The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by แปด มกรา, 2023-07-05 10:59:18

บีทรูท

บีทรูท

บีทรูท ชื่อวิทยาศาสตร์: Beta vulgaris L. ชื่อสามัญ : มีชื่อสามัญว่า “Garden beet” “Common beet” ชื่อท้องถิ่น : มีชื่อท้องถิ่นว่า “ผักกาดฝรั่ง” หรือ “ผักกาดแดง” ชื่อวงศ์: วงศ์บานไม่รู้โรย (AMARANTHACEAE) ลักษณะทั่วไปของ บีทรูท (Beet-Root) หรือเรียกว่า บีตรูต ผักกาดฝรั่ง ผักกาดแดง เป็นพืชผักสมุนไพร เป็นพืชล้มลุกขนาด เล็ก ล าต้นสั้นๆเชื่อมอยู่ระหว่างรากกับใบ ใบแทงออกบริเวณตรงโคนของล าต้น ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว มีก้านใบยาว ออกเรียงสลับรอบๆ ใบมีลักษณะทรงรี ขอบใบมีรอยหยัก ใบมีสีเขียว มีลายเส้นสีแดงอมม่วง มีระบบรากแก้ว เป็น รากแก้วที่พองโต เรียกว่าหัวไว้เก็บสะสมอาหาร มีหัวขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ตามสายพันธุ์มีลักษณะทรงกลม มีสี ม่วงอมแดง สีแดงเลือดหมู สีเหลือง ตามสายพันธุ์ มีรากฝอยเล็กๆออกรอบๆหัวเล็กน้อย มีเปลือกบางผิวเรียบ มี เนื้อแน่นฉ่ าน้ า มีรสชาติหวานกรอบ มีปลายรากแก้วยาวเล็กๆ แทงลงในดิน สามารถรับประทานสดได้ ท าเครื่องดื่ม ได้ น ามาประกอบอาหารเมนูต่างๆ ได้หลายเมนู ประเทศไทยมีปลูก ในภาคเหนือหลายสายพันธุ์


ลักษณะเด่นประจ าพันธุ์ หัวกลม สีม่วงชมพู ก้านใบสีม่วง ใบสีเขียวเข้มออกม่วงเล็กน้อย รสชาติหวาน ล าต้น เป็นพืชล้มลุกขนาดเล็ก มีอายุสั้นฤดูเดียว ล าต้นเดี่ยวสั้นๆเชื่อมอยู่ระหว่างรากกับใบ มีลักษณะกลมๆ เป็นข้อสั้นๆ จะมีก้านใบแทงออกจากโคนล าต้น มีสีแดงอมม่วง ใบ เป็นใบเลี้ยงเดี่ยว แทงออกบริเวณตรงโคนของล าต้น มีก้านใบยาว ออกเรียงสลับรอบๆ ใบมีลักษณะทรงรี ขอบใบมีรอยหยัก ใบมีสีเขียว มีลายเส้นสีแดงอมม่วง ราก มีระบบรากแก้ว เป็นรากแก้วที่พองโต เรียกว่าหัวไว้เก็บสะสมอาหาร มีหัวขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ตามสายพันธุ์มีลักษณะทรงกลม มีสีม่วงอมแดง สีแดงเลือดหมู สีเหลือง ตามสายพันธุ์ มีรากฝอยเล็กๆออกรอบๆ หัวเล็กน้อย มีเปลือกบางผิวเรียบ มีเนื้อแน่นฉ่ าน้ า มีรสชาติหวานกรอบ มีปลายรากแก้วยาวเล็กๆ แทงลงในดิน ดอก ออกเป็นช่อ ก้านช่อดอกยาว มีดอกย่อยอยู่ ดอกมีลักษณะช่อ มีขนาดเล็กๆ ดอกสีเขียวอ่อน ผล ออกเป็นเมล็ดจ านวนมาก มีลักษณะทรงยาวรี มีขนาดเล็กๆ เมล็ดมีสีเทา การเพาะปลูก บิทรูทต้นอ่อนในไร่สามารถปลูกได้ตลอดปีในพื้นที่สูงกว่า 1,000 เมตร ควรเป็นดินร่วนปนทราย มีความ เป็นกรด-ด่าง ประมาณ 5.5-7.0 มีการระบายน้ ากับอากาศที่ดี โดยอุณหภูมิของดินต่อการงอกเมล็ดประมาณ 20 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิต่อการเจริญเติบโตประมาณ 15-22 องศาเซลเซียส สามารถเก็บผลผลิตทั้งปีและมีมาก ในช่วงเดือนธันวาคม ถึง เดือนมีนาคม


