Progress Reading & Writing

Student,s Book, แผนการจัดการเรยี นรู

หนงั สอื เรยี น รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ภาษาองั กฤษ (ทกั ษะอา น-เขยี น) กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาตา งประเทศ

Progress in Reading &
Writing Book 1

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4

ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาข้นั พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551

หนงั สอื เรยี น รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ภาษาองั กฤษ (ทกั ษะอา่ น-เขยี น) กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ

Progress in Reading &
Writing Book 1

ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4

ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551

ผู้ตรวจ

มนนิภา พฤกษพงศ์
สุดา ใบแย้ม

เพ็ญมาส กำ� เหนดิ โทน

บรรณาธกิ าร

พิรณุ ติลภทั ร



คำ�ชี้แจง

สอ่ื การเรียนชดุ Progress in Reading & Writing Book 1-3 เป็นส่ือการเรียนร้รู ะดับมธั ยมศึกษาตอนปลาย
(ม.4-ม.6) ส�ำ หรบั รายวชิ าเพม่ิ เตมิ (ทกั ษะอา่ น-เขยี น) กลมุ่ สาระการเรยี นรภู้ าษาตา่ งประเทศ ตามหลกั สตู รการศกึ ษา
ขน้ั พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551
ส่ือชุดนี้จัดทำ�ขึ้นเพื่อต่อยอดการฝึกทักษะภาษาทั้ง 4 ด้านของนักเรียนท่ีเรียนภาษาอังกฤษโดยท่ัวไป ซ่ึง
ได้รับการปูพ้ืนฐานมาอย่างเพียงพอแล้วในรายวิชาภาษาอังกฤษพ้ืนฐาน โดยคำ�นึงถึงกลุ่มที่มีความถนัดความ
พรอ้ มในการเรียนภาษาทงั้ 4 ทักษะ (ฟัง พดู อ่าน เขียน) นักเรยี นกล่มุ นี้มคี วามจำ�เป็นที่สมควรได้ฝึกทักษะเฉพาะ
ในการรับสาร (Receptive skills) คือ ทักษะอ่าน-ฟัง และทักษะในการส่งสาร (Productive skills) คือ ทักษะ
การเขียน-พูด สื่อชุดนี้จึงเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ในด้านการอ่านและการเขียนโดยเฉพาะอย่างหลากหลาย
และลกึ ซ้งึ รวมทงั้ เป็นความต้องการของผูเ้ รียนทมี่ ศี ักยภาพในการใชภ้ าษาทง้ั 4 ทกั ษะท่ีเพยี งพอ และมีความมุ่งหวงั
ท่ีจะได้ฝึกทักษะเชิงลึกที่ท้าทายเพ่ิมเติมนอกเหนือจากการเรียนในรายวิชาพื้นฐานท่ียึดโยงกับมาตรฐานการเรียนรู้
ขน้ั พื้นฐานและตัวชีว้ ัดชัน้ ปี
จดุ เด่นของสอ่ื ชุดน้ี คือแนวคดิ ทท่ี า้ ทายในการนำ�ทักษะการคดิ (Thinking Skills) ระดบั ต่าง ๆ มาสอดแทรก
อยา่ งกลมกลืนใน 2 มิติ คือ
1. มิติการฝึกทักษะภาษา นักเรียนจะได้รับความรู้ด้านเนื้อหาภาษา คำ�ศัพท์ ไวยากรณ์ โครงสร้างภาษา
ผสมผสานกับการฝึกทักษะการอ่านระดับต่าง ๆ และทักษะการเขียนตามแนวทางการฝึกทักษะภาษาในชั้นเรียนกับ
ครูตามปกติ
2. มิติการฝึกยุทธศาสตร์การคิด (Thinking Strategy) นักเรียนจะได้รับความรู้ด้านกลวิธีการคิด
ผ่านประสบการณ์การใช้ภาษาในรูปแบบกิจกรรมการเรียนการสอน และฝึกทักษะการคิดโดยเร่ิมจากทักษะย่อย ๆ
ทีก่ ระตุ้นให้นักเรยี นรู้จกั (recognize) ระบุ (identify) ถอดรหสั (decode) เขา้ ใจ (understand) บรรยาย (describe)
เลอื ก (select) ดึงขอ้ มูล (retrieve) อา้ งองิ (refer) ยกคำ�พูดอา้ งอิง (quote) อนมุ าน (deduce) ตคี วาม (interpret)
สรุปความ (conclude) สรุปเรื่อง (summarize) ตลอดจนรู้จักวิธีการใช้คำ�ในระดับท่ีมีความลึกและซับซ้อนของ
ความหมายในคำ�ท่ีนักเขียนเลือกใช้ในการเขียนงานวรรณกรรมท่ีผู้เขียนต้องการกระตุ้น ปลุกเร้าความรู้สึกนึกคิด
และสร้างสรรค์ให้เกิดจินตนาการสะท้อนภาพเหตุการณ์หรือบรรยากาศที่ผู้เขียนต้องการสื่อออกมาเพ่ือโน้มน้าว
ความรู้สึกของผู้อ่านให้คล้อยตามได้ แนวการฝึกเช่นน้ีจะส่ังสมจนตกผลึกเป็นพลังการใช้ภาษาท่ีผ่านการฝึกปรือ
เริ่มจากทักษะย่อย ๆในระดับต้น ค่อย ๆ พัฒนาสู่ทักษะในสู่ระดับกลางและระดับสูง จากบทเรียนของแต่ละเล่ม
ในสอื่ ชุดนโ้ี ดยเรมิ่ จากเลม่ ท่ี 1 คอื Progress in Reading & Writing Book 1 ซง่ึ เปน็ ระดบั ตน้ ไปส่รู ะดบั กลาง
เล่มที่ 2 Progress in Reading & Writing Book 2 และระดบั สูงเลม่ ที่ 3 Progress in Reading & Writing Book 3

องคป์ ระกอบของส่ือชดุ Progress in Reading & Writing Book 1-3

ส่ือเพ่ือการฝึกทักษะอ่าน-เขียนสำ�หรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.4-ม.6) แบ่งเป็น
3 ระดบั จ�ำ นวน 3 เล่ม คือ Progress in Reading & Writing Book 1, Progress in Reading & Writing Book 2,
Progress in Reading & Writing Book 3
สื่อแต่ละเล่มประกอบด้วย 7 บท (chapter) ที่นำ�เสนอเนื้อหาการฝึกทักษะอ่านและเขียนผสมผสาน
กับยุทธศาสตร์การคิดระดับต่าง ๆ ที่เริ่มจากทักษะย่อย ๆ ไล่ข้ึนไประดับกลางและระดับสูงในแต่ละเล่ม กิจกรรม
การเรียนการสอนในแต่ละบทแบ่งการฝกึ ออกเปน็ 3-5 เรอื่ ง (topic) ในแต่ละเรอ่ื ง (topic) ประกอบด้วย 4 ข้นั ตอน
ของการฝึกทักษะภาษาดังน้ี
1. Getting you thinking เปน็ ขั้นเตรยี มความพรอ้ มเข้าสูท่ ักษะคิด อธบิ ายความ ยกตัวอย่าง
2. How does it work? เปน็ ขัน้ ตอนการเรยี นรเู้ น้ือหาของภาษาทีจ่ ำ�เปน็ ในบทเรยี น (บทอา่ น) ตรวจสอบ
ความเขา้ ใจเน้อื หา กระตุน้ การคดิ อภิปรายแสดงความคดิ เห็น
3. Now you try it เป็นขั้นลงมือปฏิบัติในรูปแบบการฝึก pair work เพ่ือฝึกใช้ภาษาในสถานการณ์
เทียบเคยี ง
4. Apply your skills เป็นขั้นตอนเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ภาษาในรูปแบบการฝึกเขียน ฝึกพูด
เพิม่ เติม เปน็ การสรุปกิจกรรมกบั เพอื่ นและครู
นักเรียนจะได้ฝึกทักษะอ่าน-เขียนร่วมกับเพื่อนในชั้นเรียนและนอกชั้นเรียนโดยมีครูเป็นผู้ดำ�เนินการร่วม
กบั นักเรยี นผ่านกิจกรรมเด่ยี ว (individual) กจิ กรรมจบั คู่ (pair work) และกจิ กรรมกลุ่ม (group work) เม่อื ผ่าน
กจิ กรรมท่ี 4 แลว้ นักเรยี นจะได้ประเมินตนเองใน Check your progress ท้ายเร่อื ง ครูควรสนับสนนุ ใหน้ ักเรียน
ประเมินตนเองทุกครั้งเพื่อเก็บข้อมูลด้านการเรียนการสอนของครูและนักเรียน และครูควรชี้แจงให้นักเรียนเห็น
ความสำ�คัญในการประเมินตนเองตั้งแต่เริ่มเรียนเพ่ือจะได้รับข้อมูลของนักเรียนเองเก่ียวกับพัฒนาการด้าน
ทักษะภาษาทุกเร่ืองต้ังแต่ต้นภาคเรียนจนส้ินสุดภาคเรียน และข้อมูลน้ีจะเป็นประโยชน์สำ�หรับครูในการดำ�เนิน
การปรับเปลี่ยนเทคนิควิธีสอนให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่าง ๆ สำ�หรับช้ันเรียนท่ีมีความแตกต่างด้านศักยภาพ
ทางภาษาและความสนใจต่อไป
การน�ำ เสนอเนอ้ื หาในแตล่ ะบทเปน็ การน�ำ ทกั ษะยอ่ ยทเ่ี ปน็ องคป์ ระกอบของทกั ษะการคดิ มาสอนทลี ะทกั ษะ
ประกอบกับเน้ือหาที่เป็นบทอ่านขยายความทักษะย่อยน้ัน ๆ ในบทเรียนแต่ละบทหรือหน่วย (chapter) ประกอบ
ด้วยการนำ�เสนอเรื่อง 3-5 เรือ่ ง โดยเรม่ิ จากเล่มที่ 1 จากเรอ่ื งสนั้  ๆ ง่าย ๆ จนถึงเล่มที่ 3 ที่มที ักษะการคิดทยี่ ากและ
ซบั ซ้อนขนึ้ มบี ทอ่านยาวขึน้ กจิ กรรมการอ่านทไี่ ม่ไดม้ แี คใ่ นบทเรยี น และน�ำ นกั เรียนออกไปสโู่ ลกของการใช้ภาษา
ในชวี ิตจรงิ เช่น บทกวี วรรณกรรมสมัยเก่าและใหม่ บทความข้อเขียนจากเวบ็ ไซต์ บทละคร เป็นตน้

Contents 5

Chapter 1  Use a range of strategies, including accurate
decoding of text, to read for meaning

1 Use a range of strategies to read tricky words 6

2 Read independently and with understanding 10

3 Read with confidence and expression 12

Check your progress 14

Chapter 2  Understand, describe, select or retrieve 15
information, events or ideas from texts and use
quotation and reference to text

1 Find and summarise information from a non-fiction text 16
2 Select information to make decisions about characters 20
3 Describe and understand characters in fiction 22
Check your progress 26

Review 1 27

Chapter 3  Deduce, infer or interpret information, 29
events or ideas from texts
30
1 Work out the meaning of a poem 34
2 Understand feelings through performance poetry
3 Draw conclusions about events, character and ideas from 38
42
a play extract
Check your progress

Chapter 4  Identify and comment on the structure and 43
organisation of texts, including grammatical and
presentational features at text level 44
48
1 Understand what makes an exciting start to a story
2 Understand what makes an amazing middle

3 Understand what makes an awesome end 52

Check your progress 54

Review 2 55

Chapter 5  Explain and comment on writers’ use of language,

including grammatical and literary features at word and

sentence level 57

1 Understand and comment on the writer’s use of language 58
in a traditional tale
64
2 Understand and comment on the writer’s use of language 68
in a modern tale

Check your progress

Chapter 6  Identify and comment on writers’ purposes 69
and viewpoints, and the overall effect of the text on
the reader

1 Identify different viewpoints 70
2 Comment on writers’ purposes and viewpoints, and the
72
effect of the text on the reader 74

Check your progress

Review 3 75

Chapter 7  Relate texts to their social, cultural and 77
historical traditions
78
1 Recognise stories from the past, present, future and 82
other places 84

2 Recognise a local story
Check your progress

Assessment85

4
Chapter 4

Identify and comment
on the structure and
organisation of texts,
including grammatical
and presentational
features at text level

What’s it all about?

