The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

Project1.1 เลขที่9 ปวส.2.4

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ssxxzz1154, 2022-02-16 03:15:02

Project1.1 เลขที่9 ปวส.2.4

Project1.1 เลขที่9 ปวส.2.4

ประวตั ิแมงป่องชา้ ง

แมงป่องเปน็ สัตว์พษิ ท่ีมีมาตง้ั แตย่ ุคดึกดำบรรพ์ ยนื ยันไดจ้ ากการคน้ พบฟอสซิลของแมงปอ่ งที่มีอายุถึง ๔๔๐ ลา้ นปี เช่น Archaeobuthus estephani หรอื
Protoischnurus axelrodorum เปน็ ต้น ปจั จบุ นั ทัว่ โลกมแี มงปอ่ งประมาณ ๑,๒๐๐ ชนดิ (species) อยกู่ ระจดั กระจายเกือบท่ัวไป ไมว่ ่าเป็นเขตทะเลทราย (desert) เขต
ร้อนชน้ื (tropic) หรอื แมแ้ ต่แถบชายฝ่ังทะเล ยกเวน้ เพียงเขตขว้ั โลกเหนอื (Arctic) และขว้ั โลกใต้ (Antarctica) เท่าน้ันทไ่ี ม่พบแมงป่อง และพบชนิดท่ีมพี ิษร้ายแรง ๕๐
ชนิด บางชนดิ มพี ษิ รุนแรงมาก เช่น แมงป่องในสกุล Centruroides ท่รี ฐั อรโิ ซน่า สหรฐั อเมริกา พิษของมนั สามารถทำให้เดก็ และผูส้ ูงอายุท่ีถูกต่อยเสยี ชีวิตได้ แมงป่องที่มี
พิษรุนแรงสกลุ อน่ื พบในบราซลิ เมก็ ซโิ ก และทะเลทรายซาฮาร่า ส่วนในประเทศไทย ทีพ่ บบ่อยมากที่สดุ คือ แมงปอ่ งในอันดบั Scorpiones (หรือ Scorpionida) วงศ์
Scorpionidae สกลุ Heterometrus ไดแ้ ก่ H. longimanus และ H. laoticus พบ H. laoticus มากทางภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือของไทย แมงป่องในสกุลน้เี ป็นแมงป่อง
ทมี่ ขี นาดใหญ่สกุลหนึ่งของโลก ทั้งสองชนดิ มสี ดี ำสนทิ ขนาด ๙-๑๒ เซนติเมตร น้ำหนกั ตัว ๑๐-๑๒ กรมั มีอายุราว ๓-๕ ปี และจำแนกจากกนั ไดย้ าก จึงเรียกกันทวั่ ไปว่า
Giant scorpion หรอื Asian forest scorpion หรอื Black scorpion หรือ "แมงป่องช้าง" ในภาษาไทย หรือ "แมงเงา" ในภาษาอีสาน นอกจากนี้ยังมีแมงป่องท่อี ย่ใู นวงศ์
Buthidae สกลุ Isometrus พบตามบ้านเรือน มักมสี นี ้ำตาลอ่อน แล้วมลี ายดำหรอื นำ้ ตาลคาด จงึ เรยี กว่า Striped scorpion ขนาดไมเ่ กนิ ๕ เซนตเิ มตร เรียกทวั่ ไปวา่ "
แมงป่อง" หรอื "แมงงอด" ในภาษาอีสาน พฤติกรรมสว่ นหนง่ึ ทท่ี ำใหแ้ มงป่องดูลึกลบั กเ็ พราะมันเปน็ สัตว์ท่ีไมช่ อบแสงสวา่ ง มักจะหลบซอ่ นตัวอยตู่ ามสถานที่มดื และช้ืน
เชน่ ใต้ก้อนหิน ใต้กองไม้ ใตใ้ บไม้ หรือขดุ โพรงหรือรูอยู่ตามปา่ ละเมาะ และออกหากินในเวลากลางคนื จนบางคนต้ังสมญามันวา่ "เพชฌฆาตยามราตรี"