ค าแนะน าในการปลูก เตรียมแปลงปลูกโดยการคลุกปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่ผ่านการหมักแล้วใส่คลุกเคล้าในแปลงให้ทั่ว จากนั้นใช้ ไม้ ขีดเป็นร่องตามแนวขวางหรือตามแนวยาวแปลง เมื่อต้นกล้าอายุ7-15 วัน ให้ท าการถอนแยกต้นที่ถี่มากเกินไป ออกเมื่อต้นกล้าอายุ 20-25 วัน ให้ใส่ปุ๋ยหมักและพรวนดิน (ต้องหมั่นสังเกตต้นพืชว่าควรจะให้ปุ๋ยเพิ่มอีกไหมจน เริ่มมีหัว) ระยะห่างระหว่างต้น x แถว : 7-10 ซม.X 7-10 ซม. (ปลูกให้เต็มแปลงคล้ายกับการปลูกผักกาด) เหมาะส าหรับปลูกแปลงกลางแจ้ง การดูแลและบ ารุงรักษา การให้ปุ๋ย ครั้งที่ 1 ผสมลงไปในแปลงก่อนให้เข้ากันก่อนหยอดเมล็ด ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2 เมื่อต้นพืชอายุได้ 20- 25 วัน, ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกที่ผ่านการหมักแล้ว(ให้สังเกตพืชด้วยว่าปุ๋ยหมักเพียงพอกับความต้องการหรือไม่ อาจจะให้เพิ่มอีกได้) การก าจัดวัชพืชและพรวนดิน เมื่อมีการถอนหญ้าให้พรวนดินโดยรอบต้นด้วย โดยให้สังเกตภายในแปลงตามความ เหมาะสม การให้น้ า ควรให้น้ าอย่างสม่ าเสมอ ให้พอเหมาะกับพืชไม่ควรให้แห้งหรือแฉะมากเกินไป (ให้คอยสังเกตที่ดินปลูก) การเก็บเกี่ยวผลผลิตบีทรูท บีทรูทจะสามารถเก็บผลผลิตได้ มีอายุประมาณ 100-120 วัน หลังปลูกลงแปลง ตามสายพันธุ์ ให้สังเกตที่ ต้นจะโตเต็มที่ ไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป ให้ถอนออกมาทั้งต้น แล้วตัดแต่งใบเสียทิ้งไป ล้างดินออกให้หมด แล้วน าใส่ใน ภาชนะที่เตรียมไว้ ให้ระวังอย่าให้โดนความร้อนหรือแสงแดด จะท าให้เหี่ยวได้