Understanding what
makes a good story
structure.

In this chapter you will learn
how to

• understand what makes an
exciting start to a story

• understand what makes an
amazing middle

• understand what makes an
awesome end.

Identify and comment on the structure and organisation of texts 43

Chapter 4 . Topic 1

Understand what makes
an exciting start to a story

Getting you thinking

1 R ead the five story starts below. Then
put them in order from the one you think
is most exciting to the one you think is
least exciting. Discuss your reasons
with a partner:

I remember the day Skink arrived like it only just happened. I
remember it so well ’cos it was the day that things changed forever.

Mrs MacDonald was over 70, but full of great ideas. She wanted to
invent a time machine but never quite got started. Until last week…

Fire! The whole building was ablaze. I had to get out and get out fast.
The smoke was choking me and I broke a window so I could breathe.

I first met Jack when he arrived for football training. Straight away,
I knew he was different.

‘Look!’ my sister screamed. ‘There’s a shape in the mist! It’s…the
ghost of a girl…’

2 D o the five story starts have anything in
common?

44 Identify and comment on the structure and organisation of texts

How does it work? 4 .1

Writers often use the start of a story to ‘hook’ the
reader in. The start might be exciting or different
in some way, so the reader will want to read
on. The writer often sets the scene quickly and
introduces the characters in more detail later.

Now you try it

The first story start on page 42 is from a book
called The Mighty Skink. You will read the rest
of the story opening to you.

I remember the day Skink arrived like it only just happened. I
remember it so well ’cos it was the day that things changed forever.

I spent the morning just swinging around the outer branches of
the Big Tree. It was my most favourite spot in the whole wide
world. Every once in a while I let out this great big whoop,
like this:

WHOOOOOOOOO-UP! WHOOOOOOO-UP!

It’s not easy to get a whoop just right, you know. You’ve got to
start it right deep down in your belly, then kind of build it up in
your chest, so it gets louder and louder, until it rises at the end
for the final -UP! bit.

Don’t go thinking I was up there just to practise my whooping
noises though. I wanted to get some good thinking done, and you
couldn’t do that down on the ground with the rest of the Tribe all
chattering around you and making a din. That’s why the Big Tree
was really good – you could scoot up it and almost feel like you
were on your own. But the best bit was, it had this great view of
what was outside our Enclosure. What I’d do, I’d climb up to my
branch and spend hours just looking out across The Fence.

Understand what makes an exciting start to a story 45

Chapter 4 . Topic 1

Chim, who was my best friend – even though I’d never tell him
that in a million years – he always said that I spent too much
time thinking. He said that I’d wear my brain out with thinking
too much, and I’d end up this crazy old monkey that couldn’t
even unzip a banana for myself. Hah!

The Mighty Skink by Paul Shipton

3 Answer these questions about the
opening of The Mighty Skink:

a) What kind of animal is telling
the story? How do you know?

b) H ow does the first paragraph ‘hook’
the reader in?

c) Do you think the story is funny? Pick
out some funny words or phrases.

d) What do you think the rest of the story
might be about?

46 Identify and comment on the structure and organisation of texts

4 .1

4 The writer has used some interesting
words to set the scene and describe the
characters:

a) Where do you think the story is set?
Which words tell you this?

b) Why do you think the nouns
‘Enclosure’ and ‘The Fence’ have
capital letters?

c) Can you find an interesting verb (action
word) that describes how the animals
behave?

5 With a partner, list the reasons why the
start to The Mighty Skink might make you
want to read on.

Apply your skills Check your progress

6 Imagine The Mighty Skink has won a Good progress ››
prize for an exciting start to a book. You
are the prize giver and you are writing a I can recognise an exciting start
speech for the award ceremony. In your to a story.
speech you should say why the book has
won the award. ›››Excellent progress

I can work out what makes an
exciting start to a story and give
reasons for why I like it.

Understand what makes an exciting start to a story 47

Chapter 4 . Topic 2

Understand what makes an
amazing middle

Getting you thinking
Read the extract below to a partner. It is from the
middle of a story.

Amelia’s Nightmare

Amelia sat in the café. She sipped her
coffee and wondered what had happened
to her dad. She’d spent ages trying to find
him. She’d got nowhere. The waiter came
up to her and told her to go. He needed
to close the café. She wanted to phone
her friends, to tell them she was safe. She
looked at her mobile, but the battery was
very low. She didn’t like the look in the
waiter’s eyes. She knew she had to leave.
She picked up her bag and walked towards
the door. Outside, it was raining. This
was going to be a long night. ‘I know all
about your dad,’ said the waiter. Amelia
shivered. He’d read her thoughts.

1 What is Amelia’s problem at the start of
this extract?

2 There is a new problem to keep the
reader interested by the end of the
extract. What is it?

48 Identify and comment on the structure and organisation of texts

How does it work? 4 .2

The middle of a story usually includes a problem.
The problem keeps the reader hooked – they
want to know how the character(s) will solve the
problem.
Writers also keep the reader hooked by using
interesting descriptions of people and places.

Now you try it

Your teacher will read the following extract to you.
It is another version of Amelia’s Nightmare.

Amelia sat in the café. She was tired and
her head ached. She had to find her dad.
She needed to find clues from somewhere.

The waiter smiled at her, shrugging his
shoulders. ‘Time to go, love. I’m shutting
up in a few moments,’ he said.

He smiled, but there was something about
him she didn’t like. She distrusted him.
His smile didn’t seem real.

She glanced at her mobile, gripped in
her cold hands. The battery was low. She
couldn’t phone her friends. She couldn’t
let them know where she was or how she
was feeling.

Amelia stood up from the table. She
adjusted her rucksack and walked towards
the battered café door.

Understand what makes an amazing middle 49

Chapter 4 . Topic 2

By now the rain was hammering on the
roof. This was going to be a long night.
‘I know all about your dad,’ hissed
the waiter.
Amelia shivered. He’d read her thoughts.

3 D escribe the character of the waiter to
your partner. Think about the following
questions:

● What does the word ‘hissed’ suggest
about him?

● What do Amelia’s thoughts and the
description of him suggest?

● W hat does Amelia’s reaction (‘Amelia
shivered’) suggest about the way he
makes her feel?

50 Identify and comment on the structure and organisation of texts

Apply your skills 4 .2

4 W hich extract did you like best and why?
● Which includes more description?
● Which tells us more?
● Do you prefer shorter paragraphs?
● Why might shorter paragraphs work

better?
Write one or two sentences saying

why one was better than the other
and which made the best 'middle'
of a story.

Check your progress

Good progress ››

I can understand that the
middle of a story usually
contains a problem.

›››Excellent progress

I can understand that the
middle of a story usually
contains a problem and also
that structure and description
can improve a story.

Understand what makes an amazing middle 51

Chapter 4 . Topic 3

Understand what makes an
awesome end

Getting you thinking
What could happen next in Amelia’s Nightmare?
Here are some ideas for the end:
• Amelia’s dad works for a bank. A gang was

trying to force him to rob the bank.
• The waiter tells Amelia that the gang is

holding her dad prisoner in a nearby hut.
• Amelia texts her friend Joel before the battery

on her phone runs out.
• Joel tells the police, who surround the hut.
• The police charge the hut. Amelia’s dad is

rescued and Joel is a hero.

1 What do you think about these ideas for
the end of Amelia’s Nightmare? Have all
the problems been solved?

52 Identify and comment on the structure and organisation of texts

How does it work? 4 .3

The ending of a story is important. The problem Check your progress
or problems that came up in the middle of the
story are usually solved at the end. Good progress ››

Now you try it I can understand that the
problem in a story is usually
2 W ith a partner, talk about the structure solved at the end.
and organisation of a story you know
well. Does it work? Is it exciting? Is there ›››Excellent progress
a problem in the middle of the story that
is solved by the end? I can understand that the
problem in a story is usually
3 See if you can come up with an solved at the end and can give
alternative ending for Amelia’s reasons for why I like a story
Nightmare or a story you know. Use end.
bullet points for three to five different
events that could happen in the story
you have chosen. The ideas should help
you write an awesome end.

Apply your skills

4 Read your ideas for the end of a story to
each other. Which ideas would make the
best story end? Give reasons for your
answer. If possible, act out the best story
ending.

Understand what makes an awesome end 53

Chapter 4

Check your progress

Good progress ››

■■ I can recognise an exciting start to

a story.

■■ I can understand that the middle of a

story usually contains a problem.

■■ I can understand that the problem in a

story is usually solved at the end.

›››Excellent progress

■■ I can work out what makes an exciting

start to a story and give reasons for why
I like it.

■■ I can understand that the middle of a

story usually contains a problem and
also that structure and description can
improve a story.

■■ I can understand that the problem in

a story is usually solved at the end
and can give reasons for why I like
a story end.

54 Identify and comment on the structure and organisation of texts

แผนการจดั การเรยี นรู้
รายวิชาเพม่ิ เติม ภาษาอังกฤษ (ทกั ษะอา่ น-เขียน)

Progress in Reading & Writing
Book 1

ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4

กลุ่มสาระการเรียนร้ภู าษาต่างประเทศ
ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ผูเ้ รยี บเรยี ง
มนนภิ า พฤกษพงศ์
ผตู้ รวจ
ดร.พทิ กั ษ์ นิลนพคุณ
สุดา ใยแย้ม
เพญ็ มาส กำ�เหนดิ โทน
บรรณาธกิ าร
พริ ณุ ติลภทั ร

II

การจดั หนว่ ยการเรยี นรู้

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6 เวลา 40 ชว่ั โมง

Chapter Topic Time/Hours

1 Use a range of strategies, including accurate decoding of 5
text, to read for meaning

2 Understand, describe, select or retrieve information, events 5
or ideas from texts and use quotation and reference to text

Review 1 1

3 Deduce, infer or interpret information, events or ideas from 5
texts

4 Identify and comment on the structure and organisation of 5
texts, including grammatical and presentational features at
text level

Review 2 1

5 Explain and comment on writers’ use of language, including 5
grammatical and literary features at word and sentence level

6 Identify and comment on writers’ purposes and viewpoints, 5
and the overall effect of the text on the reader

Review 3 1

7 Relate texts to their social, cultural and historical traditions 5

Assessment 2

แผนการจัดการเรยี นรู้ Progress in Reading & Writing Book 1 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 4

11

หนวยการเรียนรทู ่ี 4
Identity and comment on the structure and organization of texts,
including grammatical and presentational features at text level

รหัสวชิ า ........................ รายวชิ าเพิ่มเตมิ ภาษาองั กฤษ (ทักษะอา น-เขียน) ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 4
กลุม สาระการเรยี นรูภาษาตา งประเทศ ปการศึกษา 25...... ภาคเรยี นท่ี ...... เวลา 5 ช่วั โมง
ผสู อน ....................................................

