้าอีกหลายชนิด
ได้แก่ ผ้าสุกุลพัตรผ้าเล็กหลกผ้าสำลีผ้าชมพูนอกจากผ้าทอพื้นเมืองแล้วยังสั่งซื้อผ้าแพรชนิดต่างๆมาจาก
ประเทศจีนและผ้าเบงคลีหรือเจตตะครจากอินเดียมีการใช้ผ้าเป็นเครื่องนุ่งห่มเครื่องปูลาดตกแต่งบ้าน
เรือนทำหมอนนั่งหมอนนอนฟูกธงทิวสัปทนและม่านเป็นต้นในภาคเหนือมีอาณาจักรล้านนาร่วมสมัยกับ
อาณาจักรสุโขทัยมีผ้าพื้นเมืองที่ทอภายในอาณาจักรผ้าแพรผ้าไหมผ้าสักหลาดผ้าสีจันทน์ขาวผ้าสีจันทน์
แดงผ้าสีดอกจำปาผ้ากัมพลซึ่งเป็นผ้าที่มาจากอินเดียและจีนกาสมัยอยุธยามีหลักฐานจากจดหมายเหตุจีน
จดหมายเหตุของชาวยุโรปจากหนังสือวรรณคดีกล่าวถึงผ้าชนิดต่างๆมากมายเพราะอยุธยาเป็นศูนย์กลาง
การค้าขายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีผ้าจากดินแดนต่างๆเช่นผ้าชมพูผ้าหนังไก่ผ้าสักหลาดผ้าขาว
ผ้าแดงผ้าสายบัวผ้าเหลืองผ้าฝ้ายผ้าไหมผ้าแพรผ้าสมปั กผ้าปูมผ้าเชิงปมผ้าจวนผ้าปั กไหมปั กดิ้นทองและ
ผ้าพิมพ์ซึ่งมีทั้งสั่งทำและซื้อจากอินเดียแต่ก็มีการเขียนและพิมพ์ผ้าจำหน่ายที่ย่านวัดขุนพรหมผ้าต่างๆ
เหล่านี้ไทยรับซื้อไว้แล้วส่งไปจำหน่ายต่อยังประเทศญี่ปุ่นและเมืองมะนิลาในประเทศฟิลิปปินส์
ความงดงามของศิลปหัตถกรรมล้านนาโบราณ“ งานปั กลายผ้าหน้าหมอนโบราณ”
“ งานปั กผ้าหน้าหมอนโบราณ” หรือ“ งานปั กผ้าหน้าหมอนผา”
ซึ่งถือเป็นหัตถกรรมที่สำคัญอย่างหนึ่งของวัฒนธรรมล้านนาอัน
เป็นมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยโบราณที่ยากจะพบได้ใน
ปั จจุบันเนื่องจากต้องอาศัยความชำนิชำนาญในการปั กลวดลาย
โบราณที่มีความละเอียดลออเป็นอย่างมากและจากหลักฐานทาง
ประวัติศาสตร์ยังพบว่า“ หมอนผา” เป็นการใช้เรียกแทน
ลักษณะของหมอนที่ตั้งสูงชันคล้ายหน้าผามีลักษณะเป็นหมอน
รูปทรงสามเหลี่ยมและนอกจากนี้ยังมีหมอนหกซึ่งมีลักษณะเป็น
รูปทรงสี่เหลี่ยมโดยในอดีตพบว่าหมอนผาและหมอนหกนั้นมัก
จะมีการทำขึ้นมาคู่กันเสมอเพื่อใช้ประโยชน์ในหลายลักษณะเช่น
ใช้สำหรับนอนหนุนใช้เป็นเครื่องหมายบ่งบอกสถานะและ
ตำแหน่งที่นั่งประจำของบุคคลรวมถึงนำไปใช้ในงานพิธีสำคัญ
ต่าง ๆ เช่นพิธีแต่งงานหรือนำไปเก็บรักษาไว้เป็นสมบัติสืบทอด
จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
ลวดลายผ้าปั กหน้าหมอนยังแสดงให้เห็นถึงฐานะบรรดาศักดิ์ของผู้ที่ครอบครองได้ดังเช่นจะเห็นลวดลายผ้าปั กหน้าหมอน
ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตระกูลหรือประจำคุ้มที่แตกต่างกันไปเพื่อเป็นสัญลักษณ์ใช้ในการแสดงฐานะบรรดาศักดิ์แก่ข้า
ราชบริพารและบุคคลอื่น ๆ ที่นอกเหนือหรือแม้แต่ในอาณาเขตคุ้มเดียวกันลายผ้าหน้าหมอนปั กของเจ้าบ้านผู้ชายซึ่งมี
ฐานะสูงกว่าก็จะมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ต่างกับผู้หญิงซึ่งเป็นภรรยาที่มีฐานะรองลงมาส่วนวัสดุที่ใช้ในการปั กสมัย
โบราณนั้นจะนิยมใช้เส้นไหมเงินไหมทองเครื่องเงินแท้รวมถึงทองคำแท้อีกด้วย
คุณพีระวัฒน์ ถาเป็ง ครูไต้ฝุ่น
จบการศึกษาระดับปริญญาตรีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอุตสาหกรรมสาขาวิชาออกแบบ