วิธีเก็บรักษาบีทรูท จะน าบีทรูท แล้วน ามาล้างน้ าให้สะอาด เราจะมีวิธีเก็บรักษาให้สดนานๆ คือให้ล้างน้ าให้สะอาดดี แล้วให้ สะเด็ดน้ าออกให้หมด แล้วน ามาวางในที่อากาศถ่ายเท จะเก็บไว้ได้นาน โรคทั่วไป มีหลายโรคทั่วไปที่ผู้ปลูกพบเมื่อปลูกผักชนิดนี้ ขอแนะน าให้ท าความคุ้นเคยล่วงหน้ากับคุณสมบัติที่โดด เด่นและวิธีการรักษาพื้นบ้านส าหรับการฟื้นฟูใบของพุ่มไม้บีทรูท Corneed โรคของบีทรูททั้งหมดมีความแตกต่างกันและแสดงออกในรูปแบบที่แตกต่างกัน Cornedo แตกต่างจากโรค ทั่วไปเนื่องจากโรคนี้ถือว่าซับซ้อน การพัฒนาของผู้กินรากนั้นด าเนินการโดยแบคทีเรียและเชื้อราหลายสิบชนิดซึ่ง การกระท าดังกล่าวสามารถน าไปสู่การตายของพุ่มไม้ทั้งหมด โรคส่วนใหญ่มักปรากฏในดินที่มีน้ าขังหรือเนื่องจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ในตอนแรกผู้กินรากจะ ส่งผลกระทบต่อระบบรากของต้นกล้าเท่านั้นซึ่งเป็นสาเหตุที่รากค่อยๆเน่าและมืดลง จากนั้นอาการเน่าจะลุกลาม ไปที่ล าต้นและใบ พุ่มไม้ที่ได้รับผลกระทบจะเติบโตแย่ลงและคุณภาพของรากของพืชก็แย่ลงอย่างมาก


ขอแนะน าให้เริ่มรักษาต้นกล้าทันทีหลังจากสัญญาณแรกของการกินรากปรากฏขึ้น หากไม่มีการรักษา อย่างทันท่วงทีพุ่มไม้ที่ติดเชื้อทั้งหมดจะมืดและเน่า เพื่อก าจัดโรคต้นกล้าทั้งหมดจะถูกฉีดพ่นด้วยสารเคมี Tiram, Preficur หรือ Fitosporin Cercosporosis โรคทั่วไปที่มักพบเมื่อปลูกบีทรูทคือ cercosporosis มันเป็นโรคจากเชื้อราซึ่งมักพบในเมล็ดหรือถูกส่งโดย สปอร์จากพืชที่ติดเชื้อไปยังพืชที่มีสุขภาพดี เมื่อสัมผัสกับต้นกล้าเชื้อราจะเพิ่มจ านวนอย่างรวดเร็วและติดใบ ส่วน ใหญ่ cercosporosis จะปรากฏในช่วงครึ่งหลังของเดือนมิถุนายนในสภาพอากาศที่ฝนตก มันค่อนข้างง่ายที่จะระบุพุ่มไม้ที่ติดเชื้อรานี้ เมื่อเชื้อโรคเข้ามาจุดสีเทาเล็ก ๆ จะปรากฏบนใบของพุ่มไม้ เมื่อเวลา ผ่านไปจุดทั้งหมดบนใบจะลดลงเป็นจุดสีด าเล็ก ๆ ต้นกล้าที่ติดเชื้ออ่อนแอลงและการเจริญเติบโตของรากบกพร่อง


เพื่อป้องกันไม่ให้หัวบีทที่ดีต่อสุขภาพจากการหดตัวของ cercospora จึงมีการใช้มาตรการเพื่อต่อสู้กับ โรคนี้ ในการท าเช่นนี้พุ่มไม้ที่ติดเชื้อทั้งหมดจะถูกขุดขึ้นมาและเผา จากนั้นดินจะถูกบ าบัดด้วยสารเคมีเพื่อท าลาย เชื้อโรคของ cercospora Ramulariasis Beet ramularia มักสับสนกับ cercospora เนื่องจ ากโ รคเหล่ านี้มีอาก า รคล้ ายกันม าก ด้วย ramulariasis การจ าจะปรากฏบนใบและพืชจะค่อยๆตาย อย่างไรก็ตามโรคเหล่านี้มีความแตกต่างหลายประการ ซึ่งส่วนใหญ่คือสีของจุด ในกรณีนี้รอยโรคจะมีสีไม่เข้ม แต่สว่าง ส่วนใหญ่แล้ว ramulariasis จะปรากฏในช่วงครึ่ง หลังของฤดูร้อนในสภาพอากาศร้อน ขั้นแรกให้มีจุดปรากฏบนใบล่างของพุ่มไม้หลังจากนั้นจะค่อยๆเคลื่อนไปที่ ก้านใบและยอด ใบแพลตตินัมบนพืชที่ติดเชื้อจะถูกท าลายและตายอย่างสมบูรณ์ เพื่อหยุดการพัฒนาของ ramularia ต้นกล้าที่ติดเชื้อทั้งหมดจะได้รับการรักษาด้วยน้ ายาฆ่าเชื้อราเพื่อต่อสู้กับโรค