1. ผลการเรยี นรู (Learning Outcome)
1.1 อา นเรือ่ งเลา และสามารถจับใจความสําคญั รายละเอยี ด วิเคราะหความ ตคี วาม อนมุ านความ สรุปความ

คาดคะเนความ แลวเขียนแสดงความคดิ เหน็ ในระดบั ประโยค ขอความ และยอหนา สรางจินตนาการโดยใชคําศัพท
และโครงสรางทางภาษาไดถ ูกตอ งและเหมาะสมกับระดับช้นั

1.2 อานเรื่องเลา ตามท่กี าํ หนดและสามารถสรุปความ ตีความ วเิ คราะหเหตุและผล แลวเขียนคาดคะเนเร่ือง
โดยอาศยั จินตนาการและความคดิ สรางสรรค โดยใชโ ครงสรางภาษาไดถ กู ตองและเหมาะสมกบั ระดับชนั้
2. สาระสาํ คัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept)

การอานเร่ืองเลา (story-telling) จับใจความสําคัญ รายละเอียด ตีความ สรุปความ อนุมานความ วิเคราะห
ความ คาดคะเนเหตุการณท่ีเกิดขึ้น และการเขียนแสดงความคิดเห็น คาดคะเนเร่ืองอยางมีเหตุผลและจินตนาการ
โดยใชคาํ ศัพทและโครงสรางทางภาษาทเ่ี หมาะสม ทําใหผูเรียนไดรับความรูดานเนื้อหาภาษา ไดฝกทักษะการเรียน
ภาษา ท้งั 4 ดา น (การฟง การพดู การอา น และการเขยี น) โดยเฉพาะการอานและการเขียน ทั้งเสริมสรางเจตนคติ
ในการเขียนภาษาในเชิงรักการอาน และมีความคิดสรางสรรค มีเหตุมีผล เปนการพัฒนาศักยภาพในการสื่อสาร
ของผูเรยี นใหบ รรลตุ ามวัตถปุ ระสงค
3. สาระการเรียนรู (Learning Contents)

3.1 ดานความรู (Knowledge)
บทอา นเรื่องเลา เกยี่ วกบั การเรม่ิ เร่ือง การดาํ เนนิ เร่อื ง และการจบของเรือ่ ง

3.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process)
- ทกั ษะการเรยี นภาษาทัง้ 4 ดา น โดยเฉพาะทักษะการอา นและการเขียน กระบวนการวเิ คราะห ตีความ

สรปุ ความ อนมุ านความ จับใจความสาํ คญั ความเปน เหตเุ ปนผล ความคิดสรางสรรค และจินตนาการ
- กระบวนการกลมุ
- กระบวนการคดิ

แแผผนนกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ียนนรูรPู้ rPorgoregsrsesinsRineaRdeinagd&inWgr&itinWg rBiotionkg1Bชoั้นoมkัธย1มชศ้ันกึ ษมาธั ปยท ม่ี ศ4กึ ษาปที ่ี 4

22

3.3 ดา นเจตคติ (Attitude/Desired Character)
- มคี วามมัน่ ใจในการใชภาษาองั กฤษในการสอื่ สาร
- มเี หตผุ ล มวี ิจารณญาณ
- มปี ระสทิ ธภิ าพในการส่อื ความ
- มีสุนทรยี ภาพทางภาษา
- มีความคดิ ริเริ่มสรา งสรรค
- มนี สิ ยั รกั การอาน

4. สมรรถนะสําคัญของผเู รยี น

 ความสามารถในการสื่อสาร  ความสามารถในการคิด  ความสามารถในการแกป ญ หา

 ความสามารถในการใชทักษะชีวติ  ความสามารถในการใชเ ทคโนโลยี

5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551

 รกั ชาติ ศาสน กษตั รยิ   ซอื่ สตั ย สจุ ริต  มีวินยั  ใฝเรยี นรู
 อยูอยางพอเพียง  มงุ ม่ันในการทาํ งาน  รักความเปน ไทย  มีจิตสาธารณะ

6. ภาระงาน/ชน้ิ งาน (Learning Task/Piece of Work)
เขียนเลา เรอ่ื ง : กจิ กรรม Now You Try it Topic 3 ในหนังสอื เรียนหนา 53

7. การวดั และประเมินผล (Assessment and Evaluation)

วธิ ีการ เครอ่ื งมือ เกณฑ
- การเขียนเลาเรือ่ ง - แบบประเมินการเขยี น - เนอื้ หานา สนใจ
- การใชคาํ ศัพท โครงสรา งทาง

ภาษาท่เี หมาะสม
- ความถูกตอ งของรูปแบบ

การเขียน

แผนการจดั การเรยี นรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkยี 1นชรั้นู้ Pมัธroยมgrศeกึ sษsาปinท่ีR4eading & Writing Book 1 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4

33

8. กิจกรรมการเรยี นรู (Learning Activities)

- การระดมสมอง (Brainstorming)
- การทาํ กจิ กรรมกลุม (Group-activity)
- การจบั คูใ นการทาํ กจิ กรรม (Pair work)
- การนําเสนอผลงาน ความคดิ เหน็ ของกลมุ

9. ส่ือ/แหลงเรยี นรู (Learning Material and Resource)

- หนงั สือเรยี น Progress in Reading & Writing Book 1, Chapter 4 หนา 43-54
- พจนานุกรม องั กฤษ-องั กฤษ/องั กฤษ-ไทย
- หอ งสมุดโรงเรียน
- Internet

แผนแผกนากราจรัดจกดั ากรารเรเรยี ียนนรรู้ู PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชั้นkม1ธั ยชม้นั ศมกึ ธัษยาปมทศ่ี ึก4ษาปีท่ี 4

44

แผนการจดั การเรยี นรูท ่ี 1
เรือ่ ง Understand what makes an exciting start to a story
รหัสวชิ า................................ รายวชิ าเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะอา น-เขยี น) ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 4

กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปก ารศึกษา 25...... ภาคเรียนท.ี่ ...... เวลา ...... ช่วั โมง

ผสู อน.....................................................

1. จุดประสงคการเรยี นรู (Learning Objective)
การอานเรื่องเลา เริ่มตนของการเปดเรื่องท่ีทําใหผูอานสนใจ ระบุใจความสําคัญท่ีอาจจะเปนขอความหรือ

ประโยค นาํ ไปสคู วามต่นื เตน นาสงสยั ใครร ู อยากตดิ ตาม การสามารถคาดคะเนเหตุการณ ในการดําเนินเร่ืองตอไป
ซ่งึ เปน การเชอื่ มโยงถา ยทอดความคิดไปสูการเขียน แสดงความคิดเห็นและจินตนาการใหสัมพันธกับเร่ืองท่ีกําหนด
โดยใชค าํ ศพั ท โครงสรางทางภาษาไดเ หมาะสมกับระดับชั้น

2. สาระสาํ คัญ/แนวคิด/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept)
การอา นเรอื่ งเลา (story-telling) จับใจความสําคัญ รายละเอียด ตีความ สรุปความ อนุมานความ วิเคราะห

ความ คาดคะเนเหตุการณท เี่ กดิ ขึ้น และการเขียนแสดงความคิดเหน็ คาดคะเนเร่ืองอยางมเี หตุผลและจินตนาการ โดย
ใชคําศัพทและโครงสรางทางภาษาท่เี หมาะสม ทาํ ใหผ ูเรียนไดรับความรดู านเนือ้ หาภาษา ไดฝกทักษะการเรียนภาษา
ทง้ั 4 ดา น คอื การฟง การพูด การอาน การเขียน โดยเฉพาะการอา นและการเขยี น ทง้ั เสรมิ สรา งเจตนคตใิ นการเรยี น
ภาษาในเชิงรักการอาน และมีความคิดสรางสรรค มีเหตุผล เปนการพัฒนาศักยภาพในการส่ือสารของผูเขียนให
บรรลุวัตถุประสงค

3. สาระการเรียนรู (Learning Contents)
3.1 ดานความรู (Knowledge)
 Vocabulary
- change, invent, building, ablaze, choke, breathe, scream, scene, shape, ghost
 Structure
- Present simple, past simple
 Function
- Reading for understanding story-telling
- Writing sentences about story-telling
3.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Practice)
- กระบวนการฝกทักษะทางการอาน การจับใจความสําคัญ การคาดคะเนความ การตีความ การแสดง

ความคิดเหน็ การอนมุ านความ
- กระบวนการกลุม
- กระบวนการคดิ

แผนการจัดการเรียนรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkยี 1นชรั้นู้ Pมัธroยมgrศeึกsษsาปinท ี่R4eading & Writing Book 1 ชัน้ มธั ยมศึกษาปีท่ี 4

55

3.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character)
- มคี วามมนั่ ใจในการใชภ าษาอังกฤษในการสื่อสาร
- มเี หตผุ ล มีวจิ ารณญาณ
- มีประสทิ ธิภาพในการสอ่ื สาร
- มีนิสยั รกั การอา น
- มคี วามคดิ ริเรมิ่ สรางสรรค

4. กจิ กรรมการเรยี นรู (Learning Activities)
ประกอบดว ย 2 กิจกรรม คือ
1. Getting you thinking
2. How does it work?
 ขนั้ นําเขา สบู ทเรียน (Lead-in)
1. ครูใหนักเรียนชวยกันนึกถึงคํา ขอความหรือประโยค เม่ือเร่ิมตนเลาเร่ืองที่ใหความรูสึกตื่นเตน

อยากตดิ ตาม เชน นกั เรยี นอาจพดู คาํ วา Fire! Ghost! Look! ใหน กั เรียนจนิ ตนาการวา จะเกดิ เร่ืองอยางไรตอไป หรือ
ครขู ้นึ ตนประโยคใหแลว นกั เรยี นชว ยกันตอเพยี ง 1 ประโยค

ตวั อยา ง
At midnight in my bed when I opened my eyes I saw.....

นกั เรียนจะชวยกันตอประโยคอยางไรกไ็ ด
2. ครูแจงจุดประสงคการเรียนรู จากนั้นใหนักเรียนดูท่ี Topic 1: Understand what makes an
exciting start to a story
 ขั้นกอ นการอา น (Pre-reading)
1. ครูเขยี นคําศพั ทด งั ตอ ไปน้บี นกระดาน

change, invent, building, ablaze, choke, breathe, scream, a scene, a shape, mist, a ghost
2. นักเรียนทั้งช้ันชวยกันบอกความหมาย ครูขีดเคร่ืองหมาย  หลังคําท่ีนักเรียนบอกความหมายได
สาํ หรับคําไหนท่ีนักเรยี นไมท ราบครจู ึงอธบิ ายเพ่มิ เติม
3. กิจกรรมเดยี่ ว ใหนักเรยี นทํา Worksheet I แลวจบั คูเปรียบเทียบคําตอบของตนเองกับเพ่ือน ครูเฉลย
คาํ ตอบใหนักเรยี นใหคะแนนดว ยตนเอง
 ขน้ั ขณะอา น (While-reading)
1. นกั เรียนทํากจิ กรรม Getting you thinking ในหนา 44

1.1 แบง นักเรียนเปนกลมุ ๆ ละ 5 คน
1.2 นักเรียนอานคําส่ังในขอ  Read the five starts below. Then put them in order from
the one you think is most exciting to the one you think is least exciting. Discuss your reasons with
a partner.
1.3 เพ่ือใหแนใจวานกั เรียนอา นคําสัง่ เขา ใจถูกตอ ง ครูทบทวน

Teacher : How many stories do you have to read?
Students : Five.
Teacher : Then what will you do next?
Students : Find the most exciting story to the least exciting one.