การอย่อู าศยั ชองแมงป่องชา้ ง

แมงป่องเปน็ สัตว์ทโี่ ดยปกติจะสงบเงียบ แต่ถา้ หากถูกรบกวน จะยกหางชูงอ ๆ ทด่ี า้ นหลัง เพอื่ ขู่ และจะตอ่ ยเพื่อปอ้ งกนั ตัวหรือออกลา่ เหยื่อ แมงปอ่ งเปน็ สตั วไ์ ม่
ชอบแสงสวา่ ง มกั จะหลบซ่อนตวั อยตู่ ามสถานทีม่ ดื และช้ืน เชน่ ใต้ก้อนหิน ใตก้ องไม้ ใต้ใบไม้ หรอื ขุดโพรงหรือรูอยู่ตามป่าละเมาะ และออกหากินในเวลากลางคืน

ทั่วโลกมีแมงป่องประมาณ 1,200 ชนิด อยทู่ ้ังในเขตทะเลทราย เขตร้อนชนื้ หรือแม้แตแ่ ถบชายฝง่ั ทะเล พบชนิดทม่ี ีพิษร้ายแรง 50 ชนดิ บางชนิดมพี ิษรุนแรงมาก
เช่น แมงปอ่ งในสกุล Centruroides ทร่ี ฐั แอรโิ ซนาของสหรัฐอเมริกา เม็กซโิ ก บราซลิ และทะเลทรายสะฮารา

อาหารของแมงปอ่ ง

ไดแ้ ก่ พวกสัตว์ตัวเล็กๆ เชน่ แมงมมุ บึ้ง ก้ิงกือ หนอน และแมลงอน่ื ๆ โดยจะกินขณะท่เี หย่ือยงั ไมต่ าย แมงป่องชา้ งจะใชก้ า้ มจบั เหยอื่ ก่อนแลว้ ใช้หางที่มีเหลก็ ไน
ตอ่ ยเหย่ืออย่างรวดเร็ว ซำ้ หลายๆ ครง้ั จนกระทั่งเหยื่อตายแมงป่องจึงจะใช้กา้ มเล็กๆ 1 คู่ ตดั อาหารออกเปน็ ชิน้ เลก็ ๆ ก่อนทจ่ี ะกิน

ร่างกายแมงปอ่ งชา้ ง

แมงปอ่ งช้างเปน็ สัตวม์ ีเปลอื กแข็งหุ้ม ลำตวั เรยี ว มีขาจำนวน ๔ คู่ อวยั วะทโี่ ดดเดน่ คอื "ก้ามใหญ"่ (pedipalps) ๑ คู่ทีด่ ทู รงพลงั มนั มีสว่ นหวั และหน้าอกอยู่
รวมกนั เรียกวา่ "โปรโซมา" (prosoma) แมงป่องชา้ งมีตาบนหัวหนึ่งคู่ และตาข้างอีก ๓ คู่ ตรงปากมี"ก้ามเลก็ " (chelicera) ๑ คู่ ส่วนถดั มาเรียกวา่ "มโี ซโซมา"
(mesosoma) ประกอบด้วยปล้อง ๗ ปลอ้ ง ด้านหนา้ ท้องมีอวยั วะสำคัญคือ"ช่องสืบพันธ"์ุ (genital operculum) และมีอวยั วะทีเ่ รียกวา่ "เพคไทน์" (pectines) หรือ"เพค
เทน็ " (pectens) ๑ คู่ มรี ปู รา่ งคล้ายหวี ทำหนา้ ทรี่ ับความรู้สกึ จากการสนั่ ของพืน้ ดนิ ส่วนสุดทา้ ยคอื หางเรียวยาว เรียกว่า"เมตาโซมา" (metasoma) ประกอบด้วยปลอ้ ง ๕
ปล้องกบั ปล้องสดุ ทา้ ย คือ"ปลอ้ งพิษ" มลี ักษณะพองกลมปลายเรยี วแหลม คล้ายรปู หยดนำ้ กลบั หัว บรรจุตอ่ มพิษ มเี ข็มท่ใี ช้ตอ่ ย เรียกว่า"เหลก็ ไน" (sting apparatus)
เสมอื นเปน็ เข็มเพชฌฆาต ฉีดพษิ เพ่ือคร่าชีวิตเหย่อื ผเู้ คราะหร์ า้ ย แมว้ ่าแมงป่องมตี าหลายคู่ แต่มีประสิทธภิ าพการมองเหน็ ตำ่ มาก และไม่ไวพอจะรบั แสงกระพริบได้ เชน่