ผลิตภัณฑ์ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ซึ่งส่วนตัวเป็นคนที่มีความสนใจและชื่นชอบในงานเย็บ
ปั กถักร้อยมาตั้งแต่วัยเด็กโดยเริ่มหัดเรียนรู้วิธีการเย็บปั กจากน้าสาวของตนเองซึ่งในขณะนั้นตน
มีอายุราว ๗ ขวบก็เริ่มฝึกงานปั กผืนเล็ก ๆ ด้วยวิธีการอย่างง่ายจากนั้นจึงเริ่มหันมาปั กโดยใช้
สะดึงกลมของคุณแม่และพัฒนาจากการปั กผืนผ้าเล็ก ๆ มาเป็นการปั กผ้าเช็ดหน้าซึ่งในขณะนั้น
ตนยังคงใช้เทคนิคในการปั กแบบพื้นฐานทั่วไปตามที่ได้ร่ำเรียนมาจากคุณแม่และจากทาง
โรงเรียนที่สอนในวิชากพอ. (การงานพื้นฐานอาชีพ)
จากนั้นมาคุณพีระวัฒน์จึงได้พยายามศึกษาเรียนรู้และฝึกฝนวิธีการปั กมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งตน
ได้เรียนจบและเข้าทำงานในสายงานที่เรียนมารวมเป็นระยะเวลากว่า 5 ปีในระหว่างการทำงานนั้น
ตนยังมีจิตใจเกิดความใคร่รู้และต้องการที่จะฝึกฝนงานปั กเช่นนี้อย่างจริงจังเนื่องจากได้รับแรง
บันดาลใจมาจากความหลงใหลในงานปั กจากชิ้นงานโบราณที่ได้จัดแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ผ้า
โบราณที่ครั้งหนึ่งตนมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมมาซึ่งตนมองว่างานปั กแบบโบราณเช่นนี้มีคุณค่าและ
น่าค้นหาเป็นอย่างยิ่งอีกทั้งยังคิดว่าตัวเองอยากจะศึกษางานปั กแบบโบราณอย่างจริงจังเพื่อจะ
สืบทอดและสานต่อลมหายใจของงานปั กแบบโบราณที่ได้สูญหายไปจากเมืองน่านเพื่อให้งานปั ก
แบบโบราณนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้งโดยผ่านคนรุ่นใหม่แบบตนเองที่มีความตั้งใจและเปี่ ยมไปด้วย
ใจรักในงานปั กเป็นที่ตั้งนับตั้งแต่นั้นมาตนจึงได้เรียนรู้ฝึกฝนและลงมือทำอย่างจริงจังด้วยใจรัก
เรื่อยมาจนถึงปั จจุบัน
ลวดลายที่ปรากฏพบบนชิ้นงานหัตถกรรมโบราณของล้านนา
ได้แก่ งานปั กผ้าโบราณล้านนางานปั กตกแต่งบนเครื่องนุ่งห่มและงานปั กบนสิ่งของเครื่องใช้ซึ่งปรากฏพบอยู่ใน
กลุ่มไทใหญ่ไทลื้อและไทเขินโดยงานปั กตกแต่งบนเครื่องนุ่งห่มส่วนใหญ่นั้นมักจะพบมากในงานปั กของกลุ่มไทใหญ่
ซึ่งนิยมใช้กันในชนชั้นสูงส่วนลวดลายที่ใช้มักเน้นลวดลายจากธรรมชาติเช่นลายป่าหิมพานต์หรือเขาสัตบริภัณฑ์
เป็นต้นขณะที่กลุ่มไทเขินจะเน้นเป็นลวดลายดอกบัวและลายนกซึ่งมักพบในงานผ้าชิ้นไหมคำส่วนการปั กตกแต่งบน
สิ่งของเครื่องใช้จะปรากฏพบอยู่ทั้งในกลุ่มไทใหญ่ไทลื้อไทเขินและไทยองซึ่งการปั กลวดลายบนของใช้นั้นจะเป็นที่
นิยมสำหรับในเชื้อพระวงศ์ชนชั้นสูงหรือพระสงฆ์โดยสิ่งของเครื่องใช้ดังกล่าว ได้แก่ หมอนหน้าหกหมอนผาหมอน
ป่องซึ่งจะนิยมปั กด้วยลวดลายพันธ์พฤกษาต่าง ๆ เช่นลายดอกบัวตูมบัวบานดอกแก้วประกอบกับลายเครือเถาและ
ลายสัตว์เป็นต้น แต่หากเป็นผ้าห่อคัมภีร์จะเน้นเป็นลายเทวดาหรือลายพันธุ์พฤกษาส่วนวัสดุที่ใช้จะเป็นเส้นด้ายฝ้าย
ไหมย้อมสีเส้นเงินเส้นทองเลื่อมเงินเลื่อมทองแล่งเงินและแล่งทองเป็นต้นซึ่งในส่วนของเนื้อผ้านั้นจะนิยมใช้ผ้าฝ้าย
ผ้าไหมผ้าแพรและผ้ากำมะหยี่เป็นต้น
จัดทำ ปักดิ้นทองโบราณ"
โดย นางสาวภาณุมาส แดงน้อย นักศึกษาสาขาวิชาศิลปศึกษา
คณะครุศาสตร์ ภาควิชาศิลปกรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่