แผนแผกนากราจรัดจกดั ากรารเรเรยี ียนนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooช้ันkม1ธั ยชมั้นศมึกธัษยาปมทศ่ี ึก4ษาปีท่ี 4

66
Teacher : After that?
Students : Discuss and give reasons.
หมายเหตุ : หากระดบั ภาษาของนกั เรยี นในหอ งออ น ครทู บทวนเปน ภาษาไทยดงั นี้
1. อานเรอ่ื ง 5 เร่อื ง
2. เรียงลาํ ดบั การเรมิ่ เรื่องทน่ี ักเรยี นคดิ วา นาตืน่ เตนทสี่ ุดไปจนถงึ นอ ยที่สดุ
3. อภปิ รายใหเหตุผลวาทาํ ไมถึงเลอื กเชน นน้ั

1.4 นักเรียนสงตัวแทนกลุมนําเสนอขอคิดเห็นของกลุมตนเอง โดยบอกเฉพาะเร่ืองที่กลุมของตน
คิดวา เปน เรอ่ื งท่ี The most exciting กบั The least exciting พรอมท้ังใหเหตุผล

1.5 ครูเขียนคําสั่งขอ  Do the five story starts have anything in common? ในหนา 44
บนกระดาน

ครูถาม : การเร่มิ เร่อื งทัง้ 5 นน้ั มอี ะไรท่คี ลา ยกันบาง
นกั เรียนอาจตอบวา : ท่ีคลา ยกันกค็ ือ เรื่องจะเปน อยางไรตอ ไป ทาํ ใหอ ยากตดิ ตามอาน
1.6 ครูใหนักเรียนอานหัวขอ How does it work? ในหนา 45 ใหนักเรียนขีดเสนใตคําวา hook,
sets the scene และ the characters
ครถู าม : นักเรยี นเขาใจ 3 คาํ นีห้ รอื ไม
นกั เรยี นอาจตอบวา : hook แปลวา ลอ เหย่อื / ทําใหต ดิ เบ็ด

set the scene : จัด/เปดฉาก
the characters : ตัวละคร
ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติม : เร่อื งเลา (story) ผเู ขยี นหรือ writer จะใชว ธิ ีเรม่ิ เรื่องท่ีจะทําใหผูอานอยาก
ติดตาม คําวา hook คือ ใหผูอานมาติดเบ็ด/ลอใจ ใหอยากรูวาเร่ืองจะดําเนินตอไปอยางไร จึง set the scene
ดําเนินเร่ืองอยางรวดเร็ว แลว นาํ เสนอตัวละคร the characters ในลําดับตอมา
 ขั้นหลังการอา น (Post-reading)
ครใู หนกั เรยี นกลุมละ 5 คน (กลุมเดิม) เลือกเร่ืองท่ีทุกคนในกลุมลงความเห็นวา การเร่ิมเรื่อง(เลา)
เรอ่ื งใด นา สนใจทสี่ ดุ ในหนงั สือเรียนหนา 44 แลวใหเขยี นเปนเร่ืองเลาสั้นๆ วาเรื่องจะดําเนินตอไปอยางไร ไมนอย
กวา 5 ประโยคหรือมากกวา น้ัน แลว นําเสนอผลงานหนา หอ งเรียน
 ขั้นสรปุ (Reinforcement/Wrap-up)
นาํ ผลงานเขียนของนักเรียนทุกกลุม ตดิ ไวท ี่ board หนาหองเรยี นและหลงั ชัน้ เรยี นใหเพอ่ื นแตละกลุม
อา นและลงความเหน็ วา เรอ่ื งของกลุม ใดนา สนใจทสี่ ดุ
5. สือ่ /แหลง เรียนรู (Learning Material and Resource)
- หนังสือเรียน Progress in Reading & Writing Book 1, Chapter 4 หนา 44-45
- พจนานกุ รม องั กฤษ-ไทย
- พจนานกุ รม อังกฤษ-อังกฤษ

แผนการจดั การเรยี นรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinดั gกBาoรoเรkยี 1นชรัน้ ู้ Pมัธroยมgrศeกึ sษsาปinท ี่R4eading & Writing Book 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 4

77

6. การวัดและประเมินผล (Assessment and Evaluation)

วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ
- สงั เกตการทาํ กจิ กรรม - แบบสงั เกตการทํางานกลุม - ความรวมมือในการทาํ
- ตรวจคาํ ตอบ - Worksheet I กิจกรรมอยใู นระดบั ดี
- เขยี นเรอ่ื งเลา - แบบประเมินการเขยี น (ใชร บู ิค)
- ถูก 7 ขอ ใน 12 ขอ
- พอใช

7. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู (Reflection)
...........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

8. กิจกรรมเสนอแนะ (นวัตกรรม) (ถาม)ี
...........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

แผนแผกนากราจรดั จกัดากรารเรเรยี ยี นนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชัน้kม1ธั ยชม้นั ศมกึ ธัษยาปมทศ่ี กึ 4ษาปที ่ี 4

88

แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 2
เรือ่ ง Understand what makes an exciting start to a story
รหสั วชิ า................................ รายวชิ าเพิ่มเตมิ ภาษาองั กฤษ (ทกั ษะอา น-เขียน) ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 4

กลมุ สาระการเรียนรภู าษาตางประเทศ ปก ารศึกษา 25...... ภาคเรียนท่.ี ...... เวลา 1 ชวั่ โมง

ผูสอน.....................................................

1. จดุ ประสงคการเรยี นรู (Learning Outcome)
อา นเรอื่ ง The Mighty Skink แลวระบุใจความสาํ คัญ รายละเอียด อนมุ านความ ตีความ คาดคะเนเหตุการณ

และเช่ือมโยงไปสูการเขียน เลาเรื่องตามจินตนาการของผูเรียน โดยสัมพันธกับเนื้อเรื่องท่ีอาน สามารถใชคําศัพท
และโครงสรา งทางภาษาไดเ หมาะสมกับระดับชนั้

2. สาระสําคญั /แนวคิด/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept)
การอานเร่ืองเลาสวนหน่ึงของเร่ือง The Mighty Skink แลวระบุใจความสําคัญ รายละเอียด อนุมานความ

ตีความ คาดคะเนเหตุการณไดถูกตอง ทําใหผูเรียนไดรับความรูดานเน้ือหา สํานวนภาษา ทั้งไดฝกทักษะการอาน
การเขียน การคิด เสริมสรางจินตนาการ มีความคิดสรางสรรค สรางเสริมนิสัยรักการอาน ทําใหการส่ือสารบรรลุ
ตามวัตถุประสงคที่กําหนดไว

3. สาระการเรยี นรู (Learning Contents)
3.1 ดา นความรู (Knowledge)
 Vocabulary
- branch, whoop, belly, Tribe, Enclosure, Fence, brain
 Structure
- Past tense
 Function
- Reading for understanding story-telling
- Writing the story
3.2 ดานทกั ษะกระบวนการ (Process/Practice)
- กระบวนการฝก ทักษะการอานจบั ใจความสําคญั รายละเอียด อนุมานความ ตีความ คาดคะเนเหตกุ ารณ
- กระบวนการคิด
- กระบวนการกลมุ
3.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character)
- มีความมน่ั ใจในการใชทกั ษะภาษาองั กฤษในการสอ่ื สาร
- มีเหตผุ ล มีวจิ ารณญาณ
- มปี ระสทิ ธิภาพในการสื่อความ
- มีนสิ ยั รักการอา น
- มีความคดิ ริเริ่มสรา งสรรค

แผนการจดั การเรียนรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkีย1นชร้นั ู้ Pมธัroยมgrศeึกsษsาปinท่ีR4eading & Writing Book 1 ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 4

99
4. กจิ กรรมการเรยี นรู (Learning Activities)

หวั ขอ กจิ กรรม Now you try it หนา 45
 ข้ันนําเขา สบู ทเรยี น (Lead-in)

1. ครูเขยี นคาํ ถามบนกระดานดํา ดังน้ี
Do they all set the scene?
Do they all introduce characters?
Do they all make you want to read on?

2. ครใู หน ักเรยี นอา นเร่ิมตนเรื่องท้ัง 5 เร่ือง ในหนา 44 ของหนังสือเรียน และตอบคําถามที่ครูเขียนบน
กระดานดํา โดยนักเรียนทั้งช้ันชวยกันตอบ (whole class activity) เปนการทบทวนเร่ือง set the scene, the
characters และ hook ในหวั ขอ How does it work?

 ขน้ั กอ นการอาน (Pre-reading)
1. หวั ขอ Now you try it ในหนา 45 ครใู หนกั เรียนอา นบทอานอยางรวดเร็วหรือคราวๆ จากน้นั ขีดเสนใต

หรือวงกลมคําทนี่ กั เรยี นไมทราบ
2. ครใู หนักเรยี นบอกคาํ ศพั ทที่ตัวเองไมร ู จากน้ันครเู ขียนคาํ ศพั ทเหลานนั้ บนกระดานดํา
3. ครูใหนักเรียนชวยกันบอกความหมายของคําศัพท ถาเหลือคําศัพทท่ีไมทราบจริงๆ ใหครูอธิบาย

ใหนักเรยี นฟงเพอ่ื เปนการประหยัดเวลา
 ขน้ั ขณะอาน (While-reading)
1. นกั เรยี นอา นบทอานในหนา 45-46 หวั ขอ Now you try it
2. นกั เรียนชวยกนั ตอบคาํ ถามขอ  ในหนา 46 ดังน้ี
- คําถาม a) What kind of animal is telling the story? How do you know?
นักเรยี นตอบ : A monkey
ครถู าม : How do you know?
นักเรียนตอบ โดยใช key word หรือ action word หรือรูปภาพประกอบ เชน swinging,

climb up, unzip a banana และ picture จากหนา 46
- คาํ ถาม b) How does the first paragraph “hook” the reader?
ครใู หนักเรียนอา น the First paragraph และขีดเสน ใตป ระโยคที่ผเู ขียนพยายามจะดึงความ

สนใจ (hook) ผูอาน นักเรียนยกประโยคท่ีขีดเสนใต อานใหครูฟง The day Skink arrived was the day that
things changed forever.