Fomoz ชาวสวนบางคนไม่คิดว่าบีทโฟโมซิสเป็นโรคร้ายแรงเนื่องจากจะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดฤดูปลูกหลังจากการสุก ของพืชราก อย่างไรก็ตามอย่าดูถูกผลเสียของ phomosis เนื่องจากอาการของมันจะปรากฏขึ้นแม้หลังจากการเก็บ เกี่ยวที่สุกแล้วก็ตาม เมื่อโรคดังกล่าวปรากฏขึ้นพืชจะถูกปกคลุมไปด้วยจุดสีน้ าตาลขนาดใหญ่ ในตอนแรกพวกมันจะปรากฏที่ส่วนล่าง ของพุ่มไม้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปการจ าจะกระจายไปที่ก้านดอกและก้านใบ ด้วยเหตุนี้ท็อปส์ซูทั้งหมดจึงค่อยๆแห้ง และคุณต้องก าจัดมันก่อนหน้านี้ หากคุณไม่ใช้เวลาในการรักษาตามเวลาหลังจาก 1-2 เดือนพืชที่เก็บเกี่ยวทั้งหมด จะเปลี่ยนเป็นสีด าและเสื่อมสภาพ พืชที่ติดเชื้อทั้งหมดควรได้รับการรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อราเป็นประจ า


peronosporosis หนึ่งในโรคที่พบบ่อยที่สุดคือ beet peronosporosis ซึ่งส่วนใหญ่มักมีผลต่อพุ่มไม้บีทรูท โรคนี้เกิดขึ้นใน ฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูร้อนในสภาพที่มีความชื้นสูง สัญญาณลักษณะเฉพาะของ peronosporosis คือการเปลี่ยนรูป ของใบและการตาย สาเหตุของการปรากฏตัวของโรคคือเชื้อราที่ติดเชื้อส่วนบนที่แข็งแรงและปกคลุมด้วยจุดสีเหลืองอย่าง สมบูรณ์ นอกจากนี้เนื่องจากอิทธิพลของเชื้อราดอกสีม่วงหรือสีเทาจึงปรากฏบนพื้นผิวของแผ่นซึ่งสปอร์ของ peronosporosis จะทวีคูณ เพื่อรักษาพืชผลและป้องกันพวกมันจากโรคนี้คุณควรฆ่าเชื้อเมล็ดพันธุ์ก่อนปลูกและ รักษาพืชด้วยยาฆ่าเชื้อราเป็นระยะ เชือกเน่า โรคของบีทรูทนี้พัฒนาภายใต้อิทธิพลของเชื้อราและจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายอื่น ๆ สัญญาณแรกของโรคจะ ปรากฏในช่วงปลายฤดูร้อน รากของพืชส่วนใหญ่มักประสบปัญหาเน่าคากาตนีซึ่งพื้นผิวจะค่อยๆปกคลุมไปด้วยเชื้อ รา เมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากเชื้อราเนื้อเยื่อของผลไม้จะตายและสลายตัว เพื่อป้องกันต้นกล้าจากการเน่าของคากัตคุณจะต้องปฏิบัติตามค าแนะน าบางประการ ไม่แนะน าให้ปลูก บีทรูทพันธุ์ที่ไม่มีความต้านทานต่อโรคทั่วไป นอกจากนี้เพื่อรักษาผลไม้ไม่ให้เน่าขอแนะน าให้คัดแยกพืชที่เก็บเกี่ยว ทั้งหมดก่อนที่จะเก็บและวางผลไม้ที่มีความเสียหายทางกลในภาชนะแยกต่างหาก