แสงแฟลชจากกลอ้ งถา่ ยรูป และตอ้ งใชเ้ วลานานในการปรับตาให้ตอบสนองต่อแสง สงั เกตได้เมอ่ื มันถกู นำออกจากที่มดื ตอ้ งใชเ้ วลานับนาทจี งึ จะเริ่มเคลอ่ื นไหว ข้อด้อย
เรือ่ งสายตาไดถ้ ูกทดแทนดว้ ยส่ิงอน่ื หากสงั เกตใหด้ จี ะพบว่าทว่ั ตัวแมงป่องปกคลุมด้วยเส้นขนนบั ไม่ถ้วน โดยเฉพาะบริเวณปล้องเพชฌฆาต ขนเหล่านรี้ ับความรู้สกึ จากการ
เคลอื่ นไหวของอากาศ ทำให้แมงปอ่ งไวต่อเสียงมาก ดงั น้ันจึงไมแ่ ปลกท่ีแมงปอ่ งจะชหู างขึ้นทนั ทีท่ีมีเสยี ง หรอื มีการเคลอ่ื นไหวของสง่ิ ตา่ งๆ รอบตัว เมอื่ มเี หยื่อหรอื ศัตรูเข้า
มาใกล้ และสามารถมอบความตายใหก้ ับเหยื่อได้อย่างแมน่ ยำ

ระบำแหง่ ความรักและความตาย

ฉากรกั หรือพฤตกิ รรมการสบื พันธ์ุของแมงป่องนน้ั แปลกและน่าสนใจมาก เรียกกันว่า "ระบำแหง่ ความตาย" หรือ "Dance of Death" ฤดูผสมพันธุ์ของแมงป่องอยู่
ระหว่างเดือนพฤษภาคมถงึ สิงหาคม ในการจับคู่ แมงป่องหนุม่ จะใช้ก้ามใหญห่ นีบกับกา้ มใหญข่ องแมงป่องสาว ทง้ั สองจะเดินเปน็ จงั หวะไปขา้ งหนา้ และถอยหลงั หรอื วน
เป็นวงกลมไปรอบๆ ราวกับกำลงั จบั คู่เตน้ ลลี าศบนฟลอร์ ช่วงเวลาสำคญั ที่สดุ มาถึงเมอ่ื แมงป่องหนุ่มวางถุงน้ำเช้ือของตนลงบนพนื้ แล้วหมุนและกดตัวแมงปอ่ งสาวให้ครอ่ ม
เกบ็ ถงุ น้ำเชื้อ อสุจิจะผ่านช่องสืบพนั ธ์ุ (genital operculum) ของแมงป่องสาว เพ่ือผสมกับไขใ่ นท้อง เมื่อแมงป่องสาวเกบ็ ถุงน้ำเชอ้ื เข้าไปในตวั

ระบำรักก็เข้าสชู่ ว่ งเวลาแห่งความตาย แมงป่องสาวจะจบั แมงป่องหนุ่มกินเปน็ อาหารทันที หรอื บางครง้ั ตวั ผู้ก็อาจกินตวั เมียที่มีขนาดเล็กกวา่ ธรรมเนยี มการฆ่า
หลงั การผสมพันธุ์ อาจมาจากสญั ชาตญาณของแมงป่อง ทเี่ ป็นสัตว์ประเภทกินพวกเดยี วกนั เอง ตวั ผู้จงึ กลายเปน็ แหล่งอาหารอนั อุดมสมบรู ณ์ของตัวเมีย เพ่ือประโยชน์ของ
ลูกนอ้ ยท่จี ะเกดิ มา


Click to View FlipBook Version