- คําถาม c) Do you think the story is funny? Pick out some funny words or phrases.
นักเรียนชวยกันบอกคําวา ‘whoop’ ‘wear a brain out’ โดยครูใหนักเรียนหาคําตอบน้ี

จากเนือ้ เรอื่ ง
- กอนที่นักเรียนจะทํา Worksheet II ครูเลาใหนักเรียนฟงวา ลิงตัวที่เลาเร่ืองชื่อวา Giz มีเพ่ือนสนิท

ชื่อวา Chim ซึ่ง Giz กลาวถึงเพื่อนใหมช่ือวา Skink ที่เพิ่งจะมาเขาพวกกับฝูงลิงของ Giz (เปนการปูพ้ืนเรื่อง
ใหนกั เรียนเขา ใจยิง่ ขนึ้ )

- ครูใหนักเรียนจับคูอานเรื่อง หนา 45-46 และทํา Worksheet II เปนการตอบคําถามจากเนื้อเรื่อง
หรือบทอาน

- ครูและนกั เรยี นชว ยกนั เฉลยคาํ ตอบ

แผนแผกนากราจรดั จกดั ากรารเรเรียียนนรรู้ู PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooช้นัkม1ัธยชมัน้ ศมกึ ัธษยาปมทศ่ี กึ 4ษาปีท่ี 4

10 10

 ขั้นหลงั การอา น (Post-reading)
1. ครเู ขียนคําถามขอ  หนา 46 บนกระดานดํา
คําถาม d) What do you think the rest of the story might be about? Why?
นักเรียนอาจตอบวา The monkey named Skink because when he arrived things changed

forever.
2. นักเรียนเขากลุมๆ ละ 5-6 คน ใหนักเรียนชวยกันแตงเรื่องเก่ียวกับ Skink เพื่อนใหมของ Giz วา

เมอ่ื Skink มาเขา ฝงู ลงิ แลว ส่ิงตางๆเปลี่ยนไปโดยส้ินเชิงไดอยางไรตามจินตนาการของนักเรียน โดยเขียนเลาเร่ือง
ไมต ่ํากวา 10 ประโยค และครใู ห Clue / Key word เปนการแนะนกั เรยี น: The Mighty Skink

3. ใหตัวแทนกลมุ นําเสนอผลงานใหเ พือ่ นรว มชั้นฟง เพ่ือใหน ักเรียนไดเ รียนรแู นวคิดซ่งึ กันและกัน
 ข้นั สรุป (Reinforcement/Wrap-up)

1. ครใู หนกั เรียนอา นหนังสอื หนา 45-46 อยางรวดเรว็ อกี คร้งั
2. นกั เรยี นแลกกันตรวจกระดาษคําตอบ Worksheet II
3. ครูชวยทบทวนใหนกั เรียนเก่ยี วกบั ลกั ษณะของการเริ่มเรอื่ ง story-telling อกี คร้งั เพ่อื เปน การปูพ้นื ฐาน
ในการเรียนสาํ หรับชวั่ โมงตอไป

5. ส่ือ/แหลง เรยี นรู (Learning Material and Resource)
หนงั สอื เรียน Progress in Reading & Writing Book 1, Chapter 4 Topic 1 หนา 45-46

6. การวดั และประเมนิ ผล (Assessment and Evaluation)

วิธีการ เครอ่ื งมอื เกณฑ
- ตรวจคาํ ตอบ - Worksheet II - ตอบถกู ไมต ่าํ กวา 7 ขอ
- สังเกตการทาํ กจิ กรรมกลมุ - แบบสงั เกตการทํางานกลมุ - ดี
- เขียนขอความ 1 ประโยค - แบบประเมินทกั ษะการเขยี น - พอใช

7. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู (Reflection)
...........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

8. กจิ กรรมเสนอแนะ (นวัตกรรม) (ถา มี)
...........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

แผนการจดั การเรยี นรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkีย1นชรั้นู้ Pมัธroยมgrศeกึ sษsาปinท ี่R4eading & Writing Book 1 ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 4

1111

แผนการจัดการเรียนรูท ี่ 3
เรื่อง Understand what makes an exciting start to a story
รหัสวชิ า................................ รายวิชาเพม่ิ เติม ภาษาองั กฤษ (ทักษะอาน-เขยี น) ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 4

กลมุ สาระการเรยี นรูภาษาตางประเทศ ปก ารศึกษา 25...... ภาคเรยี นที.่ ...... เวลา 1 ชว่ั โมง

ผูสอน.....................................................

1. จุดประสงคการเรยี นรู (Learning Outcome)
อานเรื่อง The Mighty Skink และสามารถตคี วาม วิเคราะหความ อนุมานความ ใหเหตุผลในการท่ีจะติดตาม

การดําเนินเรื่อง ท้ังสามารถเชื่อมโยงไปสูการเขียนและพูดสุนทรพจนส้ันๆ โดยใหเหตุผลถึงการที่ไดรับรางวัลเปน
เรอื่ งเลา ทมี่ ีการเริ่มเร่อื งนาต่นื เตน ตดิ ตาม ดีเดน โดยใชคําศัพทและโครงสรางทางภาษาไดเหมาะสมกับระดบั ชนั้

2. สาระสําคัญ/แนวคิด/ความคิดรวบยอด (Learning Concept)
การอา นเร่ือง The Mighty Skink ระบุใจความสาํ คัญ ตีความ อนุมานความ ใหเหตุผล วิเคราะหความ ทําให

ผเู รยี นไดรับความรูดา นเนื้อหาภาษา ไดฝ กทกั ษะการอาน การเขียน การคิด และการพดู ลงความเห็น ฝกการใชเ หตผุ ล
ในการประเมินเร่ือง เสริมสรา งนสิ ยั การมวี ิจารณญาณ ทาํ ใหก ารส่อื สารบรรลุวตั ถุประสงคตามทกี่ ําหนดไว

3. สาระการเรียนรู (Learning Contents)
3.1 ดานความรู (Knowledge)
 Vocabulary
- favorites, spot, Enclosure, Fence, unzip, chat
 Structure
- Noun
- Verb ท่เี ปน action
- Adjective
 Function
- Story-telling
3.2 ดา นทกั ษะกระบวนการ (Process/Practice)
- กระบวนการฝกทกั ษะการอา น จบั ใจความสาํ คญั ตีความ อนมุ านความ การใหเ หตผุ ล การวเิ คราะหค วาม
- กระบวนการกลุม
- กระบวนการคิด
3.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character)
- มีความม่ันใจในการใชภ าษาอังกฤษเพอื่ การสอ่ื สาร
- มีความคดิ ริเริ่มสรางสรรค

แผนแผกนากราจรัดจกัดากรารเรเรยี ียนนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชั้นkม1ัธยชมน้ั ศมกึ ธัษยาปมทศี่ กึ 4ษาปีที่ 4

12 12

4. กิจกรรมการเรียนรู (Learning Activities)
ประกอบดว ย 2 กจิ กรรม คอื
1. Now you try it
2. Apply your skills
 ขัน้ นาํ เขา สูบ ทเรยี น (Lead-in)
ครูทบทวนโครงสรางภาษาที่เปนคํานาม คํากริยา และคําคุณศัพท โดยเขียนประโยคตอไปน้ีบนกระดาน
และขดี เสน ใตคาํ ใหน กั เรียนชวยกนั บอกวา เปนคาํ ชนิดใด อะไร และทาํ ไม
I remember the day Skink arrived.
It was my favourites spot.
It’s not easy to get a whoop.
ครยู กตัวอยาง remember เปน คํากริยา อยหู ลังประธาน I
the day เปน คาํ นาม บอกเวลา
Skink เปนคาํ นาม บอกชอ่ื
favourites เปนคําคุณศัพท อยหู นา คํานาม
นกั เรยี นทงั้ ชน้ั ชวยกนั ตอบและบอกเหตุผล เชน
arrived เปนคาํ กรยิ า ตามหลัง Skink และเตมิ ed
spot เปน คํานาม ตามหลงั คําคณุ ศัพท
easy เปน คําคุณศพั ท ตามหลัง Verb to be
a whoop เปน คํานาม มี article a เปนตัวชแ้ี นะใหร วู าเปน คํานาม
 ขั้นกอนการอาน (Pre-reading)
1. ครใู หน กั เรยี นอานบทอานในหนา 45-46 อยา งรวดเรว็ จากนั้นใหนักเรียนหาชื่อของสตั วในเร่อื ง สถานท่ี
และคํากริยาท่เี ปน action word
2. ใหนกั เรยี นที่หาคําเหลานไี้ ด ออกมาเขียนคาํ ท่ีหาไดบ นกระดาน
ตัวอยา ง Name of the animals: Skink, The Tribe, Chim
Place: Big Tree, The Fence, Enclosure
Action word: swinging, chattering, climb up
 ขนั้ ขณะอาน (While-reading)
1. ครใู หนักเรียนอานคําสั่งขอ  The writer has used some interesting words to set the scene
and describe the characters. ในหนา 47
ครูทบทวนโดยถามวา : What is the scene?
นักเรยี นตอบ : Places หรอื ฉากของเร่ือง
ครูถาม : What are the characters?
นกั เรยี นตอบ : People / animals in the story
2. ครูใหนักเรียนบอกตัวอยา งของ scene
นกั เรยี นอาจบอกวา Big Tree, Enclosure และ The Fence
ครูใหนกั เรยี นทั้งช้ัน บอก Characters ในเรื่อง
นกั เรียนบอกวา Skink คอื ลงิ ท่ถี ูกพดู ถงึ ในเร่ือง
I คอื Giz ลิงที่เลาเรอ่ื ง
Chim คอื เพื่อนของ Giz
The Tribe คือ ฝงู ลงิ

แผนการจดั การเรียนรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkยี 1นชรนั้ ู้ Pมัธroยมgrศeกึ sษsาปinท ่ีR4eading & Writing Book 1 ช้นั มธั ยมศึกษาปที ่ี 4

1313
3. นกั เรียนจับคทู ํากจิ กรรม ขอ  a), b), และ c) ในหนา 47
4. ครแู ละนกั เรยี นชว ยกนั เฉลยคาํ ตอบ ดังนี้

a) Where do you think the story is set?
Which words tell you this?
- The Big Tree, Enclosure, The Fence
ซ่ึงบง ชี้วา The monkeys are not free.

b) Why do you think the nouns ‘Enclosure’ and ‘The Fence’ have capital letters?
คําถามขอน้คี รตู องช้แี นะนกั เรียน เพราะนกั เรียนอยใู นระดับชนั้ ม.4 อาจจะไมเขาใจนกั เน่ืองจากเปน คําทีม่ ี
นยั แฝงวา “ฝงู ลงิ ไมไดม อี ิสระ” แตถูกจํากัดใหอยูในท่ีท่ีถูกกําหนดใหอยู โดยครูใหนักเรียนกลับไปอาน paragraph
ที่ 3 บรรทดั ท่ี 4-8 ขอความที่วา That’s why the Big Tree was really good - you could scoot up it. It had
this great view of what was outside our Enclosure. What I’d do, I’d climb up to my branch and
spends hours just looking out across The Fence.

c) Can you find an interesting verb (action word) that describes how the animals
behave?

- Chattering describes the sound the monkeys make
- Scoot describes the way they move.
5. นักเรียนจับคูทํากิจกรรม ขอ: With your partner, list the reasons why the start to the
Mighty Skink might make you want to read on. ในหนา 47
ครใู หนกั เรยี นอาสานําเสนอเหตผุ ลหนา ชัน้ เรยี น (ประมาณ 5-7 คู)
 ขน้ั หลังการอา น (Post-reading)
1. นักเรียนทํากิจกรรมหัวขอ Apply you skills ในหนา 47 ขอ Imagine The Mighty Skink has
won a prize for an exciting start to a book. You are the prize giver and you are writing a speech for
the award ceremony. In your speech you should say why the book has won the award.
2. ครใู หนักเรียนอา นคาํ ส่ังกจิ กรรม ขอ  จนเขา ใจวาตนเองจะตอ งทาํ อะไร จากน้ันใหนกั เรียนเขากลุมๆ
ละ 5 คน ทบทวนคําสง่ั ดังน้ี
1) นกั เรยี นเปนผมู อบรางวัลชนะเลศิ
2) นักเรียนเขียนสุนทรพจนใหเหตุผลวาหนังสือ The Mighty Skink ตอนเร่ิมเร่ืองถึงไดรับรางวัล
ชนะเลศิ เพ่ือใชใ นการพดู ในพิธีมอบรางวัล
3) นักเรียนสง ตัวแทนของแตล ะกลุมออกมาอานใหเ พ่อื นๆ ฟง แลวใหเ พอ่ื นๆ เปน ผูใ หคะแนนวากลุมใด
พูดและเขียนไดด ที ่สี ุด
4) ครูนํางานเขียนของนักเรยี นไปตดิ ไวท บี่ อรดหนา ชัน้ เรียน
 ขนั้ สรปุ (Reinforcement/Wrap-up)
นักเรยี นทํากจิ กรรม Check your progress เปนการประเมนิ ตนเอง
5. สื่อ/แหลงเรียนรู (Learning Material and Resource)
- หนงั สือเรียน Progress in reading & Writing Book 1, Chapter 4 Topic 1 หนา 45-47
- พจนานุกรม องั กฤษ-ไทย
- พจนานกุ รม อังกฤษ-อังกฤษ