บินคลานแทะ พุ่มไม้บีทไม่เพียง แต่ต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคเท่านั้น แต่ยังมาจากศัตรูพืชซึ่งต้องก าจัดด้วยวิธีการรักษา พื้นบ้านหรือวิธีอื่น ๆ หมัดบีท โรคบีทมักเกิดจากหมัดบีทที่โจมตีพุ่มไม้ แมลงชนิดนี้ถือว่าค่อนข้างอันตรายเนื่องจากมันท าลายใบอ่อนของ ต้นกล้า บางครั้งศัตรูพืชไม่ได้หยุดอยู่ที่ใบและกินจุดเจริญเติบโตซึ่งเป็นสาเหตุที่ท าให้พุ่มไม้ไม่สามารถเติบโตได้ ตามปกติและตาย สัญญาณหลักของการปรากฏตัวของเพลี้ยใบบีท ได้แก่ การม้วนงอและการท าให้ใบแห้งสนิท ขอแนะน าให้ รักษาพืชที่ติดเชื้อจนกว่าแมลงรุ่นที่สองจะปรากฏขึ้นซึ่งจะเติบโตภายในกลางเดือนกรกฎาคม หากคุณไม่ก าจัดหมัด บีททันเวลาคุณจะไม่สามารถเก็บรากบีทรูทที่แข็งแรงได้


บีทคนงานเหมืองบิน บ่อยครั้งที่ต้นกล้าบีทรูทถูกแมลงวันบีทฆ่าซึ่งถือว่าเป็นศัตรูพืชที่อันตราย แมลงเข้าสู่พุ่มไม้ในช่วงครึ่งแรก ของเดือนพฤษภาคมและวางไข่บนพวกมันเพื่อผสมพันธุ์ลูกต่อไป เมื่อเวลาผ่านไปตัวอ่อนจะปรากฏขึ้นจากไข่ซึ่งกิน อาหารบนแผ่นใบไม้และกินเนื้อเยื่อที่ได้รับผลกระทบอย่างสมบูรณ์ โพรงที่เกิดขึ้นบนผ้าปูที่นอนค่อยๆแห้ง เพื่อป้องกันพุ่มไม้จากแมลงวันคนงานเหมืองและโรคหัวผักกาดจึงมีการใช้มาตรการควบคุมศัตรูพืชและ โรคเป็นพิเศษ ขอแนะน าให้ใช้สารละลายฆ่าแมลงที่เตรียมจากการเตรียม Proteus หรือ Maxi ข้อสรุป เกษตรกรผู้ปลูกผักส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการเพาะปลูกหัวบีทซึ่งมีความสนใจในการปลูกผักในสวนของ ตน ในการเก็บเกี่ยวผักบีทรูทที่ดีต่อสุขภาพขอแนะน าให้ท าความคุ้นเคยกับโรคที่พบบ่อยของพืชผักชนิดนี้และ คุณสมบัติของการรักษา