แผนแผกนากราจรัดจกัดากรารเรเรยี ียนนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooช้ันkม1ัธยชมนั้ ศมึกธัษยาปมทศ่ี กึ 4ษาปที ่ี 4

14 14

6. การวดั และประเมนิ ผล (Assessment and Evaluation)

วธิ ีการ เครือ่ งมอื เกณฑ
- ตรวจคําตอบ - คาํ ถามในแบบฝก หัด - ถูกทุกขอ
- สังเกตการมสี วนรว ม - แบบประเมินการทาํ งาน - ระดับดี
ในการทาํ งานกลุม - แบบประเมินทกั ษะการพูด - ระดบั ดพี อใช
- สงั เกตการพูดเสนองาน - Check your progress
- การประเมนิ ตนเอง  Good progress
(Self-evaluation)  Excellent progress

7. บันทกึ หลังการจดั การเรยี นรู (Reflection)
...........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
8. กจิ กรรมเสนอแนะ (นวัตกรรม) (ถา มี)

...........................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

แผนการจัดการเรียนรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkยี 1นชรัน้ ู้ Pมัธroยมgrศeกึ sษsาปinท ่ีR4eading & Writing Book 1 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4

1515

แผนการจดั การเรียนรูท ี่ 4
เรือ่ ง Understand what makes an amazing middle
รหสั วชิ า................................ รายวชิ าเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทกั ษะอา น-เขยี น) ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 4

กลมุ สาระการเรยี นรูภ าษาตางประเทศ ปก ารศึกษา 25...... ภาคเรยี นท่.ี ...... เวลา 1 ช่ัวโมง

ผูสอน.....................................................

1. จุดประสงคการเรียนรู (Learning Objective)
อา นเรื่องเลา (story-telling) ระบุใจความสาํ คญั รายละเอยี ด ตคี วาม อนุมานความ คาดคะเนเหตุการณ และ

เช่ือมโยงสูการเขียนประโยคและขอความในการลงความเห็นเกี่ยวกับเร่ืองท่ีอาน โดยใชคําศัพทและโครงสราง
ทางภาษาทเ่ี หมาะสมกับระดับช้ัน

2. สาระสําคญั /ความคดิ รวบยอด (Learning Concept)
การอา นเร่อื งเลา (story-telling) จบั ใจความสาํ คญั รายละเอียด ตคี วาม อนุมานความ คาดคะเนการณ ทําให

ผูเรียนไดรับความรูดานเนื้อหา ภาษา ไดฝกทักษะการอาน การเขียน การคิด การมีจินตนาการ สรางเสริมนิสัย
รักการอา น ทาํ ใหการสือ่ สารดา นภาษาบรรลุวัตถุประสงคตามเปา หมายท่ีกําหนดไว

3. สาระการเรยี นรู (Learning Contents)
3.1 ดา นความรู (Knowledge)
 Vocabulary
- waiter, shivered, clues, shrugging, distrusted, rucksack
 Structure
- Past simple tense
 Function
- Reading for understanding storyteller
- Writing about the story
3.2 ดา นทักษะกระบวนการ (Process)
- กระบวนการฝกทักษะการอาน จับใจความสําคัญ รายละเอียด ตีความ อนุมานความ และคาดคะเน

เหตกุ ารณ
- กระบวนการกลุม
- กระบวนการคิด

3.3 ดา นเจตคติ (Attitude/Desired Character)
- มคี วามมน่ั ใจในการใชภาษาอังกฤษเพอ่ื การสื่อสาร
- มเี หตผุ ล มีวจิ ารณญาณ
- มีประสทิ ธภิ าพในการสือ่ สาร
- มนี สิ ัยรกั การอา น
- มคี วามคิดรเิ รม่ิ สรางสรรค

แผนแผกนากราจรัดจกดั ากรารเรเรยี ยี นนรรู้ู PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชัน้kม1ธั ยชมัน้ ศมึกัธษยาปมทศี่ กึ 4ษาปีท่ี 4

16 16

4. กิจกรรมการเรียนรู (Learning Actualities)

ประกอบดวย 4 กจิ กรรม คือ
1. Getting you thinking
2. How does it work?
3. Now you try it
4. Apply your skills
 ขน้ั นาํ เขา สบู ทเรียน (Lead-in)
ครูเขยี นประโยค Understand what makes an exciting start to a story ถามนักเรียนวา นกั เรยี นเห็น
ประโยคนท้ี ไี่ หน
นักเรยี นตอบ : Topic I
ครใู หน ักเรียนดูประโยคของ Topic 2 ในหนงั สอื เรียนหนา 48
ใหนักเรียนอานออกเสยี ง : Understand what makes an amazing middle
ครูถาม : What does it mean?
นกั เรียนอาจตอบ : To learn to understand what makes the middle of the
story is amazing.
ครถู าม : How can it be so amazing?
นกั เรยี น : I don’t know.
ครูบอกนักเรียน : Let see how it can be.
หมายเหตุ ครูอาจถามนักเรียนเปนภาษาไทยก็ได อะไรท่ีจะทําใหตอนกลางของเร่ืองนาทึ่ง นาติดตาม
นักเรียนอาจจะบอกไมทราบ หรือบางคนอาจจะบอกวา จะตองมีเหตุการณอยางใดอยางหนึ่งเกิดขึ้น แลวแต
สภาพการณแ ละพื้นฐานของนกั เรยี น
ครูบอกนักเรยี นวา ในชวั่ โมงกอนๆ เราไดเรยี นเกย่ี วกับวิธกี ารอยา งไรทผ่ี เู ขียนใชใ นการเร่ิมตนเลาเร่ือง ท่ีจะ
ทําใหผ อู า นอยากอา นตอ ชวั่ โมงน้ีเราจะไดเ รยี นรวู าผเู ขียนใชกลวิธดี ําเนนิ เรอื่ งอยา งไรในชวงกลางทีจ่ ะทําใหผ ูอานรสู ึก
ท่งึ และใครรู
 ข้ันกอนการอาน (Pre-reading)
กิจกรรม Getting you thinking ในหนังสือหนา 48
1. ครใู หนกั เรียนดูภาพในหนังสอื เรยี นหนา 48 ต้ังคําถามใหนกั เรียนตอบ
ตัวอยา งเชน
Teacher : Where is she?
Students : In the cafe’.
Teacher : Is she beautiful?
Students : Yes.
Teacher : Is she happy?
Students : Yes. / No. / Don’t know.
2. ครูใหนักเรียนดูหัวขอ Amelis’s Nightmare ใหนักเรียนเดาวา Nightmare ของ Amelia คืออะไร
คาํ ตอบของนักเรียนไมม ถี ูกหรอื ผิด (ครูเขยี นคาํ ตอบของนกั เรียนบนกระดาน)
3. ครูแจก Worksheet III เปน passage เพอื่ ปูพืน้ เร่อื งราวของ Amelia กอนท่ีจะใหนักเรียนทํากิจกรรม
หัวขอ Getting you thinking (ใหนกั เรียนอานเงยี บๆ ประมาณ 5 นาที)

แผนการจัดการเรยี นรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinดั gกBาoรoเรkีย1นชร้ันู้ Pมธัroยมgrศeกึ sษsาปinท ่ีR4eading & Writing Book 1 ช้ันมัธยมศกึ ษาปที ่ี 4

1717
 ขั้นขณะอาน (While-reading)

1. นกั เรียนทํากิจกรรม Getting you thinking ในหนา 48 โดยจับคูอ า นบทอาน Amelia’s Nightmare
แลว ทาํ กจิ กรรมขอ  และขอ  นักเรียนขีดเสนใตป ระโยคในบทอา นทนี่ กั เรยี นคดิ วาเปนคาํ ตอบ

What’s Amelia’s problem at the start of this extract?
นกั เรยี นอาจใหค าํ ตอบวาอยูในบรรทดั ที่ 2 : She wondered what had happened to her dad.
ครู : Can you guess? Is it good or bad?
นกั เรยี น : Maybe it’s bad?
ครู : How do you know?
นกั เรียนอาจใหคาํ ตอบทหี่ ลากหลาย จากที่อา นในเนอ้ื เรื่อง
เชน : She’d spent ages trying to find him.

She didn’t like the look in the waiter’s eyes.
ครูชีใ้ หน ักเรียนดูคําวา problem ในตัวคําถาม เปน รองรอย / แนะวา เหตุการณนาจะไมคอยดี อาจเกิด
กบั คณุ พอ ของ Amelia
2. ครูใหน ักเรยี นชว ยกันตอบคาํ ถามของกิจกรรมขอ  ในหนา 48
There’s a new problem to keep the reader interested by the end of the extract. What
is it?
นักเรียนใหคําตอบวา “I know all about your dad, said the waiter. Amelia shivered. He’d
read her thoughts.”
ครูรับรองคําตอบของนักเรียน และอธิบายเพ่ิมเติมวา Amelia รูสึกกลัว / ไมสบายใจอยางมาก
ทีพ่ นกั งานเสิรฟคนนั้นอานความคดิ ของเธอออกวา เธอกังวลถึงความปลอดภัยของพอ เพราะคําพูดท่ีบอกเธอวา ผมรู
ทกุ เรือ่ งเกี่ยวกับของพอคุณ ครูยาํ้ กับนกั เรียนวา อยาลืมทเี่ ราอา นเรอื่ งตอนตนของ Amelia ใน worksheet III
3. ครูและนักเรียนอานหัวขอ How does it work? ในหนา 49 ดวยกัน ครูใหนักเรียนหา key word
ในการอธิบายหัวขอ นี้
The middle of the story usually includes a problem. The problem keeps the reader
hooked--they want to know how the characters (s) will solve the problem. Writers also keep the
reader hooked by using descriptions of people and places.
นกั เรยี นอาจใหคาํ ตอบดังน้ี : 1. problem

2. how the characters (s) will solve the problem
ครูอธิบายเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจดียิ่งข้ึน ในการที่ผูเขียนนําเสนอกลยุทธในการดําเนินเร่ือง
ใหผูอานอยากติดตาม โดยบอกวาตอนกลางของเรื่องมักจะเปนเงื่อนงําของปญหา (problems) ตัวละครจะ
แกปญหานั้นอยางไร (solve the problems) ท้ังผูเขียนจะใชกลยุทธในการบรรยายตัวละครและสถานที่ในเรื่อง
ไดอ ยา งนา เรา ใจ
4. ครูและนกั เรียนชวยกนั สรุป How does it work?
- Problem
- How the characters will solve the problems
- Writers use interesting descriptions of people and places.
5. ครูใหน ักเรยี นทาํ กจิ กรรมในหวั ขอ Now you try it ในหนา 49
นกั เรียนจับคูอ านบทอา นทีเ่ ปน version แตกตางไปจาก version แรก

แผนแผกนากราจรัดจกัดากรารเรเรยี ยี นนรรู้ู PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชน้ัkม1ธั ยชม้นั ศมึกธัษยาปมทศี่ กึ 4ษาปที ่ี 4

18 18
6. นักเรียนจับคูทํากิจกรรมขอ : Describe the character of the waiter to your partner. Think

about the following questions: ในหนา 50
- What does the word ‘hissed’ suggest about him?
- What do Amelia’s thoughts and the description of him suggest?
- What does Amelia’s reaction ‘(Amelia shivered’) suggest about the way he makes her

feel?
คาํ ถาม: What does the word ‘hissed’ suggest about him?
นกั เรยี นชว ยกันตอบ: The waiter seemed to dislike her father.
ครูอาจถามเหตผุ ลวา รไู ดอ ยางไร : How do you know?
นักเรียนใหคําตอบวา คําวา ‘hissed’ means to show disapproval and dislike.
ครถู ามคําถามขอตอ ไป: What do Amelia’s thoughts and the description of him suggest?
นักเรียนอาจตอบ: Amilia’s thoughts are:
- She distrusted him. (อยูใ น paragraph ที่ 3 บรรทัดที่ 2)
- The waiter had read her thoughts. (paragraph สดุ ทา ย บรรทัดสุดทาย)
- The description of the waiter:
- His smile didn’t seem real. He shrugged his shoulders.
- The way he speaks to her: the word ‘hissed’
นักเรียนตอบคาํ ถาม: What does Amelia’s reaction?
นักเรียนชว ยกันตอบ: She shivered.
ครถู าม: What does the word ‘shivered’ show? Did she feel cold?
นักเรยี นตอบ: No, she felt afraid.

 ขั้นหลงั การอาน (Post-reading)
1. ครใู หน ักเรียนทาํ กจิ กรรม Apply your skills ในหนา 51 โดยนักเรียนจับคแู ละตอบคาํ ถามตอ ไปนี้
คําถามขอ  Which extract did you like best and why?
- Which includes more description?
- Which tells us more?
- Do you prefer shorter paragraphs?
- Why might shorter paragraphs work better?
Write one or two sentences saying why one was better than the other and which made

the best ‘middle’ of a story.
2. นกั เรียนเขยี น 1-2 ประโยค แสดงความคดิ เหน็ วา extract 1 ในหนา 50 กับ extract 2 ในหนา 51

อันไหนดกี วา และทาํ ไม
3. นักเรยี นอาสาสมัคร นาํ เสนอความคดิ เห็นของตนประมาณ 7-8 คนใหเ พ่อื นๆ ฟง

 ขน้ั สรปุ (Reinforcement/Wrap-up)
1. ครูสรุปใหนักเรียนฟงวา extract 2 อธิบายเร่ืองราวละเอียดกวา และใหขอมูลมากกวา extract 1

แต extract 1 เรือ่ งส้ันกวา กระชบั กวา และงายกวา การตดิ ตามการดําเนนิ เรอ่ื งรวดเร็ว และนาตนื่ เตน
2. นกั เรยี นตรวจสอบความกา วหนาของตนเองใน check your progress ทา ยบทเรยี น ในหนา 51

แผนการจัดการเรียนรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkยี 1นชร้นั ู้ Pมัธroยมgrศeกึ sษsาปinที่R4eading & Writing Book 1 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4

1919

5. สอื่ /แหลงเรยี นรู (Learning material and resource)
- หนังสอื เรียน Progress in Reading & Writing Book 1, Chapter 4 Topic 2 หนา 48-51
- พจนานกุ รมอังกฤษ-องั กฤษ / องั กฤษ-ไทย

6. การวดั และประเมนิ ผล (Assessment and Evaluation)

วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ
- สงั เกตการมสี ว นรวม - แบบประเมินการทาํ งาน - ระดบั ดี
ในการทํางานกลมุ - แบบประเมินทกั ษะการพูด - ระดบั ดีพอใช
- สงั เกตการพดู เสนองาน - Check your progress
- การประเมนิ ตนเอง  Good progress
(Self-evaluation)  Excellent progress

7. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู (Reflection)
...........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
8. กจิ กรรมเสนอแนะ (นวตั กรรม) (ถา ม)ี

...........................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

แผนแผกนากราจรัดจกัดากรารเรเรียียนนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชัน้kม1ธั ยชมั้นศมกึ ธัษยาปมทศี่ กึ 4ษาปที ่ี 4

20 20

แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ 5
เรือ่ ง Understand what makes an awesome end
รหัสวิชา................................ รายวชิ าเพม่ิ เตมิ ภาษาอังกฤษ (ทกั ษะอาน-เขยี น) ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 4

กลมุ สาระการเรียนรูภาษาตา งประเทศ ปก ารศึกษา 25...... ภาคเรียนท่ี....... เวลา 1 ชวั่ โมง

ผสู อน.....................................................

1. จดุ ประสงคการเรียนรู (Learning Objective)
อา นบทอา น เร่ือง Amelia’s Nightmare ระบใุ จความสําคัญ รายละเอยี ด ตีความ อนมุ านความ เปรียบเทียบ

ความเหมือนและความตา ง คาดคะเนเหตกุ ารณ และเชือ่ มโยงไปสูก ารเขียนประโยคและขอความ ในการลงความเห็น
เก่ยี วกับเรือ่ งทอี่ า น โดยใชคําศัพทและโครงสรางทางภาษาไดเ หมาะสมกบั ระดับชนั้
2. สาระสาํ คัญ/ความคดิ รวบยอด (Learning Concept)

การอานบทอาน เร่ือง Amelia’s Nightmare จับใจความสําคัญ รายละเอียด ตีความ อนุมานความ เปรียบ
เหมือนและเปรยี บตาง คาดคะเนเหตกุ ารณ ทาํ ใหผเู รียนไดรับความรดู านเน้อื หาภาษา ไดฝ กทักษะ การอา น การเขียน
การคดิ ฝกการสรางจนิ ตนาการ ความคิดสรา งสรรค สรา งเสริมนิสยั รักการอาน ทาํ ใหการส่ือสารมปี ระสิทธิภาพ และ
บรรลุวัตถุประสงคต ามเปาหมาย
3. สาระการเรยี นรู (Learning Contents)

3.1 ดา นความรู (Knowledge)
 Vocabulary
- waiter, forced, surrounded, rescued, prisoner, run out of
 Structure
- Past Simple Tense
 Function
- Reading for understanding story-telling
- Writing to summarize a short story

3.2 ดานทักษะกระบวนการ (Process)
- กระบวนการฝกทักษะการอาน จับใจความสําคัญ รายละเอียด ตีความ อนุมานความ เปรียบเทียบ

ความเหมอื นและความตาง การคาดคะเนเหตุการณ
- กระบวนการกลมุ
- กระบวนการคิด

3.3 ดานเจตคติ (Attitude/Desired Character)
- มีความมัน่ ใจในการใชภ าษาองั กฤษเพอื่ การสอ่ื สาร
- มเี หตุผล มีวิจารณญาณ
- มปี ระสิทธภิ าพในการส่ือความ
- มนี ิสัยรกั การอาน
- มีความคดิ ริเรม่ิ สรางสรรค

แผนการจดั การเรยี นรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkยี 1นชรนั้ ู้ Pมธัroยมgrศeึกsษsาปinท ี่R4eading & Writing Book 1 ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4

2121
4. กจิ กรรมการเรียนรู

ประกอบดว ย 4 กิจกรรม คือ
1. Getting you thinking
2. How does it work?
3. Now you try it
4. Apply your skills

 ขัน้ นําเขา สบู ทเรยี น (Lead-in)
ครทู บทวนบทเรยี น โดยใหนักเรยี นชว ยกันบอกวา Chapter 4 นักเรียนไดเ รยี นรูเกีย่ วกบั
1. Understand what make an exciting start story: โดยผูเขียน hook the readers / sets the

scene quickly และ introduce the characters in more detail.
2. Understand what makes an amazing middle: โดยท่ีตอนกลางในการดําเนินเรื่องใหผูอานอยาก

ตดิ ตาม ตอ งประกอบดวย problem / how the characters can solve it / interesting description of people
and places.

 ข้นั กอนการอาน (Pre-reading)
1. ครูแจงจุดประสงคของการเรียนรูในช่ัวโมงนี้ โดยใหนักเรียนดูชื่อเรื่องในหนังสือเรียน หนา 50

Understand what makes an awesome end : การจบเรื่องไดอ ยางวเิ ศษมาก
2. นกั เรียนดภู าพในหนา 52 ชว ยกันเดาเรื่องวา จะเปน อยา งไร ไมม คี ําตอบผดิ หรือถูก โดยครูบอกนักเรียน

วา Reading is a guessing game และ Predicting will make your brain work by finding the reason to
support your prediction.

3. นักเรยี นทํากจิ กรรมเดย่ี ว ทํา Worksheet IV : Vocabulary
นักเรยี นและครชู วยกนั เฉลยคําตอบ

 ข้ันขณะอา น (While-reading)
1. นักเรียนจับคูทํากจิ กรรมหวั ขอ Getting you thinking ในหนา 50 โดยอานแนวความคดิ ในตอนจบ

ของเรอ่ื ง แลว ตอบคาํ ถาม
- What do you think about these ideas for the end of Amelia’s Nightmare?
- Have all the problems been solved?
- ครใู หน ักเรยี นแสดงความคิดเห็น ซ่ึงนกั เรียนอาจจะเหน็ ดว ยกบั ตอนจบของเรอื่ งที่ text กําหนดมาให

หรือไมก ็ได
- ครูถามนกั เรียน : Do you think all the problems have been solved?
น.ร.อาจตอบวา : Yes.
ครู : Why?
น.ร.ตอบ : Amelia’s dad is safe. She is happy now.

2. นักเรียนอา นหวั ขอ ในกิจกรรม How does it work?: The ending of a story is important. The
problem or problems that came up in the middle of the story are usually solved at the end.

ครูชีใ้ หเ ห็นวาตอนจบของเรอื่ งเปน ส่ิงสําคัญ ปญ หา/อุปสรรค ตอนกลางของการดําเนินเรอ่ื งไดถกู แกไข
ในตอนจบของเรอื่ ง ซึ่งเรอ่ื งจะจบลงแบบมีความสขุ หรือโศกเศรา หรือเลวรา ยนนั้ ข้ึนอยกู บั ความตองการของผเู ขียน

แผนแผกนากราจรดั จกัดากรารเรเรียียนนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชนั้kม1ธั ยชมั้นศมกึ ธัษยาปมทศี่ ึก4ษาปีท่ี 4

22 22

 ขัน้ หลงั การอา น (While-reading)
นักเรียนแบง กลมุ ๆ ละ 4 คน ครใู หนกั เรียนจบั ฉลากเลือกทํากิจกรรม ในหัวขอ Now you try it หนา 53

ขอ  หรอื ขอ 
กจิ กรรมขอ  : Work with your group.
1) Talk about the structure and organisation of a story you know well. Then answer

the following questions :
- Does it work?
- Is it exciting?
- Is there a problem in the middle of the story that is solved by the end?

2) ใหนกั เรียนเขียนเรือ่ งทป่ี รึกษาในกลมุ (ขอ 1) โดยครอบคลุมหวั ขอ ท่อี ภปิ ราย
กิจกรรมขอ  : ครูเขียนตอนจบของเรอื่ ง Amelia’s nightmare บนกระดาน
- Amelia walks out of the café and spots a policeman.
- The waiter is questioned and he informs the policeman about the gang.
- The gang members are arrested.
- Amelia’s dad is found hiding at a friend’s house.