ประโยชน์ของบีทรูท สรรพคุณด้านเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ต้านอนุมูลอิสระและช่วยป้องกันความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ใน ร่างกาย เสริมสร้างพละก าลังและความแข็งแรง ลดอาการเหนื่อยล้าจากการออกก าลัง ท าให้ร่างกายอึดและ ทนทานมากขึ้นถึง 16% – ล้างสารพิษในร่างกาย ด้วยการดื่มน้ าคั้นบีทรูทก่อนนอน สรรพคุณด้านไขมัน ลดการสะสมไขมัน สรรพคุณด้านเลือดในร่างกาย ลดการอุดตันในหลอดเลือด บ ารุงหลอดเลือด ลดความดันเลือด รักษาโรค ความดันโลหิตสูง แก้ปัญหาอาการประจ าเดือนมาผิดปกติ – เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ด้วยการดื่มน้ าคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า สรรพคุณด้านระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย รักษาอาการท้องผูก – ท าให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น เป็นยาระบายและขับปัสสาวะ ด้วยการดื่มน้ าคั้นบีทรูทก่อนอาหารเช้า สรรพคุณด้านป้องกันโรค ยับยั้งสารก่อมะเร็งและลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก ลดจ านวนสารก่อมะเร็ง ในร่างกาย ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคอัมพาต สรรพคุณช่วยบรรเทาอาการ – แก้อาการไอและเจ็บคอ ขับเสมหะ ลดอาการบวมต่าง ๆ ด้วยการดื่มน้ าคั้นบีทรูทก่อนนอน สรรพคุณช่วยบ ารุงอวัยวะ บ ารุงหัวใจ – บ ารุงไตและถุงน้ าดี ด้วยการดื่มน้ าคั้นบีทรูทก่อนนอน สรรพคุณด้านความงาม – รักษาสิวหัวหนองหรือสิวอักเสบ และน้ าเหลืองเสีย ด้วยการใช้หัวบีทรูท 1 หัว มาต้มกับน้ าในปริมาณที่ ต้องการ


การน าไปใช้ประโยชน์ของบีทรูท เป็นส่วนประกอบของอาหาร ท าเป็นขนมหวานอย่างสาคูไส้บีทรูท สลัดน้ าบีทรูท ขนมบีทรูท ขนมเค้ก เยล ลี่บีทรูท พุดดิ้งนมสดบีทรูท พาสต้าหรือไอศกรีม น ามาดองท าเป็นน้ าส้มสายชูได้ ท าเป็นไวน์หรือเครื่องดื่ม แบบสมูทตี้ หัวบีทรูทใช้ในงานแกะสลักตกแต่งอาหาร ใช้เป็นสีจากธรรมชาติผสมอาหารได้ ค าแนะน าในการรับประทานหรือการใช้บีทรูท 1. หลังจากดื่มน้ าบีทรูทแล้วขับถ่ายออกมามีสีแดงปนเปื้อนนั้นไม่ใช่เลือด แต่เป็นเพราะร่างกายขับสารสีแดงจาก บีทรูทออกมา ซึ่งมาจากการรับประทานอาหารที่ท ามาจากบีทรูทมากเกินไป เรียกอาการนี้ว่า “บีทูเรีย” 2. ควรเลือกซื้อหัวบีทรูทที่มีขนาดเล็ก เพราะมีเนื้อละเอียดและให้รสหวานมากกว่าหัวบีทรูทขนาดใหญ่ 3. ควรเลือกซื้อผลที่มีผิวไม่เหี่ยว เนื้อไม่นิ่ม แต่ถ้าใบติดอยู่ด้วยให้เลือกหัวที่ใบยังสดอยู่ 4. การเก็บรักษาผลบีทรูท ควรล้างน้ าให้สะอาดแล้วเก็บใส่ในถุงตาข่าย จากนั้นวางไว้ในที่ร่มหรือจะน ามาแช่ใน ตู้เย็นตรงช่องเก็บผักก็ได้ สามารถเก็บได้นานถึง 2 อาทิตย์ คุณค่าทางโภชนาการของหัวบีทรูทดิบ คุณค่าทางโภชนาการของหัวบีทรูทดิบต่อ 100 กรัม โดยคิดเป็น % ร้อยละของปริมาณแนะน าที่ร่างกาย ต้องการในแต่ละวันส าหรับผู้ใหญ่ ให้พลังงาน 43 กิโลแคลอรี


สารออกฤทธิ์ส าคัญ สารบีทานิน (Betanin) เป็นสารสีแดงที่อยู่ในหัวบีทรูท เป็นกรดอะมิโน ช่วยยับยั้งโรคมะเร็งและลดการ เติบโตของเนื้องอกได้ ท าให้เลือดลมและระบบการไหลเวียนของเลือดท างานได้ดีมากขึ้น สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) เป็นสารสีม่วง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดสารก่อมะเร็งและช่วยลด ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและอัมพาต


Click to View FlipBook Version