นักเรยี นกลุมท่ีจบั ฉลากไดข อ  เขียนเร่ืองของ Amelia ต้ังแตต น จนจบตามเคาโครงท่ีกําหนดให หรือ
ในตอนจบ นกั เรยี นจะอาศัยแนวการจบทคี่ รูเขยี นเปนแนวทางให หรอื แตง ขึน้ เองในกลมุ ของนักเรยี นกไ็ ด

3) นักเรียนทํากจิ กรรม Apply your skills :
Present your ideas for the end of a story to other groups. Which ideas would make

the best story end. Give reasons.
- ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอตอนจบของเรื่องที่ไดลงความเห็นตรงกันวาเปนการเขียนนําเสนอ

แนวคดิ ตอนจบไดดีท่สี ุด พรอ มใหเ หตุผล
หมายเหตุ : 1. นักเรยี นทุกกลุมตองเขยี นเรือ่ งหรือ rewrite ตามหัวขอทีก่ ลมุ ตนเองจับฉลากได
2. ใชร ะยะเวลาสั้นๆ ในการนําเสนอเลาเรอ่ื งโดยเนน การเสนอความคดิ ตอนจบของเรอ่ื งวา

ดีอยางไร และใหเหตุผลสนับสนุน
 ขน้ั สรปุ (Reinforcement/Wrap-up)
1. ครูติดผลงานเขียนของนักเรียนแตละกลุมท่ี Board หนาชั้นเรียน นักเรียนแตละกลุมอานทบทวน

หลังจากฟงการนาํ เสนอผลงานของแตละกลมุ
2. ครูแบงกลุมนักเรียน กลุมละ 8 คน คนควาเร่ืองเลาท่ีมีเน้ือหาสั้นๆ ใกลเคียงกับเรื่อง Amelia หรือ

ทนี่ กั เรยี นชอบมาอาน แลวยอ เร่ืองทําเปน รายงานของกลมุ สงเปนผลงาน

แผนการจัดการเรยี นรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinดั gกBาoรoเรkยี 1นชรัน้ ู้ Pมธัroยมgrศeกึ sษsาปinท ่ีR4eading & Writing Book 1 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 4

2323

5. สอื่ /แหลง เรียนรู (Learning material and resource)
- หนงั สือเรยี น Progress in Reading & Writing Book 1, Chapter 4 Topic 3 หนา 52-54

- พจนานกุ รมองั กฤษ-อังกฤษ / อังกฤษ-ไทย
- หอ งสมุดโรงเรียน / Internet

6. การวัดและประเมินผล (Assessment and Evaluation)

วิธกี าร เครอ่ื งมือ เกณฑ
- ตรวจคาํ ตอบ - Worksheet - ถกู ทกุ ขอ
- สงั เกตการทํางานกลุม - แบบประเมนิ การทาํ งาน - ระดับดี
- รายงานการเขียนเรือ่ ง - แบบประเมนิ การเขียน - ระดับพอใช
- การประเมนิ ตนเอง - Check your progress
(Self-evaluation)  Good progress
 Excellent progress

7. บนั ทึกหลงั การจดั การเรยี นรู (Reflection)
...........................................................................................................................................................................

......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
8. กิจกรรมเสนอแนะ (นวตั กรรม) (ถาม)ี

...........................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................

แผนแผกนากราจรัดจกดั ากรารเรเรียียนนรรู้ู PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชน้ัkม1ัธยชมัน้ ศมึกธัษยาปมทศี่ กึ 4ษาปีที่ 4

24 24
Worksheet I (ชวั่ โมงที่ 1)

Topic 1 Understand what makes an exciting start to a story

Directions : Match the words in Column A to the definition in Column B.

Column A Column B

………. 1. a ghost (n) a. the form or outline of anything.
………. 2. change (v) b. a person in a story or a play
………. 3. building (n) c. the spirit of a dead person
………. 4. choke (v) d. to make a new thing
………. 5. a shape (n) e. to make or to become different
………. 6. character (n) f. to take air into the lungs and send it out again.
………. 7. scene (n) g. to stop breathing because something is blocking the throat.
………. 8. invent (v) h. a bright light of fire
………. 9. scream (v) i. a cloud of moisture in the air, close to the ground that makes
………. 10. ablaze (adj)
………. 11. breathe (v) it different to see
………. 12. mist (n) j. to shout or cry very loudly
k. the place of a real or imagined event.
l. a structure with walls and a roof.

Answer Key: Worksheet I
1. c 5. a 9. j
2. e 6. b 10. h
3. l 7. k 11. f
4. g 8. d 12. i

แผนการจัดการเรยี นรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinดั gกBาoรoเรkยี 1นชรนั้ ู้ Pมธัroยมgrศeกึ sษsาปinท ่ีR4eading & Writing Book 1 ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 4

2525

Worksheet II (ช่ัวโมงที่ 2)
Topic I Understand what makes an exciting start to a story
Directions: Read the story (page 45) then answer the question.
1. Name a new arrival.
................................................................................................................................................................................
2. Where did “I” spend the morning?
................................................................................................................................................................................
3. What was he doing?
................................................................................................................................................................................
4. How do you know the Big Tree is his favorite place? Give the words in the story.
................................................................................................................................................................................
5. Give the phrase that indicates he enjoyed his swinging
................................................................................................................................................................................
6. Do you think he likes spending time with the other monkeys? How do you know?
................................................................................................................................................................................
7. Was he free? Give the words that prove your answer.
................................................................................................................................................................................
8. Who was his best friend?
................................................................................................................................................................................
9. What did his friend believe?
................................................................................................................................................................................

Answer Key: Worksheet II
1. Skink
2. At the Big Tree
3. Swinging around the branches of the Big Tree
4. Favorite spot in the whole wild world
5. The great big whoop
6. No. The following sentences:

- Get something good thinking done, and you couldn’t do that with the rest of the tribe all
chattering.

- You feel like you were on your own.
7. No. The words “ENCLOSURE” and “The Fence”
8. Chim
9. He believed that thinking is dangerous because he warns Ginz that if he spends too much time

thinking he will end up wearing his brain out!

แผนแผกนากราจรดั จกดั ากรารเรเรียยี นนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooช้นัkม1ธั ยชมนั้ ศมกึ ธัษยาปมทศ่ี กึ 4ษาปีท่ี 4

26 26
Worksheet III (ชั่วโมงที่ 4)

Chapter 3 Topic 2: Understanding what makes an amazing middle
Direction: Read this passage:

Amelia has bunked off school. She arrives home and is in her bedroom when her dad arrives.
She sneaks a look downstairs. In the hall way are her dad and two strangers. They argue and
threaten her dad. Her dad sounds frightened. later her dad vanished. Amelia goes in search of him.
She finally stops in a café to think what to do next.

แผนการจดั การเรียนรู Progress in Readinแgผ&นกWาrรitจinัดgกBาoรoเรkยี 1นชร้นั ู้ Pมธัroยมgrศeึกsษsาปinท ี่R4eading & Writing Book 1 ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4

2727

Worksheet IV (ช่วั โมงที่ 5)
Chapter 3 Topic 3: Understand what makes an awesome end

Direction: Use the words given below to complete sentences. waiter
a bank gang forced robbed
prisoner run out of surrounded rescued

1. I don’t want to do it but he ……………….. me.
2. He became a ……………….. because he had robbed the bank.
3. May I borrow some sugar? I have ……………….. mine.
4. He ……………….. the man from drowning last night.
5. A high wall ……………….. the prison camp.
6. The girl was ……………….. of her bag yesterday.
7. A ……………….. of robbers was arrested by the police.
8. Amelia’s dad works for ………………... .
9. That ……………….. served Amelia a cup of coffee.

Answer Key: Worksheet IV

1. forced 4. rescued 7. gang
2. prisoner 5. surrounded 8. a bank
3. run out of 6. robbed 9. waiter

แผนแผกนากราจรัดจกัดากรารเรเรยี ยี นนรรูู้ PPrrooggrreessssininReRaedaindgin&gW&ritWinrgitBinogokB1ooชัน้kม1ัธยชมน้ั ศมึกัธษยาปมทศี่ กึ 4ษาปที ี่ 4



NEW สื่อการเรียนรูภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ

Impact 1, 2, 3

สื่อการเรียนรูภาษาอังกฤษ ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หSนtงuั สdอื เeรยีnนt,รsายBวชิ oาพoน้ื kฐ,านWภาoษrาkองัbกสoฤษืo่อกkกล,ามุ แสราเผรระนกียากรนเารรยีรนูภจรัดภาู าษกษาาาตรอา เงังรปียกระนฤเทรษศู ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายNEWหSนtงuั สdอื เeรยีnนt,รsายBวชิ oาพoน้ื kฐ,านWภาoษrาkอสงัbกื่อoฤษoกกkาล,รมุ เแสราผรียะนกนากรรเารูภยีรนจารษัดภู ากาษอาาตรังา เงกรปียฤระนเษทรศรู ะดับมัธยมศึกษาตอนปลายNEWStudent,s Book, Workbook, แผนการจดั การเรียนรู
หนงั สอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน ภาษาองั กฤษ กลมุ สาระการเรยี นรภู าษาตา งประเทศ
รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ รายวิชาพื้นฐาน ภาษาอังกฤษ ประกอบดวย
Impact 1, 2, 3 Impact 1, 2, 3 Impact 1, 2, 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 6
ประกอบดวย ประกอบดวย Student’s Book, Workbook,
ประกอบดวย Student’s Book, Workbook, Student’s Book, Workbook, ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศกั ราช 2551 Lesson Planner,
Student’s Book, Workbook, Teacher’s Book Teacher’s Book
Teacher’s Book แผนการจัดการเรียนรู, Audio CD แผนการจัดการเรียนรู, Audio CD แผนการจัดการเรียนรู, Audio CD
แผนการจัดการเรียนรู, Audio CD
ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 4 รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะฟง-พูด) ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะฟง-พูด)
รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะฟง-พูด)
Communication Spotlight Listening & Speaking Skills 1, 2, 3 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศCกึ oษmาขm้ันพuืน้ nฐicาaนtiพoทุ nธSศpักรoาtชlig2h5t51Listening & Speaking Skills 1, 2, 3 ตามหลักสตู รแกนกลางกาCรศoกึ mษmาขuั้นnพiนื้caฐาtiนonพุทSธpศoกั tlรiาgชh2t 5L5i1stening & Speaking Skills 1, 2, 3

ประกอบดวย ประกอบดวย ประกอบดวย
nt’s Book, Teacher’s Note, Student’s Book, Teacher’s Note, Student’s Book, Teacher’s Note,
การจัดการเรียนรู, Audio CD แผนการจัดการเรียนรู, Audio CD แผนการจัดการเรียนรู, Audio CD

รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะอาน-เขียน) รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะอาน-เขียน) รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะอาน-เขียน)
Progress in Reading & Writing 1, 2, 3 Progress in Reading & Writing 1, 2, 3 Progress in Reading & Writing 1, 2, 3

ประกอบดวย ประกอบดวย ประกอบดวย
Student’s Book, แผนการจัดการเรียนรู, Student’s Book, แผนการจัดการเรียนรู, Student’s Book, แผนการจัดการเรียนรู,
Audio CD, Test Bank Audio CD, Test Bank Audio CD, Test Bank

Sample Unit 1STUDENT,S BOOK Sample Unit 2STUDENT,S BOOK Sample Unit 3STUDENT,S BOOK
Impact 1 Impact 2 Impact 3

ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 4 ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 5 ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6

รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะฟง-พูด)

Communication Spotlight Listening & Speaking Skills 1, 2, 3

ประกอบดวย

Student’s Book, Teacher’s Guide,

แผนการจัดการเรียนรู, Audio CD

รายวิชาเพิ่มเติม ภาษาอังกฤษ (ทักษะอาน-เขียน)

Progress in Reading & Writing 1, 2, 3

ประกอบดวย
Student’s Book, แผนการจดั การเรียนรู

Sample Unit
Progress in Reading

& Writing 1
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 4